“มี่! นี่มัน...”
ดิฐกรอุทานลั่น หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตัวชาไปหมดเมื่อเห็นของที่อยู่ในกล่อง แท่งตรวจครรภ์ที่มีขีดสีแดงขึ้นชัดสองขีด เขาไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้จักว่ามันคืออะไร
“มี่ท้อง! ลูกของพี่”
มิรันดาโพล่งออกไป สองมือเย็นเฉียบกุมกันไว้แน่น ตามองอาการตกใจของอีกฝ่ายอย่างลุ้นและรู้สึกผิดไปพร้อมกัน
“มี่...”
“มี่ตั้งใจจะให้เป็นของขวัญวันเกิดเซอร์ไพร์สพี่”
เซอร์ไพร์สเหรอ...ใช่ตอนนี้เขาทั้งเซอร์ไพร์สและงุนงงเหมือนโดนชกสมองจนมึนชาไปแล้ว
เขาอยากเว้นระยะห่างกับเธอเพื่อสำรวจหัวใจ แต่เธอกลับบอกว่ากำลังมีลูกกับเขาเสียนี่ เขาควรดีใจที่มีลูก แต่ทำไมนะ มันถึงไม่ได้รู้สึกดีใจอย่างที่คิด
“พี่รู้แบบนี้แล้ว ยังจะขอเลิกกับมี่อยู่อีกไหม” เธอท้าวัดใจเขาไปตรงๆ ต่อให้ไม่รักเธอแล้ว แต่เขาก็ควรรักเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองบ้างสิ
“มี่...พี่ขอเวลาหน่อย พี่ขอเวลาคิดหน่อยได้ไหม”
คำนั้นของเขาทำให้หญิงสาวสตั้นไปชั่วขณะ
“คิดเหรอ พี่จะคิดอะไร หรือยังคิดจะทิ้งมี่กับลูก ไปอยู่ห่างกันสักพักอีกงั้นเหรอ นี่พี่จะทิ้งพวกเราได้ลงคอจริงเหรอ”
“ไม่! ไม่ใช่ พี่ไม่ได้ทิ้งมี่กับลูก ก็แค่...” ดิฐกรยกมือปาดเลือดที่หางคิ้ว ก่อนจะสบถแรงๆ ออกมา
“โธ่เว้ย!”
มิรันดาผงะ ใจหายวาบ
“มี่ท้องได้ยังไง ก็ไหนว่ากินยาคุมไม่ขาดไม่ใช่เหรอ พี่ก็ป้องกันทุกครั้งนี่นา”
คำถามนั้นทำให้คนถูกถามถึงกับสะท้านไปทั้งตัว นี่เขากำลังโยนความผิดให้เธองั้นเหรอ
“นี่พี่จะโทษว่ามี่ตั้งใจปล่อยท้องงั้นเหรอ”
“เปล่า พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ว่า...พี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานหรือมีลูกตอนนี้ มี่เข้าใจพี่หน่อยได้ไหม”
มิรันดาสะอึกเมื่อได้ฟังเหตุผลห่วยแตกของเขา คำว่าไม่พร้อมนั่นคืออะไร
“พี่ไม่พร้อมแต่งงาน ไม่พร้อมมีลูก แต่พร้อมจะไปจากมี่ นี่หรือเปล่าที่พี่อยากให้มี่เข้าใจ” หญิงสาวเอ่ยทั้งน้ำตาที่ไหลรินกลบภาพคนรักตรงหน้าจนมองไม่เห็นความรักในแววตาคู่นั้นอีกแล้ว
คนหนึ่งใจหมดรัก แต่อีกคนกลับยังรักหมดใจ ใครควรเจ็บกว่าถ้าไม่ใช่เธอ
“มี่...วันนี้เราพูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว พี่ว่ามี่ไปนอนก่อนดีกว่า ไว้อารมณ์ดีๆ เราค่อยมาพูดกันอีกทีเรื่องลูก” ดิฐกรเอาน้ำเย็นเข้าลูบเมื่อเห็นน้ำตาแห่งความเจ็บปวดของอีกฝ่าย
“พูดกันให้รู้เรื่องตอนนี้เลยดีกว่า ในเมื่อพี่รู้ว่ามี่กำลังจะมีลูก พี่ก็ยังอยากไปอยู่ใช่ไหม”
คำถามนั้นแทงใจดำของเขาอย่างจัง จนปฏิเสธไม่ได้
“มี่...”
มิรันดาเหยียดยิ้มทั้งน้ำตา เพียงแค่มองตาเธอก็ได้คำตอบจากเขา อยู่กันมาสี่ปีไม่นับที่คบกันมาตอนสมัยเรียนอีก เธอรู้ใจเขาทุกอย่าง แค่มองตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร รู้สึกยังไง ไม่ต้องพูดออกมาด้วยซ้ำ
“งั้นพี่ก็ไปเถอะ อยากจะอยู่ห่างแค่ไหน เอาที่พี่สบายใจเลย ไม่ต้องห่วงมี่ ของขวัญชิ้นนี้ในเมื่อพี่ไม่ต้องการงั้นก็ทิ้งไปเถอะ”
พอขาดคำ หญิงสาวก็คว้ากล่องของขวัญและที่ตรวจครรภ์เดินไปทิ้งที่ถังขยะต่อหน้าเขา พร้อมกับถอดสร้อยรูปหัวใจแทนความรัก ของขวัญวันเกิดที่เขามอบให้ ก่อนเดินตรงมาที่ร่างสูงอีกครั้ง และจับมือของเขาแบออก พร้อมกับวางมันลงไปบนฝ่ามือนั้นด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
“มี่...”
“ถ้าพี่ไม่ต้องการมี่แล้ว งั้นเราก็เลิกกันเถอะ” ประโยคนั้นราวกับคมมีดกรีดใจทั้งคนพูดและคนฟังจนฉีกขาดย่อยยับ
ดิฐกรมองสร้อยในมืออย่างร้อนรุ่ม เขาไม่ได้ต้องการให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ จริงอยู่ที่เขายังไม่อยากแต่งงาน ไม่พร้อมมีลูก แต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้อยากเสียเธอไป
“วันนี้เราคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว รอให้ใจเย็นกว่านี้ ค่อยมาคุยกันอีกทีเถอะนะ”
“มี่ไม่ได้ท้องหรอก” จู่ๆ เธอก็ตัดสินใจเอ่ยขึ้น
“ว่าไงนะ!”
“นั่นที่ตรวจครรภ์ปลอม มี่ก็แค่อยากลองใจพี่ ว่าถ้าเรามีลูกด้วยกันแล้วพี่จะแต่งงานกับมี่ไหม แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าต่อให้มีลูกด้วยกัน เมื่อคนหมดใจแล้วมันก็ไร้ประโยชน์”
“หมายความว่ามี่โกหกพี่งั้นเหรอ”
“...”
หญิงสาวยืนนิ่ง ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร นอกจากน้ำตาที่ไหลอาบแก้มไม่ขาดสาย เธอไม่ได้ฟูมฟายหรือโวยวายใส่เขาด้วยซ้ำ แต่ความนิ่งเฉยเมยนี้กลับบีบรัดหัวใจเขามากกว่า
“งั้นวันนี้พี่จะไปนอนบ้านไอ้รามแล้วกัน”
ชายหนุ่มตัดสินใจหนีไปตั้งหลัก คิดว่าเป็นวิธีที่ดีกว่าทะเลาะกันแบบนี้
“สร้อยเส้นนี้พี่ให้มี่แล้ว พี่ไม่เอาคืน” เขายื่นสร้อยในมือคืนให้คนรัก แต่เธอกลับยืนนิ่งไม่ยอมรับ เขาจึงตัดปัญหาด้วยการวางมันบนโต๊ะอาหารที่มีเค้กวันเกิดและอาหารเย็นชืดวางอยู่
“เดี๋ยวค่ะ อย่าเพิ่งไป” เธอเอ่ยพลางเดินไปหยิบของในลิ้นชักเก็บของและเดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร มันคือไฟแช็กนั่นเอง หญิงสาวใช้ไฟแช็กนั่นค่อยๆ จุดเทียนวันเกิดให้เขาทีละเล่มๆ จนครบ
“เป่าเทียนวันเกิดก่อนสิคะ ถึงมันจะเลยวันไปแล้ว แต่มี่ก็ตั้งใจทำเค้กนี่ให้พี่”
ดิฐกรใจวิบหวิวกับคำพูดของคนรัก
“มี่...”“เป่าเทียนสิคะพี่ดิว” หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาพลางยื่นเค้กในมือไปตรงหน้าเขา ทำให้อีกฝ่ายนิ่งอึ้งไป หากสุดท้ายชายหนุ่มก็ยอมทำตามที่เธอต้องการเทียนวันเกิดค่อยๆ ดับทีละเล่มสองเล่มจนท้ายที่สุดก็ดับจนหมด ราวกับความรักของเขาที่มีต่อเธอที่ตอนนี้มันคงมอดจนไม่เหลืออีกต่อไป“สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ดิว”“อืม...งั้นพี่ไปก่อนนะ มี่ก็รีบพักผ่อนได้แล้ว”มิรันดายิ้มเย็นชา เธอจะนอนหลับลงได้อย่างไรในคืนนี้ เขาช่างพูดง่ายเหลือเกิน ไม่สิ เธอต่างหากที่ง่าย ง่ายจนเขาไม่เห็นค่า อยากทิ้งก็ทิ้งกันได้ลงคอ“พี่ดิวคะ...คำถามสุดท้าย พี่ยังรักมี่อยู่ไหม”คำถามนั้นทำให้คนที่กำลังหันหลังจะเดินจากไปชะงักเท้านิ่งกับที่ แต่ไม่ได้หันกลับไปมองด้านหลังเกรงว่าเขาจะใจอ่อน“ไม่รู้สิ ตอนนี้พี่เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”พูดจบเขาก็เปิดประตูเดินออกไปโดยไม่เหลียวหลัง ทิ้งให้คนที่เหลืออยู่มองตามหลังเขาไปจนลับตา ก่อนที่เธอจะเข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรงในคำตอบที่ได้ยินในที่สุดสิ่งที่เธอกลัวมาตลอดก็เกิดขึ้นหลังจากเสียพ่อแม่และยายไป ดิฐกรก็เป็นหลักยึดเดียวในชีวิต แต่ตอนนี้หลักที่ว่าก็ดันไม่มั่นคงเสียแล้วมิรันดาร้องไห้โ
มิรันดารู้สึกตัวตื่นอีกครั้งเพราะถูกปลุกด้วยสัญญาณผิดปกติบางอย่างในร่างกาย“อุ๊บ! อุแหวะ...”หญิงสาวโก่งคออาเจียนจนหมดไส้หมดพุง ลำคอขมปร่าไปหมด อาการคลื่นเหียนวิงเวียนเล่นงานเธอจนแทบคลานอย่างหมดสภาพนี่เธอเป็นอะไรอีกล่ะ หรือโรคกระเพาะจะถามหาเข้าให้แล้ว อะไรก็ช่าง แต่ตอนนี้ใครก็ได้ช่วยปิดสวิตช์อ้วกเธอก่อนได้ไหม ก่อนที่ตับไตไส้พุงเธอจะไหลออกมากองที่ชักโครกนี่เสียงโทรศัพท์ดังแว่วมาจากที่ใดที่หนึ่งในห้อง ทำให้หญิงสาวที่กอดชักโครกอย่างอ่อนแรงชะงักกึกหรือจะเป็นเขา ดิฐกรอาจจะคิดได้แล้วจึงโทรหาเธอใช่ไหม เขาจะโทรมาง้อเธอใช่ไหมหญิงสาวเผลอยิ้มก่อนรวบรวมเรี่ยวแรงอันน้อยนิดตะเกียกตะกายไปตามหาโทรศัพท์ด้วยความหวัง แต่เมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์หน้าจอ ความหวังที่มีก็พังทลายไม่ใช่เขา แต่เป็น...“ฮัลโหลมี่ สายป่านนี้แล้วทำไมยังไม่มาทำงานอีก เป็นอะไรหรือเปล่า”เสียงหัวหน้างานจอมเฮี้ยบทำให้มิรันดาหันไปมองนาฬิกาที่บอกว่าเธอตื่นสายมากกว่าปกติ“ขอโทษค่ะหัวหน้า พอดีมี่ไม่ค่อยสบาย”“แล้วทำไมไม่โทรบอกพี่ก่อน ว่าแต่เป็นอะไรล่ะ”“มี่ก็ไม่แน่ใจค่ะ ตั้งแต่เช้าก็อาเจียนไม่หยุดเลย แถมยังหวิวๆ หน้ามืดเหมือนจะเป็นลมด้วย
“แล้วแกจะเอาไง จะเลิกกันทั้งที่มีลูกด้วยกันแบบนี้เหรอ”คำถามนั้นมิรันดาก็ถามตัวเองตั้งแต่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นแม่คนแล้ว แต่กลับไม่มีคำตอบอื่นใดนอกจาก...“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น เพราะฉันคงไม่เอาลูกออกแน่ เขาไม่อยากได้ก็ช่าง ลูกฉันทั้งคน ฉันเลี้ยงเองก็ได้”“แต่เลี้ยงลูกคนเดียวมันเหนื่อยนะเว้ย กว่าจะโตต้องใช้เงินเท่าไหร่ แกดูฉันสิ ขนาดมีคนช่วยเลี้ยงทั้งผัว ทั้งพ่อแม่ผัว พ่อแม่ตัวเอง ไหนจะจ้างพี่เลี้ยงอีก ฉันยังแทบสลบเลย ตั้งแต่มีลูกมาฉันแทบไม่รู้จักคำว่านอนตื่นสาย ไม่ได้ช็อปปิ้งเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าเลยเพราะต้องเก็บเงินให้ลูก ฉันว่าแกลองคุยกับผัวแกอีกทีดีกว่า เป็นซิงเกิ้ลมัมมันไม่ง่ายอย่างที่คิดนะแก”มิรันดาคิดภาพตามที่เพื่อนสาธยายก็แอบนึกหวั่นใจ แต่เมื่อนึกถึงผัวเฮงซวยที่ตัดรอนเธออย่างเลือดเย็นในวันนั้นขึ้นมา หญิงสาวก็ถอนใจ“ไม่คุยแล้วล่ะ แกมาช่วยฉันหาที่อยู่ใหม่ดีกว่า”“อะไร แกจะย้ายออกจากคอนโดนี้งั้นเหรอ” คนเป็นเพื่อนถามเสียงดังลั่น“ก็นี่มันคอนโดเขา ชื่อเขา เขาเป็นคนดาวน์คนผ่อนนี่นา เลิกกันแล้วฉันจะหน้าด้านอยู่ที่นี่ได้ไง เกิดเขามีเมียใหม่แล้วพาเข้ามา ฉันจะทำไงล่ะ อยู่แบบเป็นส่วนเกิ
คอนโดที่นิลุบลพาเธอไปดูนั้นถือว่าสภาพดีมากเกินกว่าราคาเช่า เพราะเจ้าของอยู่เอง แต่เมื่อต้องไปทำงานที่เมืองนอกก็ไม่อยากปล่อยทิ้งไว้ พอรู้ว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของนิลุบลที่เป็นญาติทางสามีกัน ก็เลยตกลงให้เช่าง่ายๆ โดยไม่เก็บมัดจำเย็นวันนั้นมิรันดาก็ตัดสินใจเซ็นสัญญาเช่าทันที พร้อมกับตอบแทนเพื่อนรักที่ช่วยหาที่อยู่ใหม่ให้ด้วยการพาไปกินชาบูที่ร้านโปรดหลังจากรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ เธอก็กลายเป็นคนกินจุ กินดุขึ้น อาการแพ้ท้องนั้นไม่รุนแรงมากเท่าตอนแรกแล้ว ทำให้เธอใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆ ดูเหมือนลูกจะปรานีเธอตามที่ร้องขอไป แต่ก็ไม่รู้ว่าคำขอเธอจะทำให้พ่อของลูกโดนเล่นงานด้วยอาการแพ้ท้องแทนหรือไม่“แก...นั่นกระเทียมนะ” นิลุบลเอะอะ เมื่อเห็นเพื่อนสาวตักกระเทียมใส่ในน้ำจิ้มชาบู“แล้วไงแก” คนพูดถามพลางตักน้ำจิ้มเข้าปากเพื่อชิมรสชาติ“แกไม่เหม็นกระเทียมเหรอ”“ไม่นี่...อร่อยดี ฉันชอบกิน”คำบอกเล่านั้นทำเอาคนเคยผ่านการตั้งครรภ์มาก่อนสองหนถึงกับตาโตเท่าไข่ห่าน“ทำไมเหรอ” มิรันดาถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นอาการนั้นของเพื่อน“แกไม่รู้อะไร ตอนฉันท้องนะ ได้กลิ่นกระเทียมนิดเดียวก็อ้วกแตกอ้วกแตนไปสามสี่วัน เหม็นจะแย
“พี่รู้เหรอว่ามี่กำลังคิดอะไร”“มี่...อย่างี่เง่าได้ไหม ขอร้อง” ดิฐกรบ่นอย่างหงุดหงิด“งี่เง่าเหรอ...มี่งี่เง่า แล้วพี่ล่ะเรียกอะไร เพราะผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมที่ทำให้พี่อยากเลิกกับมี่ เพื่อนร่วมงานเหรอ แอบกินกันไปกี่รอบแล้วล่ะ แล้วเขารู้หรือเปล่าว่าพี่มีแฟนแล้ว หรือว่าถึงรู้ก็ยังจะแย่งผัวคนอื่น”“พอได้แล้วมี่!” ดิฐกรตวาดใส่อย่างเหลืออด “มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เอาเวลาที่มาสงสัยพี่ไปดูตัวเองเถอะ เพราะมี่เป็นแบบนี้ไง พี่ถึงเบื่อ แม้แต่บ้านก็ยังไม่อยากกลับ”มิรันดาถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำนั้นของเขา“เบื่อมากไหม”“มากสิ...” ชายหนุ่มตอกกลับก่อนรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของอีกฝ่าย“ก็ได้... ถ้าเบื่อมากนัก งั้นต่อไปมี่จะไม่มาให้พี่เห็นหน้าอีกแล้วกัน อยากจะไปเอากับใครก็เชิญเลย”ประโยคนั้นทำให้ดิฐกรแอบใจหาย มองหน้าคนพูดนิ่งค้าง เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ ไม่ได้อยากเลิกกับเธอแบบนี้ ก็แค่อยากห่างกันสักพักให้เขาได้รู้ใจตัวเอง แต่เธอกลับขอเลิก“อ้อ...อีกเรื่อง เงินฝากที่เราฝากร่วมกันน่ะ ถ้าพี่จะเลิกก็โอนส่วนของมี่คืนมาแล้วกัน จากนั้นก็ทางใครทางมัน”มิรันดาตัดสินใจออกปาก ในเมื่อเขามีคนอื่นแล้
ทั้งที่เขาไม่เคยบอก แต่เธอก็ช่างสังเกตและรู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไรเสมอ ความใส่ใจของเธอทำให้เขาเคยตัว และชินกับการที่มีอีกฝ่ายอยู่ จนสุดท้ายก็เป็นความเบื่อหน่าย แล้วก็จบที่การแยกย้ายอย่างที่เกิดขึ้นเขาควรตามเธอไป หรือไม่ก็ขอให้มิรันดาทบทวนการตัดสินใจอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะความโมโหที่ถูกอีกฝ่ายทวงเงินราวกับเขาเป็นลูกหนี้“คิดอะไรอยู่เหรอคะพี่ดิว ทำไมพี่ไม่ทานอะไรเลยล่ะคะ”จะให้กินอะไรเล่า บนโต๊ะมีแต่ซาซิมิ ของดิบทั้งนั้น หรือซูชิที่สั่งมาก็เป็นหน้าปลาสด กุ้งสด หมึกสด ปลาไหล อูนิ แล้วก็อะไรหน้าตาแปลกๆ เขากินได้ที่ไหนกัน“มาค่ะ ลองชิมอันนี้ดีกว่า เห็นว่าเป็นเมนูแนะนำของเดือนนี้เลยนะคะ ซาชิมิปลาฮามาจิสดๆ เนื้อหวานนุ่มมากเลยนะคะ”ไม่พูดเปล่า หญิงสาวยังหวังดีคีบปลาที่ว่าปาดวาซาบิกับโชยุมาจ่อให้ถึงปากอย่างเอาใจ ทำให้ดิฐกรยากจะปฏิเสธ เลยจำต้องอ้าปากรับอย่างเสียไม่ได้ แต่ทว่าพอเนื้อปลาดิบแตะที่ลิ้นเท่านั้น ความพะอืดพะอมก็พลันมาเยือน จนจะต้องรีบคายอาหารในปากออกมาแทบไม่ทัน“อุ๊บ!”“พี่ดิวเป็นอะไรคะ นี่ค่ะน้ำดื่มก่อนนะคะ”ดิฐกรรีบคว้าแก้วชาเขียวขึ้นดื่มพรวดๆ แต่ทว่าแทนที่จะช่วยให้ดีขึ้น รสคา
“ไอ้ดิว นี่มึงไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องบ้างหรือไงวะ” พิรามถามเมื่อเห็นเพื่อนรักที่อพยบมาขอนอนที่บ้านเขาอยู่พักใหญ่แล้วดิฐกรถอนหายใจหนักๆ ก่อนเงยหน้าจากโทรศัพท์ที่ไม่มีข้อความหรือใครโทรมาหลายวันแล้ว หลังจากวันที่เจอเธอที่ร้านอาหารญี่ปุ่น มิรันดาก็หายเงียบไปเลยทั้งที่เมื่อก่อนข้อความของเธอ หรือการโทรจิกเขาวันละหลายรอบมันทำให้เขาแสนจะรำคาญ หลายครั้งที่งานกำลังยุ่งๆ แต่อีกฝ่ายก็ส่งข้อความเข้ามาถี่ยิบ เพื่อถามคำถามเดิมๆกินข้าวหรือยังเย็นนี้อยากกินอะไรวันนี้พี่จะกลับกี่โมงทำไมไม่รับสาย ทำไมไม่ตอบไลน์...และอีกสารพัดคำถามที่เธอจะส่งมาให้เขาทั้งวัน แรกๆ ก็ขยันตอบหรอก แต่หลังๆ มันก็น่าเบื่อที่ต้องมาตอบคำถามอะไรซ้ำๆ ซากๆ ทุกวี่ทุกวันแต่มาตอนนี้โทรศัพท์เขามันว่างเปล่าข้อความสุดท้ายที่เธอส่งมาตั้งแต่ตอนวันเกิดเขา“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ” พิรามถามเมื่อเห็นสีหน้าปั้นยากของเพื่อนรัก“นี่อย่าบอกนะว่ายังไม่คืนดีกับเมียอีกเหรอ”“เปล่า...เราเลิกกันแล้วต่างหาก” คำตอบที่แสนเนือยนั้นทำคนฟังอ้าปากค้าง“หา! เลิกกันแล้วเนี่ยนะ ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ก็ไหนว่าแค่ห่างกันสักพักไง”คนถูกถามถอนหายใจอีกเฮือก
“นี่มันวันที่เท่าไหร่แล้วน่ะดาว”“วันที่ยี่สิบเก้าแล้วค่ะพี่ ถามทำไมเหรอคะ”“กรรม งั้นหวยงวดก่อนก็ออกไปแล้วสิ พี่ลืมสนิทเลย”จะไม่ให้ลืมได้อย่างไร ในเมื่อช่วงนี้ราหูเข้าเธอชุดใหญ่ขนาดนั้น พอเลิกกับดิฐกรไป ชีวิตเธอก็เหมือนคนเสียศูนย์ ว่าจะทำใจให้ได้ แต่พอคิดถึงคำพูดเขาขึ้นมาทีไร ไหนจะภาพบาดตาในวันนั้น เธอก็อดเสียใจไม่ได้“งั้นบอกตัวเลขมาสิคะ เดี๋ยวหนูช่วยตรวจให้”มิรันดาพยักหน้า พลางล้วงกระเป๋าสะพายหยิบลอตเตอรี่ออกมา“557990”“5-5-7-9-9-0 เหรอคะ อืม...” ดาวทวนคำก่อนพิมพ์ตัวเลขลงไปในระบบที่ตรวจลอตเตอรี่ ก่อนที่ข้อความสีเขียวสดใสจะเด้งขึ้นมาบนหน้าจอยินดีด้วยค่ะคุณถูกรางวัล!“หืม...”คนตรวจเพ่งตามองอีกครั้ง ก่อนกรีดร้องเสียงหลง“กรี๊ดดด พี่มี่คะ พี่ถูกหวย!”“หา! จริงเหรอ รางวัลไหนน่ะ”คำนั้นทำให้เจ้าของหวยตาโต รามือจากงานที่ทำรีบเผ่นมาดูที่หน้าจอมือถือของเพื่อนรุ่นน้องที่เบิกตาค้างอย่างตะลึงงันจนพูดไม่ออกเมื่อเห็นข้อความที่โชว์ขึ้นมาหน้าจอ“พะ...พี่มี่ ระ...รางวัลที่หนึ่ง หะ...หกล้านพี่!”“หา! ว่าไงนะ...” มิรันดาอ้าปากค้าง รีบก้มลงมองข้อความตรงหน้าซ้ำอีกครั้งอย่างไม่เชื่อหูไม่ผิด! ตัวเล
“พ่อคะ จริงๆ เรื่องนี้ไม่มีอะไรเลยนะคะ แคทอธิบายได้”“แล้วที่ลูกกับตาดิวมีอะไรกันแล้ว เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า” มาคำถามแรกก็ยิงเข้าประเด็นทันที สมแล้วที่เป็นพ่อเธอ หญิงสาวกลืนน้ำลายฝืดคอ“เอ่อคือ...” สาวมั่นเริ่มอึกอัก รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เมื่อมองไปรอบห้องที่ตอนนี้พุ่งเป้ามาที่เธอ นี่มันยิ่งกว่าโดนตำรวจสอบปากคำเมื่อกี้นี้เสียอีก“คิดให้ดีก่อนตอบ เพราะถ้าพ่อจับได้ทีหลังว่าโกหก ลูกก็รู้ว่าจะเป็นยังไง” เสียงเรียบนิ่ง ดุในที ทำให้คนเป็นลูกนึกขยาดเธออาจจะมั่นหน้ากับใครทั้งโลกก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่กับบิดาของตัวเอง ความมั่นใจในตัวไม่เคยมีผล ทุกครั้งที่เธอคิดจะโกหก ต่อให้เนียนแค่ไหน เนียนชนิดคนทั้งโลกไม่มีทางจับไต๋ได้ แต่สุดท้ายก็โดนพ่อจับโป๊ะได้ทุกที เรียกว่าแพ้ทางก็ว่าได้หญิงสาวหันไปสบตาผู้สมรู้ร่วมคิดอย่างหนักใจ เห็นไหม เธอก็เตือนแต่แรกแล้วว่าอย่ามาๆ เขาก็ยังดื้อแพ่งจะมา แล้วไงล่ะเนี่ย หัวจะปวด“ว่าไงตาดิว เธอเป็นลูกผู้ชายคงไม่คิดโกหกผู้ใหญ่หรอกใช่ไหม” คุณราเมศร์เบนเข็มไปทางชายหนุ่มด้วยสีหน้าจริงจังปฏิเสธไปสิ อย่ายอมรับง่ายๆ นะลูกพี่ อย่า...“ใช่ครับ เราสองคนมีอะไรกันแล้ว”“เห็นไหมคะพ่อ เรื่อ
เวลาต่อมา สองหนุ่มสาวก็มาถึงถ้ำเสือ แคทรียาหันไปมองเพื่อนร่วมชะตากรรมที่นั่งทำหน้าเหมือนคนท้องผูกมาตลอดทาง“ถ้าอยากเปลี่ยนใจ จะกลับตอนนี้ก็ยังทันนะคะ”ดวงตาคมเข้มตวัดมองสบตาหญิงสาว“เธอรู้ได้ยังไงว่าพี่อยากเปลี่ยนใจ”“อ้าว! ก็แคทไม่ได้โง่นี่นา เห็นพี่นั่งทำหน้าเป็นตูดมาตลอดทางก็รู้แล้วว่าไม่เต็มใจ”“รู้ดีจริงนะ”“เฮ้อ...ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นว่าพี่น่ะหวงความโสดจะตาย พี่ไม่อยากแต่งงานกับแคท เลยหนีการดูตัวทุกครั้ง แล้วแคทเองก็ไม่ได้อยากแต่งงานกับคนที่ไม่รักกันแบบพี่ด้วย แต่ถ้าขืนเราเข้าไปเจอพ่อตอนนี้แล้วโดนพ่อแคทมัดมือชกบังคับให้เราสองคนแต่งงานกันล่ะ พี่ดิวจะว่ายังไง” หญิงสาวแกล้งขู่ทีเล่นทีจริง“พี่ก็รู้นี่ว่าพ่อแคทเป็นพวกหัวโบราณสุดๆ ขืนรู้ว่าที่ผ่านมาพวกเราแอบแซ่บกันแล้วตั้งหลายครั้ง มีหวัง...ชึ้บ!” หญิงสาวทำท่าเอานิ้วชี้ปาดคอตัวเองด้วยสีหน้าสยองขั้นสุด“ในเมื่อเธอก็โสดแล้ว พี่เองก็ไม่มีใคร ถ้าต้องแต่งกันจริงๆ ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่”“อย่ามาล้อเล่น หน้าสิ่วหน้าขวานนะคะ นี่แคทซีเรียส นะ พวกเราก็แค่แกล้งๆ คบกันตบตาชาวบ้าน เพื่อจะได้ไม่ต้องถูกพ่อแม่จับคลุมถุงชน ถ้าขืนแต่งงานกันก็ผิดวัตถุประสง
“ก็ถ้ารู้ว่าต้องเสียค่าปรับแบบนี้ แคทน่าจะแถมให้อีตาบ้านั่นอีกสักหมัดสองหมัด เจ็บใจนัก”หญิงสาวบ่นอุบ จนคนฟังถึงกับส่ายหน้า ขืนไม่รีบสลบเหมือดคาที่สิ มีหวังเจ้าวรพลนั่นคงเดี้ยง ไม่ก็คงได้จองเมรุไปแล้ว แต่ถึงกระนั้นเจ้าหมอนั่นก็คงเข็ดขยาดไปไม่น้อย เมื่อเจอตอสุดแสบอย่างแคทรียาคนนี้ เห็นตัวผอมๆ เพรียวๆ ใครจะคิดว่าเจ้าหล่อนจะแรงเยอะเอาเรื่องใช่ย่อย เล่นเอาผู้ชายตัวโตกว่าสลบคาที่ไม่พอ แม่ตัวดียังขอแจ้งความลงบันทึกประจำวันเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายมารังควานเธออีกแต่กระนั้นเขาก็ยังไม่วางใจเมื่อเห็นแววตาอาฆาตจากอีกฝ่ายก่อนที่จะยอมแยกย้ายกลับไปแบบมือเปล่า“คิดอะไรอยู่เหรอคะพี่ดิว”“เมื่อกี้เธอเห็นสายตาของไอ้หมอนั่นไหม พี่ว่าท่าทางมันไม่น่าไว้ใจนะ ระหว่างนี้เธออย่ากลับไปพักที่คอนโดนั่นจะดีกว่านะ เพื่อความปลอดภัย”“พี่เป็นห่วงแคทด้วยเหรอคะ”“น้อยๆ หน่อย อย่าหลงตัวเอง...” แคทรียาเบ้ปากใส่“ไม่ให้พักที่คอนโดตัวเองแล้วจะให้ไปนอนที่ไหน ช่วงนี้แคทไม่อยากกลับไปนอนที่บ้านนี่นา”“งั้นก็ไปพักที่คอนโดพี่ก่อนแล้วกัน” หญิงสาวหันไปทำตาโตใส่คนใจป้ำ“ไปนอนคอนโดพี่เนี่ยนะ นี่ไม่ได้คิดมิดีมิร้ายหรือมีจุดประสงค์แ
เมื่อขาเรียวสวยเสยเข้าที่ปลายคางของอีกฝ่ายอย่างจังจนสลบเหมือดกลางอากาศ ท่ามกลางสายตาไทยมุงทุกคนมองภาพนั้นตาค้าง ดิฐกรถึงกับอึ้ง เสียวทั้งเป้ากางเกงและปลายคางวาบ ชักรู้สึกเห็นใจไอ้หมอนั่นขึ้นมาหน่อยๆ แต่มันก็สมควรโดนแล้ว“อูย...” แคทรียาแอบครางเบาๆ ความโมโหทำให้เธอลืมตัวไปว่าเธอยังไม่หายระบมจากศึกหนักบนเตียงเมื่อคืน“เป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหม” ดิฐกรรีบเข้าไปประคองหญิงสาวไว้ด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรค่ะ สะใจชะมัด เสียดายไม่น่ารีบใจเสาะสลบเหมือดแบบนี้เลย ไม่งั้นแคทจะได้จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบให้อีกสักยกเอาให้เข็ดหลาบ ปากดีนัก”“พอเถอะ แค่นี้ก็ไม่รู้จะฟื้นตอนไหนแล้ว เธอไปเรียนต่อยมวยมาจากไหนนี่”“ไม่ใช่แค่ต่อยมวยนะคะ เทควันโด้ ยูโด คาราเต้ ฟันดาบ หรือว่ายิงปืนแคทก็ได้เหรียญทองมาแล้วทั้งนั้น”ดิฐกรฟังแม่ตัวยุ่งบรรยายสรรพคุณตัวเองอย่างอึ้งทึ่งเสียว ดวงตาคมกริบเหลือบมองวรพลที่นอนนิ่งหายใจรวยรินอย่างเห็นใจระคนสมเพชเวทนา หมอนี่มันจะรู้ไหมว่ามาแหยมผิดคน“แคทล้อเล่นค่ะ อย่าบอกนะว่าพี่เชื่อด้วย” หญิงสาวหัวเราะออกมาอย่างสดใส พลางคลี่ยิ้มหวานใส่ตาของเขา จนทำเอาดิฐกรถึงกับตาพร่าไปชั่วขณะ ความคิดหน
วรพลมองภาพหน้าจอตาค้าง เหงื่อกาฬผุดเต็มหน้าเมื่อเห็นหลักฐานที่มัดตัวเขาแน่นทั้งคลิปทั้งรูปถ่ายจนดิ้นไม่หลุด แก้ตัวไม่ออก แต่เขาก็ฝืนดังทุรัง“ก็แค่คนหน้าเหมือนหรือเปล่า ถ่ายไกลขนาดนั้น คุณอย่าเชื่ออะไรง่ายๆ สิ”“หน้าเหมือนหรือหน้าด้านยะ คลิปกับรูปนั่นฉันเห็นเองกับตา ถ่ายเองกับมือ เดินตามดูจนแน่ใจว่าไม่ผิดตัว ไม่ได้ตัดต่อด้วย อ้อ! แล้วฉันก็ยังโทรเช็กเองด้วย จำได้ว่าคุณบอกติดประชุมที่บริษัท แต่กลับมาจู๋จี๋กับกิ๊กที่ร้านอาหารญี่ปุ่น จะเอาหลักฐานอะไรอีกไหม ไงล่ะ ถึงกับอึ้งไปเลยเหรอ”วรพลถึงกับหน้าซีดเมื่อถูกจับโป๊ะจนไปไม่เป็น“มะ...มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ แคทที่รักฟังผมก่อน ผมอธิบายได้นะดาร์ลิง”“จะอธิบายว่าไงล่ะ อธิบายว่าทำไมถึงนอกใจฉันไปมีกิ๊กงี้เหรอ ไงล่ะ พอโดนสวมเขา เห็นแฟนตัวเองนอกใจมีกิ๊กบ้างถึงกับรับไม่ได้เลยหรือไง”“แคท ไม่ใช่อย่างนั้นนะ”“แล้วมันยังไงล่ะ ที่ผ่านมายังตอแหลไม่พออีกหรือไง จะเลิกตอแหลกี่โมงเนี่ย ฉันขี้เกียจฟังคำแก้ตัวแล้ว เสียเวลาชีวิต นายไม่ได้มีค่ามากพอขนาดนั้นหรอกนะ รู้ไว้ด้วย ที่ผ่านมาฉันก็แค่เวทนาเก็บงูเห่ามาเลี้ยง แต่ดันเลี้ยงไม่เชื่อง จากนี้ไปก็ทางใครทางมันแ
“น้อยๆ หน่อย ค่าตัวพี่แรงนะ เธอจะจ่ายไหวเหรอ ไอ้ประเภทจ่ายพันสองพันแล้วคิดจะใช้งานกันเกินคุ้มน่ะ เลิกคิดเลิกฝันได้” เขาเหน็บแนมคนที่เคยควักจ่ายค่าตัวเขาสองพันแล้วชิ่งหนี“แรงน่ะเท่าไหร่คะ แคทมีปัญญาจ่ายแล้วกัน หรือจะให้สแกนคิวอาร์โค้ดตอนนี้เลยก็ได้”“ปากดีแบบนี้ ระวังต้องจ่ายจนหมดตัว”แคทรียาย่นจมูก มองคนขี้อวดอย่างหมั่นไส้“อย่าเวอร์ค่ะ พี่ก็แค่ของมือสองใช้มาจนเยินแล้วด้วย จะมาโก่งค่าตัวทำไม แถมตอนนี้ก็มีตำหนิเต็มตัวด้วย ใครจะไปอยากได้ ขายเซียงกงจะรับไหมก็ไม่รู้เลย ฮึ”ดิฐกรฟังแล้วอยากดีดปากแม่ตัวดีให้บวมเจ่อ โทษฐานที่บังอาจมาดิสเครดิตว่าเขาเป็นของมือสองใช้แล้วแถมมีตำหนิอีก อย่างนี้ต้องเจอดีเสียแล้ว “ว้าย! พี่ดิวจะทำอะไร เดี๋ยวน้องตก”แคทรียาเอะอะ เมื่อจู่ๆ ก็ถูกช้อนอุ้มขึ้นจากเตียงกะทันหัน จนเธอต้องรีบโอบรอบคอเขาไว้กันตก“เดี๋ยวก็รู้!”ว่าแล้วเขาก็อุ้มเธอเข้าไปในห้องน้ำ แล้ววางลงในอ่างจากุซซี่เพื่อเริ่มต้นทำการทดสอบคุณภาพสินค้ากันอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม จนหญิงสาวแทบสำลักความสุขส่งเสียงครวญครางออกมาไม่ขาดปาก กว่าที่การทดสอบสินค้าจะสิ้นสุดก็กินเวลาจนเกือบเที่ยง ดิฐกรถึงอุ้มเธอออกม
ดีเท่าไหร่เขาไม่บีบคอเธอตายคามือโทษฐานที่ย่ำยีร่างกายบุรุษจนลายพร้อยไปทั้งตัว นี่ยังไม่นับใต้ร่มผ้า ยิ่งอยากจะลืม ภาพความป่าเถื่อนต่างๆ ก็ไหลเข้ามาในสมองไม่หยุดทีนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันล่ะยัยแคทเอ๊ยกำลังคิดหาทางหนีทีไล่ จู่ๆ ดวงตาที่หลับพริ้มก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นและจ้องมองมาที่เธอจนเกือบสะดุ้ง“พะ...พี่ดิว เอ่อคือ...เรื่องเมื่อคืน แคท...” จู่ๆ สมองก็ชอร์ตขึ้นมาดื้อๆ เสียอย่างนั้น ปากมันพูดไม่ออก เลือดก็วิ่งขึ้นใบหน้าจนร้อนผ่าวๆ“เมื่อคืนแคททำไม” เขาถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่งจนอ่านไม่ออกว่าโกรธหรืออะไร ยิ่งทำให้คนมีชนักถึงกับร้อนๆ หนาวๆ“ก็...”ถ้าจะจ้องกันขนาดนี้ เอามีดมาแทงเลยดีกว่าไหม คนยิ่งเขินๆ อยู่ หญิงสาวนินทาในใจ“ก็เรื่องที่แคททำพี่เจ็บตัวเมื่อคืนไงคะ”“อ๋อ...”“อ๋ออะไรคะ จะด่าอะไรก็ด่ามาเลย อูย...” เพียงขยับก็โดนร่างกายประท้วงจนน้ำตาแทบเล็ด“เจ็บตรงนั้นล่ะสิ” เสียงนุ่มหูแกล้งกระซิบถามให้เขิน“อืม...”“ใช้งานหนักไปหน่อย งั้นก็พักสักวันเถอะ เมื่อคืนแทบไม่ได้พัก โดนเธอปล้ำทั้งคืน เพลียจะแย่”“ปะ...ปล้ำ...”คนฟังรู้สึกหน้าร้อนฉ่า เมื่อคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไปตอนที่ถูกยาผีบ้านั่
แคทรียากลับยอมให้หมอนั่นกอด แถมยังกอดตอบ และยื่นมือไปดึงใบหน้าชายคนนั้นเข้ามาจูบอย่างดูดดื่มโดยไม่สนสายตาใครราวกับถูกฟ้าผ่าเปรี้ยงที่กลางหัว ภาพบาดตาตรงหน้าทำให้วรพลถึงกับช็อกตาตั้ง ตัวแข็งทื่อ หน้าชาเหมือนโดนชกแรงๆ ซ้ำๆ นี่เองใช่ไหมเหตุผลที่เธอทำตัวแปลกไป ทั้งเย็นชาเหินห่างกับเขา ไหนจะเสียงผู้ชายที่รับโทรศัพท์ในตอนนั้นที่แท้เธอก็นอกใจเขานี่เอง!วรพลบดสันกรามแน่นด้วยความโมโหจนหน้ามืด ขาดสติ เขารีบจ้ำอ้าวจะตรงเข้าไปเอาเรื่องสองหนุ่มสาวที่ยืนกอดจูบเย้ยฟ้า แต่ทว่ากลับถูกขวางไว้“หลีกไปนะ นั่นแฟนผม ผมจะไปหาแฟน หลีกไปสิ!”“คุณเข้าไม่ได้ครับ” เจ้าหน้าที่รปภ.หันไปเรียกเพื่อนอีกสองคนเข้ามาขวางไว้ไม่ยอมให้ผ่านเข้าไปง่ายๆ เกิดการยื้อยุดกัน จนสุดท้ายวรพลก็ถูกผลักจนกระเด็นหงายหลังก้นจ้ำเบ้าอย่างหมดท่า“แคท!”เมื่อสู้แรงไม่ไหววรพลจึงได้ตะโกนเรียกแฟนสาวเสียงดังลั่นอย่างสิ้นหวัง แต่ทว่าสองหนุ่มสาวก็เดินเข้าไปในตึกคอนโดเสียแล้วเลยไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขาชายหนุ่มกัดฟันกรอด กำมือแน่น ในใจร้อนรุ่มประหนึ่งมีกองไฟนรกแผดเผา ยัยบ้านั่นทำแบบนี้กับเขาได้อย่างไร ทีกับเขาเป็นแฟนกัน ทำได้แค่จับมือ จะจูบทีก็ห
“เดี๋ยวสิ พี่ดิว...” คำพูดนั้นถูกกลืนลงคอไปในทันใด เมื่ออีกฝ่ายจัดการปิดปากสวยๆ ของเธอด้วยริมฝีปากอุ่นร้อน ท่ามกลางสายตาของทุกคนในผับ บางคนถึงกับคว้าโทรศัพท์มาแอบถ่ายคลิปบอสและพรรคพวกที่มาด้วยกันมองภาพนั้นตาค้างเติ่งเมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก แคทรียาก็เกือบเข่าอ่อน จูบดูดวิญญาณของเขาทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงกระหน่ำแทบทะลุอก จู่ๆ ร่างกายก็พลันร้อนวูบวาบขึ้นมา เลือดสูบฉีดขึ้นไปที่ใบหน้าสวยเก๋จนแดงซ่าน“หึ!” ดิฐกรกดยิ้มมุมปาก นึกอยากจะรังแกแม่สาวซ่าขึ้นมาอีกสักรอบ “ทีนี้จะกลับได้หรือยัง”“...”ไม่รอให้หญิงสาวตอบ เขาก็จัดการช้อนอุ้มร่างอรชรขึ้นแล้วพาเดินฝ่าวงล้อมไทยมุงออกไปโดยไม่สนใครหน้าไหนจะว่ายังไงทั้งนั้นดิฐกรอุ้มหญิงสาวออกมาถึงด้านหน้าผับเพื่อเรียกแท็กซี่ คืนนี้เขาดื่มไปไม่น้อยเหมือนกัน เลยไม่อยากขับรถกลับเองและอีกเหตุผลคือ...“พี่ดิว...อื้อ...แคทร้อนจัง เวียนหัวจะอ้วกด้วย ปล่อยก่อน...”ชายหนุ่มก้มมองใบหน้าสวยเก๋ที่ตอนนี้ซีดเผือดมีเหงื่อซึมผุดพรายเต็มหน้า ดูเหมือนยานั่นเริ่มจะออกฤทธิ์เสียแล้ว“ทนหน่อย เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว”“ไม่เอา แคทไม่กลับบ้าน เดี๋ยวพ่อด่า”“ทีอย่างนี้ล่ะกลัวพ่อด