“พอดีวันนี้ที่แผนกเขามีกินเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่น่ะ แล้วก็เลยฉลองวันเกิดให้ พี่เลยกลับดึกไปหน่อย”
มิรันดาชะงักไป ในขณะที่เธอรอเขา แต่เขากลับไปมีความสุขกับคนอื่นโดยไม่คิดบอกกันก่อนสักคำเนี่ยนะ
“งั้นเหรอคะ”
“มี่...” ชายหนุ่มเผลอเรียก เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่าย
“มี่เตรียมของขวัญวันเกิดให้พี่ด้วยนะ” มิรันดาฝืนยิ้มให้คนรัก ทั้งที่ในใจกำลังเจ็บปวด พลางหันไปหยิบกล่องของขวัญส่งให้
“นี่ไงคะ สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ดิว”
“มี่...พี่มีเรื่องอยากคุย...”
“พี่ดิวลองเปิดดูสิคะ ว่าชอบไหม” หญิงสาวรีบตัดบทไม่อาจกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้นมากลบสองตาไว้ได้อีกต่อไป ริมฝีปากสั่นระริกพยายามแย้มยิ้มให้เขา
ดิฐกรใจอ่อนยวบเมื่อเห็นน้ำตาคนรัก เขาไม่ได้ยื่นมือไปรับของขวัญกล่องนั้นมา ได้แต่ยืนนิ่งขึง สมองคิดทบทวนคำพูดของเพื่อนรัก
‘ลองห่างกันดูสักพักไหมล่ะ ลองดู เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น บางทีคนอยู่ด้วยกันทุกวันเห็นหน้ากันก็มีเหม็นเบื่อกันได้ ถ้าลองห่างกัน มึงจะได้มีเวลาสำรวจหัวใจตัวเองดูว่ามึงยังรักน้องมี่อยู่ไหม’
“มี่...เราลองห่างกันสักพักดีไหม แยกกันอยู่สักพัก เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น”
คำนั้นราวสายฟ้าฟาดเปรี้ยงแสกหน้า มิรันดาถึงกับตกตะลึงงันจนพูดไม่ออก
คำว่า แยกกัน ของเขาหมายถึงอะไร
ห่างกันสักพักของเขามันพักนานแค่ไหนล่ะ หรือว่า...
“นี่พี่กำลังขอเลิกกับมี่งั้นเหรอ...” เสียงสั่นเครือถามตะกุกตะกัก น้ำตาไหลพรากอาบแก้มราวเขื่อนแตกทะลัก
“ไม่ใช่! พี่ไม่ได้ขอเลิก แค่ให้เราห่างกันสักพัก”
“ห่างกันสักพัก คืออะไร ห่างทำไม นี่พี่มีคนอื่นแล้วใช่ไหม บอกมานะพี่ดิว พี่นอกใจมี่ใช่ไหม”
หญิงสาวกรีดเสียงตะโกนใส่คนรักอย่างเจ็บปวด อารมณ์ที่ผสมปนเปกัน ทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ ทั้งโมโห ทำให้เธอเผลอปากล่องของขวัญในมือใส่เขาอย่างแรง แต่กะตำแหน่งพลาดกล่องนั้นจึงลอยไปกระทบใบหน้าของเขาอย่างจัง
“โอ๊ย!”
ดิฐกรร้องลั่น กล่องไม่ได้ใหญ่หรือหนักแต่แรงที่ขว้างทำให้สันกล่องกระแทกหางคิ้วขวาของเขาจนเป็นรอยมีเลือดซึมออกมาให้เห็น
“พี่ดิว!”
พอเห็นเลือด สติก็กลับคืนมา มิรันดาปราดเข้าไปดูแผลให้คนรักอย่างตกใจ
“เจ็บไหมพี่ มี่ไม่ได้ตั้งใจ มี่ขอ...”
“พอเถอะ พอสักที!” ชายหนุ่มปัดมือที่เอื้อมมาหมายจะดูแผลให้อย่างแรง ด้วยความโมโห
“เพราะมี่เป็นแบบนี้ไง พี่ถึงเบื่อหน่าย ไม่อยากอยู่ด้วย”
“พี่ดิว...”
“พี่อึดอัด พี่รำคาญ เวลามี่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล ร่ำร้องแต่จะแต่งงาน บอกไว้ตรงนี้เลย พี่ไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้พี่ยังอยากแต่งงานกับมี่หรือเปล่า เราอยู่ห่างกันสักพักเถอะนะ”
คำนั้นทำเอาคนฟังเข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งแปะกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง คำพูดของเขากรีดหัวใจเธอจนย่อยยับ หากเขาตบเธอสักฉาด หรือทำร้ายกัน ยังไม่เจ็บเท่ากับสิ่งที่พูดออกมานั่นเลย
“เป็นมี่ที่ร่ำร้องอยากจะแต่งงานงั้นเหรอ ไม่ใช่พี่หรือไงที่สัญญากับมี่ วันนั้นพี่ลืมแล้วใช่ไหมว่าตัวเองให้สัญญาอะไรไว้ในวันเกิดมี่ มี่ก็แค่อยากใช้ชีวิตกับพี่ มี่ผิดเหรอ”
ดิฐกรผงะไปนิดๆ เพราะสิ่งที่เธอพูดมาไม่ผิด แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว รวมถึงความรู้สึกที่มีต่อคนตรงหน้า รักที่เริ่มจากเต็มร้อยตอนนี้มันลดน้อยถอยลงไปจนเขาไม่แน่ใจว่าเหลือในหัวใจสักเท่าไหร่
“มี่...”
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปดึงร่างที่สั่นเทาด้วยแรงสะอื้นเข้ามากอดปลอบ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีความผิด เป็นเขาเองที่ผิดต่อเธอ
“มี่ผิดตรงไหน มี่ไม่ดียังไง พี่ก็บอกสิ มี่จะได้ปรับตัว ไม่ใช่มาบอกให้อยู่ห่างกันอะไรแบบนี้”
“มี่ไม่ได้ผิด พี่ต่างหากที่ผิด พี่แค่อยากถอยไปตั้งหลักทบทวนหัวใจตัวเองสักหน่อยก็เท่านั้น”
มิรันดาเม้มริมฝีปากแน่น หางตาเหลือบไปเห็นกล่องของขวัญที่เธอขว้างใส่เขาตกที่พื้น ทำให้นึกอะไรออก
“ก็ได้ค่ะ มี่จะไม่ขวางพี่” หญิงสาวขยับตัวออกจากอ้อมแขนเย็นชืดของเขา เพื่อไปหยิบกล่องของขวัญขึ้นมายื่นให้คนรัก
“หากพี่เห็นของขวัญในกล่องนี้แล้วยังอยากไป มี่ก็จะไม่ขวางอีกต่อไป”
ดิฐกรขมวดคิ้วแน่น มองกล่องของขวัญที่มีรอยบุบบู้บี้ที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ เลือดที่หางคิ้วเขายังไม่หยุดไหลเพราะเจ้าของขวัญกล่องนี้ แต่ข้อเสนอของเธอ ทำให้เขาตัดสินใจยื่นมือไปรับของขวัญวันเกิดกล่องนั้นมาค่อยๆ แกะออกช้าๆ
มิรันดามองภาพนั้นด้วยใจระทึก นี่คือสิ่งสุดท้ายที่เธอหวังใช้เพื่อรั้งหัวใจของเขาไว้ แต่ทว่า...
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...” เสียงเพลงวันเกิดดังมาจากมุมหนึ่งของห้อง พร้อมกับร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินถือเค้กน่ารักออกมาทำให้เจ้าของวันเกิดสาวถึงกับยกมือปิดปากน้ำตารื้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนจัดเซอร์ไพร์สวันเกิดให้เธอ และที่สำคัญที่สุดเขาคนนั้นคือชายผู้เป็นรักแรกและคนแรกของเธอ “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู...ยู” พอเพลงจบชายหนุ่มก็ยื่นเค้กวันเกิดมาตรงหน้าของเจ้าของวันเกิด “อธิษฐานก่อนเป่าสิมี่” มี่ หรือ มิรันดา ยิ้มรับก่อนหลับตาลงเพื่ออธิษฐานขอพรวันเกิดในใจ...‘ขอให้พี่ดิวรักมี่คนเดียว และเราสองคนได้อยู่ร่วมฉลองวันเกิดแบบนี้ในทุกๆ ปีตลอดไป’เมื่ออธิษฐานเสร็จหญิงสาวก็รีบลืมตาขึ้น และเป่าเทียนวันเกิดจนดับทั้งหมด“สุขสันต์วันเกิดนะมี่ พี่มีของขวัญพิเศษให้ด้วยนะ หลับตาก่อนสิ” หญิงสาวมองหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายอย่างสงสัย แต่ก็ยอมหลับตาลงรอคอยหากแล้วอะไรบางอย่างก็ทาบลงที่ต้นคอของเธอเบาๆ ทำให้ลมหายใจสะดุด หัวใจเต้นรัวแรง เมื่อหูได้ยินเสียงอ่อนโยนกระซิบที่ข้างหูเบาๆ“เป็นแฟนกันนะมี่...”มิรันดาหัวใจกระตุกวาบรีบลืมตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างดีใจจนพูดไม่ออก ม
“พี่ดิว มี่ไม่ไหวแล้ว เร็วอีกหน่อยได้ไหม”คำร้องขอนั่นถูกตอบกลับด้วยการห่มสะโพกเข้าหากายสาวอย่างรัวแรงในเมื่อดิฐกรเองก็ใกล้จะถึงฝั่งฝันแสนวาบหวามเต็มทีแล้วเหมือนกัน มือหนาช้อนบั้นท้ายแน่นเด้งของแฟนสาวก่อนกดลงมากระแทกเร็วๆ แรงๆ อีกเพียงไม่กี่ที ทั้งเธอและเขาก็ทะยานขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดทั้งคู่“เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด”ชายหนุ่มบ่นอุบ ก่อนถอดถอนตัวตนออกจากความฉ่ำชื้นของดอกไม้งามที่ถูกเขาเชยชมจนหนำใจ ก่อนที่จะทิ้งตัวนอนตะแคงหันข้างให้ร่างอ้อนแอ้นของแฟนสาวที่ยังคงสั่นกระตุกจากแรงพิศวาสอันเร่าร้อนไม่หายมิรันดาปรายตามองคนรักหรือต้องเรียกว่าสามีก็คงได้ แม้จะยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน หรือจดทะเบียนกันอย่างเป็นทางการ แต่เขาและเธอก็เข้าหอกันมายาวนานนับตั้งแต่วันเกิดของเธอในปีนั้นพอความรัญจวนในกายค่อยๆ บรรเทาลง หญิงสาวก็หันไปกอดคนรักจากด้านหลัง“ฮื้อ...ร้อน! ยังไม่อิ่มอีกหรือไง พอเถอะวันนี้พี่เหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้าด้วย มี่เลิกกวนได้ไหมพี่ขอล่ะ”มิรันดาชะงักกึก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบ่นเช่นนี้ เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นแฟนกันใหม่ๆ ทุกครั้งที่มีอะไรกันเสร็จ ดิฐกรก็จะนอนกอดเธอแล้วหลับไปพร้อม
พูดน่ะมันง่าย แต่ทำนี่สิยาก‘ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ งั้นแกต้องเอาด้วยกล แกรู้ไหมว่ายัยมุกมันได้แต่งงานเพราะอะไร’ คนพูดทำหน้าเจ้าเล่ห์‘เพราะอะไรล่ะ’‘ท้องไง มันปล่อยท้อง แล้วก็ค่อยบอกผัว ผัวมันก็เลยต้องยอมแต่งด้วย แกก็ลองใช้วิธีนี้ดูสิเผื่อได้ผล’‘บ้า! แต่ฉันไม่ได้ท้องจริงๆ นี่’จะเอาอะไรมาท้อง ในเมื่อเขาป้องกันตลอด ส่วนเธอก็กินยาคุมไม่เคยขาด‘เอาน่า อยู่กินกัน ทำการบ้านทุกวันมันก็ต้องท้องซักวันสิน่า’“พี่ดิว มี่อยากแต่งงาน ถ้าพี่ยังไม่พร้อมเราไปจดทะเบียนกันก่อนก็ได้นะ มี่โอเค...”คำนั้นทำให้คนที่บอกเหนื่อยและง่วงถึงกับผุดลุกขึ้นหันมามองด้วยสีหน้าหงุดหงิด“แต่พี่ไม่โอเค พี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานตอนนี้”คำนั้นทำให้มิรันดาถึงกับหน้าเสีย“พี่หมายความว่ายังไง ไม่พร้อมคืออะไร ถ้าหมายถึงเงิน มี่ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากพี่นี่คะ”มิรันดาเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ของเธอเสียไปเมื่อหลายปีก่อน เธอต้องอยู่กับยาย แต่ไม่นานท่านก็เสียไปด้วยโรคมะเร็งอีกคน ทำให้เธอไม่เหลือใครอีก ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน จนมาพบเขา ชีวิตถึงได้ดีขึ้นบ้าง“พี่บอกยังไม่พร้อมก็คือยังไม่พร้อมสิ จะถามเซ้าซี้อะไรมากม
เรื่องที่เพื่อนพูดมามันก็มีเหตุผล บางทีหากเราได้ห่างกันสักพัก ไม่แน่ว่าอะไรๆ มันก็คงดีขึ้น ความรู้สึกที่เคยมีให้กัน เมื่ออยู่ใกล้มากไปมันก็จืดจางทำให้เบื่อหน่ายกันได้เหมือนกัน พอเว้นระยะให้กันเสียบ้างอะไรๆ คงดีขึ้น ชายหนุ่มครุ่นคิดหาทางออกในใจ“ทำแบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอแก”มิรันดาถามปลายสายพลางมองสิ่งที่อยู่ในมืออย่างลังเลใจ“แกจะคิดมากทำไมวะ ลองดูก็ไม่เสียหายนี่หว่า ก็แกบอกเองว่าผัวแกเขาเปลี่ยนไป ก็ลองใช้วิธีนี้ เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้นก็ได้นะ”“แล้วถ้าเขาจับได้ล่ะ”“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้น่า ลองดูก่อน แกแค่นี้นะ ลูกฉันร้องหิวนมแล้ว”มิรันดาถอนหายใจเฮือก เมื่อปลายสายกดตัดการติดต่อไปดื้อๆ ทิ้งให้เธอว้าวุ่นคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดีท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนรักมันทำให้เธอหวั่นไหวและกลัวใจเหลือเกินว่าเขาจะขอสะบั้นความสัมพันธ์ของเราลงวนวันใดวันหนึ่ง หากเธอไม่หาทางผูกเขาไว้ ก็คงต้องเสียเขาไปสักวัน“เอาวะ ลองดูก็ไม่เสียหลายนี่” หญิงสาวเรียกความเชื่อมั่น พลางหยิบของในมือใส่ถุงซิปล็อกและหย่อนลงในกล่องของขวัญที่เธอเตรียมไว้พลางมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่มหลังจากที่เธอเอ่ยปากเรื่องแต่งงานกับดิฐกร
“พอดีวันนี้ที่แผนกเขามีกินเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่น่ะ แล้วก็เลยฉลองวันเกิดให้ พี่เลยกลับดึกไปหน่อย”มิรันดาชะงักไป ในขณะที่เธอรอเขา แต่เขากลับไปมีความสุขกับคนอื่นโดยไม่คิดบอกกันก่อนสักคำเนี่ยนะ“งั้นเหรอคะ”“มี่...” ชายหนุ่มเผลอเรียก เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่าย“มี่เตรียมของขวัญวันเกิดให้พี่ด้วยนะ” มิรันดาฝืนยิ้มให้คนรัก ทั้งที่ในใจกำลังเจ็บปวด พลางหันไปหยิบกล่องของขวัญส่งให้“นี่ไงคะ สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ดิว”“มี่...พี่มีเรื่องอยากคุย...”“พี่ดิวลองเปิดดูสิคะ ว่าชอบไหม” หญิงสาวรีบตัดบทไม่อาจกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้นมากลบสองตาไว้ได้อีกต่อไป ริมฝีปากสั่นระริกพยายามแย้มยิ้มให้เขาดิฐกรใจอ่อนยวบเมื่อเห็นน้ำตาคนรัก เขาไม่ได้ยื่นมือไปรับของขวัญกล่องนั้นมา ได้แต่ยืนนิ่งขึง สมองคิดทบทวนคำพูดของเพื่อนรัก‘ลองห่างกันดูสักพักไหมล่ะ ลองดู เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น บางทีคนอยู่ด้วยกันทุกวันเห็นหน้ากันก็มีเหม็นเบื่อกันได้ ถ้าลองห่างกัน มึงจะได้มีเวลาสำรวจหัวใจตัวเองดูว่ามึงยังรักน้องมี่อยู่ไหม’“มี่...เราลองห่างกันสักพักดีไหม แยกกันอยู่สักพัก เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น”คำนั้นราวสายฟ้าฟาดเปรี้ยงแสกหน้า
เรื่องที่เพื่อนพูดมามันก็มีเหตุผล บางทีหากเราได้ห่างกันสักพัก ไม่แน่ว่าอะไรๆ มันก็คงดีขึ้น ความรู้สึกที่เคยมีให้กัน เมื่ออยู่ใกล้มากไปมันก็จืดจางทำให้เบื่อหน่ายกันได้เหมือนกัน พอเว้นระยะให้กันเสียบ้างอะไรๆ คงดีขึ้น ชายหนุ่มครุ่นคิดหาทางออกในใจ“ทำแบบนี้มันจะดีจริงๆ เหรอแก”มิรันดาถามปลายสายพลางมองสิ่งที่อยู่ในมืออย่างลังเลใจ“แกจะคิดมากทำไมวะ ลองดูก็ไม่เสียหายนี่หว่า ก็แกบอกเองว่าผัวแกเขาเปลี่ยนไป ก็ลองใช้วิธีนี้ เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้นก็ได้นะ”“แล้วถ้าเขาจับได้ล่ะ”“อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้น่า ลองดูก่อน แกแค่นี้นะ ลูกฉันร้องหิวนมแล้ว”มิรันดาถอนหายใจเฮือก เมื่อปลายสายกดตัดการติดต่อไปดื้อๆ ทิ้งให้เธอว้าวุ่นคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรดีท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนรักมันทำให้เธอหวั่นไหวและกลัวใจเหลือเกินว่าเขาจะขอสะบั้นความสัมพันธ์ของเราลงวนวันใดวันหนึ่ง หากเธอไม่หาทางผูกเขาไว้ ก็คงต้องเสียเขาไปสักวัน“เอาวะ ลองดูก็ไม่เสียหลายนี่” หญิงสาวเรียกความเชื่อมั่น พลางหยิบของในมือใส่ถุงซิปล็อกและหย่อนลงในกล่องของขวัญที่เธอเตรียมไว้พลางมองนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสี่ทุ่มหลังจากที่เธอเอ่ยปากเรื่องแต่งงานกับดิฐกร
พูดน่ะมันง่าย แต่ทำนี่สิยาก‘ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ งั้นแกต้องเอาด้วยกล แกรู้ไหมว่ายัยมุกมันได้แต่งงานเพราะอะไร’ คนพูดทำหน้าเจ้าเล่ห์‘เพราะอะไรล่ะ’‘ท้องไง มันปล่อยท้อง แล้วก็ค่อยบอกผัว ผัวมันก็เลยต้องยอมแต่งด้วย แกก็ลองใช้วิธีนี้ดูสิเผื่อได้ผล’‘บ้า! แต่ฉันไม่ได้ท้องจริงๆ นี่’จะเอาอะไรมาท้อง ในเมื่อเขาป้องกันตลอด ส่วนเธอก็กินยาคุมไม่เคยขาด‘เอาน่า อยู่กินกัน ทำการบ้านทุกวันมันก็ต้องท้องซักวันสิน่า’“พี่ดิว มี่อยากแต่งงาน ถ้าพี่ยังไม่พร้อมเราไปจดทะเบียนกันก่อนก็ได้นะ มี่โอเค...”คำนั้นทำให้คนที่บอกเหนื่อยและง่วงถึงกับผุดลุกขึ้นหันมามองด้วยสีหน้าหงุดหงิด“แต่พี่ไม่โอเค พี่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานตอนนี้”คำนั้นทำให้มิรันดาถึงกับหน้าเสีย“พี่หมายความว่ายังไง ไม่พร้อมคืออะไร ถ้าหมายถึงเงิน มี่ก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากพี่นี่คะ”มิรันดาเป็นเด็กกำพร้า พ่อแม่ของเธอเสียไปเมื่อหลายปีก่อน เธอต้องอยู่กับยาย แต่ไม่นานท่านก็เสียไปด้วยโรคมะเร็งอีกคน ทำให้เธอไม่เหลือใครอีก ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบหาเงินส่งเสียตัวเองเรียน จนมาพบเขา ชีวิตถึงได้ดีขึ้นบ้าง“พี่บอกยังไม่พร้อมก็คือยังไม่พร้อมสิ จะถามเซ้าซี้อะไรมากม
“พี่ดิว มี่ไม่ไหวแล้ว เร็วอีกหน่อยได้ไหม”คำร้องขอนั่นถูกตอบกลับด้วยการห่มสะโพกเข้าหากายสาวอย่างรัวแรงในเมื่อดิฐกรเองก็ใกล้จะถึงฝั่งฝันแสนวาบหวามเต็มทีแล้วเหมือนกัน มือหนาช้อนบั้นท้ายแน่นเด้งของแฟนสาวก่อนกดลงมากระแทกเร็วๆ แรงๆ อีกเพียงไม่กี่ที ทั้งเธอและเขาก็ทะยานขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดทั้งคู่“เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด”ชายหนุ่มบ่นอุบ ก่อนถอดถอนตัวตนออกจากความฉ่ำชื้นของดอกไม้งามที่ถูกเขาเชยชมจนหนำใจ ก่อนที่จะทิ้งตัวนอนตะแคงหันข้างให้ร่างอ้อนแอ้นของแฟนสาวที่ยังคงสั่นกระตุกจากแรงพิศวาสอันเร่าร้อนไม่หายมิรันดาปรายตามองคนรักหรือต้องเรียกว่าสามีก็คงได้ แม้จะยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน หรือจดทะเบียนกันอย่างเป็นทางการ แต่เขาและเธอก็เข้าหอกันมายาวนานนับตั้งแต่วันเกิดของเธอในปีนั้นพอความรัญจวนในกายค่อยๆ บรรเทาลง หญิงสาวก็หันไปกอดคนรักจากด้านหลัง“ฮื้อ...ร้อน! ยังไม่อิ่มอีกหรือไง พอเถอะวันนี้พี่เหนื่อยแล้ว พรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้าด้วย มี่เลิกกวนได้ไหมพี่ขอล่ะ”มิรันดาชะงักกึก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบ่นเช่นนี้ เมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นแฟนกันใหม่ๆ ทุกครั้งที่มีอะไรกันเสร็จ ดิฐกรก็จะนอนกอดเธอแล้วหลับไปพร้อม
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...” เสียงเพลงวันเกิดดังมาจากมุมหนึ่งของห้อง พร้อมกับร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินถือเค้กน่ารักออกมาทำให้เจ้าของวันเกิดสาวถึงกับยกมือปิดปากน้ำตารื้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนจัดเซอร์ไพร์สวันเกิดให้เธอ และที่สำคัญที่สุดเขาคนนั้นคือชายผู้เป็นรักแรกและคนแรกของเธอ “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทู...ยู” พอเพลงจบชายหนุ่มก็ยื่นเค้กวันเกิดมาตรงหน้าของเจ้าของวันเกิด “อธิษฐานก่อนเป่าสิมี่” มี่ หรือ มิรันดา ยิ้มรับก่อนหลับตาลงเพื่ออธิษฐานขอพรวันเกิดในใจ...‘ขอให้พี่ดิวรักมี่คนเดียว และเราสองคนได้อยู่ร่วมฉลองวันเกิดแบบนี้ในทุกๆ ปีตลอดไป’เมื่ออธิษฐานเสร็จหญิงสาวก็รีบลืมตาขึ้น และเป่าเทียนวันเกิดจนดับทั้งหมด“สุขสันต์วันเกิดนะมี่ พี่มีของขวัญพิเศษให้ด้วยนะ หลับตาก่อนสิ” หญิงสาวมองหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายอย่างสงสัย แต่ก็ยอมหลับตาลงรอคอยหากแล้วอะไรบางอย่างก็ทาบลงที่ต้นคอของเธอเบาๆ ทำให้ลมหายใจสะดุด หัวใจเต้นรัวแรง เมื่อหูได้ยินเสียงอ่อนโยนกระซิบที่ข้างหูเบาๆ“เป็นแฟนกันนะมี่...”มิรันดาหัวใจกระตุกวาบรีบลืมตาขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างดีใจจนพูดไม่ออก ม