“พอดีวันนี้ที่แผนกเขามีกินเลี้ยงต้อนรับพนักงานใหม่น่ะ แล้วก็เลยฉลองวันเกิดให้ พี่เลยกลับดึกไปหน่อย”
มิรันดาชะงักไป ในขณะที่เธอรอเขา แต่เขากลับไปมีความสุขกับคนอื่นโดยไม่คิดบอกกันก่อนสักคำเนี่ยนะ
“งั้นเหรอคะ”
“มี่...” ชายหนุ่มเผลอเรียก เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของอีกฝ่าย
“มี่เตรียมของขวัญวันเกิดให้พี่ด้วยนะ” มิรันดาฝืนยิ้มให้คนรัก ทั้งที่ในใจกำลังเจ็บปวด พลางหันไปหยิบกล่องของขวัญส่งให้
“นี่ไงคะ สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ดิว”
“มี่...พี่มีเรื่องอยากคุย...”
“พี่ดิวลองเปิดดูสิคะ ว่าชอบไหม” หญิงสาวรีบตัดบทไม่อาจกลั้นน้ำตาที่รื้นขึ้นมากลบสองตาไว้ได้อีกต่อไป ริมฝีปากสั่นระริกพยายามแย้มยิ้มให้เขา
ดิฐกรใจอ่อนยวบเมื่อเห็นน้ำตาคนรัก เขาไม่ได้ยื่นมือไปรับของขวัญกล่องนั้นมา ได้แต่ยืนนิ่งขึง สมองคิดทบทวนคำพูดของเพื่อนรัก
‘ลองห่างกันดูสักพักไหมล่ะ ลองดู เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น บางทีคนอยู่ด้วยกันทุกวันเห็นหน้ากันก็มีเหม็นเบื่อกันได้ ถ้าลองห่างกัน มึงจะได้มีเวลาสำรวจหัวใจตัวเองดูว่ามึงยังรักน้องมี่อยู่ไหม’
“มี่...เราลองห่างกันสักพักดีไหม แยกกันอยู่สักพัก เผื่ออะไรๆ มันจะดีขึ้น”
คำนั้นราวสายฟ้าฟาดเปรี้ยงแสกหน้า มิรันดาถึงกับตกตะลึงงันจนพูดไม่ออก
คำว่า แยกกัน ของเขาหมายถึงอะไร
ห่างกันสักพักของเขามันพักนานแค่ไหนล่ะ หรือว่า...
“นี่พี่กำลังขอเลิกกับมี่งั้นเหรอ...” เสียงสั่นเครือถามตะกุกตะกัก น้ำตาไหลพรากอาบแก้มราวเขื่อนแตกทะลัก
“ไม่ใช่! พี่ไม่ได้ขอเลิก แค่ให้เราห่างกันสักพัก”
“ห่างกันสักพัก คืออะไร ห่างทำไม นี่พี่มีคนอื่นแล้วใช่ไหม บอกมานะพี่ดิว พี่นอกใจมี่ใช่ไหม”
หญิงสาวกรีดเสียงตะโกนใส่คนรักอย่างเจ็บปวด อารมณ์ที่ผสมปนเปกัน ทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ ทั้งโมโห ทำให้เธอเผลอปากล่องของขวัญในมือใส่เขาอย่างแรง แต่กะตำแหน่งพลาดกล่องนั้นจึงลอยไปกระทบใบหน้าของเขาอย่างจัง
“โอ๊ย!”
ดิฐกรร้องลั่น กล่องไม่ได้ใหญ่หรือหนักแต่แรงที่ขว้างทำให้สันกล่องกระแทกหางคิ้วขวาของเขาจนเป็นรอยมีเลือดซึมออกมาให้เห็น
“พี่ดิว!”
พอเห็นเลือด สติก็กลับคืนมา มิรันดาปราดเข้าไปดูแผลให้คนรักอย่างตกใจ
“เจ็บไหมพี่ มี่ไม่ได้ตั้งใจ มี่ขอ...”
“พอเถอะ พอสักที!” ชายหนุ่มปัดมือที่เอื้อมมาหมายจะดูแผลให้อย่างแรง ด้วยความโมโห
“เพราะมี่เป็นแบบนี้ไง พี่ถึงเบื่อหน่าย ไม่อยากอยู่ด้วย”
“พี่ดิว...”
“พี่อึดอัด พี่รำคาญ เวลามี่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล ร่ำร้องแต่จะแต่งงาน บอกไว้ตรงนี้เลย พี่ไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้พี่ยังอยากแต่งงานกับมี่หรือเปล่า เราอยู่ห่างกันสักพักเถอะนะ”
คำนั้นทำเอาคนฟังเข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งแปะกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง คำพูดของเขากรีดหัวใจเธอจนย่อยยับ หากเขาตบเธอสักฉาด หรือทำร้ายกัน ยังไม่เจ็บเท่ากับสิ่งที่พูดออกมานั่นเลย
“เป็นมี่ที่ร่ำร้องอยากจะแต่งงานงั้นเหรอ ไม่ใช่พี่หรือไงที่สัญญากับมี่ วันนั้นพี่ลืมแล้วใช่ไหมว่าตัวเองให้สัญญาอะไรไว้ในวันเกิดมี่ มี่ก็แค่อยากใช้ชีวิตกับพี่ มี่ผิดเหรอ”
ดิฐกรผงะไปนิดๆ เพราะสิ่งที่เธอพูดมาไม่ผิด แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว รวมถึงความรู้สึกที่มีต่อคนตรงหน้า รักที่เริ่มจากเต็มร้อยตอนนี้มันลดน้อยถอยลงไปจนเขาไม่แน่ใจว่าเหลือในหัวใจสักเท่าไหร่
“มี่...”
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปดึงร่างที่สั่นเทาด้วยแรงสะอื้นเข้ามากอดปลอบ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีความผิด เป็นเขาเองที่ผิดต่อเธอ
“มี่ผิดตรงไหน มี่ไม่ดียังไง พี่ก็บอกสิ มี่จะได้ปรับตัว ไม่ใช่มาบอกให้อยู่ห่างกันอะไรแบบนี้”
“มี่ไม่ได้ผิด พี่ต่างหากที่ผิด พี่แค่อยากถอยไปตั้งหลักทบทวนหัวใจตัวเองสักหน่อยก็เท่านั้น”
มิรันดาเม้มริมฝีปากแน่น หางตาเหลือบไปเห็นกล่องของขวัญที่เธอขว้างใส่เขาตกที่พื้น ทำให้นึกอะไรออก
“ก็ได้ค่ะ มี่จะไม่ขวางพี่” หญิงสาวขยับตัวออกจากอ้อมแขนเย็นชืดของเขา เพื่อไปหยิบกล่องของขวัญขึ้นมายื่นให้คนรัก
“หากพี่เห็นของขวัญในกล่องนี้แล้วยังอยากไป มี่ก็จะไม่ขวางอีกต่อไป”
ดิฐกรขมวดคิ้วแน่น มองกล่องของขวัญที่มีรอยบุบบู้บี้ที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ เลือดที่หางคิ้วเขายังไม่หยุดไหลเพราะเจ้าของขวัญกล่องนี้ แต่ข้อเสนอของเธอ ทำให้เขาตัดสินใจยื่นมือไปรับของขวัญวันเกิดกล่องนั้นมาค่อยๆ แกะออกช้าๆ
มิรันดามองภาพนั้นด้วยใจระทึก นี่คือสิ่งสุดท้ายที่เธอหวังใช้เพื่อรั้งหัวใจของเขาไว้ แต่ทว่า...
“มี่! นี่มัน...” ดิฐกรอุทานลั่น หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ตัวชาไปหมดเมื่อเห็นของที่อยู่ในกล่อง แท่งตรวจครรภ์ที่มีขีดสีแดงขึ้นชัดสองขีด เขาไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้จักว่ามันคืออะไร“มี่ท้อง! ลูกของพี่”มิรันดาโพล่งออกไป สองมือเย็นเฉียบกุมกันไว้แน่น ตามองอาการตกใจของอีกฝ่ายอย่างลุ้นและรู้สึกผิดไปพร้อมกัน“มี่...”“มี่ตั้งใจจะให้เป็นของขวัญวันเกิดเซอร์ไพร์สพี่”เซอร์ไพร์สเหรอ...ใช่ตอนนี้เขาทั้งเซอร์ไพร์สและงุนงงเหมือนโดนชกสมองจนมึนชาไปแล้วเขาอยากเว้นระยะห่างกับเธอเพื่อสำรวจหัวใจ แต่เธอกลับบอกว่ากำลังมีลูกกับเขาเสียนี่ เขาควรดีใจที่มีลูก แต่ทำไมนะ มันถึงไม่ได้รู้สึกดีใจอย่างที่คิด“พี่รู้แบบนี้แล้ว ยังจะขอเลิกกับมี่อยู่อีกไหม” เธอท้าวัดใจเขาไปตรงๆ ต่อให้ไม่รักเธอแล้ว แต่เขาก็ควรรักเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองบ้างสิ“มี่...พี่ขอเวลาหน่อย พี่ขอเวลาคิดหน่อยได้ไหม”คำนั้นของเขาทำให้หญิงสาวสตั้นไปชั่วขณะ“คิดเหรอ พี่จะคิดอะไร หรือยังคิดจะทิ้งมี่กับลูก ไปอยู่ห่างกันสักพักอีกงั้นเหรอ นี่พี่จะทิ้งพวกเราได้ลงคอจริงเหรอ”“ไม่! ไม่ใช่ พี่ไม่ได้ทิ้งมี่กับลูก ก็แค่...” ดิฐกรยกมือปาดเลือดที่หางคิ้ว ก่อนจะสบถ
“มี่...”“เป่าเทียนสิคะพี่ดิว” หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาพลางยื่นเค้กในมือไปตรงหน้าเขา ทำให้อีกฝ่ายนิ่งอึ้งไป หากสุดท้ายชายหนุ่มก็ยอมทำตามที่เธอต้องการเทียนวันเกิดค่อยๆ ดับทีละเล่มสองเล่มจนท้ายที่สุดก็ดับจนหมด ราวกับความรักของเขาที่มีต่อเธอที่ตอนนี้มันคงมอดจนไม่เหลืออีกต่อไป“สุขสันต์วันเกิดนะคะพี่ดิว”“อืม...งั้นพี่ไปก่อนนะ มี่ก็รีบพักผ่อนได้แล้ว”มิรันดายิ้มเย็นชา เธอจะนอนหลับลงได้อย่างไรในคืนนี้ เขาช่างพูดง่ายเหลือเกิน ไม่สิ เธอต่างหากที่ง่าย ง่ายจนเขาไม่เห็นค่า อยากทิ้งก็ทิ้งกันได้ลงคอ“พี่ดิวคะ...คำถามสุดท้าย พี่ยังรักมี่อยู่ไหม”คำถามนั้นทำให้คนที่กำลังหันหลังจะเดินจากไปชะงักเท้านิ่งกับที่ แต่ไม่ได้หันกลับไปมองด้านหลังเกรงว่าเขาจะใจอ่อน“ไม่รู้สิ ตอนนี้พี่เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”พูดจบเขาก็เปิดประตูเดินออกไปโดยไม่เหลียวหลัง ทิ้งให้คนที่เหลืออยู่มองตามหลังเขาไปจนลับตา ก่อนที่เธอจะเข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรงในคำตอบที่ได้ยินในที่สุดสิ่งที่เธอกลัวมาตลอดก็เกิดขึ้นหลังจากเสียพ่อแม่และยายไป ดิฐกรก็เป็นหลักยึดเดียวในชีวิต แต่ตอนนี้หลักที่ว่าก็ดันไม่มั่นคงเสียแล้วมิรันดาร้องไห้โ
มิรันดารู้สึกตัวตื่นอีกครั้งเพราะถูกปลุกด้วยสัญญาณผิดปกติบางอย่างในร่างกาย“อุ๊บ! อุแหวะ...”หญิงสาวโก่งคออาเจียนจนหมดไส้หมดพุง ลำคอขมปร่าไปหมด อาการคลื่นเหียนวิงเวียนเล่นงานเธอจนแทบคลานอย่างหมดสภาพนี่เธอเป็นอะไรอีกล่ะ หรือโรคกระเพาะจะถามหาเข้าให้แล้ว อะไรก็ช่าง แต่ตอนนี้ใครก็ได้ช่วยปิดสวิตช์อ้วกเธอก่อนได้ไหม ก่อนที่ตับไตไส้พุงเธอจะไหลออกมากองที่ชักโครกนี่เสียงโทรศัพท์ดังแว่วมาจากที่ใดที่หนึ่งในห้อง ทำให้หญิงสาวที่กอดชักโครกอย่างอ่อนแรงชะงักกึกหรือจะเป็นเขา ดิฐกรอาจจะคิดได้แล้วจึงโทรหาเธอใช่ไหม เขาจะโทรมาง้อเธอใช่ไหมหญิงสาวเผลอยิ้มก่อนรวบรวมเรี่ยวแรงอันน้อยนิดตะเกียกตะกายไปตามหาโทรศัพท์ด้วยความหวัง แต่เมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์หน้าจอ ความหวังที่มีก็พังทลายไม่ใช่เขา แต่เป็น...“ฮัลโหลมี่ สายป่านนี้แล้วทำไมยังไม่มาทำงานอีก เป็นอะไรหรือเปล่า”เสียงหัวหน้างานจอมเฮี้ยบทำให้มิรันดาหันไปมองนาฬิกาที่บอกว่าเธอตื่นสายมากกว่าปกติ“ขอโทษค่ะหัวหน้า พอดีมี่ไม่ค่อยสบาย”“แล้วทำไมไม่โทรบอกพี่ก่อน ว่าแต่เป็นอะไรล่ะ”“มี่ก็ไม่แน่ใจค่ะ ตั้งแต่เช้าก็อาเจียนไม่หยุดเลย แถมยังหวิวๆ หน้ามืดเหมือนจะเป็นลมด้วย
“แล้วแกจะเอาไง จะเลิกกันทั้งที่มีลูกด้วยกันแบบนี้เหรอ”คำถามนั้นมิรันดาก็ถามตัวเองตั้งแต่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นแม่คนแล้ว แต่กลับไม่มีคำตอบอื่นใดนอกจาก...“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น เพราะฉันคงไม่เอาลูกออกแน่ เขาไม่อยากได้ก็ช่าง ลูกฉันทั้งคน ฉันเลี้ยงเองก็ได้”“แต่เลี้ยงลูกคนเดียวมันเหนื่อยนะเว้ย กว่าจะโตต้องใช้เงินเท่าไหร่ แกดูฉันสิ ขนาดมีคนช่วยเลี้ยงทั้งผัว ทั้งพ่อแม่ผัว พ่อแม่ตัวเอง ไหนจะจ้างพี่เลี้ยงอีก ฉันยังแทบสลบเลย ตั้งแต่มีลูกมาฉันแทบไม่รู้จักคำว่านอนตื่นสาย ไม่ได้ช็อปปิ้งเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าเลยเพราะต้องเก็บเงินให้ลูก ฉันว่าแกลองคุยกับผัวแกอีกทีดีกว่า เป็นซิงเกิ้ลมัมมันไม่ง่ายอย่างที่คิดนะแก”มิรันดาคิดภาพตามที่เพื่อนสาธยายก็แอบนึกหวั่นใจ แต่เมื่อนึกถึงผัวเฮงซวยที่ตัดรอนเธออย่างเลือดเย็นในวันนั้นขึ้นมา หญิงสาวก็ถอนใจ“ไม่คุยแล้วล่ะ แกมาช่วยฉันหาที่อยู่ใหม่ดีกว่า”“อะไร แกจะย้ายออกจากคอนโดนี้งั้นเหรอ” คนเป็นเพื่อนถามเสียงดังลั่น“ก็นี่มันคอนโดเขา ชื่อเขา เขาเป็นคนดาวน์คนผ่อนนี่นา เลิกกันแล้วฉันจะหน้าด้านอยู่ที่นี่ได้ไง เกิดเขามีเมียใหม่แล้วพาเข้ามา ฉันจะทำไงล่ะ อยู่แบบเป็นส่วนเกิ
คอนโดที่นิลุบลพาเธอไปดูนั้นถือว่าสภาพดีมากเกินกว่าราคาเช่า เพราะเจ้าของอยู่เอง แต่เมื่อต้องไปทำงานที่เมืองนอกก็ไม่อยากปล่อยทิ้งไว้ พอรู้ว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของนิลุบลที่เป็นญาติทางสามีกัน ก็เลยตกลงให้เช่าง่ายๆ โดยไม่เก็บมัดจำเย็นวันนั้นมิรันดาก็ตัดสินใจเซ็นสัญญาเช่าทันที พร้อมกับตอบแทนเพื่อนรักที่ช่วยหาที่อยู่ใหม่ให้ด้วยการพาไปกินชาบูที่ร้านโปรดหลังจากรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ เธอก็กลายเป็นคนกินจุ กินดุขึ้น อาการแพ้ท้องนั้นไม่รุนแรงมากเท่าตอนแรกแล้ว ทำให้เธอใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆ ดูเหมือนลูกจะปรานีเธอตามที่ร้องขอไป แต่ก็ไม่รู้ว่าคำขอเธอจะทำให้พ่อของลูกโดนเล่นงานด้วยอาการแพ้ท้องแทนหรือไม่“แก...นั่นกระเทียมนะ” นิลุบลเอะอะ เมื่อเห็นเพื่อนสาวตักกระเทียมใส่ในน้ำจิ้มชาบู“แล้วไงแก” คนพูดถามพลางตักน้ำจิ้มเข้าปากเพื่อชิมรสชาติ“แกไม่เหม็นกระเทียมเหรอ”“ไม่นี่...อร่อยดี ฉันชอบกิน”คำบอกเล่านั้นทำเอาคนเคยผ่านการตั้งครรภ์มาก่อนสองหนถึงกับตาโตเท่าไข่ห่าน“ทำไมเหรอ” มิรันดาถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นอาการนั้นของเพื่อน“แกไม่รู้อะไร ตอนฉันท้องนะ ได้กลิ่นกระเทียมนิดเดียวก็อ้วกแตกอ้วกแตนไปสามสี่วัน เหม็นจะแย
“พี่รู้เหรอว่ามี่กำลังคิดอะไร”“มี่...อย่างี่เง่าได้ไหม ขอร้อง” ดิฐกรบ่นอย่างหงุดหงิด“งี่เง่าเหรอ...มี่งี่เง่า แล้วพี่ล่ะเรียกอะไร เพราะผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมที่ทำให้พี่อยากเลิกกับมี่ เพื่อนร่วมงานเหรอ แอบกินกันไปกี่รอบแล้วล่ะ แล้วเขารู้หรือเปล่าว่าพี่มีแฟนแล้ว หรือว่าถึงรู้ก็ยังจะแย่งผัวคนอื่น”“พอได้แล้วมี่!” ดิฐกรตวาดใส่อย่างเหลืออด “มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เอาเวลาที่มาสงสัยพี่ไปดูตัวเองเถอะ เพราะมี่เป็นแบบนี้ไง พี่ถึงเบื่อ แม้แต่บ้านก็ยังไม่อยากกลับ”มิรันดาถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำนั้นของเขา“เบื่อมากไหม”“มากสิ...” ชายหนุ่มตอกกลับก่อนรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นใบหน้าถอดสีของอีกฝ่าย“ก็ได้... ถ้าเบื่อมากนัก งั้นต่อไปมี่จะไม่มาให้พี่เห็นหน้าอีกแล้วกัน อยากจะไปเอากับใครก็เชิญเลย”ประโยคนั้นทำให้ดิฐกรแอบใจหาย มองหน้าคนพูดนิ่งค้าง เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ ไม่ได้อยากเลิกกับเธอแบบนี้ ก็แค่อยากห่างกันสักพักให้เขาได้รู้ใจตัวเอง แต่เธอกลับขอเลิก“อ้อ...อีกเรื่อง เงินฝากที่เราฝากร่วมกันน่ะ ถ้าพี่จะเลิกก็โอนส่วนของมี่คืนมาแล้วกัน จากนั้นก็ทางใครทางมัน”มิรันดาตัดสินใจออกปาก ในเมื่อเขามีคนอื่นแล้
ทั้งที่เขาไม่เคยบอก แต่เธอก็ช่างสังเกตและรู้ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไรเสมอ ความใส่ใจของเธอทำให้เขาเคยตัว และชินกับการที่มีอีกฝ่ายอยู่ จนสุดท้ายก็เป็นความเบื่อหน่าย แล้วก็จบที่การแยกย้ายอย่างที่เกิดขึ้นเขาควรตามเธอไป หรือไม่ก็ขอให้มิรันดาทบทวนการตัดสินใจอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะความโมโหที่ถูกอีกฝ่ายทวงเงินราวกับเขาเป็นลูกหนี้“คิดอะไรอยู่เหรอคะพี่ดิว ทำไมพี่ไม่ทานอะไรเลยล่ะคะ”จะให้กินอะไรเล่า บนโต๊ะมีแต่ซาซิมิ ของดิบทั้งนั้น หรือซูชิที่สั่งมาก็เป็นหน้าปลาสด กุ้งสด หมึกสด ปลาไหล อูนิ แล้วก็อะไรหน้าตาแปลกๆ เขากินได้ที่ไหนกัน“มาค่ะ ลองชิมอันนี้ดีกว่า เห็นว่าเป็นเมนูแนะนำของเดือนนี้เลยนะคะ ซาชิมิปลาฮามาจิสดๆ เนื้อหวานนุ่มมากเลยนะคะ”ไม่พูดเปล่า หญิงสาวยังหวังดีคีบปลาที่ว่าปาดวาซาบิกับโชยุมาจ่อให้ถึงปากอย่างเอาใจ ทำให้ดิฐกรยากจะปฏิเสธ เลยจำต้องอ้าปากรับอย่างเสียไม่ได้ แต่ทว่าพอเนื้อปลาดิบแตะที่ลิ้นเท่านั้น ความพะอืดพะอมก็พลันมาเยือน จนจะต้องรีบคายอาหารในปากออกมาแทบไม่ทัน“อุ๊บ!”“พี่ดิวเป็นอะไรคะ นี่ค่ะน้ำดื่มก่อนนะคะ”ดิฐกรรีบคว้าแก้วชาเขียวขึ้นดื่มพรวดๆ แต่ทว่าแทนที่จะช่วยให้ดีขึ้น รสคา
“ไอ้ดิว นี่มึงไม่คิดจะกลับบ้านกลับช่องบ้างหรือไงวะ” พิรามถามเมื่อเห็นเพื่อนรักที่อพยบมาขอนอนที่บ้านเขาอยู่พักใหญ่แล้วดิฐกรถอนหายใจหนักๆ ก่อนเงยหน้าจากโทรศัพท์ที่ไม่มีข้อความหรือใครโทรมาหลายวันแล้ว หลังจากวันที่เจอเธอที่ร้านอาหารญี่ปุ่น มิรันดาก็หายเงียบไปเลยทั้งที่เมื่อก่อนข้อความของเธอ หรือการโทรจิกเขาวันละหลายรอบมันทำให้เขาแสนจะรำคาญ หลายครั้งที่งานกำลังยุ่งๆ แต่อีกฝ่ายก็ส่งข้อความเข้ามาถี่ยิบ เพื่อถามคำถามเดิมๆกินข้าวหรือยังเย็นนี้อยากกินอะไรวันนี้พี่จะกลับกี่โมงทำไมไม่รับสาย ทำไมไม่ตอบไลน์...และอีกสารพัดคำถามที่เธอจะส่งมาให้เขาทั้งวัน แรกๆ ก็ขยันตอบหรอก แต่หลังๆ มันก็น่าเบื่อที่ต้องมาตอบคำถามอะไรซ้ำๆ ซากๆ ทุกวี่ทุกวันแต่มาตอนนี้โทรศัพท์เขามันว่างเปล่าข้อความสุดท้ายที่เธอส่งมาตั้งแต่ตอนวันเกิดเขา“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ” พิรามถามเมื่อเห็นสีหน้าปั้นยากของเพื่อนรัก“นี่อย่าบอกนะว่ายังไม่คืนดีกับเมียอีกเหรอ”“เปล่า...เราเลิกกันแล้วต่างหาก” คำตอบที่แสนเนือยนั้นทำคนฟังอ้าปากค้าง“หา! เลิกกันแล้วเนี่ยนะ ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ก็ไหนว่าแค่ห่างกันสักพักไง”คนถูกถามถอนหายใจอีกเฮือก
“น้องมิวไปหาถุงสวยๆ ใบใหม่มาให้แม่หน่อยนะคะคนเก่ง” เด็กน้อยรับคำอย่างว่าง่ายและวิ่งปรูดไปทางหลังบ้านทันทีคีรินยื่นมือไปเก็บสมุดฝากครรภ์ที่พื้นขึ้นมาดู พอเห็นชื่อที่หน้าปก เขาก็ใจหายวาบ นึกรู้คำตอบของอาการผิดปกติทั้งหมดของน้องสาวได้ทันทีไม่ใช่ท้องเสีย แต่กลับเป็น...“แคทท้องงั้นเหรอ”“พี่คิมคะ” มิรันดารีบลูบแขนของสามีหนุ่มไม่ให้เขาใจร้อนคาดคั้นกับน้องสาวจนเสียเรื่อง“พี่คิมช่วยไปดูลูกหน่อยสิคะว่าหาถุงเจอไหม เดี๋ยวทางนี้มี่จัดการให้เองนะคะ”คีรินมองใบหน้าภรรยาสาว ก่อนพยักหน้ารับและยอมผละไปทางหลังบ้าน เหลือเพียงสองสาวตามลำพัง“น้องแคท...ไม่ต้องคิดมากนะคะ ทำใจให้สบาย”“พี่มี่ก็อยากถามใช่ไหมคะว่าแคทท้องกับใคร”“แต่ถ้าน้องแคทไม่อยากบอก ก็ไม่เป็นไรนะ พี่เข้าใจ เรื่องนี้พี่เองก็เคยผ่านมาก่อน” แคทรียาเงยหน้ามองพี่สะใภ้ด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็อดอยากรู้ไม่ได้“ตอนพี่มี่ท้องน้องมิวรู้สึกยังไงบ้างเหรอคะ”“อืม...ตอนนั้นเหรอ พี่ก็ดีใจแล้วก็หนักใจไปพร้อมกันน่ะสิ เพราะต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่มันก็รู้สึกดีที่จะมีน้องมิว เขาเป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิตพี่เลยล่ะ”“แล้วพี่โกรธพ่อของน้องมิวไหมค
ปกติเขาไม่ค่อยสนิทหรือใส่ใจน้องสาวต่างมารดาทั้งสามคน แต่กับแคทรียาที่เป็นฝ่ายพาตัวเองเข้าหาเขาและมิรันดาก่อน แล้วก็ช่วยเป็นกาวใจให้เขากับบิดาจนฝ่ายนั้นค่อยๆ เปิดใจยอมรับมิรันดากับน้องมิว จึงทำให้เขาเปิดใจและรู้สึกสนิทกับน้องสาวคนเล็กมากกว่าน้องสาวคนอื่นๆ จนได้รับรู้ว่าลึกๆ แล้วแคทรียาก็มีบางอย่างที่เหมือนกับเขาในอดีตเด็กที่โหยหาความรักมาตลอดชีวิต!“ดื่มน้ำก่อนสิจ๊ะน้องแคท”“แคทมาเอากระเป๋ากับมือถือค่ะพี่มี่”“อ๋อ อยู่นี่จ้ะ พี่เก็บไว้ให้แล้ว ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าวันนี้น้องแคทไม่มาเอา พรุ่งนี้พี่ก็จะเอาไปให้ที่บ้าน” มิรันดาบอกพลางส่งของให้“เมื่อกี้พี่ดิวก็โทรมาถามว่าน้องแคทมาเอากระเป๋าไปหรือยัง อีกเดี๋ยวก็คงมาถึงที่นี่แล้วล่ะ”พอได้ยินแคทรียาก็รีบผุดลุกทันที“งั้นแคทกลับก่อนดีกว่า”“เดี๋ยวสิ เธอเพิ่งมาถึงจะรีบไปไหน น้องมิวอาบน้ำอยู่ เดี๋ยวก็คงลงมา เห็นบ่นว่าคิดถึงอาแคทด้วย อยู่เจอหลานก่อนสิ” คีรินบอกพลางจับสังเกตสีหน้าและอาการของน้องสาว “หรือว่า...เธอไม่อยากเจอใครที่นี่ล่ะ คุณดิวงั้นหรือ”ชื่อของดิฐกรทำให้ใบหน้าสวยถอดสีทันใด“ทำไมล่ะ หรือเขาแกล้งอะไรเราอีก บอกพี่มา เดี๋ยวพี่จะจัดการให้
เมื่อดิฐกรวนรถมาจอดที่ด้านหน้าล็อบบีของโรงพยาบาล ก็ไม่เห็นเงาของหญิงสาวที่รับปากว่าจะรอเขาเสียแล้ว ชายหนุ่มใจหายวาบ รีบคว้าโทรศัพท์จะกดโทรหา แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนนี้แคทรียาไม่มีโทรศัพท์ แถมยังไม่มีกระเป๋าตังค์ด้วย แล้วเธอจะไปไหนได้ หรือว่าไปห้องน้ำ“คุณครับ เห็นผู้หญิงหน้าตาสวยๆ ใส่ชุดสีฟ้าๆ ที่เมื่อกี้นั่งรออยู่ตรงนั้นไหมครับ” ดิฐกรถามพนักงานรับรถที่ประจำอยู่ด้านหน้าเสียงร้อนรน“อ๋อ เห็นครับ เธอเพิ่งขึ้นรถแท็กซี่ออกไปได้เมื่อครู่นี้เองครับ”ชายหนุ่มใจหายวาบ“ขึ้นแท็กซี่ไปแล้วเหรอครับ”“ครับ”“ไปไหนของเขาอีกล่ะเนี่ย” ชายหนุ่มบ่นอย่างหงุดหงิดระคนเป็นห่วง ในเมื่อเขาบอกให้เธอรอตรงนี้ โทรศัพท์ก็ไม่มี เงินก็ไม่มี แถมสภาพร่างกายยังไม่สมบูรณ์อีก หากเกิดแพ้ท้องหน้ามืด เป็นลมในแท็กซี่ขึ้นมาอีกล่ะจะทำยังไง ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วงขึ้นมา ตอนนี้เธอไม่ได้ตัวคนเดียว แต่มีลูกของเขาอยู่ในท้องอีกคน แล้วยัยนั่นไปที่ไหนล่ะเนี่ยหรือว่าจะกลับบ้าน?ไวเท่าใจคิด ดิฐกรจึงรีบขึ้นรถและขับออกไปทันที/////“มี่! แคทไปหาที่บ้านหรือเปล่า” มิรันดามุ่นหัวคิ้วเมื่อได้ยินน้ำเสียงร้อนรนจากอดีตคนรักเก่าถามถึงน้องสาวของสาม
น่าเอ็นดูจังแฮะ มือหนายื่นไปลูบที่เส้นผมสวยเบาๆ“ทำอะไรของพี่เนี่ย ผมแคทยุ่งหมดแล้ว” หญิงสาวแหวใส่ พลางขยับหนีมือเขา ด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก“ผู้หญิงคนนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพี่ตั้งนานแล้ว และไม่มีค่าพอให้เราต้องเข้าใจผิดกันหรอก”“แล้วมาบอกแคททำไม ใครอยากรู้มิทราบ”“พี่อยากบอก เพราะยังไม่อยากถูกเธอเตะก้านคอสลบคาที่โทษฐานนอกใจ”“ทำไมแคทต้องทำแบบนั้นด้วย ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย...”“เป็นสิ ก็เป็นแม่ของลูกไง”“ฮึ” แคทรียาสะบัดหน้าไปอีกทางอย่างหงุดหงิด“เอาเถอะ เลิกสนใจคนอื่นแล้วมาพูดเรื่องของเราดีกว่า เรื่องลูก...”“ทำไมคะ อย่าบอกนะว่าพี่จะให้แคทเอาลูกออก เพราะพี่ไม่ต้องการให้พี่มี่กับคนอื่นๆ รู้ว่ามีลูกกับแคท”“จะบ้าเหรอ ใครจะทำแบบนั้น” ดิฐกรเคาะหน้าผากมนเบาๆ เรียกสติ“ก็พี่ไง พี่ดิวบอกเองว่าเห็นแคทเป็นแค่น้องสาวไม่ใช่หรือไง”“แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน เธอกำลังท้องลูกของพี่”“แล้วถ้าแคทไม่ท้องล่ะ พี่ก็จะเห็นแคทเป็นแค่น้องสาวอยู่เหมือนเดิมใช่ไหม”“...”“งั้นพี่ก็อย่าเสียเวลาเลย บอกแล้วว่าลูกคนเดียวแคทเลี้ยงได้”“แต่ว่าพี่ก็เป็นพ่อ...”“แต่แคทไม่ได้อยากได้แค่พ่อของลูก” หญิงสาวโ
“นี่เธอหมายความว่ายังไง!” “แคท...ที่นี่โรงพยาบาลนะ อย่ามีเรื่อง” ดิฐกรรีบดึงมือแม่สาวขาลุยไว้ พลางกระซิบเตือนสติเกรงว่าจะเกิดเรื่อง ตอนนี้แคทรียาไม่ได้ตัวคนเดียว แต่ยังมีเจ้าตัวเล็กในท้องอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องคอยระวัง“พี่ดิวคะ ผู้หญิงคนนี้ใครเหรอคะ”“พี่ดิวขา...รีบตอบเขาไปสิคะว่าแคทเป็นใคร และเราเป็นอะไรกัน” ดิฐกรหันไปมองดวงหน้าหวานที่ส่งยิ้มร้ายๆ มาให้เหมือนจะบอกว่าหากเขาตอบไม่ดี อาจจะโดนดีได้“นี่แคทรียา...แม่ของลูกผมเอง!”คำนั้นทำให้เจนิสาถึงกับสะอึก อึ้งกิมกี่“แม่ของลูกเหรอคะ...”ดวงตาเขียวปัดหันไปมองชายหนุ่ม แม้คำตอบของเขาจะไม่หักหน้ากัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอพอใจเสียทีเดียวสำหรับดิฐกร...เธอก็เป็นได้แค่แม่ของลูกเท่านั้นสินะแม่ของลูกที่ไม่ใช่เมีย!หญิงสาวหันไปทางดิฐกรด้วยสีหน้าตึง“ส่งยากับใบเสร็จของแคทมา เดี๋ยวจะโอนเงินคืนให้ทีหลัง แล้วถ้าอยากจะรำลึกความหลังต่อกับกิ๊กเก่าก็เชิญตามสบาย”แคทรียาว่าพลางคว้าถุงยาจากมือเขามาถือไว้แล้วรีบปิดจมูก เพราะกลิ่นน้ำหอมฉุนแรงจากกายของเจนิสากำลังทำให้ร่างกายเธอปั่นป่วนจนอยากอาเจียนขึ้นมาอีกครั้ง“อุ๊บ!”“แคทเป็นอะไรไป” ดิฐกรรีบถามอย่างห่วงใย แ
ปลายสายมีเสียงขลุกขลักก่อนจะเปลี่ยนจากเสียงของมิรันดามาเป็นเสียงทุ้มของคีรินแทน“ผมขอคุยกับน้องแคทหน่อยได้ไหมครับ”“ไม่ได้ เพราะตอนนี้เขาหลับอยู่”“พี่คิ...อุ๊บ!” มือหนาตะปบปิดปากที่เตรียมจะฟ้องพี่ชายให้เงียบลง และปรามด้วยสายตาดุ“งั้นแค่นี้ก่อนนะ”ดิฐกรกดวางสายหน้าตาเฉย ก่อนจะปล่อยมือจากปากหญิงสาว“พี่ดิวทำอะไร ทำไมไม่ให้แคทพูดกับพี่คิม”“ชู่ว์...พูดเบาๆ หน่อยได้ไหม เดี๋ยวลูกในท้องก็ตกใจหมดหรอก”แคทรียาฟังแล้วคันไม้คันมืออยากทุบคนตรงหน้าขึ้นมาตงิดๆ ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอย่างที่คิด ก็มีเสียงประกาศเรียกชื่อให้ไปรับยาและชำระเงินที่เคาน์เตอร์เสียก่อน ทำให้ทั้งสองต้องสงบศึกชั่วคราว“นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ อย่าหนีไปไหน เดี๋ยวพี่มา”ชายหนุ่มกำชับสาวจอมดื้อก่อนจะเดินไปจัดการชำระเงินและรับยาให้จนเสร็จเรียบร้อย แต่ตอนจะเดินกลับไปหาหญิงสาวที่นั่งรออยู่ ไม่ทันเห็นใครบางคนที่เดินจ้ำมาจากอีกด้านจึงชนกันอย่างจัง“ว้าย! เดินภาษาอะไรเนี่ย ไม่ดูตาม้าตาเรือบ้างเลย”“ขอโทษครับ” ดิฐกรรีบขอโทษ พลางก้มเก็บถุงยาขึ้นมาจากพื้น แต่ทว่าพอเขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าคู่กรณีชัดๆ เท่านั้นชายหนุ่มก็ถึงกับเบิกตาค้าง อุทาน
คนกำลังซาบซึ้งช็อตฟีลเสียดื้อๆ และถอนสายตาจากภาพหน้าจอก้มมองคนพูดตาเขียวปัด แต่หญิงสาวแกล้งทำเมินใส่ ไม่รู้ไม่ชี้ แล้วหันไปถามคุณหมอสาวที่ทำการอัลตราซาวน์ให้“คุณหมอคะ ฉันจะรู้เพศของลูกได้เมื่อไหร่หรือคะ”คำถามนั้นพลอยทำให้ดิฐกรหูผึ่งไปด้วย“ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติเราสามารถอัลตราซาวน์เพื่อทราบเพศได้เมื่ออายุครรภ์ประมาณสิบสองถึงสิบหกสัปดาห์ ค่ะ แต่หมอจะนัดคุณแม่มาตรวจครรภ์ทุกเดือนเพื่อดูพัฒนาการของเด็กในครรภ์อีกทีนะคะ ระหว่างนี้หากคุณพ่อคุณแม่พบว่ามีอาการผิดปกติก็ให้รีบมาตรวจที่โรงพยาบาลก่อนวันนัดได้”“แล้วผมต้องทำอะไรบ้างครับ” ดิฐกรโพล่งถามขึ้นอย่างกระตือรือร้นโดยไม่สนใจสีหน้าตึงด้วยความหมั่นไส้ของว่าที่แม่ของลูก“ระหว่างที่ตั้งครรภ์คุณพ่อมีหน้าที่ต้องคอยดูแลสุขภาพคุณแม่ให้ดีค่ะ ในคู่มือที่หมอให้ไปจะมีวิธีดูแลตัวเองของคุณแม่ตั้งครรภ์อยู่ รวมถึงข้อควรระวังสำหรับการตั้งครรภ์ อาหารต่างๆ และเรื่องอารมณ์ของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ก็สำคัญนะคะ พยายามอย่าให้เธอต้องเครียดหรือมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจก็จะดีต่อเด็กในครรภ์ที่สุดค่ะ”สองหนุ่มสาวหันมาสบตากัน ก่อนที่แคทรียาจะเบือนหลบสายตาไปมองทางหน้าจออัลตร
ดิฐกรถึงกับนิ่งอึ้ง งุนงง เมื่อเห็นอากัปกิริยาของคนตรงหน้า และด้วยสีหน้าท่าทางของเขาทำให้หญิงสาวตีความเอาเองในวินาทีนั้นว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการมีลูกกับเธอ หรือไม่เขาก็คงกลัวว่าเธอจะเอาลูกมามัดมือชกบังคับให้เขาแต่งงานเพื่อรับผิดชอบเหมือนที่เคยโดนมิรันดาทำน่ะสิไร้สาระ!“พี่ดิวไม่ดีใจเหรอคะที่แคทจะมีลูก...” หญิงสาวแกล้งถามหยั่งเชิงเขา“...”การนิ่งของเขาถือเป็นคำตอบที่ตอกย้ำให้เธอยิ่งแน่ใจในความคิดของตัวเองมากขึ้น ผู้ชายตรงหน้าเหมาะเป็นกิ๊กเท่านั้น แต่ไม่เหมาะจะเป็นสามีหรือพ่อของลูกเธอหรอก“โอเคค่ะ แคทเข้าใจแล้ว”“เธอเข้าใจอะไร”“ก็เข้าใจว่าพี่ดิวไม่อยากมีลูกกับแคท ไม่พร้อมแต่งงาน ไม่อยากโดนผูกมัด เพราะพี่ยังรักและลืมพี่มี่ไม่ได้ใช่ไหม”คำพูดนั้นแทงใจดำของเขาอย่างจัง จนพูดไม่ออก“งั้นพี่ก็อย่าห่วงเลย เพราะแคทจะเป็นซิงเกิลมัม!”“หะ...หา!”“ระหว่างเราจะไม่มีงานแต่งอะไรทั้งนั้น พี่กับแคทไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วเด็กคนนี้ก็ไม่ใช่ลูกพี่ เขาเป็นลูกของแคทคนเดียว พี่ไม่เกี่ยว สบายใจหายห่วงได้เลย จบนะคะ”ดิฐกรได้ฟังแล้วก็ถึงกับสะอึกอึ้งไป“ว่าไงนะ!”“ดีเหมือนกัน ถ้าลูกอยากมีพ่อ แคทก็จะหาพ่อหล่อๆ โปรไฟ
แคทรียาอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง โดยมีชายหนุ่มที่อุ้มเธอเข้ามาโดยไม่แคร์สายตาผู้หญิงที่อยู่ในห้องน้ำแห่งนั้น เขาคอยช่วยลูบหลังลูบไหล่ให้ จนอาการค่อยทุเลาลง ทว่ายังวิงเวียนไม่หายดิฐกรมองใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดของเธออย่างเป็นห่วงระคนสงสัยอะไรบางอย่าง“เธอไม่ได้ท้องใช่ไหม”คำถามนั้นทำเอาแคทรียาสะดุ้งในใจ“ไปให้หมอตรวจหน่อยดีกว่า เดี๋ยวพี่พาไปเอง”“ไม่ต้องค่ะ แคทไปเองได้”“อย่าดื้อกับพี่” ชายหนุ่มกำราบด้วยเสียงดุเข้มหากเป็นในยามปกติ เธอคงไม่ยอมง่ายๆ แต่ในยามนี้เธอทั้งเวียนหัวคลื่นไส้ ร่างกายปั่นป่วนและอ่อนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ไม่อาจต่อกรกับผู้ชายตรงหน้าได้“เดี๋ยวค่ะ แคทต้องไปบอกคุณชลก่อน”ดิฐกรฉุนกึก ตวัดสายตามองคนป่วยแทบคลาน แต่ยังไม่วายห่วงคู่ดูตัวหนุ่มหล่อนั่น“ทำไมล่ะ กลัวไม่ได้สามีหรือไง เอาตัวเองให้รอดก่อนไหม ส่องกระจกดูหน้าเธอตอนนี้สิ ซีดอย่างกับผีตายซาก ขืนออกไปสภาพนี้มีหวัง เจ้าหมอนั่นคงเผ่นหนีกระเจิงมากกว่าจะมาขอแต่งงาน เฮอะ”โอ้โห! นั่นปากหรือตำแยเนี่ยแคทรียาค้อนตาคว่ำ ได้แต่สูดหายใจเข้าออกแรงๆ เพื่อระงับความคุกรุ่นในอกไว้ไม่ให้เผลอโบกคนพูดให้หน้าแหกคามือ โทษฐ