ฝีมือการแต่งหน้าและทำผมของท่านมาไคยังคงทำให้จานีคตกใจอยู่เสมอ เขาอุ้มเธอมาที่เรือนพักของนักบุญหญิง ก่อนจะวางเธอลงบนพื้นหญ้าที่ด้านล่างของหน้าต่าง
“พร้อมนะครับ..” สิ้นเสียงของเขา มาไคก็ไม่ได้ให้เวลาเธอได้ตอบตกลงหรือว่าเตรียมใจเลยแม้แต่น้อย เขายกเอวของเธอขึ้นในทันที ส่วนเธอมีหน้าที่ในการจับบานหน้าต่างเอาไว้แล้วปีนขึ้นไปบนนั้น ส่วนมาไคเขากระโดดตามหลังของเธอมาอย่างสบายๆ “เอาล่ะ ตอนนี้ต้องนอนลงครับ ข้าจะนำ “สิ่งนั้น” ออกจากร่างหายของท่านจานีคเอง” นี่ทำไมเขาจะต้องพูดเองอายเองด้วย..ไม่เข้าใจเลย จานีคพยักหน้า ทว่าเธอไม่ได้นอนลงไปแต่กลับหันหลังให้เขาแล้วโน้มตัวลงไปปลายเตียงเพื่อหาที่จับยึด ฝ่ามือเล็กๆ กำลังจับลงบนเตียง ก่อนจะหันหน้ามาหาเขา “ข้า..พร้อมแล้วค่ะ” มาไคกลืนน้ำลายลงคอก่อนที่เขาจะรีบเลิกกระโปรงของเธอขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขาเช็ดน้ำ..ที่ไหลซึมจากตรงนี้ไปแล้วแต่ดูเหมือนกับว่ามันจะ..ไหลซึมออกมามากกว่าเก่าเสียอีก มาไคคิดว่าต้องเปลี่ยนกางเกงชั้นในเพราะแบบนั้นเขาจึงใช้มือถอดกางเกงชั้นในของท่านจานีคออก แท่งสีเหลืองทองปรากฏให้เห็น กลีบดอกไม้ที่เคยเป็นสีชมพูระเรื่อ บัดนี้มันแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เขาไม่สามารถใช้มือจับแล้วดึงมันออกมาได้เลย เพราะมันโผล่ออกมาไม่ถึงหนึ่งข้อนิ้วด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนั้นเองมาไคจึงใช้มือเพื่อแหวกเปิดกลีบรักนั้นออกมา เขากระทำเรื่องต่อหน้านี้ด้วยสติที่แทบไม่หลงเหลืออยู่ในร่างกาย ปลายนิ้วแข็งทื่อกำลังค่อยๆ สอดเข้าไปในร่องเล็กที่มีแท่งสีทองสอดคา “..อะ..อึ่ก!!” จานีคไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงสอดนิ้วเข้ามา แต่ทว่าเรื่องนั้นเอาไว้ค่อยสงสัย ตอนนี้ร่างกายของเธอมันไวต่อสัมผัสจนไม่รู้จะอดทนอย่างไรดี..บางทีหากว่าเธอได้เสร็จสมสักครั้งเรื่องอะไรอาจจะดีมากกว่านี้ก็ได้ “นี่ข้ารอนานมากแล้วนะแกรนด์ดยุค ท่านนักบุญหญิงอยู่ที่ไหนกันแน่!!” เสียงพูดคุยด้านหน้าห้องดังขึ้นมาเพื่อบอกกับเธอว่า นี่มันใช่เวลาจะมาหาความสุขรึไงกัน!! เสียงพูดของท่านเคาน์ มาไคเองก็ได้ยิน เพราะแบบนั้นเขาเองก็ควรจะจัดการเอาแท่งเจ้าปัญหานี่ออกไปจากร่างกายของท่านจานีคอย่างรวดเร็ว เขาแหวกเปิดโพรงเนื้อเข้าไปอย่างอุกอาจ เพื่อสอดนิ้วเข้าไปด้านใน เขาพยายามใช้นิ้วดันแท่งสีทองนั้นออกมาแต่มันกลับไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด จะเป็นอะไรไหมหากว่าเขา..สอดมันเข้าไปอีกหนึ่งนิ้ว.. “อื้อ!! มาไค..ท่านกำลัง..ทำอะไรกันคะ อ๊า!!” จากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้ว แน่นอนว่ามันยากลำบากมากกว่าเดิมแต่ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถค่อยๆ ใช้นิ้วทั้งสองดันแท่งสีทองนั้นออกมาได้อย่างช้าๆ “..อดทนหน่อยนะครับ มันเอาออกมายากพอสมควร” เขาพยายามดันแท่งนั้นออกไป แต่ราวกับว่าร่องอุ่นกำลังดูดแท่งสีทองนั้นเอาไว้ ทำให้ตอนนี้มาไคกำลังขยับนิ้วเข้าๆ ออก โพรงเนื้ออย่างช้าๆ นี่เขากำลังเอาแท่งนั้นออกไปจริงๆ รึเปล่า ทำไมมันเหมือนกับเขากำลังทำให้แท่งนั้นขยับแทนล่ะ..ให้ตายสิเธอไม่อยากจะส่งเสียงแปลกออกไป แต่มันห้ามได้ที่ไหนกัน เสียงครางเหล่านั้นทำท่าว่าจะหลุดรอดออกมาในทุกครั้งที่เธอหายใจซะด้วยซ้ำ เม็ดเหงื่อผุดซึมบนใบหน้าของมาไค เขากำลังรู้สึกทั้งกดดันอีกทั้งร่างกายก็ร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ให้ตายสิแท่งสีทองที่ว่านี่ทำไมมันถึงเอาออกยากเย็นขนาดนี้ หรือว่าแท่งนี้มันมีเวทมนตร์อันใดร่ายเอาไว้อยู่ หากเป็นปกติ..มาไคคิดว่าการที่ท่านจานีคเปียกเช่นนี้ก็ควรจะหลุดออกมาได้ง่ายๆ แล้วสิ “ทะ..ท่านมาไคคะ ข้ากลัวว่าตัวเองจะทนไม่ไหว เพราะฉะนั้นแล้วช่วยหยุดมัน..หยุดมันสักพักก่อนได้ไหมคะ” นิ้วของเขายังคงขยับคาอยู่ในช่องทาง มาไคยังคงรู้สึกได้ถึงแรงตอดอันกระตือรือร้น จนเขาไม่อยากจะดึงนิ้วกลับออกมาแต่อยากทำอย่างอื่นที่มัน..ลึกซึ้งมากกว่านี้ “ให้ตายเถอะ ข้าไม่รอแล้ว!! เอาไว้พรุ่งนี้เช้าข้าค่อยมาหาท่านนักบุญหญิงใหม่ ฝากท่านแกรนด์ดยุคบอกกล่าวและเน้นย้ำกับทั้งท่านนักบุญหญิงและน้องชายของท่านด้วยว่าข้าจะมาที่นี่เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับท่าน..หวังอย่างยิ่งว่าในวันพรุ่งนี้ข้าจะไม่มาเสียเที่ยวนะครับ” สิ่งเสียงนั้นจานีคก็หลับตาลงในทันที เธอผ่อนลมหายใจยากผ่านทางปลายจมูกเมื่อได้ยินการยอมแพ้ต่อการรอคอยของท่านเคาน์ดาโกแบท “ครับ..ข้าจะบอกท่านจานีคให้ ท่านเคาน์กลับไปก่อนเถิด” ไมเนอร์แทบจะยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อเมื่อเคาน์ดาโกแบทยินยอมจากไปเสียที ก่อนหน้านี้เขาได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวในห้องนั้น ไมเนอร์คิดว่ามาไคและท่านจานีคน่าจะกลับมากแล้ว เพราะอย่างนั้นเขาจึงควรเข้าไปดูท่านนักบุญหญิงสักหน่อย เผื่อว่านางบาดเจ็บหรือว่าเป็นอะไรเขาจะได้ช่วยมาไคดูแลนาง ไมเนอร์เปิดประตูเข้ามาในทันที สิ่งที่เขาลืมทำคือการเคาะประตูหรือว่าการเอ่ยถามคนด้านในก่อน นั่นทำให้ภาพที่เขากำลังเห็นอยู่นี้คือ..ท่านนักบุญหญิงที่กำลังนอนคว่ำอยู่บนเตียง ส่วนล่างของนางกำลังยืนอยู่ด้านล่างและ..มาไค น้องชายของเขากำลังซุกใบหน้าเข้าไปยัง..ส่วนนั้นของท่านจานีค “ขะ..ขออภัยที่ข้าเข้ามาโดยไม่ได้บอก” จานีคอ้าปากค้างที่ท่านไมเนอร์เดินเข้ามาและเห็นภาพที่ไม่สมควรเห็นพอดี เธอหลับตาลงเพื่อหลีกหนีความเขินอาย แต่ในวินาทีที่ท่านไมเนอร์จะหมุนตัวเพื่อเดินออกไปจากห้อง มาไคได้กล่าวรั้งพี่ชายของเขาเอาไว้ “ไมเนอร์อย่าไป..มันไม่ใช่อย่างที่เจ้ากำลังคิดและ..เจ้าควรมาช่วยเหลือข้าสักหน่อย” ชะ..ช่วยงั้นหรือ เขาไม่คิดว่าน้องชายจะมีรสนิยมที่เฉพาะตัวและไม่เหมือนใครเช่นนี้ แต่..ก่อนหน้านี้ทั้งเขาและท่านจานีคเองก็ทำบางอย่างที่มันค้างคา หากจะมาสานต่อไมเนอร์คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรหรอก อีกทั้ง..ส่วนลึกในใจของเขาก็อยากทำกับท่านจานีคอยู่แล้วด้วย ไมเนอร์เลือกที่จะเดินกลับไปที่ประตูและลงกลอนเอาไว้ในทันที เมื่อเขาเดินกลับมาเขาก็เริ่มถอดกระดุมเม็ดบนของตัวเองออกในทันที ตามด้วยเสื้อคลุมด้านนอก และในขณะที่เขากำลังจะถอดเข็มขัด เสียงของมาไคก็ดังขึ้นมา “นั่นเจ้ากำลังจะทำอะไรของเจ้ากัน?” ไมเนอร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “มาไค..เจ้าจะให้ใครเริ่มก่อนล่ะ ข้าหรือว่าเจ้า..หรือจะทำพร้อมกัน?” มาไคยกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ ส่วนจานีคเธอกำลังซุกหน้าลงกับหมอนเพื่อหลีกเลี่ยงความอายอยู่ นี่พวกเขาสองคน พูดคนละเรื่องกันรึเปล่านะ แต่หากว่าจะเข้ามาพร้อมกันทั้งสองคน..เธอก็ไม่ขัดหรอกนะไมเนอร์กำลังเรียบเรียงความคิดเมื่อเขาเห็นสีหน้าที่กำลังตำหนิเขาของน้องชาย..เออ ถึงจะเกิดทีหลังแค่ไม่กี่นาทีแต่ก็นับเป็นน้องนั่นแหละเมื่อครู่ไม่ใช่ว่ามาไคกำลัง..ใช้ปากกับส่วนนั้นของท่านจานีคอยู่อย่างนั้นหรือ แล้วมันยังมีเรื่องเข้าใจผิดแบบไหนได้อีกที่จะคิดว่า..ตอนนี้มาไคกำลังใช้ปากกับส่วนลับของท่านจานีคเพื่อช่วยเหลือนางอย่างนั้นหรือช่วย? เช่นนั้นจะช่วยจากสิ่งใดกัน...ความคิดในหัวของไมเนอร์จางหายไปจนหมดสิ้น เมื่อเขามองเห็นบางอย่างที่กำลังสอดลึกเข้าไปในร่างกายของเธอ..สิ่งนี้เขาเห็นมันตั้งแต่ที่อยู่ในห้องทำงานของท่านคาดินันแล้ว นี่มันยังอยู่ที่เดิมอีกอย่างนั้นหรือ?หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นเมื่อจินตนาการถึงเรื่องลามกที่เกิดขึ้นมาในหัว แล้ว..ร่างกายของท่านจานีคในตอนนี้ไม่อ่อนไหวจนแตะสัมผัสไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือ?มาไคมองหน้าพี่ชายของเขาอีกครั้ง“ข้าไม่มีพลังเวท แต่พี่มีนี่ ถึงแม้ว่ามันจะไม่อาจเทียบเท่ากับพลังที่แสนยิ่งใหญ่ของท่านคาดินัน แต่พี่น่าจะรู้ว่าตรงนี้..มีพลังเวทอันใดที่ร่ายเอาไว้หรือไม่ แบบว่า..ที่เป็นคำสาปอะไรพวกนั้น”เกิดมาในชีวิตนี้จะมีเรื่องที่ทำให้เธออายได้เท่านี้อีกไหมนะ..การที
สิ้นเสียงของท่านจานีค ทั้งมาไคและไมเนอร์ต่างเบนสายตาไปในตำแหน่งเดียวกันนั่นคือสตรีงดงามที่กำลังดึงรั้งเชือกที่มัดชุดเดรสของตัวเองออก“นี่คือการเสียมารยาทนะคะ เมื่อข้าถามจบแล้วพวกท่านควรจะตอบออกมาว่าจะเข้ามาหาข้า หรือว่าจะเดินออกไปตามผู้อื่น อีกทั้งการปล่อยให้สตรีถอดเสื้อผ้าออกด้วยตัวเองข้ามองว่ามันคือการไม่ให้เกียรติกัน..”มาไคเดินเข้าไปหาท่านจานีคในทันที เขาดึงเชือกที่มัดชุดเดรสด้านหลังออกไป ตอนใส่เขาบรรจงร้อยเชือกเข้าไปทีละเส้นแต่ทว่าในตอนถอด นิ้วมือของเขามันกลับพันกันหรืออย่างไรไม่แน่ใจ เขาแทบไม่หลงเหลือสติที่จะถอดมันออกอย่างเรียบร้อยอีกแล้วปลายจมูกโด่งเป็นสันของมาไคจรดลงไปบนไหล่ของจารีค เขาสูดดมกลิ่นกายที่คำนึงหามาเนิ่นนานทั้งในยามหลับและยามตื่นมาไคกำลังกล่าวคำขอโทษในใจ หากความลุ่มหลงนั้นคือกิเลสที่ควรละ..เช่นนั้นวันนี้เขายินยอมให้พระเจ้าลงโทษเขาได้เลยที่อาจหาญฝ่าฝืนคำสอนของพระองค์ และหากราคะคือเปลวไฟแห่งโลกันต์ที่จะทำหน้าที่แผดเผาร่างกายของเขาเมื่อต้องอยู่ในห้วงแห่งอารมณ์ความใคร่ เช่นนั้นแล้ว..มาไคยินยอมให้ชีวิตของเขาหลงเหลือเพียงเถ้าธุลีหรือฝุ่นผง เพื่อให้เขาได้ดังรั้งร่างกายน
มือแกร่งแหวกเรียวขาออกกว้างขึ้น ใบหน้ายื่นเข้ามาในจุดนั้นระยะประชิด เขาแนบริมฝีปากลงไปบนก่อนจะเริ่มใช้ลิ้นปาดเลียจากปุ่มเนื้อเล็กๆ ที่นูนขึ้นเพราะร่างกายไวต่อสัมผัสอยู่แล้วทำให้เพียงแค่ถูกลิ้นของเขาสัมผัสนิดหน่อย ร่างก็เหมือนกำลังลอยขึ้นสูงเลยริมฝีปากเจ้าเล่ห์พรมจูบตรงนั้น ทั้งยังดูดดุนพื้นที่น่าอายอีก“อะ..อึ่ก!!”เธอร้องครางออกมาเพราะดูเหมือนปลายนิ้วของไมเนอร์จะแตะสัมผัสลงไปบนแท่งสีทองที่อยู่ในร่างกาย เขาทำในเรื่องที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนนั่นคือการขยับมัน..ไม่ได้ดึงออกแต่กลับขยับมันเบาๆ ให้เคลื่อนไวไปในร่างกายของเธอลิ้นของเขาละเลงบนส่วนนั้น สะกิดเลียกระทั่งเม็ดเสียวขยายใหญ่ ไมเนอร์รวบตัวของจานีคเอาไว้ไม่ยอมให้เธอถดหรือว่าถอยหนีมาไคละริมฝีปากนั้นออกจากกลีบปากที่แสนเย้ายวนของเธอ.. เขาขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะให้ท่านจานีคพิงลงมาบนร่างกายของเขานี่ดูเหมือนกับว่ามาไคกำลังหวังดีแต่ไม่เลย เพราะมือของเขาสอดมาจากด้านหลังและมันกำลังบีบเคล้นลงไปบนก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นทั้งสองข้าง“อะ..อ๊า!!”บอกตามตรงว่าถึงแม้ว่าตัวเธอจะเคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาหลายครั้ง แต่ทว่าไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะได้ทำแบบสามคนสักที
หลังจากการปลดปล่อยสิ้นสุดลง ความร้อนก็ยังไม่หายไปจากร่างกาย สีหน้าของไมเนอร์สุขสมราวกับตกอยู่ในภวังค์ความสวยงามที่แท้จริงมิใช่ใบหน้าแต่ทว่ามันคือร่างกายและจิตใจของเธอต่างหาก สิ่งที่เย้าย้วนมิใช่ท่าทีหรือการแสดงออก แต่มันเสียงร้องครางแสนหวานที่ทำเอาเขาเกือบคลั่ง ความเบาสบายแผ่กระจายทั่วร่าง เมื่อละอองแห่งความสุขถูกปลดปล่อยออกมาไมเนอร์ฝังปลายจมูกโด่งเป็นสันของเขาซุกไปที่ซอกคอของเธอในยามนี้บางอย่างกำลังประจักษ์แจ้งแก่ใจ ว่าท่านจานีคนั้นเย้ายวนและมีเสน่ห์เป็นที่สุด“ติ้ง!!”“การแจ้งเตือนจากระบบค่ะ ค่าเสน่ห์ของคุณผู้เล่นเพิ่มขึ้นมาจาก 35 เป็น 38 หน่วย ยินดีกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยนะคะ หากค่าเสน่ห์ของคุณผู้เล่นเพิ่มขึ้นถึง 40 หน่วย จะมีเควสพิเศษมาให้ทำเพื่อเพิ่มค่าความสามารถค่ะ ทั้งค่าความฉลาดและค่าพลังเวท พยายามเข้านะคะ”เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นมา จานีคไม่มีแรงแม้แต่จะปรือตาขึ้นมามองมันด้วยซ้ำ เธอกำลังเหนื่อยเป็นอย่างมาก วันนี้มันหนักหนามากเหลือเกินสำหรับเธอ และในยามนี้ดวงตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่งานของเธอก็ยังไม่จบ..ถึงแม้ว่าเธอจะเหนื่อยแต่คำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับท่านมาไคก
แซลัสยกมือขึ้นมาเสยเส้นผมสีทองไปไว้ที่ด้านหลัง เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีอำพันเหม่อมองออกไปยังเรือนพักส่วนที่เป็นหลังคาสีทองและสร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลังที่พักของนักบุญหญิง..แล้วแท่งอัญมณีที่เขาเป็นผู้กดแทรกมันเข้าไปในร่างกายของเธอ ยามนี้มันมิได้อยู่ในร่างกายของเธออีกต่อไปเขาแค่นหัวเราะออกมาพร้อมกับคลายชุดคลุมอาบน้ำที่กำลังสวมอยู่เพื่อให้ลมเย็นยามราตรีพัดผ่านร่างกายของเขาไก..อย่างน้อยเขาก็หวังว่าลมเย็นๆ นั่นจะช่วยทำให้ความเร่าร้อนที่อยู่ในใจจางหายไปได้บ้างเขาไม่อยากปล่อยเธอไป ไม่ได้อยากปล่อยมือจากร่างกายนั้นเลย..แต่เพราะการรั้งเอาไว้มันไม่มีประโยชน์..เขาทำร้าย ทรมาน บังคับ และอีกมากมายที่เขากระทำกับเธอเพื่อให้จานีคผู้นั้นตระหนักให้มากว่านางกำลังอยู่ในอุ้งมือของเขา อยากให้นางเห็นว่าเขาคือผู้กุมชีวิตของนางเอาไว้ อยากให้นางเทิดทูนบูชาเขาให้มาก..แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม คำกล่าวสรรเสริญที่ไร้ค่าไร้ราคาเพราะมันไม่ได้มาจากหัวใจ เธอยังคงต่อต้านเขาเท่าที่มือเล็กๆ ทั้งสองข้างนั้นจะมีแรง..หงุดหงิดชะมัด! หงุดหงิดอย่างถึงที่สุด หงุดหงิดจนไม่อยากจะทำอะไรเลย..ให้ตายสิ!!“ได้เวลาพักผ่อนแล้วนะครับท่า
มาไคยืนอยู่ด้านหลังของท่านนักบุญหญิงจานีค จากมุมที่เขายืนอยู่นี้สามารถมองเห็นแววตาที่ไม่ประสงค์ดีนั้นได้อย่างชัดเจน เขาไม่ชอบขุนนางผู้นี้แต่ก็มิอาจปฏิเสธการเข้าพบนี้ได้เช่นกันถึงเป็นเคาน์แต่ตระกูลดาโกแบทก็มีอำนาจมากพอสมควรในเรื่องของการค้าเรือสำเภาทุกลำในจักรวรรดิแห่งนี้ล้วนแล้วแต่ติดชื่อของตระกูลดาโกแบทเอาไว้บนลำเรือทั้งนั้น เขาคิดว่าการที่ท่านนักบุญหญิงได้พูดคุยกับท่านเคาน์อาจจะส่งผลดีต่อตัวของท่านนักบุญหญิงเองแต่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น เมื่อสายตาที่มองมามันเต็มไปด้วยความรู้สึกหยาบช้า!จานีคยกแก้มน้ำชาขึ้นมาดื่มด้วยท่วงท่าที่สง่างาม เธอไม่มีร่องรอยของความหวั่นไหวใดๆ เลยถึงแม้ว่าจะนั่งตรงข้ามกับบุรุษที่ครองใจสตรีทั่วทั้งจักรวรรดิ..“อย่างที่ท่านนักบุญทราบว่านอกจากราชวงศ์ ตระกูลไบร์ดัว ก็มีตระกูลดาโกแบทของข้าเท่านั้นที่เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการในงานวันชาติครั้งนี้ และ..ข้าคือผู้สนับสนุนหลักของวิหาร..เม็ดเงินมหาศาลที่ข้าสั่งให้ช่างปูผนังและหินอ่อนทั่วทุกพื้นที่ของเรือนพักท่านนักบุญ ก็คือความคิดของข้าทั้งนั้น..ข้าเอ่ยมาเช่นนั้นท่านน่าจะพอเดาได้แล้วใช่ไหมครับว่าข้าหมายถึงสิ
มาไคเผลอยิ้มที่มุมปาก เมื่อเขามองเห็นริมฝีปากที่เชิดรั้นขึ้นเล็กน้อยของท่านจานีค หลังจากอยู่ด้วยกันมาสักระยะมันทำให้เขาเข้าใจในทันทีว่าช่วงเวลานี้ คงกำลังมีเรื่องอะไรสักอย่างที่ทำให้ท่านจานีคไม่พอใจ และไอ้เรื่องที่ว่านั่นก็ยืนทึ่มอยู่เบื้องหน้าของเขาหรือไม่..บางทีเขาควรจะพูดคุยกับพี่ชายให้รู้เรื่อง เพราะตัวของไมเนอร์ก็คงแบกความรู้สึกผิดเอาไว้เช่นเดียวกัน กับเขาท่านจานีคเป็นผู้ออกปากพูดคุยแต่กับไมเนอร์ที่ไม่ได้อยู่กับท่านจานีคตลอดเวลา..คงเป็นหน้าที่ของเขาสินะที่จะต้อง..พูดคุยกับพี่ชายให้เข้าใจ“บังเอิญจังเลยนะครับท่านนักบุญ..เรากำลังจะมุ่งหน้าไปที่ห้องประชุมเหมือนกันพอดีเลย หากว่าท่านไม่รังเกียจเช่นนั้นเข้าไปในนั้นพร้อมกันกับข้าดีไหมครับ”จานีคที่กำลังนึกโกรธทั้งไมเนอร์และมาไค เมื่อเธอมาเจอคนน่ารำคาญอย่างเคาน์ ฟลอยด์ ใจจริงเธออาจจะด่าเขานะ แต่..การใจร้อนไม่ใช่เรื่องที่ดี อีกทั้งในอนาคตเขาคือหนึ่งในตัวละครที่เธอต้องพิชิตใจด้วยนะสิ“ด้วยความยินดีค่ะท่านเคาน์”ฟลอยด์ยิ้มหน้าระรื่น ไม่เสียแรงจริงๆ ที่เขามาดักรออยู่ตรงนี้ บรรยากาศระหว่างท่านนักบุญหญิงและท่านแกรนด์ดยุคไม่ดีเท่าไหร่นัก นี่
แซลัสจ้องมองใบหน้าของจานีคไม่ละสายตา การพบเจอเธอไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไรเลย เพราะเมื่อวานมีชื่อของเธอถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก อาจจะทำให้จานีคคิดว่าเธอควรมาเข้าร่วมประชุมเพื่อไม่ให้ชื่อของตัวเองถูกพูดถึงในทางไม่ดีเธอมาที่นี่ไม่แปลก แต่แปลกที่บุรุษที่เธอเดินมาด้วยคือเคาน์ดาโกแบท บุรุษผู้ได้ชื่อว่านอนกับสตรีไม่เลือกหน้า หรือว่านางอ่อนต่อโลกมากขนาดที่ว่าไม่รู้ชื่อเสียงที่เลวร้ายของท่านเคาน์กันนะ..มิรู้หรืออย่างไรว่าการเดินมากับบุรุษเช่นนั้นจะทำให้ชื่อเสียงของเธอยิ่งแปดเปื้อนมากกว่าเดิม“อันที่จริงข้าจัดเตรียมที่นั่งสำหรับท่านนักบุญหญิงของเราเอาไว้แล้ว..จานีคมานั่งตรงนี้สิ”ความรู้สึกขุ่นเคืองอัดแน่นเต็มอก แต่ แซลัสก็ยังคงปั้นหน้ายิ้มแย้มให้แก่จานีคอยากปฏิเสธชะมัด แต่ก็นั่นแหละคำสั่งของเขาเธอขัดได้ที่ไหนกัน เมื่อข้อความสีแดงเด้งขึ้นมา เธอก็แทบไม่สามารถคงสติเอาไว้ได้เลยด้วยซ้ำ“ขออภัยด้วยนะคะท่านเคาน์..”เธอย่อตัวลงก่อนจะเดินไปยังที่นั่งข้างๆ ท่านคาดินันแซลัส ฟลอยด์กัดฟันกรอด เขาอุตส่าห์ได้โอกาสดีๆ ที่ถือครองเอาไว้ทั้งที เจ้าหัวเหลืองนี่กล้าดีอย่างไรมาแย่งนักบุญจานีคไปจากเขาน่ะเขาขึงตาใส่ค
120 ?ค่าตัวเลขที่ปรากฏต่อสายตานั้นทำให้จานีคต้องกะพริบตาซ้ำอีกครั้ง ใช่แล้วในคราแรกเธอคิดว่าตัวเอง..ตาฝาด ตาฝาดไปแน่ๆ แต่ทว่าสิ่งที่บอกกับเธอว่านี่คือเรื่องจริง ตัวเลขที่เธอเห็นมันไม่ใช่ในความฝันก่อนวันหวยออกแต่อย่างใด มันคือค่าเสน่ห์ที่จะต้องพิชิตใจเจ้าของร่างที่นั่งอยู่ข้างเธอจริงๆ“คุณกำลังตกอยู่ในสถานะถูกล่อลวง”“เควสพิเศษปรากฏ ทำความรู้จักตัวละครลึกลับเพื่อปูทางไปยังตอนจบแสนสุข แค่ทำให้ตัวละครลีออน วอลต์ สนใจในตัวคุณเท่านั้น”สำเร็จภารกิจ ได้รับค่าเสน่ห์เพิ่มจำนวน 5 หน่วยภารกิจล้มเหลว –ค่าเสน่ห์ 5 หน่วยหากถูกลบค่าเสน่ห์ ความสามารถในการพิชิตใจของไมเนอร์ ไบร์ดัวจะถูกยกเลิกเพราะคุณผู้เล่นมีค่าพลังไม่ถึง 45 ตามกำหนดกรุณาทำเควสพิเศษ อย่างระมัดระวังด้วยนะคะ“.......”นี่ฉันจะต้องคำเควสในสภาพที่ตัวเองถูกล่อลวงแบบนี้จริงดิ ร่างกายร้อนแทบมอดไหม้ สองแก้มแดงเห่อร้อนคล้ายจะมีควันพุ่งออกมา แค่รับมือท่านคาดินันแซลัสที่กำลังเอาแต่ใจก็เกินความสามารถแล้ว ยังจะต้องมาพบเจอกับการต้องทำให้..นักเวทลีออนสนใจอีกงั้นเรอะ!!แต่การยินยอมนั่งอยู่เฉยๆ เพื่อมองดูค่าเสน่ห์ของตัวเองลดลงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถ
“ไมเนอร์..เจ้ารู้ดีว่าน้องเป็นคนอย่างไร มาไคเป็นเด็กที่ไม่ค่อยพูดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขามักจะเก็บทุกเรื่องเอาไว้ในหัวใจดวงน้อยของเขา ฉะนั้นแล้วในฐานะที่เจ้าคือพี่..อย่าปล่อยให้หัวใจดวงน้อยๆ ของมาไคแบกรับเรื่องราวมากมายเอาไว้เพียงลำพังนะลูกรัก..”ไมเนอร์รู้ดีว่าชีวิตของเขาในตอนนี้ คนที่เรียกได้ว่าครอบครัวคือท่านแม่และมาไคท่านพ่อของเราด่วนจากไปด้วยโรคร้าย และในวันที่เขากำลังจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูล เหล่าญาติของท่านพ่อก็มาคัดค้านกันอย่างเต็มที่ เพราะทุกคนคิดว่าเด็กอายุ 15 ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะขึ้นเป็นผู้นำ ตระกูลไบร์ดัว แต่อีกเหตุผลหลักก็คือ หากพวกนั้นสามารถผลักเขาออกไปจากตำแหน่งและขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลแทนได้ ทั้งอำนาจและเงินทองมากมายที่ท่านพ่อสร้างมาก็จะตกเป็นของคนผู้นั้น“พินัยกรรมได้เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนถึงเรื่องที่ข้าจะต้องได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลไบร์ดัว ฉะนั้นแล้วไม่มีเหตุผลอันใดที่ข้าจะต้องทนฟังเสียงของญาติที่กระหายในเงินทองและอำนาจ!!”เขาต้องแข็งแกร่ง ไมเนอร์บอกตัวเองเช่นนั้น หากอยากปกป้องตำแหน่งแกรนด์ ดยุคเอาไว้ ปกป้องท่านแม่และน้องชายเขาจะแสดงด้านที่อ่อนแอออกมาไม่ได้เมื่อพิ
จานีคกระตุกยิ้มที่มุมปาก..นี่เขายังมีของแบบนั้นเก็บเอาไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานอีกอย่างนั้นหรือ? บางทีรสนิยมของท่านคาดินันอาจจะไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองก็ได้ และนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยในการที่จะพิชิตใจเขาได้น่ะ“เรื่องนั้น..ข้าคิดว่าท่านแซลัสควรให้ข้าได้พักหรือว่าทำใจสักหน่อยนะคะ เพราะเมื่อวานนี้กว่าจะนำพาเจ้าแท่งสีเหลืองทองนั้นออกจากร่างกายได้..ข้าก็แทบจะตายเหมือนกัน..หากมันจะเอาออกยากเย็นเช่นนั้นท่านก็ควรจะบอกกล่าวกับข้าก่อนสิคะ..”เธอกะพริบตาเบาๆ เพื่อมองหน้าเขา การแสดงออกของจานีคนั้นสบายๆ มากกว่าทุกวัน นั่นทำให้แซลัสกำลังประเมินความคิดของเธออยู่..ปกติแล้วเธอจะเกร็งมากๆ เมื่ออยู่ใกล้ๆ เขา แถมในแววตานั้นยังมีวี่แววความเกลียดชังฉายชัดออกมาอีกด้วยเขาไม่ชินกับจานีคที่ดูน่ารักและออดอ้อนคนนี้เลย หรือเธอคิดว่านี่นั่งข้างๆ ของเขานั้นปลอดภัย คงคิดว่าในห้องประชุมนี้มีผู้คนมากมาย และเขาคงไม่กล้าที่จะทำอะไรเธออย่างนั้นสินะประมาทเกินไปแล้วจานีค..เขาไม่ใช่คนที่จะยินยอมพลาดโอกาสทองในการทำให้ใบหน้านั้นเกิดการปั่นป่วนจนรอยยิ้มที่แสนมั่นใจนั่นจางหายไปจากใบหน้านั้น..แซลัสยกมือขึ้นมาเท้าคางเขากำลังอยู
แซลัสจ้องมองใบหน้าของจานีคไม่ละสายตา การพบเจอเธอไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไรเลย เพราะเมื่อวานมีชื่อของเธอถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก อาจจะทำให้จานีคคิดว่าเธอควรมาเข้าร่วมประชุมเพื่อไม่ให้ชื่อของตัวเองถูกพูดถึงในทางไม่ดีเธอมาที่นี่ไม่แปลก แต่แปลกที่บุรุษที่เธอเดินมาด้วยคือเคาน์ดาโกแบท บุรุษผู้ได้ชื่อว่านอนกับสตรีไม่เลือกหน้า หรือว่านางอ่อนต่อโลกมากขนาดที่ว่าไม่รู้ชื่อเสียงที่เลวร้ายของท่านเคาน์กันนะ..มิรู้หรืออย่างไรว่าการเดินมากับบุรุษเช่นนั้นจะทำให้ชื่อเสียงของเธอยิ่งแปดเปื้อนมากกว่าเดิม“อันที่จริงข้าจัดเตรียมที่นั่งสำหรับท่านนักบุญหญิงของเราเอาไว้แล้ว..จานีคมานั่งตรงนี้สิ”ความรู้สึกขุ่นเคืองอัดแน่นเต็มอก แต่ แซลัสก็ยังคงปั้นหน้ายิ้มแย้มให้แก่จานีคอยากปฏิเสธชะมัด แต่ก็นั่นแหละคำสั่งของเขาเธอขัดได้ที่ไหนกัน เมื่อข้อความสีแดงเด้งขึ้นมา เธอก็แทบไม่สามารถคงสติเอาไว้ได้เลยด้วยซ้ำ“ขออภัยด้วยนะคะท่านเคาน์..”เธอย่อตัวลงก่อนจะเดินไปยังที่นั่งข้างๆ ท่านคาดินันแซลัส ฟลอยด์กัดฟันกรอด เขาอุตส่าห์ได้โอกาสดีๆ ที่ถือครองเอาไว้ทั้งที เจ้าหัวเหลืองนี่กล้าดีอย่างไรมาแย่งนักบุญจานีคไปจากเขาน่ะเขาขึงตาใส่ค
มาไคเผลอยิ้มที่มุมปาก เมื่อเขามองเห็นริมฝีปากที่เชิดรั้นขึ้นเล็กน้อยของท่านจานีค หลังจากอยู่ด้วยกันมาสักระยะมันทำให้เขาเข้าใจในทันทีว่าช่วงเวลานี้ คงกำลังมีเรื่องอะไรสักอย่างที่ทำให้ท่านจานีคไม่พอใจ และไอ้เรื่องที่ว่านั่นก็ยืนทึ่มอยู่เบื้องหน้าของเขาหรือไม่..บางทีเขาควรจะพูดคุยกับพี่ชายให้รู้เรื่อง เพราะตัวของไมเนอร์ก็คงแบกความรู้สึกผิดเอาไว้เช่นเดียวกัน กับเขาท่านจานีคเป็นผู้ออกปากพูดคุยแต่กับไมเนอร์ที่ไม่ได้อยู่กับท่านจานีคตลอดเวลา..คงเป็นหน้าที่ของเขาสินะที่จะต้อง..พูดคุยกับพี่ชายให้เข้าใจ“บังเอิญจังเลยนะครับท่านนักบุญ..เรากำลังจะมุ่งหน้าไปที่ห้องประชุมเหมือนกันพอดีเลย หากว่าท่านไม่รังเกียจเช่นนั้นเข้าไปในนั้นพร้อมกันกับข้าดีไหมครับ”จานีคที่กำลังนึกโกรธทั้งไมเนอร์และมาไค เมื่อเธอมาเจอคนน่ารำคาญอย่างเคาน์ ฟลอยด์ ใจจริงเธออาจจะด่าเขานะ แต่..การใจร้อนไม่ใช่เรื่องที่ดี อีกทั้งในอนาคตเขาคือหนึ่งในตัวละครที่เธอต้องพิชิตใจด้วยนะสิ“ด้วยความยินดีค่ะท่านเคาน์”ฟลอยด์ยิ้มหน้าระรื่น ไม่เสียแรงจริงๆ ที่เขามาดักรออยู่ตรงนี้ บรรยากาศระหว่างท่านนักบุญหญิงและท่านแกรนด์ดยุคไม่ดีเท่าไหร่นัก นี่
มาไคยืนอยู่ด้านหลังของท่านนักบุญหญิงจานีค จากมุมที่เขายืนอยู่นี้สามารถมองเห็นแววตาที่ไม่ประสงค์ดีนั้นได้อย่างชัดเจน เขาไม่ชอบขุนนางผู้นี้แต่ก็มิอาจปฏิเสธการเข้าพบนี้ได้เช่นกันถึงเป็นเคาน์แต่ตระกูลดาโกแบทก็มีอำนาจมากพอสมควรในเรื่องของการค้าเรือสำเภาทุกลำในจักรวรรดิแห่งนี้ล้วนแล้วแต่ติดชื่อของตระกูลดาโกแบทเอาไว้บนลำเรือทั้งนั้น เขาคิดว่าการที่ท่านนักบุญหญิงได้พูดคุยกับท่านเคาน์อาจจะส่งผลดีต่อตัวของท่านนักบุญหญิงเองแต่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น เมื่อสายตาที่มองมามันเต็มไปด้วยความรู้สึกหยาบช้า!จานีคยกแก้มน้ำชาขึ้นมาดื่มด้วยท่วงท่าที่สง่างาม เธอไม่มีร่องรอยของความหวั่นไหวใดๆ เลยถึงแม้ว่าจะนั่งตรงข้ามกับบุรุษที่ครองใจสตรีทั่วทั้งจักรวรรดิ..“อย่างที่ท่านนักบุญทราบว่านอกจากราชวงศ์ ตระกูลไบร์ดัว ก็มีตระกูลดาโกแบทของข้าเท่านั้นที่เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการในงานวันชาติครั้งนี้ และ..ข้าคือผู้สนับสนุนหลักของวิหาร..เม็ดเงินมหาศาลที่ข้าสั่งให้ช่างปูผนังและหินอ่อนทั่วทุกพื้นที่ของเรือนพักท่านนักบุญ ก็คือความคิดของข้าทั้งนั้น..ข้าเอ่ยมาเช่นนั้นท่านน่าจะพอเดาได้แล้วใช่ไหมครับว่าข้าหมายถึงสิ
แซลัสยกมือขึ้นมาเสยเส้นผมสีทองไปไว้ที่ด้านหลัง เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีอำพันเหม่อมองออกไปยังเรือนพักส่วนที่เป็นหลังคาสีทองและสร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลังที่พักของนักบุญหญิง..แล้วแท่งอัญมณีที่เขาเป็นผู้กดแทรกมันเข้าไปในร่างกายของเธอ ยามนี้มันมิได้อยู่ในร่างกายของเธออีกต่อไปเขาแค่นหัวเราะออกมาพร้อมกับคลายชุดคลุมอาบน้ำที่กำลังสวมอยู่เพื่อให้ลมเย็นยามราตรีพัดผ่านร่างกายของเขาไก..อย่างน้อยเขาก็หวังว่าลมเย็นๆ นั่นจะช่วยทำให้ความเร่าร้อนที่อยู่ในใจจางหายไปได้บ้างเขาไม่อยากปล่อยเธอไป ไม่ได้อยากปล่อยมือจากร่างกายนั้นเลย..แต่เพราะการรั้งเอาไว้มันไม่มีประโยชน์..เขาทำร้าย ทรมาน บังคับ และอีกมากมายที่เขากระทำกับเธอเพื่อให้จานีคผู้นั้นตระหนักให้มากว่านางกำลังอยู่ในอุ้งมือของเขา อยากให้นางเห็นว่าเขาคือผู้กุมชีวิตของนางเอาไว้ อยากให้นางเทิดทูนบูชาเขาให้มาก..แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม คำกล่าวสรรเสริญที่ไร้ค่าไร้ราคาเพราะมันไม่ได้มาจากหัวใจ เธอยังคงต่อต้านเขาเท่าที่มือเล็กๆ ทั้งสองข้างนั้นจะมีแรง..หงุดหงิดชะมัด! หงุดหงิดอย่างถึงที่สุด หงุดหงิดจนไม่อยากจะทำอะไรเลย..ให้ตายสิ!!“ได้เวลาพักผ่อนแล้วนะครับท่า
หลังจากการปลดปล่อยสิ้นสุดลง ความร้อนก็ยังไม่หายไปจากร่างกาย สีหน้าของไมเนอร์สุขสมราวกับตกอยู่ในภวังค์ความสวยงามที่แท้จริงมิใช่ใบหน้าแต่ทว่ามันคือร่างกายและจิตใจของเธอต่างหาก สิ่งที่เย้าย้วนมิใช่ท่าทีหรือการแสดงออก แต่มันเสียงร้องครางแสนหวานที่ทำเอาเขาเกือบคลั่ง ความเบาสบายแผ่กระจายทั่วร่าง เมื่อละอองแห่งความสุขถูกปลดปล่อยออกมาไมเนอร์ฝังปลายจมูกโด่งเป็นสันของเขาซุกไปที่ซอกคอของเธอในยามนี้บางอย่างกำลังประจักษ์แจ้งแก่ใจ ว่าท่านจานีคนั้นเย้ายวนและมีเสน่ห์เป็นที่สุด“ติ้ง!!”“การแจ้งเตือนจากระบบค่ะ ค่าเสน่ห์ของคุณผู้เล่นเพิ่มขึ้นมาจาก 35 เป็น 38 หน่วย ยินดีกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยนะคะ หากค่าเสน่ห์ของคุณผู้เล่นเพิ่มขึ้นถึง 40 หน่วย จะมีเควสพิเศษมาให้ทำเพื่อเพิ่มค่าความสามารถค่ะ ทั้งค่าความฉลาดและค่าพลังเวท พยายามเข้านะคะ”เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นมา จานีคไม่มีแรงแม้แต่จะปรือตาขึ้นมามองมันด้วยซ้ำ เธอกำลังเหนื่อยเป็นอย่างมาก วันนี้มันหนักหนามากเหลือเกินสำหรับเธอ และในยามนี้ดวงตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่งานของเธอก็ยังไม่จบ..ถึงแม้ว่าเธอจะเหนื่อยแต่คำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับท่านมาไคก
มือแกร่งแหวกเรียวขาออกกว้างขึ้น ใบหน้ายื่นเข้ามาในจุดนั้นระยะประชิด เขาแนบริมฝีปากลงไปบนก่อนจะเริ่มใช้ลิ้นปาดเลียจากปุ่มเนื้อเล็กๆ ที่นูนขึ้นเพราะร่างกายไวต่อสัมผัสอยู่แล้วทำให้เพียงแค่ถูกลิ้นของเขาสัมผัสนิดหน่อย ร่างก็เหมือนกำลังลอยขึ้นสูงเลยริมฝีปากเจ้าเล่ห์พรมจูบตรงนั้น ทั้งยังดูดดุนพื้นที่น่าอายอีก“อะ..อึ่ก!!”เธอร้องครางออกมาเพราะดูเหมือนปลายนิ้วของไมเนอร์จะแตะสัมผัสลงไปบนแท่งสีทองที่อยู่ในร่างกาย เขาทำในเรื่องที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนนั่นคือการขยับมัน..ไม่ได้ดึงออกแต่กลับขยับมันเบาๆ ให้เคลื่อนไวไปในร่างกายของเธอลิ้นของเขาละเลงบนส่วนนั้น สะกิดเลียกระทั่งเม็ดเสียวขยายใหญ่ ไมเนอร์รวบตัวของจานีคเอาไว้ไม่ยอมให้เธอถดหรือว่าถอยหนีมาไคละริมฝีปากนั้นออกจากกลีบปากที่แสนเย้ายวนของเธอ.. เขาขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะให้ท่านจานีคพิงลงมาบนร่างกายของเขานี่ดูเหมือนกับว่ามาไคกำลังหวังดีแต่ไม่เลย เพราะมือของเขาสอดมาจากด้านหลังและมันกำลังบีบเคล้นลงไปบนก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นทั้งสองข้าง“อะ..อ๊า!!”บอกตามตรงว่าถึงแม้ว่าตัวเธอจะเคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาหลายครั้ง แต่ทว่าไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะได้ทำแบบสามคนสักที