สิ้นเสียงของท่านจานีค ทั้งมาไคและไมเนอร์ต่างเบนสายตาไปในตำแหน่งเดียวกันนั่นคือสตรีงดงามที่กำลังดึงรั้งเชือกที่มัดชุดเดรสของตัวเองออก
“นี่คือการเสียมารยาทนะคะ เมื่อข้าถามจบแล้วพวกท่านควรจะตอบออกมาว่าจะเข้ามาหาข้า หรือว่าจะเดินออกไปตามผู้อื่น อีกทั้งการปล่อยให้สตรีถอดเสื้อผ้าออกด้วยตัวเองข้ามองว่ามันคือการไม่ให้เกียรติกัน..” มาไคเดินเข้าไปหาท่านจานีคในทันที เขาดึงเชือกที่มัดชุดเดรสด้านหลังออกไป ตอนใส่เขาบรรจงร้อยเชือกเข้าไปทีละเส้นแต่ทว่าในตอนถอด นิ้วมือของเขามันกลับพันกันหรืออย่างไรไม่แน่ใจ เขาแทบไม่หลงเหลือสติที่จะถอดมันออกอย่างเรียบร้อยอีกแล้ว ปลายจมูกโด่งเป็นสันของมาไคจรดลงไปบนไหล่ของจารีค เขาสูดดมกลิ่นกายที่คำนึงหามาเนิ่นนานทั้งในยามหลับและยามตื่น มาไคกำลังกล่าวคำขอโทษในใจ หากความลุ่มหลงนั้นคือกิเลสที่ควรละ..เช่นนั้นวันนี้เขายินยอมให้พระเจ้าลงโทษเขาได้เลยที่อาจหาญฝ่าฝืนคำสอนของพระองค์ และหากราคะคือเปลวไฟแห่งโลกันต์ที่จะทำหน้าที่แผดเผาร่างกายของเขาเมื่อต้องอยู่ในห้วงแห่งอารมณ์ความใคร่ เช่นนั้นแล้ว..มาไคยินยอมให้ชีวิตของเขาหลงเหลือเพียงเถ้าธุลีหรือฝุ่นผง เพื่อให้เขาได้ดังรั้งร่างกายนั้นมากอดเอาไว้ แล้วลุ่มหลงไปในตัณหาและราคะที่กำลังยึดเหนี่ยวจิตใจของเขาเอาไว้ เขาถอดชุดเดรสที่เธอสวมออกมาอย่างไม่ลังเลและอาจจะเป็นเพราะเขาคือผู้ที่สวมมันให้เธอ ด้วยเหตุนั้นมันจึงทำให้เขาถอดมันออกได้ง่ายๆ เรือนผมสีเงินสว่างสยายลงมาในทันทีเมื่อมาไคถอดเครื่องประดับออกจากศีรษะของเธอ “ต้องแบบนั้นมาไค..ต้องทำให้ชัดเจนสิว่าในยามนี้ท่านกำลังต้องการสิ่งใด” “ข้ากระทำการอันชัดเจนเช่นนี้แล้ว..ท่านจานีคคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ หากข้าจะทำ..ตามที่ใจของข้ากำลังต้องการ” เธอยกมือขึ้นมากุมใบหน้าของเขาเอาไว้ “แน่นอนมาไค..ทุกอย่างที่ท่านต้องการจากร่างกายของข้า จงนำพาความสุขสมอันหามิได้จากที่ใดมาแลกเปลี่ยนกับการเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธ์ุแห่งความสุขไปจากร่างกายของข้าสิ” เขาจ้องริมฝีปากนั้นอย่างไม่อาจควบคุม เมื่อครู่แค่ได้ลองสัมผัสเข้าไปในร่างกายของเธอ ส่วนนั้นของเขาก็ลุกชันขึ้นมาจนปวดหน่วงไปหมด ริมฝีปากของมาไคเริ่มต้นการพรมจูบบนใบหน้าของจานีคจากหน้าผาก ตามด้วยเรือนแก้มทั้งสองข้างแล้วหยุดลงตรงริมฝีปากนั้น เขาทาบริมฝีปากลงไปด้วยความกล้าๆ กลัวๆ แน่นอนว่าเขาไม่เคยจูบ..เรื่องการแตะต้องสตรีนั้นเขาเองก็ไม่เคยกระทำ หลังจากเสร็จสิ้นสงครามเมื่อมีคำทำนายขึ้นมาว่านักบุญหญิงจะปรากฏตัวขึ้นในอีกแปดปีข้างหน้า มาไคใช้ระยะเวลาแปดปีนั้นไปกับการเข้ารับการฝึกเพื่อเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์ หน้าที่ของข้าคือการให้ทุกสิ่งอย่างที่ท่านนักบุญหญิงต้องการรวมไปถึงร่างกายและจิตวิญญาณของเขา ถึงแม้ว่าการเดินเข้ามาอยู่ในตำแหน่งนี้มันจะเป็นเพราะตระกูลไบร์ดัวมีหน้าที่ต้องปกป้องราชวงศ์ก็เถอะ แต่ทว่าเขามีใจ..ในการที่จะเป็นข้ารับใช้ของท่านนักบุญหญิงจานีคจริงๆ เธอตัวเล็กชนิดที่ว่าแค่เขาอุ้มเพียงมือเดียวก็เพียงพอ เธองดงาม..นั่นคือเรื่องที่ไม่อาจปฏิเสธได้และเธอก็แสนเอาแต่ใจ ยกตัวอย่างเช่นการที่เธอพยายาม..ยั่วยวนเขา มาไคไม่รู้ว่าการกระทำเช่นนั้นมันคือการทำให้เขายอมภักดีต่อเธอหรือว่ามันคือการเล่นสนุกแต่ทว่า..ไม่ว่าเธอจะต้องการสิ่งใด หน้าที่ของเขาคือการทำให้เธอได้ในทุกสิ่งที่เธอปรารถนา.. และในยามนี้เธอต้องการเขา..เช่นนั้นเขาจะยังรั้งรอสิ่งใดอีกเล่า.. เขาแนบริมฝีปากแช่ค้างเอาไว้ ผ่อนลมหายใจออกทางริมฝีปากที่สั่นระริก จานีคหลับตาลงช้าๆ เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อมองเห็นมาไคกำลังกดริมฝีปากลงมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ พานทำให้รสชาติการจูบของเรามันแปลกนิดหน่อย เธอที่เป็นฝ่ายถูกจูบมิรู้ว่าควรทำเช่นไรดี หรือว่าเธอควรจะสอนพ่อหนุ่มไร้เดียงสาที่วันๆ เอาแต่ถือดาบและอ่านตำราคนนี้สักหน่อย เกลียวลิ้นร้อนกดแทรกเข้าไปในปากของมาไค เขาสะดุ้งแต่ก็ไม่ถึงกับผละริมฝีปากออก ในช่วงเวลาที่เกลียวลิ้นนั้นกำลังทำหน้าที่พัวพันไปมาในปากของเขามันรู้สึก..ดีอย่างบอกไม่ถูก และเขาเองก็มีความตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าจะทำให้ท่านจานีครู้สึกเช่นเดียวกัน เขางับริมฝีปากของเธอเบาๆ กลิ่นอายของเธอแทรกซึมเข้ามาอย่างหวานล้ำ มาไครู้สึกถึงลิ้นอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน เขาแลบเลียริมฝีปากบนล่างก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายรุกแทน มาไคไม่เคยจูบมาก่อน แต่เขาทำทุกอย่างตามสัญชาตญาณที่แรงกล้า เหมือนกับทารกแรกเกิดที่รู้ว่าต้องร้องไห้และดื่มนมมารดา มาไคเป็นเช่นนั้น ไมเนอร์กลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก เขาถอดเสื้อตัวนอกของตัวเองออก ตามด้วยกางเกงที่สวม เขาไม่อยากทำให้จานีคต้องเปลือยเปล่าเพียงผู้เดียวนั่นมันน่าอายมากเกินไป ฉะนั้นแล้วเขาจึงต้องถอดชุดออกเป็นเพื่อนเธอ สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือต้องทำให้เธอเสร็จสมเสียก่อน..เราถึงจะได้กระทำในขั้นต่อไป.. เพราะมีแท่งบ้าๆ นี่กำลังขวางทางอยู่อย่างนั้นสินะ และเมื่อครู่มาไคคงพยายามใช้ฟันของตนเองเพื่อดึงรั้นมันออกมา แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ใช่ฟันหรือว่ามือในการดึง..แต่จะใช้ลิ้นและนิ้วเพื่อทำให้เธอเสร็จสม ไมเนอร์นึกขำในใจเพราะตอนนี้เรากำลังสลับบทบาทกันสินะ ตอนที่อยู่ในห้องประชุมเธอเลียส่วนนั้นของเขาราวกับว่ามันคือลูกกวาด และเขาต้องใช้ความอดทนทั้งชีวิตเพื่อไม่ให้ตนเองส่งเสียงร้องครางออกมา ตอนนี้ไมเนอร์กำลังขอบคุณตัวเองในใจที่เขาอดทนเก่งปานนั้น เพราะหากเสียงร้องครางหลุดออกมาจากลำคอแม้แต่นิดเดียว ความคงแตกแน่ๆ จานีคสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อขาทั้งสองข้างของเธอถูกยกขึ้นมาแนบชิดลำตัว ด้วยท่วงท่านี้มันทำให้สะโพกของเธอยกสูงขึ้นมา และกับบางอย่างที่ไม่ควรให้ใครเห็นก็กำลังตกอยู่ในสายตาของท่านไมเนอร์ เธอเบนสายตาไปมองหน้าของท่านไมเนอร์ ขณะที่ริมฝีปากยังคงถูกพันธนาการของท่านมาไค หัวใจของจานีคเต้นแรงมากขึ้นเมื่อเธอพบว่าท่านไมเนอร์มิได้สวมสิ่งใดบนร่างกายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว เขาเปลือยเปล่าและร่างกายนั้นก็..ดีเลิศเหมือนกับที่เธอจินตนาการเอาไว้.. “ขั้นแรกข้าต้องทำให้ท่านจานีคเสร็จสมเสียก่อน แล้วก็..ข้าไม่อยากเป็นฝ่ายรับเพียงอย่างเดียว..เมื่อท่านทำสิ่งใดให้ข้า ข้าก็ควรตอบแทนด้วยการทำสิ่งเดียวกันกับที่ท่านทำ..” ไมเนอร์กล่าวออกมาก่อนใบหน้าของเขาจะเลื่อนต่ำลงมือแกร่งแหวกเรียวขาออกกว้างขึ้น ใบหน้ายื่นเข้ามาในจุดนั้นระยะประชิด เขาแนบริมฝีปากลงไปบนก่อนจะเริ่มใช้ลิ้นปาดเลียจากปุ่มเนื้อเล็กๆ ที่นูนขึ้นเพราะร่างกายไวต่อสัมผัสอยู่แล้วทำให้เพียงแค่ถูกลิ้นของเขาสัมผัสนิดหน่อย ร่างก็เหมือนกำลังลอยขึ้นสูงเลยริมฝีปากเจ้าเล่ห์พรมจูบตรงนั้น ทั้งยังดูดดุนพื้นที่น่าอายอีก“อะ..อึ่ก!!”เธอร้องครางออกมาเพราะดูเหมือนปลายนิ้วของไมเนอร์จะแตะสัมผัสลงไปบนแท่งสีทองที่อยู่ในร่างกาย เขาทำในเรื่องที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนนั่นคือการขยับมัน..ไม่ได้ดึงออกแต่กลับขยับมันเบาๆ ให้เคลื่อนไวไปในร่างกายของเธอลิ้นของเขาละเลงบนส่วนนั้น สะกิดเลียกระทั่งเม็ดเสียวขยายใหญ่ ไมเนอร์รวบตัวของจานีคเอาไว้ไม่ยอมให้เธอถดหรือว่าถอยหนีมาไคละริมฝีปากนั้นออกจากกลีบปากที่แสนเย้ายวนของเธอ.. เขาขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะให้ท่านจานีคพิงลงมาบนร่างกายของเขานี่ดูเหมือนกับว่ามาไคกำลังหวังดีแต่ไม่เลย เพราะมือของเขาสอดมาจากด้านหลังและมันกำลังบีบเคล้นลงไปบนก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นทั้งสองข้าง“อะ..อ๊า!!”บอกตามตรงว่าถึงแม้ว่าตัวเธอจะเคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาหลายครั้ง แต่ทว่าไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะได้ทำแบบสามคนสักที
หลังจากการปลดปล่อยสิ้นสุดลง ความร้อนก็ยังไม่หายไปจากร่างกาย สีหน้าของไมเนอร์สุขสมราวกับตกอยู่ในภวังค์ความสวยงามที่แท้จริงมิใช่ใบหน้าแต่ทว่ามันคือร่างกายและจิตใจของเธอต่างหาก สิ่งที่เย้าย้วนมิใช่ท่าทีหรือการแสดงออก แต่มันเสียงร้องครางแสนหวานที่ทำเอาเขาเกือบคลั่ง ความเบาสบายแผ่กระจายทั่วร่าง เมื่อละอองแห่งความสุขถูกปลดปล่อยออกมาไมเนอร์ฝังปลายจมูกโด่งเป็นสันของเขาซุกไปที่ซอกคอของเธอในยามนี้บางอย่างกำลังประจักษ์แจ้งแก่ใจ ว่าท่านจานีคนั้นเย้ายวนและมีเสน่ห์เป็นที่สุด“ติ้ง!!”“การแจ้งเตือนจากระบบค่ะ ค่าเสน่ห์ของคุณผู้เล่นเพิ่มขึ้นมาจาก 35 เป็น 38 หน่วย ยินดีกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยนะคะ หากค่าเสน่ห์ของคุณผู้เล่นเพิ่มขึ้นถึง 40 หน่วย จะมีเควสพิเศษมาให้ทำเพื่อเพิ่มค่าความสามารถค่ะ ทั้งค่าความฉลาดและค่าพลังเวท พยายามเข้านะคะ”เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นมา จานีคไม่มีแรงแม้แต่จะปรือตาขึ้นมามองมันด้วยซ้ำ เธอกำลังเหนื่อยเป็นอย่างมาก วันนี้มันหนักหนามากเหลือเกินสำหรับเธอ และในยามนี้ดวงตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่งานของเธอก็ยังไม่จบ..ถึงแม้ว่าเธอจะเหนื่อยแต่คำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับท่านมาไคก
แซลัสยกมือขึ้นมาเสยเส้นผมสีทองไปไว้ที่ด้านหลัง เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีอำพันเหม่อมองออกไปยังเรือนพักส่วนที่เป็นหลังคาสีทองและสร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลังที่พักของนักบุญหญิง..แล้วแท่งอัญมณีที่เขาเป็นผู้กดแทรกมันเข้าไปในร่างกายของเธอ ยามนี้มันมิได้อยู่ในร่างกายของเธออีกต่อไปเขาแค่นหัวเราะออกมาพร้อมกับคลายชุดคลุมอาบน้ำที่กำลังสวมอยู่เพื่อให้ลมเย็นยามราตรีพัดผ่านร่างกายของเขาไก..อย่างน้อยเขาก็หวังว่าลมเย็นๆ นั่นจะช่วยทำให้ความเร่าร้อนที่อยู่ในใจจางหายไปได้บ้างเขาไม่อยากปล่อยเธอไป ไม่ได้อยากปล่อยมือจากร่างกายนั้นเลย..แต่เพราะการรั้งเอาไว้มันไม่มีประโยชน์..เขาทำร้าย ทรมาน บังคับ และอีกมากมายที่เขากระทำกับเธอเพื่อให้จานีคผู้นั้นตระหนักให้มากว่านางกำลังอยู่ในอุ้งมือของเขา อยากให้นางเห็นว่าเขาคือผู้กุมชีวิตของนางเอาไว้ อยากให้นางเทิดทูนบูชาเขาให้มาก..แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม คำกล่าวสรรเสริญที่ไร้ค่าไร้ราคาเพราะมันไม่ได้มาจากหัวใจ เธอยังคงต่อต้านเขาเท่าที่มือเล็กๆ ทั้งสองข้างนั้นจะมีแรง..หงุดหงิดชะมัด! หงุดหงิดอย่างถึงที่สุด หงุดหงิดจนไม่อยากจะทำอะไรเลย..ให้ตายสิ!!“ได้เวลาพักผ่อนแล้วนะครับท่า
มาไคยืนอยู่ด้านหลังของท่านนักบุญหญิงจานีค จากมุมที่เขายืนอยู่นี้สามารถมองเห็นแววตาที่ไม่ประสงค์ดีนั้นได้อย่างชัดเจน เขาไม่ชอบขุนนางผู้นี้แต่ก็มิอาจปฏิเสธการเข้าพบนี้ได้เช่นกันถึงเป็นเคาน์แต่ตระกูลดาโกแบทก็มีอำนาจมากพอสมควรในเรื่องของการค้าเรือสำเภาทุกลำในจักรวรรดิแห่งนี้ล้วนแล้วแต่ติดชื่อของตระกูลดาโกแบทเอาไว้บนลำเรือทั้งนั้น เขาคิดว่าการที่ท่านนักบุญหญิงได้พูดคุยกับท่านเคาน์อาจจะส่งผลดีต่อตัวของท่านนักบุญหญิงเองแต่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น เมื่อสายตาที่มองมามันเต็มไปด้วยความรู้สึกหยาบช้า!จานีคยกแก้มน้ำชาขึ้นมาดื่มด้วยท่วงท่าที่สง่างาม เธอไม่มีร่องรอยของความหวั่นไหวใดๆ เลยถึงแม้ว่าจะนั่งตรงข้ามกับบุรุษที่ครองใจสตรีทั่วทั้งจักรวรรดิ..“อย่างที่ท่านนักบุญทราบว่านอกจากราชวงศ์ ตระกูลไบร์ดัว ก็มีตระกูลดาโกแบทของข้าเท่านั้นที่เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการในงานวันชาติครั้งนี้ และ..ข้าคือผู้สนับสนุนหลักของวิหาร..เม็ดเงินมหาศาลที่ข้าสั่งให้ช่างปูผนังและหินอ่อนทั่วทุกพื้นที่ของเรือนพักท่านนักบุญ ก็คือความคิดของข้าทั้งนั้น..ข้าเอ่ยมาเช่นนั้นท่านน่าจะพอเดาได้แล้วใช่ไหมครับว่าข้าหมายถึงสิ
มาไคเผลอยิ้มที่มุมปาก เมื่อเขามองเห็นริมฝีปากที่เชิดรั้นขึ้นเล็กน้อยของท่านจานีค หลังจากอยู่ด้วยกันมาสักระยะมันทำให้เขาเข้าใจในทันทีว่าช่วงเวลานี้ คงกำลังมีเรื่องอะไรสักอย่างที่ทำให้ท่านจานีคไม่พอใจ และไอ้เรื่องที่ว่านั่นก็ยืนทึ่มอยู่เบื้องหน้าของเขาหรือไม่..บางทีเขาควรจะพูดคุยกับพี่ชายให้รู้เรื่อง เพราะตัวของไมเนอร์ก็คงแบกความรู้สึกผิดเอาไว้เช่นเดียวกัน กับเขาท่านจานีคเป็นผู้ออกปากพูดคุยแต่กับไมเนอร์ที่ไม่ได้อยู่กับท่านจานีคตลอดเวลา..คงเป็นหน้าที่ของเขาสินะที่จะต้อง..พูดคุยกับพี่ชายให้เข้าใจ“บังเอิญจังเลยนะครับท่านนักบุญ..เรากำลังจะมุ่งหน้าไปที่ห้องประชุมเหมือนกันพอดีเลย หากว่าท่านไม่รังเกียจเช่นนั้นเข้าไปในนั้นพร้อมกันกับข้าดีไหมครับ”จานีคที่กำลังนึกโกรธทั้งไมเนอร์และมาไค เมื่อเธอมาเจอคนน่ารำคาญอย่างเคาน์ ฟลอยด์ ใจจริงเธออาจจะด่าเขานะ แต่..การใจร้อนไม่ใช่เรื่องที่ดี อีกทั้งในอนาคตเขาคือหนึ่งในตัวละครที่เธอต้องพิชิตใจด้วยนะสิ“ด้วยความยินดีค่ะท่านเคาน์”ฟลอยด์ยิ้มหน้าระรื่น ไม่เสียแรงจริงๆ ที่เขามาดักรออยู่ตรงนี้ บรรยากาศระหว่างท่านนักบุญหญิงและท่านแกรนด์ดยุคไม่ดีเท่าไหร่นัก นี่
แซลัสจ้องมองใบหน้าของจานีคไม่ละสายตา การพบเจอเธอไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไรเลย เพราะเมื่อวานมีชื่อของเธอถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก อาจจะทำให้จานีคคิดว่าเธอควรมาเข้าร่วมประชุมเพื่อไม่ให้ชื่อของตัวเองถูกพูดถึงในทางไม่ดีเธอมาที่นี่ไม่แปลก แต่แปลกที่บุรุษที่เธอเดินมาด้วยคือเคาน์ดาโกแบท บุรุษผู้ได้ชื่อว่านอนกับสตรีไม่เลือกหน้า หรือว่านางอ่อนต่อโลกมากขนาดที่ว่าไม่รู้ชื่อเสียงที่เลวร้ายของท่านเคาน์กันนะ..มิรู้หรืออย่างไรว่าการเดินมากับบุรุษเช่นนั้นจะทำให้ชื่อเสียงของเธอยิ่งแปดเปื้อนมากกว่าเดิม“อันที่จริงข้าจัดเตรียมที่นั่งสำหรับท่านนักบุญหญิงของเราเอาไว้แล้ว..จานีคมานั่งตรงนี้สิ”ความรู้สึกขุ่นเคืองอัดแน่นเต็มอก แต่ แซลัสก็ยังคงปั้นหน้ายิ้มแย้มให้แก่จานีคอยากปฏิเสธชะมัด แต่ก็นั่นแหละคำสั่งของเขาเธอขัดได้ที่ไหนกัน เมื่อข้อความสีแดงเด้งขึ้นมา เธอก็แทบไม่สามารถคงสติเอาไว้ได้เลยด้วยซ้ำ“ขออภัยด้วยนะคะท่านเคาน์..”เธอย่อตัวลงก่อนจะเดินไปยังที่นั่งข้างๆ ท่านคาดินันแซลัส ฟลอยด์กัดฟันกรอด เขาอุตส่าห์ได้โอกาสดีๆ ที่ถือครองเอาไว้ทั้งที เจ้าหัวเหลืองนี่กล้าดีอย่างไรมาแย่งนักบุญจานีคไปจากเขาน่ะเขาขึงตาใส่ค
จานีคกระตุกยิ้มที่มุมปาก..นี่เขายังมีของแบบนั้นเก็บเอาไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานอีกอย่างนั้นหรือ? บางทีรสนิยมของท่านคาดินันอาจจะไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองก็ได้ และนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยในการที่จะพิชิตใจเขาได้น่ะ“เรื่องนั้น..ข้าคิดว่าท่านแซลัสควรให้ข้าได้พักหรือว่าทำใจสักหน่อยนะคะ เพราะเมื่อวานนี้กว่าจะนำพาเจ้าแท่งสีเหลืองทองนั้นออกจากร่างกายได้..ข้าก็แทบจะตายเหมือนกัน..หากมันจะเอาออกยากเย็นเช่นนั้นท่านก็ควรจะบอกกล่าวกับข้าก่อนสิคะ..”เธอกะพริบตาเบาๆ เพื่อมองหน้าเขา การแสดงออกของจานีคนั้นสบายๆ มากกว่าทุกวัน นั่นทำให้แซลัสกำลังประเมินความคิดของเธออยู่..ปกติแล้วเธอจะเกร็งมากๆ เมื่ออยู่ใกล้ๆ เขา แถมในแววตานั้นยังมีวี่แววความเกลียดชังฉายชัดออกมาอีกด้วยเขาไม่ชินกับจานีคที่ดูน่ารักและออดอ้อนคนนี้เลย หรือเธอคิดว่านี่นั่งข้างๆ ของเขานั้นปลอดภัย คงคิดว่าในห้องประชุมนี้มีผู้คนมากมาย และเขาคงไม่กล้าที่จะทำอะไรเธออย่างนั้นสินะประมาทเกินไปแล้วจานีค..เขาไม่ใช่คนที่จะยินยอมพลาดโอกาสทองในการทำให้ใบหน้านั้นเกิดการปั่นป่วนจนรอยยิ้มที่แสนมั่นใจนั่นจางหายไปจากใบหน้านั้น..แซลัสยกมือขึ้นมาเท้าคางเขากำลังอยู
“ไมเนอร์..เจ้ารู้ดีว่าน้องเป็นคนอย่างไร มาไคเป็นเด็กที่ไม่ค่อยพูดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขามักจะเก็บทุกเรื่องเอาไว้ในหัวใจดวงน้อยของเขา ฉะนั้นแล้วในฐานะที่เจ้าคือพี่..อย่าปล่อยให้หัวใจดวงน้อยๆ ของมาไคแบกรับเรื่องราวมากมายเอาไว้เพียงลำพังนะลูกรัก..”ไมเนอร์รู้ดีว่าชีวิตของเขาในตอนนี้ คนที่เรียกได้ว่าครอบครัวคือท่านแม่และมาไคท่านพ่อของเราด่วนจากไปด้วยโรคร้าย และในวันที่เขากำลังจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูล เหล่าญาติของท่านพ่อก็มาคัดค้านกันอย่างเต็มที่ เพราะทุกคนคิดว่าเด็กอายุ 15 ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะขึ้นเป็นผู้นำ ตระกูลไบร์ดัว แต่อีกเหตุผลหลักก็คือ หากพวกนั้นสามารถผลักเขาออกไปจากตำแหน่งและขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลแทนได้ ทั้งอำนาจและเงินทองมากมายที่ท่านพ่อสร้างมาก็จะตกเป็นของคนผู้นั้น“พินัยกรรมได้เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนถึงเรื่องที่ข้าจะต้องได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลไบร์ดัว ฉะนั้นแล้วไม่มีเหตุผลอันใดที่ข้าจะต้องทนฟังเสียงของญาติที่กระหายในเงินทองและอำนาจ!!”เขาต้องแข็งแกร่ง ไมเนอร์บอกตัวเองเช่นนั้น หากอยากปกป้องตำแหน่งแกรนด์ ดยุคเอาไว้ ปกป้องท่านแม่และน้องชายเขาจะแสดงด้านที่อ่อนแอออกมาไม่ได้เมื่อพิ
120 ?ค่าตัวเลขที่ปรากฏต่อสายตานั้นทำให้จานีคต้องกะพริบตาซ้ำอีกครั้ง ใช่แล้วในคราแรกเธอคิดว่าตัวเอง..ตาฝาด ตาฝาดไปแน่ๆ แต่ทว่าสิ่งที่บอกกับเธอว่านี่คือเรื่องจริง ตัวเลขที่เธอเห็นมันไม่ใช่ในความฝันก่อนวันหวยออกแต่อย่างใด มันคือค่าเสน่ห์ที่จะต้องพิชิตใจเจ้าของร่างที่นั่งอยู่ข้างเธอจริงๆ“คุณกำลังตกอยู่ในสถานะถูกล่อลวง”“เควสพิเศษปรากฏ ทำความรู้จักตัวละครลึกลับเพื่อปูทางไปยังตอนจบแสนสุข แค่ทำให้ตัวละครลีออน วอลต์ สนใจในตัวคุณเท่านั้น”สำเร็จภารกิจ ได้รับค่าเสน่ห์เพิ่มจำนวน 5 หน่วยภารกิจล้มเหลว –ค่าเสน่ห์ 5 หน่วยหากถูกลบค่าเสน่ห์ ความสามารถในการพิชิตใจของไมเนอร์ ไบร์ดัวจะถูกยกเลิกเพราะคุณผู้เล่นมีค่าพลังไม่ถึง 45 ตามกำหนดกรุณาทำเควสพิเศษ อย่างระมัดระวังด้วยนะคะ“.......”นี่ฉันจะต้องคำเควสในสภาพที่ตัวเองถูกล่อลวงแบบนี้จริงดิ ร่างกายร้อนแทบมอดไหม้ สองแก้มแดงเห่อร้อนคล้ายจะมีควันพุ่งออกมา แค่รับมือท่านคาดินันแซลัสที่กำลังเอาแต่ใจก็เกินความสามารถแล้ว ยังจะต้องมาพบเจอกับการต้องทำให้..นักเวทลีออนสนใจอีกงั้นเรอะ!!แต่การยินยอมนั่งอยู่เฉยๆ เพื่อมองดูค่าเสน่ห์ของตัวเองลดลงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถ
“ไมเนอร์..เจ้ารู้ดีว่าน้องเป็นคนอย่างไร มาไคเป็นเด็กที่ไม่ค่อยพูดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เขามักจะเก็บทุกเรื่องเอาไว้ในหัวใจดวงน้อยของเขา ฉะนั้นแล้วในฐานะที่เจ้าคือพี่..อย่าปล่อยให้หัวใจดวงน้อยๆ ของมาไคแบกรับเรื่องราวมากมายเอาไว้เพียงลำพังนะลูกรัก..”ไมเนอร์รู้ดีว่าชีวิตของเขาในตอนนี้ คนที่เรียกได้ว่าครอบครัวคือท่านแม่และมาไคท่านพ่อของเราด่วนจากไปด้วยโรคร้าย และในวันที่เขากำลังจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูล เหล่าญาติของท่านพ่อก็มาคัดค้านกันอย่างเต็มที่ เพราะทุกคนคิดว่าเด็กอายุ 15 ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะขึ้นเป็นผู้นำ ตระกูลไบร์ดัว แต่อีกเหตุผลหลักก็คือ หากพวกนั้นสามารถผลักเขาออกไปจากตำแหน่งและขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลแทนได้ ทั้งอำนาจและเงินทองมากมายที่ท่านพ่อสร้างมาก็จะตกเป็นของคนผู้นั้น“พินัยกรรมได้เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนถึงเรื่องที่ข้าจะต้องได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลไบร์ดัว ฉะนั้นแล้วไม่มีเหตุผลอันใดที่ข้าจะต้องทนฟังเสียงของญาติที่กระหายในเงินทองและอำนาจ!!”เขาต้องแข็งแกร่ง ไมเนอร์บอกตัวเองเช่นนั้น หากอยากปกป้องตำแหน่งแกรนด์ ดยุคเอาไว้ ปกป้องท่านแม่และน้องชายเขาจะแสดงด้านที่อ่อนแอออกมาไม่ได้เมื่อพิ
จานีคกระตุกยิ้มที่มุมปาก..นี่เขายังมีของแบบนั้นเก็บเอาไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานอีกอย่างนั้นหรือ? บางทีรสนิยมของท่านคาดินันอาจจะไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองก็ได้ และนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยในการที่จะพิชิตใจเขาได้น่ะ“เรื่องนั้น..ข้าคิดว่าท่านแซลัสควรให้ข้าได้พักหรือว่าทำใจสักหน่อยนะคะ เพราะเมื่อวานนี้กว่าจะนำพาเจ้าแท่งสีเหลืองทองนั้นออกจากร่างกายได้..ข้าก็แทบจะตายเหมือนกัน..หากมันจะเอาออกยากเย็นเช่นนั้นท่านก็ควรจะบอกกล่าวกับข้าก่อนสิคะ..”เธอกะพริบตาเบาๆ เพื่อมองหน้าเขา การแสดงออกของจานีคนั้นสบายๆ มากกว่าทุกวัน นั่นทำให้แซลัสกำลังประเมินความคิดของเธออยู่..ปกติแล้วเธอจะเกร็งมากๆ เมื่ออยู่ใกล้ๆ เขา แถมในแววตานั้นยังมีวี่แววความเกลียดชังฉายชัดออกมาอีกด้วยเขาไม่ชินกับจานีคที่ดูน่ารักและออดอ้อนคนนี้เลย หรือเธอคิดว่านี่นั่งข้างๆ ของเขานั้นปลอดภัย คงคิดว่าในห้องประชุมนี้มีผู้คนมากมาย และเขาคงไม่กล้าที่จะทำอะไรเธออย่างนั้นสินะประมาทเกินไปแล้วจานีค..เขาไม่ใช่คนที่จะยินยอมพลาดโอกาสทองในการทำให้ใบหน้านั้นเกิดการปั่นป่วนจนรอยยิ้มที่แสนมั่นใจนั่นจางหายไปจากใบหน้านั้น..แซลัสยกมือขึ้นมาเท้าคางเขากำลังอยู
แซลัสจ้องมองใบหน้าของจานีคไม่ละสายตา การพบเจอเธอไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไรเลย เพราะเมื่อวานมีชื่อของเธอถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก อาจจะทำให้จานีคคิดว่าเธอควรมาเข้าร่วมประชุมเพื่อไม่ให้ชื่อของตัวเองถูกพูดถึงในทางไม่ดีเธอมาที่นี่ไม่แปลก แต่แปลกที่บุรุษที่เธอเดินมาด้วยคือเคาน์ดาโกแบท บุรุษผู้ได้ชื่อว่านอนกับสตรีไม่เลือกหน้า หรือว่านางอ่อนต่อโลกมากขนาดที่ว่าไม่รู้ชื่อเสียงที่เลวร้ายของท่านเคาน์กันนะ..มิรู้หรืออย่างไรว่าการเดินมากับบุรุษเช่นนั้นจะทำให้ชื่อเสียงของเธอยิ่งแปดเปื้อนมากกว่าเดิม“อันที่จริงข้าจัดเตรียมที่นั่งสำหรับท่านนักบุญหญิงของเราเอาไว้แล้ว..จานีคมานั่งตรงนี้สิ”ความรู้สึกขุ่นเคืองอัดแน่นเต็มอก แต่ แซลัสก็ยังคงปั้นหน้ายิ้มแย้มให้แก่จานีคอยากปฏิเสธชะมัด แต่ก็นั่นแหละคำสั่งของเขาเธอขัดได้ที่ไหนกัน เมื่อข้อความสีแดงเด้งขึ้นมา เธอก็แทบไม่สามารถคงสติเอาไว้ได้เลยด้วยซ้ำ“ขออภัยด้วยนะคะท่านเคาน์..”เธอย่อตัวลงก่อนจะเดินไปยังที่นั่งข้างๆ ท่านคาดินันแซลัส ฟลอยด์กัดฟันกรอด เขาอุตส่าห์ได้โอกาสดีๆ ที่ถือครองเอาไว้ทั้งที เจ้าหัวเหลืองนี่กล้าดีอย่างไรมาแย่งนักบุญจานีคไปจากเขาน่ะเขาขึงตาใส่ค
มาไคเผลอยิ้มที่มุมปาก เมื่อเขามองเห็นริมฝีปากที่เชิดรั้นขึ้นเล็กน้อยของท่านจานีค หลังจากอยู่ด้วยกันมาสักระยะมันทำให้เขาเข้าใจในทันทีว่าช่วงเวลานี้ คงกำลังมีเรื่องอะไรสักอย่างที่ทำให้ท่านจานีคไม่พอใจ และไอ้เรื่องที่ว่านั่นก็ยืนทึ่มอยู่เบื้องหน้าของเขาหรือไม่..บางทีเขาควรจะพูดคุยกับพี่ชายให้รู้เรื่อง เพราะตัวของไมเนอร์ก็คงแบกความรู้สึกผิดเอาไว้เช่นเดียวกัน กับเขาท่านจานีคเป็นผู้ออกปากพูดคุยแต่กับไมเนอร์ที่ไม่ได้อยู่กับท่านจานีคตลอดเวลา..คงเป็นหน้าที่ของเขาสินะที่จะต้อง..พูดคุยกับพี่ชายให้เข้าใจ“บังเอิญจังเลยนะครับท่านนักบุญ..เรากำลังจะมุ่งหน้าไปที่ห้องประชุมเหมือนกันพอดีเลย หากว่าท่านไม่รังเกียจเช่นนั้นเข้าไปในนั้นพร้อมกันกับข้าดีไหมครับ”จานีคที่กำลังนึกโกรธทั้งไมเนอร์และมาไค เมื่อเธอมาเจอคนน่ารำคาญอย่างเคาน์ ฟลอยด์ ใจจริงเธออาจจะด่าเขานะ แต่..การใจร้อนไม่ใช่เรื่องที่ดี อีกทั้งในอนาคตเขาคือหนึ่งในตัวละครที่เธอต้องพิชิตใจด้วยนะสิ“ด้วยความยินดีค่ะท่านเคาน์”ฟลอยด์ยิ้มหน้าระรื่น ไม่เสียแรงจริงๆ ที่เขามาดักรออยู่ตรงนี้ บรรยากาศระหว่างท่านนักบุญหญิงและท่านแกรนด์ดยุคไม่ดีเท่าไหร่นัก นี่
มาไคยืนอยู่ด้านหลังของท่านนักบุญหญิงจานีค จากมุมที่เขายืนอยู่นี้สามารถมองเห็นแววตาที่ไม่ประสงค์ดีนั้นได้อย่างชัดเจน เขาไม่ชอบขุนนางผู้นี้แต่ก็มิอาจปฏิเสธการเข้าพบนี้ได้เช่นกันถึงเป็นเคาน์แต่ตระกูลดาโกแบทก็มีอำนาจมากพอสมควรในเรื่องของการค้าเรือสำเภาทุกลำในจักรวรรดิแห่งนี้ล้วนแล้วแต่ติดชื่อของตระกูลดาโกแบทเอาไว้บนลำเรือทั้งนั้น เขาคิดว่าการที่ท่านนักบุญหญิงได้พูดคุยกับท่านเคาน์อาจจะส่งผลดีต่อตัวของท่านนักบุญหญิงเองแต่ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น เมื่อสายตาที่มองมามันเต็มไปด้วยความรู้สึกหยาบช้า!จานีคยกแก้มน้ำชาขึ้นมาดื่มด้วยท่วงท่าที่สง่างาม เธอไม่มีร่องรอยของความหวั่นไหวใดๆ เลยถึงแม้ว่าจะนั่งตรงข้ามกับบุรุษที่ครองใจสตรีทั่วทั้งจักรวรรดิ..“อย่างที่ท่านนักบุญทราบว่านอกจากราชวงศ์ ตระกูลไบร์ดัว ก็มีตระกูลดาโกแบทของข้าเท่านั้นที่เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการในงานวันชาติครั้งนี้ และ..ข้าคือผู้สนับสนุนหลักของวิหาร..เม็ดเงินมหาศาลที่ข้าสั่งให้ช่างปูผนังและหินอ่อนทั่วทุกพื้นที่ของเรือนพักท่านนักบุญ ก็คือความคิดของข้าทั้งนั้น..ข้าเอ่ยมาเช่นนั้นท่านน่าจะพอเดาได้แล้วใช่ไหมครับว่าข้าหมายถึงสิ
แซลัสยกมือขึ้นมาเสยเส้นผมสีทองไปไว้ที่ด้านหลัง เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีอำพันเหม่อมองออกไปยังเรือนพักส่วนที่เป็นหลังคาสีทองและสร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลังที่พักของนักบุญหญิง..แล้วแท่งอัญมณีที่เขาเป็นผู้กดแทรกมันเข้าไปในร่างกายของเธอ ยามนี้มันมิได้อยู่ในร่างกายของเธออีกต่อไปเขาแค่นหัวเราะออกมาพร้อมกับคลายชุดคลุมอาบน้ำที่กำลังสวมอยู่เพื่อให้ลมเย็นยามราตรีพัดผ่านร่างกายของเขาไก..อย่างน้อยเขาก็หวังว่าลมเย็นๆ นั่นจะช่วยทำให้ความเร่าร้อนที่อยู่ในใจจางหายไปได้บ้างเขาไม่อยากปล่อยเธอไป ไม่ได้อยากปล่อยมือจากร่างกายนั้นเลย..แต่เพราะการรั้งเอาไว้มันไม่มีประโยชน์..เขาทำร้าย ทรมาน บังคับ และอีกมากมายที่เขากระทำกับเธอเพื่อให้จานีคผู้นั้นตระหนักให้มากว่านางกำลังอยู่ในอุ้งมือของเขา อยากให้นางเห็นว่าเขาคือผู้กุมชีวิตของนางเอาไว้ อยากให้นางเทิดทูนบูชาเขาให้มาก..แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม คำกล่าวสรรเสริญที่ไร้ค่าไร้ราคาเพราะมันไม่ได้มาจากหัวใจ เธอยังคงต่อต้านเขาเท่าที่มือเล็กๆ ทั้งสองข้างนั้นจะมีแรง..หงุดหงิดชะมัด! หงุดหงิดอย่างถึงที่สุด หงุดหงิดจนไม่อยากจะทำอะไรเลย..ให้ตายสิ!!“ได้เวลาพักผ่อนแล้วนะครับท่า
หลังจากการปลดปล่อยสิ้นสุดลง ความร้อนก็ยังไม่หายไปจากร่างกาย สีหน้าของไมเนอร์สุขสมราวกับตกอยู่ในภวังค์ความสวยงามที่แท้จริงมิใช่ใบหน้าแต่ทว่ามันคือร่างกายและจิตใจของเธอต่างหาก สิ่งที่เย้าย้วนมิใช่ท่าทีหรือการแสดงออก แต่มันเสียงร้องครางแสนหวานที่ทำเอาเขาเกือบคลั่ง ความเบาสบายแผ่กระจายทั่วร่าง เมื่อละอองแห่งความสุขถูกปลดปล่อยออกมาไมเนอร์ฝังปลายจมูกโด่งเป็นสันของเขาซุกไปที่ซอกคอของเธอในยามนี้บางอย่างกำลังประจักษ์แจ้งแก่ใจ ว่าท่านจานีคนั้นเย้ายวนและมีเสน่ห์เป็นที่สุด“ติ้ง!!”“การแจ้งเตือนจากระบบค่ะ ค่าเสน่ห์ของคุณผู้เล่นเพิ่มขึ้นมาจาก 35 เป็น 38 หน่วย ยินดีกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยนะคะ หากค่าเสน่ห์ของคุณผู้เล่นเพิ่มขึ้นถึง 40 หน่วย จะมีเควสพิเศษมาให้ทำเพื่อเพิ่มค่าความสามารถค่ะ ทั้งค่าความฉลาดและค่าพลังเวท พยายามเข้านะคะ”เสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นมา จานีคไม่มีแรงแม้แต่จะปรือตาขึ้นมามองมันด้วยซ้ำ เธอกำลังเหนื่อยเป็นอย่างมาก วันนี้มันหนักหนามากเหลือเกินสำหรับเธอ และในยามนี้ดวงตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่งานของเธอก็ยังไม่จบ..ถึงแม้ว่าเธอจะเหนื่อยแต่คำมั่นสัญญาที่ให้เอาไว้กับท่านมาไคก
มือแกร่งแหวกเรียวขาออกกว้างขึ้น ใบหน้ายื่นเข้ามาในจุดนั้นระยะประชิด เขาแนบริมฝีปากลงไปบนก่อนจะเริ่มใช้ลิ้นปาดเลียจากปุ่มเนื้อเล็กๆ ที่นูนขึ้นเพราะร่างกายไวต่อสัมผัสอยู่แล้วทำให้เพียงแค่ถูกลิ้นของเขาสัมผัสนิดหน่อย ร่างก็เหมือนกำลังลอยขึ้นสูงเลยริมฝีปากเจ้าเล่ห์พรมจูบตรงนั้น ทั้งยังดูดดุนพื้นที่น่าอายอีก“อะ..อึ่ก!!”เธอร้องครางออกมาเพราะดูเหมือนปลายนิ้วของไมเนอร์จะแตะสัมผัสลงไปบนแท่งสีทองที่อยู่ในร่างกาย เขาทำในเรื่องที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนนั่นคือการขยับมัน..ไม่ได้ดึงออกแต่กลับขยับมันเบาๆ ให้เคลื่อนไวไปในร่างกายของเธอลิ้นของเขาละเลงบนส่วนนั้น สะกิดเลียกระทั่งเม็ดเสียวขยายใหญ่ ไมเนอร์รวบตัวของจานีคเอาไว้ไม่ยอมให้เธอถดหรือว่าถอยหนีมาไคละริมฝีปากนั้นออกจากกลีบปากที่แสนเย้ายวนของเธอ.. เขาขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะให้ท่านจานีคพิงลงมาบนร่างกายของเขานี่ดูเหมือนกับว่ามาไคกำลังหวังดีแต่ไม่เลย เพราะมือของเขาสอดมาจากด้านหลังและมันกำลังบีบเคล้นลงไปบนก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นทั้งสองข้าง“อะ..อ๊า!!”บอกตามตรงว่าถึงแม้ว่าตัวเธอจะเคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาหลายครั้ง แต่ทว่าไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะได้ทำแบบสามคนสักที