หญิงสาวจำต้องยุติการสนทนาซึ่งเป็นที่น่าเสียดายยิ่งนักสำหรับสตีเฟน“ครับ...เชิญตามสบายครับ หวังว่าเราคงได้พบกันอีกนะครับ คุณอีฟ” ชายหนุ่มจำต้องปล่อยให้ร่างบอบบางในชุดราตรีแสนสวยเดินตรงไปยังกลุ่มผู้ชายที่กำลังยืนดื่มและคุยกันอยู่ก่อนผละออกไปอีกทางของสถานที่จัดเลี้ยง อิสลินก้าวไปตามทางเดินซึ่งปูลาดด้วยหินหลังสอบถามแอนดรูว์ถึงได้รู้ว่าป้าลิลลี่พาหนูน้อยไปที่คฤหาสน์ อาจไม่มีอะไรน่าห่วงแต่เธอก็อยากเบาใจว่าแม่ลูกสาวตัวน้อยจะไม่ซุกซนไปไหนจริง ๆ ที่ตึกหลังใหญ่ทรงแอนทีกตอนนี้เงียบเชียบ ทุกคนคงเข้าไปอยู่ที่งานเลี้ยงในสวนกันหมด จะมีก็แต่แสงสว่างจากโคมไฟอาบไล้ไปทั่ว หญิงสาวไม่ได้เข้ามาที่นี่หลังเดเรกขายทุกอย่างไปหมดทั้งที่อยู่ใกล้แค่นี้ ทว่ากลิ่นไอแห่งวันคืนเก่า ๆ ก็ยังอบอวลในที่ซึ่งเป็น บ้าน ของเธอมาแต่ก่อน อิสลินเผลอเดินขึ้นไปถึงชั้นบนและนิ่งนึกอยู่นานว่าป้าลิลลี่จะพาอีวี่ไปอยู่ส่วนไหนของบ้าน คฤหาสน์ใหญ่โตห้องหับก็มากมายและไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไรตั้งแต่ เขา เข้ามาเป็นเจ้าของคนใหม่ของที่นี่ อาจเป็นห้องนั้นกระมัง...มีบางอย่างดึงดูดให้ร่างอรชรเดินตรงไปยังห้องซึ่งเคยเป็นห้องนอนของเธอและประตูไม่
“ทำไมคุณต้องคิดว่าฉันอยากมีผู้ชายคนใหม่ ในเมื่อสิ่งที่ฉันอยากได้มากที่สุดตอนนี้คืออิสรภาพ! คุณมัดมือมัดเท้าฉันด้วยความเกลียดชังยังไม่พอ แต่คุณยังเฆี่ยนตีฉันให้เจ็บปวดด้วยคำพูดที่พยายามยัดเยียดความเลวให้ฉันทุกอย่าง ไคลน์...คุณคงอยากได้ยินว่าฉันคิดอะไร จะบอกให้ก็ได้ว่าฉันเกลียดคุณ!”“อยากพูดอะไรตอนนี้ก็พูดเสียให้พอเถอะ อีฟ!” เซอร์เรนัล์ฟแผดเสียงสนั่นก่อนกระชากร่างของอิสลินตามไปและผลักลงบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน จอมซาตานในร่างเทพบุตรตรึงมือหญิงสาวที่ออกแรงใช้เข่าดันร่างสูงใหญ่ซึ่งโถมทับลงมาโดยไม่คิดถึงชุดแสนสวยว่ามันจะฉีกขาด ทว่ากลับเป็นความพยายามที่สูญเปล่าเพราะกำลังของคนตัวโตมากกว่าหลายสิบเท่า ชายหนุ่มขบกรามนูนเมื่อโทสะร้ายฉาดฉายออกมาทางดวงตาคมวับ“จะพูดว่าเกลียดผมอีกสักกี่หนก็ได้ แต่หลังจากนี้ไปคุณจะพูดแค่คำว่า ได้โปรด เท่านั้น!”“ไม่! ฉันจะไม่อ้อนวอนขออะไรจากคนใจดำอย่างคุณ ปล่อยฉัน! ฮื้อ...”อิสลินพยายามแอ่นร่างขึ้นเพื่อดันเขาออกแต่นั่นเท่ากับยิ่งโหมกระพือไฟอารมณ์ของอีกฝ่ายให้ลุกช่วง“ฉันจะร้องให้คนช่วย” หญิงสาวไม่ยอมแพ้ / “ก็ร้องไป! ไม่มีใครอยู่ที่นี่นอกจากคุณกับผม”“ไคลน์!”
“ไม่! ฉันจะไม่ร้องขออะไร จะไม่ขอความเห็นใจจากคุณ!” อิสลินร้องไห้พลางส่ายหน้าไปมา เรือนผมที่ถูกรวบไว้ด้านหลังหลุดออกมาจนยุ่งสยายอยู่บนไหล่ขาวเนียน เขาทำให้เธออดสูตัวเองเป็นที่สุดกับบทลงทัณฑ์สวาทที่กำลังจะเริ่มต้น เธอหนีไม่ได้อีกแล้วทว่าหัวใจดวงนั้นกลับยังดึงดันไม่ยอมย่อถอย“วันหนึ่งฉันจะไปจากที่นี่ ไปในที่ที่ไม่ต้องเจอคุณอีกตลอดชีวิต!”“ไม่มีที่นั่น!” เซอร์เรนัล์ฟเลื่อนริมฝีปากหนาได้รูปมาขบกลีบปากสีชมพูแรง ๆ ก่อนคำรามเสียงต่ำ “จะมีก็แต่สวรรค์ที่คุณต้องถูกจองจำไปชั่วชีวิต!” ร่างงามที่อยู่ในสภาพเกือบและถูกรั้งข้อมือไว้เหนือศีรษะบนเก้าอี้นวมแข็งเกร็งไปหมดทั้งตัวเมื่อชายหนุ่มก้มลงไปดูดกลืนยอดถันที่กำลังชูชันท้าทายสายตาอันหื่นหิว เซอร์เรนัล์ฟไม่สนใจงานเลี้ยงของเขาอีกต่อไปและไม่ใส่ใจว่าใครจะนึกสงสัยว่าเขาหายไปไหนตอนนี้“ฮื้อ...ฮื้อ” อิสลินครางเสียงดังในลำคอหนัก ๆ ทุกครั้งที่ใบหน้าคร้ามเข้มฟอนเฟ้นลงบนเนินเนื้ออวบสล้างที่ไหวกระเพื่อม เรียวลิ้นร้อนที่ตวัดไปมาบนส่วนปลายสีชมพูเข้มซึ่งไวต่อสิ่งเร้าจุดความซาบซ่านทว่าก็เพียงเศษเสี้ยวในความทรมานที่ถาโถม“อีฟ...บอกผมสิว่า...ได้โปรด”ร่างสูงใหญ่ควบคุมต
“ใช่! ฉันหลอกคุณ” อิสลินเถียงไม่ลดละ “ฉันอยากให้คุณได้รู้เสียบ้างว่าเวลาทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวด เขาจะรู้สึกยังไง”“ถ้ามีมีดคุณก็คงจะแทงผมตายไปแล้วใช่มั้ย ผมถามว่าใช่มั้ย อีฟ!” เซอร์เรนัล์ฟแผดเสียงก้องและนั่นทำให้อีกฝ่ายชะงักไปกับคำพูดนั้น เขาทำเหมือนเสียใจ แต่เธอรู้ว่าไม่ใช่ ถ้าลองเขาข่มเหงเธอได้ขนาดนี้ก็คงไม่กลัวความเจ็บปวดที่ย้อนกลับไปหาตัวเองบ้าง“ค่ะ” น้ำตาของหญิงสาวถั่งไหลขณะฝืนเอ่ยสิ่งที่ทำให้หัวใจบอบช้ำ“ถ้ามันจะหมายถึงอิสรภาพของฉัน...อิสรภาพตลอดกาล...จากคุณ!”“คุณไม่มีวันได้รับมัน!” เซอร์เรนัล์ฟก้มลงไปหาวงหน้าหวานที่เบือนหลบ เสียงห้าวนั้นเย็นเยือกยิ่งกว่าอุณหภูมิติดลบใจกลางขั้วโลก“คุณไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างจากอิสรภาพ เพราะทุกอย่างในชีวิตคุณมันพังพินาศไปหมดแล้ว!”“อย่า!...ไคลน์...อย่านะคะ!” ร่างเล็กกรีดร้องเมื่อฝ่ามือหนาตะปบลงมาบนเนินถันอวบเปลือยก่อนจะขยำขยี้มันเต็มแรง อิสลินสะดุ้งเฮือกเมื่อเรียวขาถูกยกขึ้นพาดบนเอวหนาอีกหน แต่คราวนี้เขาไม่ยอมผ่อนปรนให้เธอวางแผนเอาคืนได้เป็นครั้งที่สอง“คนบ้า! คนเลว ...ปล่อยฉัน!” เสียงกรีดแหลมที่ดังสลับกับเสียงร้องไห้เหมือนทะลุเข้าหูซ้ายแล้วหายอ
“อีฟ...โอ...พระเจ้า!” ซาตานร้ายเริ่มคลายอารมณ์ดีเดือดแต่เลือดสูบฉีดไหลพล่านไปทั่วร่าง บทรักร้อนแรงที่เขาไม่ตั้งใจให้เกิดบนโต๊ะทำงานยิ่งทำให้ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นทวีคูณ“อา...อีฟ...ผมต้องการคุณ” ใบหน้าคร้ามคมโน้มลงไปยังทรวงสวยก่อนปล่อยมือหญิงสาวให้เป็นอิสระ อิสลินอ่อนยวบเหมือนขี้ผึ้งถูกไฟลนและปลดปล่อยร่างกายให้เขากระทำตามอำเภอใจ“ไคลน์...ไคลน์” ร่างเล็กขานชื่อเขาเบา ๆ และเก็บกลืนก้อนสะอื้นไม่ให้ลอดออกมา เธอไม่อยากเห็นตัวเองในตอนนี้ซึ่งคงไม่ต่างจากโสเภณีไร้ราคาอย่างที่เขาตราหน้าไว้จริง ๆ ในเวลาที่ความทุกข์นำพาหญิงสาวดิ่งลงต่ำความสุขกลับนำพาชายหนุ่มทะยานขึ้นสูง ร่างใญ่โตขยับสะโพกรัวเร็วเมื่อสรวงสวรรค์เคลื่อนต่ำลงมาเห็นรำไร มือหนาช้อนรับบั้นท้ายกลมกลึงไว้แน่นเพื่อให้การสอดประสานยิ่งล้ำลึกกระทั่งความรู้สึกสุดท้ายลอยฟ่องไปยังรังรองแห่งฉิมพลี แค่นี้เองที่เขาต้องการ...ร่างอรชรผ่อนลมหายใจเมื่อใบหน้าคมคายซวนซบลงกับอกอวบนุ่ม หญิงสาวแทบไม่รับรู้ถึงความสุขจะมีก็แต่อาการปวดตุบ ตุบขณะเซอร์เรนัล์ฟยังไม่ยอมถอนตัวเองออกไป กล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งโดยเฉพาะที่แกนกายคลายอาการเกร็งลงแล้ว ทว่าอิสลินยังได้ยินเส
“ไคลน์...” อิสลินเบือนหน้านองไปด้วยน้ำตาเมื่อเซอร์เรนัล์ฟถอนริมฝีปากออก ทว่าเขาอยากกอดเธอไว้แบบนี้หากแต่หญิงสาวกลับผละออกจากวงแขนแกร่ง“ฉันจะไปหาลูก ส่วนคุณกลับไปงานเลี้ยงเถอะค่ะ คุณเรเน่ต์คงรอนานแล้ว” หญิงสาวทิ้งน้ำเสียงอันเจ็บช้ำก่อนเดินจากไปโดยไม่ยอมหันกลับมามองใบหน้าคมคายที่วูบลงอย่างเห็นได้ชัด เซอร์เรนัล์ฟขบกรามแน่นก่อนที่สักพักจะเดินตามไปซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ร่างระหงในชุดราตรีสีเงินคว้านคอลึกก้าวออกมาจากมุมมืดอีกด้านหนึ่ง ดวงตาคมบนใบหน้าฉาบด้วยเมคอัพสีจัดมองไปยังบานประตูที่เปิดอ้าก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องและปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ“เซจ” เรเน่ต์เข่นเคี่ยวเคี้ยวฟันขณะนึกถึงภาพบาดตาหน้าห้องเมื่อครู่ เธอเดาอะไรไมเคยผิด เซอร์เรนัล์ฟรู้สึกกับแม่หม้ายสาวคนนั้นเกินกว่าผู้อยู่อาศัย ดวงตารื้นน้ำกวาดไปรอบห้องเห็นเอกสารกับปากกาหล่นกระจัดกระจายข้างโต๊ะทำงาน ร่างระหงเดินเข้าไปใกล้และถึงกับผงะเมื่อเห็นเบลเซอร์ของชายหนุ่มกองอยู่บนพื้นก่อนที่จะก้มลงหยิบบราเซียไร้สายที่พลัดหล่นไม่ห่างกันมากุมไว้แน่น“ไม่! เซจ...นี่มันบ้าอะไร คุณเข้ามาหาความสุขกับแม่หม้ายนั่นตอนฉันอยู่ในงานเลี้ยงหรือนี่!”เ
“มิสซิสเพียซ คุณมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ ถ้ามีอะไรที่อยากระบายก็บอกฉันได้นะคะ” เรเน่ต์เอ่ยพลางถอนใจ “หรือว่าคุณไม่สบายใจเรื่องของเซจกันล่ะคะ ถ้าเป็นเรื่องเจ้าของบ้านคนใหม่ เซจก็เป็นคนแบบนั้นล่ะค่ะ” คราวนี้สายตาของอิสลินเลื่อนมาจับจ้องใบหน้าจริงจังของคนพูด“ฉันรู้ดีค่ะว่าจริง ๆ แล้วเซจเป็นคนยังไง ฉันรู้ใจเขาดีกว่าใครเพราะเราคบกันมานานพอที่จะทำให้ฉันรู้ว่าถึงแม้เซจจะเป็นคนจริงจังแค่ไหนแต่เขาก็ยังมีด้านที่อ่อนหวานและโรแมนติก ถึงเขาจะเป็นคนไม่ชอบพูดแต่เวลาทำอะไรก็มักไม่ธรรมดาเสมอ เหมือนอย่างการเปิดคฤหาสน์จัดงานเลี้ยงเพื่อเปิดเผยให้คนในแวดวงสังคมได้รับรู้เรื่องระหว่างเขากับฉันก็นับว่าเป็นการกระทำที่น่าประทับใจมาก”จริงสินะ...งานเลี้ยงที่เขาจัดขึ้นอย่างอลังการก็เพื่อเปิดตัวคนรู้ใจให้สังคมรับทราบและผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นคนที่นั่งตรงหน้าเธอนี่เอง“อีวี่จ๊ะ ลูกเข้าไปเล่นกับบาร์บี้ข้างในก่อนนะคะ” อิสลินเอ่ยกับลูกสาวที่พยักหน้ารับและกลับเข้าไปในบ้านแต่โดยดีก่อนจะหันกลับมายังเรเน่ต์ “ฉันกับเซจวางแผนกันค่ะว่าเราจะแต่งงานกันอีกไม่นานนี้ เขาบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมและสามารถช่วยงา
“วันนี้ประชุมเสร็จเร็วกว่าทุกครั้งเลยนะครับ คุณเซอร์เรนัล์ฟ” แอนดรูว์กล่าวขณะเดินตามหลังเซอร์เรนัล์ฟเข้ามาภายในห้องทำงานและเห็นว่าประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ของดี ฮันเตอร์มีท่าทีรีบร้อนมากกว่าปกติ เซอร์เรนัล์ฟยื่นกระเป๋าเอกสารให้คนขับรถรับไว้ก่อนหันมาเปิดแล็บท็อปบนโต๊ะทำงาน“วันนี้ผมได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจในทุก ๆ เรื่อง ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็ไม่มีความจำเป็นต้องยืดเวลาให้นานออกไปไม่ใช่หรือ?”ร่างสูงสง่าหย่อนตัวลงนั่งบนโต๊ะและหันหน้าจอแล็บท็อปที่เผยภาพการออกแบบด้านอากาศยานสู่สายตาของชายวัยสี่สิบกว่าที่ยังรั้งตำแหน่งหัวหน้าทีมวิจัยเหมือนตอนอยู่กับแอร์โรไวรอนต์“คุณว่ามันยอดเยี่ยมหรือเปล่า แอนดรูว์ สำหรับผลงานออกแบบยูเอวีรุ่นใหม่ที่ผมจะเปิดตัวกับกลาโหมอีกไม่นานนี้ มันคือ แม็กซ์ ไพรม์ โดรนสังหารที่สามารถพรางตัวจากศัตรูอย่างยากจะหาใครเทียบ”“ยิ่งกว่ายอดเยี่ยมครับ คุณเซอร์เรนัล์ฟ ขนาดผมทำงานด้านนี้มานานก็ยังทำได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความคิดคุณ”“ผมกำลังตอบโจทย์ของกลาโหมที่ว่าทำอย่างไรให้โดรนล่องหนได้จากหน้าจอเรดาร์ มันอาจยังไม่ใช่วิศวกรรมด้านอากาศยานไร้คนขับที่ดีที่สุดแต่ผมก็อยากพัฒนามันไปเ
“มามี้ขา...มามี้ขา” อีวี่ร้องเรียกขณะวิ่งกลับมาหาแม่ อิสลินที่นั่งใจลอยราวกับภวังค์กระตุกวูบ เธออ้าแขนรับแม่หนูน้อยที่โผเข้าซบอกและจูบเรือนผมสีน้ำตาลทองที่อวลไอด้วยกลิ่นหอมแบบเด็ก ๆ“อะไรจ๊ะลูก...ไม่อยู่คุยกับแด๊ดดี้แล้วหรือจ๊ะ” / “อีวี่อยากนอนค่ะ มามี้”“หืม...” อิสลินเงยหน้ามองท้องฟ้า อาจถึงเวลาที่อีวี่จะนอนแล้วจริง ๆ / “มามี้ร้องเพลงให้อีวี่ฟังหน่อยซีคะ”อีวี่ออดอ้อนและอิสลินก็ไม่คิดปฏิเสธ หญิงสาวจับร่างเล็กขึ้นนั่งบนตักและโอบกอดด้วยอ้อมแขนอุ่นราวอุ้มเด็กทารก แสงนวลของจันทราสาดส่องลงมากระทบนัยน์ตาสีฟาสดใส สำหรับเธอแล้วอีวี่เป็นของขวัญจากสรวงสวรรค์ที่งดงามมากกว่าสิ่งใดในโลก เจ้าของร่างแน่งน้อยเริ่มขยับเรียวปากขับลำนำเสียงเพลงเห่กล่อมคลอเสียงคลื่นและสายลมอ่อนShule, shule, shule-a-roo, Shule-a-rak-shak, shule-a-ba-ba-coo. When I saw my sally babby beal, Come bibble in the boo shy lorey. บทเพลงนุ่มนวลอ่อนหวานถูกขับกล่อมเบา ๆ อยู่เช่นนั้นกระทั่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด“อีวี่จ๊ะ...อีวี่จ๋า” อิสลินหยุดร้องและก้มลงมองนางฟ้าในอ้อมแขนที่หลับตาพริ้ม“อะไรกัน...หลับไปเสียแล้ว” อิสลิน
“บอกมาเถอะที่รักว่าจะให้ผมทำอะไร ผมยอมคุณหมดแล้วนะทูนหัว”หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนหันไปมองร่างเล็กที่กำลังก่อปราสาททรายอย่างขะมักเขม้น“คุณไม่ต้องทำอะไรให้ฉันหรอกค่ะ ขอแค่ทำให้ลูกของเรามีความสุขที่สุดในวันเกิดของแก...เป็นพอ”เซอร์เรนัล์ฟยิ้มพลางเกลี่ยปอยผมบนขมับของอิสลินทว่าก็สังเกตเห็นความผิดปกติบนวงหน้างามของผู้อยู่ในอ้อมแขน“อีฟ...ผมว่าหน้าคุณดูซีดไปนะ คุณไม่สบายหรือเปล่า”“ไม่นี่คะ ฉันสบายดีค่ะ ฉันคงตื่นเต้นมากไปที่ได้เห็นหน้าลูก”หญิงสาวหรุบสายตาลงต่ำเพื่อเก็บซ่อนอะไรบางอย่างที่ยังติดค้างในใจก่อนเปลี่ยนเรื่องพูด“นี่ก็เย็นมากแล้วนะคะ ฉันยังไม่ได้บอกป้าซิลวี่เลยว่าจะกลับบ้านผิดเวลาแบบนี้ ท่านคงเป็นห่วงฉันแย่แล้ว””ป้าซิลวี่รู้แล้วว่าคืนนี้คุณจะไม่กลับบ้าน”“คะ...คุณว่ายังไงนะคะ?” อิสลินขมวดคิ้วมุ่น เธอช้อนสายตาขึ้นมองเขาอีกครั้งก็เห็นประกายวิบวับในดวงตาสีฟ้าคมเข้ม เซอร์เรนัล์ฟดันแผ่นหลังให้ร่างบอบบางแนบชิดอกกว้างอีกครั้ง“นับจากวันนี้ป้าซิลวี่คงต้องหาลูกมือคนใหม่ช่วยงานที่ร้านแล้วล่ะ เพราะผมบอกเรื่องของเรากับท่านหมดแล้วตอนเดินทางมาถึงโมนาโก”“ไคลน์...นี่คุณ” อิสลินเริ่มหน้าง
“คุณจะแน่ใจได้อย่างไรคะว่าอีวี่เป็นสายเลือดของคุณ แกอาจเป็นลูกของใครก็ได้ที่ผู้หญิงร่านอย่างฉันเคยมีความสัมพันธ์ด้วย!”“คุณไม่เคยมีใคร” เซอร์เรนัล์ฟแย้งเบา ๆ ก่อนจับไหล่บางทั้งสองและรั้งเข้าหาตัว“ผมเชื่อว่าอีวี่เป็นลูกของผมโดยไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอด้วยซ้ำ! ทำไมน่ะหรือ...มองตาผมสิ อีฟ ผมรู้ว่าคุณเห็นผมตลอดเวลาที่อยู่กับอีวี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นลูกก็คือผม ในตัวของแกมีหัวใจของผู้ชายที่คุณรักมากที่สุดซึ่งคุณเคยคิดว่าเขาตายไปแล้ว”อิสลินเม้มเรียวปากบางไว้แน่นเมื่อรู้สึกว่าไม่อาจเก็บกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไปเฉกเดียวกับร่างสูงใหญ่ที่เลื่อนมือหนาขึ้นมาสัมผัสแก้มเนียนเพื่อเกลี่ยหยดน้ำใสที่ร่วงหล่นลงมา“ไคลน์คะ...ฉัน...” หญิงสาวตีบตันทบเท่าทวีคูณเมื่อเห็นหยดน้ำถั่งออกมาจากดวงตาที่เคยแข็งกร้าวของจอมซาตาน เธอได้แต่นิ่งงันและรอบตัวได้ยินเพียงเสียงคลื่นซัดผสานสายลมอ่อนไหวและเสียงเล็ก ๆ ของลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัวเราะหัวใคร่กับลูกสุนัขแสนซน“หยุดร้องไห้เถอะนะ ที่รัก...ผมขอโทษที่ทำให้คุณทุกข์ใจในเวลาที่ผ่านมา ตอนคุณหนีไปจากผมกับลูก อีวี่บอกว่ามักจะเห็นคุณร้องไห้เสมอ”“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้ลูกเห
อิสลินส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตาก็ไหลไม่หยุด เธอกอดลูกสาวไว้อีกครั้งก่อนจะได้ยินเสียงลูกสุนัขตัวเดิมมายืนเห่าข้าง ๆ“โยกี้...นี่มามี้ของฉันนะ มามี้กลับมาหาฉันแล้ว” อีวี่ยิ้มออกมาซึ่งมันทำให้อิสลินแปลกใจ“โยกี้หรือคะ?”“ช่ายค่ะ มันชื่อโยกี้ แด๊ดดี้ซื้อมาให้อีวี่ แด๊ดดี้กลัวอีวี่จะเหงา”ร่างเล็กหันไปยกมือส่งสัญญาณกับหมาตัวน้อยในขณะที่คนเป็นแม่นิ่งไป อิสลินรู้สึกเหมือนเกิดใหม่เมื่อเห็นหน้าอีวี่ แต่แล้วหญิงสาวกลับนึกขึ้นมาได้ว่าเธอพบหน้าลูกแล้ว เธอได้อีวี่กลับคืนมาและยังไม่ลืมแผนการที่คิดไว้ในใจ ร่างบางหันไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นเงาของใคร เซอร์เรนัล์ฟคงดีได้ประเดี๋ยวประด๋าวเพราะหลังจากนี้ไปเขาจะเป็นอย่างไรก็สุดจะคาดเดา“อีวี่จ๊ะ เราไปกันเถอะ” อิสลินยืดตัวขึ้นยืนและจับมือเล็กให้เดินตามแต่หนูน้อยกลับเป็นฝ่ายยื้อเธอไว้“มามี้ขา มามี้จะไปไหนคะ?”“ไปจากที่นี่อย่างไรล่ะคะ ตามมามี้มาเถอะค่ะ”“อย่าเพิ่งไปค่ะ มามี้” หนูน้อยเข้าไปเกาะขามารดาไว้แน่นและเงยหน้ามองคล้ายจะอ้อนวอนอะไรสักอย่าง“ทำไมล่ะคะ อีวี่...เราต้องรีบไปนะคะ เราอยู่ที่นี่ไม่ได้”“แต่อีวี่ไม่อยากไป มามี้อยู่ก่อนนะคะ แด๊ดดี้บอกว่าจะจัดงานวันเกิดให้
“ไคลน์คะ อ๊ะ” “พระเจ้า...อีฟ”ต่างฝ่ายต่างครวญครางดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อความสุขสมสอดประสานไปกับสายลมแสนหวานและเสียงคลื่นขับกล่อม ระยับแดดสาดส่องเข้ามาภายในห้องกว้างทาบทาลงบนร่างทั้งสองที่กอดก่ายและดื่มด่ำกับเรือนร่างของกันและกันด้วยเพลิงปรารถนาอันน่ากระหายใคร่เป็นเวลาเนิ่นนาน บางครั้งร่างอรชรเป็นฝ่ายควบคุมเขาและหลายคราวกลับเป็นฝ่ายปลดปล่อยให้เซอร์เรนัล์ฟเป็นผู้ควบขับและดูเหมือนร่างงามยินดีเป็นฝ่ายตั้งรับพลังอันล้นเหลือจากชายหนุ่มซึ่งไม่มีทีท่าเหนื่อยอ่อนแม้แต่นิดเดียว“ที่รัก...”“ไคลน์คะ” อิสลินจิกปลายเล็บลงบนผ้าคลุมเตียงที่ยับยู่ยี่และขมวดมันไว้ในมือแน่นขณะบิดร่างชื้นเหงื่อใต้ร่างสูงใหญ่ เซอร์เรนัล์ฟยังคงแข็งแกร่งและขยับสะโพกโดยไม่หยุดพักซึ่งหญิงสาวก็ปราศจากทีท่าจะหยุดตัวเองด้วยเช่นกัน ใบหน้าคร้ามเข้มก้มลงจูบหนักเมื่อรับรู้เวลาว่าใกล้ถึงฝั่งฝัน“บอกผมหน่อยได้ไหมที่รัก...ว่าคุณมีความสุขหรือเปล่า?” คนถามหอบหายใจหนักเมื่อรู้สึกถึงหยาดหยดแห่งรักเริ่มซึมซาบออกมา อิสลินแก้มแดงซ่านแม้คำถามนั้นก่อเกิดความประหลาดใจหากก็ตอบออกไปหาใช่ด้วยอารมณ์ที่กำลังทะยานใกล้ถึงขีดสุด“ค่ะ...ไคลน์ วันนี้ฉัน
“อา...อีฟ” เซอร์เรนัล์ฟคำรามเสียงหนักอยู่ในลำคอก่อนพลิกตัวให้ร่างเล็กขึ้นมาทาบทับอยู่เบื้องบน เขามีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อพวงเนื้ออิ่มงามทั้งสองข้างที่กำลังไหวกระเพื่อมเลื่อนมาอยู่ตรงกับริมฝีปากหนาได้รูป“ไคลน์...บอกฉันสิคะว่าเมื่อไหร่คุณจะให้ฉันพบอีวี่” ร่างเปลือยเย้ายวนบิดไปมาอยู่เหนือร่างกำยำกระซิบถามพลางไล้ปลายนิ้วไปบนกรามแกร่งสากระคายคล้ายจะเอาใจ“คุณจะได้พบลูกแน่ ผมรับประกัน” / “แล้วหลังจากนี้คุณจะปล่อยพวกเราไปใช่ไหมคะ”พอหญิงสาวถามต่อชายหนุ่มก็ขยับลูกขึ้นนั่งโดยใช้แขนแข็งแรงดันแผ่นหลังให้ร่างบอบบางที่ยังคร่อมบนตัวแนบกับอกกว้าง เซอร์เรนัล์ฟซุกใบหน้าเพื่อสูดดมกลิ่นหอมอวลจากหลือบร่องของสองเต้าที่ถูกเบียดชิดเข้าหากัน“ผมยังไม่มีแผนอะไรตอนนี้ แต่คิดว่าจะพาคุณกับลูกกลับอเมริกา”“เพื่อเป็นสักขีพยานในงานแต่งของคุณกับเรเน่ต์อย่างนั้นหรือคะ...ฉันขอปฏิเสธค่ะ ไคลน์” / “คุณหึงผมหรือ อีฟ”“ไม่ค่ะ...อ๊ะ! ไคลน์” อิสลินสะดุ้งเมื่อกายแกร่งเริ่มแทรกความเป็นเขาเข้าไปในกลีบอ่อนนุ่มโดยหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว ใจหนึ่งเธอก็อยากขยับหนีแต่ท่าที่นั่งอยู่บนหน้าตักของเขาไม่อำนวยให้ทำอย่างที่คิด“อุ๊ย! ไคลน์
“ไม่มีอะไรน่ากลัว ที่รัก” รอยยิ้มอันน่าเสน่หาจุดขึ้นบนมุมปากหยักพร้อมกันกับที่มือสากระคายลากไล้จากหัวไหล่กลมมนลงมาหยุดที่ยอดปทุมงามปริ่มบนผิวน้ำ ชายหนุ่มก้มลงจูบเม็ดโกเมนสีแดงเรื่อและขบด้วยฟันเบา ๆ จนร่างสาวสยิวซ่านก่อนผงกศีรษะขึ้นและจับจ้องดวงหน้าหวานสีชมพูเข้มที่มองทีไรก็ยังเย้ายวนใจราวกับเทพีกลางสายน้ำปลดปล่อยผมเปียกสยายลู่ลงมาเคลียบนสองเต้า“ที่รัก ผมคงต้องสอนคุณใหม่เสียแล้วกระมัง” น้ำเสียงเบาราวกระซิบทว่าเสียงหอบหายใจหนักจากใบหน้าคร้ามเข้มนั้นก็ยังชัดเจนกว่าเสียงคลื่นด้านนอก อิสลินขอบตาร้อนผ่าวเมื่อนึกถึง เขา ในคืนนั้น ราตรีแห่งฝันของนักเรียนสาวและอาจารย์หนุ่ม ร่างเล็กไล้นิ้วเรียวไปมาบนริมฝีปากล่างของเซอร์เรนัล์ฟเบา ๆ แลกกับจูบที่เขาบรรจงประทับลงบนปลายนิ้วสีเรื่อ“ไคลน์คะ คุณเคยสอนฉันแล้วนะคะ” “มันคงนานเกินไปจนคุณจำไม่ได้แล้วกระมัง”“ฉันจำมันได้เสมอค่ะ แต่คุณ...คงจะลืมนักเรียนคนนี้ไปแล้ว”“ไม่...” เซอร์เรนัล์ฟดูดนิ้วกลางของหญิงสาวก่อนตอบเสียงพร่า “ผมไม่เคยสอนบทเรียนนี้ให้ใคร...นอกจากคุณ”“ไคลน์...อืม” อิสลินหลับตาลงและรับรู้ถึงความอบอุ่นที่ฉายวาบขึ้นมาจากก้นบึ้ง หญิงสาวลืมเรื่อง
“ไคลน์...อย่าค่ะ...ได้โปรด” หญิงสาวได้แต่ร้องขอทั้งที่ต้านทานร่างแกร่งกำยำนั้นไม่ไหว เขาทำให้เธอร้อนรน เขาปลุกเร้าผ่านเนื้อผ้าบางเบาเปียกชุ่มที่หลุดร่นลงไปกองใต้ฟองลื่น ลิ้นหนายังทำงานไม่หยุดหย่อน ทั้งโลมเล้าดูดกลืนและตวัดชิมความหวานจากปากเล็ก กระทั่งใบหน้าคร้ามคมเลื่อนออกไปร่างอรชรจึงยกแขนขึ้นปิดป้องเต้าอิ่มกลมแสนสวยเมื่อกายสาวถูกเปิดเปลือยจนหมดด้วยเช่นกัน“อีฟ...คุณจะปกปิดไปทำไมกัน ในเมื่อผมก็เห็นจนหมดแล้ว” เสียงทุ้มทว่านุ่มนวลนั้นวอนเว้าพร้อมกับที่มือแกร่งดันแขนเรียวทั้งสองให้พ้นจากเนินเนื้ออวบใหญ่จนมันดีดเด้งออกมาอวดสายตา เขามองอยู่นานจนอิสลินเขินอายตัวเอง“พอใจหรือยังคะ ไคลน์...ฉันไม่ให้คุณทำอะไรมากไปกว่านี้นะคะ และที่สำคัญคุณต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฉันด้วย”“ผมไม่บิดพลิ้วคุณหรอก อีฟ แต่...” เซอร์เรนัล์ฟยังเบียดความใหญ่โตเข้าหาจนทุกสัดส่วนบนกายแข็งแกร่งแนบชิดกับร่างอ่อนนุ่มในอ่างน้ำที่ฟองสบู่เริ่มบางเบาลง“แต่อะไรคะ?” “คุณไม่รู้หรอกว่ามันยากแค่ไหนถ้าจะให้แค่กอดคุณไว้แบบนี้”“ไคลน์...อย่าสิคะ...ฉันไม่....” อิสลินร้องปฏิเสธแต่ไม่ทันเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ฝังจมูกโด่งลงบนแก้มนวลแ
“แต่ผมอยากดูแบบสูทตอนนี้เลย” ชายหนุ่มออกคำสั่งขณะที่หญิงสาวกำลังจะหันหลังให้ อิสลินหันมาถอนใจหากก็จำต้องเข้าไปหาเขาอีกตามเคย ภาพของร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่าอวดกล้ามเนื้อบนอกและลอนหน้าท้องตลอดจนแขนหนาในอ่างอาบน้ำที่ฟูฟ่องไปด้วยฟองสบู่ทำหัวใจของร่างแน่งน้อยเต้นระส่ำ เซอร์เรนัล์ฟมีพลังดึงดูดเสมอไม่ว่ายามอยู่ในชุดสูทภูมิฐานอย่างนักธุรกิจหรือยามปราศจากอาภรณ์ใด ๆ บนเรือนกายสมส่วนความเป็นชายนั้น อิสลินนึกในใจว่าทำไมเขาถึงไม่อาบน้ำให้เสร็จเสียก่อนแล้วรีบดูแบบสูทเพื่อที่เธอจะได้รีบกลับไปที่ร้านป้าซิลวี่ไว ๆ เพราะเวลาที่อยู่กันลำพังในสถานที่แบบนี้หญิงสาวก็ให้หวั่นเกรงต่อทีท่าของจอมซาตาน“อืม...ข้างนอกอากาศร้อนมากจริง ๆ “ เจ้าของใบหน้าคร้ามเข้มกล่าวพลางหันออกไปด้านนอกที่แสงแดดส่องผ่านบานกระจกหน้าต่างเข้ามา รอยยิ้มทรงเสน่ห์ระบายบนโครงหน้าหล่อเหลา เขาทำเหมือนไม่มีอะไรรีบเร่งเลยกระนั้น“ไหนล่ะ แบบสูทที่คุณเอามาให้ผมดู” เขาถามร่างบอบบางที่ยืนห่าง ๆ และกำลังยื่นเอกสารมาให้“ถ้าคุณชอบแบบไหนค่อยบอกฉันก็ได้ค่ะ ฉันจะไปรอข้างนอก”“เข้ามาใกล้หน่อยซี ผมเอื้อมไม่ถึง” อิสลินหันมองเซอร์เรนัล์ฟที่วางแขนบนขอบอ่าง น