“วันนี้คุณกลับเร็วจังนะคะ เดี๋ยวป้าจะเอาของนี่ไปเก็บให้ค่ะ” / “ป้าลิลลี่!” / แม่บ้านชะงักเมื่อได้ยินชายหนุ่มเรียกเสียงเข้ม“ไม่มีใครอยู่เลยหรือครับ พวกเขาไปไหนกันหมด”“เอ้อ...เอ้อ...” ป้าลิลลี่มัวอ้ำอึ้งกระทั่งเซอร์เรนัล์ฟตัดสินใจเดินเข้าไปดูด้านในที่เงียบเชียบผิดปกติกระทั่งเขาผลักประตูห้องนอนของแม่หนูกลับพบเพียงเตียงว่างเปล่าและตุ๊กตาวางอยู่บนหัวนอนสองสามตัว ไม่สิ...อีวี่ไม่ได้มีตุ๊กตาเพียงแค่นี้ แล้วสิ่งที่เขาทั้งสงสัยและหวั่นกลัวก็เกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มหันไปเลื่อนบานประตูตูเสื้อผ้าที่พบเพียงไม้แขวน“คุณเซอร์เรนัล์ฟคะ...คือ” แม่บ้านไม่ทันได้บอกอะไรเซอร์เรนัล์ฟก็รีบรุดออกไปยังอีกห้อง คราวนี้ใบหน้าอันอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในทันที“ป้าลิลลี่อยากบอกอะไรกับผม...อย่างนั้นหรือครับ”ร่างสูงถามเสียงเยือกขณะยืนมองตู้เสื้อผ้าในห้องของอิสลินที่ก็เหลือแต่ความเปล่าว่างไม่ต่างจากห้องเล็ก“ป้าเพียงอยากจะบอกว่าป้าไม่พบใครเลยตอนมาเตรียมอาหารเช้าให้คุณผู้หญิงกับคุณหนูอีวี่ค่ะ ป้าพยายามโทรติดต่อคุณเซอร์เรนัล์ฟแต่เลขาของคุณบอกว่ากำลังติดประชุมอยู่ ป้าขอโทษนะคะที่...”“ไม่ใช่ความผิดของป้าหรอกครับ”
“มามี้ขา...เรากำลังจะไปไหนกันหรือคะ?” อีวี่ตั้งคำถามกับมารดาขณะดวงตากลมโตทอดมองออกไปนอกหน้าต่างรถยามอาทิตย์ยอแสงเห็นทิวทัศน์ข้างทางเป็นป่าสลับกับบ้านดูแปลกตา อิสลินซึ่งกำลังบังคับพวงมาลัยพารถสปอร์ตที่เดเรกซื้อไว้ให้เธอใช้ยิ้มบาง ๆ แต่ไม่ยอมละสายตาจะเส้นทางที่ทอดยาวไปเบื้องหน้าทว่ารถราไม่คับคั่งอย่างในเมือง“อาจจะเป็น...เพนซิลวาเนียกระมังจ๊ะ”“ว้าว! อีวี่ไม่เคยไปเลยค่ะ แต่...แด๊ดดี้จะรู้มั้ยคะว่ามามี้จะพาอีวี่ไป” / “มามี้อยากพาอีวี่ไปกันแค่สองคน ไม่เป็นไรใช่มั้ยจ๊ะ”หนูน้อยเอนหลังราบไปกับเบาะปรับนอนซึ่งด้านหลังมีกระเป๋าเดินทางถูกปิดทับด้วยตุ๊กตาเต็มไปหมด อิสลินเหลือบมองก่อนเลื่อนมือข้างที่อยู่ใกล้ลูบแขนนิ่ม“ง่วงหรือจ๊ะ?” / “ค่ะ มามี้...ไปถึงแล้ว มามี้ปลุกอีวี่ด้วยนะคะ”“ค่ะ” หญิงสาวรับคำซึ่งก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดจะถึงจุดหมายที่เธอก็บอกไม่ได้ว่าที่ไหน ขอแค่ เขา หาไม่เจอเป็นพอ หลังรวบรวมความกล้าและโอกาสที่เปิดอ้าเธอก็พาอีวี่ออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้น อิสลินรู้ตัวดีว่าผิดคำพูดต่อเซอร์เรนัล์ฟแต่เธอก็ไม่อาจถูกจองจำไว้ในกรงขังให้เขาย่ำยีหัวใจด้วยการแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ในอีกไม่นาน“โอ๊ะ!” ร
“ไคลน์...ได้โปรด อย่าทำอะไรลูกของฉัน อย่าทำอะไรอีวี่”“ผมจะทำอะไรอีวี่!” เซอร์เรนัล์ฟบีบไหล่บางจนเจ็บพลางก้มหน้าลงไปใกล้ “ในเมื่อแกยังเด็กเกินกว่าจะรับรู้ว่าการกระทำของผู้ใหญ่บางคนเป็นสิ่งไม่น่าให้อภัยแม้แต่นิดเดียว!”“แล้วคุณจะพาอีวี่ไปไหน บอกฉันมานะคะไคลน์ คุณตั้งใจจะทำอะไรลูกของฉัน!”“ทำไมต้องกลัวถ้าจะไม่ได้พบกับอีวี่อีก!...ในเมื่อคุณไม่รักษาคำพูด ลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าเคยสัญญาอะไรกับผมไว้!”“ฉันไม่เคยลืมว่าต้องเป็นนางบำเรอให้ผู้ชายทีมีแต่ความแค้นและไม่เคยเห็นใจใครอย่างคุณ!”“แต่ผมไม่เคยโกหก!” เซอร์เรนัล์ฟตะคอกกลับ “ไม่เคยปลิ้นปล้อนหรือหลอกใครให้ตายใจแล้วทำร้ายเขาทีหลัง ถ้าคุณอยากรู้ว่าผมเป็นอย่างที่พูดจริงหรือเปล่าก็จะพิสูจน์ให้คุณเห็นเดี๋ยวนี้แหละ!”“ไคลน์!...คนบ้า...ปล่อยฉัน!” ร่างเล็กพยายามสะบัดตัวหนีทว่าต้านแรงของคนตัวใหญ่ที่ลากเธอไปจนถึงรถไม่ได้“ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยฉันด้วย!” / “หยุดตะโกนเถอะอีฟ ผัวเมียทะเลาะกันใครที่ไหนจะกล้ามายุ่ง!”เซอร์เรนัล์ฟตวาดอย่างหัวเสียก่อนจะดันร่างแน่งน้อยเข้าไปในรถแล้วปิดประตู อิสลินเพียรเปิดก็ทำไม่ได้จนอีกฝ่ายเปิดประตูอีกด้านก่อนทิ้งตัวนั่งหลังพวงม
“คนฉลาดอย่างคุณไม่รู้หรอกว่า คนโง่บางคนอาจยอมแม้กระทั่งแลกความตายกับอิสรภาพที่เขาไม่มีวันได้แตะต้องมันชั่วชีวิต”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้ อีฟ!...ผมขอสั่งให้คุณหยุดคิดเรื่องนี้!”“ไม่ค่ะ...ฉันจะไม่มีวันหยุดคิด ถึงร่างกายของฉันจะถูกจองจำโดยโซ่นับพันเส้น แต่หัวใจของฉันจะโบยบินไปหาความฝันแม้ไม่มีวันได้เจอมันก็ตาม” ความถือดีของหญิงสาวทำให้อีกฝ่ายหมดความอดทน เซอร์เรนัล์ฟไม่ได้หยุดคิดและตรองให้ดีแม้เพียงสักนิดว่าคำพูดที่พรั่งพรูถูกกลั่นออกมาจากความปวดร้าวแสนสาหัส อิสลินคิดถึงลูกแทบขาดใจและเธอกำลังจะตายด้วยพิษพยาบาทผลาญทำลายลมหายใจแห่งความหวัง ร่างบอบบางถูกรั้งเข้าไปชิดอกกว้างก่อนใบหน้าคร้ามคมก้มลงไปหาเพื่อสั่งสอนด้วยเรียวลิ้นหนาหยาบและจาบจ้วง ริมฝีปากหนาที่บดขยี้กลีบปากบวมช้ำเหมือนไฟร้อนแผดเผาให้มอดไหม้“อีฟ...ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น ชีวิตของคุณ...เป็นของผม” ท่ามกลางพายุอารมณ์ที่โหมพัดกลับฉุดความปรารถนาเร้นลึกจนแตกกระเจิง เซอร์เรนัล์ฟลืมตัวกอดร่างเล็กไว้จนแน่นเมื่อความหวงแหนปลุกเร้าจิตสำนึกที่กำลังแตกซ่าน ความลืมหลงที่พยายามบีบบังคับทำให้มือหนากระชากอาภรณ์ออกจากร่างแน่งน้อยที่อ่อนล้าจนไม่อยากขัดขื
เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าประกายรีบวางช้อนกลับลงไปในถ้วยซุป “ไปไหนคะแด๊ดดี้?” / “แด๊ดดี้จะพาหนูไปหาปาปา”“อีวี่คิดถึงปาปาค่ะ”เซอร์เรนัล์ฟพยักหน้าพร้อมทั้งก้มลงยกร่างเล็กขึ้นไว้ในอ้อมแขน “โอเค...ถ้าอีวี่ออกไปข้างนอกกับแด๊ดดี้สองคนต้องไม่โยเยนะ รู้มั้ย”“อีวี่เป็นเด็กดีค่ะ ไมเชื่อถามเท็ดดี้กับบาร์บี้ดูซีคะ” / “เขาบอกแด๊ดดี้แล้วล่ะ และแด๊ดดี้ก็เชื่อเช่นนั้น ชายหนุ่มฝังจมูกโด่งลงบนแก้มยุ้ยสีกุหลาบ มีหลายอย่างในตัวด็กน้อยดึงดูดให้เขาอยากเข้าใกล้และไม่รู้ด้วยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น อีวี่ดูไม่เหมือนอิสลินเสียทีเดียวทว่าแม่หนูก็เป็นลูกครึ่งที่มีดวงตาสีฟ้าสุกใสเหมือนท้องทะเลในยามเช้า เธอคงเหมือนเดเรกซึ่งเขาก็อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นให้ชัด ๆ มากกว่าได้ยินเพียงชื่อของเขา๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐“คุณเซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์...เป็นญาติของคุณอิสลินที่เราโทรหาเมื่อเช้านี้ใช่ไหมคะ?” เจ้าหน้าที่พยาบาลสาวผิวสีเงยหน้าจากเคาน์เตอร์ภายในตึกผู้ป่วยเพื่อพินิจเจ้าของใบหน้าอันหล่อเหลาบนเรือนร่างสูงสง่าอย่างนายแบบภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวลายทางและกางเกงสแล็คสีเข้ม เธอยิ้มให้ชายหนุ่มและหนูน้อยในชุดกระโปรงสีหวานที่อยู่บนแขนอันทรงพลังข
“มันคงเป็นเรื่องไม่น่าให้อภัยสำหรับสามีที่โกหกภรรยาในหลาย ๆ เรื่อง แต่ผมก็มีความจำเป็นและคุณคงเข้าใจตอนมาเห็นผมอยู่ในสภาพแบบนี้”“อีฟรู้เรื่องนี้หรือยัง?”“เธอรู้เรื่องของผมหลังจากที่เราหย่ากันและมาเยี่ยมผมที่นี่แค่ครั้งเดียวก่อนหน้านี้ไม่นาน จริง ๆ แล้วผมอยากเก็บเรื่องที่ผมมีก้อนเนื้อบ้า ๆ ในสมองนี่ไว้เป็นความลับ แต่อีฟดันไปเจอแบรดเสียก่อน เธอถึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”“แบรด” เซอร์เรนัล์ฟย่นคิ้วเมื่อเดเรกกล่าวถึงคนที่เขาไม่รู้จัก“แบรดเป็นคนสำคัญในครอบครัวของเรา อีฟพบเขาที่เซ็นทรัล ปาร์ค เขาพาเธอมาหาผมและเราต่างคนต่างก็แปลกใจเพราะผมคิดว่าเธอคงพาอีวี่กลับเมืองไทย ส่วนเธอก็คิดว่าผมไปฝรั่งเศส ผมมารู้จากแบรดว่าอีฟยังอยู่ในคฤหาสน์ของผมที่ขายคุณไปแล้ว ทั้งที่ผมตั้งใจว่าจะยกทรัพย์สินทุกอย่างที่ขายได้ให้เธอไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ส่วนผมก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตั้งใจ...กับแบรด”“ชีวิตอย่างที่คุณตั้งใจอย่างนั้นหรือ?” เซอร์เรนัล์ฟทวนคำพูดของอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ แต่ก่อนจะถามอะไรต่อประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาเบา ๆ“ลุงแบรด!” อีวี่รีบกระโดดลงจากตักของเดเรกและวิ่งไปหาใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามา“โอ...พระเจ้
“อีวี่น่ะ...เป็นโซ่ทองที่คล้องหัวใจของอีฟกับคนที่เธอรักมาตลอด ถึงแม้ว่าวันเวลานั้นจะผ่านไปนานแค่ไหน การหย่าระหว่างผมกับเธอทำให้ใคร ๆ ต่างคิดว่า เดเรก เพียซ ช่างเป็นผู้ชายใจจืดใจดำ ทิ้งลูกเมียไปตอนที่กิจการของตัวเองกำลังมีปัญหา แต่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวรู้ว่าเราสองคนต่างเต็มใจมอบอิสรภาพให้แก่กันหลังจากที่ต้องเป็นคู่สามีภรรยาแต่ในนามมานานแล้ว”คนพูดถอนใจขณะคนฟังตั้งใจที่จะรับรู้คำกล่าวหลังจากนั้น“เมื่อห้าปีก่อนผมกับครอบครัวได้เจรจาสู่ขอลูกสาวคนสวยของอาร์โนล เบอร์กแทรนช์ เขาไม่ปฏิเสธเพราะกิจการของครอบครัวกำลังประสบปัญหาอย่างหนักถึงขั้นใกล้ล้มละลาย มันเป็นความต้องการของพ่อกับแม่ที่อยากให้ผมเกี่ยวดองกับเพื่อนสนิทของท่านในฐานะลูกเขย และที่อีฟแต่งงานกับผมเพราะต้องทำตามความต้องการของคุณอาร์โนลที่กำลังต่อสู้กับมะเร็งระยะสุดท้าย มันดูเหมือนเป็นเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจแต่ทุกอย่างก็เหมาะเจาะเพราะผมต้องการคู่ชีวิตในแบบเจ้าสาวของผม...เจ้าสาวที่ไม่ได้รักและไม่ต้องการอะไรแถมยังเต็มใจที่จะอยู่กับผู้ชายที่อยากปิดบังสถานะความเป็นชายรักชายอย่างผม”“คุณกับอีฟไม่ได้รักกัน แต่อย่างน้อยอีวี่ก็เกิดมาจากความผ
“อีฟช่างโชคดีที่ได้พบและใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายอย่างคุณ เดเรก”“และผมก็คิดว่าอีวี่ช่างโชคดี เพราะแกคงได้พบกับพ่อที่แท้จริงของแกแล้ว” เดเรกกล่าวพลางเอนตัวลงนอนด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน “พรุ่งนี้ผมจะเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ หมอบอกว่าผมอาจจะรอดหรือไม่รอดทุกอย่างห้าสิบห้าสิบ แต่ผมก็เต็มใจที่ยอมรับ...คุณเซอร์เรนัล์ฟ ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากจนเกินไปผมอยากฝากคุณบอกอีฟ ไม่ว่าความทรงจำของผมจะยังอยู่หรือดับสูญ แต่ผมก็จะคิดถึงเธอและอีวี่...ตลอดไป”“เดเรก ผมก็อยากบอกคุณเหมือนกันว่าในชีวิตของผมการได้พบอีวี่ คือรักแรกพบครั้งที่สอง...และผมรับปากว่าจะบอกในสิ่งที่คุณอยากบอกอีฟ ทุกอย่าง” เซอร์เรนัล์ฟใช้เวลาอยู่ในห้องนั้นอีกครู่ใหญ่ก่อนที่เขาจะกลับออกมาและมุ่งตรงไปหาอีวี่ซึ่งอยู่ในมุมสงบของโรงพยาบาลกับแบรด“แด๊ดดี้ขา...แด๊ดดี้” ร่างเล็กวิ่งตัวปลิวมาหาชายหนุ่มที่นั่งลงและอ้าแขนรับเธอไว้ก่อนจะกอดแม่หนูน้อยด้วยความรู้สึกต่างไปจากวันก่อน ๆ เขาจูบอีวี่ทุกที่ทั้งหน้าผาก ดวงตา แก้มและริมฝีปากจิ้มลิ้มตลอดจนเรือนผมสีน้ำตาลประกายทองเงางาม...นี่คือจิตวิญญาณที่เซอร์เรนัล์ฟไม่เคยสังเกตเลยตั้งแต่แรกพบว่าทุก ๆ อย่างที่เป็นอีวี่ล้ว