“ไคลน์...ได้โปรด อย่าทำอะไรลูกของฉัน อย่าทำอะไรอีวี่”“ผมจะทำอะไรอีวี่!” เซอร์เรนัล์ฟบีบไหล่บางจนเจ็บพลางก้มหน้าลงไปใกล้ “ในเมื่อแกยังเด็กเกินกว่าจะรับรู้ว่าการกระทำของผู้ใหญ่บางคนเป็นสิ่งไม่น่าให้อภัยแม้แต่นิดเดียว!”“แล้วคุณจะพาอีวี่ไปไหน บอกฉันมานะคะไคลน์ คุณตั้งใจจะทำอะไรลูกของฉัน!”“ทำไมต้องกลัวถ้าจะไม่ได้พบกับอีวี่อีก!...ในเมื่อคุณไม่รักษาคำพูด ลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าเคยสัญญาอะไรกับผมไว้!”“ฉันไม่เคยลืมว่าต้องเป็นนางบำเรอให้ผู้ชายทีมีแต่ความแค้นและไม่เคยเห็นใจใครอย่างคุณ!”“แต่ผมไม่เคยโกหก!” เซอร์เรนัล์ฟตะคอกกลับ “ไม่เคยปลิ้นปล้อนหรือหลอกใครให้ตายใจแล้วทำร้ายเขาทีหลัง ถ้าคุณอยากรู้ว่าผมเป็นอย่างที่พูดจริงหรือเปล่าก็จะพิสูจน์ให้คุณเห็นเดี๋ยวนี้แหละ!”“ไคลน์!...คนบ้า...ปล่อยฉัน!” ร่างเล็กพยายามสะบัดตัวหนีทว่าต้านแรงของคนตัวใหญ่ที่ลากเธอไปจนถึงรถไม่ได้“ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยฉันด้วย!” / “หยุดตะโกนเถอะอีฟ ผัวเมียทะเลาะกันใครที่ไหนจะกล้ามายุ่ง!”เซอร์เรนัล์ฟตวาดอย่างหัวเสียก่อนจะดันร่างแน่งน้อยเข้าไปในรถแล้วปิดประตู อิสลินเพียรเปิดก็ทำไม่ได้จนอีกฝ่ายเปิดประตูอีกด้านก่อนทิ้งตัวนั่งหลังพวงม
“คนฉลาดอย่างคุณไม่รู้หรอกว่า คนโง่บางคนอาจยอมแม้กระทั่งแลกความตายกับอิสรภาพที่เขาไม่มีวันได้แตะต้องมันชั่วชีวิต”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้ อีฟ!...ผมขอสั่งให้คุณหยุดคิดเรื่องนี้!”“ไม่ค่ะ...ฉันจะไม่มีวันหยุดคิด ถึงร่างกายของฉันจะถูกจองจำโดยโซ่นับพันเส้น แต่หัวใจของฉันจะโบยบินไปหาความฝันแม้ไม่มีวันได้เจอมันก็ตาม” ความถือดีของหญิงสาวทำให้อีกฝ่ายหมดความอดทน เซอร์เรนัล์ฟไม่ได้หยุดคิดและตรองให้ดีแม้เพียงสักนิดว่าคำพูดที่พรั่งพรูถูกกลั่นออกมาจากความปวดร้าวแสนสาหัส อิสลินคิดถึงลูกแทบขาดใจและเธอกำลังจะตายด้วยพิษพยาบาทผลาญทำลายลมหายใจแห่งความหวัง ร่างบอบบางถูกรั้งเข้าไปชิดอกกว้างก่อนใบหน้าคร้ามคมก้มลงไปหาเพื่อสั่งสอนด้วยเรียวลิ้นหนาหยาบและจาบจ้วง ริมฝีปากหนาที่บดขยี้กลีบปากบวมช้ำเหมือนไฟร้อนแผดเผาให้มอดไหม้“อีฟ...ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น ชีวิตของคุณ...เป็นของผม” ท่ามกลางพายุอารมณ์ที่โหมพัดกลับฉุดความปรารถนาเร้นลึกจนแตกกระเจิง เซอร์เรนัล์ฟลืมตัวกอดร่างเล็กไว้จนแน่นเมื่อความหวงแหนปลุกเร้าจิตสำนึกที่กำลังแตกซ่าน ความลืมหลงที่พยายามบีบบังคับทำให้มือหนากระชากอาภรณ์ออกจากร่างแน่งน้อยที่อ่อนล้าจนไม่อยากขัดขื
เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าประกายรีบวางช้อนกลับลงไปในถ้วยซุป “ไปไหนคะแด๊ดดี้?” / “แด๊ดดี้จะพาหนูไปหาปาปา”“อีวี่คิดถึงปาปาค่ะ”เซอร์เรนัล์ฟพยักหน้าพร้อมทั้งก้มลงยกร่างเล็กขึ้นไว้ในอ้อมแขน “โอเค...ถ้าอีวี่ออกไปข้างนอกกับแด๊ดดี้สองคนต้องไม่โยเยนะ รู้มั้ย”“อีวี่เป็นเด็กดีค่ะ ไมเชื่อถามเท็ดดี้กับบาร์บี้ดูซีคะ” / “เขาบอกแด๊ดดี้แล้วล่ะ และแด๊ดดี้ก็เชื่อเช่นนั้น ชายหนุ่มฝังจมูกโด่งลงบนแก้มยุ้ยสีกุหลาบ มีหลายอย่างในตัวด็กน้อยดึงดูดให้เขาอยากเข้าใกล้และไม่รู้ด้วยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น อีวี่ดูไม่เหมือนอิสลินเสียทีเดียวทว่าแม่หนูก็เป็นลูกครึ่งที่มีดวงตาสีฟ้าสุกใสเหมือนท้องทะเลในยามเช้า เธอคงเหมือนเดเรกซึ่งเขาก็อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นให้ชัด ๆ มากกว่าได้ยินเพียงชื่อของเขา๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐“คุณเซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์...เป็นญาติของคุณอิสลินที่เราโทรหาเมื่อเช้านี้ใช่ไหมคะ?” เจ้าหน้าที่พยาบาลสาวผิวสีเงยหน้าจากเคาน์เตอร์ภายในตึกผู้ป่วยเพื่อพินิจเจ้าของใบหน้าอันหล่อเหลาบนเรือนร่างสูงสง่าอย่างนายแบบภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวลายทางและกางเกงสแล็คสีเข้ม เธอยิ้มให้ชายหนุ่มและหนูน้อยในชุดกระโปรงสีหวานที่อยู่บนแขนอันทรงพลังข
“มันคงเป็นเรื่องไม่น่าให้อภัยสำหรับสามีที่โกหกภรรยาในหลาย ๆ เรื่อง แต่ผมก็มีความจำเป็นและคุณคงเข้าใจตอนมาเห็นผมอยู่ในสภาพแบบนี้”“อีฟรู้เรื่องนี้หรือยัง?”“เธอรู้เรื่องของผมหลังจากที่เราหย่ากันและมาเยี่ยมผมที่นี่แค่ครั้งเดียวก่อนหน้านี้ไม่นาน จริง ๆ แล้วผมอยากเก็บเรื่องที่ผมมีก้อนเนื้อบ้า ๆ ในสมองนี่ไว้เป็นความลับ แต่อีฟดันไปเจอแบรดเสียก่อน เธอถึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”“แบรด” เซอร์เรนัล์ฟย่นคิ้วเมื่อเดเรกกล่าวถึงคนที่เขาไม่รู้จัก“แบรดเป็นคนสำคัญในครอบครัวของเรา อีฟพบเขาที่เซ็นทรัล ปาร์ค เขาพาเธอมาหาผมและเราต่างคนต่างก็แปลกใจเพราะผมคิดว่าเธอคงพาอีวี่กลับเมืองไทย ส่วนเธอก็คิดว่าผมไปฝรั่งเศส ผมมารู้จากแบรดว่าอีฟยังอยู่ในคฤหาสน์ของผมที่ขายคุณไปแล้ว ทั้งที่ผมตั้งใจว่าจะยกทรัพย์สินทุกอย่างที่ขายได้ให้เธอไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ส่วนผมก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตั้งใจ...กับแบรด”“ชีวิตอย่างที่คุณตั้งใจอย่างนั้นหรือ?” เซอร์เรนัล์ฟทวนคำพูดของอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ แต่ก่อนจะถามอะไรต่อประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาเบา ๆ“ลุงแบรด!” อีวี่รีบกระโดดลงจากตักของเดเรกและวิ่งไปหาใครคนหนึ่งที่เดินเข้ามา“โอ...พระเจ้
“อีวี่น่ะ...เป็นโซ่ทองที่คล้องหัวใจของอีฟกับคนที่เธอรักมาตลอด ถึงแม้ว่าวันเวลานั้นจะผ่านไปนานแค่ไหน การหย่าระหว่างผมกับเธอทำให้ใคร ๆ ต่างคิดว่า เดเรก เพียซ ช่างเป็นผู้ชายใจจืดใจดำ ทิ้งลูกเมียไปตอนที่กิจการของตัวเองกำลังมีปัญหา แต่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวรู้ว่าเราสองคนต่างเต็มใจมอบอิสรภาพให้แก่กันหลังจากที่ต้องเป็นคู่สามีภรรยาแต่ในนามมานานแล้ว”คนพูดถอนใจขณะคนฟังตั้งใจที่จะรับรู้คำกล่าวหลังจากนั้น“เมื่อห้าปีก่อนผมกับครอบครัวได้เจรจาสู่ขอลูกสาวคนสวยของอาร์โนล เบอร์กแทรนช์ เขาไม่ปฏิเสธเพราะกิจการของครอบครัวกำลังประสบปัญหาอย่างหนักถึงขั้นใกล้ล้มละลาย มันเป็นความต้องการของพ่อกับแม่ที่อยากให้ผมเกี่ยวดองกับเพื่อนสนิทของท่านในฐานะลูกเขย และที่อีฟแต่งงานกับผมเพราะต้องทำตามความต้องการของคุณอาร์โนลที่กำลังต่อสู้กับมะเร็งระยะสุดท้าย มันดูเหมือนเป็นเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจแต่ทุกอย่างก็เหมาะเจาะเพราะผมต้องการคู่ชีวิตในแบบเจ้าสาวของผม...เจ้าสาวที่ไม่ได้รักและไม่ต้องการอะไรแถมยังเต็มใจที่จะอยู่กับผู้ชายที่อยากปิดบังสถานะความเป็นชายรักชายอย่างผม”“คุณกับอีฟไม่ได้รักกัน แต่อย่างน้อยอีวี่ก็เกิดมาจากความผ
“อีฟช่างโชคดีที่ได้พบและใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายอย่างคุณ เดเรก”“และผมก็คิดว่าอีวี่ช่างโชคดี เพราะแกคงได้พบกับพ่อที่แท้จริงของแกแล้ว” เดเรกกล่าวพลางเอนตัวลงนอนด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน “พรุ่งนี้ผมจะเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ หมอบอกว่าผมอาจจะรอดหรือไม่รอดทุกอย่างห้าสิบห้าสิบ แต่ผมก็เต็มใจที่ยอมรับ...คุณเซอร์เรนัล์ฟ ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากจนเกินไปผมอยากฝากคุณบอกอีฟ ไม่ว่าความทรงจำของผมจะยังอยู่หรือดับสูญ แต่ผมก็จะคิดถึงเธอและอีวี่...ตลอดไป”“เดเรก ผมก็อยากบอกคุณเหมือนกันว่าในชีวิตของผมการได้พบอีวี่ คือรักแรกพบครั้งที่สอง...และผมรับปากว่าจะบอกในสิ่งที่คุณอยากบอกอีฟ ทุกอย่าง” เซอร์เรนัล์ฟใช้เวลาอยู่ในห้องนั้นอีกครู่ใหญ่ก่อนที่เขาจะกลับออกมาและมุ่งตรงไปหาอีวี่ซึ่งอยู่ในมุมสงบของโรงพยาบาลกับแบรด“แด๊ดดี้ขา...แด๊ดดี้” ร่างเล็กวิ่งตัวปลิวมาหาชายหนุ่มที่นั่งลงและอ้าแขนรับเธอไว้ก่อนจะกอดแม่หนูน้อยด้วยความรู้สึกต่างไปจากวันก่อน ๆ เขาจูบอีวี่ทุกที่ทั้งหน้าผาก ดวงตา แก้มและริมฝีปากจิ้มลิ้มตลอดจนเรือนผมสีน้ำตาลประกายทองเงางาม...นี่คือจิตวิญญาณที่เซอร์เรนัล์ฟไม่เคยสังเกตเลยตั้งแต่แรกพบว่าทุก ๆ อย่างที่เป็นอีวี่ล้ว
“โอ!...พระเจ้าช่วย! นั่นมันรองเท้าของคุณผู้หญิง” นัยน์ตาสีฟ้าเข้มเบิกโพลงเมื่อเห็นหลักฐานต่างหน้าว่าอิสลินได้ไปจากเขาและลูกแล้ว“บางที...ฉันอาจว่ายน้ำข้ามไป” น้ำเสียงอันเจ็บปวดของอิสลินก้องเข้ามาในความคิดของชายหนุ่ม และในเสี้ยววินาทีนั้นเองที่เขานึกได้ว่าจะตามหาเธอได้ที่ไหน ร่างสูงใหญ่รีบวิ่งอ้อมไปทางด้านหลัง ริมฝั่งน้ำที่มองเห็นเกาะแมนฮัตตันอยู่ไกลลิบ“คุณเซอร์เรนัล์ฟ! นั่นคุณจะทำอะไร...อย่าครับ!” บอดี้การ์ดที่วิ่งตามมาพยายามตะโกนเรียกทว่าไม่ทันร่างสูงใหญ่ที่ถอดรองเท้าก่อนกระโดดลงไปในน้ำ คนที่ตระหนกเป็นที่สุดคืออีวี่ที่แม่บ้านอุ้มตามมาทีหลัง“แด๊ดดี้...แด๊ดดี้อย่าไป!” เด็กหญิงร้องไห้จนป้าลิลลี่ต้องกอดร่างเล็กไว้แน่น“โอ!...พระเจ้า!...คุณหนูอย่าร้องไห้ค่ะ เดี๋ยวแด๊ดดี้จะกลับมา”“ป้าครับ แถวนี้เรือบ้างไหม” ชายร่างยักษ์ปรี่เข้ามาถามเมื่อเห็นเซอร์เรนัล์ฟว่ายออกไปไกลท่ามกลางห้วงน้ำกว้างใหญ่เบื้องหน้า“มะ...มีค่ะ มีเรือพาย แต่มันเก่ามากแล้วนะคะ” / “ไม่เป็นไรครับ เราต้องรีบออกไปเดี๋ยวนี้ไม่อย่างนั้นคุณเซอร์เรนัล์ฟต้องแย่แน่”“ค่ะ...มันอยู่ตรงนั้นค่ะ” หญิงวัยกลางคนชี้ไปยังเรือพายขนาดเล็กที่ค
“โอ...พระเจ้าช่วย!...ฉันไม่อยากเชื่อเลย...คุณผู้หญิงกับคุณ...” ป้าลิลลี่น้ำตาคลอเบ้าเมื่อกล่องแห่งความลับถูกเปิดเผยในที่สุด แม่บ้านหมดข้อสงสัยว่าเหตุใดอิสลินจึงจ่อมจมอยู่กับสิ่งนี้ เป็นเพราะเธอเก็บหัวใจของคนรักไว้ในกล่องไม้ใบเล็กนั่นเอง“อีวี่เป็นอย่างไรบ้างครับ?” ชายหนุ่มถามเสียงเบาราวกระซิบขณะก้มลงจูบซับบนเปลือกตาเล็กบางและปากแดงจิ้มลิ้ม“เธอร้องไห้หาคุณผู้หญิงค่ะ ดูเธอจะกลัวมากตอนคุณว่ายน้ำออกไป ฉันไม่แน่ใจว่าคุณหนูอีวี่จะร้องไห้อีกไหมเวลาตื่นขึ้นมา”“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าแกร้องหาแม่ พ่อของแกก็อยู่คอยปลอบตรงนี้แล้ว” ไมมีคำพูดใดหลุดจากปากของป้าลิลลี่ในเมื่อนางประจักษ์แล้วว่าประกายตาสีฟ้านุ่มนวลคู่นั้นจ้องมองเด็กหญิงในอ้อมแขนด้วยความถนอมรัก และนับแต่บัดนี้ก็จะไม่มีข้อกังขาเรื่องความแตกต่างของพ่อกับลูกในบ้านหลังนี้อีกต่อไป เวลาที่ผันผ่านดูเหมือนเชื่องช้า นับจากวันเป็นเดือนที่เซอร์เรนัล์ฟพยายามส่งคนออกตามหาอิสลินในทุก ๆ ที่ ทั้งในอเมริกาและนอร์ธแธมตัน ไชรน์ซึ่งเป็นบ้านเกิดบิดาของเธอ แม้แต่ที่เมืองไทยก็ไร้วี่แววว่าจะพบ อีวี่ยังมีอาการเซื่องซึมและร้องไห้หาแม่เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาหนูน้อย