“อีวี่น่ะ...เป็นโซ่ทองที่คล้องหัวใจของอีฟกับคนที่เธอรักมาตลอด ถึงแม้ว่าวันเวลานั้นจะผ่านไปนานแค่ไหน การหย่าระหว่างผมกับเธอทำให้ใคร ๆ ต่างคิดว่า เดเรก เพียซ ช่างเป็นผู้ชายใจจืดใจดำ ทิ้งลูกเมียไปตอนที่กิจการของตัวเองกำลังมีปัญหา แต่ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวรู้ว่าเราสองคนต่างเต็มใจมอบอิสรภาพให้แก่กันหลังจากที่ต้องเป็นคู่สามีภรรยาแต่ในนามมานานแล้ว”คนพูดถอนใจขณะคนฟังตั้งใจที่จะรับรู้คำกล่าวหลังจากนั้น“เมื่อห้าปีก่อนผมกับครอบครัวได้เจรจาสู่ขอลูกสาวคนสวยของอาร์โนล เบอร์กแทรนช์ เขาไม่ปฏิเสธเพราะกิจการของครอบครัวกำลังประสบปัญหาอย่างหนักถึงขั้นใกล้ล้มละลาย มันเป็นความต้องการของพ่อกับแม่ที่อยากให้ผมเกี่ยวดองกับเพื่อนสนิทของท่านในฐานะลูกเขย และที่อีฟแต่งงานกับผมเพราะต้องทำตามความต้องการของคุณอาร์โนลที่กำลังต่อสู้กับมะเร็งระยะสุดท้าย มันดูเหมือนเป็นเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจแต่ทุกอย่างก็เหมาะเจาะเพราะผมต้องการคู่ชีวิตในแบบเจ้าสาวของผม...เจ้าสาวที่ไม่ได้รักและไม่ต้องการอะไรแถมยังเต็มใจที่จะอยู่กับผู้ชายที่อยากปิดบังสถานะความเป็นชายรักชายอย่างผม”“คุณกับอีฟไม่ได้รักกัน แต่อย่างน้อยอีวี่ก็เกิดมาจากความผ
“อีฟช่างโชคดีที่ได้พบและใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายอย่างคุณ เดเรก”“และผมก็คิดว่าอีวี่ช่างโชคดี เพราะแกคงได้พบกับพ่อที่แท้จริงของแกแล้ว” เดเรกกล่าวพลางเอนตัวลงนอนด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน “พรุ่งนี้ผมจะเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ หมอบอกว่าผมอาจจะรอดหรือไม่รอดทุกอย่างห้าสิบห้าสิบ แต่ผมก็เต็มใจที่ยอมรับ...คุณเซอร์เรนัล์ฟ ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากจนเกินไปผมอยากฝากคุณบอกอีฟ ไม่ว่าความทรงจำของผมจะยังอยู่หรือดับสูญ แต่ผมก็จะคิดถึงเธอและอีวี่...ตลอดไป”“เดเรก ผมก็อยากบอกคุณเหมือนกันว่าในชีวิตของผมการได้พบอีวี่ คือรักแรกพบครั้งที่สอง...และผมรับปากว่าจะบอกในสิ่งที่คุณอยากบอกอีฟ ทุกอย่าง” เซอร์เรนัล์ฟใช้เวลาอยู่ในห้องนั้นอีกครู่ใหญ่ก่อนที่เขาจะกลับออกมาและมุ่งตรงไปหาอีวี่ซึ่งอยู่ในมุมสงบของโรงพยาบาลกับแบรด“แด๊ดดี้ขา...แด๊ดดี้” ร่างเล็กวิ่งตัวปลิวมาหาชายหนุ่มที่นั่งลงและอ้าแขนรับเธอไว้ก่อนจะกอดแม่หนูน้อยด้วยความรู้สึกต่างไปจากวันก่อน ๆ เขาจูบอีวี่ทุกที่ทั้งหน้าผาก ดวงตา แก้มและริมฝีปากจิ้มลิ้มตลอดจนเรือนผมสีน้ำตาลประกายทองเงางาม...นี่คือจิตวิญญาณที่เซอร์เรนัล์ฟไม่เคยสังเกตเลยตั้งแต่แรกพบว่าทุก ๆ อย่างที่เป็นอีวี่ล้ว
“โอ!...พระเจ้าช่วย! นั่นมันรองเท้าของคุณผู้หญิง” นัยน์ตาสีฟ้าเข้มเบิกโพลงเมื่อเห็นหลักฐานต่างหน้าว่าอิสลินได้ไปจากเขาและลูกแล้ว“บางที...ฉันอาจว่ายน้ำข้ามไป” น้ำเสียงอันเจ็บปวดของอิสลินก้องเข้ามาในความคิดของชายหนุ่ม และในเสี้ยววินาทีนั้นเองที่เขานึกได้ว่าจะตามหาเธอได้ที่ไหน ร่างสูงใหญ่รีบวิ่งอ้อมไปทางด้านหลัง ริมฝั่งน้ำที่มองเห็นเกาะแมนฮัตตันอยู่ไกลลิบ“คุณเซอร์เรนัล์ฟ! นั่นคุณจะทำอะไร...อย่าครับ!” บอดี้การ์ดที่วิ่งตามมาพยายามตะโกนเรียกทว่าไม่ทันร่างสูงใหญ่ที่ถอดรองเท้าก่อนกระโดดลงไปในน้ำ คนที่ตระหนกเป็นที่สุดคืออีวี่ที่แม่บ้านอุ้มตามมาทีหลัง“แด๊ดดี้...แด๊ดดี้อย่าไป!” เด็กหญิงร้องไห้จนป้าลิลลี่ต้องกอดร่างเล็กไว้แน่น“โอ!...พระเจ้า!...คุณหนูอย่าร้องไห้ค่ะ เดี๋ยวแด๊ดดี้จะกลับมา”“ป้าครับ แถวนี้เรือบ้างไหม” ชายร่างยักษ์ปรี่เข้ามาถามเมื่อเห็นเซอร์เรนัล์ฟว่ายออกไปไกลท่ามกลางห้วงน้ำกว้างใหญ่เบื้องหน้า“มะ...มีค่ะ มีเรือพาย แต่มันเก่ามากแล้วนะคะ” / “ไม่เป็นไรครับ เราต้องรีบออกไปเดี๋ยวนี้ไม่อย่างนั้นคุณเซอร์เรนัล์ฟต้องแย่แน่”“ค่ะ...มันอยู่ตรงนั้นค่ะ” หญิงวัยกลางคนชี้ไปยังเรือพายขนาดเล็กที่ค
“โอ...พระเจ้าช่วย!...ฉันไม่อยากเชื่อเลย...คุณผู้หญิงกับคุณ...” ป้าลิลลี่น้ำตาคลอเบ้าเมื่อกล่องแห่งความลับถูกเปิดเผยในที่สุด แม่บ้านหมดข้อสงสัยว่าเหตุใดอิสลินจึงจ่อมจมอยู่กับสิ่งนี้ เป็นเพราะเธอเก็บหัวใจของคนรักไว้ในกล่องไม้ใบเล็กนั่นเอง“อีวี่เป็นอย่างไรบ้างครับ?” ชายหนุ่มถามเสียงเบาราวกระซิบขณะก้มลงจูบซับบนเปลือกตาเล็กบางและปากแดงจิ้มลิ้ม“เธอร้องไห้หาคุณผู้หญิงค่ะ ดูเธอจะกลัวมากตอนคุณว่ายน้ำออกไป ฉันไม่แน่ใจว่าคุณหนูอีวี่จะร้องไห้อีกไหมเวลาตื่นขึ้นมา”“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าแกร้องหาแม่ พ่อของแกก็อยู่คอยปลอบตรงนี้แล้ว” ไมมีคำพูดใดหลุดจากปากของป้าลิลลี่ในเมื่อนางประจักษ์แล้วว่าประกายตาสีฟ้านุ่มนวลคู่นั้นจ้องมองเด็กหญิงในอ้อมแขนด้วยความถนอมรัก และนับแต่บัดนี้ก็จะไม่มีข้อกังขาเรื่องความแตกต่างของพ่อกับลูกในบ้านหลังนี้อีกต่อไป เวลาที่ผันผ่านดูเหมือนเชื่องช้า นับจากวันเป็นเดือนที่เซอร์เรนัล์ฟพยายามส่งคนออกตามหาอิสลินในทุก ๆ ที่ ทั้งในอเมริกาและนอร์ธแธมตัน ไชรน์ซึ่งเป็นบ้านเกิดบิดาของเธอ แม้แต่ที่เมืองไทยก็ไร้วี่แววว่าจะพบ อีวี่ยังมีอาการเซื่องซึมและร้องไห้หาแม่เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาหนูน้อย
“กอน เธอะ เรนโบว์ (Gone The Rainbow) มามี้ร้องเพลงนี้ให้อีวี่ฟังใช่ไหม”เด็กหญิงพยักหน้า แก้มยุ้ยและปากจิ้มลิ้มเป็นสีชมพูกุหลาบใต้แสงไฟนวล “มามี้ร้องเพลงนี้...ก่อนอีวี่จะนอน”เซอร์เรนัล์ฟยิ้มจางและกดศีรษะน้อย ๆ นั้นแนบอกขณะเอนร่างลงบนเบาะนุ่มเพื่อไม่ให้ลูกสาวเห็นคราบน้ำที่หยดลงทางหางตาตอนที่เขาร้องเพลงขับกล่อมแม่หนูท่ามกลางความเงียบสงัดในสวนอันสงบงามShule,shule,shule-a-roo, Shule-a-rak-shak,shule-a-ba-ba-coo. When I saw my sally babby beal,Come bibble in the boo shy lorey.บุรุษผู้เคยถือดีและหยิ่งทะนงบัดนี้เป็นแค่ชายคนหนึ่งที่ยอมจำนนหัวใจและยอมให้ชีวิตทั้งชีวิตแก่จิตวิญญาณอันบอบบางในอ้อมแขน ทำนองแสนเศร้าคลอเคล้าอยู่ในแสงเงินยวงที่คนฟังหลับใหลอย่างเป็นสุขโดยมิได้สำเหนียกความหมายบอกเล่าถึงผู้หญิงคนหนึ่งร้องเห่กล่อมลูกเมื่อชายคนรักต้องเดินทางสู่สนามรบในสงคราม อิสลินคงเหมือนผู้หญิงคนนั้นที่ต้องอยู่เพียงลำพังกับอีวี่โดยไม่รู้ชะตากรรมของคนที่เธอรัก เธอคิดว่าเขาตายไปแล้วในคืนนั้นและใช้ชีวิตอยู่อย่างเหว่ว้าเดียวดายในเวลาที่เขาคิดแต่เคียดแค้นและหวังแต่จะเอาคืน“อีวี่...” ชายหนุ่มกระซิบอยู่กั
“เซจ...นั่นคุณกำลังจะไปไหนหรือคะ?” เรเน่ต์ก้าวเข้ามาภายในคฤหาสน์อันโอ่อ่าหลังมาที่นี่หลายต่อหลายครั้งแต่ไม่พบผู้เป็นเจ้าของ ทว่าเช้าวันนี้ที่เธอตั้งใจมาแต่กลับพบเซอร์เรนัล์ฟในชุดลำลองและหนูน้อยในชุดกระโปรงสีหวานกับแม่บ้านซึ่งอยู่ในชุดโค้ตบางและลูกสุนัขบีเกิ้ลตัวเล็กวิ่งซุกซนไปมาใกล้ ๆ ทว่าสิ่งที่ผิดสังเกตุคือกระเป๋าเดินทางหลายใบที่วางอยู่บนพื้นพรม“ผมกำลังจะเดินทางไปโมนาโก อาจอยู่ที่นั่นหลายวันถึงจะกลับ ถ้ามีธุระอะไรเร่งด่วนเกี่ยวกับงานของบริษัทก็ฝากเรื่องไว้ที่เลขาของผมก็แล้วกัน” เซอร์เรนัล์ฟเดินเข้ามาหาหญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีครีมซึ่งวันนี้เรเน่ต์แต่งตัวมิดชิดผิดไปจากวันก่อน ๆ แต่สำหรับเธอแล้วน้ำเสียงของคนพูดช่างราบเรียบยิ่งกว่าเสียจนน่าหงุดหงิดใจ“เซจ...ฉันไม่ได้มาหาคุณเรื่องงานนะคะ ฉันพยายามโทรหาคุณหลายครั้งคุณก็ไม่รับสายเพราะมาที่นี่ฉันไม่เคยเจอคุณเลยสักครั้ง”ทั้งแววตาและคำพูดตัดพ้อทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายขึ้นมาในทันที ร่างสูงใหญ่หันไปทางแม่บ้านก่อนออกคำสั่ง“ป้าลิลลี่พาอีวี่ไปที่รถก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะตามไป”“คุณน้าคะ อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เด็กหญิงเดินเข้ามาเกาะแขนชายหนุ่มและฉีกยิ
“ค่ะ...ป้าซิลวี่” ร่างบอบบางภายใต้เสื้อเชิ้ตขาวกางเกงเดนิมรัดรูปตอบรับเสียงที่ดังมาจากห้องด้านหน้าของร้านตัดชุดซึ่งเป็นตึกทรงโบราณตั้งอยู่บนถนนสายเล็ก ๆ อันเงียบสงบในแถบโมนาโก-วิลล์ ของนครรัฐเล็ก ๆ ทว่าหรูหรานาม โมนาโก อิสลินวางฝ่ามือลงบนตัวหุ่นที่ใช้ขึ้นโครงชุดผ้าไหมจับเดรปสีงาช้างแสนสวยของเหล่าสาวสังคมชั้นสูง ดวงตากลมโตสีน้ำตาลบนวงหน้างามใต้กรอบเรือนผมที่ถูกขมวดมวยหลวม ๆ ด้านหลังจับจ้องไปยังงานฝีมือที่ตัวเองไม่ได้มีความถนัดแต่แค่มาช่วยญาติสนิทของบิดาที่เธอหลีกลี้หนีมาอยู่ด้วย แน่นอนว่าซิลวี่ เจ้าของร้าน ลา เบล ซึ่งอยู่ที่นี่เพียงลำพังเพราะสามีและลูก ๆ อยู่ต่างเมืองไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมอิสลินจึงตัดสินใจมาขอพักอยู่ด้วยกะทันหัน หญิงสาวให้เหตุผลว่าเธอหย่ากับเดเรกและตอนนี้อีวี่ก็อยู่ในความปกครองของผู้เป็นพ่อ ญาติของเธอไม่ถามอะไรและยินดีให้อยู่ช่วยเป็นลูกมือทำผ้าแทนลูกจ้างคนเก่าที่ลาออกไปพอดี ทุกอย่างดูเหมือนจะลงตัวแต่อิสลินก็ยังมีแผนลึก ๆ ในใจ เธอหนีเซอร์เรนัล์ฟมาก็จริงแต่ไม่ได้คิดจะทอดทิ้งอีวี่ หญิงสาวคิดว่าเธอต้องตัดใจจากลูกไปสักพักและรอกระทั่งเซอร์เรนัล์ฟแต่งงานกับเรเน่ต์ก็จะห
“ป้าจะให้หนูช่วยวัดตัวคุณเซอร์เรนัล์ฟ ดูซี ใจลอยจนลืมไปหมดแล้วว่าป้าพูดอะไร...ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณเซอร์เรนัล์ฟ พอดีว่าอีฟเป็นหลานที่เพิ่งมาช่วยงานเมื่อไม่นานนี้เองค่ะ” ซิลวี่ออกตัวกับชายหนุ่มทว่าเขากลับยิ้มเย็นกับอิสลินที่ทำแอบค้อนใส่“ไม่เป็นไรหรอกครับ...อืม...จะวัดตัวให้ผมเลยไหมครับ คุณอีฟ” เซอร์เรนัล์ฟปั้นหน้าราวกับว่าเพิ่งรู้จักหญิงสาวที่ยืนเม้มปากแน่น“ค่ะ...คุณเซอร์เรนัล์ฟ” อิสลินจำต้องรับปาก ไม่ต้องบอกชายหนุ่มก็รู้ว่าเธอตกใจมากแค่ไหนที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ ร่างแน่งน้อยเดินไปหยิบสายวัดพร้อมกระดาษและปากกาบนโต๊ะด้านหนึ่งขณะที่ซิลวี่รับโทรศัพท์มือถือซึ่งส่งสัญญาณเตือนขึ้นมา“ตามสบายนะคะคุณเซอร์เรนัล์ฟ...อีฟช่วยรับรองลูกค้าหนุ่มหล่อของเราทีนะจ๊ะ ดูซี...คุณแคทเธอรีนลูกค้าคนสำคัญโทรมาตามป้าพอดี...เดี๋ยวมานะจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนทำมือบุ้ยบ้ายกับหลานสาวพลางก็เดินคุยโทรศัพท์ออกไปจากร้าน เหลือแต่อิสลินที่ยืนตาค้างกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน หญิงสาวเหมือนลอยเท้งเต้งกลางทะเลและเบื้องหน้าคือเงามัจจุราชที่คอยกลืนกิน“ว่าอย่างไรล่ะครับ คุณอีฟ...จะให้ลูกค้ายืนคอยคุณมาวัดตัวแบบนี้อีกนานไหมครับ?” เซอร์เรนัล์ฟ