“ไคลน์...” อิสลินเบือนหน้านองไปด้วยน้ำตาเมื่อเซอร์เรนัล์ฟถอนริมฝีปากออก ทว่าเขาอยากกอดเธอไว้แบบนี้หากแต่หญิงสาวกลับผละออกจากวงแขนแกร่ง“ฉันจะไปหาลูก ส่วนคุณกลับไปงานเลี้ยงเถอะค่ะ คุณเรเน่ต์คงรอนานแล้ว” หญิงสาวทิ้งน้ำเสียงอันเจ็บช้ำก่อนเดินจากไปโดยไม่ยอมหันกลับมามองใบหน้าคมคายที่วูบลงอย่างเห็นได้ชัด เซอร์เรนัล์ฟขบกรามแน่นก่อนที่สักพักจะเดินตามไปซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ร่างระหงในชุดราตรีสีเงินคว้านคอลึกก้าวออกมาจากมุมมืดอีกด้านหนึ่ง ดวงตาคมบนใบหน้าฉาบด้วยเมคอัพสีจัดมองไปยังบานประตูที่เปิดอ้าก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องและปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ“เซจ” เรเน่ต์เข่นเคี่ยวเคี้ยวฟันขณะนึกถึงภาพบาดตาหน้าห้องเมื่อครู่ เธอเดาอะไรไมเคยผิด เซอร์เรนัล์ฟรู้สึกกับแม่หม้ายสาวคนนั้นเกินกว่าผู้อยู่อาศัย ดวงตารื้นน้ำกวาดไปรอบห้องเห็นเอกสารกับปากกาหล่นกระจัดกระจายข้างโต๊ะทำงาน ร่างระหงเดินเข้าไปใกล้และถึงกับผงะเมื่อเห็นเบลเซอร์ของชายหนุ่มกองอยู่บนพื้นก่อนที่จะก้มลงหยิบบราเซียไร้สายที่พลัดหล่นไม่ห่างกันมากุมไว้แน่น“ไม่! เซจ...นี่มันบ้าอะไร คุณเข้ามาหาความสุขกับแม่หม้ายนั่นตอนฉันอยู่ในงานเลี้ยงหรือนี่!”เ
“มิสซิสเพียซ คุณมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ ถ้ามีอะไรที่อยากระบายก็บอกฉันได้นะคะ” เรเน่ต์เอ่ยพลางถอนใจ “หรือว่าคุณไม่สบายใจเรื่องของเซจกันล่ะคะ ถ้าเป็นเรื่องเจ้าของบ้านคนใหม่ เซจก็เป็นคนแบบนั้นล่ะค่ะ” คราวนี้สายตาของอิสลินเลื่อนมาจับจ้องใบหน้าจริงจังของคนพูด“ฉันรู้ดีค่ะว่าจริง ๆ แล้วเซจเป็นคนยังไง ฉันรู้ใจเขาดีกว่าใครเพราะเราคบกันมานานพอที่จะทำให้ฉันรู้ว่าถึงแม้เซจจะเป็นคนจริงจังแค่ไหนแต่เขาก็ยังมีด้านที่อ่อนหวานและโรแมนติก ถึงเขาจะเป็นคนไม่ชอบพูดแต่เวลาทำอะไรก็มักไม่ธรรมดาเสมอ เหมือนอย่างการเปิดคฤหาสน์จัดงานเลี้ยงเพื่อเปิดเผยให้คนในแวดวงสังคมได้รับรู้เรื่องระหว่างเขากับฉันก็นับว่าเป็นการกระทำที่น่าประทับใจมาก”จริงสินะ...งานเลี้ยงที่เขาจัดขึ้นอย่างอลังการก็เพื่อเปิดตัวคนรู้ใจให้สังคมรับทราบและผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นคนที่นั่งตรงหน้าเธอนี่เอง“อีวี่จ๊ะ ลูกเข้าไปเล่นกับบาร์บี้ข้างในก่อนนะคะ” อิสลินเอ่ยกับลูกสาวที่พยักหน้ารับและกลับเข้าไปในบ้านแต่โดยดีก่อนจะหันกลับมายังเรเน่ต์ “ฉันกับเซจวางแผนกันค่ะว่าเราจะแต่งงานกันอีกไม่นานนี้ เขาบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมและสามารถช่วยงา
“วันนี้ประชุมเสร็จเร็วกว่าทุกครั้งเลยนะครับ คุณเซอร์เรนัล์ฟ” แอนดรูว์กล่าวขณะเดินตามหลังเซอร์เรนัล์ฟเข้ามาภายในห้องทำงานและเห็นว่าประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ของดี ฮันเตอร์มีท่าทีรีบร้อนมากกว่าปกติ เซอร์เรนัล์ฟยื่นกระเป๋าเอกสารให้คนขับรถรับไว้ก่อนหันมาเปิดแล็บท็อปบนโต๊ะทำงาน“วันนี้ผมได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจในทุก ๆ เรื่อง ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็ไม่มีความจำเป็นต้องยืดเวลาให้นานออกไปไม่ใช่หรือ?”ร่างสูงสง่าหย่อนตัวลงนั่งบนโต๊ะและหันหน้าจอแล็บท็อปที่เผยภาพการออกแบบด้านอากาศยานสู่สายตาของชายวัยสี่สิบกว่าที่ยังรั้งตำแหน่งหัวหน้าทีมวิจัยเหมือนตอนอยู่กับแอร์โรไวรอนต์“คุณว่ามันยอดเยี่ยมหรือเปล่า แอนดรูว์ สำหรับผลงานออกแบบยูเอวีรุ่นใหม่ที่ผมจะเปิดตัวกับกลาโหมอีกไม่นานนี้ มันคือ แม็กซ์ ไพรม์ โดรนสังหารที่สามารถพรางตัวจากศัตรูอย่างยากจะหาใครเทียบ”“ยิ่งกว่ายอดเยี่ยมครับ คุณเซอร์เรนัล์ฟ ขนาดผมทำงานด้านนี้มานานก็ยังทำได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความคิดคุณ”“ผมกำลังตอบโจทย์ของกลาโหมที่ว่าทำอย่างไรให้โดรนล่องหนได้จากหน้าจอเรดาร์ มันอาจยังไม่ใช่วิศวกรรมด้านอากาศยานไร้คนขับที่ดีที่สุดแต่ผมก็อยากพัฒนามันไปเ
“วันนี้คุณกลับเร็วจังนะคะ เดี๋ยวป้าจะเอาของนี่ไปเก็บให้ค่ะ” / “ป้าลิลลี่!” / แม่บ้านชะงักเมื่อได้ยินชายหนุ่มเรียกเสียงเข้ม“ไม่มีใครอยู่เลยหรือครับ พวกเขาไปไหนกันหมด”“เอ้อ...เอ้อ...” ป้าลิลลี่มัวอ้ำอึ้งกระทั่งเซอร์เรนัล์ฟตัดสินใจเดินเข้าไปดูด้านในที่เงียบเชียบผิดปกติกระทั่งเขาผลักประตูห้องนอนของแม่หนูกลับพบเพียงเตียงว่างเปล่าและตุ๊กตาวางอยู่บนหัวนอนสองสามตัว ไม่สิ...อีวี่ไม่ได้มีตุ๊กตาเพียงแค่นี้ แล้วสิ่งที่เขาทั้งสงสัยและหวั่นกลัวก็เกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มหันไปเลื่อนบานประตูตูเสื้อผ้าที่พบเพียงไม้แขวน“คุณเซอร์เรนัล์ฟคะ...คือ” แม่บ้านไม่ทันได้บอกอะไรเซอร์เรนัล์ฟก็รีบรุดออกไปยังอีกห้อง คราวนี้ใบหน้าอันอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในทันที“ป้าลิลลี่อยากบอกอะไรกับผม...อย่างนั้นหรือครับ”ร่างสูงถามเสียงเยือกขณะยืนมองตู้เสื้อผ้าในห้องของอิสลินที่ก็เหลือแต่ความเปล่าว่างไม่ต่างจากห้องเล็ก“ป้าเพียงอยากจะบอกว่าป้าไม่พบใครเลยตอนมาเตรียมอาหารเช้าให้คุณผู้หญิงกับคุณหนูอีวี่ค่ะ ป้าพยายามโทรติดต่อคุณเซอร์เรนัล์ฟแต่เลขาของคุณบอกว่ากำลังติดประชุมอยู่ ป้าขอโทษนะคะที่...”“ไม่ใช่ความผิดของป้าหรอกครับ”
“มามี้ขา...เรากำลังจะไปไหนกันหรือคะ?” อีวี่ตั้งคำถามกับมารดาขณะดวงตากลมโตทอดมองออกไปนอกหน้าต่างรถยามอาทิตย์ยอแสงเห็นทิวทัศน์ข้างทางเป็นป่าสลับกับบ้านดูแปลกตา อิสลินซึ่งกำลังบังคับพวงมาลัยพารถสปอร์ตที่เดเรกซื้อไว้ให้เธอใช้ยิ้มบาง ๆ แต่ไม่ยอมละสายตาจะเส้นทางที่ทอดยาวไปเบื้องหน้าทว่ารถราไม่คับคั่งอย่างในเมือง“อาจจะเป็น...เพนซิลวาเนียกระมังจ๊ะ”“ว้าว! อีวี่ไม่เคยไปเลยค่ะ แต่...แด๊ดดี้จะรู้มั้ยคะว่ามามี้จะพาอีวี่ไป” / “มามี้อยากพาอีวี่ไปกันแค่สองคน ไม่เป็นไรใช่มั้ยจ๊ะ”หนูน้อยเอนหลังราบไปกับเบาะปรับนอนซึ่งด้านหลังมีกระเป๋าเดินทางถูกปิดทับด้วยตุ๊กตาเต็มไปหมด อิสลินเหลือบมองก่อนเลื่อนมือข้างที่อยู่ใกล้ลูบแขนนิ่ม“ง่วงหรือจ๊ะ?” / “ค่ะ มามี้...ไปถึงแล้ว มามี้ปลุกอีวี่ด้วยนะคะ”“ค่ะ” หญิงสาวรับคำซึ่งก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดจะถึงจุดหมายที่เธอก็บอกไม่ได้ว่าที่ไหน ขอแค่ เขา หาไม่เจอเป็นพอ หลังรวบรวมความกล้าและโอกาสที่เปิดอ้าเธอก็พาอีวี่ออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้น อิสลินรู้ตัวดีว่าผิดคำพูดต่อเซอร์เรนัล์ฟแต่เธอก็ไม่อาจถูกจองจำไว้ในกรงขังให้เขาย่ำยีหัวใจด้วยการแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ในอีกไม่นาน“โอ๊ะ!” ร
“ไคลน์...ได้โปรด อย่าทำอะไรลูกของฉัน อย่าทำอะไรอีวี่”“ผมจะทำอะไรอีวี่!” เซอร์เรนัล์ฟบีบไหล่บางจนเจ็บพลางก้มหน้าลงไปใกล้ “ในเมื่อแกยังเด็กเกินกว่าจะรับรู้ว่าการกระทำของผู้ใหญ่บางคนเป็นสิ่งไม่น่าให้อภัยแม้แต่นิดเดียว!”“แล้วคุณจะพาอีวี่ไปไหน บอกฉันมานะคะไคลน์ คุณตั้งใจจะทำอะไรลูกของฉัน!”“ทำไมต้องกลัวถ้าจะไม่ได้พบกับอีวี่อีก!...ในเมื่อคุณไม่รักษาคำพูด ลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าเคยสัญญาอะไรกับผมไว้!”“ฉันไม่เคยลืมว่าต้องเป็นนางบำเรอให้ผู้ชายทีมีแต่ความแค้นและไม่เคยเห็นใจใครอย่างคุณ!”“แต่ผมไม่เคยโกหก!” เซอร์เรนัล์ฟตะคอกกลับ “ไม่เคยปลิ้นปล้อนหรือหลอกใครให้ตายใจแล้วทำร้ายเขาทีหลัง ถ้าคุณอยากรู้ว่าผมเป็นอย่างที่พูดจริงหรือเปล่าก็จะพิสูจน์ให้คุณเห็นเดี๋ยวนี้แหละ!”“ไคลน์!...คนบ้า...ปล่อยฉัน!” ร่างเล็กพยายามสะบัดตัวหนีทว่าต้านแรงของคนตัวใหญ่ที่ลากเธอไปจนถึงรถไม่ได้“ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยฉันด้วย!” / “หยุดตะโกนเถอะอีฟ ผัวเมียทะเลาะกันใครที่ไหนจะกล้ามายุ่ง!”เซอร์เรนัล์ฟตวาดอย่างหัวเสียก่อนจะดันร่างแน่งน้อยเข้าไปในรถแล้วปิดประตู อิสลินเพียรเปิดก็ทำไม่ได้จนอีกฝ่ายเปิดประตูอีกด้านก่อนทิ้งตัวนั่งหลังพวงม
“คนฉลาดอย่างคุณไม่รู้หรอกว่า คนโง่บางคนอาจยอมแม้กระทั่งแลกความตายกับอิสรภาพที่เขาไม่มีวันได้แตะต้องมันชั่วชีวิต”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้ อีฟ!...ผมขอสั่งให้คุณหยุดคิดเรื่องนี้!”“ไม่ค่ะ...ฉันจะไม่มีวันหยุดคิด ถึงร่างกายของฉันจะถูกจองจำโดยโซ่นับพันเส้น แต่หัวใจของฉันจะโบยบินไปหาความฝันแม้ไม่มีวันได้เจอมันก็ตาม” ความถือดีของหญิงสาวทำให้อีกฝ่ายหมดความอดทน เซอร์เรนัล์ฟไม่ได้หยุดคิดและตรองให้ดีแม้เพียงสักนิดว่าคำพูดที่พรั่งพรูถูกกลั่นออกมาจากความปวดร้าวแสนสาหัส อิสลินคิดถึงลูกแทบขาดใจและเธอกำลังจะตายด้วยพิษพยาบาทผลาญทำลายลมหายใจแห่งความหวัง ร่างบอบบางถูกรั้งเข้าไปชิดอกกว้างก่อนใบหน้าคร้ามคมก้มลงไปหาเพื่อสั่งสอนด้วยเรียวลิ้นหนาหยาบและจาบจ้วง ริมฝีปากหนาที่บดขยี้กลีบปากบวมช้ำเหมือนไฟร้อนแผดเผาให้มอดไหม้“อีฟ...ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น ชีวิตของคุณ...เป็นของผม” ท่ามกลางพายุอารมณ์ที่โหมพัดกลับฉุดความปรารถนาเร้นลึกจนแตกกระเจิง เซอร์เรนัล์ฟลืมตัวกอดร่างเล็กไว้จนแน่นเมื่อความหวงแหนปลุกเร้าจิตสำนึกที่กำลังแตกซ่าน ความลืมหลงที่พยายามบีบบังคับทำให้มือหนากระชากอาภรณ์ออกจากร่างแน่งน้อยที่อ่อนล้าจนไม่อยากขัดขื
เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าประกายรีบวางช้อนกลับลงไปในถ้วยซุป “ไปไหนคะแด๊ดดี้?” / “แด๊ดดี้จะพาหนูไปหาปาปา”“อีวี่คิดถึงปาปาค่ะ”เซอร์เรนัล์ฟพยักหน้าพร้อมทั้งก้มลงยกร่างเล็กขึ้นไว้ในอ้อมแขน “โอเค...ถ้าอีวี่ออกไปข้างนอกกับแด๊ดดี้สองคนต้องไม่โยเยนะ รู้มั้ย”“อีวี่เป็นเด็กดีค่ะ ไมเชื่อถามเท็ดดี้กับบาร์บี้ดูซีคะ” / “เขาบอกแด๊ดดี้แล้วล่ะ และแด๊ดดี้ก็เชื่อเช่นนั้น ชายหนุ่มฝังจมูกโด่งลงบนแก้มยุ้ยสีกุหลาบ มีหลายอย่างในตัวด็กน้อยดึงดูดให้เขาอยากเข้าใกล้และไม่รู้ด้วยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น อีวี่ดูไม่เหมือนอิสลินเสียทีเดียวทว่าแม่หนูก็เป็นลูกครึ่งที่มีดวงตาสีฟ้าสุกใสเหมือนท้องทะเลในยามเช้า เธอคงเหมือนเดเรกซึ่งเขาก็อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นให้ชัด ๆ มากกว่าได้ยินเพียงชื่อของเขา๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐“คุณเซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์...เป็นญาติของคุณอิสลินที่เราโทรหาเมื่อเช้านี้ใช่ไหมคะ?” เจ้าหน้าที่พยาบาลสาวผิวสีเงยหน้าจากเคาน์เตอร์ภายในตึกผู้ป่วยเพื่อพินิจเจ้าของใบหน้าอันหล่อเหลาบนเรือนร่างสูงสง่าอย่างนายแบบภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวลายทางและกางเกงสแล็คสีเข้ม เธอยิ้มให้ชายหนุ่มและหนูน้อยในชุดกระโปรงสีหวานที่อยู่บนแขนอันทรงพลังข
“มามี้ขา...มามี้ขา” อีวี่ร้องเรียกขณะวิ่งกลับมาหาแม่ อิสลินที่นั่งใจลอยราวกับภวังค์กระตุกวูบ เธออ้าแขนรับแม่หนูน้อยที่โผเข้าซบอกและจูบเรือนผมสีน้ำตาลทองที่อวลไอด้วยกลิ่นหอมแบบเด็ก ๆ“อะไรจ๊ะลูก...ไม่อยู่คุยกับแด๊ดดี้แล้วหรือจ๊ะ” / “อีวี่อยากนอนค่ะ มามี้”“หืม...” อิสลินเงยหน้ามองท้องฟ้า อาจถึงเวลาที่อีวี่จะนอนแล้วจริง ๆ / “มามี้ร้องเพลงให้อีวี่ฟังหน่อยซีคะ”อีวี่ออดอ้อนและอิสลินก็ไม่คิดปฏิเสธ หญิงสาวจับร่างเล็กขึ้นนั่งบนตักและโอบกอดด้วยอ้อมแขนอุ่นราวอุ้มเด็กทารก แสงนวลของจันทราสาดส่องลงมากระทบนัยน์ตาสีฟาสดใส สำหรับเธอแล้วอีวี่เป็นของขวัญจากสรวงสวรรค์ที่งดงามมากกว่าสิ่งใดในโลก เจ้าของร่างแน่งน้อยเริ่มขยับเรียวปากขับลำนำเสียงเพลงเห่กล่อมคลอเสียงคลื่นและสายลมอ่อนShule, shule, shule-a-roo, Shule-a-rak-shak, shule-a-ba-ba-coo. When I saw my sally babby beal, Come bibble in the boo shy lorey. บทเพลงนุ่มนวลอ่อนหวานถูกขับกล่อมเบา ๆ อยู่เช่นนั้นกระทั่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงัด“อีวี่จ๊ะ...อีวี่จ๋า” อิสลินหยุดร้องและก้มลงมองนางฟ้าในอ้อมแขนที่หลับตาพริ้ม“อะไรกัน...หลับไปเสียแล้ว” อิสลิน
“บอกมาเถอะที่รักว่าจะให้ผมทำอะไร ผมยอมคุณหมดแล้วนะทูนหัว”หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนหันไปมองร่างเล็กที่กำลังก่อปราสาททรายอย่างขะมักเขม้น“คุณไม่ต้องทำอะไรให้ฉันหรอกค่ะ ขอแค่ทำให้ลูกของเรามีความสุขที่สุดในวันเกิดของแก...เป็นพอ”เซอร์เรนัล์ฟยิ้มพลางเกลี่ยปอยผมบนขมับของอิสลินทว่าก็สังเกตเห็นความผิดปกติบนวงหน้างามของผู้อยู่ในอ้อมแขน“อีฟ...ผมว่าหน้าคุณดูซีดไปนะ คุณไม่สบายหรือเปล่า”“ไม่นี่คะ ฉันสบายดีค่ะ ฉันคงตื่นเต้นมากไปที่ได้เห็นหน้าลูก”หญิงสาวหรุบสายตาลงต่ำเพื่อเก็บซ่อนอะไรบางอย่างที่ยังติดค้างในใจก่อนเปลี่ยนเรื่องพูด“นี่ก็เย็นมากแล้วนะคะ ฉันยังไม่ได้บอกป้าซิลวี่เลยว่าจะกลับบ้านผิดเวลาแบบนี้ ท่านคงเป็นห่วงฉันแย่แล้ว””ป้าซิลวี่รู้แล้วว่าคืนนี้คุณจะไม่กลับบ้าน”“คะ...คุณว่ายังไงนะคะ?” อิสลินขมวดคิ้วมุ่น เธอช้อนสายตาขึ้นมองเขาอีกครั้งก็เห็นประกายวิบวับในดวงตาสีฟ้าคมเข้ม เซอร์เรนัล์ฟดันแผ่นหลังให้ร่างบอบบางแนบชิดอกกว้างอีกครั้ง“นับจากวันนี้ป้าซิลวี่คงต้องหาลูกมือคนใหม่ช่วยงานที่ร้านแล้วล่ะ เพราะผมบอกเรื่องของเรากับท่านหมดแล้วตอนเดินทางมาถึงโมนาโก”“ไคลน์...นี่คุณ” อิสลินเริ่มหน้าง
“คุณจะแน่ใจได้อย่างไรคะว่าอีวี่เป็นสายเลือดของคุณ แกอาจเป็นลูกของใครก็ได้ที่ผู้หญิงร่านอย่างฉันเคยมีความสัมพันธ์ด้วย!”“คุณไม่เคยมีใคร” เซอร์เรนัล์ฟแย้งเบา ๆ ก่อนจับไหล่บางทั้งสองและรั้งเข้าหาตัว“ผมเชื่อว่าอีวี่เป็นลูกของผมโดยไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอด้วยซ้ำ! ทำไมน่ะหรือ...มองตาผมสิ อีฟ ผมรู้ว่าคุณเห็นผมตลอดเวลาที่อยู่กับอีวี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นลูกก็คือผม ในตัวของแกมีหัวใจของผู้ชายที่คุณรักมากที่สุดซึ่งคุณเคยคิดว่าเขาตายไปแล้ว”อิสลินเม้มเรียวปากบางไว้แน่นเมื่อรู้สึกว่าไม่อาจเก็บกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไปเฉกเดียวกับร่างสูงใหญ่ที่เลื่อนมือหนาขึ้นมาสัมผัสแก้มเนียนเพื่อเกลี่ยหยดน้ำใสที่ร่วงหล่นลงมา“ไคลน์คะ...ฉัน...” หญิงสาวตีบตันทบเท่าทวีคูณเมื่อเห็นหยดน้ำถั่งออกมาจากดวงตาที่เคยแข็งกร้าวของจอมซาตาน เธอได้แต่นิ่งงันและรอบตัวได้ยินเพียงเสียงคลื่นซัดผสานสายลมอ่อนไหวและเสียงเล็ก ๆ ของลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหัวเราะหัวใคร่กับลูกสุนัขแสนซน“หยุดร้องไห้เถอะนะ ที่รัก...ผมขอโทษที่ทำให้คุณทุกข์ใจในเวลาที่ผ่านมา ตอนคุณหนีไปจากผมกับลูก อีวี่บอกว่ามักจะเห็นคุณร้องไห้เสมอ”“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้ลูกเห
อิสลินส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตาก็ไหลไม่หยุด เธอกอดลูกสาวไว้อีกครั้งก่อนจะได้ยินเสียงลูกสุนัขตัวเดิมมายืนเห่าข้าง ๆ“โยกี้...นี่มามี้ของฉันนะ มามี้กลับมาหาฉันแล้ว” อีวี่ยิ้มออกมาซึ่งมันทำให้อิสลินแปลกใจ“โยกี้หรือคะ?”“ช่ายค่ะ มันชื่อโยกี้ แด๊ดดี้ซื้อมาให้อีวี่ แด๊ดดี้กลัวอีวี่จะเหงา”ร่างเล็กหันไปยกมือส่งสัญญาณกับหมาตัวน้อยในขณะที่คนเป็นแม่นิ่งไป อิสลินรู้สึกเหมือนเกิดใหม่เมื่อเห็นหน้าอีวี่ แต่แล้วหญิงสาวกลับนึกขึ้นมาได้ว่าเธอพบหน้าลูกแล้ว เธอได้อีวี่กลับคืนมาและยังไม่ลืมแผนการที่คิดไว้ในใจ ร่างบางหันไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นเงาของใคร เซอร์เรนัล์ฟคงดีได้ประเดี๋ยวประด๋าวเพราะหลังจากนี้ไปเขาจะเป็นอย่างไรก็สุดจะคาดเดา“อีวี่จ๊ะ เราไปกันเถอะ” อิสลินยืดตัวขึ้นยืนและจับมือเล็กให้เดินตามแต่หนูน้อยกลับเป็นฝ่ายยื้อเธอไว้“มามี้ขา มามี้จะไปไหนคะ?”“ไปจากที่นี่อย่างไรล่ะคะ ตามมามี้มาเถอะค่ะ”“อย่าเพิ่งไปค่ะ มามี้” หนูน้อยเข้าไปเกาะขามารดาไว้แน่นและเงยหน้ามองคล้ายจะอ้อนวอนอะไรสักอย่าง“ทำไมล่ะคะ อีวี่...เราต้องรีบไปนะคะ เราอยู่ที่นี่ไม่ได้”“แต่อีวี่ไม่อยากไป มามี้อยู่ก่อนนะคะ แด๊ดดี้บอกว่าจะจัดงานวันเกิดให้
“ไคลน์คะ อ๊ะ” “พระเจ้า...อีฟ”ต่างฝ่ายต่างครวญครางดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อความสุขสมสอดประสานไปกับสายลมแสนหวานและเสียงคลื่นขับกล่อม ระยับแดดสาดส่องเข้ามาภายในห้องกว้างทาบทาลงบนร่างทั้งสองที่กอดก่ายและดื่มด่ำกับเรือนร่างของกันและกันด้วยเพลิงปรารถนาอันน่ากระหายใคร่เป็นเวลาเนิ่นนาน บางครั้งร่างอรชรเป็นฝ่ายควบคุมเขาและหลายคราวกลับเป็นฝ่ายปลดปล่อยให้เซอร์เรนัล์ฟเป็นผู้ควบขับและดูเหมือนร่างงามยินดีเป็นฝ่ายตั้งรับพลังอันล้นเหลือจากชายหนุ่มซึ่งไม่มีทีท่าเหนื่อยอ่อนแม้แต่นิดเดียว“ที่รัก...”“ไคลน์คะ” อิสลินจิกปลายเล็บลงบนผ้าคลุมเตียงที่ยับยู่ยี่และขมวดมันไว้ในมือแน่นขณะบิดร่างชื้นเหงื่อใต้ร่างสูงใหญ่ เซอร์เรนัล์ฟยังคงแข็งแกร่งและขยับสะโพกโดยไม่หยุดพักซึ่งหญิงสาวก็ปราศจากทีท่าจะหยุดตัวเองด้วยเช่นกัน ใบหน้าคร้ามเข้มก้มลงจูบหนักเมื่อรับรู้เวลาว่าใกล้ถึงฝั่งฝัน“บอกผมหน่อยได้ไหมที่รัก...ว่าคุณมีความสุขหรือเปล่า?” คนถามหอบหายใจหนักเมื่อรู้สึกถึงหยาดหยดแห่งรักเริ่มซึมซาบออกมา อิสลินแก้มแดงซ่านแม้คำถามนั้นก่อเกิดความประหลาดใจหากก็ตอบออกไปหาใช่ด้วยอารมณ์ที่กำลังทะยานใกล้ถึงขีดสุด“ค่ะ...ไคลน์ วันนี้ฉัน
“อา...อีฟ” เซอร์เรนัล์ฟคำรามเสียงหนักอยู่ในลำคอก่อนพลิกตัวให้ร่างเล็กขึ้นมาทาบทับอยู่เบื้องบน เขามีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเมื่อพวงเนื้ออิ่มงามทั้งสองข้างที่กำลังไหวกระเพื่อมเลื่อนมาอยู่ตรงกับริมฝีปากหนาได้รูป“ไคลน์...บอกฉันสิคะว่าเมื่อไหร่คุณจะให้ฉันพบอีวี่” ร่างเปลือยเย้ายวนบิดไปมาอยู่เหนือร่างกำยำกระซิบถามพลางไล้ปลายนิ้วไปบนกรามแกร่งสากระคายคล้ายจะเอาใจ“คุณจะได้พบลูกแน่ ผมรับประกัน” / “แล้วหลังจากนี้คุณจะปล่อยพวกเราไปใช่ไหมคะ”พอหญิงสาวถามต่อชายหนุ่มก็ขยับลูกขึ้นนั่งโดยใช้แขนแข็งแรงดันแผ่นหลังให้ร่างบอบบางที่ยังคร่อมบนตัวแนบกับอกกว้าง เซอร์เรนัล์ฟซุกใบหน้าเพื่อสูดดมกลิ่นหอมอวลจากหลือบร่องของสองเต้าที่ถูกเบียดชิดเข้าหากัน“ผมยังไม่มีแผนอะไรตอนนี้ แต่คิดว่าจะพาคุณกับลูกกลับอเมริกา”“เพื่อเป็นสักขีพยานในงานแต่งของคุณกับเรเน่ต์อย่างนั้นหรือคะ...ฉันขอปฏิเสธค่ะ ไคลน์” / “คุณหึงผมหรือ อีฟ”“ไม่ค่ะ...อ๊ะ! ไคลน์” อิสลินสะดุ้งเมื่อกายแกร่งเริ่มแทรกความเป็นเขาเข้าไปในกลีบอ่อนนุ่มโดยหญิงสาวไม่ทันตั้งตัว ใจหนึ่งเธอก็อยากขยับหนีแต่ท่าที่นั่งอยู่บนหน้าตักของเขาไม่อำนวยให้ทำอย่างที่คิด“อุ๊ย! ไคลน์
“ไม่มีอะไรน่ากลัว ที่รัก” รอยยิ้มอันน่าเสน่หาจุดขึ้นบนมุมปากหยักพร้อมกันกับที่มือสากระคายลากไล้จากหัวไหล่กลมมนลงมาหยุดที่ยอดปทุมงามปริ่มบนผิวน้ำ ชายหนุ่มก้มลงจูบเม็ดโกเมนสีแดงเรื่อและขบด้วยฟันเบา ๆ จนร่างสาวสยิวซ่านก่อนผงกศีรษะขึ้นและจับจ้องดวงหน้าหวานสีชมพูเข้มที่มองทีไรก็ยังเย้ายวนใจราวกับเทพีกลางสายน้ำปลดปล่อยผมเปียกสยายลู่ลงมาเคลียบนสองเต้า“ที่รัก ผมคงต้องสอนคุณใหม่เสียแล้วกระมัง” น้ำเสียงเบาราวกระซิบทว่าเสียงหอบหายใจหนักจากใบหน้าคร้ามเข้มนั้นก็ยังชัดเจนกว่าเสียงคลื่นด้านนอก อิสลินขอบตาร้อนผ่าวเมื่อนึกถึง เขา ในคืนนั้น ราตรีแห่งฝันของนักเรียนสาวและอาจารย์หนุ่ม ร่างเล็กไล้นิ้วเรียวไปมาบนริมฝีปากล่างของเซอร์เรนัล์ฟเบา ๆ แลกกับจูบที่เขาบรรจงประทับลงบนปลายนิ้วสีเรื่อ“ไคลน์คะ คุณเคยสอนฉันแล้วนะคะ” “มันคงนานเกินไปจนคุณจำไม่ได้แล้วกระมัง”“ฉันจำมันได้เสมอค่ะ แต่คุณ...คงจะลืมนักเรียนคนนี้ไปแล้ว”“ไม่...” เซอร์เรนัล์ฟดูดนิ้วกลางของหญิงสาวก่อนตอบเสียงพร่า “ผมไม่เคยสอนบทเรียนนี้ให้ใคร...นอกจากคุณ”“ไคลน์...อืม” อิสลินหลับตาลงและรับรู้ถึงความอบอุ่นที่ฉายวาบขึ้นมาจากก้นบึ้ง หญิงสาวลืมเรื่อง
“ไคลน์...อย่าค่ะ...ได้โปรด” หญิงสาวได้แต่ร้องขอทั้งที่ต้านทานร่างแกร่งกำยำนั้นไม่ไหว เขาทำให้เธอร้อนรน เขาปลุกเร้าผ่านเนื้อผ้าบางเบาเปียกชุ่มที่หลุดร่นลงไปกองใต้ฟองลื่น ลิ้นหนายังทำงานไม่หยุดหย่อน ทั้งโลมเล้าดูดกลืนและตวัดชิมความหวานจากปากเล็ก กระทั่งใบหน้าคร้ามคมเลื่อนออกไปร่างอรชรจึงยกแขนขึ้นปิดป้องเต้าอิ่มกลมแสนสวยเมื่อกายสาวถูกเปิดเปลือยจนหมดด้วยเช่นกัน“อีฟ...คุณจะปกปิดไปทำไมกัน ในเมื่อผมก็เห็นจนหมดแล้ว” เสียงทุ้มทว่านุ่มนวลนั้นวอนเว้าพร้อมกับที่มือแกร่งดันแขนเรียวทั้งสองให้พ้นจากเนินเนื้ออวบใหญ่จนมันดีดเด้งออกมาอวดสายตา เขามองอยู่นานจนอิสลินเขินอายตัวเอง“พอใจหรือยังคะ ไคลน์...ฉันไม่ให้คุณทำอะไรมากไปกว่านี้นะคะ และที่สำคัญคุณต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฉันด้วย”“ผมไม่บิดพลิ้วคุณหรอก อีฟ แต่...” เซอร์เรนัล์ฟยังเบียดความใหญ่โตเข้าหาจนทุกสัดส่วนบนกายแข็งแกร่งแนบชิดกับร่างอ่อนนุ่มในอ่างน้ำที่ฟองสบู่เริ่มบางเบาลง“แต่อะไรคะ?” “คุณไม่รู้หรอกว่ามันยากแค่ไหนถ้าจะให้แค่กอดคุณไว้แบบนี้”“ไคลน์...อย่าสิคะ...ฉันไม่....” อิสลินร้องปฏิเสธแต่ไม่ทันเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ฝังจมูกโด่งลงบนแก้มนวลแ
“แต่ผมอยากดูแบบสูทตอนนี้เลย” ชายหนุ่มออกคำสั่งขณะที่หญิงสาวกำลังจะหันหลังให้ อิสลินหันมาถอนใจหากก็จำต้องเข้าไปหาเขาอีกตามเคย ภาพของร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่าอวดกล้ามเนื้อบนอกและลอนหน้าท้องตลอดจนแขนหนาในอ่างอาบน้ำที่ฟูฟ่องไปด้วยฟองสบู่ทำหัวใจของร่างแน่งน้อยเต้นระส่ำ เซอร์เรนัล์ฟมีพลังดึงดูดเสมอไม่ว่ายามอยู่ในชุดสูทภูมิฐานอย่างนักธุรกิจหรือยามปราศจากอาภรณ์ใด ๆ บนเรือนกายสมส่วนความเป็นชายนั้น อิสลินนึกในใจว่าทำไมเขาถึงไม่อาบน้ำให้เสร็จเสียก่อนแล้วรีบดูแบบสูทเพื่อที่เธอจะได้รีบกลับไปที่ร้านป้าซิลวี่ไว ๆ เพราะเวลาที่อยู่กันลำพังในสถานที่แบบนี้หญิงสาวก็ให้หวั่นเกรงต่อทีท่าของจอมซาตาน“อืม...ข้างนอกอากาศร้อนมากจริง ๆ “ เจ้าของใบหน้าคร้ามเข้มกล่าวพลางหันออกไปด้านนอกที่แสงแดดส่องผ่านบานกระจกหน้าต่างเข้ามา รอยยิ้มทรงเสน่ห์ระบายบนโครงหน้าหล่อเหลา เขาทำเหมือนไม่มีอะไรรีบเร่งเลยกระนั้น“ไหนล่ะ แบบสูทที่คุณเอามาให้ผมดู” เขาถามร่างบอบบางที่ยืนห่าง ๆ และกำลังยื่นเอกสารมาให้“ถ้าคุณชอบแบบไหนค่อยบอกฉันก็ได้ค่ะ ฉันจะไปรอข้างนอก”“เข้ามาใกล้หน่อยซี ผมเอื้อมไม่ถึง” อิสลินหันมองเซอร์เรนัล์ฟที่วางแขนบนขอบอ่าง น