“ไคลน์...” อิสลินเบือนหน้านองไปด้วยน้ำตาเมื่อเซอร์เรนัล์ฟถอนริมฝีปากออก ทว่าเขาอยากกอดเธอไว้แบบนี้หากแต่หญิงสาวกลับผละออกจากวงแขนแกร่ง“ฉันจะไปหาลูก ส่วนคุณกลับไปงานเลี้ยงเถอะค่ะ คุณเรเน่ต์คงรอนานแล้ว” หญิงสาวทิ้งน้ำเสียงอันเจ็บช้ำก่อนเดินจากไปโดยไม่ยอมหันกลับมามองใบหน้าคมคายที่วูบลงอย่างเห็นได้ชัด เซอร์เรนัล์ฟขบกรามแน่นก่อนที่สักพักจะเดินตามไปซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ร่างระหงในชุดราตรีสีเงินคว้านคอลึกก้าวออกมาจากมุมมืดอีกด้านหนึ่ง ดวงตาคมบนใบหน้าฉาบด้วยเมคอัพสีจัดมองไปยังบานประตูที่เปิดอ้าก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องและปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ“เซจ” เรเน่ต์เข่นเคี่ยวเคี้ยวฟันขณะนึกถึงภาพบาดตาหน้าห้องเมื่อครู่ เธอเดาอะไรไมเคยผิด เซอร์เรนัล์ฟรู้สึกกับแม่หม้ายสาวคนนั้นเกินกว่าผู้อยู่อาศัย ดวงตารื้นน้ำกวาดไปรอบห้องเห็นเอกสารกับปากกาหล่นกระจัดกระจายข้างโต๊ะทำงาน ร่างระหงเดินเข้าไปใกล้และถึงกับผงะเมื่อเห็นเบลเซอร์ของชายหนุ่มกองอยู่บนพื้นก่อนที่จะก้มลงหยิบบราเซียไร้สายที่พลัดหล่นไม่ห่างกันมากุมไว้แน่น“ไม่! เซจ...นี่มันบ้าอะไร คุณเข้ามาหาความสุขกับแม่หม้ายนั่นตอนฉันอยู่ในงานเลี้ยงหรือนี่!”เ
“มิสซิสเพียซ คุณมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ ถ้ามีอะไรที่อยากระบายก็บอกฉันได้นะคะ” เรเน่ต์เอ่ยพลางถอนใจ “หรือว่าคุณไม่สบายใจเรื่องของเซจกันล่ะคะ ถ้าเป็นเรื่องเจ้าของบ้านคนใหม่ เซจก็เป็นคนแบบนั้นล่ะค่ะ” คราวนี้สายตาของอิสลินเลื่อนมาจับจ้องใบหน้าจริงจังของคนพูด“ฉันรู้ดีค่ะว่าจริง ๆ แล้วเซจเป็นคนยังไง ฉันรู้ใจเขาดีกว่าใครเพราะเราคบกันมานานพอที่จะทำให้ฉันรู้ว่าถึงแม้เซจจะเป็นคนจริงจังแค่ไหนแต่เขาก็ยังมีด้านที่อ่อนหวานและโรแมนติก ถึงเขาจะเป็นคนไม่ชอบพูดแต่เวลาทำอะไรก็มักไม่ธรรมดาเสมอ เหมือนอย่างการเปิดคฤหาสน์จัดงานเลี้ยงเพื่อเปิดเผยให้คนในแวดวงสังคมได้รับรู้เรื่องระหว่างเขากับฉันก็นับว่าเป็นการกระทำที่น่าประทับใจมาก”จริงสินะ...งานเลี้ยงที่เขาจัดขึ้นอย่างอลังการก็เพื่อเปิดตัวคนรู้ใจให้สังคมรับทราบและผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นคนที่นั่งตรงหน้าเธอนี่เอง“อีวี่จ๊ะ ลูกเข้าไปเล่นกับบาร์บี้ข้างในก่อนนะคะ” อิสลินเอ่ยกับลูกสาวที่พยักหน้ารับและกลับเข้าไปในบ้านแต่โดยดีก่อนจะหันกลับมายังเรเน่ต์ “ฉันกับเซจวางแผนกันค่ะว่าเราจะแต่งงานกันอีกไม่นานนี้ เขาบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมและสามารถช่วยงา
“วันนี้ประชุมเสร็จเร็วกว่าทุกครั้งเลยนะครับ คุณเซอร์เรนัล์ฟ” แอนดรูว์กล่าวขณะเดินตามหลังเซอร์เรนัล์ฟเข้ามาภายในห้องทำงานและเห็นว่าประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ของดี ฮันเตอร์มีท่าทีรีบร้อนมากกว่าปกติ เซอร์เรนัล์ฟยื่นกระเป๋าเอกสารให้คนขับรถรับไว้ก่อนหันมาเปิดแล็บท็อปบนโต๊ะทำงาน“วันนี้ผมได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจในทุก ๆ เรื่อง ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็ไม่มีความจำเป็นต้องยืดเวลาให้นานออกไปไม่ใช่หรือ?”ร่างสูงสง่าหย่อนตัวลงนั่งบนโต๊ะและหันหน้าจอแล็บท็อปที่เผยภาพการออกแบบด้านอากาศยานสู่สายตาของชายวัยสี่สิบกว่าที่ยังรั้งตำแหน่งหัวหน้าทีมวิจัยเหมือนตอนอยู่กับแอร์โรไวรอนต์“คุณว่ามันยอดเยี่ยมหรือเปล่า แอนดรูว์ สำหรับผลงานออกแบบยูเอวีรุ่นใหม่ที่ผมจะเปิดตัวกับกลาโหมอีกไม่นานนี้ มันคือ แม็กซ์ ไพรม์ โดรนสังหารที่สามารถพรางตัวจากศัตรูอย่างยากจะหาใครเทียบ”“ยิ่งกว่ายอดเยี่ยมครับ คุณเซอร์เรนัล์ฟ ขนาดผมทำงานด้านนี้มานานก็ยังทำได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความคิดคุณ”“ผมกำลังตอบโจทย์ของกลาโหมที่ว่าทำอย่างไรให้โดรนล่องหนได้จากหน้าจอเรดาร์ มันอาจยังไม่ใช่วิศวกรรมด้านอากาศยานไร้คนขับที่ดีที่สุดแต่ผมก็อยากพัฒนามันไปเ
“วันนี้คุณกลับเร็วจังนะคะ เดี๋ยวป้าจะเอาของนี่ไปเก็บให้ค่ะ” / “ป้าลิลลี่!” / แม่บ้านชะงักเมื่อได้ยินชายหนุ่มเรียกเสียงเข้ม“ไม่มีใครอยู่เลยหรือครับ พวกเขาไปไหนกันหมด”“เอ้อ...เอ้อ...” ป้าลิลลี่มัวอ้ำอึ้งกระทั่งเซอร์เรนัล์ฟตัดสินใจเดินเข้าไปดูด้านในที่เงียบเชียบผิดปกติกระทั่งเขาผลักประตูห้องนอนของแม่หนูกลับพบเพียงเตียงว่างเปล่าและตุ๊กตาวางอยู่บนหัวนอนสองสามตัว ไม่สิ...อีวี่ไม่ได้มีตุ๊กตาเพียงแค่นี้ แล้วสิ่งที่เขาทั้งสงสัยและหวั่นกลัวก็เกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มหันไปเลื่อนบานประตูตูเสื้อผ้าที่พบเพียงไม้แขวน“คุณเซอร์เรนัล์ฟคะ...คือ” แม่บ้านไม่ทันได้บอกอะไรเซอร์เรนัล์ฟก็รีบรุดออกไปยังอีกห้อง คราวนี้ใบหน้าอันอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในทันที“ป้าลิลลี่อยากบอกอะไรกับผม...อย่างนั้นหรือครับ”ร่างสูงถามเสียงเยือกขณะยืนมองตู้เสื้อผ้าในห้องของอิสลินที่ก็เหลือแต่ความเปล่าว่างไม่ต่างจากห้องเล็ก“ป้าเพียงอยากจะบอกว่าป้าไม่พบใครเลยตอนมาเตรียมอาหารเช้าให้คุณผู้หญิงกับคุณหนูอีวี่ค่ะ ป้าพยายามโทรติดต่อคุณเซอร์เรนัล์ฟแต่เลขาของคุณบอกว่ากำลังติดประชุมอยู่ ป้าขอโทษนะคะที่...”“ไม่ใช่ความผิดของป้าหรอกครับ”
“มามี้ขา...เรากำลังจะไปไหนกันหรือคะ?” อีวี่ตั้งคำถามกับมารดาขณะดวงตากลมโตทอดมองออกไปนอกหน้าต่างรถยามอาทิตย์ยอแสงเห็นทิวทัศน์ข้างทางเป็นป่าสลับกับบ้านดูแปลกตา อิสลินซึ่งกำลังบังคับพวงมาลัยพารถสปอร์ตที่เดเรกซื้อไว้ให้เธอใช้ยิ้มบาง ๆ แต่ไม่ยอมละสายตาจะเส้นทางที่ทอดยาวไปเบื้องหน้าทว่ารถราไม่คับคั่งอย่างในเมือง“อาจจะเป็น...เพนซิลวาเนียกระมังจ๊ะ”“ว้าว! อีวี่ไม่เคยไปเลยค่ะ แต่...แด๊ดดี้จะรู้มั้ยคะว่ามามี้จะพาอีวี่ไป” / “มามี้อยากพาอีวี่ไปกันแค่สองคน ไม่เป็นไรใช่มั้ยจ๊ะ”หนูน้อยเอนหลังราบไปกับเบาะปรับนอนซึ่งด้านหลังมีกระเป๋าเดินทางถูกปิดทับด้วยตุ๊กตาเต็มไปหมด อิสลินเหลือบมองก่อนเลื่อนมือข้างที่อยู่ใกล้ลูบแขนนิ่ม“ง่วงหรือจ๊ะ?” / “ค่ะ มามี้...ไปถึงแล้ว มามี้ปลุกอีวี่ด้วยนะคะ”“ค่ะ” หญิงสาวรับคำซึ่งก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดจะถึงจุดหมายที่เธอก็บอกไม่ได้ว่าที่ไหน ขอแค่ เขา หาไม่เจอเป็นพอ หลังรวบรวมความกล้าและโอกาสที่เปิดอ้าเธอก็พาอีวี่ออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้น อิสลินรู้ตัวดีว่าผิดคำพูดต่อเซอร์เรนัล์ฟแต่เธอก็ไม่อาจถูกจองจำไว้ในกรงขังให้เขาย่ำยีหัวใจด้วยการแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ในอีกไม่นาน“โอ๊ะ!” ร
“ไคลน์...ได้โปรด อย่าทำอะไรลูกของฉัน อย่าทำอะไรอีวี่”“ผมจะทำอะไรอีวี่!” เซอร์เรนัล์ฟบีบไหล่บางจนเจ็บพลางก้มหน้าลงไปใกล้ “ในเมื่อแกยังเด็กเกินกว่าจะรับรู้ว่าการกระทำของผู้ใหญ่บางคนเป็นสิ่งไม่น่าให้อภัยแม้แต่นิดเดียว!”“แล้วคุณจะพาอีวี่ไปไหน บอกฉันมานะคะไคลน์ คุณตั้งใจจะทำอะไรลูกของฉัน!”“ทำไมต้องกลัวถ้าจะไม่ได้พบกับอีวี่อีก!...ในเมื่อคุณไม่รักษาคำพูด ลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าเคยสัญญาอะไรกับผมไว้!”“ฉันไม่เคยลืมว่าต้องเป็นนางบำเรอให้ผู้ชายทีมีแต่ความแค้นและไม่เคยเห็นใจใครอย่างคุณ!”“แต่ผมไม่เคยโกหก!” เซอร์เรนัล์ฟตะคอกกลับ “ไม่เคยปลิ้นปล้อนหรือหลอกใครให้ตายใจแล้วทำร้ายเขาทีหลัง ถ้าคุณอยากรู้ว่าผมเป็นอย่างที่พูดจริงหรือเปล่าก็จะพิสูจน์ให้คุณเห็นเดี๋ยวนี้แหละ!”“ไคลน์!...คนบ้า...ปล่อยฉัน!” ร่างเล็กพยายามสะบัดตัวหนีทว่าต้านแรงของคนตัวใหญ่ที่ลากเธอไปจนถึงรถไม่ได้“ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยฉันด้วย!” / “หยุดตะโกนเถอะอีฟ ผัวเมียทะเลาะกันใครที่ไหนจะกล้ามายุ่ง!”เซอร์เรนัล์ฟตวาดอย่างหัวเสียก่อนจะดันร่างแน่งน้อยเข้าไปในรถแล้วปิดประตู อิสลินเพียรเปิดก็ทำไม่ได้จนอีกฝ่ายเปิดประตูอีกด้านก่อนทิ้งตัวนั่งหลังพวงม
“คนฉลาดอย่างคุณไม่รู้หรอกว่า คนโง่บางคนอาจยอมแม้กระทั่งแลกความตายกับอิสรภาพที่เขาไม่มีวันได้แตะต้องมันชั่วชีวิต”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้ อีฟ!...ผมขอสั่งให้คุณหยุดคิดเรื่องนี้!”“ไม่ค่ะ...ฉันจะไม่มีวันหยุดคิด ถึงร่างกายของฉันจะถูกจองจำโดยโซ่นับพันเส้น แต่หัวใจของฉันจะโบยบินไปหาความฝันแม้ไม่มีวันได้เจอมันก็ตาม” ความถือดีของหญิงสาวทำให้อีกฝ่ายหมดความอดทน เซอร์เรนัล์ฟไม่ได้หยุดคิดและตรองให้ดีแม้เพียงสักนิดว่าคำพูดที่พรั่งพรูถูกกลั่นออกมาจากความปวดร้าวแสนสาหัส อิสลินคิดถึงลูกแทบขาดใจและเธอกำลังจะตายด้วยพิษพยาบาทผลาญทำลายลมหายใจแห่งความหวัง ร่างบอบบางถูกรั้งเข้าไปชิดอกกว้างก่อนใบหน้าคร้ามคมก้มลงไปหาเพื่อสั่งสอนด้วยเรียวลิ้นหนาหยาบและจาบจ้วง ริมฝีปากหนาที่บดขยี้กลีบปากบวมช้ำเหมือนไฟร้อนแผดเผาให้มอดไหม้“อีฟ...ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น ชีวิตของคุณ...เป็นของผม” ท่ามกลางพายุอารมณ์ที่โหมพัดกลับฉุดความปรารถนาเร้นลึกจนแตกกระเจิง เซอร์เรนัล์ฟลืมตัวกอดร่างเล็กไว้จนแน่นเมื่อความหวงแหนปลุกเร้าจิตสำนึกที่กำลังแตกซ่าน ความลืมหลงที่พยายามบีบบังคับทำให้มือหนากระชากอาภรณ์ออกจากร่างแน่งน้อยที่อ่อนล้าจนไม่อยากขัดขื
เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าประกายรีบวางช้อนกลับลงไปในถ้วยซุป “ไปไหนคะแด๊ดดี้?” / “แด๊ดดี้จะพาหนูไปหาปาปา”“อีวี่คิดถึงปาปาค่ะ”เซอร์เรนัล์ฟพยักหน้าพร้อมทั้งก้มลงยกร่างเล็กขึ้นไว้ในอ้อมแขน “โอเค...ถ้าอีวี่ออกไปข้างนอกกับแด๊ดดี้สองคนต้องไม่โยเยนะ รู้มั้ย”“อีวี่เป็นเด็กดีค่ะ ไมเชื่อถามเท็ดดี้กับบาร์บี้ดูซีคะ” / “เขาบอกแด๊ดดี้แล้วล่ะ และแด๊ดดี้ก็เชื่อเช่นนั้น ชายหนุ่มฝังจมูกโด่งลงบนแก้มยุ้ยสีกุหลาบ มีหลายอย่างในตัวด็กน้อยดึงดูดให้เขาอยากเข้าใกล้และไม่รู้ด้วยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น อีวี่ดูไม่เหมือนอิสลินเสียทีเดียวทว่าแม่หนูก็เป็นลูกครึ่งที่มีดวงตาสีฟ้าสุกใสเหมือนท้องทะเลในยามเช้า เธอคงเหมือนเดเรกซึ่งเขาก็อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นให้ชัด ๆ มากกว่าได้ยินเพียงชื่อของเขา๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐“คุณเซอร์เรนัล์ฟ ไคลน์...เป็นญาติของคุณอิสลินที่เราโทรหาเมื่อเช้านี้ใช่ไหมคะ?” เจ้าหน้าที่พยาบาลสาวผิวสีเงยหน้าจากเคาน์เตอร์ภายในตึกผู้ป่วยเพื่อพินิจเจ้าของใบหน้าอันหล่อเหลาบนเรือนร่างสูงสง่าอย่างนายแบบภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวลายทางและกางเกงสแล็คสีเข้ม เธอยิ้มให้ชายหนุ่มและหนูน้อยในชุดกระโปรงสีหวานที่อยู่บนแขนอันทรงพลังข