“ไม่! ฉันจะไม่ร้องขออะไร จะไม่ขอความเห็นใจจากคุณ!” อิสลินร้องไห้พลางส่ายหน้าไปมา เรือนผมที่ถูกรวบไว้ด้านหลังหลุดออกมาจนยุ่งสยายอยู่บนไหล่ขาวเนียน เขาทำให้เธออดสูตัวเองเป็นที่สุดกับบทลงทัณฑ์สวาทที่กำลังจะเริ่มต้น เธอหนีไม่ได้อีกแล้วทว่าหัวใจดวงนั้นกลับยังดึงดันไม่ยอมย่อถอย“วันหนึ่งฉันจะไปจากที่นี่ ไปในที่ที่ไม่ต้องเจอคุณอีกตลอดชีวิต!”“ไม่มีที่นั่น!” เซอร์เรนัล์ฟเลื่อนริมฝีปากหนาได้รูปมาขบกลีบปากสีชมพูแรง ๆ ก่อนคำรามเสียงต่ำ “จะมีก็แต่สวรรค์ที่คุณต้องถูกจองจำไปชั่วชีวิต!” ร่างงามที่อยู่ในสภาพเกือบและถูกรั้งข้อมือไว้เหนือศีรษะบนเก้าอี้นวมแข็งเกร็งไปหมดทั้งตัวเมื่อชายหนุ่มก้มลงไปดูดกลืนยอดถันที่กำลังชูชันท้าทายสายตาอันหื่นหิว เซอร์เรนัล์ฟไม่สนใจงานเลี้ยงของเขาอีกต่อไปและไม่ใส่ใจว่าใครจะนึกสงสัยว่าเขาหายไปไหนตอนนี้“ฮื้อ...ฮื้อ” อิสลินครางเสียงดังในลำคอหนัก ๆ ทุกครั้งที่ใบหน้าคร้ามเข้มฟอนเฟ้นลงบนเนินเนื้ออวบสล้างที่ไหวกระเพื่อม เรียวลิ้นร้อนที่ตวัดไปมาบนส่วนปลายสีชมพูเข้มซึ่งไวต่อสิ่งเร้าจุดความซาบซ่านทว่าก็เพียงเศษเสี้ยวในความทรมานที่ถาโถม“อีฟ...บอกผมสิว่า...ได้โปรด”ร่างสูงใหญ่ควบคุมต
“ใช่! ฉันหลอกคุณ” อิสลินเถียงไม่ลดละ “ฉันอยากให้คุณได้รู้เสียบ้างว่าเวลาทำให้คนอื่นต้องเจ็บปวด เขาจะรู้สึกยังไง”“ถ้ามีมีดคุณก็คงจะแทงผมตายไปแล้วใช่มั้ย ผมถามว่าใช่มั้ย อีฟ!” เซอร์เรนัล์ฟแผดเสียงก้องและนั่นทำให้อีกฝ่ายชะงักไปกับคำพูดนั้น เขาทำเหมือนเสียใจ แต่เธอรู้ว่าไม่ใช่ ถ้าลองเขาข่มเหงเธอได้ขนาดนี้ก็คงไม่กลัวความเจ็บปวดที่ย้อนกลับไปหาตัวเองบ้าง“ค่ะ” น้ำตาของหญิงสาวถั่งไหลขณะฝืนเอ่ยสิ่งที่ทำให้หัวใจบอบช้ำ“ถ้ามันจะหมายถึงอิสรภาพของฉัน...อิสรภาพตลอดกาล...จากคุณ!”“คุณไม่มีวันได้รับมัน!” เซอร์เรนัล์ฟก้มลงไปหาวงหน้าหวานที่เบือนหลบ เสียงห้าวนั้นเย็นเยือกยิ่งกว่าอุณหภูมิติดลบใจกลางขั้วโลก“คุณไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างจากอิสรภาพ เพราะทุกอย่างในชีวิตคุณมันพังพินาศไปหมดแล้ว!”“อย่า!...ไคลน์...อย่านะคะ!” ร่างเล็กกรีดร้องเมื่อฝ่ามือหนาตะปบลงมาบนเนินถันอวบเปลือยก่อนจะขยำขยี้มันเต็มแรง อิสลินสะดุ้งเฮือกเมื่อเรียวขาถูกยกขึ้นพาดบนเอวหนาอีกหน แต่คราวนี้เขาไม่ยอมผ่อนปรนให้เธอวางแผนเอาคืนได้เป็นครั้งที่สอง“คนบ้า! คนเลว ...ปล่อยฉัน!” เสียงกรีดแหลมที่ดังสลับกับเสียงร้องไห้เหมือนทะลุเข้าหูซ้ายแล้วหายอ
“อีฟ...โอ...พระเจ้า!” ซาตานร้ายเริ่มคลายอารมณ์ดีเดือดแต่เลือดสูบฉีดไหลพล่านไปทั่วร่าง บทรักร้อนแรงที่เขาไม่ตั้งใจให้เกิดบนโต๊ะทำงานยิ่งทำให้ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นทวีคูณ“อา...อีฟ...ผมต้องการคุณ” ใบหน้าคร้ามคมโน้มลงไปยังทรวงสวยก่อนปล่อยมือหญิงสาวให้เป็นอิสระ อิสลินอ่อนยวบเหมือนขี้ผึ้งถูกไฟลนและปลดปล่อยร่างกายให้เขากระทำตามอำเภอใจ“ไคลน์...ไคลน์” ร่างเล็กขานชื่อเขาเบา ๆ และเก็บกลืนก้อนสะอื้นไม่ให้ลอดออกมา เธอไม่อยากเห็นตัวเองในตอนนี้ซึ่งคงไม่ต่างจากโสเภณีไร้ราคาอย่างที่เขาตราหน้าไว้จริง ๆ ในเวลาที่ความทุกข์นำพาหญิงสาวดิ่งลงต่ำความสุขกลับนำพาชายหนุ่มทะยานขึ้นสูง ร่างใญ่โตขยับสะโพกรัวเร็วเมื่อสรวงสวรรค์เคลื่อนต่ำลงมาเห็นรำไร มือหนาช้อนรับบั้นท้ายกลมกลึงไว้แน่นเพื่อให้การสอดประสานยิ่งล้ำลึกกระทั่งความรู้สึกสุดท้ายลอยฟ่องไปยังรังรองแห่งฉิมพลี แค่นี้เองที่เขาต้องการ...ร่างอรชรผ่อนลมหายใจเมื่อใบหน้าคมคายซวนซบลงกับอกอวบนุ่ม หญิงสาวแทบไม่รับรู้ถึงความสุขจะมีก็แต่อาการปวดตุบ ตุบขณะเซอร์เรนัล์ฟยังไม่ยอมถอนตัวเองออกไป กล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งโดยเฉพาะที่แกนกายคลายอาการเกร็งลงแล้ว ทว่าอิสลินยังได้ยินเส
“ไคลน์...” อิสลินเบือนหน้านองไปด้วยน้ำตาเมื่อเซอร์เรนัล์ฟถอนริมฝีปากออก ทว่าเขาอยากกอดเธอไว้แบบนี้หากแต่หญิงสาวกลับผละออกจากวงแขนแกร่ง“ฉันจะไปหาลูก ส่วนคุณกลับไปงานเลี้ยงเถอะค่ะ คุณเรเน่ต์คงรอนานแล้ว” หญิงสาวทิ้งน้ำเสียงอันเจ็บช้ำก่อนเดินจากไปโดยไม่ยอมหันกลับมามองใบหน้าคมคายที่วูบลงอย่างเห็นได้ชัด เซอร์เรนัล์ฟขบกรามแน่นก่อนที่สักพักจะเดินตามไปซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ร่างระหงในชุดราตรีสีเงินคว้านคอลึกก้าวออกมาจากมุมมืดอีกด้านหนึ่ง ดวงตาคมบนใบหน้าฉาบด้วยเมคอัพสีจัดมองไปยังบานประตูที่เปิดอ้าก่อนจะเดินเข้าไปภายในห้องและปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ“เซจ” เรเน่ต์เข่นเคี่ยวเคี้ยวฟันขณะนึกถึงภาพบาดตาหน้าห้องเมื่อครู่ เธอเดาอะไรไมเคยผิด เซอร์เรนัล์ฟรู้สึกกับแม่หม้ายสาวคนนั้นเกินกว่าผู้อยู่อาศัย ดวงตารื้นน้ำกวาดไปรอบห้องเห็นเอกสารกับปากกาหล่นกระจัดกระจายข้างโต๊ะทำงาน ร่างระหงเดินเข้าไปใกล้และถึงกับผงะเมื่อเห็นเบลเซอร์ของชายหนุ่มกองอยู่บนพื้นก่อนที่จะก้มลงหยิบบราเซียไร้สายที่พลัดหล่นไม่ห่างกันมากุมไว้แน่น“ไม่! เซจ...นี่มันบ้าอะไร คุณเข้ามาหาความสุขกับแม่หม้ายนั่นตอนฉันอยู่ในงานเลี้ยงหรือนี่!”เ
“มิสซิสเพียซ คุณมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ ถ้ามีอะไรที่อยากระบายก็บอกฉันได้นะคะ” เรเน่ต์เอ่ยพลางถอนใจ “หรือว่าคุณไม่สบายใจเรื่องของเซจกันล่ะคะ ถ้าเป็นเรื่องเจ้าของบ้านคนใหม่ เซจก็เป็นคนแบบนั้นล่ะค่ะ” คราวนี้สายตาของอิสลินเลื่อนมาจับจ้องใบหน้าจริงจังของคนพูด“ฉันรู้ดีค่ะว่าจริง ๆ แล้วเซจเป็นคนยังไง ฉันรู้ใจเขาดีกว่าใครเพราะเราคบกันมานานพอที่จะทำให้ฉันรู้ว่าถึงแม้เซจจะเป็นคนจริงจังแค่ไหนแต่เขาก็ยังมีด้านที่อ่อนหวานและโรแมนติก ถึงเขาจะเป็นคนไม่ชอบพูดแต่เวลาทำอะไรก็มักไม่ธรรมดาเสมอ เหมือนอย่างการเปิดคฤหาสน์จัดงานเลี้ยงเพื่อเปิดเผยให้คนในแวดวงสังคมได้รับรู้เรื่องระหว่างเขากับฉันก็นับว่าเป็นการกระทำที่น่าประทับใจมาก”จริงสินะ...งานเลี้ยงที่เขาจัดขึ้นอย่างอลังการก็เพื่อเปิดตัวคนรู้ใจให้สังคมรับทราบและผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นคนที่นั่งตรงหน้าเธอนี่เอง“อีวี่จ๊ะ ลูกเข้าไปเล่นกับบาร์บี้ข้างในก่อนนะคะ” อิสลินเอ่ยกับลูกสาวที่พยักหน้ารับและกลับเข้าไปในบ้านแต่โดยดีก่อนจะหันกลับมายังเรเน่ต์ “ฉันกับเซจวางแผนกันค่ะว่าเราจะแต่งงานกันอีกไม่นานนี้ เขาบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมและสามารถช่วยงา
“วันนี้ประชุมเสร็จเร็วกว่าทุกครั้งเลยนะครับ คุณเซอร์เรนัล์ฟ” แอนดรูว์กล่าวขณะเดินตามหลังเซอร์เรนัล์ฟเข้ามาภายในห้องทำงานและเห็นว่าประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ของดี ฮันเตอร์มีท่าทีรีบร้อนมากกว่าปกติ เซอร์เรนัล์ฟยื่นกระเป๋าเอกสารให้คนขับรถรับไว้ก่อนหันมาเปิดแล็บท็อปบนโต๊ะทำงาน“วันนี้ผมได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจในทุก ๆ เรื่อง ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยดีก็ไม่มีความจำเป็นต้องยืดเวลาให้นานออกไปไม่ใช่หรือ?”ร่างสูงสง่าหย่อนตัวลงนั่งบนโต๊ะและหันหน้าจอแล็บท็อปที่เผยภาพการออกแบบด้านอากาศยานสู่สายตาของชายวัยสี่สิบกว่าที่ยังรั้งตำแหน่งหัวหน้าทีมวิจัยเหมือนตอนอยู่กับแอร์โรไวรอนต์“คุณว่ามันยอดเยี่ยมหรือเปล่า แอนดรูว์ สำหรับผลงานออกแบบยูเอวีรุ่นใหม่ที่ผมจะเปิดตัวกับกลาโหมอีกไม่นานนี้ มันคือ แม็กซ์ ไพรม์ โดรนสังหารที่สามารถพรางตัวจากศัตรูอย่างยากจะหาใครเทียบ”“ยิ่งกว่ายอดเยี่ยมครับ คุณเซอร์เรนัล์ฟ ขนาดผมทำงานด้านนี้มานานก็ยังทำได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความคิดคุณ”“ผมกำลังตอบโจทย์ของกลาโหมที่ว่าทำอย่างไรให้โดรนล่องหนได้จากหน้าจอเรดาร์ มันอาจยังไม่ใช่วิศวกรรมด้านอากาศยานไร้คนขับที่ดีที่สุดแต่ผมก็อยากพัฒนามันไปเ
“วันนี้คุณกลับเร็วจังนะคะ เดี๋ยวป้าจะเอาของนี่ไปเก็บให้ค่ะ” / “ป้าลิลลี่!” / แม่บ้านชะงักเมื่อได้ยินชายหนุ่มเรียกเสียงเข้ม“ไม่มีใครอยู่เลยหรือครับ พวกเขาไปไหนกันหมด”“เอ้อ...เอ้อ...” ป้าลิลลี่มัวอ้ำอึ้งกระทั่งเซอร์เรนัล์ฟตัดสินใจเดินเข้าไปดูด้านในที่เงียบเชียบผิดปกติกระทั่งเขาผลักประตูห้องนอนของแม่หนูกลับพบเพียงเตียงว่างเปล่าและตุ๊กตาวางอยู่บนหัวนอนสองสามตัว ไม่สิ...อีวี่ไม่ได้มีตุ๊กตาเพียงแค่นี้ แล้วสิ่งที่เขาทั้งสงสัยและหวั่นกลัวก็เกิดขึ้นเมื่อชายหนุ่มหันไปเลื่อนบานประตูตูเสื้อผ้าที่พบเพียงไม้แขวน“คุณเซอร์เรนัล์ฟคะ...คือ” แม่บ้านไม่ทันได้บอกอะไรเซอร์เรนัล์ฟก็รีบรุดออกไปยังอีกห้อง คราวนี้ใบหน้าอันอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดในทันที“ป้าลิลลี่อยากบอกอะไรกับผม...อย่างนั้นหรือครับ”ร่างสูงถามเสียงเยือกขณะยืนมองตู้เสื้อผ้าในห้องของอิสลินที่ก็เหลือแต่ความเปล่าว่างไม่ต่างจากห้องเล็ก“ป้าเพียงอยากจะบอกว่าป้าไม่พบใครเลยตอนมาเตรียมอาหารเช้าให้คุณผู้หญิงกับคุณหนูอีวี่ค่ะ ป้าพยายามโทรติดต่อคุณเซอร์เรนัล์ฟแต่เลขาของคุณบอกว่ากำลังติดประชุมอยู่ ป้าขอโทษนะคะที่...”“ไม่ใช่ความผิดของป้าหรอกครับ”
“มามี้ขา...เรากำลังจะไปไหนกันหรือคะ?” อีวี่ตั้งคำถามกับมารดาขณะดวงตากลมโตทอดมองออกไปนอกหน้าต่างรถยามอาทิตย์ยอแสงเห็นทิวทัศน์ข้างทางเป็นป่าสลับกับบ้านดูแปลกตา อิสลินซึ่งกำลังบังคับพวงมาลัยพารถสปอร์ตที่เดเรกซื้อไว้ให้เธอใช้ยิ้มบาง ๆ แต่ไม่ยอมละสายตาจะเส้นทางที่ทอดยาวไปเบื้องหน้าทว่ารถราไม่คับคั่งอย่างในเมือง“อาจจะเป็น...เพนซิลวาเนียกระมังจ๊ะ”“ว้าว! อีวี่ไม่เคยไปเลยค่ะ แต่...แด๊ดดี้จะรู้มั้ยคะว่ามามี้จะพาอีวี่ไป” / “มามี้อยากพาอีวี่ไปกันแค่สองคน ไม่เป็นไรใช่มั้ยจ๊ะ”หนูน้อยเอนหลังราบไปกับเบาะปรับนอนซึ่งด้านหลังมีกระเป๋าเดินทางถูกปิดทับด้วยตุ๊กตาเต็มไปหมด อิสลินเหลือบมองก่อนเลื่อนมือข้างที่อยู่ใกล้ลูบแขนนิ่ม“ง่วงหรือจ๊ะ?” / “ค่ะ มามี้...ไปถึงแล้ว มามี้ปลุกอีวี่ด้วยนะคะ”“ค่ะ” หญิงสาวรับคำซึ่งก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใดจะถึงจุดหมายที่เธอก็บอกไม่ได้ว่าที่ไหน ขอแค่ เขา หาไม่เจอเป็นพอ หลังรวบรวมความกล้าและโอกาสที่เปิดอ้าเธอก็พาอีวี่ออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้น อิสลินรู้ตัวดีว่าผิดคำพูดต่อเซอร์เรนัล์ฟแต่เธอก็ไม่อาจถูกจองจำไว้ในกรงขังให้เขาย่ำยีหัวใจด้วยการแต่งงานกับผู้หญิงคนใหม่ในอีกไม่นาน“โอ๊ะ!” ร