ชายหนุ่มไม่ได้คิดจะกลับบ้าน แต่สมองกับความคุ้นเคยชักนำมา ดีแลนลดกระจก ส่งยิ้มให้คนดูแลประตูหน้า ชายผู้นั้นรีบกุลีกุจอเปิดประตูรั้วให้ เมื่อมองเห็นเจ้าของรถยนต์หรูถนัดตา
ถนนคอนกรีตทอดยาวตั้งแต่รั้วเหล็ก จนถึงโถงประตูบ้าน ทางเดินสีขาวสะอาดเพราะโรยไว้ด้วยก้อนกรวดสีขาว ขนาบกับถนนคอนกรีตที่กว้างพอให้รถยนต์สองคันวิ่งสวนกันได้ ตัวน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าโถงประตู กามเทพตัวน้อยยืนแอ่นฉี่ ปล่อยสายน้ำเย็นใสใสลงมาในอ่างใบใหญ่ที่มีปลาคราฟแหวกว่ายอยู่นับสิบตัว ดีแลนก้าวลงมายืนด้านข้าง เขามองไปรอบๆ ตัวด้วยความคิดถึง ดีแลนไม่ได้มาเหยียบบ้านใหญ่หลังนี้นานแล้ว เพราะเขามัวยุ่งๆ กับการทำงาน ประกอบกับ...ต้องการที่จะหลบใครบางคน
มีคนรับใช้โผล่หน้าออกมามอง แม้จะเป็นยามวิกาลที่สมาชิกส่วนใหญ่หลับใหลไปบ้างแล้ว
“คุณหนู” เสียงร้องทักผสมความตื่นเต้นยินดี
เนื่องจากเจ้านายน้อยของบ้าน แทบจะไม่โผล่มาให้เห็นเลย
“คุณพ่อ คุณแม่หลับหรือยัง?” ดีแลนถามถึงบิดา มารดา
“คุณท่านใหญ่ยังไม่นอนค่ะ อยู่ที่โถงบ้าน ส่วนคุณผู้หญิงคงกำลังเตรียมมื้อเช้าอยู่ในครัว”
ถึงจะมีแม่บ้าน แต่สิ่งที่ปรารถนาทำเป็นประจำ คือการตื่นเช้ามาทำอาหารให้สามีรับประทาน มันเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนในบ้านหวังคุ้นเคยดี
“ดึกแล้วนะ ยังไม่นอนกันอีก” ดีแลนบ่นพึม เขาเดินไปทางทิศที่บิดานั่งพักผ่อนสายตาอยู่
มีคนรับใช้โผล่หน้ามามอง และส่งยิ้มให้ตลอดทาง
“ดึกป่านนี้แล้ว ทำไมพ่อยังไม่นอนครับ?” ดีแลนตั้งคำถาม ทันทีที่โผล่หน้าเข้าไปในห้องโถงกลางบ้าน
เดวิดละสายตาจากจอทีวี ท่านเบิกตาโตเมื่อเห็นบุตรชายยืนอยู่ตรงหน้า
“อาตี๋!” ดีแลนไม่ยอมเรียกบิดาว่าปะป๋า ไม่เรียกมารดาว่าหม่าม้า เขาพยายามทำตัวให้เป็นคนไทย เพื่อที่จะได้ไม่แปลกแยกกับคนไทยส่วนใหญ่ ซึ่งเดวิดก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาก็ยังเรียกบุตรชายด้วยสรรพนามที่ตนเองคุ้นปากอยู่ดี
“แอะ เหม็นเหล้า ไปดื่มมารึ?” ชายสูงวัยแสร้งทำจะจมูกฟุตฟิต ท่านได้กลิ่นเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์จากตัวบุตรชาย
“นิดหน่อยครับ” ดีแลนตอบ เขายกมือทำความเคารพมารดา ที่รีบเดินเข้ามา เพราะมีคนงานบางคนไปแจ้งให้ทราบ
“หิวไหมลูก มาเสียดึกเชียว” มือผอมบางลูบหลังไหล่ พร้อมกับรั้งดีแลนเข้าไปกอด ชายหนุ่มฮึดฮัดนิดหน่อย จนปรารถนาบ่น “กับแม่ทำเป็นหวงตัว ทีกับสาวๆ นี่ให้กอดไม่ยอมปล่อย”
ดีแลนหัวเราะ เขาสอดมือกอดกระชับเอวมารดา พลางขยิบตาให้บิดาที่นั่งยิ้มกว้างอยู่ข้างๆ
“พอดีออกมาดื่มกับลูกค้าครับ วันนี้ไม่มีอะไรทำแล้ว ผมเลยแวะมาหาพ่อกับแม่”
“ลูกผอมไปนะ งานหนักมากเลยเหรอ แม่ว่า ขายๆ ไปบ้างก็ได้ ทำทำไมนักหนางานหน่ะ” เพราะความเป็นห่วง นางเลยเริ่มบ่น
“คุณก็ยุลูก เดี๋ยวไอ้ตี๋มันบ้าจี้ขายกิจการขึ้นมาจริงๆ ทีนี้ล่ะจะเอาเงินที่ไหนใช้”
เดวิดยกกิจการที่ตนเองสร้างมาให้ดีแลนสานต่อ ตั้งแต่วันที่เขาเรียนจบกลับมาเมื่อสี่ปีก่อน และดีแลนก็ไม่เคยทำให้ท่านผิดหวัง กิจการเจริญรุดหน้า พนักงานยิ้มหน้าชื่นตาบานทุกคน
“ดีสิคะ ลูกจะได้มีเวลาหาเมีย ดีแลนแม่แก่แล้วนะลูก แม่อยากอุ้มหลาน” ปรารถนาหันมาพูดกับบุตรชายตรงๆ
เพราะหน้าที่การงาน ทำให้ดีแลนไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว เขายุ่งจนไม่มีสายตามองผู้หญิง และปรารถนารู้ ต่อให้นางจัดการให้ก็ไม่ถูกใจบุตรชายอยู่ดี
“หลานแม่ก็มีหลายคนแล้วนี่ครับ” ชายหนุ่มแย้ง
ถึงเขาจะยังไม่มีบุตรให้มารดาได้อุ้มชู แต่ลูกหลานคนอื่นก็มีทายาทตัวน้อยให้มารดาของเขาได้พลอยชื่นชมแล้วหลายคน
“มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ แม่อยากอุ้มหลานที่เป็นลูกของเรานะดีแลน”
ปรารถนาชี้แจง...ลูกหลานคนอื่นจะเหมือนกับลูกหลานสายตรงได้ยังไง
“แม่แก่แล้วนะดีแลน...จะให้แม่รอถึงเมื่อไหร่ เราจะได้มีคนดูแลด้วยไม่ดีเหรอ ทุกวันนี้ กลับบ้านแล้วใครหาข้าวให้กินล่ะ” สาวใหญ่กล่าวเสียงขึงขัง
“ผมก็แค่....เอาข้าวที่แม่ทำไว้ใส่ไมโครเวฟ ทำไมต้องหาคนดูแลให้วุ่นวายด้วยล่ะครับ”
“มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ หากลูกมีเมีย ลูกจะได้กินอาหารร้อนๆ ทันทีที่กลับถึงบ้าน”
ดีแลนขมวดคิ้ว ประโยชน์ของเมียมีแค่นั้นเองเหรอ หากมีแค่นั้น เขาจ้างแม่บ้านให้ทำให้ก็ได้ แต่เขาไม่ได้แย้งมารดาไป เพราะรู้ดีว่า ตนเองไม่มีทางเถียงชนะท่าน
“อย่าเร่งรัดอาตี๋มันเลยคุณ ถึงเวลามีก็มีเองนั่นแหละ”
เดวิดช่วยพูด ท่านรู้ดี ดีแลนกำลังสนุกกับการทำงาน เหมือนสมัยที่ท่านก่อร่างสร้างตัว
“คุณพี่คะ” ปรารถนาหันมากล่าวเสียงอ่อนกับสามี
เพื่อนฝูงรอบตัว เวลารวมตัวกัน ต่างพากันอวดลูก อวดหลาน ส่วนนางทำได้แค่ยิ้ม เพราะเบื่อที่จะอวดบุตรชาย นางอยากพูดถึงสมาชิกใหม่ แต่ก็ยังไร้ความหวัง
“ผมง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะครับพ่อ แม่...แล้วก็...มื้อเช้า ผมอยากทานข้าวต้มปลาฝีมือแม่ด้วยครับ”
ดีแลนเอ่ยขอตัว หลังสนทนากับมารดา และบิดาพอสมควร เขาร้องขอมื้อเช้าสึดอร่อย ซึ่งไม่มีทางผิดหวังอยู่แล้ว เมื่อมารดาเต็มใจที่ทำทุกอย่าง หากเขาต้องการ
ห้องนอนของเขาเหมือนเดิมทุกอย่าง การจัดแต่งไว้แบบไหน ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ดีแลนเดินไปหยุดที่ประตูบานใหญ่ เขาใช้ปลายนิ้วคีบชายผ้าม่าน เพื่อมองดูภายนอก...สายตาของเขาทอดยาวไปยังริมรั้ว บ้านหลังเล็กๆ นอกเขตรั้ว มีผู้หญิงสองคนอาศัยอยู่ ตรงจุดนี้ สมัยที่ดีแลนเป็นหนุ่ม เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงสำหรับการแอบมอง
เพราะตรงจุดนี้จะมองเห็นบ้านหลังเล็กนั่นชัดที่สุด
เขาแอบมองอบเชย ยัยเชยที่เขาเรียกจนติดปาก
เด็กสาวผิวขาว แก้มยุ้ย ใบหน้าเปื้อนยิ้มและอารมณ์ดีเป็นนิจ ดีแลนเริ่มรู้ตัวว่าตนเองมองอบเชยแตกต่างจากทุกคน ตอนที่เขาเข้าเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย’ และตอนนั้นอบเชยเพิ่งจะมีอายุสิบปี พอเขาเรียนจบ มันยิ่งไปกันใหญ่ อบเชยเริ่มเป็นสาว หล่อนน่ารักจนเขาอดใจแทบไม่ไหว
ทันทีที่มารดาเสนอการไปเรียนต่อต่างประเทศ ดีแลนตอบตกลงแบบไม่ลังเล
เขาต้องอยู่ให้ห่างอบเชย ไม่อย่างนั้น เขาอาจจะเผลอตัว ทำอะไรบางอย่างที่ไม่ควรทำ และสองครอบครัวก็จะมองหน้ากันไม่ติด
เขาคิดลามกกับอบเชยวันละหลายรอบ สิ่งเดียวที่ดีแลนทำได้ คือการทำให้อบเชยอยู่ห่างๆ เขา ก่อนที่เขาจะหน้ามืดปล้ำหล่อน
ที่ดีแลนคิดออก ก็คือการแสดงออกว่าไม่พอใจการมีชีวิตของอบเชย
ทำให้คนรอบตัวเข้าใจแบบนั้น แสดงท่าทางไม่พอใจ และมันได้ผล อบเชยขยาดการอยู่ใกล้ๆ เขา หล่อนถอยไปหลบอยู่ห่างๆ หากณ. ที่นั่นมีเขาอยู่ร่วมด้วย แววตาของหล่อนวูบไหว หากเขาชำเรืองมอง ดีแลนต้องปรามตัวเอง...เด็กนั่นยังเป็นเด็ก ในขณะที่เขาเป็นหนุ่มแล้ว เขาไม่ควรสร้างเรื่องให้มารดาปวดหัว เพราะเรื่องชู้-สาว มันน่าอาย หากเกิดขึ้นกับเด็กไม่รู้อีโหน่อีเหน่
ดีแลนตัดสินใจลากเก้าอี้มานั่ง เขาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ มองบานหน้าต่างห้องนอนที่รู้ดีว่าตรงนั้นมีใครอยู่
ในที่สุดสิ่งที่ดีแลนรอคอยก็มาถึง เขาเห็นเงาดำๆ วูบไป วูบมา อบเชยคงกลับมาบ้านแล้ว หล่อนกำลังเตรียมตัวนอน เขาเห็นเงานั่นกำลังถอด...เสื้อ
มือแข็งแรงยกขึ้นตะปบใต้จมูก มีอะไรบางอย่างไหลออกมาจากตรงนั้น น้ำเหนียวหนืดและมีกลิ่นคาวจัด
ชายหนุ่มโครงศีรษะ แค่เห็นเงาของอบเชย เขาถึงกับกำเดาไหล อาการหนักแล้วมึงไอ้ดีแลน!!
ดีแลนควานมือหากระดาษทิชชู เขาเช็ดเลือดกำเดาที่ไหลออกมาจนหมด พอดีกับที่เงาของอบเชยหายไปจากสายตาเสียแล้ว ไฟฟ้าในห้องของหล่อนก็ดับมืดลง แต่ดีแลนก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้นอีกนานพอดู
ไม่ใช่แค่ดีแลนหรอกที่แอบมองอบเชย สาวใสวัยสิบเก้าปีเองก็แอบมองดีแลนมาตลอด เพราะความเจียมตัว และคนในบ้านหลังใหญ่มีพระคุณล้นเหลือ อบเชยเลยไม่กล้าที่จะแสดงออกเปิดเผย ที่เดียวที่เธอเป็นตัวของตัวเอง คือห้องนอนนั่นเอง ทันทีที่ไฟฟ้าในห้องดับสนิท อบเชยเลยเพิ่งมองเห็น ไฟฟ้าในห้องของดีแลนเองก็เปิดสว่าง หญิงสาวอ้าปากเหวอ เมื่อแน่ใจว่า ดีแลนกลับมานอนที่บ้านของเขา
ความตื้นตันกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตา อบเชยก้มมองรอยสีน้ำตาลไหม้กลางอก...รอย ‘จูบ’ ที่ค่อยๆ จางหายไปตามเวลา รอยที่ดีแลนฝากไว้ แต่เขาไม่รู้ตัวหรอก เพราะหากชายผู้นั้นรู้ตัว เขาคงไม่นิ่งเฉยแบบนี้ ดีแลนคงจะรีบแล่นมาหาเธอ และสั่งให้เธอ ‘ปิดปาก’ มันเป็นเรื่องน่าอายสำหรับเขาแน่ๆ ที่ดันเผลอตัวมาเกลือกกลั้วกับคนชั้นต่ำแบบเธอ
“ไอ้เชยเอ๋ย...แค่นี้ก็ดีถมเถแล้ว”
อบเชยพึมพำ แหงนมองห้องนอนของดีแลนด้วยแววตาเศร้าๆ
เป็นเพราะผ้าม่านหนาทึบแถมยังเป็นสีน้ำเงินเข้ม อบเชยเลยมองไม่เห็นที่หลังม่านนั่น มีใครบางคนนั่งมองเธออยู่เช่นเดียวกัน...
อบเชยทอดตัวลงนอน สายตาไม่ได้คลาดไปจากบานหน้าต่างห้องนอนดีแลนเลย น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาจากหางตา และหยดลงบนหมอนนุ่มเป็นดวงๆ จนหมอนใบใหญ่เริ่มเปียกเพราะคราบน้ำตาของตนเอง อบเชยยกหลังมือขึ้นปาดคราบน้ำตา เผลอตัวสะอื้น แต่ก็พยายามกลั้นเสียงไว้ เธอไม่อยากให้มารดาได้ยิน
“เชย...รักคุณดี เชยไม่เคยเสียใจเลย...ฮือๆ”
เปลือกตาหลุบลง แพขนตาเปียกชุ่ม อบเชยไม่ได้เสียใจที่เสียตัว เธอเสียใจที่ระหว่างตนเองกับดีแลน...เป็นได้แค่ความหลัง ที่ไม่มีวันเป็นจริง...
บทที่4.แม่บ้านคนใหม่ดีแลนไม่ได้รู้สึกไปเอง บ้านของเขาสะอาดเอี่ยม มีกับข้าวของโปรดของเขาวางอยู่ที่โต๊ะกินข้าวทุกวัน เท่าที่รู้มา มารดาหาแม่บ้านคนใหม่มาให้ แต่เกือบหนึ่งเดือนมานี่ เขาไม่เคยเห็นหน้าเจ้าหล่อน ช่วงเวลางานของหล่อนคงสวนทางกับเขา ในขณะที่เขากลับเข้าบ้าน ก็เป็นเวลาเลิกงานของหล่อนพอดี แต่ดีแลนก็ชอบใจ เขาไม่ใคร่ชอบให้คนนอกมายุ่มย่ามในพื้นที่ส่วนตัว มือข้างหนึ่งปลดเนคไทที่คอ มืออีกข้างเอื้อมจับฝาชีที่คลุมจานอาหารไว้ “อุ้ย...น่าอร่อย...” ดีแลนคราง...วันนี้เขาเหนื่อยหนัก เหนื่อยแบบอยากนอนแช่น้ำอุ่นสักหนึ่งชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายคลายความเมื่อย แต่เมื่อกลับถึงบ้าน กว่าหนึ่งเดือนมานี่ สิ่งแรกที่ดีแลนทำ คือเดินตามกลิ่นอาหาร และอดไม่ได้ที่จะแวะชิม รสมือแม่บ้านคนใหม่ที่มารดาจัดหามาให้นั้น มีรสมือถูกปาก ทำกับข้าวอร่อยเสียจนดีแลนน้ำหนักขึ้น เขาเจริญอาหารมากขึ้น จนเอวกางเกงคับทุกตัว “ขออาบน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมาจัดการ” มันน่าจะเป็นปลาช่อนผัดขึ้นช่าย ทั้งหน้าตาผ่าน กลิ่นผ่าน และรสชาติของมันคงถูกปากเหมือนเดิม ดีแลนสัมผัสได้ถึงไอความร้อน แม่บ้านคนใหม่คงเพิ่ง
ในที่สุดเครื่องปรุงก็สามารถควานหาได้จนครบ บัตรเครดิตที่ปรารถนามอบให้ไว้ สำหรับการจับจ่ายซื้อของกินให้ดีแลน อบเชยใช้จ่ายค่าวัตถุดิบทั้งหมด เธอกระโจนขึ้นรถประจำทางทัน ก่อนที่รถคันนั้นจะแล่นออกจากที่จอดพอดี หญิงสาวเลือกนั่งเบาะหลังสุด เธอวางถุงทั้งหมดไว้บนหน้าตัก หันหน้าให้ลมจากด้านนอกพัดใส่หน้า เพื่อช่วยระบายความร้อน อบเชยเผลออมยิ้ม เมื่อเดาสีหน้าดีแลน ตอนที่เขาเห็นอาหารทุกมื้อที่เธอทำ อบเชยอยากเห็นด้วยตาตัวเอง แต่ไม่ดีกว่า...การเผชิญหน้ากับดีแลน เธอควรเลี่ยง หากยังอยากอยู่สบายๆ แบบนี้ ถุงหลายใบที่หิ้วมาจนไหล่ล้า อบเชยวางถุงไว้บนโต๊ะ เธอเปิดหน้าต่างครัว และจัดการทำสตูว์ เธอเสียเวลาไปไม่น้อยเลยสำหรับการปรุงอาหารมื้อนี้ สตูว์เริ่มส่งกลิ่นฟุ้ง เมื่ออบเชยยกหม้อใบใหญ่ตั้งไว้บนเตา...เธอเหลือเวลาไม่มากสำหรับทำความสะอาดบ้าน หญิงสาวปลดผ้ากันเปื้อนวางพาดไว้ที่พนักเก้าอี้ เปิดประตูห้องเก็บของ ลากเครื่องดูดฝุ่นเครื่องใหญ่ออกมา เธอต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะไม่อย่างนั้น เธอจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเจ้าของบ้านไม่ได้ เขาตรงเวลาจนอบเชยไม่อยากเชื่อ หนุ่มโสดที่หล่
“คุณกลับไปเถอะปารตี” ดีแลนหมดอารมณ์ดื้อๆ เขาหยิบเช็คที่เขียนไว้ ยื่นส่งให้ปารตี เป็นค่าตอบแทนสมน้ำสมเนื้อ หากค่ำคืนนี้เขาใช้เวลากับหล่อน แต่นั้นคือก่อนที่เขาจะกลับถึงบ้าน อารมณ์ที่พลุ่งพล่านจู่ๆ ก็เหือดหายไปดื้อๆ “อะไรกันคะ ตียังไม่ได้ทานมื้อเย็นที่บ้านคุณเลย” สาวโสภาไม่ได้พิศวาสอาหารมื้อเย็นที่แอบเห็นบนเตานั่นหรอก ที่เธอต้องการคือเจ้าของบ้านสุดหล่อตรงหน้านี่ต่างหาก แต่เมื่อเขาออกปากเสือกไส เธอก็ต้องหาทางยื้อไว้ก่อน บางทีดีแลนอาจจะเปลี่ยนใจ “ผมเหนื่อย!” ดีแลนวางเช็คไว้บนโต๊ะ เขาเดินเลี่ยงปารตี “คงไม่น่าเกลียดนะ หากผมจะขอให้คุณกลับเองด้วย” เสียงทุ้มๆ ดังมาจากด้านใน ตัดความหวังของปารตีดังฉับ สาวสวยสะบัดหน้าให้ประตูคอแทบเคล็ด เธอหยิบกระดาษชิ้นน้อยๆ ขึ้นมามอง ก่อนจะพอยิ้มออก ค่าเสียเวลาของเธอมากโขเชียวล่ะ “ตีกลับก่อนนะคะ หากคุณเหงา คุณโทร. หาตีได้ตลอดนะคะดีแลน” เธอส่งเสียงบอกเจ้าของบ้าน เดินเชิดหน้าออกไปด้านนอก มองหารถรับจ้างที่จะอาศัยนั่งกลับที่พำนัก พออาบน้ำจนใจหายหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง...ดีแลนก็เริ่มหิว เขาเดินออกจากห้อง
“แม่ไปตลาดค่ะ คุณท่านมีอะไรจะใช้ให้แม่ทำเหรอคะ?” อบเชยถามกลับ “ฉันจะมาจองขนมหน่ะ พรุ่งนี้จะไปบ้านเด็กกำพร้า...เอาทุกอย่างเลยนะ เด็กๆ ชอบ” ปรารถนามาอุดหนุนขนมที่ร้านมารดาอบเชยเป็นประจำ เทียนจะไม่รับเงิน ท่านก็ไม่ยอม “ขอเชยไปด้วยได้ไหมคะ” อบเชยยิ้มแป้น เธอจำได้สมัยเด็กๆ ชอบตามปรารถนาไปบ้านเด็กกำพร้าที่ครอบครัวหวังอุปถัมภ์ไว้ “พรุ่งนี้ไม่มีเรียนสินะ ได้สิ...อ้อ...เป็นไง งานหนักไหม ลูกชายฉันบ่นอะไรหรือเปล่า?” สาวใหญ่ถามถึงบุตรชาย เขาเป็นคนเคร่งครัด ระเบียบจัด นางเกรงว่าจะทำให้อบเชยแบกภาระมากเกินไป “งานสบายๆ ค่ะ ไม่หนักเลย เชยยังไม่เจอคุณดีเลยค่ะ เธอเลยยังไม่บ่น” หญิงสาวตอบเสียงอ่อยๆ เธอเลี่ยงการเผชิญกับหน้าดีแลน เขาเลยยังไม่ไล่ตะเพิดให้เธอลาออกจากตำแหน่งงานที่อบเชยทำอยู่นั่นเอง “คงถูกใจอยู่หรอก ขานั้นถ้าไม่พอใจคงโวยมาแล้วล่ะ” ปรารถนายิ้มรับ มองสำรวจอบเชย เด็กสาวตรงหน้า เป็นสาวมากขึ้นกว่าทุกปี ท่าทางก็เรียบร้อย คนเป็นแม่อย่างเทียนคงภูมิใจ “อบเชยเรียนปีไหนแล้วล่ะ” นางชวนคุยตามประสาคนรู้จัก
บทที่5.อรุณสวัสดิความรัก“ทำไมยังไม่ไปอาบน้ำอีก” เทียนวางถุงในมือลงบนโต๊ะ เอ่ยถามบุตรสาวที่ยังนั่งอยู่กลางบ้าน อบเชยหยุดความคิดวกวนของตนเอง ตอบมารดาเสียงใส “รอแม่ค่ะ” เทียนรื้อของในถุงออกมากองด้านนอก “รอแม่ทำไม มีอะไรหรือเปล่า?” “คุณดีอยากทานขนมต้ม” อบเชยตอบมารดา เธอไม่ได้บอกรายละเอียด “คุณหนูมารึ? ได้ๆ เดี๋ยวแม่ทำให้” เทียนรับคำ “คุณท่านสั่งขนมด้วยคะแม่ พรุ่งนี้คุณท่านจะไปบ้านเด็กกำพร้า” อบเชยกล่าวต่อ เธอผุดลุกขึ้นยืน เมื่อส่งสารที่รับฝากมาทั้งหมดให้มารดาเรียบร้อย “ตายล่ะ พรุ่งนี้คงไม่ได้เปิดร้านขายขนมแน่ๆ แม่ซื้อของมาแค่พอใช้” เทียนบ่น ของที่เตรียมไว้มีแค่พอดี เทียนไม่ชอบซื้อมาเผื่อเพราะวัตถุดิบส่วนใหญ่ต้องใช้ของสด หากเหลือไว้ มันจะทำให้รสขนมไม่ดีเท่าที่ควร “เชยจะตื่นมาช่วยแม่ทำ พรุ่งนี้แม่ก็พักเถอะค่ะ นานๆ จะได้หยุดอยู่บ้านบ้าง” “ไม่มีเรียนหรือไงล่ะ” “วันหยุดค่ะ เชยจะไปกับคุณท่านด้วย เชยขอคุณท่านแล้ว” เทียนเตรียมจะท้วง แต่อบเชยรู้ทัน รีบพูดดักคอมารดาไว้เสียก่อน “คุณหนูไม่ไปด้วยเหรอ?”
ใบหน้ากลมแป้นนั่น แนบติดบานหน้าต่าง และหากไม่มีกระจกกั้น ตัวอบเชยคงทะลุออกมาด้านนอกแล้ว สายตาสองคู่สบกันกลางอากาศ ชายหนุ่มหัวเราะดังพรืด มือที่เกาะเกี่ยวเอวกางเกงตกลง อบเชยสะดุ้ง! รีบหดหน้ากลับ ตลบชายผ้าม่านปิดไว้เหมือนเดิม พร้อมกับบ่นอุบ “คุณดี แกล้งเชย!” หญิงสาวทิ้งตัวลงนอน รีบตลบผ้าห่มขึ้นปิดใบหน้า อยากจะกรีดร้องดังๆ ที่ตนเองไม่เคยทันเล่ห์เหลี่ยมของคนเจ้าเล่ห์ เขาจงใจยั่วเธอ แต่ว่า...ดีแลนมองเห็นเธอหรือเปล่านะ เขารู้ได้ยังไงว่าเธอแอบมอง “ยัยเชย ยัยบ้า ทีนี้จะมองหน้าคุณดียังไงล่ะ?!!” หญิงสาวบ่นเสียงออดแอด...ใบหน้าร้อนวาบๆ ดีแลนทิ้งตัวลงนั่ง เขาหัวเราะจนท้องแข็ง ปรารถนากับเดวิดเลยชะโงกหน้าออกมามอง “ดีแลนเป็นอะไรไปลูก?” ทายาทเพียงคนเดียวของหวังหันไปยิ้มให้ เขายืดตัวลุกขึ้นยืน ปั้นหน้าขรึมเหมือนเดิม “เปล่าครับ แค่ขำอะไรบางอย่างเฉยๆ” สองผู้เฒ่าหันมองหน้ากัน ไม่เข้าใจบุตรชายสักนิด แต่คงง้างปากบุตรชายไม่ได้ง่ายๆ “รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้า” เดวิดบอกบุตรชาย พรุ่งนี้เป็นภารกิ
ดีแลนเป็นหนุ่มฮอต ตอนที่เธอยังเด็ก เธอคงเป็นเด็กแก่แดด เลยรู้สึกว่าตนเองรักเขาตั้งแต่ยังไม่ทันเป็นสาวดี จวบจนปัจจุบัน ความรู้สึกพิเศษนั่นก็ไม่เคยลดลง อบเชยน้ำตาตกเพราะดีแลนนับครั้งไม่ถ้วน เขาไม่เคยมองเห็นหัวเธอ ทำท่ารำคาญแทบทุกครั้งหากมีอบเชยอยู่ใกล้ๆ ความรู้สึกนั้น เกือบทำให้อบเชยถอดใจ แต่เมื่อได้สบตากับดีแลนยามที่เขาเผลอ ความรู้สึกบ้าๆ นั่นก็ย้อนกลับมาเหมือนเดิม... “เชยคงมีเวรมีกรรมกับคุณดีมั้งเนอะ” หลังเก็บล้างอุปกรณ์ทำขนมจนหมด อบเชยเดินกลับไปที่ห้องนอน เธอควรอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อม จะได้ไม่เป็นการเสียเวลา พอเอาขนมไปวางในห้องนอนดีแลน เธอก็จะได้ขึ้นรถไปกับคนบ้านหวัง เด็กที่บ้านเด็กกำพร้าคงดีใจ ที่พี่เชยคนดีจะไปเล่านิทานให้ฟัง มันคงเป็นวันหยุดที่สนุกสำหรับเธอ เป็นการชาร์ทพลังในร่างกายได้เต็มที่ ด้วยการแบ่งปันสิ่งที่ตนเองมีกับผู้ที่ด้อยโอกาสกว่า คุณท่านทั้งสองสอนให้อบเชยรู้จักเผื่อแผ่ เดวิด กับปรารถนาทำดีแบบนี้จนอบเชยซึมซับมาเต็มตัว อบเชยไม่เข้าใจเหมือนกัน ผู้ใหญ่ใจดีสองท่านมีแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม เหตุใดก็ไม่รู้ บุตรชายของท่านที่มีแค่คน
บทที่6.เรื่องบนเตียงเสียงหวานแว่วที่ได้ยิน เหมือนกับเสียงสาวปริศนาที่ดีแลนกกกอดไว้ในค่ำคืนนั้น คนที่หลับสนิทตั้งใจฟัง เขาขยับเข้าไปใกล้ๆ และกระโจนคว้าหล่อนเอาไว้ได้ ก่อนที่สาวเจ้าจะหนีไปหลบหลังม่านหมอกอีกครั้ง “ยัยเชย!” มือแข็งแรงรวบจับข้อแขนของอบเชยไว้ เขากระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เลยพลอยทำให้อบเชยเซถลา ขึ้นมานั่งบนขอบเตียง หญิงสาวขืนตัวไว้ พยายามถอยหลังหนี สีหน้าที่ดีแลนมองเห็นคือใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลา แต่เผือดซีดไม่มีสีเลือด “เชยขอโทษค่ะ คุณท่านวานให้เชยปลุกคุณดีด้วยค่ะ” อบเชยละล่ำละลักชี้แจง...เธอไม่ได้ยุ่มย่ามเข้ามาในห้องนอนเขาโดยภาระการ เธอเอาขนมมาส่งและได้รับคำสั่งกึ่งขอร้องจากเจ้าของบ้านมาด้วย “เธออยู่ที่นี่คนเดียวรึ?” คำถามที่อบเชยไม่เข้าใจ ดังผ่านปากของดีแลนมา สีหน้าของเขาก็เช่นกัน เหมือนดีแลนกำลังสับสนกับอะไรบางอย่าง “ค่ะ” อบเชยจำใจตอบ เธอหลุบเปลือกตาลงมองมือของดีแลน ที่ยังกำรอบข้อมือตัวเอง “ไม่มีคนอื่นอีกแน่นะ” ดีแลนถามย้ำ “ค่ะ” เสียงตอบแผ่วเบากว่าครั้งแรก “เป็นไปได้ไง?” ดีแลนรำพึงกับตัวเอ