ในที่สุดเครื่องปรุงก็สามารถควานหาได้จนครบ บัตรเครดิตที่ปรารถนามอบให้ไว้ สำหรับการจับจ่ายซื้อของกินให้ดีแลน อบเชยใช้จ่ายค่าวัตถุดิบทั้งหมด เธอกระโจนขึ้นรถประจำทางทัน ก่อนที่รถคันนั้นจะแล่นออกจากที่จอดพอดี หญิงสาวเลือกนั่งเบาะหลังสุด เธอวางถุงทั้งหมดไว้บนหน้าตัก หันหน้าให้ลมจากด้านนอกพัดใส่หน้า เพื่อช่วยระบายความร้อน อบเชยเผลออมยิ้ม เมื่อเดาสีหน้าดีแลน ตอนที่เขาเห็นอาหารทุกมื้อที่เธอทำ
อบเชยอยากเห็นด้วยตาตัวเอง แต่ไม่ดีกว่า...การเผชิญหน้ากับดีแลน เธอควรเลี่ยง หากยังอยากอยู่สบายๆ แบบนี้
ถุงหลายใบที่หิ้วมาจนไหล่ล้า อบเชยวางถุงไว้บนโต๊ะ เธอเปิดหน้าต่างครัว และจัดการทำสตูว์ เธอเสียเวลาไปไม่น้อยเลยสำหรับการปรุงอาหารมื้อนี้ สตูว์เริ่มส่งกลิ่นฟุ้ง เมื่ออบเชยยกหม้อใบใหญ่ตั้งไว้บนเตา...เธอเหลือเวลาไม่มากสำหรับทำความสะอาดบ้าน หญิงสาวปลดผ้ากันเปื้อนวางพาดไว้ที่พนักเก้าอี้ เปิดประตูห้องเก็บของ ลากเครื่องดูดฝุ่นเครื่องใหญ่ออกมา เธอต้องทำงานแข่งกับเวลา เพราะไม่อย่างนั้น เธอจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเจ้าของบ้านไม่ได้
เขาตรงเวลาจนอบเชยไม่อยากเชื่อ
หนุ่มโสดที่หล่อสุดๆ แต่กลับไม่มีนัดกับสาวคนไหน
ดีแลนกลับถึงบ้านตามเวลาเดิมเป๊ะๆ เขาหอบงานมาทำงานต่อที่บ้าน แทนการนั่งอยู่ที่บริษัท
“ไม่คิดจะไปเที่ยวไหนบางเหรอคะ แปลกคน!” เสียงบ่นพึมพำตามเรื่องตามราว เมื่ออบเชยทำได้แค่บ่นลับหลังดีแลนนั่นแหละ ใครจะไปกล้าต่อว่าเขาหล่ะ เธอมีชนักปักหลัง ช่วงนี้ที่ควรทำ คือการเลี่ยงที่จะพบเจอดีแลนตัวเป็นๆ
“เอ...คุณดีทำไมไม่มีแฟนล่ะ?”
สมัยก่อน ตอนที่ดีแลนเรียนมหาวิทยาลัย’ เขาเป็นหนุ่มฮอตเชียวแหละ อบเชยจำได้ เธอแอบมองบรรดาสาวๆ ที่เดินเข้าเดินออกบ้านตระกูลหวัง แบบที่โบราณว่าไว้...หัวบันไดบ้านไม่แห้ง...สาวสวยตบเท้าเข้าหา ผลัดเปลี่ยนกันมาจนอบเชยจำหน้าได้ไม่หมดทุกคน เธอแค่นว่าดีแลน เขาทำตัวเหมือนกับเป็นเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ สะสมผู้หญิงสวยๆ ไว้ข้างตัวเพื่ออวดบารมี
“ช่างเถอะ เกี่ยวอะไรกับเธอล่ะยัยเชย”
สงสัยเอง พูดตัดบทเอง เพราะอบเชยก็ไม่รู้จะไปหาคำตอบที่ไหนเหมือนกัน จะให้ไปง้างปากดีแลน คงได้แค่ฝัน คนคนนั้นน่ากลัวเกินกว่าที่จะเอาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ เธอกลัวเกิดเหตุซ้ำรอยเดิม...
แม้จะรู้อยู่เต็มอก หากวันนั้นดีแลนไม่เมา...เธอคงไม่ได้รับโอกาสดีๆ นั้น
อบเชยทำความสะอาดเสร็จทันเวลา เหลือเวลาอีกนิดหน่อยสำหรับรดน้ำต้นไม้นอกบ้าน อบเชยเดินเข้าไปในครัว เธอจิปากเบาๆ เมื่อตัวเองดันลืม...เธอไม่ได้ซื้อขนมปังติดมาด้วย สตูว์จะกินให้อร่อยจะกินกับข้าวสวยก็กระไรอยู่ หญิงสาวชั่งใจ เธอรีบออกไปซื้อขนมปัง และกลับมาให้ทันก่อนดีแลนจะถึงบ้าน
เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น...อบเชยจึงเดินไปดับไฟในเตา...ฉวยกระเป๋าใส่เศษสตางค์ พลางคิดถึงเส้นทาง เธอจะไปซื้อขนมปังดีๆ จากที่ไหนดี และใกล้ที่สุดด้วย
อาจจะเป็นเพราะอบเชยชอบสังเกต เธอจดจำเส้นทางสองข้างทางระหว่างเดินทางมาได้ดี มีร้านขนมปังเจ้าหนึ่ง ที่น่าจะพอแก้ขัดได้
เพราะอารามรีบร้อน อบเชยเลยลืมกระเป๋าสะพายไว้ เธอเร่งเดินทางแข่งกับเวลา และอาจจะเป็นเพราะความซวย...ดีแลนกลับจากทำงานก่อนเวลาเสียอีก...แต่เขามีแขกมาด้วย
ผมเส้นเล็กบนศีรษะกระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรง เพราะขากลับอบเชยใช้บริการมอเตอร์ไซน์รับจ้าง เพื่อให้กลับถึงบ้านทันเวลา และหายตัวไปก่อนที่เจ้าของบ้านจะกลับมาถึง แต่...หลังจ่ายสตางค์ค่าโดยสาร อบเชยรีบเดินเข้าบ้าน เธอไม่ทันสังเกตว่าที่จอดรถยนต์ รถยนต์ของดีแลนจอดอยู่ที่นั้นแล้ว อบเชยเดินเข้าประตูหลัง เธอวางถุงใส่ขนมปัง เป่าปากดังพรวด แต่ก็ต้องตกใจจนเข่าแทบทรุด เมื่อได้ยินเสียงบางอย่างผิดปกติ ดังมาจากห้องรับแขก
“รีบจนลืมปิดประตูเลยเหรอยัยเชย โจรขนของหมดเกลี้ยงบ้านแล้วมั้ง!”
มีใครบางคนอยู่ในห้องรับแขก ใครคนนั้นทำเสียงแปลกๆ มันดังกุกๆ กักๆ จนอบเชยต้องย่องไปแอบดู เธอลืมคิดถึงดีแลน เพราะมันยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน
อบเชยอ้าปากค้าง...บนโซฟาตัวใหญ่ หญิง-ชายคู่หนึ่งกำลังฟัดกันนัว ปากของคนทั้งคู่ประกบเข้าหากัน อบเชยไม่ได้คิดไปเอง เขาทั้งสองคนทำเหมือนกับอดอยาก จนต้องแลกน้ำลายระหว่างกันกินประทังความหิว อบเชยอยากจะถอยหนี แต่ขาของเธอก็แข็งทื่อจนต้องใช้สองมือช่วย แต่เพราะความตื่นตกใจ ประกอบกับความซุ่มซ่าม...ในที่สุดอบเชยก็พลาด เธอเซไปชนแจกันที่ตั้งอยู่ข้างประตู
“ว้าย!” หญิงสาวหวีดร้อง ถลาเข้าไปประคองแจกันยักษ์ที่ทำท่าจะล้มโครมลงมา
และหากแจกันแตก...อบเชยไม่กล้าคิด ดีแลนจะโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงเพียงใด
แต่นั่นเท่ากับว่าเธอส่งเสียงให้คนที่กำลังฟันตูกันรู้สึกตัว ดีแลนสบถด้วยความฉุนเฉียว เขาเหลียวมองหาต้นกำเนิดเสียงที่มาขัดจังหวะของเขา
“ใครคะ ดีแลน?” ปารตีปรือตามอง มือของเธอยังคล้องอยู่ที่หัวไหล่ของชายหนุ่ม
อบเชยกระโจนหลบ หลังผลักแจกันใบยักษ์ให้เข้าที่เหมือนเดิม เธอคลานเข่าหลบเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะ ซุกหน้าซบกับหัวเข่า ตัวสั่นระริก ตายแน่ ตายแน่ๆ
“ไม่รู้สิ คงแม่บ้านที่ทำงานให้ผมมั้ง ผมไม่เคยเจอหล่อนเหมือนกัน”
ดีแลนไหวไหล่ เขาจับแขนของปารตีวางไว้ที่พนักเก้าอี้แทน ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืน หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อมาเช็ดคราบลิปสติกที่ติดอยู่บนริมฝีปาก และนี่เป็นอีกสิ่งที่ทำให้เขาคิดถึงคืนนั้น ผู้หญิงปริศนาคนนั้น ไม่ใช้เครื่องสำอาง และเท่าที่จำได้ กลิ่นตัวของหล่อนก็ชวนดม มากกว่าผู้หญิงที่นั่งตาปรอยอยู่ตรงหน้าเขา
“คุณจะไปไหนคะดีแลน?”
ปารตีพยายามรั้งดีแลนไว้...หากพลาดจากเขาวันนี้ เธอคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว ยิ่งนานวันการเข้าถึงดีแลนยิ่งทำได้ยาก เขาทำตัวห่างเหิน...จนเธอเริ่มท้อ...
“ผมหิวแล้ว...” ชายหนุ่มพูดแบบนั้น แล้วเขาก็เดินนำเธอเข้าไปในครัว
สาวโสภาเลยจำใจเดินตาม เธอยืนอิงกรอบประตูตั้งท่ายั่วดีแลนต่อ หลังจากมองจนแน่ใน ภายในครัวนี่ มีแค่เขากับเธอแค่นั้น
อบเชยยกมือทาบอก เธอเผ่นออกมาทันแบบหวุดหวิด เพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นเอง
บุตรสาวเทียนเดินแกมวิ่ง เธอกระโจนขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซน์รับจ้าง ทันเวลาก่อนที่ดีแลนจะออกมาชะเง้อมอง เจ้าของบ้านสุดหล่อมองเห็นแค่เพียงด้านหลังอบเชย เขากัดริมฝีปากล่าง รู้สึกคุ้นตากับแผ่นหลังของลูกจ้างคนใหม่แบบบอกไม่ถูก
“มองอะไรคะดีแลน?”
ปารตีเดินมากระแซะ เธอเบียดเรือนร่างกับด้านหลังของดีแลนเพื่อปลุกไฟอารมณ์ที่เพิ่งมอดดับไปให้ลุกโพลงขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณกลับไปเถอะปารตี” ดีแลนหมดอารมณ์ดื้อๆ เขาหยิบเช็คที่เขียนไว้ ยื่นส่งให้ปารตี เป็นค่าตอบแทนสมน้ำสมเนื้อ หากค่ำคืนนี้เขาใช้เวลากับหล่อน แต่นั้นคือก่อนที่เขาจะกลับถึงบ้าน อารมณ์ที่พลุ่งพล่านจู่ๆ ก็เหือดหายไปดื้อๆ “อะไรกันคะ ตียังไม่ได้ทานมื้อเย็นที่บ้านคุณเลย” สาวโสภาไม่ได้พิศวาสอาหารมื้อเย็นที่แอบเห็นบนเตานั่นหรอก ที่เธอต้องการคือเจ้าของบ้านสุดหล่อตรงหน้านี่ต่างหาก แต่เมื่อเขาออกปากเสือกไส เธอก็ต้องหาทางยื้อไว้ก่อน บางทีดีแลนอาจจะเปลี่ยนใจ “ผมเหนื่อย!” ดีแลนวางเช็คไว้บนโต๊ะ เขาเดินเลี่ยงปารตี “คงไม่น่าเกลียดนะ หากผมจะขอให้คุณกลับเองด้วย” เสียงทุ้มๆ ดังมาจากด้านใน ตัดความหวังของปารตีดังฉับ สาวสวยสะบัดหน้าให้ประตูคอแทบเคล็ด เธอหยิบกระดาษชิ้นน้อยๆ ขึ้นมามอง ก่อนจะพอยิ้มออก ค่าเสียเวลาของเธอมากโขเชียวล่ะ “ตีกลับก่อนนะคะ หากคุณเหงา คุณโทร. หาตีได้ตลอดนะคะดีแลน” เธอส่งเสียงบอกเจ้าของบ้าน เดินเชิดหน้าออกไปด้านนอก มองหารถรับจ้างที่จะอาศัยนั่งกลับที่พำนัก พออาบน้ำจนใจหายหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง...ดีแลนก็เริ่มหิว เขาเดินออกจากห้อง
“แม่ไปตลาดค่ะ คุณท่านมีอะไรจะใช้ให้แม่ทำเหรอคะ?” อบเชยถามกลับ “ฉันจะมาจองขนมหน่ะ พรุ่งนี้จะไปบ้านเด็กกำพร้า...เอาทุกอย่างเลยนะ เด็กๆ ชอบ” ปรารถนามาอุดหนุนขนมที่ร้านมารดาอบเชยเป็นประจำ เทียนจะไม่รับเงิน ท่านก็ไม่ยอม “ขอเชยไปด้วยได้ไหมคะ” อบเชยยิ้มแป้น เธอจำได้สมัยเด็กๆ ชอบตามปรารถนาไปบ้านเด็กกำพร้าที่ครอบครัวหวังอุปถัมภ์ไว้ “พรุ่งนี้ไม่มีเรียนสินะ ได้สิ...อ้อ...เป็นไง งานหนักไหม ลูกชายฉันบ่นอะไรหรือเปล่า?” สาวใหญ่ถามถึงบุตรชาย เขาเป็นคนเคร่งครัด ระเบียบจัด นางเกรงว่าจะทำให้อบเชยแบกภาระมากเกินไป “งานสบายๆ ค่ะ ไม่หนักเลย เชยยังไม่เจอคุณดีเลยค่ะ เธอเลยยังไม่บ่น” หญิงสาวตอบเสียงอ่อยๆ เธอเลี่ยงการเผชิญกับหน้าดีแลน เขาเลยยังไม่ไล่ตะเพิดให้เธอลาออกจากตำแหน่งงานที่อบเชยทำอยู่นั่นเอง “คงถูกใจอยู่หรอก ขานั้นถ้าไม่พอใจคงโวยมาแล้วล่ะ” ปรารถนายิ้มรับ มองสำรวจอบเชย เด็กสาวตรงหน้า เป็นสาวมากขึ้นกว่าทุกปี ท่าทางก็เรียบร้อย คนเป็นแม่อย่างเทียนคงภูมิใจ “อบเชยเรียนปีไหนแล้วล่ะ” นางชวนคุยตามประสาคนรู้จัก
บทที่5.อรุณสวัสดิความรัก“ทำไมยังไม่ไปอาบน้ำอีก” เทียนวางถุงในมือลงบนโต๊ะ เอ่ยถามบุตรสาวที่ยังนั่งอยู่กลางบ้าน อบเชยหยุดความคิดวกวนของตนเอง ตอบมารดาเสียงใส “รอแม่ค่ะ” เทียนรื้อของในถุงออกมากองด้านนอก “รอแม่ทำไม มีอะไรหรือเปล่า?” “คุณดีอยากทานขนมต้ม” อบเชยตอบมารดา เธอไม่ได้บอกรายละเอียด “คุณหนูมารึ? ได้ๆ เดี๋ยวแม่ทำให้” เทียนรับคำ “คุณท่านสั่งขนมด้วยคะแม่ พรุ่งนี้คุณท่านจะไปบ้านเด็กกำพร้า” อบเชยกล่าวต่อ เธอผุดลุกขึ้นยืน เมื่อส่งสารที่รับฝากมาทั้งหมดให้มารดาเรียบร้อย “ตายล่ะ พรุ่งนี้คงไม่ได้เปิดร้านขายขนมแน่ๆ แม่ซื้อของมาแค่พอใช้” เทียนบ่น ของที่เตรียมไว้มีแค่พอดี เทียนไม่ชอบซื้อมาเผื่อเพราะวัตถุดิบส่วนใหญ่ต้องใช้ของสด หากเหลือไว้ มันจะทำให้รสขนมไม่ดีเท่าที่ควร “เชยจะตื่นมาช่วยแม่ทำ พรุ่งนี้แม่ก็พักเถอะค่ะ นานๆ จะได้หยุดอยู่บ้านบ้าง” “ไม่มีเรียนหรือไงล่ะ” “วันหยุดค่ะ เชยจะไปกับคุณท่านด้วย เชยขอคุณท่านแล้ว” เทียนเตรียมจะท้วง แต่อบเชยรู้ทัน รีบพูดดักคอมารดาไว้เสียก่อน “คุณหนูไม่ไปด้วยเหรอ?”
ใบหน้ากลมแป้นนั่น แนบติดบานหน้าต่าง และหากไม่มีกระจกกั้น ตัวอบเชยคงทะลุออกมาด้านนอกแล้ว สายตาสองคู่สบกันกลางอากาศ ชายหนุ่มหัวเราะดังพรืด มือที่เกาะเกี่ยวเอวกางเกงตกลง อบเชยสะดุ้ง! รีบหดหน้ากลับ ตลบชายผ้าม่านปิดไว้เหมือนเดิม พร้อมกับบ่นอุบ “คุณดี แกล้งเชย!” หญิงสาวทิ้งตัวลงนอน รีบตลบผ้าห่มขึ้นปิดใบหน้า อยากจะกรีดร้องดังๆ ที่ตนเองไม่เคยทันเล่ห์เหลี่ยมของคนเจ้าเล่ห์ เขาจงใจยั่วเธอ แต่ว่า...ดีแลนมองเห็นเธอหรือเปล่านะ เขารู้ได้ยังไงว่าเธอแอบมอง “ยัยเชย ยัยบ้า ทีนี้จะมองหน้าคุณดียังไงล่ะ?!!” หญิงสาวบ่นเสียงออดแอด...ใบหน้าร้อนวาบๆ ดีแลนทิ้งตัวลงนั่ง เขาหัวเราะจนท้องแข็ง ปรารถนากับเดวิดเลยชะโงกหน้าออกมามอง “ดีแลนเป็นอะไรไปลูก?” ทายาทเพียงคนเดียวของหวังหันไปยิ้มให้ เขายืดตัวลุกขึ้นยืน ปั้นหน้าขรึมเหมือนเดิม “เปล่าครับ แค่ขำอะไรบางอย่างเฉยๆ” สองผู้เฒ่าหันมองหน้ากัน ไม่เข้าใจบุตรชายสักนิด แต่คงง้างปากบุตรชายไม่ได้ง่ายๆ “รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้า” เดวิดบอกบุตรชาย พรุ่งนี้เป็นภารกิ
ดีแลนเป็นหนุ่มฮอต ตอนที่เธอยังเด็ก เธอคงเป็นเด็กแก่แดด เลยรู้สึกว่าตนเองรักเขาตั้งแต่ยังไม่ทันเป็นสาวดี จวบจนปัจจุบัน ความรู้สึกพิเศษนั่นก็ไม่เคยลดลง อบเชยน้ำตาตกเพราะดีแลนนับครั้งไม่ถ้วน เขาไม่เคยมองเห็นหัวเธอ ทำท่ารำคาญแทบทุกครั้งหากมีอบเชยอยู่ใกล้ๆ ความรู้สึกนั้น เกือบทำให้อบเชยถอดใจ แต่เมื่อได้สบตากับดีแลนยามที่เขาเผลอ ความรู้สึกบ้าๆ นั่นก็ย้อนกลับมาเหมือนเดิม... “เชยคงมีเวรมีกรรมกับคุณดีมั้งเนอะ” หลังเก็บล้างอุปกรณ์ทำขนมจนหมด อบเชยเดินกลับไปที่ห้องนอน เธอควรอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อม จะได้ไม่เป็นการเสียเวลา พอเอาขนมไปวางในห้องนอนดีแลน เธอก็จะได้ขึ้นรถไปกับคนบ้านหวัง เด็กที่บ้านเด็กกำพร้าคงดีใจ ที่พี่เชยคนดีจะไปเล่านิทานให้ฟัง มันคงเป็นวันหยุดที่สนุกสำหรับเธอ เป็นการชาร์ทพลังในร่างกายได้เต็มที่ ด้วยการแบ่งปันสิ่งที่ตนเองมีกับผู้ที่ด้อยโอกาสกว่า คุณท่านทั้งสองสอนให้อบเชยรู้จักเผื่อแผ่ เดวิด กับปรารถนาทำดีแบบนี้จนอบเชยซึมซับมาเต็มตัว อบเชยไม่เข้าใจเหมือนกัน ผู้ใหญ่ใจดีสองท่านมีแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม เหตุใดก็ไม่รู้ บุตรชายของท่านที่มีแค่คน
บทที่6.เรื่องบนเตียงเสียงหวานแว่วที่ได้ยิน เหมือนกับเสียงสาวปริศนาที่ดีแลนกกกอดไว้ในค่ำคืนนั้น คนที่หลับสนิทตั้งใจฟัง เขาขยับเข้าไปใกล้ๆ และกระโจนคว้าหล่อนเอาไว้ได้ ก่อนที่สาวเจ้าจะหนีไปหลบหลังม่านหมอกอีกครั้ง “ยัยเชย!” มือแข็งแรงรวบจับข้อแขนของอบเชยไว้ เขากระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เลยพลอยทำให้อบเชยเซถลา ขึ้นมานั่งบนขอบเตียง หญิงสาวขืนตัวไว้ พยายามถอยหลังหนี สีหน้าที่ดีแลนมองเห็นคือใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลา แต่เผือดซีดไม่มีสีเลือด “เชยขอโทษค่ะ คุณท่านวานให้เชยปลุกคุณดีด้วยค่ะ” อบเชยละล่ำละลักชี้แจง...เธอไม่ได้ยุ่มย่ามเข้ามาในห้องนอนเขาโดยภาระการ เธอเอาขนมมาส่งและได้รับคำสั่งกึ่งขอร้องจากเจ้าของบ้านมาด้วย “เธออยู่ที่นี่คนเดียวรึ?” คำถามที่อบเชยไม่เข้าใจ ดังผ่านปากของดีแลนมา สีหน้าของเขาก็เช่นกัน เหมือนดีแลนกำลังสับสนกับอะไรบางอย่าง “ค่ะ” อบเชยจำใจตอบ เธอหลุบเปลือกตาลงมองมือของดีแลน ที่ยังกำรอบข้อมือตัวเอง “ไม่มีคนอื่นอีกแน่นะ” ดีแลนถามย้ำ “ค่ะ” เสียงตอบแผ่วเบากว่าครั้งแรก “เป็นไปได้ไง?” ดีแลนรำพึงกับตัวเอ
หญิงสาวลดสายตาต่ำลงไป เปลือกตากะพริบปริบๆ ตรงช่วงคอมีรอยช้ำแดงๆ เหมือนรอยมดกัด เป็นรอยช้ำขนาดเท่าหัวแม่มือ และมีหลายรอยด้วยกัน เพราะยิ่งร่นเสื้อยืดตัวในต่ำลงไป รอยนั่นกระจายทั่วเนินอก อบเชยตกใจ เธอเกือบหวีดร้อง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง...ที่ปลายยอดอกเธอก็โดนมดบ้าลามกนั่น กัดเช่นกัน...รอยแดงๆ ลามไปทั่วตัว เธอรีบปลดกระดุมเอี๊ยม สำรวจตัวเองซ้ำ มดเจ้าปัญหาต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักที่ บนร่างกายเธอนี่แหละ แต่เมื่อพยายามหาเท่าไหร่ อบเชยกลับไม่พบมดตัวนั้น บางทีมดบ้าลามกนั่น อาจจะหล่นอยู่บนที่นอนของดีแลนแล้วก็ได้เวลามีไม่มากนัก อบเชยมัวโอ้เอ้หามดเจ้าปัญหา เมื่อหาไม่เจอก็จำต้องตัดใจเธอเปิดก๊อก วักน้ำล้างคราบน้ำลายที่มุมปาก ยกมือเสยผมให้เข้าทรงมากกว่าเก่า สภาพของอบเชยเลยดูดีขึ้นหญิงสาวเดินลากขาออกมานอกห้องนอน เธอพยายามไม่คิดมาก เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่ดีแลน จะรังแกเธอเขาไม่อยากอยู่ใกล้เธอด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่เธอลืมตา เขายังรีบเดินหนีไปดังนั้น...รอยพวกนี้ ต้องเป็นรอยมดกัด...ชัวร์!!ดีแลนยืนอิงข้างรถยนต์ส่วนตัว เขาหลุบเปลือกตาลงเพราะไม่อยากให้ความสุขที่เพิ่งได้รับมากระจายหายไปในอากาศ หลังอาบน้ำเ
“ห้ามบอกใครนะ สัญญาสิ”อบเชยพยักหน้ารับ ผิวแก้มแดงก่ำ“ค่ะ” เมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ เด็กน้อยก็หมดความสนใจ เจ้าตัววิ่งไปรวมกลุ่มกับเพื่อน อบเชยหาที่นั่ง เธอมองตามดีแลน แอบอมยิ้มทุกครั้งที่ดีแลนยิ้มให้คนอื่น เสียดายนิดเดียว รอยยิ้มนั่นไม่ได้ส่งให้เธอโดยตรงพิธีการต่างๆ จบลง ถึงช่วงที่เด็กๆ จะได้สนุกกับของเล่นชิ้นใหม่ที่พวกเขาเพิ่งได้รับมา เด็กหลายคนจับกลุ่มเพื่อเล่นของเล่นด้วยกัน อบเชยเดินเลี่ยงเข้าไปด้านหลัง เธอมัวแต่ยุ่งๆ จนลืมกินอาหารเช้า นี่เวลาเดินเลยมาจนบ่ายคล้อย อบเชยหิวติดหมัด เธอเลยคิดจะหาอาหารง่ายๆ ใส่ท้อง และในครัวน่าจะพอมีข้าวก้นหม้อเหลือเธอคุ้นเคยกับบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ เพราะมาเป็นประจำ อบเชยตักข้าวใส่จาน ราดด้วยน้ำแกงที่เหลือติดก้นหม้อแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเธอ อาหารกินประทังความหิว แถมไม่แย่นัก น้ำแกงข้นๆ อร่อยอย่าบอกใคร เธอเดินหามุมสงบเพื่อนั่งรับประทานอาหารเงียบๆ โคนต้นไม้คงเหมาะ มีพื้นหญ้าเป็นพรมปูให้นั่ง อบเชยทรุดตัวลงนั่ง วางขวดน้ำเปล่าไว้ข้างตัว ลงมือตักข้าวในจานกินอย่างเอร็ดอร่อย ที่ลานกว้าง เด็กหลายคนวิ่งเล่นไล่จับ ดีแลนกวาดตามองหายัยตัวยุ่ง เขา