บทที่7.จูบ...แต่ไม่ใช่ครั้งแรกมันเป็นการกินมื้อเที่ยงที่มีความสุขที่สุด มีผู้ชายรูปงามนั่งอยู่ใกล้ๆ และสายตาของเขาก็เหมือนมองเธอเป็นขนมหวาน อบเชยทำตัวไม่ถูก เธอตามอารมณ์ดีแลนไม่ทัน แม้จะพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด เพราะไม่อยากให้ช่วงเวลาแสนสุขนี่สิ้นสุดลง สายลมพัดโบกพอให้ชื่นใจ อากาศไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนทุกวัน มันอาจจะเป็นเพราะคนที่นั่งข้างๆ หน้าตายิ้มแย้มอยู่ก็ได้ “คุณดีอยู่ตรงนี้นานแล้วนะคะ” อบเชยเปรยลอยๆ ดีแลนเป็นคนสำคัญ ป่านนี้บิดา มารดาของเขาอาจจะมองหา “นี่ไล่ฉันเรอะ?” เสียงถามค่อนข้างห้วน “ปะ เปล่านะคะ แต่คุณท่านอาจจะกำลังมองหาคุณดีอยู่” “แล้วไงล่ะ ฉันอยากพักบ้าง เบื่อปั้นหน้าแล้วนี่” ดีแลนบ่น เขาเอนหลังพิงต้นไม้หลุบเปลือกตาลงดื้อๆ อบเชยยิ้มแหยๆ เมื่อดีแลนกล่าวเช่นนั้นเธอจะว่าอะไรได้ หญิงสาวขยับตัว ดีแลนอยากพักเธอก็ไม่รบกวน คนหลับเอื้อมมือจับและรั้งอบเชยเข้าไปหา เขาปรามเสียงแหบๆ “นั่งเฝ้าฉันอยู่นี่แหละ จะไปไหนล่ะ” สาวเจ้าเลยนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ข้างๆ เธองัดพัดพลาสติกที่เหน็บไว้กระป๋าหลังขึ้นมาพัดโบกให้ดีแลนเบาๆ หลังแน่ใจว่าชา
เขาเอนตัวลงนอนบนพื้นหญ้า อบเชยกะพริบเปลือกตาถี่ๆ เธอนั่งตัวแข็งทื่อ เพราะศีรษะของคนตัวใหญ่ วางแหมะลงบนหน้าตักของเธอจนอบเชยทำอะไรไม่ถูก จะผลักไสเขา...ก็กลัวจะถูกดุ จะนั่งเฉยๆ ก็ขัดเขินพิกล “หัวฉันไม่เหม็นหรอกน่า” ดีแลนมองสบตาอบเชย หญิงสาวเสหลบตาแย้งเสียงแผ่วๆ “เชยตัวเหม็นค่ะ มีแต่เหงื่อ” อบเชยไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆ เธอทำงานที่ใช้แรงเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการใกล้ชิดแบบนี้ เธอเลยกลัวกลิ่นของตนเองจะทำให้ดีแลนไม่พอใจ ดีแลนแสร้งสูดลมหายใจแรงๆ เขาตอบเสียงเรียบ มือเอื้อมจับเอวคอดไว้ เพราะอบเชยทำท่าจะขยับตัวหนี “ไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลยนี่เชย” อบเชยอยากจะร้องไห้ มันเป็นการใกล้ชิดที่ทำให้เธอพิอักพิอ่วน จะมีความสุขก็ไม่เต็มร้อย จะตกใจก็ไม่ใช่ที่ มันก่ำกึ่งระหว่างดีใจ กับกลัวมากกว่า “คุณดีง่วง ไปนอนในรถดีกว่าไหมคะ” หญิงสาวรีบหาทางออกให้ “ไม่...ฉันจะนอนที่นี่” ดีแลนพูดย้ำ เขาชะงัก มันเหมือนนึกอะไรออก มันเหมือนกับว่าเขาเคยพูดคำนี้กับอบเชยมาแล้ว แต่นึกไม่ออกว่าเคยพูดเมื่อไหร่ ที่ไหน? อบเชยกลัวคนอื่นมาเห็น และมันจะทำให้เกิดข่าวลือแปลกๆ เธอเ
บทที่8.เมื่อเจ้าของบ้านอยากได้กับแกล้มพิเศษ เกือบห้านาทีที่ดีแลนทำแค่กอดเหมือนที่เขาบอก อบเชยนั่งนิ่งๆ เธอไม่ไหวติงเลย จนกระทั่งดีแลนยอมปล่อย เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน อบเชยเลยพยายามยักแย่ยักยันลุกขึ้นตาม แต่เพราะเธอนั่งนาน แถมถูกดีแลนนอนทับมันเลยทำให้ร่างกายของเธอไม่ปกตินัก เหน็บชา ตั้งแต่หน้าขาซ้าย ลงไปถึงปลายนิ้วเท้าไม่มีความรู้สึก มันหนักอึ้งเหมือนกับว่าขาข้างนั้นมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นสิบเท่าตัว อบเชยพยายามที่จะไม่แสดงออก เธอพยายามปรับสีหน้า และฝืนตัวทรงกายลุกขึ้นยืน แต่...ดีแลนก็ยังรู้ เขายื่นมือให้จับ “เร็วๆ ไม่งั้นฉันอุ้ม” เสียงเร่ง ยังไม่น่ากลัวเท่ากับคำขู่ตามหลังมา หากดีแลนบ้าดีเดือด อุ้มเธอขึ้นมาจริงๆ ครั้งต่อไปเธอคงไม่กล้ามาเหยียบที่บ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้อีก เพราะ
ดีแลนร้องขอ...ไม่ได้บังคับ ไม่ได้ข่มขู่ อบเชยกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ หากชักช้า มารดาเดินเข้ามาดูที่รถ เรื่องมันจะไปกันใหญ่ ใบหน้าเล็กๆ เลยรีบพยักหน้าอนุญาต ดีแลนยิ้มมุมปาก เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ กดปากแนบกลีบปากนุ่มนิ่ม...บดเบาๆ เพื่อแยมกลีบปากอิ่มเต็มให้แยกจากกัน จากนั่นก็...ดูดดื่มกับความหวานที่ตนเองโหยหา ดีแลนพึมพำเสียงแหบพร่า “เชย...เชยจ๋า” อบเชยพริ้มเปลือกตาหลุบลง เธอแหงนใบหน้ารับจูบ สนองตอบเท่าที่ทำได้ รับรู้ความหวานฉ่ำซ่านทรวงด้วยความรู้สึกหวามไหวในอก “อืม...” เสียงครางแหบต่ำ ผสมความพึงใจ เรียวลิ้นร้อนชื้นส่งผ่านรอยแยกหวานฉ่ำ สัมผัสเรียวลิ้นเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ตวัดรูดรัด และไล่ต้อนอย่างสนุกสนาน&nb
เช้าวันใหม่... อบเชยตื่นมาช่วยมารดาทำขนมเหมือนทุกวัน ช่วยเทียนเปิดร้านเสร็จ อบเชยก็รีบอาบน้ำแต่งตัวไปเรียน เป็นชีวิตปกติที่หญิงสาวตัวเล็กๆ คนนี้ทำมาจนเป็นเรื่องชินชา วัฏจักรของเธอ วนเวียนแค่ไม่กี่อย่าง ลืมตาตื่น ช่วยแม่ทำงาน แบ่งเบางานที่ทำให้ท่านเหนื่อย และทำหน้าที่ลูกที่ดี ใฝ่หาความรู้ จากนั้นก็คือการเป็นลูกกตัญญู สะสมเงินไว้ให้ตนเองและมารดาสบายในอนาคต ในหัวอบเชยไม่มีว่อกแว่ก มีดีแลนเพียงคนเดียวที่ทำให้เธอไขว้เขวได้ หญิงสาวถอนใจแรงๆ ก้มหน้าเดินขึ้นรถเมล์ที่จอดตรงป้ายพอดี การจราจรเมื่องไทยในเมืองใหญ่เป็นเรื่องปกติเสียแล้ว ยามเช้าเช่นนี้รถติดยาวเป็นวา กว่าจะขยับได้ก็ใช้เวลาพอสมควร มีทั้งฝุ่น ควัน และมลภาวะที่ทำให้สุขภาพเสื่อมถอยลงทุกวัน อบเชยฝันถึงบ้านหลังน้อยที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ การใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ต้องแก่งแย่ง และ
“ใครเหรอหนูอบ...” เจนจิรากระแซะเข้ามาใกล้ กระซิบถามเบาๆ แต่อบเชยกำลังตกตะลึงเลยไม่ทันได้ตอบ “ขึ้นมาเลยยัยเชย เร็วๆ ตรงนี้เขาห้ามจอด” ดีแลนตะโกนเร่ง รถประจำทางวิ่งมาจ่อด้านหลัง คนขับใจร้อนบีบแตรเร่งถี่ๆ อบเชยละล้าละลังๆ เธอมองรถเมล์คันที่จอดหลังรถยนต์ของดีแลนตาปรอย ไอ้รถบ้านี่ มาเร็วกว่านี้อีกนิดก็ไม่ได้ “เชยไปก่อนนะเจน” หญิงสาวคอตก จำใจเดินตรงไปยังรถยนต์ที่ประตูด้านข้างเปิดอ้ารออยู่ “เดี๋ยวสิหนูอบ...ผู้ชายคนนั้นใครอะ?” เจนจิรายังไม่วายถาม เธอส่งตาหวานเยิ้มเลยไปยังดีแลน “เจ้าของบ้านที่เชยทำงานให้ไง” อบเชยยอมเฉลย เธอโน้มตัวลง ทรุดนั่งเบาะด้านข้างคนขับ ด้วยความสำรวมสุดขีด 
“ฉันอยากดื่มเบียร์” ดีแลนเปรยลอยๆ วันนี้เขาอารมณ์ดี ครึ้มอกครึ้มใจ จนอยากดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ปนสักหน่อย “งั้นเป็นกับแกล้มนะคะ จะได้ไม่เลี่ยน” แสงสว่างตรงปลายอุโมงค์ สว่างวาบขึ้นมา ข้อสรุปที่ลงตัวสำหรับอาหารมื้อเย็นที่น่าปวดหัวครั้งนี้ อบเชยกับดีแลนไม่รู้ว่าระหว่างที่เขาและเธอถกเถียงกัน มีสายตาจากคนรอบตัวหลายคู่มองตาม นึกชมชอบกับความน่ารักของคนทั้งคู่ เหมือนสามี ภรรยาป้ายแดงมาจ่ายกับข้าวมื้อแรกด้วยกัน หลังวันวิวาห์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป มันเป็นบรรยากาศแสนหวาน ที่คู่รักแสดงออกต่อกัน คนหนึ่งเง้างอน อีกคนก็ตามง้อ แม้ท่าทางจะแข็งกระด้างของฝ่ายชายจะเห็นชัดเจน แต่นั่นคือที่สุดแล้ว สำหรับการที่ผู้ชายที่มีลักษณะเป็นผู้นำจะยอมลงให้คนที่อ่อนแอกว่า หลายคนอมยิ้ม และอีกหลายคนเหมือนกันที่เกิดความอิจฉา ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ ท่าทางแสนธรรมดาคนนั้น หล่อนทำบุญด้วยอะไรนะ?&n
บทที่9.ภาพลวงตาวันนี้อบเชยแปลกใจกับกริยาของคนข้างตัวหลายอย่าง มันคงแปลกๆ ตั้งแต่กลับจากบ้านเด็กกำพร้าครั้งนั้นแล้ว ดีแลนไม่ได้ดุดันเหมือนทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากัน ถึงแม้บางครั้งท่าทางของเขา ยังคงไว้ซึ่งความแข็งกระด้าง แต่ที่เห็นชัดๆ คือแววตา ไม่มีสายตาชิงชังเหมือนเมื่อก่อน อบเชยโล่งใจ เธอหายใจคล่องขึ้น แม้จะอึดอัดทำตัวไม่ถูก แต่นี่เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตนเอง ดีแลนช่วยหิ้วถุงของใช้เข้ามาวางในครัว เขาเดินเลยขึ้นไปชั้นบน โดยไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ปล่อยให้อบเชยสาละวนกับงานของหล่อน เขาเปิดโอกาสให้หญิงสาวแสดงฝีมือเต็มที่ โดยไม่มีลูกมือเป็นคนหน้าตาดีคอยกวน ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาอยากจิบเบียร์เย็นๆ แต่เบียร์พวกนั้นเพิ่งจะยัดเก็บไว้ในช่องพรีซ มันคงยังเย็นไม่พอ ดีแลนไม่ชอบเบียร์ที่ต้องใช้น้ำแข็งช่วย รสชาติมันจะเปลี่ยนไป เขาเลยเปลี่ยนใจ นอนแช่น้ำอุ่นๆ ในอ่างแทน 
อบเชยผวาเยือก หลังสิ้นเสียงหวานหวาม ดีแลนแนบเรียวปากร้อนผ่าว เขาบดจูบเบาๆ พยายามที่จะยั้งความรุ่มร้อนในกายเอาไว้ เพราะถึงตนเองกับอบเชยจะผ่านจุดอันตรายกันมาแล้ว แต่ตอนนั้นเขาเมา และจำอะไรไม่ได้เลย ดีแลนไม่รู้ว่าความปรารถนาที่เขายัดเหยียดให้อบเชยจะมากน้อยแค่ไหน เขาอยากจะมอบสิ่งดีๆ ให้ และลบล้างความทรงจำแย่ๆ ความใคร่คือความปรารถนาที่ล้นอก แต่สำหรับดีแลน เขาอยากมอบแต่สิ่งสวยงามให้อบเชย ครั้งนี้เขาจึงอยากแก้ตัวสอนบทรักที่เกิดจากความรัก ไม่ใช่ตัณหา ราคะเท่านั้น ให้อบเชยได้รู้จัก“ขา คุณดี...ชะ เชย”หญิงสาวขานรับเสียงแผ่วปร่า เธอรู้สึกเหมือนใจจะขาด ลมหายใจสะดุด และรู้สึกปั่นป่วนทรมาน“ฉันจะทำให้เชยมีความสุข เรามาล้างความทรงจำเก่าๆ และมีความสุขไปพร้อมกันนะเชย”ดีแลนกระซิบตอบ เขาพรมจุมพิตทั่วแผ่นท้อง ก่อนจะค่อยๆ กระถดตัวลงต่ำ จุดมุ่งหมายคือปลายทางสวรรค์ที่จะช่วยปลดเปลื้องความทรมานให้กับตนเองและอบเชยอบเชยพยักหน้ารับรู้ เธอสูดลมหายใจลึกๆ พยายามทำตัวสบายๆ เธอไม่มีอะไรให้หวาดกลัว เมื่อเธอกับดีแลน มีสิทธิ์ทำแบบนี้ได้ ในฐานะสามี ภ
เพราะเธอกับดีแลนคงเหมือนคนแปลกหน้า หากบังเอิญย้อนกลับมาเจอกันอีกครั้งต่อให้เธอจงรักภักดีกับเขาแค่ไหน เธอก็คงเป็นได้แค่เศษฝุ่นในสายตาของเขา ไม่มีทางเป็นตัวเป็นตนได้เหมือนตอนนี้ หากตอนนั้นเธอฟูมฟาย และแพร่งพรายความลับในใจให้มารดารู้เข้าดีแลนยกมือกรีดรอยน้ำตาที่เอ่อซึมขึ้นมาให้ เขาโน้มตัวจูบซับรอยน้ำตานั่นอีกที ด้วยความอ่อนโยนที่มี หรือเท่าที่ตนเองจะแสดงออกให้คนตัวเล็กได้รู้หัวไหล่บอบบางสั่นระริก อบเชยคงพยายามกลั้นความเสียใจไว้“ฉันขอโทษ บางครั้งผู้ชายก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับความจริง”ชายหนุ่มกล่าวปลอบขวัญ ทั้งอบเชยและเขา ยังเด็กมากในตอนนั้น เขาโตกว่าก็จริง แต่หากทำอะไรบุ่มบ่ามลงไป วันนี้คงไม่ได้กอดอบเชยไว้แนบอกเช่นนี้ ในวันที่เขาโตพอที่จะรับผิดชอบชีวิตของอบเชยได้ ดีแลนอดทนมากแค่ไหน อบเชยไม่มีวันเข้าใจ“เชยปวดใจทุกครั้ง ทุกครั้งที่สายตาของคุณดี มีแววตาเกลียดเชยเช่นนั้น”ณ.วันนั้น อบเชยชาด้าน ความรักที่มีต่อมารดา คือสิ่งยึดเหนี่ยวเดียวที่ทำให้อบเชยฝืนยิ้มและประคองตัวเองผ่านวันอันเลวร้ายนั่นมาจนได้&ldquo
“เชยไม่สวย ไม่เซ็กซี่ เหมือนที่คุณดีตั้งความหวังไว้เหรอคะ?” หางเสียงสั่นพร่า ที่เข้าใจมาตลอด ดีแลนชอบที่เธอเป็นเธอ แต่เวลานี้เขากำลังเปรียบเทียบเธอกับใคร คู่ควงเก่าๆ ของเขาอย่างนั้นเหรอ? “โอ้ย!! ไม่ใช่อย่างนั้น” ดีแลนรีบกระโจนลงจากเก้าอี้ เดินมาหยุดข้างอบเชย เขาทรุดนั่งบนส้นเท้า เงยหน้ามองหญิงสาวตรงหน้า “ฉันเคยฝันไว้หน่ะ แต่ไม่ได้อย่างฝันก็ช่างมันเถอะ ขอแค่มีเชย ฉันก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว” มันคือความฝันตามประสาผู้ชาย นอนกอดกับคนรู้ใจบนเตียงนุ่มๆ ในบรรยากาศหวานๆ หลังพิธีวิวาห์ “เชยอาจจะดีไม่พอ เหมือนที่คุณดีต้องการนะคะ” ความน้อยใจทำให้อบเชยตัดพ้อต่อ เธอพยายามดึงมือของตัวเอง ออกจากอุ้งมือของอีกฝ่าย “ไปกันใหญ่แล้ว ฉันจะทำให้เชยรู้
หลังพูดออกมา คำพูดเหล่านั้นคือนายเรา ผลสะท้อนของคนกลับกลอก จะไม่มีคนรอบตัวฟังเขาอีก แม้บทสุดท้ายเขาจะพูดความจริง เพราะความเคลือบแคลงฝังอยู่ในความทรงจำเสียแล้ว พูดผิดเพียงครั้งเดียว ก็ลบล้างความเชื่อมั่นของเจ้าของคำพูด ตลอดชีวิต คราใดที่เขาพลาด คนเหล่านั้นก็จะนำคำพูดที่เขาเคยออกปากไว้มาทับถม... “เชยเชื่อคุณดีค่ะ” อบเชยฝืนยิ้ม คนตรงหน้าคือคนที่ตนเองฝากชีวิต หากเธอปล่อยให้ความระแวงเกาะกุมตั้งแต่นาทีแรกของการเริ่มต้น จากนี้ไปคงหาความสุขไม่ได้ สู้ปล่อยอดีตทิ้งไว้เบื้องหลัง ก้าวไปข้างหน้าจับมือคนของเราไว้แน่นๆ อุปสรรคไม่ได้มีแค่นี้ นี่เพิ่งเป็นการเริ่ม ถนนที่เธอกับดีแลนเดิน ยังอีกยาวไกล มือเรียวเล็กสอดวางบนอุ้งมือหนา อบเชยเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้ 
“เพราะพ่อ...คือพ่อแกไงอาตี๋” เดวิดตอบแบบไม่ขยายความ ท่านรู้ อบเชยไม่มีทางทำให้บุตรชายของท่านเจ็บตัว หล่อนบูชาดีแลนยิ่งกว่าเทวดาเสียอีก “อบเชย ถ้าลูกแม่ดื้อนัก บอกแม่ก็ได้นะ เดี๋ยวแม่จัดการให้เอง” ปรารถนาพูดสอด ตอนที่บรรจงหลั่งน้ำเย็นชื่นลงบนปลายนิ้วมือของอบเชย “โห!” เสียงครางท้วงดังเบาๆ จากผู้ชายตัวใหญ่ใบหน้าขาวดั่งไข่ปลอก “ทำไม...มีปัญหาเหรอไงดีแลน ลูกหน่ะ ไม่มีใครกล้าขัดใจหรอกนอกจากแม่” นางเปรยเสียงกระซิบ ก่อนจะหลั่งน้ำสังข์บนปลายนิ้วของดีแลน “ไม่มีใครรักผมเลย!” ชายหนุ่มครางเสียงออดๆ เหมือนมอดกัดไม้ผุๆ “เอ่อ...เชยรักคุณดีค่ะ เชยไม่ตีคุณดีแน่” อบเชยกระซิบเสียงอุบอิบ ผิวแก้มร้อนฉ่า&
บทที่20.วันที่ความรักสุกงอมเวลาเคลื่อนมาถึงฤกษ์ดีช่วงเช้า ดีแลนก็ต้องออกไปตั้งขบวนแห่ขันหมากตามประเพณี เขาได้เจอมารดาที่นั่น รวมทั้งบิดาด้วย แต่ก็ยังไม่เห็นอบเชย “แม่อะ ผมเลยไม่ได้เห็นอบเชยเป็นคนแรกเลย” ดีแลนบ่นพึมพำ ตอนที่เดินผ่านประตูบ้านหวังเข้ามา “เดี๋ยวก็ได้เห็นแล้ว อบเชยไม่หนีไปไหนหรอกน่า” ปรารถนากระซิบดุ เริ่มระอากับความรักออกนอกหน้าของบุตรชายเหลือเกิน เดวิดได้แต่หัวเราะ ท่านส่ายหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เมื่อท่านพอจะเข้าใจความคิดของดีแลน สมัยหนุ่ม ท่านเองก็เป็นแบบนี้ ดีแลนใจเต้นตึกตัก เขายืดคอสูงๆ พยายามมองหาอบเชย หญิงหนึ่งเดียวในดวงใจ ณรงค์เดินอยู่ข้างๆ มีอดัม
“ได้ไงคะ!! คุณท่านมาเห็นเข้า เชยอาจจะโดนตำหนินะคะ!” อบเชยลดเสียงลง สีหน้ายุ่งยากใจ หากปรารถนาเดินผ่านประตูเข้ามา นางจะมองว่าเธอเป็นคนอย่างไร “อย่ากลัวไปเลย แม่ฉันใจดีจะตาย” “ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ” อบเชยพยายามอธิบาย เสียงของเธอสั่นพร่า เมื่อเสียงเดินดังใกล้เข้ามาทุกที “ฉันรู้...ฉันหลบไปก่อนก็ได้...” น้ำเสียงและสีหน้าอบเชย ดีแลนเลยอดไม่ได้ที่จะเห็นใจ เขาขยับตัวเตรียมจะลงจากเตียง แต่... “ดีแลน...ลูกควรไปอาบน้ำได้แล้ว...ทีมช่างของแม่รอแต่งตัวให้ลูกอยู่นะ” ปรารถนาพูดดักคอ เหมือนว่าท่านรู้วาบุตรชายอยู่ด้านใน ทั้งที่ยังไม่ทันได้เปิดประตู&nb
“จูบฉันก่อน ฉันจะยอมกลับไปนอนที่ห้อง หากเชยยอมจูบฉัน”“อีกแล้วนะคะ” ตั้งแต่เข้ามาในห้อง ดีแลนปล้นจูบไปจากเธอนับครั้งไม่ถ้วน เขายังมีหน้ามาเรียกร้องเอาอะไรเพิ่มอีกหรือ?“ทำไมล่ะ ฉันจูบไม่ดีเหรอเชย สาวๆ ชมฉันตลอดว่าฉันจูบเก่ง” ดีแลนพูดเย้า“เชอะ!!” มือน้อยๆ ผลักอกคนตัวใหญ่เต็มแรง ซึ่งไม่ได้ทำให้ดีแลนสะเทือน เพราะเขานอนราบอยู่บนที่นอน แถมมือเหนียวๆ ยังคงเกี่ยวเอวของเธอไว้เสียแน่น“นานๆ จะเห็นเชยหึงฉันสักที มันครื้มใจพิลึก” ดีแลนกระเซ้าต่อ การแสดงออกของอบเชย แปลความหมายอื่นไม่ได้ นอกจากอบเชยกำลังไม่พอใจพฤติกรรมฉาวๆ ของเขาสมัยยังเป็นหนุ่ม“ชิ! คุณดีหลงตัวเองค่ะ เชยขี้เกียจฟัง” อบเชยหน้างอง้ำ นึกไม่พอใจจนตัวสั่น อยากโกรธดีแลนนานๆ แต่รู้ดีว่าตนเองใจไม่แข็งพอ ชายตรงหน้าเองก็มีวิธีรับมือ ทุกครั้งหากเธอปั้นปึ้ง...ดีแลนจะรีบตะล่อมจนเธออ่อนลง และครั้งนี้ก็เช่นกัน อบเชยรู้ดี สิ่งที่เขาพูดมาคืออดีต ผู้ชายส่วนใหญ่มีประสบการณ์โชกโชนเกี่ยวกับเรื่องเพศตรงข้าม ดีแลนเองก็ไม่น้อยหน้า เขาเป็นหนุ่มฮอ
“จริงนะ ถามหน่อย เชยรักฉันตั้งแต่ตอนไหน?” ดีแลนพยายามลดความกระหายรสรักที่มีกับคนตัวเล็กในอ้อมกอด เขาเปลี่ยนเรื่องพูด เพื่อให้ความพลุ่งพล่านของตนเองลดน้อยลง“คุณดีล่ะคะ รักเชยตอนไหน?” หากดีแลนอยากรู้ อบเชยก็อยากรู้เช่นกันหญิงสาวจำได้ดี...สมัยก่อน แม้แต่การมอง ดีแลนยังพยายามมองผ่าน เขาเกลียดเธอจับจิต อบเชยเลยอยากรู้ว่าเธอเข้าตาเขาตอนไหน?“ขี้โกง ฉันถามเชยก่อนนะ!” เสียงต่อว่าไม่มีน้ำหนัก ดีแลนแค่ผิดหวังเล็กๆ ที่อบเชยยังไม่ยอมเฉลย“เชยอยากรู้นี่คะ คุณดีตอบเชยก่อนไม่ได้เหรอคะ?” อบเชยทดลองใช้น้ำเสียงแบบเดียวกับดีแลน เวลาที่เขาอ้อนเธอ แววตาวิบวับ กับสีหน้าที่แบกความหวังไว้เต็มเปี่ยมทำให้ดีแลนถอนใจเฮือก เขาแพ้อบเชย...หากเผลอสบตากับหล่อน ปลายนิ้วแข็งแรงจิ้มลงกลางหน้าผากตนเอง พร้อมกับเสียงทุ้มๆ ที่พูดออกมาช้าๆ “ตั้งแต่ยัยเชยคนนี้ยังนุ่งกระโปรงสีน้ำเงินยาวลากพื้น...แอบมองฉันเหมือนคนโรคจิต แ