“ห้ามบอกใครนะ สัญญาสิ”
อบเชยพยักหน้ารับ ผิวแก้มแดงก่ำ
“ค่ะ” เมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ เด็กน้อยก็หมดความสนใจ เจ้าตัววิ่งไปรวมกลุ่มกับเพื่อน อบเชยหาที่นั่ง เธอมองตามดีแลน แอบอมยิ้มทุกครั้งที่ดีแลนยิ้มให้คนอื่น เสียดายนิดเดียว รอยยิ้มนั่นไม่ได้ส่งให้เธอโดยตรง
พิธีการต่างๆ จบลง ถึงช่วงที่เด็กๆ จะได้สนุกกับของเล่นชิ้นใหม่ที่พวกเขาเพิ่งได้รับมา เด็กหลายคนจับกลุ่มเพื่อเล่นของเล่นด้วยกัน อบเชยเดินเลี่ยงเข้าไปด้านหลัง เธอมัวแต่ยุ่งๆ จนลืมกินอาหารเช้า นี่เวลาเดินเลยมาจนบ่ายคล้อย อบเชยหิวติดหมัด เธอเลยคิดจะหาอาหารง่ายๆ ใส่ท้อง และในครัวน่าจะพอมีข้าวก้นหม้อเหลือ
เธอคุ้นเคยกับบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ เพราะมาเป็นประจำ
อบเชยตักข้าวใส่จาน ราดด้วยน้ำแกงที่เหลือติดก้นหม้อแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเธอ อาหารกินประทังความหิว แถมไม่แย่นัก น้ำแกงข้นๆ อร่อยอย่าบอกใคร เธอเดินหามุมสงบเพื่อนั่งรับประทานอาหารเงียบๆ โคนต้นไม้คงเหมาะ มีพื้นหญ้าเป็นพรมปูให้นั่ง อบเชยทรุดตัวลงนั่ง วางขวดน้ำเปล่าไว้ข้างตัว ลงมือตักข้าวในจานกินอย่างเอร็ดอร่อย
ที่ลานกว้าง เด็กหลายคนวิ่งเล่นไล่จับ ดีแลนกวาดตามองหายัยตัวยุ่ง เขาไม่เห็นหล่อนมาพักใหญ่ๆ ไม่รู้ว่าอบเชยแอบหลบไปตอนไหน ชายหนุ่มจิปากเบาๆ
“แม่ ผมไปห้องน้ำนะครับ” เขากระซิบบอกมารดา เดินห่างจากกลุ่มของท่านมาเพื่อมองหาอบเชยนั่นเอง
ดีแลนไม่คิดว่าอบเชยจะมาหลบกินอาหารเหลือๆ อยู่ใต้ต้นไม้ เขามองท่าทางของหล่อนด้วยความเอ็นดู หญิงสาวติดดิน มีกริยาอ่อนโยน รอยยิ้มของอบเชยผสมความจริงใจ หล่อนเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ไม่เคยรังเกียจเด็กๆ ด้อยโอกาส อบเชยคลุกคลีกับเด็กเหล่านั้นแบบไม่ถือตัว
ที่หล่อนตามมาด้วยเพราะความชอบ ไม่ใช่การประจบสอพลอเหมือนที่สาวๆ คนอื่นพยายามทำ
ดีแลนเบื่อหน้ากาก ดังนั้นเมื่ออยู่ใกล้ๆ อบเชยเขาเลยสบายใจ
ปัญหาข้อเดียวของการมีอบเชยอยู่ใกล้ๆ คือเขาอยากปล้ำหล่อนทุกนาที อยากจับหล่อนกดบนเตียงแล้วระเบิดความปรารถนาออกมา เห้อ!!
“น่าอร่อยนะ” ดีแลนเปรย เขาเดินมาทิ้งตัวนั่งข้างๆ
อบเชยกระถดตัวหนี เป็นปฏกิริยาตอบโต้แบบอัตโนมัติ “คุณดี!”
“ตอนที่เขากินกัน ทำไมไม่กินล่ะ” อาหารเที่ยงเพิ่งจบลงไปหมาดๆ อบเชยคงยุ่งเลยไม่ได้กินพร้อมคนอื่น
หญิงสาวยิ้มแหยๆ ให้ เธอมัวดูแลเด็กเล็ก เลยไม่ได้ร่วมรับประทานอาหารมื้อนั้น พอเสร็จจากการดูแลเด็ก ก็วุ่นวายกับการเก็บล้างจานชาม...มันจึงเป็นที่มาให้เธอมานั่งกินข้าวอยู่ตรงนี้
“มาชิมหน่อยสิ...ฉันว่า นี่น่าจะอร่อยกว่า” ดีแลนชี้นิ้วไปที่ข้าวในจานอบเชย
หญิงสาวส่ายหน้า “อย่าเลยค่ะ ไม่อร่อยหรอก” เธอรีบปฏิเสธ
“อย่าตัดสินใจแทนฉันสิ ฉันจะพิสูจน์เอง” ดีแลนเอื้อมมือจับจานข้าวอบเชยไว้ เขาออกแรงดึงเบาๆ หญิงสาวก็จำใจปล่อยจานนั้นมาอยู่ในมือของเขาแทน อบเชยอ้าปากพะงาบๆ เมื่อดีแลนใช้ช้อนของเธอตักข้าวราดแกงเละๆ ใส่ปาก เขาเคี้ยวหงับๆ ท่าทางเหมือนกำลังดื่มด่ำกับอาหารทิพย์ “อร่อยดีนี่ น้ำแกงก้นหม้อรสดีจะตาย” เขาชมไม่ขาดปากสลับกับตักข้าวใส่ปากตัวเอง
“อ้าปาก” เสียงสั่งของดีแลน อบเชยเลยเผลอทำตาม มันเป็นกลไกอัตโนมัติของระบบในร่างกายตัวเอง
ข้าวพูนช้อน ดีแลนป้อนใส่ปากอบเชย เขาใช้ฝ่ามือรองใต้คางเธอ และเมื่ออบเชยทำท่าจะหนี ฝ่ามือนั่นก็กดฉับ ปากเธอเลยหุบลง อบเชยเลยได้กินข้าว ร่วมช้อนกับดีแลนไปโดยปริยาย
“เชยทานเองได้ค่ะ” อบเชยแย้งเสียงอู้อี้ ข้าวยังอยู่เต็มปาก เธอก็โดนสะกิดอีกแล้ว
“เคี้ยวให้เร็วๆ สิ กินเหมือนเคี้ยวเอื้อง” ดีแลนบ่น อบเชยกินข้าวช้า เขากินไปสองคำ หล่อนยังเคี้ยวข้าวคำแรกไม่หมดเลย
“ก็มันเยอะ ไม่เคี้ยวให้ละเอียดเดี๋ยวท้องผูก” หญิงสาวเถียงเสียงอู้อี้ ก้มหน้าหลบสายตาคมดุเป็นพัลวัน
“เชอะ! เด็กอนามัย” ดีแลนพูดประชด
“เชยไม่เด็กแล้วค่ะ เชยโตแล้ว” เสียงเล็กๆ เถียงกลับมาทันควัน
ดีแลนยิ้มตาพราว เขาโน้มตัวมาใกล้ๆ สายตามองอยู่แถวๆ เนินอกอบเชย “ใช่โตแล้ว โตมากด้วย”
มือเรียวเล็กยกขึ้นปิดเหนือเนินอก เธอไม่ได้อุปทาน ดีแลนมองเธอด้วยสายตาเปลี่ยนไป แววตาของเขาไม่มีแววขึ้งโกรธ มันมีแววหวาน จนจังหวะหัวใจของเธอทำงานเพี้ยน
บทนำ ดีแลนถอนหายใจแรงๆ รีบเดินเข้าไปในคลับชั้นสูง สถานที่นัดหมายเพื่อเจรจาธุรกิจ และคู่ค้าของเขา เลือกสถานที่แห่งนี้สำหรับการเจรจา รอยยิ้มเย็นชาประทับอยู่บนมุมปากได้รูป ตลอดทางที่เดินเข้าไปด้านในบรรยากาศเหมือนเดิม คลับไหนๆ ก็เหมือนกันหมด เป็นแหล่งที่คนรุ่นใหม่ใช้เป็นที่ปลดปล่อย หาความสนุกใส่ตัวเอง แตกต่างที่เฟอร์นิเจอร์และการตบแต่ง ที่เหมือนกันจนแยกไม่ออก ทุกๆ คลับจะต้องมีผู้หญิงสาว สวยไว้คอยให้บริการ สำหรับสกายล์ฮอลล์ แห่งนี้ ตัวเจ้าของคือณรงค์ ดีแลนรู้จักเป็นอย่างดี เมื่อสองหนุ่มเรียนมาด้วยกัน ตั้งแต่ประถม จนถึงระดับวิทยาลัย’ มีผู้หญิงสาวสวยหลายคนพยายามส่งสายตาให้ จนดีแลนเริ่มรำคาญ “Hi!” มีใครบางคนโบกมือเรียก ชายผู้นั้นลุกขึ้นยืนและส่งเสียงทัก ดีแลนเพ่งมอง เขาส่งยิ้มให้ เมื่อคนคนนั้นคือคู่ค้าคนสำคัญของเขานั่นเอง อดัม เทียร่า นักธุรกิจลุกครึ่งจีน-โปรตุเกต ชายผู้นี้กำลังสนใจ และอยากร่วมทุนในโครงการใหม่เอี่ยมของ หวังเทียนกรุป เกี่ยวกับโครงการพัฒนาพลังงานทางเลือกใหม่ ชายหนุ่มโบกมือรับ เขามองฝ่าความมืด เพื่อหาทางเดินไปยังโต๊ะ VIP
บทที่1.อบเชยหนุ่มลูกครึ่งไทย-จีน ทะลึ่งพรวด!! เขาทรงตัวยืนเต็มความสูง จ้องหน้าโคโยตี้สาวคนหนึ่งที่คลับแห่งนี้ส่งมาบริการ 1ใน3 คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขารู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี หล่อนชื่อ อบเชย น้ำทองเด็กสาวที่อยู่บ้านติดกัน รั้วบ้านหล่อนติดกันกับรั้วเขา เพียงแต่...บ้านของหล่อนไม่ได้ร่ำรวยเหมือนบ้านเขา แถมหล่อนเพิ่งจะมีอายุแค่สิบเก้าปี “ยัยเชย เธอมาทำอะไรที่นี่!” ดีแลนตะคอกเสียงขุ่น จ้องมองเด็กสาวตรงหน้าตาถลน อบเชยขยุ้มมือกำชายขากางเกงแน่น ห่อตัวจนแทบจะขดเป็นก้อนกลมๆ เธอไม่อยากจะเชื่อโลกจะกลมถึงขนาดนี้? ทำไมน้อ?...ทำไมถึงให้เธอมาเจอกับคนที่ตนเองแอบชอบ ตั้งแต่การเริ่มทำงานครั้งแรก ในตำแหน่งโคโยตี้ “รู้จักกันด้วยรึ?” อดัมถามเสียงสนเท่ห์ หรี่ตามองดีแลนสลับกับสาวน้อยสุดเอ็กซ์ ที่ยืนก้มหน้างุดตรงหน้า ดีแลนยกมือขึ้นเสยผม ทรงผมเรียบกริบแตกไม่เป็นทรง เนื่องจากตอนนี้เขาแทบจะควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่อยู่ ผิวแก้มร้อนฉ่า และใกล้จะระเบิดเต็มทนชายหนุ่มโกรธลมออกหู แก้วหูลั่นวิ้งๆ เขาเจอคนที่ไม่ควรเจอในสถานที่อโคจรแห่งนี้ได้อย่างไร?ตอนที่มาเจรจาการค้
ฝันว่าวันหนึ่ง เจ้าชายบนปราสาทหลังนั้น จะทอดสายตามาที่ตนเองบ้าง และมันก็เป็นแค่ความฝัน เพราะยิ่งนานวัน...ระยะห่างของเธอกับดีแลน ก็ยิ่งห่างกันไปทุกทีๆ เธอได้แต่แอบมอง ได้เห็นเขาเพียงผ่านๆ กำแพงสูงชันนั่นไม่ใช่อุปสรรคหรอก แต่ความจริงต่างหากล่ะ ที่ทำให้เธอต้องเจียมตน เขาคือเจ้าชาย และเธอคือเศษฝุ่นที่ปลิวอยู่รอบกายเขา สัมผัสได้ แต่เป็นเจ้าของไม่ได้ “อะไรดลใจให้เธอมาทำงานที่นี่หะ ยัยเชย!” เสียงแหบห้าวของดีแลนดึงเธอออกมาจากความคิดวกวน อบเชยเงยหน้ามอง เธอกะพริบเปลือกตาปริบๆ จ้องมองดีแลนเหมือนกำลังละเมอ มือแข็งแรงเอื้อมมาจับบ่า และหากอบเชยมีสติ เธอจะเห็นว่า...ดีแลนสะดุ้ง! เขาชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะแผดเสียงดังลั่น “ฉันถามไม่ได้ยินหรือไงยัยเด็กบ้า!!” “เชยได้ยินแล้วค่ะ พูดเบาๆ ก็ได้ คุณดีตะโกนจนเชยหูจะแตก” หญิงสาวบ่นอุบ ก้มหน้าหลบตาเขาเหมือนเดิม เมื่อสายตาของดีแลนเหมือนมีเปลวไฟแลบออกมา และไฟนั่นแทบจะเผาเธอจนมอดไหม้ ดีแลนปล่อยมือ เขาชำเรืองมองอบเชย และยังยืนหันข้างให้เธอเสียด้วย เสียงถอนลมหายใจแรงๆ ดังจนอบเชยแ
เปลือกตาของดีแลนหลุบลง เขายังไม่พร้อมที่จะมองไปรอบตัว เขากลัวว่าความโกรธของตนเองจะกลับมาอีก หากเขาเห็นอบเชยตอนนี้ อดัมไหวไหล่ “คุณรู้จักกับเธอ” “อืม” ดีแลนครางตอบ ก่อนจะรีบลืมตาขึ้นเมื่อ… “เธอสวยดีนะ ผมคิดว่าเธอคงจะฮอตแน่!!” เสียงเป่าปาก เสียงโห่ฮาของบรรดาผู้ชายวัยฉกรรจ์ดังขึ้นรอบตัว ดีแลนปรือตาขึ้น เขามองหน้าอดัม ก่อนจะมองตามปลายนิ้วที่ชี้ไปบนเวที ตูม บรึ้ม! อารมณ์ที่คงที่ของดีแลนพุ่งสูงลิบ ผิวแก้มของเขาร้อนฉ่า เมื่อมองเห็นอบเชยบนเวทียกสูง ชุดที่หล่อนใส่ก็ยังเป็นชุดเดิม ชุดที่ดีแลนแค่นว่ามันไม่ต่างอะไรกับเศษผ้า แถมตอนนี้...อบเชยกำลังเต้น ลีลาของหล่อนดีแลนได้แต่อ้าปากค้าง ดีแลนไม่เคยรู้ อบเชยมีพื้นฐานเรื่องการเต้น หล่อนไปเรียนมาจากไหน ลีลาหล่อนไม่เบาเลยกับการโยกย้าย ส่ายเอวยั่วสายตาผู้ชาย และผู้ชายที่กำลังยืนมองอยู่ชื่นชอบ เมื่อแต่ละคนที่ยืนแหงนหน้ามอง พากันโห่ร้องแทบทั้งนั้น นี่อบเชยไปหัดเต้นท่าทางแบบนั้นมาจากไหนวะ?!! ดีแลนควานหาแก้วบรั่นดีมาดื่มแก้กระหาย เขาอ้าปากค้างนานเกินไปจนคอแห้ง ชายหนุ่มดื่มรวดเดีย
บทที่2.One night stand น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลออกมาจากหางตา อบเชยยกหลังมือขึ้นปาดทิ้ง เธอรีบเก็บของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าเมื่อเวลางานสิ้นสุดลง หากมัวชักช้าเธอจะไม่ทันรถเมล์เที่ยวสุดท้าย และหากเป็นเช่นนั้น ค่าแรงวันนี้คงไม่มีเหลือเก็บ เพราะอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ตอนดึกๆ เช่นนี้ แพงจนค่าแรงเธอแทบไม่เหลือ ลิปสติกแท่งเดียวที่เหลือบนโต๊ะถูกโยนลงกระเป๋า อบเชยฉวยเสื้อคลุมตัวใหญ่มาคลุมไหล่ กำลังจะเดินออกจากห้อง ใครบางคนก็ดันประตูให้เปิดเข้ามาเสียก่อน “หนูอบ...อยู่พอดี ช่วยพี่หน่อยสิ” ฉุน บริกรคนนั้นนั่นเอง มันซุ่มรอจังหวะที่ปลอดคน และรีบเข้ามาหาอบเชย ก่อนที่เจ้าหล่อนจะกลับบ้านไปเสียก่อน อบเชยขมวดคิ้ว...เธอคุ้นหน้า แต่ไม่ได้สนิทด้วย เธอเพิ่งมาทำงานวันแรก ยังไม่รู้จักคนมาก และยังไม่อยากสร้างความรู้สึกไม่ดีกับเพื่อนร่วมงาน “ช่วยทำอะไรเหรอพี่ เชยต้องรีบไปก่อนที่รถจะหมดค่ะ” คนรอบตัวเรียกอบเชยว่า ‘หนูอบ’ ชื่อตามที่เธอแนะนำ มีคนเดียวเท่านั้นที่เรียกเธอว่า ‘เชย’ และเขาคือดีแลน “ผู้ชายคนนั้นหน่ะ คนที่หนูอบเข้าไปคุยด้วย” ฉุนรีบอธิบาย
มันเหมือนไฟฟ้าในห้องดับพรึ่บลง!! เหมือนเวลาทั้งโลกหยุดหมุนลงชั่วขณะ อบเชยนอนตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโต จ้องมองผู้ชายที่อุกอาจถึงขนาดปล้นจูบแรกของเธอไปแบบไม่ให้ตั้งตัว เรียวปากสีเข้มทาบทับลงมาแรงๆ เขาเอียงหน้า พยายามบดแยกให้อบเชยยอมเผยอปากตอบรับ กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึกโชยเข้าจมูกเธอ ดีแลนคงดื่มหนัก จนทำให้เขาขาดสติ จนกระทั่งเขาเผลอตัวมาจูบกับคนแบบเธอ อบเชยพยายามขัดขืน แต่เมื่อนึกได้ คนเมามักจะจำไม่ได้ตอนที่สร่างเมาแล้ว จูบ...ที่ตนเองได้แต่ฝันและแอบมโนเอาเองยามเหงาตามประสาสาวชั่งฝัน มันห่างไกลเหลือเกินกับที่รู้มา บทบรรยายในหนังสือนวนิยายที่เคยอ่าน บรรยายเสียจนอบเชยเคลิ้มฝัน แต่เมื่อตนเองมีบทเรียนแรกเกี่ยวกับจูบ แถมยังเป็นจูบกับคนที่แอบเก็บไว้ในใจ มันไม่เหมือนที่ฝันไว้จนอบเชยแอบผิดหวังนิดๆ คนเมาที่ครองสติไม่อยู่ แถมซ้ำฤทธิ์ยายังบีบบังคับให้ยอมเผยความปรารถนาลึกๆ ในใจออกมา กลีบปากนุ่มนิ่มที่ดีแลนเวียนดูดซับความหวานอยู่นี่ หวานล้ำยิ่งกว่าความหวานของทุกสิ่งบนโลก ขนาดน้ำผึ้งรวงเดือนห้าที่ว่าหวานยังไม่เท่า ดีแลนตะปี้ตะบันจูบ...เขาเถลปากไปทั่ว และเมื่อเถลเลยไปยังซอกคอ ริ
บทที่3.มันเป็นแค่ความฝันอย่างนั้นเหรอ? อบเชยนอนนิ่งๆ หลังพายุพิศวาสสงบลง เธอนอนฟังเสียงลมหายใจของดีแลน จนแน่ใจว่าคนข้างตัวหลับสนิทไปแล้ว อบเชยค่อยๆ ดันแขนของดีแลนที่พาดอยู่บนเอวของตนเองออกไป เธอรีบสอดหมอนใบใหญ่แทนที่เรือนกายของเธอ เพราะคนตัวใหญ่ที่หลับสนิททำท่าฮึดฮัด จนกระทั่งได้กอดหมอนนุ่มๆ นั่น เขารั้งไปกอดกกไว้แนบอก ดีแลนจึงมีที่ท่าสงบลง หญิงสาวพลิกตัวหนี ทิ้งตัวลงด้านข้างเตียง พลั่ก! แม้พื้นจะปูด้วยพรมเนื้อหนาฟู แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวอบเชยมีแค่เนื้อแท้ปราศจากเสื้อผ้าหรืออาภรณ์ชิ้นอื่น อบเชยเจ็บจนน้ำตาแทบร่วง เมื่อสะโพกกลมกลึงกระแทกกับพื้นแรงๆ เธอรีบยกมือตะปบปาก กลั้นเสียงร้องไว้แค่ในลำคอ เพราะกลัวว่าเสียงของตนเองจะทำให้ดีแลนรู้สึกตัว อบเชยข่มความเจ็บ ข่มความอาย เธอควานหาเสื้อผ้าของตนเองจนเจอ หญิงสาวรีบสวมเสื้อผ้าลวกๆ แอบสูดปากเบาๆ เมื่อร่างกายขยับไปมา ความเจ็บจากกึ่งกลางร่างกายก็กระตุ้นเตือน น้ำตาเม็ดเล็กๆ ไหลริน จนอบเชยต้องรีบใช้หลังมือปาดคราบน้ำตาทิ้ง เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เธอมานั่งเสียใจ ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่เสี
สองขาพาเดินเข้าไปในห้องน้ำ เขากดโทรศัพท์พลางหย่อนตัวแช่ลงในอ่าง “ซี๊ดดดด!” ทรงพลแบนโทรศัพท์ส่วนตัวออกห่าง เขาได้ยินเสียงแปลกๆ ซึ่งไม่น่าเกิดขึ้น เมื่อคนที่โทรศัพท์มาหาเขา คือเจ้านายจอมเคร่งครัด ดีแลนสะดุ้ง เมื่อหย่อนตัวลงน้ำ ความเจ็บแสบพุ่งเข้าใส่ จนต้องกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน กระจกบานใหญ่เหนืออ่างล้างหน้าเฉลยให้ดีแลนรู้ รอยข่วนยาวๆ กลางหลัง นั่นคือสาเหตุที่เขาแสบ แผลสดๆ เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ดีแลนขมวดคิ้ว เขาไม่ได้เขลาจนไม่รู้ รอยที่เกิดขึ้นบนแผ่นหลังของเขาเกิดขึ้นได้อย่างไร ดีแลนกะพริบเปลือกตาปริบๆ เขาไม่อยากเดา ชายหนุ่มก้มหน้าลงมอง อวัยวะเบื้องล่าง เขาเกือบล้มหัวขมำ เพราะคิดอะไรบางอย่างได้ “เจ้านายครับ เจ้านายครับ!!” เสียงใครบางคนตะโกนเรียก ดีแลนลดตัวลงนั่ง ส่งเสียงแหบแห้งตอบคนปลายสายไป “มีอะไรรึทรงพล?” เมื่อเจ้านายถามแบบนั้น ลูกน้องที่ดีจะตอบอะไรได้นอกจาก “เปล่าครับ ผมเห็นเจ้านายเงียบ เลยถามกลับไปแค่นั้นครับ” “ฉันคงไม่เข้าบริษัทนะ...วันนี้” ดีแลนกรอกเสียงบอก เขาจ้องหน้าขาตัวเอง เหมือนมีอะไรบางอย่าง