“ฉันอยากดื่มเบียร์” ดีแลนเปรยลอยๆ วันนี้เขาอารมณ์ดี ครึ้มอกครึ้มใจ จนอยากดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ปนสักหน่อย
“งั้นเป็นกับแกล้มนะคะ จะได้ไม่เลี่ยน” แสงสว่างตรงปลายอุโมงค์ สว่างวาบขึ้นมา ข้อสรุปที่ลงตัวสำหรับอาหารมื้อเย็นที่น่าปวดหัวครั้งนี้
อบเชยกับดีแลนไม่รู้ว่าระหว่างที่เขาและเธอถกเถียงกัน มีสายตาจากคนรอบตัวหลายคู่มองตาม นึกชมชอบกับความน่ารักของคนทั้งคู่ เหมือนสามี ภรรยาป้ายแดงมาจ่ายกับข้าวมื้อแรกด้วยกัน หลังวันวิวาห์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป มันเป็นบรรยากาศแสนหวาน ที่คู่รักแสดงออกต่อกัน คนหนึ่งเง้างอน อีกคนก็ตามง้อ แม้ท่าทางจะแข็งกระด้างของฝ่ายชายจะเห็นชัดเจน แต่นั่นคือที่สุดแล้ว สำหรับการที่ผู้ชายที่มีลักษณะเป็นผู้นำจะยอมลงให้คนที่อ่อนแอกว่า หลายคนอมยิ้ม และอีกหลายคนเหมือนกันที่เกิดความอิจฉา
ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ ท่าทางแสนธรรมดาคนนั้น หล่อนทำบุญด้วยอะไรนะ?
&n
บทที่9.ภาพลวงตาวันนี้อบเชยแปลกใจกับกริยาของคนข้างตัวหลายอย่าง มันคงแปลกๆ ตั้งแต่กลับจากบ้านเด็กกำพร้าครั้งนั้นแล้ว ดีแลนไม่ได้ดุดันเหมือนทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากัน ถึงแม้บางครั้งท่าทางของเขา ยังคงไว้ซึ่งความแข็งกระด้าง แต่ที่เห็นชัดๆ คือแววตา ไม่มีสายตาชิงชังเหมือนเมื่อก่อน อบเชยโล่งใจ เธอหายใจคล่องขึ้น แม้จะอึดอัดทำตัวไม่ถูก แต่นี่เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับตนเอง ดีแลนช่วยหิ้วถุงของใช้เข้ามาวางในครัว เขาเดินเลยขึ้นไปชั้นบน โดยไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ปล่อยให้อบเชยสาละวนกับงานของหล่อน เขาเปิดโอกาสให้หญิงสาวแสดงฝีมือเต็มที่ โดยไม่มีลูกมือเป็นคนหน้าตาดีคอยกวน ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาอยากจิบเบียร์เย็นๆ แต่เบียร์พวกนั้นเพิ่งจะยัดเก็บไว้ในช่องพรีซ มันคงยังเย็นไม่พอ ดีแลนไม่ชอบเบียร์ที่ต้องใช้น้ำแข็งช่วย รสชาติมันจะเปลี่ยนไป เขาเลยเปลี่ยนใจ นอนแช่น้ำอุ่นๆ ในอ่างแทน 
ดีแลนตกใจ เมื่อเขาเดินเลยเข้ามาในครัว อบเชยยืนนิ่ง หล่อนเหมือนกำลังใจลอย แต่ที่เขาสังเกตเห็น ใบหน้าของหล่อนนองไปด้วยน้ำตา “เชย...เป็นอะไร?” ดีแลนถามเสียงแหบ อบเชยสะดุ้ง เธอรีบยกหลังมือปาดคราบน้ำตา “ปะ เปล่าค่ะ” เสียงปฏิเสธสั่นพร่า แต่เงาน้ำตายังไม่ถอยหนี แรงสะอื้นนั้น ยังทำให้หัวไหล่ของเธอสั่นสะท้าน “ฉันไม่ชอบคนโกหก!” ดีแลนไม่ตั้งใจดุ มันเป็นความเคยชิน ผลที่ได้ อบเชยสะอื้นหนักกว่าเก่า เธอถอยหลังหนี หนีไปหลบอยู่ข้างตู้เย็นหลังโต ซุกเงียบๆ อยู่ตรงนั้นและร้องไห้โฮ ดีแลนยกมือตบหน้าผาก “ไอ้ดี มึงพูดดีๆ ไม่เป็นหรือไงวะ” ชายหนุ่มกระซิบดุตนเอง เขาต้องการปลอบ ไม่ได้ต้องการซ้ำให้อบเชยเสียใจหนักขึ้น
บทที่10.เปลือยหัวใจเทียนเปิดร้านขายขนมตอนเช้า เวลาเดิมทุกๆ วัน หน้าร้านของนางเป็นทางผ่าน มีป้ายรถเมล์อยู่เยื้องๆ ไม่ไกลนัก ลูกค้าของเทียนส่วนใหญ่คือพนักงานบริษัทที่ไม่มีเวลาสำหรับการทำมื้อเช้า คนส่วนใหญ่เลยใช้บริการร้านค้าข้างทาง มีร้านแบบเทียนตั้งขาย มีอาหารหลากหลายรูปแบบสำหรับให้คนทั่วไปได้เลือกซื้อเลือกชิม ขนมไทยจึงเป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับการใช้ทดแทนอาหารมื้อเช้า รสชาติอร่อยถูกปาก กินแกล้มกับกาแฟขมๆ เข้ากันเป็นอย่างดี ขนมหวานหลายอย่างที่ผู้บริโภคนิยม จึงขายดิบขายดี และยิ่งแม่ค้ามีฝีมือ มันจึงเป็นจุดขายได้อย่างชะงัด เรื่องฝีมือทำขนมรับประกันไม่ผิดหวัง ไม่อย่างนั้นร้านขนมของเทียนคงเปิดมาหลายปีแบบนี้ไม่ได้ อบเชยเติบโตมากับการทำขนม เธอชอบกิน และยังได้สืบต่อฝีมือจากมารดาด้วย เหมือนเช้าวันนี้ วันที่ไม่มีเรียนที่วิทยาลัย’ อบเชยเลยอยู่ช่วยมารดาข
“ยัยเชย...คิดอะไรอยู่?” เพราะมัวแต่คิดเรื่อยเปื่อย จึงเผลอตัวแสดงความคิดฟุ้งซ่านนั่นออกมาทางสีหน้า “ปะ เปล่าค่ะ” อบเชยรีบตอบ เสหลบตาดีแลน เมื่อเขามองมาที่ตนเอง “เธอโกหก เดี๋ยวนี้หัดพูดปดกับฉันหรือไงหะ?” ชายหนุ่มคาดคั้น สีหน้าอมทุกข์ของอบเชยทำให้เขาไม่สบายใจ “เปล่าจริงๆ ค่ะ เชยแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” อบเชยตอบไม่ได้ หากพูดความจริง ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น อาจจะกลับไปแย่เหมือนเก่า “ขอให้จริงเถอะ เธอน่ะ ชอบคิดอะไรล่วงหน้า กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง” ดีแลนเผลอตัวพูดเสียงแข็งเหมือนสมัยที่พยายามทำตัวให้อบเชยกลัว น้ำเสียงห้วนกระด้างที่หญิงสาวฟังจนชิน ไม่มีเส
สีหน้าปั้นยากของดีแลน อบเชยเกือบหัวเราะ คนอย่างดีแลน ไม่เคยมาขายของ เขาทำไม่เป็นหรอก “ได้สิ...” ดีแลนรับปาก สร้างความแปลกใจให้กับอบเชย แต่แล้วเธอก็รู้ เมื่อลูกค้าเดินเข้ามาซื้อขนม ผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนั้นจงใจหว่านเสน่ห์ใส่ลูกค้าสาวๆ เพื่อแกล้งเธอ เขายิ้มตาฉ่ำ ทำเอาลูกค้าสาวที่ยืนซื้อขนมทำท่าทางฝันละเมอ และมันเหมือนดีแลนมีพลังพิเศษ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เดินเข้ามา หลังดีแลนประจำที่เป็นพ่อค้าจำเป็น เป็นผู้หญิงทั้งหมด! อบเชยหงุดหงิด ใบหน้าเล็กๆ งอจนยืดไม่ออก เธอแอบบ่นดีแลนในใจ กว่าที่เธอจะทำให้เขายิ้ม หรือเขาจะยอมยิ้มให้ มันนับครั้งได้ แต่นี่อะไร? ที่เธอเห็น เขายิ้มเรี่ยราด ขยันยิ้มจนดูมากเกินไป สำหรับคนยิ้มยากอย่างดีแลน “เธอไม่ชอบให้ฉันยิ้มให้คนอื่นเหรอเชย?”
อบเชยไม่ได้ชี้แจง แต่ความกลัวนั่น ฝังรากลึกมาหลายปี ตั้งแต่ตอนที่ดีแลนแสดงความรังเกียจเธอออกนอกหน้า สายตาของเขาตวัดผ่าน อบเชยก็กลัวแทบฉี่ราด แม้จะแอบชอบ แต่การเผชิญหน้ากับดีแลนสมัยนั้น อบเชยขอเลี่ยงดีกว่า เธอแอบมองเขาห่างๆ ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มเขาบ้าง... ใบหน้าก้มต่ำ กับริมฝีปากที่เม้มสนิท ดีแลนผ่อนลมหายใจ เขาคงต้องลดท่าทีแข็งกระด้างลงบ้าง บางทีอะไรๆ อาจจะดีขึ้น “ฉันสัญญา ต่อไปนี้ฉันจะพยายามดีกับเชย” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ได้เอ่ยปากถาม แต่ดีแลนอ่านสายตาแววหวานคู่นั้นออก ในหน่วยตาของคนตัวเล็กตรงหน้า มีคำถามร้อยแปด เพียงแต่เธอไม่ได้ขยับปากพูด แต่ดีแลนแน่ใจ เขาแปลความหมายเหล่านั้นไม่ผิดแน่ “สมัยก่อน เธอยังเด็ก และฉันก็โตกว่า โตเสียจนฉันรู้สึกว่าระหว่างเรา ไม่ควรใ
บทที่11.ความทรงจำที่หายไป อดัมแวะมาหาในช่วงเวลาก่อนงานเลิก หลังเซ็นสัญญาตกลงเป็นคู่ค้ากันแล้ว คนของอดัมก็มาเรียนรู้งาน โดยที่หัวหอกหลักอย่างอดัมหายหน้าหายตาไปเลย ดีแลนยิ้มรับ ตอนที่ลูกค้าคนสำคัญโผล่มาก่อนที่เขาจะกลับบ้าน... “Hi สายัญสวัสดิ” อดัมทักแบบคนอารมณ์ดี หนุ่มลูกครึ่งโปรตุเกต-จีนทิ้งตัวนั่ง ยกมือคลึงข้างศีรษะ เพราะเพิ่งลงจากเครื่องบินมาหมาดๆ “คุณหายหน้าไปนานเลยนะครับ” ดีแลนกดอินเตอร์คอม สั่งให้เลขาฯ เตรียมน้ำมารับรองแขก เขาเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม บนเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง “พอดี...ผมไปเที่ยวมา” ทริปสุดสนุก หลังได้เจอะเจอคนรู้ใจ บรรยากาศ
อบเชยแต่งหน้าเค้กแบบง่ายๆ หลังปาดครีมสีขาวปิดทับเนื้อขนมปังจนหมด เธอราดด้านบนด้วยช็อคโกแลต ประดับด้วยช็อคโกแลตที่ตัดแต่งไว้ เป็นอันเสร็จกระบวนการ เค้กช็อคโกแลตแบบโลแฟต เนื่องจากดีแลนบ่น เขาต้องควบคุมน้ำหนักเมื่ออบเชยขุนเขาด้วยอาหารดีๆ ทุกวัน งานดีแลนกำลังยุ่ง เขาไม่มีเวลาออกกำลังกาย การละลายไขมันเลยต้องควบคุมด้วยปริมาณอาหารที่จำกัดแคลลอรี่แทน “เราเคยพบกันมาก่อนไหมครับ?” อดัมคิดในใจ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะโพล่งถามออกไปซึ่งๆ หน้า อบเชยส่ายหน้า เธอจำอดัมไม่ได้ “ไม่ค่ะ เชยเพิ่งพบคุณที่นี่ครั้งแรก” อบเชยไม่ได้พูดปด เธอจำอดัมไม่ได้จริงๆ “แปลกนะครับ ทำไมผมคุ้นหน้าคุณจังเลย” อดัมบ่น มันไม่ใช่มุขจีบสาว เขาคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้ เพียงแค่นึกไม่ออกว่าเคยเจอหล่อนที่ไหน “เชยหน้าโหลมั้งคะ...หน้ากลม ตาหยีๆ แบบนี้กำลังน
“คุณดีบ้า...ถ้ามีคนเห็น เชยคงถูกนินทายับ” ดีแลนเงยหน้าหัวเราะร่วน นั่นไม่ใช่คำปฏิเสธ มันหมายความว่า อบเชยยินยอมที่จะทำตามคำขอของเขา ชายหนุ่มเลยโน้มตัวเข้าไปใกล้ “เร็วๆ เชย กำลังปลอดคน...ไม่มีใครเห็นหรอก ฉันจะดูต้นทางให้เอง” อบเชยกลั้นใจกดปลายจมูกกับแก้มสากๆ ของคนตรงหน้า แต่คนที่รอจังหวะอยู่ เบี่ยงหน้า จนปากสีระเรื่อทาบลงบนปากสีเข้มแทน อบเชยผงะ เธอรีบเอนตัวออกห่าง แต่สายไปเสียแล้วสำหรับอบเชยและดีแลน เมื่อทั้งสองคนเงยหน้าขึ้นไปมอง เงาดำๆ ที่ทอดยาวบนพื้น ณ.จุดนั้น เดวิด ปรารถนา เทียน รวมทั้งน้อยยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น “ดีแลน!!&rd
ก่อนจะตัดสินใจถามตรงๆ “คุณดีรู้ใช่ไหมคะว่าคุณท่านเรียกแม่เชยไปพูดเรื่องอะไร?” ดีแลนพยักหน้ารับ เขาสอดมือไว้ในกระเป๋ากางเกง เลิกหัวคิ้วขึ้นสูง ลักษณะเหมือนต้องการท้าทายอบเชย ผู้หญิงตรงหน้าจะมีความสามรถมากพอที่จะง้างปากให้เขาพูดได้หรือไม่!!? อบเชยคิดเอง เธอเดาจากท่าทางของเขานั่นแหละ “คุณดีบอกเชยได้ไหมคะ?” น้ำเสียงอ้อนๆ แววตาเว้าวอน จนดีแลนแอบขำ “ได้!!” ชายหนุ่มตอบเสียงขึงขัง “ขอบคุณค่ะ” อบเชยยิ้มตาพราวแต่ก็ต้องชะงักหัวแทบขมำ ปลายนิ้วเรียวสวยแตะที่ข้างแก้ม เขากดย้ำไปมาหลายรอบ เหมือนต้องการสื่ออะไรบางอย่าง อบเชยกะพริบเปลือกตาปริบๆ เธอพยายามทำความเข้าใจผ่านการบอกเล่า
‘ชอบแบบนี้ ชอบที่เป็นแบบนี้ ชอบแววตาแบบนี้ ชอบรอยยิ้มแบบนี้ ก็ชอบคนนี้ โฮ้วววว จะเอาแบบนี้ จะเอาที่เป็นแบบนี้ จะเอาแววตาแบบนี้ จะเอารอยยิ้มแบบนี้ จะเอาคนนี้ ฮู้ววว ก็ชอบที่เป็นแบบเธอ’ จู่ๆ อบเชยก้ได้ยินเสียงเพลงดังเบาๆ เธอเงยหน้ามอง ผู้ชายตัวใหญ่กำลังฮัมเพลง เนื้อเพลงที่ฟังแล้วถึงกับสะท้านวูบในอก ‘เพียงแค่เธอยิ้มมา ใจมันสั่นยังไงไม่รู้ ทุกอย่างกลายเป็นสีชมพูทันใด เธอ โอเธอ เธอรู้ไหมใจฉันไหวหวั่น เวลาที่ได้ใกล้กัน หัวใจฉันแทบจะวาย ตอนที่เธอสบตา ฉันก็แทบจะเป็นบ้าตาย รู้ไหมใจฉันจะละลายแล้ว’ ดีแลนยิ้มเก๋ เขาซ้อมร้องเพลงนี้มานานหลายสัปดาห์ แค่ฟังครั้งแรกก็สะดุดหู มันช่างเหมือนกับชีวิตตนเองเหลือเกิน แรกสบตากับอบเชยเมื่อหลายสิบปีก่อน ความรู้สึกที่เกิดขึ้น เป็นแบบนี้เลย เสียงระเบิดตูมตามดังในใจ รอยยิ้มของเธอ ทำให้หัวใจเขาเต้นกระหน่ำ หัวใจเขาทำงานหนั
ตามธรรมดาปรารถนาจะแวะเวียนมาเยี่ยมเทียนที่ร้านขนมเป็นประจำ หลังจากนางใส่บาตรทำบุญเสร็จ แต่วันนี้คงเพราะฝนตก อากาศไม่เป็นใจ คุณท่านจึงเรียกมารดาของเธอเข้าไปพบแทน อบเชยไม่ได้สงสัย ไม่ได้ติดใจท่าทางร้อนรนของคนมาตามสักนิด คงเป็นเพราะหญิงสาวกำลังสนุกกับการปิ้งข้าวเหนียวปิ้ง ไอเดียใหม่ที่เพิ่งทดลองทำ “เชยสอบเสร็จหรือยัง?” คุยกันด้วยเรื่องมารดาของเธออยู่ดีๆ ดีแลนก็เปลี่ยนเรื่องขึ้นมาดื้อๆ เป็นคำถามเดิมที่ทำให้ดีแลนรู้สึกไม่พอใจตนเองด้วย อบเชยเลยรีบตอบ เธอกลัวว่าจะทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าไม่พอใจซ้ำอีกครั้ง “ยังเลยค่ะ เหลือสอบอีกสองวัน สามวิชา แล้วก็ส่งรายงานค่ะ” ดีแลนพยักหน้าหงึกหงัก เขารับห่อข้าวเหนียวที่อบเชยส่งให้มาแกะใบตองออก แล้วกินต่อ เมื่อตนเองได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้จนหมด&
“อืม...” ดีแลนทิ้งตัวนั่งที่เดิม อบเชยเลยจำใจต้องปล่อยแขนข้างที่จับเอาไว้ เธอรีบใช้ที่คีบ คีบข้าวเหนียวปิ้งที่เกือบไหม้ลงมาจากเตา“คุณดีโกรธอะไรเชยคะ บอกเชยตรงๆ ได้ไหมคะ เชยไม่ใช่เด็กแล้ว เชยยอมรับได้หากสิ่งที่เชยทำ ทำให้คุณดีไม่พอใจ”ดีแลนหรี่เปลือกตาลง เขาเม้มปาก ท่าทางเหมือนวัยรุ่นโดนผู้ใหญ่ขัดใจ“ฉันรู้ ว่าเชยโตแล้ว”หลังพูดจบ แววตาของดีแลนก็เต้นระริกอบเชยมองตามสายตาของคนตัวโต ที่คีบในมือแทบจะพลัดหลุด เพราะสายตาของเขามองสิ่งที่ ‘โต’ แล้วของเธอตาเป็นมัน “คุณดี!!”“ฮ่าๆ” ดีแลนหัวเราะร่วน เขายิ้มแฉ่งเมื่อโดนคนตัวเล็กสะบัดค้อนให้“ระวังคอเคล็ดนะเชย” ดีแลนกระเซ้าต่อ“คุณดีว่างขนาดมีเวลามาแหย่เชยเล่นเลยเหรอคะ”“เปล่า วันนี้ฉันมีธุระสำคัญ”ดีแลนตอบเสียงนุ่ม มุมปากมีรอยยิ้ม เมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนเองทำลงไปวันนี้‘แม่ครับ ผมอยากมีเมีย’ชายหนุ่มพูดโพล่งกับบิดา มารดา ระหว่างรั
แม่ค้าขนมยิ้มหวาน มองธนบัตรที่อัดเกือบเต็มกระป๋องใส่สตางค์ตาพราว “ข้าวเหนียวปิ้งขายดีจริ๊งๆ” เทียนสัพยอกบุตรสาว นางเก็บถาดใส่ขนมเตรียมนำไปล้าง “ต้องยกความดีความชอบให้แม่เลยค่ะ ข้าวเหนียวมูลของแม่คนแถวนี้รู้ดีว่าทั้งหอมทั้งมัน” อบเชยกล่าวชม มือเป็นระวิง เมื่อต้องคอยพลิกกลับห่อข้าวเหนียวปิ้งไม่ให้ใบตองไหม้ เทียนไม่ได้พูดต่อความ นางเดินไปหลังร้าน เพื่อล้างถาดขนมที่ใช้แล้ว ลูกค้าบางตา เทียนเลยวางใจให้อบเชยอยู่คนเดียว อีกทั้งห่อข้าวเหนียวที่รอปิ้งก็ใกล้หมดแล้ว “ว้าว...ไม่รู้ว่าวันนี้จะมีข้าวเหนียวปิ้งด้วย” น้อย คนสนิทของปรารถนาเดินผ่านและตามกลิ่นไหม้ของใบตองมา “ป้าน้อยลองชิมไหมคะ เ
“ฉันหนาว...” อบเชยอยากสลัดผ้าห่มออก แล้วลุกขึ้นจ้องหน้าเขา มนุษย์ขี้ร้อนอย่างดีแลน รู้สึกหนาวในห้องที่มีอุณหภูมิปกติ เธอไม่ได้เปิดแอร์อบเชยมั่นใจ เธอไม่ชอบนอนขดในห้องที่มีอากาศเย็นจัด ที่สำคัญ อบเชยชินแล้ว เธอกลัวต้องจายค่าไฟแพงๆ อะไรที่อดทนได้ เธอเลยไม่พยายามสร้างความเคยตัวให้กับตัวเอง แต่คนตัวใหญ่ข้างๆ เธอ เขาร่ำรวยมาก ขนหน้าแข้งไม่มีทางร่วง หากต้องจ่ายค่าไฟที่มีจำนวนเลขห้าหลัก “คุณดีโกหก” หญิงสาวกล่าวแดกดัน เป็นไปไม่ได้เลยที่ดีแลนจะหนาว นอกจากเขาสำออย “ฉันจะโกหกเชยทำไมล่ะ เชยดูสิ หนาวจนขนลุกเลย” ดีแลนสอดแขนผ่านโปงผ้า เขาขนลุกจริงๆ แต่ไม่เพราะหนาว แต่เพราะอะไรนั่นอบเชยน่าจะรู้ดี เธอถึงได้พยายามสุดชีวิตที่จะยึดผ้าห่มไว้กับตัวให้นานที่สุด ไอร้
“ไม่จริงอะ คุณดีเกลียดเชยจะตาย เชยเข้าใกล้คุณดีทีไรเชยถูกไล่ตะเพิดทุกที” อบเชยแย้ง ความทรงจำของเธอ มีแต่สีหน้าตึงๆ กับคำพูดหยาบคายที่ทำให้เธอขยาดการเข้าไปอยู่ในรัศมีสายตาของเขา “หากไม่กันเชยออกห่าง ฉันคงติดคุกไปแล้ว” ดีแลนสารภาพ เขาคิดมิดีมิร้ายกับคนตรงหน้า ตั้งแต่หล่อนยังมีคำนำหน้าว่าเด็กหญิง “จริงอะ” “จริงเส้!” ท่าทางไม่เชื่อของอบเชยทำเอาดีแลนชักฉุน “คุณดีมีสาวในสต็อกเยอะจะตาย มาสนใจอะไรกับเด็กอย่างเชย” ถึงดีแลนช่วงนี้จะปฏิบัติตัวกับเธอดีขึ้น แต่ความทรงจำในอดีตก็ยังทำให้อบเชยอดระแวงไม่ได้ “
หญิงสาวรีบตอบ นั่นเป็นข้อห้ามที่ปรารถนาย้ำแล้วย้ำอีก แม้อบเชยจะสงสัย แต่เธอก็ไม่เคยย่างกลายเข้าไปในห้องนอนของเขา เพราะประตูห้องมันล็อกอยู่ตลอดเวลานั่นเอง “อยากเห็นไหมล่ะ?” ดีแลนถามเสียงปร่า อบเชยส่ายหน้าแรงๆ “อยากเข้าไปดูไหม?” ดีแลนถามย้ำ...แต่ก็เหมือนเดิม อบเชยส่ายหน้าแรงขึ้นกว่าเก่าเสียอีก เขตหวงห้ามตอนที่ดีแลนคิดอะไรแปลกๆ อยู่ในหัวแถมบ้านทั้งหลังมีแค่เธอกับเขา หากไม่อยากพลาดซ้ำ อบเชยควรอยู่ห่างๆ เขาไว้ก่อน “แต่ฉันอยากให้เชยเห็นนี่” ชายหนุ่มพูดหน้าตาย ก่อนจะร