บทที่10.เปลือยหัวใจ
เทียนเปิดร้านขายขนมตอนเช้า เวลาเดิมทุกๆ วัน หน้าร้านของนางเป็นทางผ่าน มีป้ายรถเมล์อยู่เยื้องๆ ไม่ไกลนัก ลูกค้าของเทียนส่วนใหญ่คือพนักงานบริษัทที่ไม่มีเวลาสำหรับการทำมื้อเช้า คนส่วนใหญ่เลยใช้บริการร้านค้าข้างทาง มีร้านแบบเทียนตั้งขาย มีอาหารหลากหลายรูปแบบสำหรับให้คนทั่วไปได้เลือกซื้อเลือกชิม
ขนมไทยจึงเป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับการใช้ทดแทนอาหารมื้อเช้า รสชาติอร่อยถูกปาก กินแกล้มกับกาแฟขมๆ เข้ากันเป็นอย่างดี ขนมหวานหลายอย่างที่ผู้บริโภคนิยม จึงขายดิบขายดี และยิ่งแม่ค้ามีฝีมือ มันจึงเป็นจุดขายได้อย่างชะงัด
เรื่องฝีมือทำขนมรับประกันไม่ผิดหวัง ไม่อย่างนั้นร้านขนมของเทียนคงเปิดมาหลายปีแบบนี้ไม่ได้ อบเชยเติบโตมากับการทำขนม เธอชอบกิน และยังได้สืบต่อฝีมือจากมารดาด้วย
เหมือนเช้าวันนี้ วันที่ไม่มีเรียนที่วิทยาลัย’ อบเชยเลยอยู่ช่วยมารดาข
“ยัยเชย...คิดอะไรอยู่?” เพราะมัวแต่คิดเรื่อยเปื่อย จึงเผลอตัวแสดงความคิดฟุ้งซ่านนั่นออกมาทางสีหน้า “ปะ เปล่าค่ะ” อบเชยรีบตอบ เสหลบตาดีแลน เมื่อเขามองมาที่ตนเอง “เธอโกหก เดี๋ยวนี้หัดพูดปดกับฉันหรือไงหะ?” ชายหนุ่มคาดคั้น สีหน้าอมทุกข์ของอบเชยทำให้เขาไม่สบายใจ “เปล่าจริงๆ ค่ะ เชยแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” อบเชยตอบไม่ได้ หากพูดความจริง ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น อาจจะกลับไปแย่เหมือนเก่า “ขอให้จริงเถอะ เธอน่ะ ชอบคิดอะไรล่วงหน้า กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง” ดีแลนเผลอตัวพูดเสียงแข็งเหมือนสมัยที่พยายามทำตัวให้อบเชยกลัว น้ำเสียงห้วนกระด้างที่หญิงสาวฟังจนชิน ไม่มีเส
สีหน้าปั้นยากของดีแลน อบเชยเกือบหัวเราะ คนอย่างดีแลน ไม่เคยมาขายของ เขาทำไม่เป็นหรอก “ได้สิ...” ดีแลนรับปาก สร้างความแปลกใจให้กับอบเชย แต่แล้วเธอก็รู้ เมื่อลูกค้าเดินเข้ามาซื้อขนม ผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนั้นจงใจหว่านเสน่ห์ใส่ลูกค้าสาวๆ เพื่อแกล้งเธอ เขายิ้มตาฉ่ำ ทำเอาลูกค้าสาวที่ยืนซื้อขนมทำท่าทางฝันละเมอ และมันเหมือนดีแลนมีพลังพิเศษ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เดินเข้ามา หลังดีแลนประจำที่เป็นพ่อค้าจำเป็น เป็นผู้หญิงทั้งหมด! อบเชยหงุดหงิด ใบหน้าเล็กๆ งอจนยืดไม่ออก เธอแอบบ่นดีแลนในใจ กว่าที่เธอจะทำให้เขายิ้ม หรือเขาจะยอมยิ้มให้ มันนับครั้งได้ แต่นี่อะไร? ที่เธอเห็น เขายิ้มเรี่ยราด ขยันยิ้มจนดูมากเกินไป สำหรับคนยิ้มยากอย่างดีแลน “เธอไม่ชอบให้ฉันยิ้มให้คนอื่นเหรอเชย?”
อบเชยไม่ได้ชี้แจง แต่ความกลัวนั่น ฝังรากลึกมาหลายปี ตั้งแต่ตอนที่ดีแลนแสดงความรังเกียจเธอออกนอกหน้า สายตาของเขาตวัดผ่าน อบเชยก็กลัวแทบฉี่ราด แม้จะแอบชอบ แต่การเผชิญหน้ากับดีแลนสมัยนั้น อบเชยขอเลี่ยงดีกว่า เธอแอบมองเขาห่างๆ ขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มเขาบ้าง... ใบหน้าก้มต่ำ กับริมฝีปากที่เม้มสนิท ดีแลนผ่อนลมหายใจ เขาคงต้องลดท่าทีแข็งกระด้างลงบ้าง บางทีอะไรๆ อาจจะดีขึ้น “ฉันสัญญา ต่อไปนี้ฉันจะพยายามดีกับเชย” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ได้เอ่ยปากถาม แต่ดีแลนอ่านสายตาแววหวานคู่นั้นออก ในหน่วยตาของคนตัวเล็กตรงหน้า มีคำถามร้อยแปด เพียงแต่เธอไม่ได้ขยับปากพูด แต่ดีแลนแน่ใจ เขาแปลความหมายเหล่านั้นไม่ผิดแน่ “สมัยก่อน เธอยังเด็ก และฉันก็โตกว่า โตเสียจนฉันรู้สึกว่าระหว่างเรา ไม่ควรใ
บทที่11.ความทรงจำที่หายไป อดัมแวะมาหาในช่วงเวลาก่อนงานเลิก หลังเซ็นสัญญาตกลงเป็นคู่ค้ากันแล้ว คนของอดัมก็มาเรียนรู้งาน โดยที่หัวหอกหลักอย่างอดัมหายหน้าหายตาไปเลย ดีแลนยิ้มรับ ตอนที่ลูกค้าคนสำคัญโผล่มาก่อนที่เขาจะกลับบ้าน... “Hi สายัญสวัสดิ” อดัมทักแบบคนอารมณ์ดี หนุ่มลูกครึ่งโปรตุเกต-จีนทิ้งตัวนั่ง ยกมือคลึงข้างศีรษะ เพราะเพิ่งลงจากเครื่องบินมาหมาดๆ “คุณหายหน้าไปนานเลยนะครับ” ดีแลนกดอินเตอร์คอม สั่งให้เลขาฯ เตรียมน้ำมารับรองแขก เขาเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม บนเก้าอี้อีกตัวหนึ่ง “พอดี...ผมไปเที่ยวมา” ทริปสุดสนุก หลังได้เจอะเจอคนรู้ใจ บรรยากาศ
อบเชยแต่งหน้าเค้กแบบง่ายๆ หลังปาดครีมสีขาวปิดทับเนื้อขนมปังจนหมด เธอราดด้านบนด้วยช็อคโกแลต ประดับด้วยช็อคโกแลตที่ตัดแต่งไว้ เป็นอันเสร็จกระบวนการ เค้กช็อคโกแลตแบบโลแฟต เนื่องจากดีแลนบ่น เขาต้องควบคุมน้ำหนักเมื่ออบเชยขุนเขาด้วยอาหารดีๆ ทุกวัน งานดีแลนกำลังยุ่ง เขาไม่มีเวลาออกกำลังกาย การละลายไขมันเลยต้องควบคุมด้วยปริมาณอาหารที่จำกัดแคลลอรี่แทน “เราเคยพบกันมาก่อนไหมครับ?” อดัมคิดในใจ เขาไม่คิดว่าตัวเองจะโพล่งถามออกไปซึ่งๆ หน้า อบเชยส่ายหน้า เธอจำอดัมไม่ได้ “ไม่ค่ะ เชยเพิ่งพบคุณที่นี่ครั้งแรก” อบเชยไม่ได้พูดปด เธอจำอดัมไม่ได้จริงๆ “แปลกนะครับ ทำไมผมคุ้นหน้าคุณจังเลย” อดัมบ่น มันไม่ใช่มุขจีบสาว เขาคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้ เพียงแค่นึกไม่ออกว่าเคยเจอหล่อนที่ไหน “เชยหน้าโหลมั้งคะ...หน้ากลม ตาหยีๆ แบบนี้กำลังน
อบเชยทนไม่ได้ หากสายตาของดีแลนจะเปลี่ยนไป เมื่อก่อนความเกลียดชังที่ดีแลนโยนใส่ อบเชยชิน และชา แต่เมื่อเขาเริ่มดีกับเธอ มันเลยเกิดเป็นความเคยตัว และหากย้อนกลับไปเป็นเหมือนเดิม หัวใจของเธอคงทนรับไม่ไหว...มือเรียวเล็กสั่นระริก จานกับแกล้มที่ถือไว้แทบพลัดหลุด หลังวางจานแก้วเนื้อดีลงบนโต๊ะ อบเชยหันรี หันขวาง เธอตัดสินใจไม่ถูก ระหว่างการเผชิญหน้ากับดีแลน หรือรีบหนีไปให้ไกล ก่อนที่ชายผู้นั้นจะระเบิดโทสะใส่ตนเอง มือเรียวบางกำแน่น มีแต่ความกังวลร้อยแปดวิ่งพล่านอยู่ในสมอง ในที่สุดอบเชยก็เลือกทาง...หนี เธอคงทนไม่ไหว หากสายตาของดีแลน จะกลับมาชิงชังตนเองเช่นเดิม เขาคงรังเกียจสิ่งที่รับรู้ ผู้หญิงอย่างเธอไม่สมควรได้รับโอกาสนั้น อ้อมแขนของเขาไม่ได้มีไว้ให้เธอ ความเมตตานั่นเธอได้มา เพราะเขาเมา ผ้ากันเปื้อนถูกกระชา
“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเชยเลย” ดีแลนบ่นอุบ เขาเอียงคอ เกยคางไว้ที่หัวไหล่ของอบเชยแทน หญิงสาวรีบโก่งตัวหนี สภาพการชิดใกล้เช่นนี้ เป็นอันตรายกับความรู้สึกของเขาและเธออย่างยิ่งยวด “อย่าดิ้นสิเชย รู้ไหม... ทำแบบนี้ ทำให้ฉันคิดอะไรไม่ออก” แค่กลิ่นหอมๆ ที่ระเหยของมาจากร่างกายคนตรงหน้า ทุกครั้งที่หล่อนขยับตัวก็ทำให้ประสาทสั่งการของเขาทำงานหนักแล้ว สติสัมปชัญยะของเขายิ่งตีบตัน เมื่อเนื้อตัวเสียดสีกันไปมา หากเขาหน้ามืด ทำอะไรสิ้นคิดลงไป มันจะวนลูบกลับไปซ้ำรอยเดิม ซึ่งดีแลนไม่ต้องการเช่นนั้น ถึงระหว่างอบเชยกับเขา จะเลยจุดอันตรายนั่นมาแล้ว ดีแลนอยากให้เกียรติ อยากให้อบเชยมีความภูมิใจ และเชิดหน้าสู้สายตาผู้คนรอบตัวได้ ในวันสำคัญระหว่างเขาและเธอดีแลนคิดเลยไปถึงวันวิวาห์ ซึ่งระยะเวลานั้น...อีกไม่ไกลเกินรอ “แต่ว่า...” หญิงสาวพยายามแย้ง&nb
บทที่12.ให้หัวใจนำทางระหว่างที่ประมุขของบ้านหวังกำลังรับประทานมื้อเช้ากันอยู่ สาวใช้วัยรุ่นสองนางซุบซิบกัน และชำเรืองมองมาที่ปรารถนา นางสังเกตเห็นมาซักระยะหนึ่ง จนความไม่พอใจเริ่มสูงขึ้น นางวางช้อน ยกผ้าที่วางไว้บนตักขึ้นซับปาก เอ่ยถามคนรับใช้ส่วนตัวเสียงแข็งๆ “น้อย...สองคนนั่นกำลงพูดเรื่องของฉันอยู่ใช่ไหม?” สาวใหญ่แม่บ้านหวังที่ทำงานรับใช้ปรารถนามากว่ายี่สิบปี ถึงกับผวา คุณผู้หญิงของนางเป็นคนใจดี ไม่มีสักครั้งที่จะอารมณ์เสียเพราะเรื่องรกหูรกตา นางหันไปถลึงตาใส่สาวใช้วัยรุ่นสองคนนั่น “ปะ เปล่านะคะคุณท่าน แค่...” สาวใช้วัยกำดัดตอบเสียงสั่นๆ “แค่อะไร?!!” ปรารถนาย้อนถาม นางจ้องสองสาวนั่นตาเขม็ง&nb
อบเชยผวาเยือก หลังสิ้นเสียงหวานหวาม ดีแลนแนบเรียวปากร้อนผ่าว เขาบดจูบเบาๆ พยายามที่จะยั้งความรุ่มร้อนในกายเอาไว้ เพราะถึงตนเองกับอบเชยจะผ่านจุดอันตรายกันมาแล้ว แต่ตอนนั้นเขาเมา และจำอะไรไม่ได้เลย ดีแลนไม่รู้ว่าความปรารถนาที่เขายัดเหยียดให้อบเชยจะมากน้อยแค่ไหน เขาอยากจะมอบสิ่งดีๆ ให้ และลบล้างความทรงจำแย่ๆ ความใคร่คือความปรารถนาที่ล้นอก แต่สำหรับดีแลน เขาอยากมอบแต่สิ่งสวยงามให้อบเชย ครั้งนี้เขาจึงอยากแก้ตัวสอนบทรักที่เกิดจากความรัก ไม่ใช่ตัณหา ราคะเท่านั้น ให้อบเชยได้รู้จัก“ขา คุณดี...ชะ เชย”หญิงสาวขานรับเสียงแผ่วปร่า เธอรู้สึกเหมือนใจจะขาด ลมหายใจสะดุด และรู้สึกปั่นป่วนทรมาน“ฉันจะทำให้เชยมีความสุข เรามาล้างความทรงจำเก่าๆ และมีความสุขไปพร้อมกันนะเชย”ดีแลนกระซิบตอบ เขาพรมจุมพิตทั่วแผ่นท้อง ก่อนจะค่อยๆ กระถดตัวลงต่ำ จุดมุ่งหมายคือปลายทางสวรรค์ที่จะช่วยปลดเปลื้องความทรมานให้กับตนเองและอบเชยอบเชยพยักหน้ารับรู้ เธอสูดลมหายใจลึกๆ พยายามทำตัวสบายๆ เธอไม่มีอะไรให้หวาดกลัว เมื่อเธอกับดีแลน มีสิทธิ์ทำแบบนี้ได้ ในฐานะสามี ภ
เพราะเธอกับดีแลนคงเหมือนคนแปลกหน้า หากบังเอิญย้อนกลับมาเจอกันอีกครั้งต่อให้เธอจงรักภักดีกับเขาแค่ไหน เธอก็คงเป็นได้แค่เศษฝุ่นในสายตาของเขา ไม่มีทางเป็นตัวเป็นตนได้เหมือนตอนนี้ หากตอนนั้นเธอฟูมฟาย และแพร่งพรายความลับในใจให้มารดารู้เข้าดีแลนยกมือกรีดรอยน้ำตาที่เอ่อซึมขึ้นมาให้ เขาโน้มตัวจูบซับรอยน้ำตานั่นอีกที ด้วยความอ่อนโยนที่มี หรือเท่าที่ตนเองจะแสดงออกให้คนตัวเล็กได้รู้หัวไหล่บอบบางสั่นระริก อบเชยคงพยายามกลั้นความเสียใจไว้“ฉันขอโทษ บางครั้งผู้ชายก็ขี้ขลาดเกินกว่าจะยอมรับความจริง”ชายหนุ่มกล่าวปลอบขวัญ ทั้งอบเชยและเขา ยังเด็กมากในตอนนั้น เขาโตกว่าก็จริง แต่หากทำอะไรบุ่มบ่ามลงไป วันนี้คงไม่ได้กอดอบเชยไว้แนบอกเช่นนี้ ในวันที่เขาโตพอที่จะรับผิดชอบชีวิตของอบเชยได้ ดีแลนอดทนมากแค่ไหน อบเชยไม่มีวันเข้าใจ“เชยปวดใจทุกครั้ง ทุกครั้งที่สายตาของคุณดี มีแววตาเกลียดเชยเช่นนั้น”ณ.วันนั้น อบเชยชาด้าน ความรักที่มีต่อมารดา คือสิ่งยึดเหนี่ยวเดียวที่ทำให้อบเชยฝืนยิ้มและประคองตัวเองผ่านวันอันเลวร้ายนั่นมาจนได้&ldquo
“เชยไม่สวย ไม่เซ็กซี่ เหมือนที่คุณดีตั้งความหวังไว้เหรอคะ?” หางเสียงสั่นพร่า ที่เข้าใจมาตลอด ดีแลนชอบที่เธอเป็นเธอ แต่เวลานี้เขากำลังเปรียบเทียบเธอกับใคร คู่ควงเก่าๆ ของเขาอย่างนั้นเหรอ? “โอ้ย!! ไม่ใช่อย่างนั้น” ดีแลนรีบกระโจนลงจากเก้าอี้ เดินมาหยุดข้างอบเชย เขาทรุดนั่งบนส้นเท้า เงยหน้ามองหญิงสาวตรงหน้า “ฉันเคยฝันไว้หน่ะ แต่ไม่ได้อย่างฝันก็ช่างมันเถอะ ขอแค่มีเชย ฉันก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว” มันคือความฝันตามประสาผู้ชาย นอนกอดกับคนรู้ใจบนเตียงนุ่มๆ ในบรรยากาศหวานๆ หลังพิธีวิวาห์ “เชยอาจจะดีไม่พอ เหมือนที่คุณดีต้องการนะคะ” ความน้อยใจทำให้อบเชยตัดพ้อต่อ เธอพยายามดึงมือของตัวเอง ออกจากอุ้งมือของอีกฝ่าย “ไปกันใหญ่แล้ว ฉันจะทำให้เชยรู้
หลังพูดออกมา คำพูดเหล่านั้นคือนายเรา ผลสะท้อนของคนกลับกลอก จะไม่มีคนรอบตัวฟังเขาอีก แม้บทสุดท้ายเขาจะพูดความจริง เพราะความเคลือบแคลงฝังอยู่ในความทรงจำเสียแล้ว พูดผิดเพียงครั้งเดียว ก็ลบล้างความเชื่อมั่นของเจ้าของคำพูด ตลอดชีวิต คราใดที่เขาพลาด คนเหล่านั้นก็จะนำคำพูดที่เขาเคยออกปากไว้มาทับถม... “เชยเชื่อคุณดีค่ะ” อบเชยฝืนยิ้ม คนตรงหน้าคือคนที่ตนเองฝากชีวิต หากเธอปล่อยให้ความระแวงเกาะกุมตั้งแต่นาทีแรกของการเริ่มต้น จากนี้ไปคงหาความสุขไม่ได้ สู้ปล่อยอดีตทิ้งไว้เบื้องหลัง ก้าวไปข้างหน้าจับมือคนของเราไว้แน่นๆ อุปสรรคไม่ได้มีแค่นี้ นี่เพิ่งเป็นการเริ่ม ถนนที่เธอกับดีแลนเดิน ยังอีกยาวไกล มือเรียวเล็กสอดวางบนอุ้งมือหนา อบเชยเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้ 
“เพราะพ่อ...คือพ่อแกไงอาตี๋” เดวิดตอบแบบไม่ขยายความ ท่านรู้ อบเชยไม่มีทางทำให้บุตรชายของท่านเจ็บตัว หล่อนบูชาดีแลนยิ่งกว่าเทวดาเสียอีก “อบเชย ถ้าลูกแม่ดื้อนัก บอกแม่ก็ได้นะ เดี๋ยวแม่จัดการให้เอง” ปรารถนาพูดสอด ตอนที่บรรจงหลั่งน้ำเย็นชื่นลงบนปลายนิ้วมือของอบเชย “โห!” เสียงครางท้วงดังเบาๆ จากผู้ชายตัวใหญ่ใบหน้าขาวดั่งไข่ปลอก “ทำไม...มีปัญหาเหรอไงดีแลน ลูกหน่ะ ไม่มีใครกล้าขัดใจหรอกนอกจากแม่” นางเปรยเสียงกระซิบ ก่อนจะหลั่งน้ำสังข์บนปลายนิ้วของดีแลน “ไม่มีใครรักผมเลย!” ชายหนุ่มครางเสียงออดๆ เหมือนมอดกัดไม้ผุๆ “เอ่อ...เชยรักคุณดีค่ะ เชยไม่ตีคุณดีแน่” อบเชยกระซิบเสียงอุบอิบ ผิวแก้มร้อนฉ่า&
บทที่20.วันที่ความรักสุกงอมเวลาเคลื่อนมาถึงฤกษ์ดีช่วงเช้า ดีแลนก็ต้องออกไปตั้งขบวนแห่ขันหมากตามประเพณี เขาได้เจอมารดาที่นั่น รวมทั้งบิดาด้วย แต่ก็ยังไม่เห็นอบเชย “แม่อะ ผมเลยไม่ได้เห็นอบเชยเป็นคนแรกเลย” ดีแลนบ่นพึมพำ ตอนที่เดินผ่านประตูบ้านหวังเข้ามา “เดี๋ยวก็ได้เห็นแล้ว อบเชยไม่หนีไปไหนหรอกน่า” ปรารถนากระซิบดุ เริ่มระอากับความรักออกนอกหน้าของบุตรชายเหลือเกิน เดวิดได้แต่หัวเราะ ท่านส่ายหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เมื่อท่านพอจะเข้าใจความคิดของดีแลน สมัยหนุ่ม ท่านเองก็เป็นแบบนี้ ดีแลนใจเต้นตึกตัก เขายืดคอสูงๆ พยายามมองหาอบเชย หญิงหนึ่งเดียวในดวงใจ ณรงค์เดินอยู่ข้างๆ มีอดัม
“ได้ไงคะ!! คุณท่านมาเห็นเข้า เชยอาจจะโดนตำหนินะคะ!” อบเชยลดเสียงลง สีหน้ายุ่งยากใจ หากปรารถนาเดินผ่านประตูเข้ามา นางจะมองว่าเธอเป็นคนอย่างไร “อย่ากลัวไปเลย แม่ฉันใจดีจะตาย” “ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ” อบเชยพยายามอธิบาย เสียงของเธอสั่นพร่า เมื่อเสียงเดินดังใกล้เข้ามาทุกที “ฉันรู้...ฉันหลบไปก่อนก็ได้...” น้ำเสียงและสีหน้าอบเชย ดีแลนเลยอดไม่ได้ที่จะเห็นใจ เขาขยับตัวเตรียมจะลงจากเตียง แต่... “ดีแลน...ลูกควรไปอาบน้ำได้แล้ว...ทีมช่างของแม่รอแต่งตัวให้ลูกอยู่นะ” ปรารถนาพูดดักคอ เหมือนว่าท่านรู้วาบุตรชายอยู่ด้านใน ทั้งที่ยังไม่ทันได้เปิดประตู&nb
“จูบฉันก่อน ฉันจะยอมกลับไปนอนที่ห้อง หากเชยยอมจูบฉัน”“อีกแล้วนะคะ” ตั้งแต่เข้ามาในห้อง ดีแลนปล้นจูบไปจากเธอนับครั้งไม่ถ้วน เขายังมีหน้ามาเรียกร้องเอาอะไรเพิ่มอีกหรือ?“ทำไมล่ะ ฉันจูบไม่ดีเหรอเชย สาวๆ ชมฉันตลอดว่าฉันจูบเก่ง” ดีแลนพูดเย้า“เชอะ!!” มือน้อยๆ ผลักอกคนตัวใหญ่เต็มแรง ซึ่งไม่ได้ทำให้ดีแลนสะเทือน เพราะเขานอนราบอยู่บนที่นอน แถมมือเหนียวๆ ยังคงเกี่ยวเอวของเธอไว้เสียแน่น“นานๆ จะเห็นเชยหึงฉันสักที มันครื้มใจพิลึก” ดีแลนกระเซ้าต่อ การแสดงออกของอบเชย แปลความหมายอื่นไม่ได้ นอกจากอบเชยกำลังไม่พอใจพฤติกรรมฉาวๆ ของเขาสมัยยังเป็นหนุ่ม“ชิ! คุณดีหลงตัวเองค่ะ เชยขี้เกียจฟัง” อบเชยหน้างอง้ำ นึกไม่พอใจจนตัวสั่น อยากโกรธดีแลนนานๆ แต่รู้ดีว่าตนเองใจไม่แข็งพอ ชายตรงหน้าเองก็มีวิธีรับมือ ทุกครั้งหากเธอปั้นปึ้ง...ดีแลนจะรีบตะล่อมจนเธออ่อนลง และครั้งนี้ก็เช่นกัน อบเชยรู้ดี สิ่งที่เขาพูดมาคืออดีต ผู้ชายส่วนใหญ่มีประสบการณ์โชกโชนเกี่ยวกับเรื่องเพศตรงข้าม ดีแลนเองก็ไม่น้อยหน้า เขาเป็นหนุ่มฮอ
“จริงนะ ถามหน่อย เชยรักฉันตั้งแต่ตอนไหน?” ดีแลนพยายามลดความกระหายรสรักที่มีกับคนตัวเล็กในอ้อมกอด เขาเปลี่ยนเรื่องพูด เพื่อให้ความพลุ่งพล่านของตนเองลดน้อยลง“คุณดีล่ะคะ รักเชยตอนไหน?” หากดีแลนอยากรู้ อบเชยก็อยากรู้เช่นกันหญิงสาวจำได้ดี...สมัยก่อน แม้แต่การมอง ดีแลนยังพยายามมองผ่าน เขาเกลียดเธอจับจิต อบเชยเลยอยากรู้ว่าเธอเข้าตาเขาตอนไหน?“ขี้โกง ฉันถามเชยก่อนนะ!” เสียงต่อว่าไม่มีน้ำหนัก ดีแลนแค่ผิดหวังเล็กๆ ที่อบเชยยังไม่ยอมเฉลย“เชยอยากรู้นี่คะ คุณดีตอบเชยก่อนไม่ได้เหรอคะ?” อบเชยทดลองใช้น้ำเสียงแบบเดียวกับดีแลน เวลาที่เขาอ้อนเธอ แววตาวิบวับ กับสีหน้าที่แบกความหวังไว้เต็มเปี่ยมทำให้ดีแลนถอนใจเฮือก เขาแพ้อบเชย...หากเผลอสบตากับหล่อน ปลายนิ้วแข็งแรงจิ้มลงกลางหน้าผากตนเอง พร้อมกับเสียงทุ้มๆ ที่พูดออกมาช้าๆ “ตั้งแต่ยัยเชยคนนี้ยังนุ่งกระโปรงสีน้ำเงินยาวลากพื้น...แอบมองฉันเหมือนคนโรคจิต แ