ดีแลนเป็นหนุ่มฮอต ตอนที่เธอยังเด็ก เธอคงเป็นเด็กแก่แดด เลยรู้สึกว่าตนเองรักเขาตั้งแต่ยังไม่ทันเป็นสาวดี
จวบจนปัจจุบัน ความรู้สึกพิเศษนั่นก็ไม่เคยลดลง
อบเชยน้ำตาตกเพราะดีแลนนับครั้งไม่ถ้วน เขาไม่เคยมองเห็นหัวเธอ ทำท่ารำคาญแทบทุกครั้งหากมีอบเชยอยู่ใกล้ๆ ความรู้สึกนั้น เกือบทำให้อบเชยถอดใจ แต่เมื่อได้สบตากับดีแลนยามที่เขาเผลอ ความรู้สึกบ้าๆ นั่นก็ย้อนกลับมาเหมือนเดิม...
“เชยคงมีเวรมีกรรมกับคุณดีมั้งเนอะ”
หลังเก็บล้างอุปกรณ์ทำขนมจนหมด อบเชยเดินกลับไปที่ห้องนอน เธอควรอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อม จะได้ไม่เป็นการเสียเวลา พอเอาขนมไปวางในห้องนอนดีแลน เธอก็จะได้ขึ้นรถไปกับคนบ้านหวัง เด็กที่บ้านเด็กกำพร้าคงดีใจ ที่พี่เชยคนดีจะไปเล่านิทานให้ฟัง มันคงเป็นวันหยุดที่สนุกสำหรับเธอ เป็นการชาร์ทพลังในร่างกายได้เต็มที่ ด้วยการแบ่งปันสิ่งที่ตนเองมีกับผู้ที่ด้อยโอกาสกว่า คุณท่านทั้งสองสอนให้อบเชยรู้จักเผื่อแผ่ เดวิด กับปรารถนาทำดีแบบนี้จนอบเชยซึมซับมาเต็มตัว
อบเชยไม่เข้าใจเหมือนกัน ผู้ใหญ่ใจดีสองท่านมีแต่ใบหน้าเปื้อนยิ้ม เหตุใดก็ไม่รู้ บุตรชายของท่านที่มีแค่คนเดียว จึงยิ้มยากเสียเหลือเกิน
ทั้งๆ ที่ดีแลนยิ้มสวย เขายิ้มมีเสน่ห์ ซึ่งอบเชยรู้แก่ใจดี
เธอเคยเห็นดีแลนยิ้มในระยะประชิดมาแล้ว
เด็กสาวในชุดเอี๊ยมสีน้ำตาลไหม้ เสื้อยืดสีขาวสะอาดอยู่ด้านใน ผมยาวสีดำสนิทถูกจับมัด และถักเป็นเปียง่ายๆ ทำให้อบเชยแลดูอ่อนวัยลงไปอีก เธอเหมือนเด็กสาวที่ยังไม่เป็นสาวดี แต่ทะมัดทะแมงเหมาะสำหรับการเป็นลูกมือ
“ชุดสวยกว่านี้ก็มี ทำไมใส่” เทียนอดติงไม่ได้
เด็กสาวส่วนใหญ่ชอบนุ่งกระโปรงพลิ้วๆ ใส่รองเท้าสวยๆ ผิดกับอบเชย หากไม่ถูกบังคับ อบเชยแทบจะไม่นุ่งกระโปรงเลย สไตส์การแต่งตัวของอบเชยเลยเหมือนเด็ก ไม่เหมือนสาวที่เป็นสาวสะพรั่ง
“เชยจะไปช่วยแจกขนม ใส่กระโปรงไป เชยทำงานไม่ถนัดนี่คะแม่” และนั่นคือข้อแก้ตัว ซึ่งเทียนก็ไม่ค้าน
บุตรสาวแต่งตัวเรียบร้อย ไม่เด่นสะดุดตา จนอาจจะเป็นที่ขวางตาของบุตรชายของเจ้านายเก่าก็ดีแล้ว
“แม่ไปด้วยไหมคะ?” คนของบ้านหวังส่งรถมารับขนม พอดีที่เทียนขูดมะพร้าวเสร็จ
สาวใหญ่ส่ายหน้า... “ไม่ล่ะ แม่จะไปเตรียมของมาทำขนมต่อ ลูกค้ารอแย่เลยหากไม่เปิดร้าน ไม่ได้บอกใครไว้ด้วย”
ตลาดอยู่ใกล้ๆ เสียเวลาเพิ่มอีกนิดหน่อย เพราะไม่ได้แจ้งลูกค้าไว้ หากหยุดดื้อๆ จะทำให้คนตั้งใจมาชิมผิดหวัง
“เชยนึกว่าแม่จะหยุดพัก”
อบเชยบ่น สองมือหยิบจับช่วยขนขนมขึ้นรถไม่หยุด
“ให้แม่นอนเฉยๆ แม่หงุดหงิดตาย” เทียนตอบ เธอทำงานตั้งแต่เด็กจนแก่ จะให้หยุดอยู่เฉยๆ มันไม่ชิน อีกอย่างการได้ขายขนม คือการพักผ่อนของตนเอง ดีกว่าการอยู่ในบ้านเหงาๆ นั่งดูทีวี หรือไม่ก็อ่านหนังสือ นั่นคงทำให้คนเคยทำงานฟุ้งซ่าน
“เชยไปพร้อมพวกพี่ๆ เขาเลยนะคะแม่”
อบเชยโบกมือให้มารดา กระโจนขึ้นรถขนขนม เธอมีภารกิจที่ต้องทำก่อนจะติดสอยห้อยตามคนบ้านหวังไปที่บ้านเด็กกำพร้าแห่งนั้น
“ส่งเชยที่บ้านหวังก่อนนะลุง เชยต้องเอาขนมไปให้คุณดี”
ถาดขนมที่อบเชยทะนุถนอมอย่างดี คือขนมตามสั่งของดีแลน
สารถีคนขับอมยิ้ม เขาไม่เห็นเด็กสาวผู้นี้หลายปีแล้วที่บ้านหวัง ไม่คิดว่าบรรยากาศเดิมๆ จะย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง
“คุณหนู ไม่น่าออกไปอยู่คนเดียวเลยนะหนูอบ”
เป็นการชวนคุยเชิงบ่น เมื่อบ้านหวังมีแต่คนแก่ หนุ่มๆ สาวๆ ไม่มีเหลือสักคน มีเด็กเล็กบ้าง แต่ก็นานๆ ครั้ง
“คุณดีเธออยากโฟกัสกับงานน่ะค่ะ เลยไม่อยากให้คุณท่านไม่สบายใจ เวลาที่เธอนอนดึก”
ก่อนออกไปอยู่คนเดียว อบเชยเคยเฝ้าดีแลนจนหลับคาที่นอน พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนฟ้าสาง ดีแลนก็ยังไม่ยอมนอน นั่นคงเป็นสาเหตุหลักที่ดีแลนแยกออกไปอยู่คนเดียว เขาทำงานเหมือนกลัวงานจะหมด ทำงานแบบคนบ้าคลั่ง ก็รู้ว่ายังหนุ่ม ยังแน่น แต่การทำเช่นนั้น คนที่เป็นห่วงคือคนที่รักเขา
“ลุงว่า คุณหนูถึงเวลาที่ควรมีครอบครัวแล้วนะ”
“ใครบังคับคุณดีได้ล่ะลุง...ดื้อจะตาย” อบเชยบ่น ปรารถนาต้องการให้บุตรชายมีคู่ครอง ทั้งสองท่านยังต้อนดีแลนไม่ได้ แล้วใครที่ไหนล่ะ จะทำให้ดีแลนตกลงปลงใจ
“สงสัยคุณหนู ยังหาเนื้อคู่ไม่เจอมั้ง” สารถีคนขับพูดพร้อมกับยิ้ม
“ไม่ใช่หรอกค่ะลุง...สาวๆ รุมคุณดีเหมือนฝูงไฮยีน่า...คุณดีคงเล่นตัว ตามประสาคนหน้าตาดี”
อบเชยอดไม่ได้ที่จะแขวะ รู้สึกหมั้นไส้ดีแลนนิดๆ เมื่อเขาเป็นหนุ่มฮอตที่สาวๆ ส่วนใหญ่ตามรุมทึ้ง
“ทั้งหล่อทั้งรวยนี่หนูอบ สาวที่ไหนไม่อยากได้ไปเป็นผัวบ้างล่ะ”
คุณสมบัติตรงตามต้องการ ผู้ชายแบบดีแลน ไปควานหาจากตลาดสดไม่มีทางเจอ เขาเป็นผู้ชายเกรทดี เป็นเบอร์หนึ่งเลยหากสาวๆ ต้องการสามี เป็นพ่อที่ดีของลูก ลักษณะอย่างดีแลนกำลังขาดตลาด เพราะผู้ชายสมัยนี้ รักสนุก และมองผู้หญิงเป็นเครื่องผ่อนคลาย การที่ผู้หญิงสักคนจะได้สามีถูกใจ มันยิ่งกว่าการเสี่ยงซื้อล็อตลี่ โชคดีก็ถูกรางวัล โชคร้ายหน่อยก็แค่สูญเงินลงทุน แต่สำหรับคู่ครองแล้ว การลงทุนยิ่งเสี่ยงหนัก โชคดีได้ตกล่องปล่องชิ้น แต่ใครจะรู้ล่ะผู้ชายที่คว้ามาทำสามีเป็นคนดีเหมือนภาพลักษณ์ที่เขาแสดงออกหรือไม่ จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อ...ร่วมชีวิตกันแล้ว
คนไหนโชคร้าย คว้าผู้ชายนิสัยเลวมาครองคู่ ชีวิตหลังแต่งงานคงไม่ต่างอะไรกับการตกลงไปในขุมนรก
ผู้ชายแบบดีแลน คือยอดชายของสาวๆ เขามีทั้งรูปทรัพย์ มีทั้งหน้าที่การงานที่ดี แถมยังสุภาพอ่อนโยน เป็นผู้ชายจิตใจดี แต่นั่น...สำหรับทุกคนนะ
แต่สำหรับอบเชย...ดีแลนเหมือนปีศาจ สายตาของเขาทำให้อบเชยเจ็บปวด เมื่อมันแฝงไว้ด้วยความรังเกียจ
อบเชยเองก็งง เธอทำตัวไม่ดีให้ดีแลนชิงชังตอนไหน เธอจำได้ว่า ตนเองพยายามที่สุดที่จะให้ดีแลนเมตตา
ยอมเป็นลูกไล่ ไม่ขัดคำสั่ง หากสิ่งนั้นเป็นความต้องการของดีแลน
ที่ไหนได้...มันกลับกลายเป็นว่า เขาเกลียดเธอเสียอย่างนั้นเอง
“ขอบคุณนะคะลุง” อบเชยกระโจนลงจากรถบรรทุกขนม มีสาวใช้อีก2-3คนเดินมาหา สองมือของพวกเขาเต็มไปด้วยถุง คงเป็นอุปกรณ์การเรียนที่จะนำไปแจกเด็กๆ นั่นเอง
“ให้ลุงรอไหมหนูอบ?” ชายสูงวัยมีหน้าที่เป็นคนขับรถยนต์ร้องถาม
“เชยไปกับคุณท่านก็ได้ค่ะ” จากที่ประเมินคร่าวๆ เฉพาะของใช้ก็แทบจะไม่พอวาง อบเชยเลยถอนตัว ยังมีรถยนต์อีกหลายคันที่จะต้องไปที่แห่งนั้น
อบเชยเดินเลยไปยังด้านหลังบ้าน เธอเงยหน้ามองหน้าต่างห้องนอนของดีแลน มันยังปิดสนิท และแอร์คอนนิชั่นยังทำงานอยู่ มันเพิ่งหกโมงกว่าๆ ดีแลนคงยังไม่ตื่น
ขนมในกล่องถูกถ่ายใส่จาน อบเชยจัดเครื่องเคียงวางไว้ข้างจาน ตามด้วยการชงกาแฟดำที่ดีแลนดื่มทุกเช้า ก่อนจะยกถาดเดินเลยขึ้นไปชั้นบน และสวนกับปรารถนาพอดี
“อบเชย ฝากปลุกดีแลนด้วยนะ เดี๋ยวจะสาย”
นางเอ่ยฝากฝังอบเชย หญิงสาวยอบตัวเดินผ่าน พร้อมกับขมวดคิ้ว เริ่มคิดหนัก เธอเคยแค่แอบเข้าไปในห้องของดีแลน แต่ไม่เคยใจกล้าขนาดปลุกเขาตื่นจากนิทราสักที
“เอาไงดีล่ะไอ้เชยเอ๋ย!!” คำขอร้องของปรารถนาทำให้อบเชยหนักใจนิดๆ
เธอเดินวนอยู่หน้าห้องนอนดีแลนเกือบสิบนาที แอบภาวนาให้เขาตื่นเอง จะได้ไม่เดือดร้อนเธอที่จะต้องไปปลุกเขา
ในที่สุดอบเชยก็ตัดสินใจ เธอกลั้นใจเอื้อมมือแตะลูกบิดประตู เพราะหากมัวชักช้า ทั้งดีแลนและตนเองอาจไปสาย
แอร์เย็นเฉียบตกกระทบผิวจนอบเชยขนลุกซู่ ขนาดเสื้อผ้าที่สวมค่อนไปทางหนา เธอยังสะท้านกับอุณหภูมิเย็นจัดภายในห้องนอนของดีแลน หญิงสาวจรดปลายเท้าย่องแบบไร้เสียง พรมหนานุ่มยุบวาบตามน้ำหนักตัว และพรมนุ่มใต้ฝ่าเท้าช่วยอบเชยได้อย่างมากมาย มันทำให้การเดินเข้าไปในห้องนอนของดีแลน แทบจะไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวเลย
จานขนมถูกวางไว้ที่โต๊ะมุมห้อง หญิงสาวเริ่มหนักใจ อากาศเย็นฉ่ำขนาดนี้ คงมีผลกับขนมแน่ๆ แป้งอาจจะกระด้าง และคงสร้างความไม่พอใจให้กับตัวเจ้าของห้อง เมื่อขนมสุดโปรดของเขาไม่ดีดั่งความต้องการ กาแฟก็เช่นกัน มันจะเย็นชืด และนั่นคงทำให้ดีแลนหงุดหงิด
อบเชยตัดสินใจ...ปลุก
เธอเดินเข้าไปชิดริมเตียง ไม่กล้ามองตรงๆ เพราะกลัวดีแลนนอนแบบติดเรท
หญิงสาวถอนใจดังพรืด ช่วงอกที่โผล่พ้นชายผ้า มีเสื้อสีขาว แสดงว่าดีแลนยังมีเสื้อผ้าสวมติดกาย เขาไม่ได้นอนโป้เหมือนที่สาวใช้ซุบซิบกัน
“คุณดีคะ...เช้าแล้ว” อบเชยส่งเสียงเรียก แต่ดีแลนก็ยังนอนนิ่งไม่ไหวติงเหมือนเดิม
“คุณดีคะ...ตื่นได้แล้วค่ะ” อบเชยเรียกอีกครั้ง เธอขยับไปใกล้เตียง ชะโงกหน้ามองดีแลน กำลังจะเอื้อมมือจับ เปลือกตาที่ปิดสนิท ก็เปิดขึ้นมาดื้อๆ
บทที่6.เรื่องบนเตียงเสียงหวานแว่วที่ได้ยิน เหมือนกับเสียงสาวปริศนาที่ดีแลนกกกอดไว้ในค่ำคืนนั้น คนที่หลับสนิทตั้งใจฟัง เขาขยับเข้าไปใกล้ๆ และกระโจนคว้าหล่อนเอาไว้ได้ ก่อนที่สาวเจ้าจะหนีไปหลบหลังม่านหมอกอีกครั้ง “ยัยเชย!” มือแข็งแรงรวบจับข้อแขนของอบเชยไว้ เขากระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เลยพลอยทำให้อบเชยเซถลา ขึ้นมานั่งบนขอบเตียง หญิงสาวขืนตัวไว้ พยายามถอยหลังหนี สีหน้าที่ดีแลนมองเห็นคือใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลา แต่เผือดซีดไม่มีสีเลือด “เชยขอโทษค่ะ คุณท่านวานให้เชยปลุกคุณดีด้วยค่ะ” อบเชยละล่ำละลักชี้แจง...เธอไม่ได้ยุ่มย่ามเข้ามาในห้องนอนเขาโดยภาระการ เธอเอาขนมมาส่งและได้รับคำสั่งกึ่งขอร้องจากเจ้าของบ้านมาด้วย “เธออยู่ที่นี่คนเดียวรึ?” คำถามที่อบเชยไม่เข้าใจ ดังผ่านปากของดีแลนมา สีหน้าของเขาก็เช่นกัน เหมือนดีแลนกำลังสับสนกับอะไรบางอย่าง “ค่ะ” อบเชยจำใจตอบ เธอหลุบเปลือกตาลงมองมือของดีแลน ที่ยังกำรอบข้อมือตัวเอง “ไม่มีคนอื่นอีกแน่นะ” ดีแลนถามย้ำ “ค่ะ” เสียงตอบแผ่วเบากว่าครั้งแรก “เป็นไปได้ไง?” ดีแลนรำพึงกับตัวเอ
หญิงสาวลดสายตาต่ำลงไป เปลือกตากะพริบปริบๆ ตรงช่วงคอมีรอยช้ำแดงๆ เหมือนรอยมดกัด เป็นรอยช้ำขนาดเท่าหัวแม่มือ และมีหลายรอยด้วยกัน เพราะยิ่งร่นเสื้อยืดตัวในต่ำลงไป รอยนั่นกระจายทั่วเนินอก อบเชยตกใจ เธอเกือบหวีดร้อง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง...ที่ปลายยอดอกเธอก็โดนมดบ้าลามกนั่น กัดเช่นกัน...รอยแดงๆ ลามไปทั่วตัว เธอรีบปลดกระดุมเอี๊ยม สำรวจตัวเองซ้ำ มดเจ้าปัญหาต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักที่ บนร่างกายเธอนี่แหละ แต่เมื่อพยายามหาเท่าไหร่ อบเชยกลับไม่พบมดตัวนั้น บางทีมดบ้าลามกนั่น อาจจะหล่นอยู่บนที่นอนของดีแลนแล้วก็ได้เวลามีไม่มากนัก อบเชยมัวโอ้เอ้หามดเจ้าปัญหา เมื่อหาไม่เจอก็จำต้องตัดใจเธอเปิดก๊อก วักน้ำล้างคราบน้ำลายที่มุมปาก ยกมือเสยผมให้เข้าทรงมากกว่าเก่า สภาพของอบเชยเลยดูดีขึ้นหญิงสาวเดินลากขาออกมานอกห้องนอน เธอพยายามไม่คิดมาก เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่ดีแลน จะรังแกเธอเขาไม่อยากอยู่ใกล้เธอด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่เธอลืมตา เขายังรีบเดินหนีไปดังนั้น...รอยพวกนี้ ต้องเป็นรอยมดกัด...ชัวร์!!ดีแลนยืนอิงข้างรถยนต์ส่วนตัว เขาหลุบเปลือกตาลงเพราะไม่อยากให้ความสุขที่เพิ่งได้รับมากระจายหายไปในอากาศ หลังอาบน้ำเ
“ห้ามบอกใครนะ สัญญาสิ”อบเชยพยักหน้ารับ ผิวแก้มแดงก่ำ“ค่ะ” เมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ เด็กน้อยก็หมดความสนใจ เจ้าตัววิ่งไปรวมกลุ่มกับเพื่อน อบเชยหาที่นั่ง เธอมองตามดีแลน แอบอมยิ้มทุกครั้งที่ดีแลนยิ้มให้คนอื่น เสียดายนิดเดียว รอยยิ้มนั่นไม่ได้ส่งให้เธอโดยตรงพิธีการต่างๆ จบลง ถึงช่วงที่เด็กๆ จะได้สนุกกับของเล่นชิ้นใหม่ที่พวกเขาเพิ่งได้รับมา เด็กหลายคนจับกลุ่มเพื่อเล่นของเล่นด้วยกัน อบเชยเดินเลี่ยงเข้าไปด้านหลัง เธอมัวแต่ยุ่งๆ จนลืมกินอาหารเช้า นี่เวลาเดินเลยมาจนบ่ายคล้อย อบเชยหิวติดหมัด เธอเลยคิดจะหาอาหารง่ายๆ ใส่ท้อง และในครัวน่าจะพอมีข้าวก้นหม้อเหลือเธอคุ้นเคยกับบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ เพราะมาเป็นประจำ อบเชยตักข้าวใส่จาน ราดด้วยน้ำแกงที่เหลือติดก้นหม้อแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเธอ อาหารกินประทังความหิว แถมไม่แย่นัก น้ำแกงข้นๆ อร่อยอย่าบอกใคร เธอเดินหามุมสงบเพื่อนั่งรับประทานอาหารเงียบๆ โคนต้นไม้คงเหมาะ มีพื้นหญ้าเป็นพรมปูให้นั่ง อบเชยทรุดตัวลงนั่ง วางขวดน้ำเปล่าไว้ข้างตัว ลงมือตักข้าวในจานกินอย่างเอร็ดอร่อย ที่ลานกว้าง เด็กหลายคนวิ่งเล่นไล่จับ ดีแลนกวาดตามองหายัยตัวยุ่ง เขา
บทนำ ดีแลนถอนหายใจแรงๆ รีบเดินเข้าไปในคลับชั้นสูง สถานที่นัดหมายเพื่อเจรจาธุรกิจ และคู่ค้าของเขา เลือกสถานที่แห่งนี้สำหรับการเจรจา รอยยิ้มเย็นชาประทับอยู่บนมุมปากได้รูป ตลอดทางที่เดินเข้าไปด้านในบรรยากาศเหมือนเดิม คลับไหนๆ ก็เหมือนกันหมด เป็นแหล่งที่คนรุ่นใหม่ใช้เป็นที่ปลดปล่อย หาความสนุกใส่ตัวเอง แตกต่างที่เฟอร์นิเจอร์และการตบแต่ง ที่เหมือนกันจนแยกไม่ออก ทุกๆ คลับจะต้องมีผู้หญิงสาว สวยไว้คอยให้บริการ สำหรับสกายล์ฮอลล์ แห่งนี้ ตัวเจ้าของคือณรงค์ ดีแลนรู้จักเป็นอย่างดี เมื่อสองหนุ่มเรียนมาด้วยกัน ตั้งแต่ประถม จนถึงระดับวิทยาลัย’ มีผู้หญิงสาวสวยหลายคนพยายามส่งสายตาให้ จนดีแลนเริ่มรำคาญ “Hi!” มีใครบางคนโบกมือเรียก ชายผู้นั้นลุกขึ้นยืนและส่งเสียงทัก ดีแลนเพ่งมอง เขาส่งยิ้มให้ เมื่อคนคนนั้นคือคู่ค้าคนสำคัญของเขานั่นเอง อดัม เทียร่า นักธุรกิจลุกครึ่งจีน-โปรตุเกต ชายผู้นี้กำลังสนใจ และอยากร่วมทุนในโครงการใหม่เอี่ยมของ หวังเทียนกรุป เกี่ยวกับโครงการพัฒนาพลังงานทางเลือกใหม่ ชายหนุ่มโบกมือรับ เขามองฝ่าความมืด เพื่อหาทางเดินไปยังโต๊ะ VIP
บทที่1.อบเชยหนุ่มลูกครึ่งไทย-จีน ทะลึ่งพรวด!! เขาทรงตัวยืนเต็มความสูง จ้องหน้าโคโยตี้สาวคนหนึ่งที่คลับแห่งนี้ส่งมาบริการ 1ใน3 คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขารู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี หล่อนชื่อ อบเชย น้ำทองเด็กสาวที่อยู่บ้านติดกัน รั้วบ้านหล่อนติดกันกับรั้วเขา เพียงแต่...บ้านของหล่อนไม่ได้ร่ำรวยเหมือนบ้านเขา แถมหล่อนเพิ่งจะมีอายุแค่สิบเก้าปี “ยัยเชย เธอมาทำอะไรที่นี่!” ดีแลนตะคอกเสียงขุ่น จ้องมองเด็กสาวตรงหน้าตาถลน อบเชยขยุ้มมือกำชายขากางเกงแน่น ห่อตัวจนแทบจะขดเป็นก้อนกลมๆ เธอไม่อยากจะเชื่อโลกจะกลมถึงขนาดนี้? ทำไมน้อ?...ทำไมถึงให้เธอมาเจอกับคนที่ตนเองแอบชอบ ตั้งแต่การเริ่มทำงานครั้งแรก ในตำแหน่งโคโยตี้ “รู้จักกันด้วยรึ?” อดัมถามเสียงสนเท่ห์ หรี่ตามองดีแลนสลับกับสาวน้อยสุดเอ็กซ์ ที่ยืนก้มหน้างุดตรงหน้า ดีแลนยกมือขึ้นเสยผม ทรงผมเรียบกริบแตกไม่เป็นทรง เนื่องจากตอนนี้เขาแทบจะควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่อยู่ ผิวแก้มร้อนฉ่า และใกล้จะระเบิดเต็มทนชายหนุ่มโกรธลมออกหู แก้วหูลั่นวิ้งๆ เขาเจอคนที่ไม่ควรเจอในสถานที่อโคจรแห่งนี้ได้อย่างไร?ตอนที่มาเจรจาการค้
ฝันว่าวันหนึ่ง เจ้าชายบนปราสาทหลังนั้น จะทอดสายตามาที่ตนเองบ้าง และมันก็เป็นแค่ความฝัน เพราะยิ่งนานวัน...ระยะห่างของเธอกับดีแลน ก็ยิ่งห่างกันไปทุกทีๆ เธอได้แต่แอบมอง ได้เห็นเขาเพียงผ่านๆ กำแพงสูงชันนั่นไม่ใช่อุปสรรคหรอก แต่ความจริงต่างหากล่ะ ที่ทำให้เธอต้องเจียมตน เขาคือเจ้าชาย และเธอคือเศษฝุ่นที่ปลิวอยู่รอบกายเขา สัมผัสได้ แต่เป็นเจ้าของไม่ได้ “อะไรดลใจให้เธอมาทำงานที่นี่หะ ยัยเชย!” เสียงแหบห้าวของดีแลนดึงเธอออกมาจากความคิดวกวน อบเชยเงยหน้ามอง เธอกะพริบเปลือกตาปริบๆ จ้องมองดีแลนเหมือนกำลังละเมอ มือแข็งแรงเอื้อมมาจับบ่า และหากอบเชยมีสติ เธอจะเห็นว่า...ดีแลนสะดุ้ง! เขาชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะแผดเสียงดังลั่น “ฉันถามไม่ได้ยินหรือไงยัยเด็กบ้า!!” “เชยได้ยินแล้วค่ะ พูดเบาๆ ก็ได้ คุณดีตะโกนจนเชยหูจะแตก” หญิงสาวบ่นอุบ ก้มหน้าหลบตาเขาเหมือนเดิม เมื่อสายตาของดีแลนเหมือนมีเปลวไฟแลบออกมา และไฟนั่นแทบจะเผาเธอจนมอดไหม้ ดีแลนปล่อยมือ เขาชำเรืองมองอบเชย และยังยืนหันข้างให้เธอเสียด้วย เสียงถอนลมหายใจแรงๆ ดังจนอบเชยแ
เปลือกตาของดีแลนหลุบลง เขายังไม่พร้อมที่จะมองไปรอบตัว เขากลัวว่าความโกรธของตนเองจะกลับมาอีก หากเขาเห็นอบเชยตอนนี้ อดัมไหวไหล่ “คุณรู้จักกับเธอ” “อืม” ดีแลนครางตอบ ก่อนจะรีบลืมตาขึ้นเมื่อ… “เธอสวยดีนะ ผมคิดว่าเธอคงจะฮอตแน่!!” เสียงเป่าปาก เสียงโห่ฮาของบรรดาผู้ชายวัยฉกรรจ์ดังขึ้นรอบตัว ดีแลนปรือตาขึ้น เขามองหน้าอดัม ก่อนจะมองตามปลายนิ้วที่ชี้ไปบนเวที ตูม บรึ้ม! อารมณ์ที่คงที่ของดีแลนพุ่งสูงลิบ ผิวแก้มของเขาร้อนฉ่า เมื่อมองเห็นอบเชยบนเวทียกสูง ชุดที่หล่อนใส่ก็ยังเป็นชุดเดิม ชุดที่ดีแลนแค่นว่ามันไม่ต่างอะไรกับเศษผ้า แถมตอนนี้...อบเชยกำลังเต้น ลีลาของหล่อนดีแลนได้แต่อ้าปากค้าง ดีแลนไม่เคยรู้ อบเชยมีพื้นฐานเรื่องการเต้น หล่อนไปเรียนมาจากไหน ลีลาหล่อนไม่เบาเลยกับการโยกย้าย ส่ายเอวยั่วสายตาผู้ชาย และผู้ชายที่กำลังยืนมองอยู่ชื่นชอบ เมื่อแต่ละคนที่ยืนแหงนหน้ามอง พากันโห่ร้องแทบทั้งนั้น นี่อบเชยไปหัดเต้นท่าทางแบบนั้นมาจากไหนวะ?!! ดีแลนควานหาแก้วบรั่นดีมาดื่มแก้กระหาย เขาอ้าปากค้างนานเกินไปจนคอแห้ง ชายหนุ่มดื่มรวดเดีย
บทที่2.One night stand น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลออกมาจากหางตา อบเชยยกหลังมือขึ้นปาดทิ้ง เธอรีบเก็บของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าเมื่อเวลางานสิ้นสุดลง หากมัวชักช้าเธอจะไม่ทันรถเมล์เที่ยวสุดท้าย และหากเป็นเช่นนั้น ค่าแรงวันนี้คงไม่มีเหลือเก็บ เพราะอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ตอนดึกๆ เช่นนี้ แพงจนค่าแรงเธอแทบไม่เหลือ ลิปสติกแท่งเดียวที่เหลือบนโต๊ะถูกโยนลงกระเป๋า อบเชยฉวยเสื้อคลุมตัวใหญ่มาคลุมไหล่ กำลังจะเดินออกจากห้อง ใครบางคนก็ดันประตูให้เปิดเข้ามาเสียก่อน “หนูอบ...อยู่พอดี ช่วยพี่หน่อยสิ” ฉุน บริกรคนนั้นนั่นเอง มันซุ่มรอจังหวะที่ปลอดคน และรีบเข้ามาหาอบเชย ก่อนที่เจ้าหล่อนจะกลับบ้านไปเสียก่อน อบเชยขมวดคิ้ว...เธอคุ้นหน้า แต่ไม่ได้สนิทด้วย เธอเพิ่งมาทำงานวันแรก ยังไม่รู้จักคนมาก และยังไม่อยากสร้างความรู้สึกไม่ดีกับเพื่อนร่วมงาน “ช่วยทำอะไรเหรอพี่ เชยต้องรีบไปก่อนที่รถจะหมดค่ะ” คนรอบตัวเรียกอบเชยว่า ‘หนูอบ’ ชื่อตามที่เธอแนะนำ มีคนเดียวเท่านั้นที่เรียกเธอว่า ‘เชย’ และเขาคือดีแลน “ผู้ชายคนนั้นหน่ะ คนที่หนูอบเข้าไปคุยด้วย” ฉุนรีบอธิบาย