บทที่6.เรื่องบนเตียง
เสียงหวานแว่วที่ได้ยิน เหมือนกับเสียงสาวปริศนาที่ดีแลนกกกอดไว้ในค่ำคืนนั้น คนที่หลับสนิทตั้งใจฟัง เขาขยับเข้าไปใกล้ๆ และกระโจนคว้าหล่อนเอาไว้ได้ ก่อนที่สาวเจ้าจะหนีไปหลบหลังม่านหมอกอีกครั้ง
“ยัยเชย!” มือแข็งแรงรวบจับข้อแขนของอบเชยไว้ เขากระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง เลยพลอยทำให้อบเชยเซถลา ขึ้นมานั่งบนขอบเตียง หญิงสาวขืนตัวไว้ พยายามถอยหลังหนี สีหน้าที่ดีแลนมองเห็นคือใบหน้าขาวเกลี้ยงเกลา แต่เผือดซีดไม่มีสีเลือด
“เชยขอโทษค่ะ คุณท่านวานให้เชยปลุกคุณดีด้วยค่ะ”
อบเชยละล่ำละลักชี้แจง...เธอไม่ได้ยุ่มย่ามเข้ามาในห้องนอนเขาโดยภาระการ เธอเอาขนมมาส่งและได้รับคำสั่งกึ่งขอร้องจากเจ้าของบ้านมาด้วย
“เธออยู่ที่นี่คนเดียวรึ?”
คำถามที่อบเชยไม่เข้าใจ ดังผ่านปากของดีแลนมา สีหน้าของเขาก็เช่นกัน เหมือนดีแลนกำลังสับสนกับอะไรบางอย่าง
“ค่ะ” อบเชยจำใจตอบ เธอหลุบเปลือกตาลงมองมือของดีแลน ที่ยังกำรอบข้อมือตัวเอง
“ไม่มีคนอื่นอีกแน่นะ” ดีแลนถามย้ำ
“ค่ะ” เสียงตอบแผ่วเบากว่าครั้งแรก
“เป็นไปได้ไง?” ดีแลนรำพึงกับตัวเอง เขาแน่ใจว่าตนเองกระโจนคว้าแม่สาวคนนั้นไว้ได้ แต่ทำไมล่ะ เมื่อลืมตาขึ้นมากับเป็นอบเชยเสียแบบนั้นเอง
“เชยขอตัวนะคะ เชยกลัวตกรถ”
อบเชยต้องอาศัยรถยนต์คันใดคันหนึ่งเดินทางไปที่บ้านเด็กกำพร้า เธอไม่อยากพลาดกับการพบเจอน้องๆ ที่น่าสงสารนั่น หากยังมัวโอ้เอ้อยู่กับดีแลน บางทีเธออาจจะชวด...
อบเชยพยายามดึงข้อมือออกจากการเกาะกุมของเจ้าของห้อง
ดีแลนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และไม่ยอมปล่อยมืออบเชยด้วย เขาทิ้งตัวนอนที่เดิม เป็นผลให้อบเชยต้องรีบขยับเข้าใกล้ เมื่อข้อมือของเธอยังถูกพันธนาการอยู่
“อีกสิบนาที ค่อยปลุก ของีบอีกสักหน่อยนะ” ดีแลนหลับตาลง ทำท่าเหมือนจะหลับไปอีกครั้ง
อบเชยอยากร้องไห้ เธอต้องทนนั่งมองดีแลนอยู่ตรงนี้อีกสิบนาทีอย่างนั้นเหรอ มันเป็นโอกาสสุดพิเศษก็จริง กับการใกล้ชิดคนที่ตัวเองชอบ แต่มันก็เหมือนการทรมานเธอด้วยเช่นกัน เพราะสิ่งเดียวที่ทำได้...คือการมอง
คนแกล้งหลับแอบหรี่ตามอง เขาเกือบหัวเราะก๊าก กับสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคนตรงหน้า
อบเชยมองเขานิ่งๆ แววตาของหล่อนวิบวับ ดีแลนแอบมองเพลินๆ จนกระทั่ง อบเชยนั่งสัปหงก หล่อนเคลิ้มหลับเพราะอากาศเย็นสบายนั่นเอง อบเชยตื่นตั้งแต่ตีสาม พอให้มานั่งเฉยๆ ไม่ได้ขยับตัวเลย ความง่วงเลยย้อนกลับเข้ามาครอบงำ จนทำให้เธอผล็อยหลับไปดื้อๆ
ดีแลนขยับตัว เขารั้งอบเชยมาใกล้ๆ จัดท่านอนให้หล่อนเสียใหม่
“อือ...” เสียงครางดังขึ้น เพราะตนเองถูกขัดจังหวะในการนอน
ดีแลนอมยิ้ม แม่นางอายของเขา ตอนหลับน่ารักเหมือนตุ๊กตา ใบหน้าเล็กๆ นั่นชวนมองจนไม่อยากละสายตาเลยทีเดียว ดีแลนขยับเข้าไปใกล้ ยกแขนขึ้นรองใต้คอ นอนตะแคงมองคนหลับอุตุ จนตัวเองเริ่มอาการไม่ดี เพราะสายตาซุกซนลดต่ำลงไปเรื่อยๆ เขาหยุดมองที่เนินอกอวบ มันเคลื่อนไหวเหมือนมีชีวิต ทรวงงามกระเพื่อมขึ้นลงชวนมอง และนั่นทำให้อากาศเย็นเฉียบ เริ่มร้อนระอุขึ้นมาดื้อๆ
ชายหนุ่มเอื้อมมือคีบที่ปลายจมูกของอบเชย พร้อมกับบิดแรงๆ เป็นการลงโทษที่อบเชยมายั่วเขาบนเตียงแต่เช้า หากไม่กลัวว่าไก่ตื่น เรื่องบนเตียงวันนี้คงไม่จบแค่การนั่งมองหรอก ดีแลนตัดใจผละห่างมา เขาเดินตัวปลิวเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนที่ตัวเองจะตบะแตก
อบเชยสะดุ้งตื่น เธอหลับไปนานแค่ไหนไม่รู้ แต่ทันทีที่ลืมตา เจ้าของห้องกำลังนั่งมองเธออยู่ที่เก้าอี้ริมหน้าต่าง จานขนมว่างเปล่า รวมทั้งกาแฟด้วย
“แหะๆ เชยหลับได้ไงไม่รู้ค่ะ”
หญิงสาวแก้ตัวเสียงอ่อยๆ รีบกระถดตัวลงจากที่นอนนุ่ม ยืนก้มหน้าอยู่ข้างเตียงนั่นเอง
“เธอแต่งตัวไม่เรียบร้อย” ดีแลนติงเสียงขรึม เขาหยัดกายลุกขึ้นยืน แต่กลับหันหลังให้เธอ
อบเชยก้มมองตัวเอง เธอยกมือปิดปาก ก่อนที่เสียงกรีดร้องจะทำให้คนทั้งบ้านตกใจ ชุดเอี๊ยมของเธอหลุดลุ่ย ดีทว่าเอวเท่าขนาดตัว เอี๊ยมตัวที่อบเชยใส่อยู่จึงไม่รูดลงไปกองที่พื้น แต่...มันหลุดได้ยังไง หากเธอนอนดิ้น มันก็ไม่น่าจะหลุดได้ทั้งสองข้าง มือเรียวเล็กรีบจับสายเอี๊ยมกลับเข้าที่เดิม เธอเกี่ยวตะขอกับกระดุมเม็ดโตจนแน่น ดึงแรงๆ ยังไม่หลุด แต่ทำไมแค่เผลอหลับ เอี๊ยมของเธอจึงหลุดได้นะ?
“เชยขอตัวนะคะ”
เธอควรหนีไปตั้งหลักก่อน หากมีดีแลนยืนอยู่ตรงหน้า เธอคิดอะไรไม่ออกจริงๆ
“จะรีบไปไหนล่ะ?” เจ้าของห้องกล่าวรั้งไว้
อบเชยเงยหน้ามองเขางงๆ
“เธอต้องไปกับฉัน...ดูเหมือนว่าคนทั้งบ้าน ออกไปกันหมดแล้ว”
ดีแลนรับปากมารดาไว้ เมื่ออบเชยนอนหลับสบาย เขาไม่อยากกวนให้หล่อนตื่นด้วย ดังนั้นขบวนรถยนต์จึงแล่นออกจากบ้านหวัง จึงไม่มีอบเชยติดไปด้วย
“คะ?”
สีหน้าอบเชยตลกจนดีแลนเกือบหลุดหัวเราะ เขารีบปั้นหน้าขรึมเหมือนเดิม ตอนที่กล่าวลอยๆ
“วันนี้ฉันจะเป็นคนขับรถพาเธอไปที่นั่นเอง”
“คือ...” คงเพราะเพิ่งตื่น สมองสั่งการของอบเชยเลยยังประมวลผลคำพูดของดีแลนไม่ได้ เธอไม่เข้าใจ เหตุใดดีแลนจะต้องเป็นคนขับรถพาเธอไป ในเมื่อที่บ้านหวัง มีรถยนต์หลายคัน ต้องมีรถยนต์สักคันหนึ่งว่างพอให้เธออาศัยไปด้วยได้สิ เธอไม่อยากทนนั่งอึดอัดไปกับดีแลนนี่นา
“สิบนาทีนะยัยเชย ฉันจะลงไปรอที่รถ”
มุมปากอบเชยมีคราบน้ำลาย หล่อนคงนอนฝันหวานจนน้ำลายไหลย้อย ดีแลนสั่งแล้วจึงเดินนำออกไปก่อน
หญิงสาวหันรีหันขวาง ชะโงกหน้ามองตนเองที่กระจกหน้าต่างเงาสะท้อนที่มองเห็น อบเชยอยากกัดลิ้นตาย สภาพของเธอมอมแมมเหมือนคนยังไม่ได้อาบน้ำ แค่หลับไปแปบเดียว สภาพของเธอแย่ขนาดนี้เชียวเหรอ? ไหนเจ้าของห้องก็ไม่อยู่บริเวณนี้แล้ว อบเชยเลยถือวิสาสะ เธอวิ่งแผล่วเข้าไปส่องเงาตัวเองผ่านกระจกเงาอีกที
อบเชยไม่เข้าใจ มุมปากของเธอมีคราบน้ำลาย แต่ทำไมปากของเธอจึงช้ำแดง
หญิงสาวลดสายตาต่ำลงไป เปลือกตากะพริบปริบๆ ตรงช่วงคอมีรอยช้ำแดงๆ เหมือนรอยมดกัด เป็นรอยช้ำขนาดเท่าหัวแม่มือ และมีหลายรอยด้วยกัน เพราะยิ่งร่นเสื้อยืดตัวในต่ำลงไป รอยนั่นกระจายทั่วเนินอก อบเชยตกใจ เธอเกือบหวีดร้อง ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง...ที่ปลายยอดอกเธอก็โดนมดบ้าลามกนั่น กัดเช่นกัน...รอยแดงๆ ลามไปทั่วตัว เธอรีบปลดกระดุมเอี๊ยม สำรวจตัวเองซ้ำ มดเจ้าปัญหาต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักที่ บนร่างกายเธอนี่แหละ แต่เมื่อพยายามหาเท่าไหร่ อบเชยกลับไม่พบมดตัวนั้น บางทีมดบ้าลามกนั่น อาจจะหล่นอยู่บนที่นอนของดีแลนแล้วก็ได้เวลามีไม่มากนัก อบเชยมัวโอ้เอ้หามดเจ้าปัญหา เมื่อหาไม่เจอก็จำต้องตัดใจเธอเปิดก๊อก วักน้ำล้างคราบน้ำลายที่มุมปาก ยกมือเสยผมให้เข้าทรงมากกว่าเก่า สภาพของอบเชยเลยดูดีขึ้นหญิงสาวเดินลากขาออกมานอกห้องนอน เธอพยายามไม่คิดมาก เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่ดีแลน จะรังแกเธอเขาไม่อยากอยู่ใกล้เธอด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่เธอลืมตา เขายังรีบเดินหนีไปดังนั้น...รอยพวกนี้ ต้องเป็นรอยมดกัด...ชัวร์!!ดีแลนยืนอิงข้างรถยนต์ส่วนตัว เขาหลุบเปลือกตาลงเพราะไม่อยากให้ความสุขที่เพิ่งได้รับมากระจายหายไปในอากาศ หลังอาบน้ำเ
“ห้ามบอกใครนะ สัญญาสิ”อบเชยพยักหน้ารับ ผิวแก้มแดงก่ำ“ค่ะ” เมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ เด็กน้อยก็หมดความสนใจ เจ้าตัววิ่งไปรวมกลุ่มกับเพื่อน อบเชยหาที่นั่ง เธอมองตามดีแลน แอบอมยิ้มทุกครั้งที่ดีแลนยิ้มให้คนอื่น เสียดายนิดเดียว รอยยิ้มนั่นไม่ได้ส่งให้เธอโดยตรงพิธีการต่างๆ จบลง ถึงช่วงที่เด็กๆ จะได้สนุกกับของเล่นชิ้นใหม่ที่พวกเขาเพิ่งได้รับมา เด็กหลายคนจับกลุ่มเพื่อเล่นของเล่นด้วยกัน อบเชยเดินเลี่ยงเข้าไปด้านหลัง เธอมัวแต่ยุ่งๆ จนลืมกินอาหารเช้า นี่เวลาเดินเลยมาจนบ่ายคล้อย อบเชยหิวติดหมัด เธอเลยคิดจะหาอาหารง่ายๆ ใส่ท้อง และในครัวน่าจะพอมีข้าวก้นหม้อเหลือเธอคุ้นเคยกับบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้ เพราะมาเป็นประจำ อบเชยตักข้าวใส่จาน ราดด้วยน้ำแกงที่เหลือติดก้นหม้อแค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเธอ อาหารกินประทังความหิว แถมไม่แย่นัก น้ำแกงข้นๆ อร่อยอย่าบอกใคร เธอเดินหามุมสงบเพื่อนั่งรับประทานอาหารเงียบๆ โคนต้นไม้คงเหมาะ มีพื้นหญ้าเป็นพรมปูให้นั่ง อบเชยทรุดตัวลงนั่ง วางขวดน้ำเปล่าไว้ข้างตัว ลงมือตักข้าวในจานกินอย่างเอร็ดอร่อย ที่ลานกว้าง เด็กหลายคนวิ่งเล่นไล่จับ ดีแลนกวาดตามองหายัยตัวยุ่ง เขา
บทนำ ดีแลนถอนหายใจแรงๆ รีบเดินเข้าไปในคลับชั้นสูง สถานที่นัดหมายเพื่อเจรจาธุรกิจ และคู่ค้าของเขา เลือกสถานที่แห่งนี้สำหรับการเจรจา รอยยิ้มเย็นชาประทับอยู่บนมุมปากได้รูป ตลอดทางที่เดินเข้าไปด้านในบรรยากาศเหมือนเดิม คลับไหนๆ ก็เหมือนกันหมด เป็นแหล่งที่คนรุ่นใหม่ใช้เป็นที่ปลดปล่อย หาความสนุกใส่ตัวเอง แตกต่างที่เฟอร์นิเจอร์และการตบแต่ง ที่เหมือนกันจนแยกไม่ออก ทุกๆ คลับจะต้องมีผู้หญิงสาว สวยไว้คอยให้บริการ สำหรับสกายล์ฮอลล์ แห่งนี้ ตัวเจ้าของคือณรงค์ ดีแลนรู้จักเป็นอย่างดี เมื่อสองหนุ่มเรียนมาด้วยกัน ตั้งแต่ประถม จนถึงระดับวิทยาลัย’ มีผู้หญิงสาวสวยหลายคนพยายามส่งสายตาให้ จนดีแลนเริ่มรำคาญ “Hi!” มีใครบางคนโบกมือเรียก ชายผู้นั้นลุกขึ้นยืนและส่งเสียงทัก ดีแลนเพ่งมอง เขาส่งยิ้มให้ เมื่อคนคนนั้นคือคู่ค้าคนสำคัญของเขานั่นเอง อดัม เทียร่า นักธุรกิจลุกครึ่งจีน-โปรตุเกต ชายผู้นี้กำลังสนใจ และอยากร่วมทุนในโครงการใหม่เอี่ยมของ หวังเทียนกรุป เกี่ยวกับโครงการพัฒนาพลังงานทางเลือกใหม่ ชายหนุ่มโบกมือรับ เขามองฝ่าความมืด เพื่อหาทางเดินไปยังโต๊ะ VIP
บทที่1.อบเชยหนุ่มลูกครึ่งไทย-จีน ทะลึ่งพรวด!! เขาทรงตัวยืนเต็มความสูง จ้องหน้าโคโยตี้สาวคนหนึ่งที่คลับแห่งนี้ส่งมาบริการ 1ใน3 คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขารู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี หล่อนชื่อ อบเชย น้ำทองเด็กสาวที่อยู่บ้านติดกัน รั้วบ้านหล่อนติดกันกับรั้วเขา เพียงแต่...บ้านของหล่อนไม่ได้ร่ำรวยเหมือนบ้านเขา แถมหล่อนเพิ่งจะมีอายุแค่สิบเก้าปี “ยัยเชย เธอมาทำอะไรที่นี่!” ดีแลนตะคอกเสียงขุ่น จ้องมองเด็กสาวตรงหน้าตาถลน อบเชยขยุ้มมือกำชายขากางเกงแน่น ห่อตัวจนแทบจะขดเป็นก้อนกลมๆ เธอไม่อยากจะเชื่อโลกจะกลมถึงขนาดนี้? ทำไมน้อ?...ทำไมถึงให้เธอมาเจอกับคนที่ตนเองแอบชอบ ตั้งแต่การเริ่มทำงานครั้งแรก ในตำแหน่งโคโยตี้ “รู้จักกันด้วยรึ?” อดัมถามเสียงสนเท่ห์ หรี่ตามองดีแลนสลับกับสาวน้อยสุดเอ็กซ์ ที่ยืนก้มหน้างุดตรงหน้า ดีแลนยกมือขึ้นเสยผม ทรงผมเรียบกริบแตกไม่เป็นทรง เนื่องจากตอนนี้เขาแทบจะควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่อยู่ ผิวแก้มร้อนฉ่า และใกล้จะระเบิดเต็มทนชายหนุ่มโกรธลมออกหู แก้วหูลั่นวิ้งๆ เขาเจอคนที่ไม่ควรเจอในสถานที่อโคจรแห่งนี้ได้อย่างไร?ตอนที่มาเจรจาการค้
ฝันว่าวันหนึ่ง เจ้าชายบนปราสาทหลังนั้น จะทอดสายตามาที่ตนเองบ้าง และมันก็เป็นแค่ความฝัน เพราะยิ่งนานวัน...ระยะห่างของเธอกับดีแลน ก็ยิ่งห่างกันไปทุกทีๆ เธอได้แต่แอบมอง ได้เห็นเขาเพียงผ่านๆ กำแพงสูงชันนั่นไม่ใช่อุปสรรคหรอก แต่ความจริงต่างหากล่ะ ที่ทำให้เธอต้องเจียมตน เขาคือเจ้าชาย และเธอคือเศษฝุ่นที่ปลิวอยู่รอบกายเขา สัมผัสได้ แต่เป็นเจ้าของไม่ได้ “อะไรดลใจให้เธอมาทำงานที่นี่หะ ยัยเชย!” เสียงแหบห้าวของดีแลนดึงเธอออกมาจากความคิดวกวน อบเชยเงยหน้ามอง เธอกะพริบเปลือกตาปริบๆ จ้องมองดีแลนเหมือนกำลังละเมอ มือแข็งแรงเอื้อมมาจับบ่า และหากอบเชยมีสติ เธอจะเห็นว่า...ดีแลนสะดุ้ง! เขาชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะแผดเสียงดังลั่น “ฉันถามไม่ได้ยินหรือไงยัยเด็กบ้า!!” “เชยได้ยินแล้วค่ะ พูดเบาๆ ก็ได้ คุณดีตะโกนจนเชยหูจะแตก” หญิงสาวบ่นอุบ ก้มหน้าหลบตาเขาเหมือนเดิม เมื่อสายตาของดีแลนเหมือนมีเปลวไฟแลบออกมา และไฟนั่นแทบจะเผาเธอจนมอดไหม้ ดีแลนปล่อยมือ เขาชำเรืองมองอบเชย และยังยืนหันข้างให้เธอเสียด้วย เสียงถอนลมหายใจแรงๆ ดังจนอบเชยแ
เปลือกตาของดีแลนหลุบลง เขายังไม่พร้อมที่จะมองไปรอบตัว เขากลัวว่าความโกรธของตนเองจะกลับมาอีก หากเขาเห็นอบเชยตอนนี้ อดัมไหวไหล่ “คุณรู้จักกับเธอ” “อืม” ดีแลนครางตอบ ก่อนจะรีบลืมตาขึ้นเมื่อ… “เธอสวยดีนะ ผมคิดว่าเธอคงจะฮอตแน่!!” เสียงเป่าปาก เสียงโห่ฮาของบรรดาผู้ชายวัยฉกรรจ์ดังขึ้นรอบตัว ดีแลนปรือตาขึ้น เขามองหน้าอดัม ก่อนจะมองตามปลายนิ้วที่ชี้ไปบนเวที ตูม บรึ้ม! อารมณ์ที่คงที่ของดีแลนพุ่งสูงลิบ ผิวแก้มของเขาร้อนฉ่า เมื่อมองเห็นอบเชยบนเวทียกสูง ชุดที่หล่อนใส่ก็ยังเป็นชุดเดิม ชุดที่ดีแลนแค่นว่ามันไม่ต่างอะไรกับเศษผ้า แถมตอนนี้...อบเชยกำลังเต้น ลีลาของหล่อนดีแลนได้แต่อ้าปากค้าง ดีแลนไม่เคยรู้ อบเชยมีพื้นฐานเรื่องการเต้น หล่อนไปเรียนมาจากไหน ลีลาหล่อนไม่เบาเลยกับการโยกย้าย ส่ายเอวยั่วสายตาผู้ชาย และผู้ชายที่กำลังยืนมองอยู่ชื่นชอบ เมื่อแต่ละคนที่ยืนแหงนหน้ามอง พากันโห่ร้องแทบทั้งนั้น นี่อบเชยไปหัดเต้นท่าทางแบบนั้นมาจากไหนวะ?!! ดีแลนควานหาแก้วบรั่นดีมาดื่มแก้กระหาย เขาอ้าปากค้างนานเกินไปจนคอแห้ง ชายหนุ่มดื่มรวดเดีย
บทที่2.One night stand น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลออกมาจากหางตา อบเชยยกหลังมือขึ้นปาดทิ้ง เธอรีบเก็บของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าเมื่อเวลางานสิ้นสุดลง หากมัวชักช้าเธอจะไม่ทันรถเมล์เที่ยวสุดท้าย และหากเป็นเช่นนั้น ค่าแรงวันนี้คงไม่มีเหลือเก็บ เพราะอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ตอนดึกๆ เช่นนี้ แพงจนค่าแรงเธอแทบไม่เหลือ ลิปสติกแท่งเดียวที่เหลือบนโต๊ะถูกโยนลงกระเป๋า อบเชยฉวยเสื้อคลุมตัวใหญ่มาคลุมไหล่ กำลังจะเดินออกจากห้อง ใครบางคนก็ดันประตูให้เปิดเข้ามาเสียก่อน “หนูอบ...อยู่พอดี ช่วยพี่หน่อยสิ” ฉุน บริกรคนนั้นนั่นเอง มันซุ่มรอจังหวะที่ปลอดคน และรีบเข้ามาหาอบเชย ก่อนที่เจ้าหล่อนจะกลับบ้านไปเสียก่อน อบเชยขมวดคิ้ว...เธอคุ้นหน้า แต่ไม่ได้สนิทด้วย เธอเพิ่งมาทำงานวันแรก ยังไม่รู้จักคนมาก และยังไม่อยากสร้างความรู้สึกไม่ดีกับเพื่อนร่วมงาน “ช่วยทำอะไรเหรอพี่ เชยต้องรีบไปก่อนที่รถจะหมดค่ะ” คนรอบตัวเรียกอบเชยว่า ‘หนูอบ’ ชื่อตามที่เธอแนะนำ มีคนเดียวเท่านั้นที่เรียกเธอว่า ‘เชย’ และเขาคือดีแลน “ผู้ชายคนนั้นหน่ะ คนที่หนูอบเข้าไปคุยด้วย” ฉุนรีบอธิบาย
มันเหมือนไฟฟ้าในห้องดับพรึ่บลง!! เหมือนเวลาทั้งโลกหยุดหมุนลงชั่วขณะ อบเชยนอนตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโต จ้องมองผู้ชายที่อุกอาจถึงขนาดปล้นจูบแรกของเธอไปแบบไม่ให้ตั้งตัว เรียวปากสีเข้มทาบทับลงมาแรงๆ เขาเอียงหน้า พยายามบดแยกให้อบเชยยอมเผยอปากตอบรับ กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึกโชยเข้าจมูกเธอ ดีแลนคงดื่มหนัก จนทำให้เขาขาดสติ จนกระทั่งเขาเผลอตัวมาจูบกับคนแบบเธอ อบเชยพยายามขัดขืน แต่เมื่อนึกได้ คนเมามักจะจำไม่ได้ตอนที่สร่างเมาแล้ว จูบ...ที่ตนเองได้แต่ฝันและแอบมโนเอาเองยามเหงาตามประสาสาวชั่งฝัน มันห่างไกลเหลือเกินกับที่รู้มา บทบรรยายในหนังสือนวนิยายที่เคยอ่าน บรรยายเสียจนอบเชยเคลิ้มฝัน แต่เมื่อตนเองมีบทเรียนแรกเกี่ยวกับจูบ แถมยังเป็นจูบกับคนที่แอบเก็บไว้ในใจ มันไม่เหมือนที่ฝันไว้จนอบเชยแอบผิดหวังนิดๆ คนเมาที่ครองสติไม่อยู่ แถมซ้ำฤทธิ์ยายังบีบบังคับให้ยอมเผยความปรารถนาลึกๆ ในใจออกมา กลีบปากนุ่มนิ่มที่ดีแลนเวียนดูดซับความหวานอยู่นี่ หวานล้ำยิ่งกว่าความหวานของทุกสิ่งบนโลก ขนาดน้ำผึ้งรวงเดือนห้าที่ว่าหวานยังไม่เท่า ดีแลนตะปี้ตะบันจูบ...เขาเถลปากไปทั่ว และเมื่อเถลเลยไปยังซอกคอ ริ