บทที่ 4 บุรุษชั่วช้ากับสตรีไร้ยางอาย
หลังจากนั้นมาเยว่เผิงสั่งให้คนของนางตามหาร่างของจางหนิงเซียนเพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่านางตายไปจากใต้หล้าแห่งนี้แล้วจริง ๆ จนบ่าวรับใช้กลับมาแจ้งว่าไม่พบร่างของหนิงเซียนเลยจึงคิดว่านางคงตายไปแล้วจริง ๆ ตั้งแต่นั้นมาเยว่เผิงใช้ชีวิตทุกวันอย่างสุขสบายใจไร้ความกังวล
เดิมทีเยว่เผิงเป็นพียงบุตรสาวของบ่าวรับใช้ในเรือนของท่านใต้เท้าอีกเรือนหนึ่ง ครั้นนั้นมารดาของนางต้องมาจากไปด้วยการเฆี่ยนตีเพราะเยว่เผิงมักแอบเข้าไปขโมยของมีค่าของฮูหยิน ครั้งแรก ๆ ไม่ถูกจับได้แต่ทว่าบ่อยครั้งของมีค่าเริ่มหายไปฮูหยินแอบสงสัย จึงให้บ่าวคอยจับตาดูยามที่ตนเองไม่อยู่เรือนมีสาวใช้นางใดเข้ามาในห้องเก็บของของนางบ้าง และแล้วก็ถูกจับได้ยามนั้นเยว่เผิงกำลังโตไม่รู้ความ รู้เพียงว่าของมีค่ามักจะขายได้เงินดี นางอยากกินลูกกวาดเหมือนเด็กทั่วไปแต่ทว่านางเป็นเพียงบุตรของสาวใช้เบี้ยติดตัวแทบไม่มี นางเคยไปด้านนอกกับฮูหยินเพราะใช้ให้นางไปช่วยถือของกับมารดาของนาง เห็นฮูหยินนำกำไล ปิ่นปักผมไปขายได้เบี้ยอัฐมากมายแววตาของนางเป็นประกาย เมื่อครั้งแรกนางไม่ถูกจับได้จึงมีครั้งที่สองครั้งที่สามจนกระทั่งครั้งนี้ที่ฮูหยินของเรือนจับได้คาหนังคาเขา มารดาของนางเห็นบุตรสาวกำลังถูกลงโทษหากถูกเฆี่ยนตีร่างบอบบางของเยว่เผิงคงรับไม่ไหวแน่ ๆ และความรักของมารดาที่มีต่อบุตรสาว นางรีบเข้าไปรับผิดแทนและยอมรับผิดเรื่องการขโมยของเป็นแผนของนางทั้งหมดเยว่เผิงเพียงทำตามคำสั่งนางเท่านั้น
เมื่อฮูหยินได้ยินเกิดความโมโหเป็นอย่างมากเพราะนางไว้ใจและเอ็นดูสองแม่ลูกนี้มารดาของเยว่เผิงตามคอยดูแลนางมาตั้งแต่ยังไม่ได้ออกเรือน จึงสั่งลงโทษให้เฆี่ยนตีจนนางทนไม่ไหวตายในที่สุด ส่วนเยว่เผิงถูกไล่ออกจากเรือน นางไม่มีที่ไปกลายเป็นเด็กเร่ร่อนคอยแย่งอาหารที่ถูกทิ้งกับคนเร่ร่อนผู้อื่น จนวันหนึ่งหนิงเซียนเดินทางผ่านมา นางเห็นเยว่เผิงจึงเกิดความสงสารขอให้ท่านพ่อรับนางเข้าไปในเรือนเพื่อคอยรับใช้นางคอยดูแลและเล่นด้วยกัน แต่ทว่าหนิงเซียนมิเคยมองว่าเยว่เผิงเป็นบ่าวรับใช้นางรักเยว่เผิงเสมือนสหายและคนในครอบครัวด้วยซ้ำ
ยามเซิน (15.00)
ฝั่งด้านเจียวเหมยนางเดินทางมาจนถึงหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลจากกระท่อมที่นางอาศัยรักษาตัว นางมองไปด้านหน้าเห็นเรือนใต้เท้าเฉินอยู่อีกไม่ไกล เมื่อนานมาแล้วนางเคยมาที่นี่กับท่านพ่อจำได้ว่าเรือนของท่านใต้เท้าเฉินอยู่ตรงใดและใต้เท้ายังมีบุตรสาวอายุใกล้เคียงกับนางอีกด้วย นางได้นัดพบเจอเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิเพื่อไปชมการเล่นว่าวของเหล่าบุรุษ ทั้งสองเป็นสหายกัน ยามนี้ท้องฟ้าเริ่มคล้อยต่ำวันนี้นางจะไปอาศัยนอนที่เรือนของใต้เท้าเฉินหวังว่าสหายของนางจะให้นางได้เข้าพบ
สองเท้าเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูไม้แกะสลักอย่างสวยงาม บ่าวรับใช้เห็นใบหน้าที่ไม่เคยเห็นจึงได้เอ่ยถามนางด้วยความสงสัย
"นี่เจ้ามาทำอะไรที่นี่ "
"เอ่อ ...ข้ามาหาคุณหนูลู่เฟย ท่านช่วยไปแจ้งนางได้หรือไม่ว่าข้าเป็นสาวใช้ของคุณหนูจางหนิงเซียนมีเรื่องขอเข้าพบเจ้าค่ะ " เขาจ้องมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าเห็นว่านางเป็นเพียงสตรีร่างเล็กคงไม่มีพิษมีภัยอันใดจึงเปิดประตูให้นางเข้าไปด้านใน
"เดินตามข้ามาข้าจะพาเจ้าไปหาคุณหนู "
"ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ " เจียวเหมยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินตามหลังของบ่าวรับใช้เข้าไปในเรือน
ไม่นานนักนางได้เดินมาถึงศาลารับลมคุณหนูลู่เฟย
สหายของนางกำลังนั่งปักผ้าด้วยใบหน้ามุ่งมั่น นางเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
"คุณหนูขอรับ สตรีผู้นี้ขอเข้าพบคุณหนูนางบอกว่านางเป็นสาวใช้ของคุณหนูจางหนิงเซียนขอรับ " นางวางมือกับผ้าที่ปักยังไม่เสร็จรีบจ้องมองมายังเจียวเหมย คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย เหตุใดสาวใช้ของจางหนิงเซียนถึงได้อยากพบนาง นางจึงโบกมือไล่ให้บ่าวรับใช้ออกไป
"เจ้าเป็นสาวใช้ของหนิงเซียนหรือ? มีเรื่องอันใดถึงมาหาข้าอีกอย่างข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าเป็นสาวใช้ของสหายข้า "
"เรียนคุณหนูลู่เฟย คราวก่อนที่ท่านพบกับคุณหนูหนิงเซียนที่ลานประลองฝีมือใช่หรือไม่เจ้าคะ อีกอย่างทั้งสองยังนัดพบกันเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิเพื่อชมการเล่นว่าว ข้าน้อยเป็นสาวใช้ที่คอยรับใช้ข้างกาย คุณหนูคงไม่ได้สนใจข้าจึงจำใบหน้าของข้าไม่ได้ ที่ข้ามาขอพบท่านวันนี้เพราะมีเรื่องอยากจะรบกวนเจ้าค่ะ "
"สิ่งที่เจ้าเอ่ยมานั่นเป็นความจริง แล้วเจ้ามีเรื่องอะไรรีบบอกข้ามา"
"ข้าจะมาขอนอนที่นี่สักคืนได้มั้ยเจ้าคะ รุ่งสางข้าจะเดินทางไปที่เรือนตระกูลจางหากเดินทางต่อยามนี้คงมืดค่ำพอดี"
"เจ้าจะกลับไปหาหลินเซียนหรือ? เจ้าไม่รู้สินะว่านางเป็นโรคติดต่อและได้จากไปแล้ว กล่าวมาชีวิตของนางก็น่าสงสารไม่น้อย อายุยังน้อยต้องมาตายอีกทั่งตายได้เพียงไม่กี่วัน หยางตงฉวนบุรุษที่นางรักนักรักหนาแต่งตั้งสตรีอื่นขึ้นเป็นฮูหยินทันที เฮอะ! วาจาของบุรุษล้วนเชื่อถือมิได้ ข้าสงสารนางจริง ๆ หากนางรู้ว่าสามีที่รักนางนั้นตัดใจจากนางรวดเร็วถึงเพียงนี้ " เจียวเหมยได้ยินหัวใจเต้นระรัว 'แต่งตั้งฮูหยินใหม่หรือ? คงเป็นเยว่เผิงไม่ผิดแน่ บุรุษชั่วช้ากับสตรีไร้ยางอาย หากข้าตายจริง ๆ คนพวกนั้นคงอยู่อย่างมีความสุขสินะ! ตอนนี้ให้พวกเจ้ามีความสุขเสียให้พอ เพราะต่อจากนี้ข้าจะพรากความสุขของพวกเจ้าทั้งสองเอง' เจียวเหมยคิดในใจก่อนจะแสร้งทำสีหน้าตกใจ ใช้มือทาบอกดวงตาเริ่มแดงก่ำ
"เกิดเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ข้าขอเดินทางกลับบ้านเกิดเพราะท่านแม่ของข้าเจ็บป่วยใกล้สิ้นใจคุณหนูของข้าเป็นคนดีเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูกัน ไม่จริงใช่หรือไม่เจ้าคะ"
"โธ่ ๆ เจ้าไม่รู้เลยหรือไงเวลาล่วงเลยมาหลายฤดู หนิงเซียนนางตายด้วยโรคติดต่อเหมือนใต้เท้าจาง แม้แต่ศพยังไม่สามารถเผยให้ผู้ใดได้เห็น หยางตงฉวนสามีของนางไว้ทุกข์เพียงสามวันเจ็ดวันก็แต่งฮูหยินคนใหม่เข้าเรือน เอ่ยมาแล้วข้าโมโหแทนนางเสียจริง! " ลู่เฟยพูดจาใส่อารมณ์
"ข้าไม่น่าไปจากคุณหนูเลย คุณหนูผู้น่าสงสารของข้า อึก อึก"
"เอาล่ะ เอาล่ะ วันนี้เจ้านอนกับสาวใช้ของข้าก็แล้วกันรุ่งสางข้าจะให้บ่าวไปส่งเจ้าที่เรือนตระกูลจาง "
"ขอบคุณน้ำใจคุณหนูลู่เฟย" เจียวเหมยโค้งคารวะพลางเช็ดน้ำตาตนเอง
บทที่ 5 หนทางกลับเข้าเรือนรุ่งสางมาเยือนเจียงเหมยสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ครุ่นคิดในใจ หากนางได้พบหน้าของชายที่ฆ่านางด้วยความรักนางจะไม่หวั่นไหวใจสั่นกับเขาเป็นอันขาดจากนี้ไปนางมีเพียงความแค้นที่ต้องชำระลู่เฟยให้บ่าวรับใช้พานางนั่งรถม้ามายังเรือนตระกูลจาง เมื่อนางมาถึงนางได้บอกให้สารภีหยุดก่อนจะถึงเรือน นางจะเข้าไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้คงเป็นเรื่องน่าสงสัยที่จู่ ๆ สตรีอย่างนางปรากฏตัวเจียงเหมยจึงลงใกล้ ๆ เรือนเฝ้ามองดูการเคลื่อนไหว ของทุกคนเห็นหยางตงฉวนควบม้าออกไปด้านนอก นางจึงเดินไปที่โรงเตี๊ยมใกล้ ๆ เฝ้ารอให้หยางตงฉวนกลับมาเสียก่อน นางคิดไว้แล้วว่าจะทำอย่างไรถึงจะเข้าใกล้เขาได้อย่างรวดเร็วนางเฝ้าคอยจนท้องฟ้าเริ่มคล้อยต่ำลงแสงดวงอาทิตย์ลับลาขอบฟ้าปกคลุมด้วยความมืดมิดแทนที่ แสงสว่างจากโคมไฟเริ่มสว่างขึ้นตามบ้านเรือน เจียวเหมยเดินไปอยู่ใกล้ ๆ หน้าเรือนเสียงฝีเท้าของม้าถูกควบมาจากไกล ๆ นางได้เริ่มแผนการที่นางคิดไว้ทั้งคืนเพื่อที่จะได้เข้าใกล้หยางตงฉวนฝั่งด้านหยางตงฉวนกลับมาจากวังหลวงยามนี้ท้องฟ้าเริ่มสลัว ๆ จู่ ๆ สายตาเขาได้เห็นสตรีร่างบางเดินซวนเซล้มลงที่หน้าเรือน เขารีบใช้เท้าบังคับให้ม้า
บทที่ 6 ชีวิตช่างรันทดเมื่อทั้งสองเดินออกไปเสียงประตูถูกปิดแน่น เสียงของยูร์เหยาสาวใช้ที่ถูกสั่งให้ดูแลเจียวเหมยได้เดินเข้ามาใกล้เตียงนอน"คงจะเจ็บน่าดูสินะ ใบหน้าไร้ที่ติจนทำให้นายท่านสนใจแต่ข้าไม่อยากให้ท่านอยู่ที่นี่หรอกนะ ข้าไม่อยากให้ท่านเป็นเสมือนนายหญิงของข้า " ยูร์เหยาเด็กสาวที่จำได้ติดตาในคืนวันที่หนิงเซียนถูกคนที่นี่ทำร้ายอย่างไร นางเป็นสาวใช้ที่คอยดูแลหนิงเซียนอีกคนแต่ไม่ได้อยู่ในสายตาเพราะยามนั้นหนิงเซียนฮูหยินสนิทสนมกับงูพิษอย่างเยว่เผิงจนนางมิอาจจะพูดอะไรได้และไม่สามารถช่วยเหลือฮูหยินของตนได้เลยเพราะนางเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น สิ่งที่นางเอ่ยออกมาทำให้เจียวเซียนพอได้ยินคลับคลายคลับคลาแต่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดูนาง พร้อมหลับไปเพราะฤทธิ์ยาและความเจ็บจากคมมีดที่นางแทงเข้าที่หน้าท้องของตัวเองรุ่งสางมาเยือนแสงแดดกระทบใบหน้านางขยับกายอย่างลืมตัวแต่เมื่อขยับนางรู้สึกเจ็บแปลบ ค่อย ๆ ลืมเปลือกตาที่หนักอึ้งอย่างช้า ๆ ห้องนี้เป็นห้องนอนของเรือนรับรองนางจดจำได้ทุกที่ในเรือนนางพยายามจะลุกขึ้น ทันใดนั้นเองสตรีร่างเล็กตื่นขึ้นเพราะรู้สึกว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงดิ้นไปมา"ฟื้นแล้วหรือ? อย่าพึ่
บทที่ 7 ขับไล่ห้องรับรองเจียวเหมยยืนอยู่ริมหน้าต่างสายตาจ้องมองไปด้านนอกอย่างเหม่อลอย เรือนที่นางอยู่มาตั้งแต่เด็กไม่คิดเลยว่าวันนี้ที่แห่งนี้จะเป็นของผู้อื่น ตอนนี้นางได้กลับมาแล้วภาพความทรงจำที่นางกับท่านพ่อเคยใช้เวลาอยู่ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มเสียงหัวเราะ ใบหน้าของท่านพ่อที่ยืนส่งยิ้มให้นางยังคงตราตรึงใจเสมอ นางกลับมาครั้งนี้จะทวงคืนทุกอย่างกลับคืนมาให้ได้ไม่อย่างนั้นนางมิอาจจะนอนตายตาหลับได้ครั้นนั้นเสียงประตูถูกเปิดเข้ามา เสียงที่คุ้นเคยได้เอ่ยขึ้นมาทันทีที่เท้าก้าวเข้ามาด้านในเพียงหนึ่งข้างเท่านั้น"เจ้าฟื้นแล้วก็ออกไปจากเรือนของข้าได้แล้วแม้ว่าสามีข้าจะใจดีแต่ข้าไม่ อีกอย่างตอนนี้เจ้าเดินเหินได้คงไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายอันใด เป็นบุตรสาวเรือนใดข้าจะให้บ่าวไปส่งเจ้าเอง"“ฮูหยินข้ายังรู้สึกเจ็บแผลอยู่เลยเจ้าค่ะ อีกอย่างเมื่อเช้านี้ท่านใต้เท้าบอกให้ข้ารักษาตัวอยู่ที่นี่จนกว่าจะหายเจ้าค่ะ ข้าเป็นหนี้บุญคุณท่านใต้เท้าหากจะจากที่นี่ไปอย่างไรต้องร่ำลาผู้มีพระคุณเสียก่อน"“นี่เจ้าไม่รู้ความหรือไง ไม่ว่าข้าหรือแม้แต่ท่านใต้เท้าก็เสมือนคนคนเดียวกันออกไปจากที่นี่ก่อนที่ข้าจะขับไล่เจ้า
บทที่ 8 ห้องพัก"ท่านช่างมีความเมตตากับข้ามากเหลือเกินเจ้าค่ะ ไม่ว่างานในเรือนอะไรข้าทำได้ทั้งนั้น ข้าเพียงแค่ต้องการอาหารกับที่พักพิงเท่านั้น โชคดีหรือเพราะโชคชะตาที่ทำให้เขาได้มาพบกับท่านใต้เท้าเช่นท่าน" เจียวเหมยผละออกยกมือสองข้างขึ้นมาคารวะหยางตงฉวน เขารีบเข้ามาจับมือของนางไม่ให้ก้มลงเพื่อขอบคุณเขา"เจ้าไม่ต้องทำถึงเพียงนี้ ยามนี้เจ้ายังเจ็บร่างกายอยู่พักผ่อนเถอะนะข้าจะให้สาวใช้ไปจัดเตรียมห้องพักไว้ให้เจ้าจัดเตรียมเสร็จเมื่อไหร่ข้าจะให้ยูร์เหยามาตาม""ขอบคุณท่านใต้เท้าเจ้าค่ะ " เอ่ยจบเขาได้เดินออกไปจากห้อง สีหน้าของเจียวเหมยได้เปลี่ยนไปทันที"คิดไว้แล้วว่าบุรุษเช่นท่านจะต้องยอมอ่อนข้อให้แก่ความเย้ายวนของสตรี ทำไมตอนนั้นข้าถึงได้ตาบอดหลงคิดว่าเขามีเพียงแต่ข้า ช่างโง่เขราเสียจริง! " เจียวเหมยเอ่ยพึมพำก่อนจะเดินไปนั่งที่เตียงนอน ในใจคิดแผนการที่จะแก้แค้นทั้งสองอย่างสาสม เพียงแค่เห็นใบหน้าของทั้งสองความโกรธแค้นในใจของนางเริ่มลุกขึ้นราวไฟกลับโหมกระหน่ำแรงยิ่งกว่าเดิมฝั่งด้านเยว่เผิงนางเดินสงบสติอารมณ์ของตนจนมาถึงห้องรีบปิดประตูก่อนจะอาละวาดกรี๊ดร้องทำลายข้าวของมในห้องเสียงดังลั่น ทำให
บทที่ 9 เกินไปแล้วครั้นนั้นเจียวเหมยเดินเข้าไปด้านในทุกอย่างในห้องของนางยังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน ราวกับว่าตั้งแต่ที่นางจากไปที่นี่ไร้ผู้คนมาอยู่ ช่างโชคดีที่หยางตงฉวนให้นางมาอยู่ในห้องที่นางคุ้นเคย อาหารถูกจัดเตรียมอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าอย่างมากมาย ระลอกความคนึงหาเรื่องทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นที่ห้องนี้แวบเข้ามาในความคิดน้ำตาของนางไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว นางตั้งสติรีบเช็ดน้ำตาไม่ให้ยูร์เหยาได้เห็นมิเช่นนั้นอาจจะทำให้นางสงสัยเอาได้"อาหารมากมายเลยเจ้ากินด้วยกันสิ ให้ข้านั่งกินผู้เดียวข้าไม่คุ้นชิน""ท่านกินไปเถิดข้ากับสาวใช้นางอื่นกินเสร็จแล้ว เมื่อท่านกินเสร็จข้าจะได้เก็บสำรับไปให้ท่านได้พักผ่อน""อืม…เข้าใจแล้วอย่างนั้นข้าไม่เกรงใจ" เจียวเหมยนั่งลงที่เก้าอี้แสร้งทำเป็นตื่นเต้นกับอาหารตรงหน้า ก่อนจะจับตะเกียบมาคีบอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อนางกินอาหารเสร็จยูร์เหยาได้จัดการเก็บสำรับกลับโรงครัว ก่อนที่นางจะกลับไปนางได้แจ้งให้แก่เจียวเหมยเกี่ยวกับการที่จะอยู่ที่นี่และต่อจากนี้นางจะมาเป็นผู้ดูแลนางนับจากนี้"เท่าที่ข้าสังเกตและเห็นแววตาของท่านใต้เท้าที่ท่านใต้เท้ามีเมตตาให้ท่านมาอยู่ที่ห้
บทที่ 10 กินหาหารเช้าร่วมกันรุ่งเช้าวันต่อมาเจียวเหมยนอนไม่หลับทั้งคืนนางคิดถึงวันที่นางต้องเจ็บช้ำน้ำใจอีกทั้งวันที่นางแตกสลายความทรงจำไหลเวียนเข้ามา นางสะอื้นไห้จนคิดว่ายามนี้นางต้องพอเสียทีหมดเวลาที่นางจะมาเสียน้ำตากับคนเช่นนี้ คนพวกนั้นจะต้องถูกเอาคืนอย่างสาสม นางจะทำให้ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าที่นางเจ็บปวดพันเท่าเจียวเหมยหยิบอาภรณ์ที่อยู่ในตู้ของตนเอามาสวมใส่ ทุกอย่างของนางคิดว่าจะถูกนำไปทิ้งแล้วเสียอีกแต่กลับยังอยู่ที่เดิมครั้นนั้นเสียงประตูถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอก ยูร์เหยาเห็นแผ่นหลังของเจียวเหมยที่สวมชุดของหนิงเซียนนางชะงักใบหน้าซีดเซียว หากไม่รู้ว่าสตรีในห้องนี้เป็นเจียวเหมยคงคิดว่าฮูหยินฟื้นขึ้นมาเสียอีก"ท่านทำอันใด! " เจียวเหมยหันขวับมามองสองเท้าเดินไปหายูร์เหยา"ข้าเพียงแค่อยากเปลี่ยนชุดเท่านั้นเอง แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพักอยู่ที่ใดจะไปถามก็กลัวไม่พบเจ้า จึงนำชุดมาสวมใส่โดยไม่ได้เอ่ยถาม" นางไม่มีท่าทีที่่จะแตกตื่นเมื่อถูกยูร์เหยาเอ่ยถามรีบแจ้งต่อนางเรื่องอาภรณ์ที่นางสวมใส่ยามนี้"เฮ้อ! อย่างไรเจ้าของอาภรณ์พวกนี้ไม่อยู่แล้วท่านจะสวมใส่คงไม่มีผู้ใดกล้าว่าหรอกนะ แต่น่าแปลกเสียจริง
บทที่ 11 จะไม่ให้เป็นเช่นเดิมอีก"เท้าของเจ้าบวมแดงเล็กน้อยคงจะต้องใส่ยาหากจะให้เจ้าเดินน่าจะระบมแดงยิ่งกว่าเดิม ข้าอุ้มเจ้ากลับที่ห้องเจ้าจะว่ากระไรหรือไม่""ข้าจะว่าอะไรได้เจ้าคะ ต้องขอบคุณน้ำใจท่านใต้เท้าเสียอีกที่ช่วยเหลือข้า" เอ่ยจบเขาลุกขึ้นอุ้มร่างบางอย่างง่ายดายก่อนจะเดินพาเจียวเหมยกลับที่ห้องยามนั้นยูร์เหยากำลังเช็ดถูห้องให้เจียวเหมยอยู่หน้าห้องเห็นนายท่านกำลังอุ้มร่างของเจียวเหมยมานางรีบเปิดประตูห้องให้อย่างรวดเร็ว“เกิดอะไรถึงหรือเจ้าคะ”“ระหว่างที่ข้าพานางเดินสำรวจนางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าช่วยไปหยิบยามาให้ข้าทีข้าจะทายาให้นาง”“เอ่อ…ท่านใต้เท้าในเมื่อยามนี้ท่านพาข้ามาส่งถึงที่ห้องแล้วข้าไม่ขอรบกวนท่านจะดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าจะให้ยูร์เหยาช่วยทายาให้ข้าเองเจ้าค่ะ”“เอาอย่างนั้นหรือ? ยูร์เหยาข้าฝากเจ้าดูแลนางด้วย”“เจ้าค่ะท่านใต้เท้า” ยูร์เหยาโน้มกายน้อมรับคำสั่งเดินออกไปด้านนอกเพื่อนำยามาทาให้แก่เจียวเหมย เขาอุ้มร่างนางมาวางลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม“เท้าของเจ้าคงอีกสองวันถึงจะหายดีระหว่างนี้เจ้ามิต้องเดินไปที่ใดหากอยากได้อะไรให้เรียกใช้ยูร์เหยาได้เต็มที่ ส่วนอาหารข้าจะให้พ่อคร
บทที่ 12 ตอบแทนหลังจากนั้นยูร์เหยาได้เอ่ยถามเรื่องราวระหว่างที่นางถูกจับโยนทิ้งหน้าผาเกิดอะไรขึ้นแล้วทำไมใบหน้าของนางถึงเปลี่ยนไป ยามนี้เจียวเหมยมั่นใจแล้วว่ายูร์เหยาสามารถเชื่อใจได้จึงเล่าทุกอย่างให้นางได้รับรู้จนหมดและแผนการที่นางกลับมาในครั้งนี้ ยูร์เหยานางจงรักภักดีจึงรับปากจะช่วยเหลือเจียวเหมยทุกอย่างไม่ว่านางจะทำอันใดนางจะอยู่ข้างกายแม้ตายก็ไม่กลัวเช่นกันเมื่อทั้งสองพูดคุยกันจนตะวันเริ่มคล้อยต่ำจวนจะถึงมื้ออาหารเย็นยูร์เหยาจึงแจ้งเรื่องที่เยว่เผิงออกไปตลาดวันนี้“จริงสิ!วันนี้ข้าได้ยินสาวใช้นางอื่นเอ่ยกันว่าฮูหยินออกไปด้านนอกเพราะไปซื้อยาต้มบำรุงร่างกายให้ตนเองตั้งครรภ์ด้วยล่ะ”“ฮื้ม! นางอยากตั้งครรภ์หรือ? ไม่ได้ข้าจะให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นไม่ได้ เจ้าช่วยไปหาปาโต๊ว เซียนหนิว เหยียนฮวา ซานหลิง ชนิดใดชนิดหนึ่งมาให้ข้าทีเอาที่ตากแห้งไว้แล้ว ข้าจะนำมาบดให้ละเอียดและช่วยนำไปสลับเปลี่ยนกับยาที่นางต้มดื่ม” เจียวเหมยจำได้ดีคำพูดของไป๋ฉีที่บอกนางเกี่ยวกับยาสมุนไพร และยาพิษบางตัวอาจจะใช้รักษาร่างกายได้แต่ถ้ามากเกินไปอาจจะเป็นพิษต่อร่างกาย โชคดีอีกอย่างคือหญ้าสมุนไพรนี้เสมือนหญ้าตัวเดี
บทที่ 20 ทำไมไม่เชื่อข้าสักนิดฝั่งด้านเยว่เผิงนางกลับมาที่ห้องของตนเองได้ระเบิดอารมณ์ที่เก็บกดเอาไว้เมื่อครู่“กรี๊ด!!! ทำไมทำไมข้ามิอาจจะทำอะไรนางได้ ไม่คิดเลยว่านางจะกล้ามากถึงเพียงนี้”“ฮูหยินเจ้าคะหากนางเป็นเพียงสาวเร่ร่อนไม่มีญาติพี่น้องอย่างนั้นไม่กำจัดง่ายหรือเจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าอีกสามวันท่านใต้เท้าจะไปพักที่วังหลวงเพราะมีพระราชโองการจัดพิธีการเฉลิมฉลองให้แก่องค์รัชทายาทเหล่าใต้เท้ามากมายต้องไปช่วยเหลือไม่ให้งานออกมาขาดตกบกพร่อง แถมท่านใต้เท้ายังได้รับหน้าที่ดูแลพิธีการอีก เราใช้ช่วงเวลานี้จัดการนางไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะหากเก็บนางเอาไว้นางจะคอยทิ่มแทงใจฮูหยินตลอดเช่นนี้” ซูหยวนคิดแผนของตนเองเมื่อเห็นว่าฮูหยินมิอาจจะต่อกรกับเจียวเหมยได้ เยว่เผิงยืนนิ่งคิดตามคำพูดของสาวใช้รอยยิ้มชั่วร้ายได้ปรากฏขึ้น“นั่นสินะทำไมข้าคิดไม่ถึงกันวันที่ท่านพี่ออกเดินทางไปวังหลวงเจ้าช่วยไปหานักฆ่ารับจ้างมาจัดการให้ข้าที ส่วนเรื่องที่นางหายตัวไปข้าคิดเอาไว้แล้วจะทำอย่างไร ข้าจะบอกท่านพี่ว่าคนรักของนางมาตามตัวนางกลับเรือน ที่ผ่านมานางเพียงหลอกลวงท่านพี่เท่านั้น”“ได้เลยเจ้าค่ะเช่นนั้นข้าน้อยขอตัวไปหาคนม
บทที่ 19 ฝากเอาไว้ก่อนใบหน้าของเยว่เผิงร้อนผ่าวชาจนแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เริ่มแดงขึ้นเป็นเริ้ว ๆ ตามรอยนิ้วมือของเจียวเหมย นางจับที่ใบหน้าของตนเองก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเสียสติ“ฮ่า ฮ่า นี่เจ้าบังอาจตบหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?” ซูหยวนตกใจเบิกตาโพลงโตไม่คิดว่าเจียวเหมยจะกล้าลงมือทำกับฮูหยินถึงขนาดนี้ นางรีบเดินเข้าไปประคองถามอาการทันที“ฮูหยินเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ นี่เจ้ากล้าดียังไงเอามือสกปรกของเจ้ามาแตะต้องใบหน้าของฮูหยินเรื่องนี้จะต้องถึงหูท่านใต้เท้า คอยดูว่าผู้ใดกันแน่จะถูกท่านใต้เท้าตำหนิ”“ฮึ ฮึ ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าให้ปล่อยข้า แต่พวกท่านยังไม่เชื่อคำพูดของข้าและหวังจะทำร้ายข้าแท้ ๆ หากข้ายอมอ่อนข้อคงโดนพวกท่านทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ แต่ทำไมข้าจะปกป้องตนเองไม่ได้เอาสิดีเช่นกันแจ้งท่านใต้เท้าเลยว่าข้าทำร้ายร่างกายฮูหยินใหญ่ข้าเองมิได้เกรงกลัว” เจียวเหมยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม จ้องมองทั้งสองด้วยสายตาไร้ความเกรงกลัวเยว่เผิงจ้องมองเข้าไปในดวงตาของนางจู่ ๆ นางกลับเห็นสายตาดดุดันคลายสายตาที่นางคุ้นเคยเหมือนนางถูกหนิงเซียนจ้องมองนางสะดุ้งตกใจใบหน้าซีดเผือกรีบชักชวนให้ซูหยวนพาตน
บทที่ 18 ย้ายที่นอนรุ่งสางวันต่อมาเจียวเหมยแสร้งถอดอาภรณ์ของตนเองเสมือนว่าเมื่อคืนนี้นางกับเขาได้มีค่ำคืนที่เร่าร้อนด้วยกันนอนกอดเขาแนบแน่นอยู่บนเตียงร่างใหญ่ตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือเห็นสตรีร่างบางนอนหลับสนิทเขายิ้มกริ่มขึ้นมาก่อนที่จะขยับกายจูบที่หน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา นางทำให้เขามีความสุขมากกว่าเยว่เผิงเสียอีก“อื้อ ...ท่านพี่ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” ร่างเล็กขยับกายเล็กน้อยเมื่อถูกอีกฝ่ายสัมผัส“ข้าทำเจ้าตื่นอย่างนั้นหรือ? ข้าตื่นเมื่อครู่นี่เองเจ้านอนต่อเถิด เมื่อคืนนี้ข้าคงทำให้เจ้าไม่ได้หลับเลยใช่มั้ย ดูจากสภาพห้องแล้วข้าคงจะรุนแรงกับเจ้าสินะร่างกายของเจ้าคงระบมไปหมด” เขาเอ่ยพลางกวาดตาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของตน“มิใช่เจ้าค่ะ เมื่อคืนนี้ท่านพี่ทำให้ข้ามีความสุขถึงใจสุด ๆ เลยเจ้าค่ะไม่คิดเลยว่าท่านพี่จะมีพละกำลังมากมายถึงขนาดนี้ อย่างนั้นคืนนี้ท่านพี่คงไม่ให้ข้ามาหาที่นี่สินะเจ้าคะ ข้าชักชอบห้องของท่านพี่มากกว่าห้องที่ข้าอยู่ด้วยซ้ำ ข้าได้ยินมาจากสาวใช้ว่าห้องนั้นเป็นห้องของฮูหยินคนแรกของท่านที่ตายด้วยโรคติดต่อท่านให้ข้าย้ายมาอยู่ที่ห้องของท่านด้วยมิได้หรือเจ้าค่ะ ข้ากลัวว่าข้าจะติดโ
บทที่ 17 ข้าจะอยู่กับท่านไปจนวันตายยูร์เหยาเดินมาส่งเจียวเหมยที่ห้องนอนของหยางตงฉวน ยามนี้เจียวเหมยเห็นว่าถึงเวลาที่นางจะต้องค้นหาหนังสือที่นางเคยยกมอบให้แก่เขาหนังสือสัญญาลงนามเกี่ยวกับสมบัติบ้านเรือนทั้งหมด"ยูร์เหยาเจ้าไปนำสุรามาให้ข้าหน่อย คืนนี้ข้าจะต้องหาหนังสือให้เจอข้าจะมอมสุราหยางตงฉวน”“เจ้าค่ะอย่างไรคุณหนูต้องระมัดระวังตนให้ดีนะเจ้าคะ แม้ว่าท่านใต้เท้าหยางตงฉวนจะเมาสุราแต่ท่านจะต้องให้แน่ชัดแล้วค่อยหานะเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงคุณหนูเหลือเกิน” สีหน้าของยูร์เหยาเผยความกังวลเต็มดวงหน้า นางยิ้มกริ่มก่อนจะใช้มือแตะลงที่บ่าของยูร์เหยา“เจ้ามิต้องเป็นกังวล ข้ากลับมาในครั้งนี้ข้าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายข้าได้ง่าย ๆ หากข้ากลัวข้าคงไม่กลับมาเจ้าทำใจให้สบายเถิดรีบไปนำสุรามา เมื่อหยางตงฉวนมาที่ห้องเจ้าค่อยกลับไปพักผ่อน” ยูร์เหยาถอนหายใจเอื่อย ๆ ก่อนจะพยักหน้าน้อมรับคำสั่งของเจียวเหมยไปเอาสุรามาให้นางทันทีเจียวเหมยเดินเข้าไปในห้องเดินเข้าไปจุดเทียนให้ความสว่าง ห้องนี้เป็นห้องเดิมที่เขาเคยอาศัยอยู่และนางเองก็เคยมาที่นี่บ่อย ๆ และห้องนี้ก็เป็นห้องที่ทำให้นางได้รู้ความจริงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหม
บทที่ 16 เลิกเสแสร้งเสียทีเมื่อเจียวเหมยเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จนางได้กลับไปที่งานเลี้ยงเช่นเดิม นางจ้องมองเห็นเยว่เผิงนั่งใบหน้าบูดบึ้งไร้ซึ่งอารมณ์ ใบหน้าของเจียวเหมยแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะเหลียวมองหาหยางตงฉวนเห็นว่าเขากำลังพูดคุยอยู่กับเหล่าใต้เท้านางจึงเดินตรงไปหาเยว่เผิง ยามนี้ทุกคนต่างพากันดื่มสุราอย่างสนุกสนานเสียงเพลงบรรเลงครึกครื้น สองเท้าของนางเดินเข้าไปใกล้พลางนั่งลงเก้าอี้ตัวข้าง ๆ เยว่เผิง"ฮูหยินใหญ่ทำไมถึงมีสีหน้าอย่างนั้นเจ้าคะหรือว่าไม่สบายตรงใดหรือไม่? ให้ข้าพาท่านไปส่งที่ห้องดีมั้ยดูสิสีหน้าของท่านไม่ดีเอาเสียเลย" เจียวเหมยขยับกายกระซิบข้างหูของเยว่เผิงทำให้นางสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมาตอบกลับนางด้วยความโมโหเพราะนางทำให้ซูหยวนต้องรับโทษ"เลิกเสแสร้งแกล้งเป็นคนดีเสียที เรื่องทั้งหมดเป็นแผนของเจ้าใช่หรือไม่ เจ้าต้องการหักหน้าข้าทำให้ข้าอับอายแถมยังโดนท่านพี่ตำหนิต่อหน้าขุนนางอีก เจ้ามันชั่วช้าอย่างกำพืดของเจ้าจริง ๆ" เจียวเหมยได้ยินถึงกับหัวเราะออกมา นางมองดูดีแล้วว่ายามนี้ทุกคนมิได้สนใจพวกนางเลยต่างพากันกินอย่างเอร็ดอร่อยกับอาหารที่ทางเรือนจัดเตรียมไว้ให้กินในงานฉลองให้
บทที่ 15 นางต้องอับอายเจียวเหมยนางไม่ได้เดินกลับเรือนแต่อย่างไร นางชักชวนให้ยูร์เหยาเดินตามนางมาเงียบ ๆ สองเท้าของนางเดินไปยังห้องของท่านพ่อที่เคยอยู่ แต่ก่อนที่แห่งนี้บ่าวรับใช้มักจะเดินกันไปทั่วแต่ทว่ายามนี้กลับเงียบเหงามีเพียงสาวใช้ที่คอยมาทำความสะอาดเป็นครั้งคราว'ท่านพ่อต่อจากนี้ท่านไม่ต้องเป็นห่วงอันใด ข้าหนิงเซียนได้กลับมาแล้วข้าจะจัดการผู้ที่กระทำต่อตะกูลของเรา บรรพบุรุษตระกูลจางต้องได้นอนตายตาหลับ ข้าหวังว่าท่านพ่อจะคอยดูแลข้ายามที่พบเจอเรื่องที่ยากลำบากให้ข้าแก้แค้นทั้งสองคนที่ชั่วช้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ ' เจียวเหมยจ้องมองไปยังห้องของท่านพ่อแต่นางไม่ได้ก้าวเท้าเข้าไปด้านในเกรงว่าจะถูกสาวใช้ในเรือนพบเห็นเอาได้ นางทำได้เพียงเอ่ยในใจบอกแก่ท่านพ่อของนางให้สบายใจ นางจะแก้แค้นคนที่ทำร้ายท่านพ่อผู้มีเมตตาจนถึงแก่ความตายนางจะหยิบยื่นความตายเช่นเดียวกับท่านพ่อให้แก่หยางตงฉวนเองสองวันต่อมาเรือนตระกูลจางจัดงานแต่งตั้งฮูหยินรองให้แก่หยางตงฉวนมีใต้เท้ามากมายมาร่วมแสดงความยินดี ยามที่เจียวเหมยยืนต่อหน้าทุกสายตาต่างพากันเอ่ยชมไม่ขาดปากและอวยพรให้หยางตงฉวนกับนางมีบุตรในเร็ววัน เยว่เผิงนางยืนห
บทที่ 14 ค่าตัวของข้า“ฮูหยินเจ้าคะ เมื่อครู่ข้าเดินมาจากโรงครัวเห็นท่านใต้เท้าอุ้มสตรีนางนั้นมาที่ห้องแถมยังสวมใส่อาภรณ์หลุดลุ้ยอีกต่างหากเจ้าค่ะ” เยว่เผิงนางนั่งดื่มยาสมุนไพรที่ซูหยวนนำมาให้พลางครุ่นคิด นางวางชามยาลงอย่างช้า ๆ“อย่างนั้นหรือ? ท่านพี่คงหลงใหลในตัวนางชั่วคราวอีกไม่นานก็เบื่อไปเอง ดีกว่าท่านพี่ออกไปหอคณิกา ขนาดหนิงเซียนท่านพี่ยังเบื่อที่นางจืดชืด ดูจากใบหน้าของเจียวเหมยนางคงไม่มีดีอันใดให้ท่านพี่หลงใหลนานนักหรอก ยิ่งถ้าหากข้าตั้งครรภ์ให้ท่านพี่ในเร็ววัน ท่านพี่คงได้หลงลืมนางและขับไล่นางออกจากเรือนไปเอง“แต่ว่าสายตาของท่านใต้เท้าที่มองนางมิใช่อย่างที่ข้าเคยเห็นเลยนะเจ้าคะ”“ซูหยวนเจ้ามิต้องเป็นกังวลไป เพราะอย่างไรคนที่เคียงข้างท่านพี่เสมอมาคือข้าและข้าก็เป็นคนที่กำความลับของท่านพี่ไว้มากมาย หากเมื่อไหร่ที่ท่านพี่ไม่สนใจข้าเรื่องที่ท่านพี่ทำทั้งหมดข้าจะเปิดโปงเอง” เยว่เผิงแสยะยิ้มเพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดที่เหมาะสมกับหยางตงฉวนเท่านางอีกแล้วฝั่งด้านเจียวเหมยหลังจากที่นางถูกหยางตงฉวนอุ้มมาส่งที่ห้อง เขาให้นางพักผ่อนพร้อมกำชับกับยูร์เหยาให้ดูแลนางให้ดี เมื่อเขาออกไปเ
บทที่ 13 ต่อจากนี้เจ้าคือฮูหยินรองของข้าอีกด้านของเรือนเยว่เผิงอาบน้ำล้างกายจนเสร็จรีบสั่งการให้ซูหยวนไปตามหยางตงฉวนมาที่ห้องของนาง"นี่ซูหยวนเจ้าไปตามท่านพี่มาพบข้าสิ ข้าจะรอท่านพี่ที่ห้องแต่ทว่าก่อนเจ้าไปช่วยจุดธูปหอมให้ข้าด้วยท่านพี่เหนื่อยงานมาจะได้ผ่อนคลาย""ได้เจ้าค่ะฮูหยิน " ซูหยวนจัดการจุดธูปหอมก่อนจะเดินไปตามท่านใต้เท้าที่ห้องของเขาแต่ทว่าเมื่อมาถึงที่ห้องกลับพบว่าท่านใต้เท้าไม่อยู่ นางจึงเดินไปดูที่ห้องอ่านตำราเห็นเทียนในห้องยังสว่างจึงเดินเข้าไปตามก๊อก ๆ !!"ท่านใต้เท้าเจ้าคะฮูหยินให้ข้ามาตามเจ้าค่ะ" นางเคาะประตูพลางตะโกนบอกหยางตงฉวนแต่ทว่าในห้องกลับไร้เสียงตอบกลับ นางอดสงสัยไม่ได้ปกติหากที่นี่เทียนยังสว่างอยู่ท่านใต้เท้าต้องอยู่ที่นี่สิ นางจึงใช้หูแนบที่ประตูได้ยินเสียงร้องครางออกมาอย่างไม่เป็นจังหวะ"อ๊าาา อะ อ๊าาา ท่านใต้เท้ากระแทกแล้วไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าจุก จุกท้องน้อยจนแทบไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ ""อื้ม ... ซี๊ด ... เจียวเหมยร่างกายของเจ้าช่างยั่วยวนข้านัก จนข้ามิอาจจะหักห้ามใจให้ทะนุถนอมเจ้าได้ยิ่งน้ำเสียงครางของเจ้ายิ่งทำให้ข้าฮึกเหิมมากกว่าเดิม อ๊าาาา ...." ทันทีที่ซูหยวน
บทที่ 12 ตอบแทนหลังจากนั้นยูร์เหยาได้เอ่ยถามเรื่องราวระหว่างที่นางถูกจับโยนทิ้งหน้าผาเกิดอะไรขึ้นแล้วทำไมใบหน้าของนางถึงเปลี่ยนไป ยามนี้เจียวเหมยมั่นใจแล้วว่ายูร์เหยาสามารถเชื่อใจได้จึงเล่าทุกอย่างให้นางได้รับรู้จนหมดและแผนการที่นางกลับมาในครั้งนี้ ยูร์เหยานางจงรักภักดีจึงรับปากจะช่วยเหลือเจียวเหมยทุกอย่างไม่ว่านางจะทำอันใดนางจะอยู่ข้างกายแม้ตายก็ไม่กลัวเช่นกันเมื่อทั้งสองพูดคุยกันจนตะวันเริ่มคล้อยต่ำจวนจะถึงมื้ออาหารเย็นยูร์เหยาจึงแจ้งเรื่องที่เยว่เผิงออกไปตลาดวันนี้“จริงสิ!วันนี้ข้าได้ยินสาวใช้นางอื่นเอ่ยกันว่าฮูหยินออกไปด้านนอกเพราะไปซื้อยาต้มบำรุงร่างกายให้ตนเองตั้งครรภ์ด้วยล่ะ”“ฮื้ม! นางอยากตั้งครรภ์หรือ? ไม่ได้ข้าจะให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นไม่ได้ เจ้าช่วยไปหาปาโต๊ว เซียนหนิว เหยียนฮวา ซานหลิง ชนิดใดชนิดหนึ่งมาให้ข้าทีเอาที่ตากแห้งไว้แล้ว ข้าจะนำมาบดให้ละเอียดและช่วยนำไปสลับเปลี่ยนกับยาที่นางต้มดื่ม” เจียวเหมยจำได้ดีคำพูดของไป๋ฉีที่บอกนางเกี่ยวกับยาสมุนไพร และยาพิษบางตัวอาจจะใช้รักษาร่างกายได้แต่ถ้ามากเกินไปอาจจะเป็นพิษต่อร่างกาย โชคดีอีกอย่างคือหญ้าสมุนไพรนี้เสมือนหญ้าตัวเดี