บทที่ 10 กินหาหารเช้าร่วมกัน
รุ่งเช้าวันต่อมา
เจียวเหมยนอนไม่หลับทั้งคืนนางคิดถึงวันที่นางต้องเจ็บช้ำน้ำใจอีกทั้งวันที่นางแตกสลายความทรงจำไหลเวียนเข้ามา นางสะอื้นไห้จนคิดว่ายามนี้นางต้องพอเสียทีหมดเวลาที่นางจะมาเสียน้ำตากับคนเช่นนี้ คนพวกนั้นจะต้องถูกเอาคืนอย่างสาสม นางจะทำให้ทุกข์ทรมานยิ่งกว่าที่นางเจ็บปวดพันเท่า
เจียวเหมยหยิบอาภรณ์ที่อยู่ในตู้ของตนเอามาสวมใส่ ทุกอย่างของนางคิดว่าจะถูกนำไปทิ้งแล้วเสียอีกแต่กลับยังอยู่ที่เดิม
ครั้นนั้นเสียงประตูถูกเปิดเข้ามาจากด้านนอก ยูร์เหยาเห็นแผ่นหลังของเจียวเหมยที่สวมชุดของหนิงเซียนนางชะงักใบหน้าซีดเซียว หากไม่รู้ว่าสตรีในห้องนี้เป็นเจียวเหมยคงคิดว่าฮูหยินฟื้นขึ้นมาเสียอีก
"ท่านทำอันใด! " เจียวเหมยหันขวับมามองสองเท้าเดินไปหายูร์เหยา
"ข้าเพียงแค่อยากเปลี่ยนชุดเท่านั้นเอง แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพักอยู่ที่ใดจะไปถามก็กลัวไม่พบเจ้า จึงนำชุดมาสวมใส่โดยไม่ได้เอ่ยถาม" นางไม่มีท่าทีที่่จะแตกตื่นเมื่อถูกยูร์เหยาเอ่ยถามรีบแจ้งต่อนางเรื่องอาภรณ์ที่นางสวมใส่ยามนี้
"เฮ้อ! อย่างไรเจ้าของอาภรณ์พวกนี้ไม่อยู่แล้วท่านจะสวมใส่คงไม่มีผู้ใดกล้าว่าหรอกนะ แต่น่าแปลกเสียจริงที่ท่านสวมใส่ชุดนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ เพราะชุดพวกนี้คุณหนูหนิงเซียนสั่งช่างตัดโดยเฉพาะ ที่ข้ามาหาท่านเพราะท่านใต้เท้าให้มาตามท่านไปกินอาหารเช้าที่ห้องโถงด้วยกัน"
"ฮึ ๆ สงสัยหุ่นของข้ากับคุณหนูของเจ้าหุ่นใกล้เคียงกันเจ้านำข้าไปสิ ข้าไม่อยากให้ท่านใต้เท้าคอยนาน " เจียวเหมยรีบเปลี่ยนเรื่องเดินออกจากห้องโดยมียูร์เหยาเดินนำหน้าไปที่ห้องโถง
เมื่อมาถึงห้องโถงสายตาของนางกวาดมองไปรอบ ๆ เห็นหยางตงฉวนนั่งใบหน้าระรื่นที่อยู่ที่เก้าอี้มีเยว่เผิงที่นั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ด้วย
"ท่านใต้เท้าเรียกข้าพบที่นี่มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ หรือว่าจะมอบหมายงานในเรือนให้ข้าหากเป็นเช่นนั้นข้าพร้อมตอบแทนพระคุณเจ้าค่ะ " หยางตงฉวนเห็นนางสวมใส่ชุดของหนิงเซียนยามแรกเขาชะงักเล็กน้อยเมื่อจู่ ๆ เห็นใบหน้าของหนิงเซียนผ่านใบหน้าของเจียวเหมย จนเขาต้องส่ายหน้าไปมาก่อนจะตั้งสติจะเห็นหนิงเซียนได้อย่างไรป่านนี้นางคงตายไปแล้ว แต่สตรีนางนี้ช่างงดงามเมื่ออยู่ในชุดของสตรีชั้นสูง
"ข้ามิได้เรียกเจ้าเพื่อมาสั่งงานนั่งลงที่เก้าอี้ตัวด้านหน้าเจ้าเถิด " เขาเอ่ยพลางผายมือให้นางนั่งลงที่เก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่
"เอ่อ ..จะดีหรือเจ้าคะ? ข้าเป็นเพียงสาวใช้เท่านั้นมิกล้านั่งเทียบฮูหยินกับท่านใต้เท้าหรอกเจ้าคะ "
"เฮอะ! ช่างน่าขันเสียจริง " เยว่เผิงเอ่ยขึ้นมาขัดคำพูดของเจียมเหมย หยางตงฉวนคิดว่าเขากับนางตกลงกันได้แล้วเสียอีกจึงกระแอมขึ้นมาให้เยว่เผิงได้รู้ว่านางมิควรจะทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง
"อะแฮ่ม!! "
"เจ้าบอกว่าจะทำตามคำสั่งของข้าผู้มีพระคุณต่อเจ้าอย่างนั้นข้าขอสั่งให้เจ้านั่งลงที่เก้าอี้เพื่อกินอาหารเช้าร่วมกับข้าเดี๋ยวนี้" เจียวเหมยหันไปมองสีหน้าของเยว่เผิงที่ซีดเซียวทำให้นางพึงพอใจยิ่งนัก
"เจ้าค่ะ "
ทั้งสามนั่งกินอาหารเช้าด้วยกันหลังจากนั้นหยางตงฉวนเป็นผู้เอ่ยชักชวนให้เจียวเหมยเดินสำรวจเรือนกับเขาเป็นการส่วนตัววันนี้เขามิได้มีงานราชการจึงอยู่เรือนได้ แม้ว่าเยว่เผิงจะไม่พึงพอใจแต่นางก็มิอาจจะขัดคำพูดหยางตงฉวนได้ จึงไปที่ตลาดหาซื้อยาสมุนไพรมาต้มเพื่อบำรุงร่างกายจะได้ตั้งครรภ์ในเร็ววัน
แสงแดดยามสายอบอุ่นกำลังดียามนี้ใกล้ฤดูเหมันต์เข้ามาทุกที ดอกไม้ผลิบานร่วงหล่นอย่างงดงาม หยางตงฉวนพานางเดินสำรวจเรือนจนกระทั่งใกล้มาถึงศาลารับลมกลางเรือน เจียวเหมยคิดหาทางเข้าใกล้เขามากกว่าเดิมหากชักช้าอาจจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ นางอยากเห็นวันที่เขาต้องสูญเสียเจ็บปวดในเร็ววัน นางเดินมาเรื่อย ๆ เมื่อเห็นว่าด้านหน้ามีโคนไม้ก่อนจะถึงศาลานางจึงแสร้งทำเป็นสะดุดล้มลง
"อ๊ายยย! " เจียวเหมยโพลงร้องเสียงดังและแล้วก็เป็นอย่างที่นางคิดเอาไว้ เขารีบเข้ามาช่วยนางเอาไว้ในอ้อมกอดไม่ให้นางได้ล้มพื้นและรับบาดเจ็บ
"เจ้าเป็นอันใดหรือไม่? " เจียวเหมยเงยหน้าจ้องมองใบหน้าของเขาพลางทำสีหน้าตกใจเล็กน้อย
"ขะ...ข้าไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะต้องขอบใจท่านใต้เท้าที่ช่วยข้าเอาไว้ทันเพราะข้าซุ่มซ่ามเองเดินไม่ดูทำให้สะดุดล้ม " หยางตงฉวนหัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นแววตาที่ส่งประกายของเจียวเหมย อยากจะครอบครองนางซะเหลือเกิน เขารีบหันไปมองทางอื่นหากทำเช่นนั้นนางจะคิดว่าเขาไม่ต่างจากบุรุษที่จะรุมทำร้ายนางก่อนที่เขาจะช่วยมาเสียอีก
"ไม่ใช่ความผิดเจ้าหรอกน่าจะเป็นโคนของต้นไม้ ไม่ได้การวันนี้ข้าจะต้องสั่งการให้บ่าวมาจัดการตัดแต่งรากไม้นี่เสียแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปนั่งที่เก้าอี้ในศาลารับลมก่อนจะได้ดูว่าข้อเท้าเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง " เขาพยุงร่างของเจียวเหมยไปที่ศาลา เมื่อจับนางนั่งลงเขาจึงย่อตัวลงเพื่อจับข้อเท้าของนางดูอย่างอ่อนโยน หากเป็นสตรีอื่นที่ไม่รู้นิสัยที่แท้จริงคงจะซึ้งใจไม่น้อยแต่มิใช่กับเจียวเหมย นางเกลียดทุกอย่างที่ชายผู้นี้กำลังทำแม้กระทำให้เขาถูกเนื้อต้องตัวนางสะอิดสะเอียดแต่นางต้องจำยอมทำทุกอย่างเพื่อการแก้แค้นเรื่องเท่านี้นางจึงกัดฟันทนไปก่อน
บทที่ 11 จะไม่ให้เป็นเช่นเดิมอีก"เท้าของเจ้าบวมแดงเล็กน้อยคงจะต้องใส่ยาหากจะให้เจ้าเดินน่าจะระบมแดงยิ่งกว่าเดิม ข้าอุ้มเจ้ากลับที่ห้องเจ้าจะว่ากระไรหรือไม่""ข้าจะว่าอะไรได้เจ้าคะ ต้องขอบคุณน้ำใจท่านใต้เท้าเสียอีกที่ช่วยเหลือข้า" เอ่ยจบเขาลุกขึ้นอุ้มร่างบางอย่างง่ายดายก่อนจะเดินพาเจียวเหมยกลับที่ห้องยามนั้นยูร์เหยากำลังเช็ดถูห้องให้เจียวเหมยอยู่หน้าห้องเห็นนายท่านกำลังอุ้มร่างของเจียวเหมยมานางรีบเปิดประตูห้องให้อย่างรวดเร็ว“เกิดอะไรถึงหรือเจ้าคะ”“ระหว่างที่ข้าพานางเดินสำรวจนางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าช่วยไปหยิบยามาให้ข้าทีข้าจะทายาให้นาง”“เอ่อ…ท่านใต้เท้าในเมื่อยามนี้ท่านพาข้ามาส่งถึงที่ห้องแล้วข้าไม่ขอรบกวนท่านจะดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าจะให้ยูร์เหยาช่วยทายาให้ข้าเองเจ้าค่ะ”“เอาอย่างนั้นหรือ? ยูร์เหยาข้าฝากเจ้าดูแลนางด้วย”“เจ้าค่ะท่านใต้เท้า” ยูร์เหยาโน้มกายน้อมรับคำสั่งเดินออกไปด้านนอกเพื่อนำยามาทาให้แก่เจียวเหมย เขาอุ้มร่างนางมาวางลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม“เท้าของเจ้าคงอีกสองวันถึงจะหายดีระหว่างนี้เจ้ามิต้องเดินไปที่ใดหากอยากได้อะไรให้เรียกใช้ยูร์เหยาได้เต็มที่ ส่วนอาหารข้าจะให้พ่อคร
บทที่ 12 ตอบแทนหลังจากนั้นยูร์เหยาได้เอ่ยถามเรื่องราวระหว่างที่นางถูกจับโยนทิ้งหน้าผาเกิดอะไรขึ้นแล้วทำไมใบหน้าของนางถึงเปลี่ยนไป ยามนี้เจียวเหมยมั่นใจแล้วว่ายูร์เหยาสามารถเชื่อใจได้จึงเล่าทุกอย่างให้นางได้รับรู้จนหมดและแผนการที่นางกลับมาในครั้งนี้ ยูร์เหยานางจงรักภักดีจึงรับปากจะช่วยเหลือเจียวเหมยทุกอย่างไม่ว่านางจะทำอันใดนางจะอยู่ข้างกายแม้ตายก็ไม่กลัวเช่นกันเมื่อทั้งสองพูดคุยกันจนตะวันเริ่มคล้อยต่ำจวนจะถึงมื้ออาหารเย็นยูร์เหยาจึงแจ้งเรื่องที่เยว่เผิงออกไปตลาดวันนี้“จริงสิ!วันนี้ข้าได้ยินสาวใช้นางอื่นเอ่ยกันว่าฮูหยินออกไปด้านนอกเพราะไปซื้อยาต้มบำรุงร่างกายให้ตนเองตั้งครรภ์ด้วยล่ะ”“ฮื้ม! นางอยากตั้งครรภ์หรือ? ไม่ได้ข้าจะให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นไม่ได้ เจ้าช่วยไปหาปาโต๊ว เซียนหนิว เหยียนฮวา ซานหลิง ชนิดใดชนิดหนึ่งมาให้ข้าทีเอาที่ตากแห้งไว้แล้ว ข้าจะนำมาบดให้ละเอียดและช่วยนำไปสลับเปลี่ยนกับยาที่นางต้มดื่ม” เจียวเหมยจำได้ดีคำพูดของไป๋ฉีที่บอกนางเกี่ยวกับยาสมุนไพร และยาพิษบางตัวอาจจะใช้รักษาร่างกายได้แต่ถ้ามากเกินไปอาจจะเป็นพิษต่อร่างกาย โชคดีอีกอย่างคือหญ้าสมุนไพรนี้เสมือนหญ้าตัวเดี
บทที่ 13 ต่อจากนี้เจ้าคือฮูหยินรองของข้าอีกด้านของเรือนเยว่เผิงอาบน้ำล้างกายจนเสร็จรีบสั่งการให้ซูหยวนไปตามหยางตงฉวนมาที่ห้องของนาง"นี่ซูหยวนเจ้าไปตามท่านพี่มาพบข้าสิ ข้าจะรอท่านพี่ที่ห้องแต่ทว่าก่อนเจ้าไปช่วยจุดธูปหอมให้ข้าด้วยท่านพี่เหนื่อยงานมาจะได้ผ่อนคลาย""ได้เจ้าค่ะฮูหยิน " ซูหยวนจัดการจุดธูปหอมก่อนจะเดินไปตามท่านใต้เท้าที่ห้องของเขาแต่ทว่าเมื่อมาถึงที่ห้องกลับพบว่าท่านใต้เท้าไม่อยู่ นางจึงเดินไปดูที่ห้องอ่านตำราเห็นเทียนในห้องยังสว่างจึงเดินเข้าไปตามก๊อก ๆ !!"ท่านใต้เท้าเจ้าคะฮูหยินให้ข้ามาตามเจ้าค่ะ" นางเคาะประตูพลางตะโกนบอกหยางตงฉวนแต่ทว่าในห้องกลับไร้เสียงตอบกลับ นางอดสงสัยไม่ได้ปกติหากที่นี่เทียนยังสว่างอยู่ท่านใต้เท้าต้องอยู่ที่นี่สิ นางจึงใช้หูแนบที่ประตูได้ยินเสียงร้องครางออกมาอย่างไม่เป็นจังหวะ"อ๊าาา อะ อ๊าาา ท่านใต้เท้ากระแทกแล้วไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าจุก จุกท้องน้อยจนแทบไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ ""อื้ม ... ซี๊ด ... เจียวเหมยร่างกายของเจ้าช่างยั่วยวนข้านัก จนข้ามิอาจจะหักห้ามใจให้ทะนุถนอมเจ้าได้ยิ่งน้ำเสียงครางของเจ้ายิ่งทำให้ข้าฮึกเหิมมากกว่าเดิม อ๊าาาา ...." ทันทีที่ซูหยวน
บทที่ 14 ค่าตัวของข้า“ฮูหยินเจ้าคะ เมื่อครู่ข้าเดินมาจากโรงครัวเห็นท่านใต้เท้าอุ้มสตรีนางนั้นมาที่ห้องแถมยังสวมใส่อาภรณ์หลุดลุ้ยอีกต่างหากเจ้าค่ะ” เยว่เผิงนางนั่งดื่มยาสมุนไพรที่ซูหยวนนำมาให้พลางครุ่นคิด นางวางชามยาลงอย่างช้า ๆ“อย่างนั้นหรือ? ท่านพี่คงหลงใหลในตัวนางชั่วคราวอีกไม่นานก็เบื่อไปเอง ดีกว่าท่านพี่ออกไปหอคณิกา ขนาดหนิงเซียนท่านพี่ยังเบื่อที่นางจืดชืด ดูจากใบหน้าของเจียวเหมยนางคงไม่มีดีอันใดให้ท่านพี่หลงใหลนานนักหรอก ยิ่งถ้าหากข้าตั้งครรภ์ให้ท่านพี่ในเร็ววัน ท่านพี่คงได้หลงลืมนางและขับไล่นางออกจากเรือนไปเอง“แต่ว่าสายตาของท่านใต้เท้าที่มองนางมิใช่อย่างที่ข้าเคยเห็นเลยนะเจ้าคะ”“ซูหยวนเจ้ามิต้องเป็นกังวลไป เพราะอย่างไรคนที่เคียงข้างท่านพี่เสมอมาคือข้าและข้าก็เป็นคนที่กำความลับของท่านพี่ไว้มากมาย หากเมื่อไหร่ที่ท่านพี่ไม่สนใจข้าเรื่องที่ท่านพี่ทำทั้งหมดข้าจะเปิดโปงเอง” เยว่เผิงแสยะยิ้มเพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดที่เหมาะสมกับหยางตงฉวนเท่านางอีกแล้วฝั่งด้านเจียวเหมยหลังจากที่นางถูกหยางตงฉวนอุ้มมาส่งที่ห้อง เขาให้นางพักผ่อนพร้อมกำชับกับยูร์เหยาให้ดูแลนางให้ดี เมื่อเขาออกไปเ
บทที่ 15 นางต้องอับอายเจียวเหมยนางไม่ได้เดินกลับเรือนแต่อย่างไร นางชักชวนให้ยูร์เหยาเดินตามนางมาเงียบ ๆ สองเท้าของนางเดินไปยังห้องของท่านพ่อที่เคยอยู่ แต่ก่อนที่แห่งนี้บ่าวรับใช้มักจะเดินกันไปทั่วแต่ทว่ายามนี้กลับเงียบเหงามีเพียงสาวใช้ที่คอยมาทำความสะอาดเป็นครั้งคราว'ท่านพ่อต่อจากนี้ท่านไม่ต้องเป็นห่วงอันใด ข้าหนิงเซียนได้กลับมาแล้วข้าจะจัดการผู้ที่กระทำต่อตะกูลของเรา บรรพบุรุษตระกูลจางต้องได้นอนตายตาหลับ ข้าหวังว่าท่านพ่อจะคอยดูแลข้ายามที่พบเจอเรื่องที่ยากลำบากให้ข้าแก้แค้นทั้งสองคนที่ชั่วช้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ ' เจียวเหมยจ้องมองไปยังห้องของท่านพ่อแต่นางไม่ได้ก้าวเท้าเข้าไปด้านในเกรงว่าจะถูกสาวใช้ในเรือนพบเห็นเอาได้ นางทำได้เพียงเอ่ยในใจบอกแก่ท่านพ่อของนางให้สบายใจ นางจะแก้แค้นคนที่ทำร้ายท่านพ่อผู้มีเมตตาจนถึงแก่ความตายนางจะหยิบยื่นความตายเช่นเดียวกับท่านพ่อให้แก่หยางตงฉวนเองสองวันต่อมาเรือนตระกูลจางจัดงานแต่งตั้งฮูหยินรองให้แก่หยางตงฉวนมีใต้เท้ามากมายมาร่วมแสดงความยินดี ยามที่เจียวเหมยยืนต่อหน้าทุกสายตาต่างพากันเอ่ยชมไม่ขาดปากและอวยพรให้หยางตงฉวนกับนางมีบุตรในเร็ววัน เยว่เผิงนางยืนห
บทที่ 16 เลิกเสแสร้งเสียทีเมื่อเจียวเหมยเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จนางได้กลับไปที่งานเลี้ยงเช่นเดิม นางจ้องมองเห็นเยว่เผิงนั่งใบหน้าบูดบึ้งไร้ซึ่งอารมณ์ ใบหน้าของเจียวเหมยแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะเหลียวมองหาหยางตงฉวนเห็นว่าเขากำลังพูดคุยอยู่กับเหล่าใต้เท้านางจึงเดินตรงไปหาเยว่เผิง ยามนี้ทุกคนต่างพากันดื่มสุราอย่างสนุกสนานเสียงเพลงบรรเลงครึกครื้น สองเท้าของนางเดินเข้าไปใกล้พลางนั่งลงเก้าอี้ตัวข้าง ๆ เยว่เผิง"ฮูหยินใหญ่ทำไมถึงมีสีหน้าอย่างนั้นเจ้าคะหรือว่าไม่สบายตรงใดหรือไม่? ให้ข้าพาท่านไปส่งที่ห้องดีมั้ยดูสิสีหน้าของท่านไม่ดีเอาเสียเลย" เจียวเหมยขยับกายกระซิบข้างหูของเยว่เผิงทำให้นางสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมาตอบกลับนางด้วยความโมโหเพราะนางทำให้ซูหยวนต้องรับโทษ"เลิกเสแสร้งแกล้งเป็นคนดีเสียที เรื่องทั้งหมดเป็นแผนของเจ้าใช่หรือไม่ เจ้าต้องการหักหน้าข้าทำให้ข้าอับอายแถมยังโดนท่านพี่ตำหนิต่อหน้าขุนนางอีก เจ้ามันชั่วช้าอย่างกำพืดของเจ้าจริง ๆ" เจียวเหมยได้ยินถึงกับหัวเราะออกมา นางมองดูดีแล้วว่ายามนี้ทุกคนมิได้สนใจพวกนางเลยต่างพากันกินอย่างเอร็ดอร่อยกับอาหารที่ทางเรือนจัดเตรียมไว้ให้กินในงานฉลองให้
บทที่ 17 ข้าจะอยู่กับท่านไปจนวันตายยูร์เหยาเดินมาส่งเจียวเหมยที่ห้องนอนของหยางตงฉวน ยามนี้เจียวเหมยเห็นว่าถึงเวลาที่นางจะต้องค้นหาหนังสือที่นางเคยยกมอบให้แก่เขาหนังสือสัญญาลงนามเกี่ยวกับสมบัติบ้านเรือนทั้งหมด"ยูร์เหยาเจ้าไปนำสุรามาให้ข้าหน่อย คืนนี้ข้าจะต้องหาหนังสือให้เจอข้าจะมอมสุราหยางตงฉวน”“เจ้าค่ะอย่างไรคุณหนูต้องระมัดระวังตนให้ดีนะเจ้าคะ แม้ว่าท่านใต้เท้าหยางตงฉวนจะเมาสุราแต่ท่านจะต้องให้แน่ชัดแล้วค่อยหานะเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงคุณหนูเหลือเกิน” สีหน้าของยูร์เหยาเผยความกังวลเต็มดวงหน้า นางยิ้มกริ่มก่อนจะใช้มือแตะลงที่บ่าของยูร์เหยา“เจ้ามิต้องเป็นกังวล ข้ากลับมาในครั้งนี้ข้าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายข้าได้ง่าย ๆ หากข้ากลัวข้าคงไม่กลับมาเจ้าทำใจให้สบายเถิดรีบไปนำสุรามา เมื่อหยางตงฉวนมาที่ห้องเจ้าค่อยกลับไปพักผ่อน” ยูร์เหยาถอนหายใจเอื่อย ๆ ก่อนจะพยักหน้าน้อมรับคำสั่งของเจียวเหมยไปเอาสุรามาให้นางทันทีเจียวเหมยเดินเข้าไปในห้องเดินเข้าไปจุดเทียนให้ความสว่าง ห้องนี้เป็นห้องเดิมที่เขาเคยอาศัยอยู่และนางเองก็เคยมาที่นี่บ่อย ๆ และห้องนี้ก็เป็นห้องที่ทำให้นางได้รู้ความจริงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหม
บทที่ 18 ย้ายที่นอนรุ่งสางวันต่อมาเจียวเหมยแสร้งถอดอาภรณ์ของตนเองเสมือนว่าเมื่อคืนนี้นางกับเขาได้มีค่ำคืนที่เร่าร้อนด้วยกันนอนกอดเขาแนบแน่นอยู่บนเตียงร่างใหญ่ตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือเห็นสตรีร่างบางนอนหลับสนิทเขายิ้มกริ่มขึ้นมาก่อนที่จะขยับกายจูบที่หน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา นางทำให้เขามีความสุขมากกว่าเยว่เผิงเสียอีก“อื้อ ...ท่านพี่ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” ร่างเล็กขยับกายเล็กน้อยเมื่อถูกอีกฝ่ายสัมผัส“ข้าทำเจ้าตื่นอย่างนั้นหรือ? ข้าตื่นเมื่อครู่นี่เองเจ้านอนต่อเถิด เมื่อคืนนี้ข้าคงทำให้เจ้าไม่ได้หลับเลยใช่มั้ย ดูจากสภาพห้องแล้วข้าคงจะรุนแรงกับเจ้าสินะร่างกายของเจ้าคงระบมไปหมด” เขาเอ่ยพลางกวาดตาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของตน“มิใช่เจ้าค่ะ เมื่อคืนนี้ท่านพี่ทำให้ข้ามีความสุขถึงใจสุด ๆ เลยเจ้าค่ะไม่คิดเลยว่าท่านพี่จะมีพละกำลังมากมายถึงขนาดนี้ อย่างนั้นคืนนี้ท่านพี่คงไม่ให้ข้ามาหาที่นี่สินะเจ้าคะ ข้าชักชอบห้องของท่านพี่มากกว่าห้องที่ข้าอยู่ด้วยซ้ำ ข้าได้ยินมาจากสาวใช้ว่าห้องนั้นเป็นห้องของฮูหยินคนแรกของท่านที่ตายด้วยโรคติดต่อท่านให้ข้าย้ายมาอยู่ที่ห้องของท่านด้วยมิได้หรือเจ้าค่ะ ข้ากลัวว่าข้าจะติดโ
บทที่ 30 หวนคืนที่เดิมหลายวันต่อมาร่างกายของทั้งคู่เริ่มอ่อนล้าความเจ็บปวดที่ถาโถมทุกวัน บาดแผลเริ่มเน่าเปื่อยกลิ่นในห้องเหม็นเน่าของเนื้อ แมลงที่บินมาตอมจนแผลเกิดหนอนซอนไซ ทั้งสองเจ็บร้าวไปจนถึงกระดูกจนกระทั่งเยว่เผิงนางไม่สามารถทนความเจ็บปวดในครั้งนี้ได้หมดลมหายใจในที่สุด ส่วนเจียวเหมยนางได้กลับไปพักอยู่ที่ห้องเดิมของนาง เมื่อเข้ามาด้านในเห็นว่าเยว่เผิงหมดลมไปแล้วนางไม่ได้รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย ในที่สุดนางก็ได้แก้แค้นอย่างสาสมเหลือเพียงหยางตงฉวนที่ยังนอนพะงาบ พะงาบเน่าเปื่อยอยู่บนเตียง เจียวเหมยสั่งการให้ยูร์เหยาเรียกบ่าวรับใช้มานำร่างของเยว่เผิงนำออกไปทิ้งใช้ผ้าคุมร่างและบอกให้แพร่งพรายออกด้านนอกว่าฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลจางติดเชื้อโรคตายอย่างฮูหยินคนก่อน ทุกคนไม่แปลกใจเพราะเคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นครั้งเมื่อท่านใต้เท้าจางกับจางหนิงเซียนส่วนหยางตงฉวนที่นอนพะงาบ ๆ เจียวเหมยได้ให้บ่าวรับใช้จัดเตรียมรถม้าเพื่อจะพาเขาออกไปที่หน้าผาตรงจุดที่นางเคยโดนนำร่างเอาไปทิ้ง ยามนี้หิมะเริ่มตกโปรยปรายเมื่อออกเดินไปทางด้านนอกจึงไม่ค่อยมีใครสังเกตบ่าวรับใช้ที่นางสั่งการให้ปิดปากทุกคนหากผู้ใดไม่ทำตามนา
บทที่ 29 สะสางแค้นภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง ร่างของซูหยวนนอนจมกองเลือดอยู่หน้าประตู กายของหยางตงฉวนนอนอยู่บนเตียงกับเยว่เผิงเมื่อนางเห็นใบหน้าของเยว่เผิงยิ่งสยดสยองไม่คิดว่าฮูหยินจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ก่อนที่นางจะตั้งสติรีบเข้ามาถามด้วยเป็นห่วง"ฮูหยินได้รับบาดเจ็บตรงไปไหนหรือไม่เจ้าคะ""นางซูหยวนใช้ไม้ตีหัวของข้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยส่วนเลือดที่เจ้าเห็นมากมายมิใช่เลือดข้า ไปเรียกบ่าวรับใช้มาลากศพของซูหยวนออกไปห่อเอาไว้ก่อนเมื่อฟ้ามืดเมื่อไหร่ค่อยเอาร่างนางไปทิ้ง เจ้าช่วยเก็บกวาดห้องให้ข้าด้วยอย่าให้สาวใช้เข้ามาในนี้ ส่วนหน้าต่างไม่ต้องปิดข้าจะให้แมลงมาตอมแผลของทั้งสอง แต่ก่อนจะทำอันใดเตรียมน้ำให้ข้าล้างกายเสียก่อน ข้าเหนียวไปทั้งตัวใช้แรงไปมากต้องให้พ่อครัวทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินเสียแล้ว อ้อ..จริงสิ เจ้าเห็นเนื้อบนโต๊ะหรือไม่ช่วยเอาไปให้พ่อครัวย่างให้ข้าที ข้าจะนำมาป้อนเป็นอาหารกลางวันให้ทั้งสองได้กิน" นางชี้ไปที่ชิ้นเนื้อใบหน้าของเยว่เผิงที่นำมาวางไว้ เยว่เผิงได้ยินส่งเสียงร้องออกมาจากลำคอเพื่อคัดค้าน"อื้อ อื้อ " เจียวเหมยยิ้มกว้างหันไปหาเยว่เผิงพร้อมเอ่ยบอกแก่นาง
บทที่ 28 ตัวตนที่แท้จริงเจียวเหมยยืนขึ้นหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง"ฮ่า ฮ่า ต่อให้พวกเจ้าตะโกนขอความช่วยเหลือไม่มีผู้ใดสามารถช่วยพวกเจาได้หรอก! เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าเจ้าต้องการฆ่าข้ามิใช่หรือ? ข้าพร้อมรอรับความตายแล้วแต่ถ้าเจ้าฆ่าข้ามิได้ จะเป็นข้าเองที่ฆ่าพวกเจ้า" น้ำเสียงเย็นยะเยือกผู้ที่ได้ยินถึงกับสั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ เยว่เผิงหวาดกลัวจนตัวสั่นจะหนีก็หนีมิได้ยิ่งคิดถึงเรื่องชายฉกรรจ์สองคนที่นางส่งมาจัดการยังถูกเจียวเหมยจัดการได้อย่างง่ายดายแล้วนางเป็นเพียงสตรีจะสู้นางได้อย่างไรกัน"ท่านพี่ช่วยข้าด้วยท่านเห็นหรือยังเจ้าคะสตรีที่ท่านรักนางมิได้เป็นอย่างที่ท่านเห็น ท่านเห็นหรือยังว่าผู้ใดกันแน่ที่รักท่านจริง ๆ ช่วยข้าด้วยนางบ้าไปแล้วนางจะฆ่าข้าเจ้าค่ะ ""ฮ่า ฮ่า ต่อให้เจ้าเรียกหยางตงฉวนอย่างไรเขาก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ ขนาดตัวของเขาเองยังช่วยตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำ" เจียวเหมยค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ทั้งสองอย่างช้า ๆส่วนหยางตงฉวนทำได้เพียงนอนฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นเขาอยากจะช่วยเหลือเยว่เผิงแต่ทว่าแค่ขยับแขนเขายังทำไม่ได้ซูหยวนเห็นท่าไม่ดีนางยืนบังหน้าเยว่เผิงเอาไว้หวังปกป้องนายหญิงของตนมิ
บทที่ 27 เจ้าของเรือนผู้ใหม่ยามเหม่า (06.00)เสียงบ่าวรับใช้ในเรือนพากันเอ่ยซุบซิบกันกระฉ่อน เมื่อจู่ ๆ ถูกเรียกให้มารวมตัวกันที่หน้าของนายท่านแต่มิใช่นายท่านเป็นคนเรียกแต่กลับเป็นฮูหยินรอง เมื่อทุกคนมาครบยูร์เหยาได้เข้ามาเรียกเจียวเหมยออกไปพบทุกคน"ฮูหยินยามนี้ทุกคนมาพร้อมหน้าแล้วเจ้าค่ะ ""ดีอย่างนั้นออกไปข้างนอกกันเถอะ" เจียวเหมยเดินออกไปข้างนอกอย่างสง่าผ่าเผยทุกสายตาจ้องมองมาที่นาง"ทุกคนในเรือนจงฟังข้าให้ดีข้ามีเรื่องที่จะต้องแจ้งพวกเจ้าให้ได้รับรู้ ต่อจากนี้ท่านใต้เท้าหยางตงฉวนเจ็บป่วยร่างกายทรุดตัวไม่สามารถดูแลงานในเรือนรวมทั้งงานราชการ ท่านใต้เท้าจึงมอบหมายให้ข้าเจียวเหมยสตรีที่เขารักดูแลทุกอย่างในเรือนแห่งนี้ ต่อจากวันนี้ข้าคือผู้ดูแลเรือนตระกูลจาง ต่อจากนี้พวกเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า เพราะข้าคือเจ้าของเรือนหากผู้ใดไม่เชื่อและขัดคำสั่งข้าจะลงโทษอย่างไม่ปราณี" เอ่ยจบนางได้ชูหนังสือประจำตระกูลให้ทุกคนได้ดูแม้บางคนจะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่าหนังสือเช่นนี้เป็นหนังสืออะไร เมื่อทุกคนเห็นต่างพากันแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดเพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ หลังจากที่ทุกคนรับรู้นาง
บทที่ 26 รักข้ามั้ยเจ้าคะหลายวันต่อมาร่างกายของหยางตงฉวนเริ่มไม่แข็งแรงเหมือนเดิม เขาไอหนักมากกว่าเดิมสติเริ่มฟั่นเฟือนเลอะเลือน แต่เขายังคงรักเจียวเหมยหนักมากกว่าเดิม นางเฝ้าคอยดูแลเขาเอาอกเอาใจ“เจียวเหมยช่วงนี้ข้ารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ข้าได้เห็นความรักที่เจ้ามีให้ข้า ข้าอยากหายกลับไปเป็นปกติทำไมท่านหมอมาตรวจข้าหลายต่อหลายคนต่างพากันบอกว่าข้ามิได้เป็นอะไรทำไมร่างกายของข้าถึงซูบผอมไร้เรี่ยวแรงอย่างนี้กันนะ”“ท่านพี่คิดมากไปเองเจ้าค่ะ ท่านพี่เป็นกังวลเกินไปเลยทำให้ร่างกายของท่านซูบผอม ข้ารักท่านพี่นะเจ้าคะข้าเคยสัญญาว่าจะอยู่กับท่านจนกว่าจะถึงวันตายข้าไม่มีทางหนีท่านไปไหนเจ้าคะ ดื่มนี่สักหน่อยนะเจ้าคะข้าให้ยูร์เหยาต้มยาสมุนไพรบำรุงร่างกายให้ท่าน อีกไม่กี่วันร่างกายท่านอาจจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ” เจียวเหมยประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของหยางตงฉวนขึ้นมานั่งคว้าหมอนมาหนุนหลังของเขาเอาไว้ ยามนี้ร่างกายของเขาซูบผอมจริง ๆ งานราชการเจียวเหมยได้จัดการให้เขาเมื่อมีสารมาที่เรือนนางได้ตอบกลับพร้อมประทับตราของหยางตงฉวนให้บอกว่าช่วงนี้เขาไม่สบายไม่สามารถทำงานได้นางยกยาสมุนไพรเมื่อครู่ให้เขาดื่มจนหมดก่
บทที่ 25 เจ้ามันน่าเบื่อยามโหย่ว (17.00)ฝั่งด้านเยว่เผิงหลายวันมานี้นางเก็บตัวเงียบเสียใจที่หยางตงฉวนเมินเฉยต่อนางความเย็นชาที่นางไม่เคยพบเจอก็ได้เจอ นางเคยขอพบเขาที่ห้องแต่เขากลับให้บ่าวออกมาบอกว่าเขาไม่ต้องการพบนางทำให้นางเสียใจมากกว่าเดิม"ฮูหยินเจ้าคะถึงเวลากินอาหารเย็นแล้วเจ้าค่ะ ช่วงนี้อาหารไม่ถูกปากฮูหยินอยากกินอะไรหรือไม่เจ้าคะ ข้าน้อยจะให้พ่อครัวทำให้""ไม่ข้าไม่อยากอะไรทั้งนั้น " แววตาเหม่อลอยจ้องมองไปนอกหน้าต่างเอ่ยตอบสาวใช้ด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยไร้ชีวิตชีวา ซูหยวนสงสารนายหยิงจับใจครั้นนั้นนางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามานางรีบหันไปมองเห็นว่าเป็นนายท่านใบหน้าของนางเริ่มปรากฏรอยยิ้มรีบแจ้งนายหญิงทันที"ฮูหยินเจ้าคะนายท่านมาเจ้าค่ะ " เยว่เผิงคิดว่าตนเองหูแว่วจึงคิดจะหันกลับมาต่อว่าสาวใช้แต่เมื่อเห็นชายที่ตนรักและคิดถึงรีบเดินไปหาเขาด้วยความดีใจ"ท่านพี่มาหาข้าหรือเจ้าคะ" น้ำเสียงระรื่นเอ่ยถามเขาทันทีพลางเดินเข้าไปใกล้หวังโอบกอดแต่ก็ต้องถูกเขาผละกายนางออก"ข้ามิได้มาเพราะคิดถึงเจ้า แต่ว่าเจียวเหมยของข้าให้ข้ามาหาเจ้า นางทั้งเห็นใจเจ้าหวังดีต่อเจ้ากลัวเจ้าจะน้อยใจข้าจึงได้มาหา ซู
บทที่ 24 หยางตงฉวนกลับจากวังหลวงไม่นานซูหยวนได้กลับมาใบหน้าตื่นตระหนกเร่งรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่ห้องของเยว่เผิง"แฮ่ก ๆ ๆ "ปัง!! เสียงเปิดประตูเข้ามาอย่างแรงเพราะความร้อนใจ ทำให้เยว่เผิงตกใจไม่น้อยตวาดใส่ซูหยวนเสียงดัง"นี่จะรีบไปที่ใดกันทำไมไร้มารยาทเช่นนี้""ฮูหยินเจ้าคะฮูหยินข้าน้อยมีเรื่องมาแจ้งเจ้าค่ะ ข้าไปตามหาชายคนที่ข้าจ้างวานฮูหยินรู้มั้ยเจ้าคะว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกนั้น ""คนพวกนั้นตายหมดแล้ว "ไม่ทันที่ซูหยวนจะพูดจบเยว่เผิงได้เอ่ยโพล่งออกมาทำให้ซูหยวนหน้าเหวอตกใจมากกว่าเดิม"ฮูหยินรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ ข้าไปตามหาเห็นชาวบ้านแตกตื่นจ้องมองไปยังแม่น้ำเห็นศพสองศพข้าจึงเดินไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่เมื่อทั้งสองถูกทางการยกขึ้นมาต้องตกใจเพราะทั้งสองคนเป็นคนที่ข้าจ้างวานเจ้าค่ะ""ข้ารู้ได้อย่างไรนะหรือ? เพราะหลังจากที่เจ้าออกไปข้ากลับที่ห้องมีหีบมือของหนึ่งในสองคนนั้นมาอยู่ที่ห้องของข้าอย่างไรล่ะ ตอนนี้เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ข้าไม่อยากอยู่เพียงลำพังแถมนางยังเขียนมาข่มขู่ข้าอีกไม่ให้ข้ายุ่งกับนาง ตอนนี้ข้าเสียวหลังกลัวว่านางจะมาจัดการข้าอีกคน""นางเป็นใครกันทำไมถึงได้สู้สองคนนั้นได้ "
บทที่ 23 เป็นไปได้อย่างไรฝั่งด้านเยว่เผิงนางตื่นขึ้นมาอย่างอารมณ์ดียืนคิดพลางยิ้มเล็กยิ้มใหญ่“มื้อคืนฮูหยินคงนอนหลับสบายสินะเจ้าคะ ตื่นเช้ามาวันนี้ใบหน้าถึงได้ชื่นบาน”“ใช่นะสิ! เจ้ามาก็ดีแล้วข้าจะไปที่ห้องของท่านพี่จะไปดูด้วยตาตนเองสักหน่อยหวังว่านางคงหายไปจากเรือนตระกูลจาง”“ฮูหยินวางใจได้คนที่ข้าหามาล้วนมีฝีมือจัดการกับสตรีอย่างนางมิใช่เรื่องยากอันใดไปกันเถอะเจ้าค่ะ”“ดี! ช่างดีจริง ๆ ฮ่า ฮ่า” ทั้งสองพากันเดินมาที่ห้องของหยางตงฉวนอย่างอารมณ์ดี แต่ทว่าใบหน้าของนางต้องเปลี่ยนไปทันทีเมื่อสองเท้าก้าวเข้าห้องเห็นเจียวเหมยนั่งจิบน้ำชาร่างกายมิได้รับบาดเจ็บอันใดแม้แต่น้อย สีหน้าของเยว่เผิงพลันเปลี่ยนสี‘เหตุใดนางถึงมานั่งจิบน้ำชาราวกับไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือว่าชายฉกรรจ์พวกนั้นยังไม่ได้ลงมือ จิ! นี่ข้าพลาดไปแล้วอย่างนั้นหรือ ข้าคิดว่ามาจะไม่เห็นแม้แต่เงาของนางเสียแล้ว’ เยว่เผิงคิดในใจสองเท้าหยุดชะงักที่หน้าประตู เจียวเหมยแสยะยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นสีหน้าของเยว่เผิงผิดหวังไม่เป็นอย่างที่นางตั้งใจเอาได้เจียวเหมยวางจอกน้ำชาลงลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้เยว่เผิง“ฮูหยินมาที่นี่แต่เช้าตรู่มีเรื่อง
บทที่ 22 ถูกลอบทำร้ายเมื่อนางสบายใจที่เห็นของสำคัญจึงดับเทียนเพื่อพักผ่อนเอนกายลงนอนบนเตียงแต่แล้วหูของนางได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังย่องมาทางหน้าต่างอย่างแผ่วเบา หากเป็นบ่าวในเรือนที่เดินตรวจตราคงพูดคุยกันมาตลอดทางแต่นี่มิใช่ ใจของเจียวเหมยเต้นระรัวคิดว่าต้องเป็นผู้ประสงค์ร้ายหวังมาทำร้ายนาง นางยังไม่ลุกขึ้นเพราะต้องการดูให้แน่ใจหากเป็นบ่าวรับใช้คงเดินผ่านไปเรื่อย ๆ แต่ทว่านางกลับได้ยินเสียงงัดหน้าต่าง ตอนนั้นเองเจียวเหมยลุกขึ้นค่อย ๆ ดึงหมอนขึ้นเผยให้เห็นมีดเล็กของนางที่นางพกติดตัวไว้ตลอดและย่องไปยืนแอบอยู่มุมมืด ชายฉกรรจ์เข้ามาได้สำเร็จ เจียวเหมยจ้องมองชายที่เข้ามามีสองคนด้วยกัน ทั้งสองแต่งกายด้วยชุดสีดำใช้ผ้าผูกหน้าแถมยังถือมืดในมือ นางแน่ชัดแล้วว่าทั้งสองคงต้องมีคนจ้างวานมาเพื่อกำจัดนางแน่นอน และคนแรกที่เจียวเหมยนึกถึงคงเป็นเยว่เผิงไม่ผิดแน่ชายทั้งสองเมื่อย่องเข้ามาที่เตียงนอนง้างมือที่ถือมีดหวังจะแทงเจียวเหมยในคราเดียวแต่ทว่าเมื่อมาถึงเตียงนอนกลับพบกับความว่างเปล่าทั้งสองมองหน้ากันอย่างงงงวย"คนหายไปที่ใดกัน ไหนเจ้าบอกว่านางอยู่ที่ห้องนี่มิใช่หรือ? หรือว่าเจ้าได้ยินผิด""ไม่ผิดแน่!