บทที่ 17 ข้าจะอยู่กับท่านไปจนวันตายยูร์เหยาเดินมาส่งเจียวเหมยที่ห้องนอนของหยางตงฉวน ยามนี้เจียวเหมยเห็นว่าถึงเวลาที่นางจะต้องค้นหาหนังสือที่นางเคยยกมอบให้แก่เขาหนังสือสัญญาลงนามเกี่ยวกับสมบัติบ้านเรือนทั้งหมด"ยูร์เหยาเจ้าไปนำสุรามาให้ข้าหน่อย คืนนี้ข้าจะต้องหาหนังสือให้เจอข้าจะมอมสุราหยางตงฉวน”“เจ้าค่ะอย่างไรคุณหนูต้องระมัดระวังตนให้ดีนะเจ้าคะ แม้ว่าท่านใต้เท้าหยางตงฉวนจะเมาสุราแต่ท่านจะต้องให้แน่ชัดแล้วค่อยหานะเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงคุณหนูเหลือเกิน” สีหน้าของยูร์เหยาเผยความกังวลเต็มดวงหน้า นางยิ้มกริ่มก่อนจะใช้มือแตะลงที่บ่าของยูร์เหยา“เจ้ามิต้องเป็นกังวล ข้ากลับมาในครั้งนี้ข้าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายข้าได้ง่าย ๆ หากข้ากลัวข้าคงไม่กลับมาเจ้าทำใจให้สบายเถิดรีบไปนำสุรามา เมื่อหยางตงฉวนมาที่ห้องเจ้าค่อยกลับไปพักผ่อน” ยูร์เหยาถอนหายใจเอื่อย ๆ ก่อนจะพยักหน้าน้อมรับคำสั่งของเจียวเหมยไปเอาสุรามาให้นางทันทีเจียวเหมยเดินเข้าไปในห้องเดินเข้าไปจุดเทียนให้ความสว่าง ห้องนี้เป็นห้องเดิมที่เขาเคยอาศัยอยู่และนางเองก็เคยมาที่นี่บ่อย ๆ และห้องนี้ก็เป็นห้องที่ทำให้นางได้รู้ความจริงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหม
บทที่ 18 ย้ายที่นอนรุ่งสางวันต่อมาเจียวเหมยแสร้งถอดอาภรณ์ของตนเองเสมือนว่าเมื่อคืนนี้นางกับเขาได้มีค่ำคืนที่เร่าร้อนด้วยกันนอนกอดเขาแนบแน่นอยู่บนเตียงร่างใหญ่ตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือเห็นสตรีร่างบางนอนหลับสนิทเขายิ้มกริ่มขึ้นมาก่อนที่จะขยับกายจูบที่หน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา นางทำให้เขามีความสุขมากกว่าเยว่เผิงเสียอีก“อื้อ ...ท่านพี่ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” ร่างเล็กขยับกายเล็กน้อยเมื่อถูกอีกฝ่ายสัมผัส“ข้าทำเจ้าตื่นอย่างนั้นหรือ? ข้าตื่นเมื่อครู่นี่เองเจ้านอนต่อเถิด เมื่อคืนนี้ข้าคงทำให้เจ้าไม่ได้หลับเลยใช่มั้ย ดูจากสภาพห้องแล้วข้าคงจะรุนแรงกับเจ้าสินะร่างกายของเจ้าคงระบมไปหมด” เขาเอ่ยพลางกวาดตาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของตน“มิใช่เจ้าค่ะ เมื่อคืนนี้ท่านพี่ทำให้ข้ามีความสุขถึงใจสุด ๆ เลยเจ้าค่ะไม่คิดเลยว่าท่านพี่จะมีพละกำลังมากมายถึงขนาดนี้ อย่างนั้นคืนนี้ท่านพี่คงไม่ให้ข้ามาหาที่นี่สินะเจ้าคะ ข้าชักชอบห้องของท่านพี่มากกว่าห้องที่ข้าอยู่ด้วยซ้ำ ข้าได้ยินมาจากสาวใช้ว่าห้องนั้นเป็นห้องของฮูหยินคนแรกของท่านที่ตายด้วยโรคติดต่อท่านให้ข้าย้ายมาอยู่ที่ห้องของท่านด้วยมิได้หรือเจ้าค่ะ ข้ากลัวว่าข้าจะติดโ
บทที่ 19 ฝากเอาไว้ก่อนใบหน้าของเยว่เผิงร้อนผ่าวชาจนแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เริ่มแดงขึ้นเป็นเริ้ว ๆ ตามรอยนิ้วมือของเจียวเหมย นางจับที่ใบหน้าของตนเองก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเสียสติ“ฮ่า ฮ่า นี่เจ้าบังอาจตบหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?” ซูหยวนตกใจเบิกตาโพลงโตไม่คิดว่าเจียวเหมยจะกล้าลงมือทำกับฮูหยินถึงขนาดนี้ นางรีบเดินเข้าไปประคองถามอาการทันที“ฮูหยินเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ นี่เจ้ากล้าดียังไงเอามือสกปรกของเจ้ามาแตะต้องใบหน้าของฮูหยินเรื่องนี้จะต้องถึงหูท่านใต้เท้า คอยดูว่าผู้ใดกันแน่จะถูกท่านใต้เท้าตำหนิ”“ฮึ ฮึ ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าให้ปล่อยข้า แต่พวกท่านยังไม่เชื่อคำพูดของข้าและหวังจะทำร้ายข้าแท้ ๆ หากข้ายอมอ่อนข้อคงโดนพวกท่านทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ แต่ทำไมข้าจะปกป้องตนเองไม่ได้เอาสิดีเช่นกันแจ้งท่านใต้เท้าเลยว่าข้าทำร้ายร่างกายฮูหยินใหญ่ข้าเองมิได้เกรงกลัว” เจียวเหมยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม จ้องมองทั้งสองด้วยสายตาไร้ความเกรงกลัวเยว่เผิงจ้องมองเข้าไปในดวงตาของนางจู่ ๆ นางกลับเห็นสายตาดดุดันคลายสายตาที่นางคุ้นเคยเหมือนนางถูกหนิงเซียนจ้องมองนางสะดุ้งตกใจใบหน้าซีดเผือกรีบชักชวนให้ซูหยวนพาตน
บทที่ 20 ทำไมไม่เชื่อข้าสักนิดฝั่งด้านเยว่เผิงนางกลับมาที่ห้องของตนเองได้ระเบิดอารมณ์ที่เก็บกดเอาไว้เมื่อครู่“กรี๊ด!!! ทำไมทำไมข้ามิอาจจะทำอะไรนางได้ ไม่คิดเลยว่านางจะกล้ามากถึงเพียงนี้”“ฮูหยินเจ้าคะหากนางเป็นเพียงสาวเร่ร่อนไม่มีญาติพี่น้องอย่างนั้นไม่กำจัดง่ายหรือเจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าอีกสามวันท่านใต้เท้าจะไปพักที่วังหลวงเพราะมีพระราชโองการจัดพิธีการเฉลิมฉลองให้แก่องค์รัชทายาทเหล่าใต้เท้ามากมายต้องไปช่วยเหลือไม่ให้งานออกมาขาดตกบกพร่อง แถมท่านใต้เท้ายังได้รับหน้าที่ดูแลพิธีการอีก เราใช้ช่วงเวลานี้จัดการนางไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะหากเก็บนางเอาไว้นางจะคอยทิ่มแทงใจฮูหยินตลอดเช่นนี้” ซูหยวนคิดแผนของตนเองเมื่อเห็นว่าฮูหยินมิอาจจะต่อกรกับเจียวเหมยได้ เยว่เผิงยืนนิ่งคิดตามคำพูดของสาวใช้รอยยิ้มชั่วร้ายได้ปรากฏขึ้น“นั่นสินะทำไมข้าคิดไม่ถึงกันวันที่ท่านพี่ออกเดินทางไปวังหลวงเจ้าช่วยไปหานักฆ่ารับจ้างมาจัดการให้ข้าที ส่วนเรื่องที่นางหายตัวไปข้าคิดเอาไว้แล้วจะทำอย่างไร ข้าจะบอกท่านพี่ว่าคนรักของนางมาตามตัวนางกลับเรือน ที่ผ่านมานางเพียงหลอกลวงท่านพี่เท่านั้น”“ได้เลยเจ้าค่ะเช่นนั้นข้าน้อยขอตัวไปหาคนม
บทที่ 21 เจอสิ่งที่ตามหาสองวันต่อมาวันนี้เป็นวันที่เจียวเหมยตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อจัดเตรียมอาภรณ์และของใช้ให้แก่หยางตงฉวน นางได้รู้จากเขาว่าวันนี้เขาจะต้องเข้าไปที่วังหลวงเป็นเวลาสองวัน นางจึงตื่นแต่เช้าเพื่อทำหน้าที่ของตนเอง หลายวันมานี้นางได้ใส่ยาให้เขากินทุกวัน ยากำลังทำลายภายในของเขาอย่างต่อเนื่องนางทำได้เพียงเฝ้ารอเวลาเท่านั้น"เจียวเหมยเจ้าตื่นแต่เช้าตรู่ทำไมกัน มานอนเคียงข้างข้าสักครู่เถิดนะ" เขาลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือมือคว้านหาสตรีที่นอนเคียงข้างกลับไม่พบนางเมือลืมตาดูก็เห็นว่านางจุดเทียนเพื่อเตรียมของใช้ให้แก่เขา"ท่านพี่แสงไฟรบกวนท่านหรือเจ้าคะ? ข้ากลับไปนอนต่อไม่ได้หรอกเจ้าคะอีกไม่นานท้องฟ้าก็สว่างแล้วตอนนี้ข้ากำลังจัดเตรียมของที่ท่านพี่ต้องใช้อยู่ท่านนอนต่อเถิด ""ไม่เห็นเจ้าต้องทำถึงเพียงนี้เลย สาวใช้ในเรือนมากมายเรียกใช้เข้าสิ""ท่านพี่พวกนางจะรู้ใจท่านพี่ได้อย่างไรเจ้าคะ ให้ข้าเตรียมให้จะดีกว่า ""เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าเถิด" เอ่ยจบหยางตงฉวนนอนต่ออีกสักหน่อยปล่อยให้เจียวเหมยจัดการอาภรณ์ของเขา แต่ทว่าที่นางเตรียมให้มิใช่อยากเอาอกเอาใจเขาเพียงอย่างเดียว แต่นางกำลังโรยผงห
บทที่ 22 ถูกลอบทำร้ายเมื่อนางสบายใจที่เห็นของสำคัญจึงดับเทียนเพื่อพักผ่อนเอนกายลงนอนบนเตียงแต่แล้วหูของนางได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังย่องมาทางหน้าต่างอย่างแผ่วเบา หากเป็นบ่าวในเรือนที่เดินตรวจตราคงพูดคุยกันมาตลอดทางแต่นี่มิใช่ ใจของเจียวเหมยเต้นระรัวคิดว่าต้องเป็นผู้ประสงค์ร้ายหวังมาทำร้ายนาง นางยังไม่ลุกขึ้นเพราะต้องการดูให้แน่ใจหากเป็นบ่าวรับใช้คงเดินผ่านไปเรื่อย ๆ แต่ทว่านางกลับได้ยินเสียงงัดหน้าต่าง ตอนนั้นเองเจียวเหมยลุกขึ้นค่อย ๆ ดึงหมอนขึ้นเผยให้เห็นมีดเล็กของนางที่นางพกติดตัวไว้ตลอดและย่องไปยืนแอบอยู่มุมมืด ชายฉกรรจ์เข้ามาได้สำเร็จ เจียวเหมยจ้องมองชายที่เข้ามามีสองคนด้วยกัน ทั้งสองแต่งกายด้วยชุดสีดำใช้ผ้าผูกหน้าแถมยังถือมืดในมือ นางแน่ชัดแล้วว่าทั้งสองคงต้องมีคนจ้างวานมาเพื่อกำจัดนางแน่นอน และคนแรกที่เจียวเหมยนึกถึงคงเป็นเยว่เผิงไม่ผิดแน่ชายทั้งสองเมื่อย่องเข้ามาที่เตียงนอนง้างมือที่ถือมีดหวังจะแทงเจียวเหมยในคราเดียวแต่ทว่าเมื่อมาถึงเตียงนอนกลับพบกับความว่างเปล่าทั้งสองมองหน้ากันอย่างงงงวย"คนหายไปที่ใดกัน ไหนเจ้าบอกว่านางอยู่ที่ห้องนี่มิใช่หรือ? หรือว่าเจ้าได้ยินผิด""ไม่ผิดแน่!
บทที่ 23 เป็นไปได้อย่างไรฝั่งด้านเยว่เผิงนางตื่นขึ้นมาอย่างอารมณ์ดียืนคิดพลางยิ้มเล็กยิ้มใหญ่“มื้อคืนฮูหยินคงนอนหลับสบายสินะเจ้าคะ ตื่นเช้ามาวันนี้ใบหน้าถึงได้ชื่นบาน”“ใช่นะสิ! เจ้ามาก็ดีแล้วข้าจะไปที่ห้องของท่านพี่จะไปดูด้วยตาตนเองสักหน่อยหวังว่านางคงหายไปจากเรือนตระกูลจาง”“ฮูหยินวางใจได้คนที่ข้าหามาล้วนมีฝีมือจัดการกับสตรีอย่างนางมิใช่เรื่องยากอันใดไปกันเถอะเจ้าค่ะ”“ดี! ช่างดีจริง ๆ ฮ่า ฮ่า” ทั้งสองพากันเดินมาที่ห้องของหยางตงฉวนอย่างอารมณ์ดี แต่ทว่าใบหน้าของนางต้องเปลี่ยนไปทันทีเมื่อสองเท้าก้าวเข้าห้องเห็นเจียวเหมยนั่งจิบน้ำชาร่างกายมิได้รับบาดเจ็บอันใดแม้แต่น้อย สีหน้าของเยว่เผิงพลันเปลี่ยนสี‘เหตุใดนางถึงมานั่งจิบน้ำชาราวกับไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือว่าชายฉกรรจ์พวกนั้นยังไม่ได้ลงมือ จิ! นี่ข้าพลาดไปแล้วอย่างนั้นหรือ ข้าคิดว่ามาจะไม่เห็นแม้แต่เงาของนางเสียแล้ว’ เยว่เผิงคิดในใจสองเท้าหยุดชะงักที่หน้าประตู เจียวเหมยแสยะยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นสีหน้าของเยว่เผิงผิดหวังไม่เป็นอย่างที่นางตั้งใจเอาได้เจียวเหมยวางจอกน้ำชาลงลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้เยว่เผิง“ฮูหยินมาที่นี่แต่เช้าตรู่มีเรื่อง
บทที่ 24 หยางตงฉวนกลับจากวังหลวงไม่นานซูหยวนได้กลับมาใบหน้าตื่นตระหนกเร่งรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่ห้องของเยว่เผิง"แฮ่ก ๆ ๆ "ปัง!! เสียงเปิดประตูเข้ามาอย่างแรงเพราะความร้อนใจ ทำให้เยว่เผิงตกใจไม่น้อยตวาดใส่ซูหยวนเสียงดัง"นี่จะรีบไปที่ใดกันทำไมไร้มารยาทเช่นนี้""ฮูหยินเจ้าคะฮูหยินข้าน้อยมีเรื่องมาแจ้งเจ้าค่ะ ข้าไปตามหาชายคนที่ข้าจ้างวานฮูหยินรู้มั้ยเจ้าคะว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกนั้น ""คนพวกนั้นตายหมดแล้ว "ไม่ทันที่ซูหยวนจะพูดจบเยว่เผิงได้เอ่ยโพล่งออกมาทำให้ซูหยวนหน้าเหวอตกใจมากกว่าเดิม"ฮูหยินรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ ข้าไปตามหาเห็นชาวบ้านแตกตื่นจ้องมองไปยังแม่น้ำเห็นศพสองศพข้าจึงเดินไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่เมื่อทั้งสองถูกทางการยกขึ้นมาต้องตกใจเพราะทั้งสองคนเป็นคนที่ข้าจ้างวานเจ้าค่ะ""ข้ารู้ได้อย่างไรนะหรือ? เพราะหลังจากที่เจ้าออกไปข้ากลับที่ห้องมีหีบมือของหนึ่งในสองคนนั้นมาอยู่ที่ห้องของข้าอย่างไรล่ะ ตอนนี้เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ข้าไม่อยากอยู่เพียงลำพังแถมนางยังเขียนมาข่มขู่ข้าอีกไม่ให้ข้ายุ่งกับนาง ตอนนี้ข้าเสียวหลังกลัวว่านางจะมาจัดการข้าอีกคน""นางเป็นใครกันทำไมถึงได้สู้สองคนนั้นได้ "
บทที่ 30 หวนคืนที่เดิมหลายวันต่อมาร่างกายของทั้งคู่เริ่มอ่อนล้าความเจ็บปวดที่ถาโถมทุกวัน บาดแผลเริ่มเน่าเปื่อยกลิ่นในห้องเหม็นเน่าของเนื้อ แมลงที่บินมาตอมจนแผลเกิดหนอนซอนไซ ทั้งสองเจ็บร้าวไปจนถึงกระดูกจนกระทั่งเยว่เผิงนางไม่สามารถทนความเจ็บปวดในครั้งนี้ได้หมดลมหายใจในที่สุด ส่วนเจียวเหมยนางได้กลับไปพักอยู่ที่ห้องเดิมของนาง เมื่อเข้ามาด้านในเห็นว่าเยว่เผิงหมดลมไปแล้วนางไม่ได้รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย ในที่สุดนางก็ได้แก้แค้นอย่างสาสมเหลือเพียงหยางตงฉวนที่ยังนอนพะงาบ พะงาบเน่าเปื่อยอยู่บนเตียง เจียวเหมยสั่งการให้ยูร์เหยาเรียกบ่าวรับใช้มานำร่างของเยว่เผิงนำออกไปทิ้งใช้ผ้าคุมร่างและบอกให้แพร่งพรายออกด้านนอกว่าฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลจางติดเชื้อโรคตายอย่างฮูหยินคนก่อน ทุกคนไม่แปลกใจเพราะเคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นครั้งเมื่อท่านใต้เท้าจางกับจางหนิงเซียนส่วนหยางตงฉวนที่นอนพะงาบ ๆ เจียวเหมยได้ให้บ่าวรับใช้จัดเตรียมรถม้าเพื่อจะพาเขาออกไปที่หน้าผาตรงจุดที่นางเคยโดนนำร่างเอาไปทิ้ง ยามนี้หิมะเริ่มตกโปรยปรายเมื่อออกเดินไปทางด้านนอกจึงไม่ค่อยมีใครสังเกตบ่าวรับใช้ที่นางสั่งการให้ปิดปากทุกคนหากผู้ใดไม่ทำตามนา
บทที่ 29 สะสางแค้นภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง ร่างของซูหยวนนอนจมกองเลือดอยู่หน้าประตู กายของหยางตงฉวนนอนอยู่บนเตียงกับเยว่เผิงเมื่อนางเห็นใบหน้าของเยว่เผิงยิ่งสยดสยองไม่คิดว่าฮูหยินจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ก่อนที่นางจะตั้งสติรีบเข้ามาถามด้วยเป็นห่วง"ฮูหยินได้รับบาดเจ็บตรงไปไหนหรือไม่เจ้าคะ""นางซูหยวนใช้ไม้ตีหัวของข้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยส่วนเลือดที่เจ้าเห็นมากมายมิใช่เลือดข้า ไปเรียกบ่าวรับใช้มาลากศพของซูหยวนออกไปห่อเอาไว้ก่อนเมื่อฟ้ามืดเมื่อไหร่ค่อยเอาร่างนางไปทิ้ง เจ้าช่วยเก็บกวาดห้องให้ข้าด้วยอย่าให้สาวใช้เข้ามาในนี้ ส่วนหน้าต่างไม่ต้องปิดข้าจะให้แมลงมาตอมแผลของทั้งสอง แต่ก่อนจะทำอันใดเตรียมน้ำให้ข้าล้างกายเสียก่อน ข้าเหนียวไปทั้งตัวใช้แรงไปมากต้องให้พ่อครัวทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินเสียแล้ว อ้อ..จริงสิ เจ้าเห็นเนื้อบนโต๊ะหรือไม่ช่วยเอาไปให้พ่อครัวย่างให้ข้าที ข้าจะนำมาป้อนเป็นอาหารกลางวันให้ทั้งสองได้กิน" นางชี้ไปที่ชิ้นเนื้อใบหน้าของเยว่เผิงที่นำมาวางไว้ เยว่เผิงได้ยินส่งเสียงร้องออกมาจากลำคอเพื่อคัดค้าน"อื้อ อื้อ " เจียวเหมยยิ้มกว้างหันไปหาเยว่เผิงพร้อมเอ่ยบอกแก่นาง
บทที่ 28 ตัวตนที่แท้จริงเจียวเหมยยืนขึ้นหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง"ฮ่า ฮ่า ต่อให้พวกเจ้าตะโกนขอความช่วยเหลือไม่มีผู้ใดสามารถช่วยพวกเจาได้หรอก! เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าเจ้าต้องการฆ่าข้ามิใช่หรือ? ข้าพร้อมรอรับความตายแล้วแต่ถ้าเจ้าฆ่าข้ามิได้ จะเป็นข้าเองที่ฆ่าพวกเจ้า" น้ำเสียงเย็นยะเยือกผู้ที่ได้ยินถึงกับสั่นสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ เยว่เผิงหวาดกลัวจนตัวสั่นจะหนีก็หนีมิได้ยิ่งคิดถึงเรื่องชายฉกรรจ์สองคนที่นางส่งมาจัดการยังถูกเจียวเหมยจัดการได้อย่างง่ายดายแล้วนางเป็นเพียงสตรีจะสู้นางได้อย่างไรกัน"ท่านพี่ช่วยข้าด้วยท่านเห็นหรือยังเจ้าคะสตรีที่ท่านรักนางมิได้เป็นอย่างที่ท่านเห็น ท่านเห็นหรือยังว่าผู้ใดกันแน่ที่รักท่านจริง ๆ ช่วยข้าด้วยนางบ้าไปแล้วนางจะฆ่าข้าเจ้าค่ะ ""ฮ่า ฮ่า ต่อให้เจ้าเรียกหยางตงฉวนอย่างไรเขาก็ไม่สามารถช่วยเจ้าได้ ขนาดตัวของเขาเองยังช่วยตนเองไม่ได้ด้วยซ้ำ" เจียวเหมยค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ทั้งสองอย่างช้า ๆส่วนหยางตงฉวนทำได้เพียงนอนฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นเขาอยากจะช่วยเหลือเยว่เผิงแต่ทว่าแค่ขยับแขนเขายังทำไม่ได้ซูหยวนเห็นท่าไม่ดีนางยืนบังหน้าเยว่เผิงเอาไว้หวังปกป้องนายหญิงของตนมิ
บทที่ 27 เจ้าของเรือนผู้ใหม่ยามเหม่า (06.00)เสียงบ่าวรับใช้ในเรือนพากันเอ่ยซุบซิบกันกระฉ่อน เมื่อจู่ ๆ ถูกเรียกให้มารวมตัวกันที่หน้าของนายท่านแต่มิใช่นายท่านเป็นคนเรียกแต่กลับเป็นฮูหยินรอง เมื่อทุกคนมาครบยูร์เหยาได้เข้ามาเรียกเจียวเหมยออกไปพบทุกคน"ฮูหยินยามนี้ทุกคนมาพร้อมหน้าแล้วเจ้าค่ะ ""ดีอย่างนั้นออกไปข้างนอกกันเถอะ" เจียวเหมยเดินออกไปข้างนอกอย่างสง่าผ่าเผยทุกสายตาจ้องมองมาที่นาง"ทุกคนในเรือนจงฟังข้าให้ดีข้ามีเรื่องที่จะต้องแจ้งพวกเจ้าให้ได้รับรู้ ต่อจากนี้ท่านใต้เท้าหยางตงฉวนเจ็บป่วยร่างกายทรุดตัวไม่สามารถดูแลงานในเรือนรวมทั้งงานราชการ ท่านใต้เท้าจึงมอบหมายให้ข้าเจียวเหมยสตรีที่เขารักดูแลทุกอย่างในเรือนแห่งนี้ ต่อจากวันนี้ข้าคือผู้ดูแลเรือนตระกูลจาง ต่อจากนี้พวกเจ้าต้องเชื่อฟังคำสั่งของข้า เพราะข้าคือเจ้าของเรือนหากผู้ใดไม่เชื่อและขัดคำสั่งข้าจะลงโทษอย่างไม่ปราณี" เอ่ยจบนางได้ชูหนังสือประจำตระกูลให้ทุกคนได้ดูแม้บางคนจะอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้แต่ก็พอรู้ว่าหนังสือเช่นนี้เป็นหนังสืออะไร เมื่อทุกคนเห็นต่างพากันแปลกใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดเพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษ หลังจากที่ทุกคนรับรู้นาง
บทที่ 26 รักข้ามั้ยเจ้าคะหลายวันต่อมาร่างกายของหยางตงฉวนเริ่มไม่แข็งแรงเหมือนเดิม เขาไอหนักมากกว่าเดิมสติเริ่มฟั่นเฟือนเลอะเลือน แต่เขายังคงรักเจียวเหมยหนักมากกว่าเดิม นางเฝ้าคอยดูแลเขาเอาอกเอาใจ“เจียวเหมยช่วงนี้ข้ารู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน ข้าได้เห็นความรักที่เจ้ามีให้ข้า ข้าอยากหายกลับไปเป็นปกติทำไมท่านหมอมาตรวจข้าหลายต่อหลายคนต่างพากันบอกว่าข้ามิได้เป็นอะไรทำไมร่างกายของข้าถึงซูบผอมไร้เรี่ยวแรงอย่างนี้กันนะ”“ท่านพี่คิดมากไปเองเจ้าค่ะ ท่านพี่เป็นกังวลเกินไปเลยทำให้ร่างกายของท่านซูบผอม ข้ารักท่านพี่นะเจ้าคะข้าเคยสัญญาว่าจะอยู่กับท่านจนกว่าจะถึงวันตายข้าไม่มีทางหนีท่านไปไหนเจ้าคะ ดื่มนี่สักหน่อยนะเจ้าคะข้าให้ยูร์เหยาต้มยาสมุนไพรบำรุงร่างกายให้ท่าน อีกไม่กี่วันร่างกายท่านอาจจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ” เจียวเหมยประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของหยางตงฉวนขึ้นมานั่งคว้าหมอนมาหนุนหลังของเขาเอาไว้ ยามนี้ร่างกายของเขาซูบผอมจริง ๆ งานราชการเจียวเหมยได้จัดการให้เขาเมื่อมีสารมาที่เรือนนางได้ตอบกลับพร้อมประทับตราของหยางตงฉวนให้บอกว่าช่วงนี้เขาไม่สบายไม่สามารถทำงานได้นางยกยาสมุนไพรเมื่อครู่ให้เขาดื่มจนหมดก่
บทที่ 25 เจ้ามันน่าเบื่อยามโหย่ว (17.00)ฝั่งด้านเยว่เผิงหลายวันมานี้นางเก็บตัวเงียบเสียใจที่หยางตงฉวนเมินเฉยต่อนางความเย็นชาที่นางไม่เคยพบเจอก็ได้เจอ นางเคยขอพบเขาที่ห้องแต่เขากลับให้บ่าวออกมาบอกว่าเขาไม่ต้องการพบนางทำให้นางเสียใจมากกว่าเดิม"ฮูหยินเจ้าคะถึงเวลากินอาหารเย็นแล้วเจ้าค่ะ ช่วงนี้อาหารไม่ถูกปากฮูหยินอยากกินอะไรหรือไม่เจ้าคะ ข้าน้อยจะให้พ่อครัวทำให้""ไม่ข้าไม่อยากอะไรทั้งนั้น " แววตาเหม่อลอยจ้องมองไปนอกหน้าต่างเอ่ยตอบสาวใช้ด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยไร้ชีวิตชีวา ซูหยวนสงสารนายหยิงจับใจครั้นนั้นนางได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามานางรีบหันไปมองเห็นว่าเป็นนายท่านใบหน้าของนางเริ่มปรากฏรอยยิ้มรีบแจ้งนายหญิงทันที"ฮูหยินเจ้าคะนายท่านมาเจ้าค่ะ " เยว่เผิงคิดว่าตนเองหูแว่วจึงคิดจะหันกลับมาต่อว่าสาวใช้แต่เมื่อเห็นชายที่ตนรักและคิดถึงรีบเดินไปหาเขาด้วยความดีใจ"ท่านพี่มาหาข้าหรือเจ้าคะ" น้ำเสียงระรื่นเอ่ยถามเขาทันทีพลางเดินเข้าไปใกล้หวังโอบกอดแต่ก็ต้องถูกเขาผละกายนางออก"ข้ามิได้มาเพราะคิดถึงเจ้า แต่ว่าเจียวเหมยของข้าให้ข้ามาหาเจ้า นางทั้งเห็นใจเจ้าหวังดีต่อเจ้ากลัวเจ้าจะน้อยใจข้าจึงได้มาหา ซู
บทที่ 24 หยางตงฉวนกลับจากวังหลวงไม่นานซูหยวนได้กลับมาใบหน้าตื่นตระหนกเร่งรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่ห้องของเยว่เผิง"แฮ่ก ๆ ๆ "ปัง!! เสียงเปิดประตูเข้ามาอย่างแรงเพราะความร้อนใจ ทำให้เยว่เผิงตกใจไม่น้อยตวาดใส่ซูหยวนเสียงดัง"นี่จะรีบไปที่ใดกันทำไมไร้มารยาทเช่นนี้""ฮูหยินเจ้าคะฮูหยินข้าน้อยมีเรื่องมาแจ้งเจ้าค่ะ ข้าไปตามหาชายคนที่ข้าจ้างวานฮูหยินรู้มั้ยเจ้าคะว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกนั้น ""คนพวกนั้นตายหมดแล้ว "ไม่ทันที่ซูหยวนจะพูดจบเยว่เผิงได้เอ่ยโพล่งออกมาทำให้ซูหยวนหน้าเหวอตกใจมากกว่าเดิม"ฮูหยินรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ ข้าไปตามหาเห็นชาวบ้านแตกตื่นจ้องมองไปยังแม่น้ำเห็นศพสองศพข้าจึงเดินไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นแต่เมื่อทั้งสองถูกทางการยกขึ้นมาต้องตกใจเพราะทั้งสองคนเป็นคนที่ข้าจ้างวานเจ้าค่ะ""ข้ารู้ได้อย่างไรนะหรือ? เพราะหลังจากที่เจ้าออกไปข้ากลับที่ห้องมีหีบมือของหนึ่งในสองคนนั้นมาอยู่ที่ห้องของข้าอย่างไรล่ะ ตอนนี้เจ้ากลับมาก็ดีแล้ว ข้าไม่อยากอยู่เพียงลำพังแถมนางยังเขียนมาข่มขู่ข้าอีกไม่ให้ข้ายุ่งกับนาง ตอนนี้ข้าเสียวหลังกลัวว่านางจะมาจัดการข้าอีกคน""นางเป็นใครกันทำไมถึงได้สู้สองคนนั้นได้ "
บทที่ 23 เป็นไปได้อย่างไรฝั่งด้านเยว่เผิงนางตื่นขึ้นมาอย่างอารมณ์ดียืนคิดพลางยิ้มเล็กยิ้มใหญ่“มื้อคืนฮูหยินคงนอนหลับสบายสินะเจ้าคะ ตื่นเช้ามาวันนี้ใบหน้าถึงได้ชื่นบาน”“ใช่นะสิ! เจ้ามาก็ดีแล้วข้าจะไปที่ห้องของท่านพี่จะไปดูด้วยตาตนเองสักหน่อยหวังว่านางคงหายไปจากเรือนตระกูลจาง”“ฮูหยินวางใจได้คนที่ข้าหามาล้วนมีฝีมือจัดการกับสตรีอย่างนางมิใช่เรื่องยากอันใดไปกันเถอะเจ้าค่ะ”“ดี! ช่างดีจริง ๆ ฮ่า ฮ่า” ทั้งสองพากันเดินมาที่ห้องของหยางตงฉวนอย่างอารมณ์ดี แต่ทว่าใบหน้าของนางต้องเปลี่ยนไปทันทีเมื่อสองเท้าก้าวเข้าห้องเห็นเจียวเหมยนั่งจิบน้ำชาร่างกายมิได้รับบาดเจ็บอันใดแม้แต่น้อย สีหน้าของเยว่เผิงพลันเปลี่ยนสี‘เหตุใดนางถึงมานั่งจิบน้ำชาราวกับไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือว่าชายฉกรรจ์พวกนั้นยังไม่ได้ลงมือ จิ! นี่ข้าพลาดไปแล้วอย่างนั้นหรือ ข้าคิดว่ามาจะไม่เห็นแม้แต่เงาของนางเสียแล้ว’ เยว่เผิงคิดในใจสองเท้าหยุดชะงักที่หน้าประตู เจียวเหมยแสยะยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นสีหน้าของเยว่เผิงผิดหวังไม่เป็นอย่างที่นางตั้งใจเอาได้เจียวเหมยวางจอกน้ำชาลงลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้เยว่เผิง“ฮูหยินมาที่นี่แต่เช้าตรู่มีเรื่อง
บทที่ 22 ถูกลอบทำร้ายเมื่อนางสบายใจที่เห็นของสำคัญจึงดับเทียนเพื่อพักผ่อนเอนกายลงนอนบนเตียงแต่แล้วหูของนางได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังย่องมาทางหน้าต่างอย่างแผ่วเบา หากเป็นบ่าวในเรือนที่เดินตรวจตราคงพูดคุยกันมาตลอดทางแต่นี่มิใช่ ใจของเจียวเหมยเต้นระรัวคิดว่าต้องเป็นผู้ประสงค์ร้ายหวังมาทำร้ายนาง นางยังไม่ลุกขึ้นเพราะต้องการดูให้แน่ใจหากเป็นบ่าวรับใช้คงเดินผ่านไปเรื่อย ๆ แต่ทว่านางกลับได้ยินเสียงงัดหน้าต่าง ตอนนั้นเองเจียวเหมยลุกขึ้นค่อย ๆ ดึงหมอนขึ้นเผยให้เห็นมีดเล็กของนางที่นางพกติดตัวไว้ตลอดและย่องไปยืนแอบอยู่มุมมืด ชายฉกรรจ์เข้ามาได้สำเร็จ เจียวเหมยจ้องมองชายที่เข้ามามีสองคนด้วยกัน ทั้งสองแต่งกายด้วยชุดสีดำใช้ผ้าผูกหน้าแถมยังถือมืดในมือ นางแน่ชัดแล้วว่าทั้งสองคงต้องมีคนจ้างวานมาเพื่อกำจัดนางแน่นอน และคนแรกที่เจียวเหมยนึกถึงคงเป็นเยว่เผิงไม่ผิดแน่ชายทั้งสองเมื่อย่องเข้ามาที่เตียงนอนง้างมือที่ถือมีดหวังจะแทงเจียวเหมยในคราเดียวแต่ทว่าเมื่อมาถึงเตียงนอนกลับพบกับความว่างเปล่าทั้งสองมองหน้ากันอย่างงงงวย"คนหายไปที่ใดกัน ไหนเจ้าบอกว่านางอยู่ที่ห้องนี่มิใช่หรือ? หรือว่าเจ้าได้ยินผิด""ไม่ผิดแน่!