บทที่ 11 จะไม่ให้เป็นเช่นเดิมอีก
"เท้าของเจ้าบวมแดงเล็กน้อยคงจะต้องใส่ยาหากจะให้เจ้าเดินน่าจะระบมแดงยิ่งกว่าเดิม ข้าอุ้มเจ้ากลับที่ห้องเจ้าจะว่ากระไรหรือไม่"
"ข้าจะว่าอะไรได้เจ้าคะ ต้องขอบคุณน้ำใจท่านใต้เท้าเสียอีกที่ช่วยเหลือข้า" เอ่ยจบเขาลุกขึ้นอุ้มร่างบางอย่างง่ายดายก่อนจะเดินพาเจียวเหมยกลับที่ห้อง
ยามนั้นยูร์เหยากำลังเช็ดถูห้องให้เจียวเหมยอยู่หน้าห้องเห็นนายท่านกำลังอุ้มร่างของเจียวเหมยมานางรีบเปิดประตูห้องให้อย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรถึงหรือเจ้าคะ”
“ระหว่างที่ข้าพานางเดินสำรวจนางได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าช่วยไปหยิบยามาให้ข้าทีข้าจะทายาให้นาง”
“เอ่อ…ท่านใต้เท้าในเมื่อยามนี้ท่านพาข้ามาส่งถึงที่ห้องแล้วข้าไม่ขอรบกวนท่านจะดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าจะให้ยูร์เหยาช่วยทายาให้ข้าเองเจ้าค่ะ”
“เอาอย่างนั้นหรือ? ยูร์เหยาข้าฝากเจ้าดูแลนางด้วย”
“เจ้าค่ะท่านใต้เท้า” ยูร์เหยาโน้มกายน้อมรับคำสั่งเดินออกไปด้านนอกเพื่อนำยามาทาให้แก่เจียวเหมย เขาอุ้มร่างนางมาวางลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม
“เท้าของเจ้าคงอีกสองวันถึงจะหายดีระหว่างนี้เจ้ามิต้องเดินไปที่ใดหากอยากได้อะไรให้เรียกใช้ยูร์เหยาได้เต็มที่ ส่วนอาหารข้าจะให้พ่อครัวจัดสำรับมาให้เจ้าที่ห้องนี่แล้วกัน”
“ท่านช่างมีเมตตากับข้าเหลือเกิน จนข้ารู้สึกอายเหลือเกินที่ไม่รู้จะตอบแทนไมตรีท่านอย่างไร ไว้ข้าหายดีเมื่อไหร่ข้าจะตอบแทนท่านใต้เท้าทั้งชีวิตเลยเจ้าค่ะ” เจียวเหมยเอ่ยคำหวานพลางใช้มือลูบไล้อกแกร่งของเขาสายตาหวานหยาดเยิ้มจนหยางตงฉวนตกอยู่ในภวังค์รีบหันหน้าหนีนางทันที
“ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเจ้าจะตอบแทนข้าอย่างไร ข้าจะต้องตารอส่วนยามนี้เจ้าพักผ่อนเถิด” เขาลุกขึ้นพรวดรีบเดินออกไปทันที เจียวเหมยสังเกตเห็นใบหน้าของเขาแดงระเรื่อนัยน์ตาเต็มไปด้วยความหื่นกระหายในร่างกายนี้
“ข้าจะทำให้ท่านลุ่มหลงจนโง่หัวไม่ขึ้นเลย” เจียวเหมยเอ่ยตามหลังเขา เมื่อเห็นแผ่นหลังของเขาเดินไปไกลจนลับสายตา
ไม่นานยูร์เหยาได้เดินเข้ามาก็ต้องแปลกใจที่เห็นเจียวเหมยเดินอย่างไม่เจ็บปวด
“นี่ท่านมิได้รับบาดเจ็บหนักจนเดินไม่ได้หรอกหรือ?”
“ข้าเพียงแค่ถลาล้มเล็กน้อยโชคดีที่ท่านใต้เท้าช่วยเหลือเอาไว้ได้ก่อน ดูเหมือนท่านใต้เท้าจะเป็นห่วงข้าจนเกินไปคิดว่าข้าเดินไม่ไหวนะ”
“นี่! ข้ามองดูก็รู้ว่าท่านคิดเช่นไร ท่านมิใช่สตรีใสซื่อบริสุทธิ์อย่างที่ผู้อื่นคิดใช่หรือไม่? แม้ท่านจะปิดบังผู้อื่นได้แต่ท่านปิดบังข้ามิได้ บอกข้ามาว่าท่านต้องการอันใดกันแน่” ยูร์เหยาฉลาดพอเมื่อนางต้องพบเจอเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้นางมองคนออกไม่มากก็น้อยและดูเหมืนอว่าเจียวเหมยเข้ามาที่นี่ต้องมีจุดประสงค์อันใดซ่อนอยู่ เจียวเหมยจ้องมองใบหน้าของยูร์เหยาหากนางต้องอยู่ที่นี่ต้องมีสาวใช้ที่คอยเคียงข้างและสามารถไว้ใจได้ นางจึงคิดจะใช้ใจแลกใจเพื่อจะได้สาวใช้ไว้ใช้งานและช่วยเหลือนางในการแก้แค้นครั้งนี้
“เจ้าหูตาไว้จริง ๆ เรื่องที่เจ้าถามข้าจะบอกทุกอย่างแต่ทว่ายามนี้ประตูได้เปิดทิ้งไว้หน้าต่างไม่ได้ปิดแน่นหนา หากผู้อื่นมาได้ยินอาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้ “ยูร์เหยาวางยาไว้ที่โต๊ะก่อนจะเดินไปปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา และเดินไปปิดหน้าต่างทุกบานให้สนิท ก่อนจะเดินมายืนต่อหน้าเจียวเหมยเพื่อฟังความจริงจากปากของนาง
“ยามนี้ฮูหยินไม่อยู่ที่เรือน อีกอย่างท่านใต้เท้าได้กลับห้องอ่านตำราแล้วบ่าวรับใช้ในเรือนต่างพากันพักยามบ่าย รีบบอกข้ามาให้หมดว่าท่านต้องการจะทำอะไร”
“ใจเย็น ๆ สิ นั่งพูดคุยกันจะดีกว่า”
“อย่าชักช้ารีบเอ่ยมาเดี๋ยวนี้”
“ก็ได้ ก็ได้ ข้าต้องการเป็นอนุของท่านใต้เท้าหยางตงฉวน มีเพียงเท่านี้ไม่มีเรื่องอื่นใดเลย” เจียวเหมยลองใจดูว่าสีหน้าของยูร์เหยาจะเป็นอย่างไร แต่ที่น่าตกใจนางกลับเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของยูร์เหยาแทน
“เฮอะ! ท่านไม่ใช่คนละแวกนี้เป็นสตรีมาจากที่อื่น คิดดีแล้วหรือว่าจะมาเป็นอนุของท่านใต้เท้าหยางตงฉวน ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแท้ที่จริงแล้วท่านใต้เท้าเป็นคนเช่นไร! ขนาดฮูหยินคนเก่านางทั้งรักและประเคนทุกอย่างให้แก่ท่านใต้เท้า เขายังหมดรักนางและมอบความตายให้นางแทน ที่ข้าเอ่ยเรื่องนี้กับท่านเพราะสงสารไม่อยากให้พบเจอเรื่องโชคร้ายอย่างคุณหนูของข้า ไม่ว่าจะเป็นท่านใต้เท้าหรือฮูหยินต่างน่ากลัว เพียงอำนาจทั้งสองกล้าทำเรื่องไร้ความยุติธรรม ทำร้ายแม้กระทั่งผู้มีพระคุณหากท่านไม่อยากตายอยู่ที่นี่หายดีเมื่อไหร่ออกจากที่นี่ไปซ่ะ ข้าไม่อยากเห็นท่านมีจุดจบเดียวเช่นกับคุณหนูของข้า” เจียวเหมยจ้องมองใบหน้าของยูร์เหยาที่มองนางด้วยดวงตาสั่นเครือ นางนึกถึงเดหตุการณ์คืนที่หนิงเซียนถูกหยางตงฉวนทำร้าย เจียวเหมยเดินเข้ามาใกล้ใช้มือแตะลงที่บ่าของยูร์เหยาเพื่อปลอบใจและกระซิบข้างหูของนางจนยูร์เหยาเบิกตาโพลงโต
“ข้าไม่มีทางให้มันเป็นเช่นเดิม ข้าไม่กลัวตายและข้าก็รู้ดีว่าหยางตงฉวนกับเยว่เผิงสหายของข้าเป็นคนเช่นไร ข้าจดจำได้ดีว่าวันนั้นข้าเจ็บปวดเจียนตายเพียงใด ความทุกข์ทรมานใจที่ข้าต้องพบเจอข้าจะทำให้ทั้งสองพบเจอเช่นเดียวกับข้า หรือมากกว่าข้าด้วยซ้ำไป เพราะข้าคือจางหนิงเซียนคุณหนูของเจ้าข้ากลับมาครั้งนี้เพื่อแก้แค้นทั้งสองและยึดทุกอย่างที่เคยเป็นของตระกูลจางกลับมาเป็นของข้าเช่นเดิม” เจียวเหมยเดินถอยหลังยิ้มให้แก่ยูร์เหยา ยามนี้แข้งขาของนางไร้เรี่ยวแรงล้มลงกับพื้นด้วยความตกใจไม่คิดว่า คุณหนูของนางที่ตายไปแล้วจะกลับมาได้ยามนี้ร่างกายของนางสั่นเทาไปหมดก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“ฮ่า ฮ่า เจ้าจะเป็นคุณหนูของข้าได้อย่างไรในเมื่อข้าเห็นกับตาว่านางถูกทำร้ายจนหมดลมหายใจ อีกอย่างเรื่องนี้เจ้ารู้ได้อย่างไรท่านใต้เท้าปิดบังเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับคุณหนู” เจียวเหมยคิดไว้แล้วว่าอย่างไรยูร์เหยาคงยากที่จะเชื่อสิ่งที่นางเอ่ยออกมา เจียวเหมยหันหลังให้แก่นางก่อนจะปลดเสื้อด้านนอกออกเผยให้เห็นตู้โตว ยูร์เหยาคิ้วขมวดเข้าหากันสตรีนางนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ นางเอ่ยถามอยู่แท้ ๆ เหตุใดถึงได้ปลดอาภรณ์ออกเช่นนี้
“เจ้าเคยอาบน้ำขัดกายให้ข้าอยู่บ่อยครั้งเห็นร่างกายของข้าจนหมดแล้ว ดูตรงเอวด้านซ้ายของข้าสิปานที่ข้ามีตั้งแต่เกิดมีเพียงไม่กี่คนหรอกที่รู้” ทันทีที่สายตาของยูร์เหยาเห็นนางตกตะลึงมากกว่าเดิม รีบคลานขาเข้ามาโอบกอดคุณหนูด้วยความคิดถึง
“อึก อึก สวรรค์นี่คงเป็นสวรรค์เมตตาคุณหนูของข้าให้มีชีวิตอยู่รอด ข้าดีใจเหลือเกินเจ้าค่ะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ฮื้อ ฮื้อ” นางสะอื้นไห้ออกมาด้วยความดีใจและโล่งใจ เจียวเหมยดึงอาภรณ์มาสวมใส่ก่อนจะบอกให้นางสงบสติอารมณ์
“เจ้าสงบสติอารมณ์เถิดผู้อื่นมาเห็นเข้าจะเคลือบแคลงใจ”
“เจ้าค่ะ” นางปล่อยแขนออกจากขาของเจียวเหมยพลางเช็ดน้ำตาตัวเอง
บทที่ 12 ตอบแทนหลังจากนั้นยูร์เหยาได้เอ่ยถามเรื่องราวระหว่างที่นางถูกจับโยนทิ้งหน้าผาเกิดอะไรขึ้นแล้วทำไมใบหน้าของนางถึงเปลี่ยนไป ยามนี้เจียวเหมยมั่นใจแล้วว่ายูร์เหยาสามารถเชื่อใจได้จึงเล่าทุกอย่างให้นางได้รับรู้จนหมดและแผนการที่นางกลับมาในครั้งนี้ ยูร์เหยานางจงรักภักดีจึงรับปากจะช่วยเหลือเจียวเหมยทุกอย่างไม่ว่านางจะทำอันใดนางจะอยู่ข้างกายแม้ตายก็ไม่กลัวเช่นกันเมื่อทั้งสองพูดคุยกันจนตะวันเริ่มคล้อยต่ำจวนจะถึงมื้ออาหารเย็นยูร์เหยาจึงแจ้งเรื่องที่เยว่เผิงออกไปตลาดวันนี้“จริงสิ!วันนี้ข้าได้ยินสาวใช้นางอื่นเอ่ยกันว่าฮูหยินออกไปด้านนอกเพราะไปซื้อยาต้มบำรุงร่างกายให้ตนเองตั้งครรภ์ด้วยล่ะ”“ฮื้ม! นางอยากตั้งครรภ์หรือ? ไม่ได้ข้าจะให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นไม่ได้ เจ้าช่วยไปหาปาโต๊ว เซียนหนิว เหยียนฮวา ซานหลิง ชนิดใดชนิดหนึ่งมาให้ข้าทีเอาที่ตากแห้งไว้แล้ว ข้าจะนำมาบดให้ละเอียดและช่วยนำไปสลับเปลี่ยนกับยาที่นางต้มดื่ม” เจียวเหมยจำได้ดีคำพูดของไป๋ฉีที่บอกนางเกี่ยวกับยาสมุนไพร และยาพิษบางตัวอาจจะใช้รักษาร่างกายได้แต่ถ้ามากเกินไปอาจจะเป็นพิษต่อร่างกาย โชคดีอีกอย่างคือหญ้าสมุนไพรนี้เสมือนหญ้าตัวเดี
บทที่ 13 ต่อจากนี้เจ้าคือฮูหยินรองของข้าอีกด้านของเรือนเยว่เผิงอาบน้ำล้างกายจนเสร็จรีบสั่งการให้ซูหยวนไปตามหยางตงฉวนมาที่ห้องของนาง"นี่ซูหยวนเจ้าไปตามท่านพี่มาพบข้าสิ ข้าจะรอท่านพี่ที่ห้องแต่ทว่าก่อนเจ้าไปช่วยจุดธูปหอมให้ข้าด้วยท่านพี่เหนื่อยงานมาจะได้ผ่อนคลาย""ได้เจ้าค่ะฮูหยิน " ซูหยวนจัดการจุดธูปหอมก่อนจะเดินไปตามท่านใต้เท้าที่ห้องของเขาแต่ทว่าเมื่อมาถึงที่ห้องกลับพบว่าท่านใต้เท้าไม่อยู่ นางจึงเดินไปดูที่ห้องอ่านตำราเห็นเทียนในห้องยังสว่างจึงเดินเข้าไปตามก๊อก ๆ !!"ท่านใต้เท้าเจ้าคะฮูหยินให้ข้ามาตามเจ้าค่ะ" นางเคาะประตูพลางตะโกนบอกหยางตงฉวนแต่ทว่าในห้องกลับไร้เสียงตอบกลับ นางอดสงสัยไม่ได้ปกติหากที่นี่เทียนยังสว่างอยู่ท่านใต้เท้าต้องอยู่ที่นี่สิ นางจึงใช้หูแนบที่ประตูได้ยินเสียงร้องครางออกมาอย่างไม่เป็นจังหวะ"อ๊าาา อะ อ๊าาา ท่านใต้เท้ากระแทกแล้วไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าจุก จุกท้องน้อยจนแทบไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ ""อื้ม ... ซี๊ด ... เจียวเหมยร่างกายของเจ้าช่างยั่วยวนข้านัก จนข้ามิอาจจะหักห้ามใจให้ทะนุถนอมเจ้าได้ยิ่งน้ำเสียงครางของเจ้ายิ่งทำให้ข้าฮึกเหิมมากกว่าเดิม อ๊าาาา ...." ทันทีที่ซูหยวน
บทที่ 14 ค่าตัวของข้า“ฮูหยินเจ้าคะ เมื่อครู่ข้าเดินมาจากโรงครัวเห็นท่านใต้เท้าอุ้มสตรีนางนั้นมาที่ห้องแถมยังสวมใส่อาภรณ์หลุดลุ้ยอีกต่างหากเจ้าค่ะ” เยว่เผิงนางนั่งดื่มยาสมุนไพรที่ซูหยวนนำมาให้พลางครุ่นคิด นางวางชามยาลงอย่างช้า ๆ“อย่างนั้นหรือ? ท่านพี่คงหลงใหลในตัวนางชั่วคราวอีกไม่นานก็เบื่อไปเอง ดีกว่าท่านพี่ออกไปหอคณิกา ขนาดหนิงเซียนท่านพี่ยังเบื่อที่นางจืดชืด ดูจากใบหน้าของเจียวเหมยนางคงไม่มีดีอันใดให้ท่านพี่หลงใหลนานนักหรอก ยิ่งถ้าหากข้าตั้งครรภ์ให้ท่านพี่ในเร็ววัน ท่านพี่คงได้หลงลืมนางและขับไล่นางออกจากเรือนไปเอง“แต่ว่าสายตาของท่านใต้เท้าที่มองนางมิใช่อย่างที่ข้าเคยเห็นเลยนะเจ้าคะ”“ซูหยวนเจ้ามิต้องเป็นกังวลไป เพราะอย่างไรคนที่เคียงข้างท่านพี่เสมอมาคือข้าและข้าก็เป็นคนที่กำความลับของท่านพี่ไว้มากมาย หากเมื่อไหร่ที่ท่านพี่ไม่สนใจข้าเรื่องที่ท่านพี่ทำทั้งหมดข้าจะเปิดโปงเอง” เยว่เผิงแสยะยิ้มเพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดที่เหมาะสมกับหยางตงฉวนเท่านางอีกแล้วฝั่งด้านเจียวเหมยหลังจากที่นางถูกหยางตงฉวนอุ้มมาส่งที่ห้อง เขาให้นางพักผ่อนพร้อมกำชับกับยูร์เหยาให้ดูแลนางให้ดี เมื่อเขาออกไปเ
บทที่ 15 นางต้องอับอายเจียวเหมยนางไม่ได้เดินกลับเรือนแต่อย่างไร นางชักชวนให้ยูร์เหยาเดินตามนางมาเงียบ ๆ สองเท้าของนางเดินไปยังห้องของท่านพ่อที่เคยอยู่ แต่ก่อนที่แห่งนี้บ่าวรับใช้มักจะเดินกันไปทั่วแต่ทว่ายามนี้กลับเงียบเหงามีเพียงสาวใช้ที่คอยมาทำความสะอาดเป็นครั้งคราว'ท่านพ่อต่อจากนี้ท่านไม่ต้องเป็นห่วงอันใด ข้าหนิงเซียนได้กลับมาแล้วข้าจะจัดการผู้ที่กระทำต่อตะกูลของเรา บรรพบุรุษตระกูลจางต้องได้นอนตายตาหลับ ข้าหวังว่าท่านพ่อจะคอยดูแลข้ายามที่พบเจอเรื่องที่ยากลำบากให้ข้าแก้แค้นทั้งสองคนที่ชั่วช้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ ' เจียวเหมยจ้องมองไปยังห้องของท่านพ่อแต่นางไม่ได้ก้าวเท้าเข้าไปด้านในเกรงว่าจะถูกสาวใช้ในเรือนพบเห็นเอาได้ นางทำได้เพียงเอ่ยในใจบอกแก่ท่านพ่อของนางให้สบายใจ นางจะแก้แค้นคนที่ทำร้ายท่านพ่อผู้มีเมตตาจนถึงแก่ความตายนางจะหยิบยื่นความตายเช่นเดียวกับท่านพ่อให้แก่หยางตงฉวนเองสองวันต่อมาเรือนตระกูลจางจัดงานแต่งตั้งฮูหยินรองให้แก่หยางตงฉวนมีใต้เท้ามากมายมาร่วมแสดงความยินดี ยามที่เจียวเหมยยืนต่อหน้าทุกสายตาต่างพากันเอ่ยชมไม่ขาดปากและอวยพรให้หยางตงฉวนกับนางมีบุตรในเร็ววัน เยว่เผิงนางยืนห
บทที่ 16 เลิกเสแสร้งเสียทีเมื่อเจียวเหมยเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จนางได้กลับไปที่งานเลี้ยงเช่นเดิม นางจ้องมองเห็นเยว่เผิงนั่งใบหน้าบูดบึ้งไร้ซึ่งอารมณ์ ใบหน้าของเจียวเหมยแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะเหลียวมองหาหยางตงฉวนเห็นว่าเขากำลังพูดคุยอยู่กับเหล่าใต้เท้านางจึงเดินตรงไปหาเยว่เผิง ยามนี้ทุกคนต่างพากันดื่มสุราอย่างสนุกสนานเสียงเพลงบรรเลงครึกครื้น สองเท้าของนางเดินเข้าไปใกล้พลางนั่งลงเก้าอี้ตัวข้าง ๆ เยว่เผิง"ฮูหยินใหญ่ทำไมถึงมีสีหน้าอย่างนั้นเจ้าคะหรือว่าไม่สบายตรงใดหรือไม่? ให้ข้าพาท่านไปส่งที่ห้องดีมั้ยดูสิสีหน้าของท่านไม่ดีเอาเสียเลย" เจียวเหมยขยับกายกระซิบข้างหูของเยว่เผิงทำให้นางสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมาตอบกลับนางด้วยความโมโหเพราะนางทำให้ซูหยวนต้องรับโทษ"เลิกเสแสร้งแกล้งเป็นคนดีเสียที เรื่องทั้งหมดเป็นแผนของเจ้าใช่หรือไม่ เจ้าต้องการหักหน้าข้าทำให้ข้าอับอายแถมยังโดนท่านพี่ตำหนิต่อหน้าขุนนางอีก เจ้ามันชั่วช้าอย่างกำพืดของเจ้าจริง ๆ" เจียวเหมยได้ยินถึงกับหัวเราะออกมา นางมองดูดีแล้วว่ายามนี้ทุกคนมิได้สนใจพวกนางเลยต่างพากันกินอย่างเอร็ดอร่อยกับอาหารที่ทางเรือนจัดเตรียมไว้ให้กินในงานฉลองให้
บทที่ 17 ข้าจะอยู่กับท่านไปจนวันตายยูร์เหยาเดินมาส่งเจียวเหมยที่ห้องนอนของหยางตงฉวน ยามนี้เจียวเหมยเห็นว่าถึงเวลาที่นางจะต้องค้นหาหนังสือที่นางเคยยกมอบให้แก่เขาหนังสือสัญญาลงนามเกี่ยวกับสมบัติบ้านเรือนทั้งหมด"ยูร์เหยาเจ้าไปนำสุรามาให้ข้าหน่อย คืนนี้ข้าจะต้องหาหนังสือให้เจอข้าจะมอมสุราหยางตงฉวน”“เจ้าค่ะอย่างไรคุณหนูต้องระมัดระวังตนให้ดีนะเจ้าคะ แม้ว่าท่านใต้เท้าหยางตงฉวนจะเมาสุราแต่ท่านจะต้องให้แน่ชัดแล้วค่อยหานะเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงคุณหนูเหลือเกิน” สีหน้าของยูร์เหยาเผยความกังวลเต็มดวงหน้า นางยิ้มกริ่มก่อนจะใช้มือแตะลงที่บ่าของยูร์เหยา“เจ้ามิต้องเป็นกังวล ข้ากลับมาในครั้งนี้ข้าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายข้าได้ง่าย ๆ หากข้ากลัวข้าคงไม่กลับมาเจ้าทำใจให้สบายเถิดรีบไปนำสุรามา เมื่อหยางตงฉวนมาที่ห้องเจ้าค่อยกลับไปพักผ่อน” ยูร์เหยาถอนหายใจเอื่อย ๆ ก่อนจะพยักหน้าน้อมรับคำสั่งของเจียวเหมยไปเอาสุรามาให้นางทันทีเจียวเหมยเดินเข้าไปในห้องเดินเข้าไปจุดเทียนให้ความสว่าง ห้องนี้เป็นห้องเดิมที่เขาเคยอาศัยอยู่และนางเองก็เคยมาที่นี่บ่อย ๆ และห้องนี้ก็เป็นห้องที่ทำให้นางได้รู้ความจริงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหม
บทที่ 18 ย้ายที่นอนรุ่งสางวันต่อมาเจียวเหมยแสร้งถอดอาภรณ์ของตนเองเสมือนว่าเมื่อคืนนี้นางกับเขาได้มีค่ำคืนที่เร่าร้อนด้วยกันนอนกอดเขาแนบแน่นอยู่บนเตียงร่างใหญ่ตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือเห็นสตรีร่างบางนอนหลับสนิทเขายิ้มกริ่มขึ้นมาก่อนที่จะขยับกายจูบที่หน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา นางทำให้เขามีความสุขมากกว่าเยว่เผิงเสียอีก“อื้อ ...ท่านพี่ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” ร่างเล็กขยับกายเล็กน้อยเมื่อถูกอีกฝ่ายสัมผัส“ข้าทำเจ้าตื่นอย่างนั้นหรือ? ข้าตื่นเมื่อครู่นี่เองเจ้านอนต่อเถิด เมื่อคืนนี้ข้าคงทำให้เจ้าไม่ได้หลับเลยใช่มั้ย ดูจากสภาพห้องแล้วข้าคงจะรุนแรงกับเจ้าสินะร่างกายของเจ้าคงระบมไปหมด” เขาเอ่ยพลางกวาดตาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของตน“มิใช่เจ้าค่ะ เมื่อคืนนี้ท่านพี่ทำให้ข้ามีความสุขถึงใจสุด ๆ เลยเจ้าค่ะไม่คิดเลยว่าท่านพี่จะมีพละกำลังมากมายถึงขนาดนี้ อย่างนั้นคืนนี้ท่านพี่คงไม่ให้ข้ามาหาที่นี่สินะเจ้าคะ ข้าชักชอบห้องของท่านพี่มากกว่าห้องที่ข้าอยู่ด้วยซ้ำ ข้าได้ยินมาจากสาวใช้ว่าห้องนั้นเป็นห้องของฮูหยินคนแรกของท่านที่ตายด้วยโรคติดต่อท่านให้ข้าย้ายมาอยู่ที่ห้องของท่านด้วยมิได้หรือเจ้าค่ะ ข้ากลัวว่าข้าจะติดโ
บทที่ 19 ฝากเอาไว้ก่อนใบหน้าของเยว่เผิงร้อนผ่าวชาจนแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เริ่มแดงขึ้นเป็นเริ้ว ๆ ตามรอยนิ้วมือของเจียวเหมย นางจับที่ใบหน้าของตนเองก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเสียสติ“ฮ่า ฮ่า นี่เจ้าบังอาจตบหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?” ซูหยวนตกใจเบิกตาโพลงโตไม่คิดว่าเจียวเหมยจะกล้าลงมือทำกับฮูหยินถึงขนาดนี้ นางรีบเดินเข้าไปประคองถามอาการทันที“ฮูหยินเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ นี่เจ้ากล้าดียังไงเอามือสกปรกของเจ้ามาแตะต้องใบหน้าของฮูหยินเรื่องนี้จะต้องถึงหูท่านใต้เท้า คอยดูว่าผู้ใดกันแน่จะถูกท่านใต้เท้าตำหนิ”“ฮึ ฮึ ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าให้ปล่อยข้า แต่พวกท่านยังไม่เชื่อคำพูดของข้าและหวังจะทำร้ายข้าแท้ ๆ หากข้ายอมอ่อนข้อคงโดนพวกท่านทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ แต่ทำไมข้าจะปกป้องตนเองไม่ได้เอาสิดีเช่นกันแจ้งท่านใต้เท้าเลยว่าข้าทำร้ายร่างกายฮูหยินใหญ่ข้าเองมิได้เกรงกลัว” เจียวเหมยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม จ้องมองทั้งสองด้วยสายตาไร้ความเกรงกลัวเยว่เผิงจ้องมองเข้าไปในดวงตาของนางจู่ ๆ นางกลับเห็นสายตาดดุดันคลายสายตาที่นางคุ้นเคยเหมือนนางถูกหนิงเซียนจ้องมองนางสะดุ้งตกใจใบหน้าซีดเผือกรีบชักชวนให้ซูหยวนพาตน
บทที่ 23 เป็นไปได้อย่างไรฝั่งด้านเยว่เผิงนางตื่นขึ้นมาอย่างอารมณ์ดียืนคิดพลางยิ้มเล็กยิ้มใหญ่“มื้อคืนฮูหยินคงนอนหลับสบายสินะเจ้าคะ ตื่นเช้ามาวันนี้ใบหน้าถึงได้ชื่นบาน”“ใช่นะสิ! เจ้ามาก็ดีแล้วข้าจะไปที่ห้องของท่านพี่จะไปดูด้วยตาตนเองสักหน่อยหวังว่านางคงหายไปจากเรือนตระกูลจาง”“ฮูหยินวางใจได้คนที่ข้าหามาล้วนมีฝีมือจัดการกับสตรีอย่างนางมิใช่เรื่องยากอันใดไปกันเถอะเจ้าค่ะ”“ดี! ช่างดีจริง ๆ ฮ่า ฮ่า” ทั้งสองพากันเดินมาที่ห้องของหยางตงฉวนอย่างอารมณ์ดี แต่ทว่าใบหน้าของนางต้องเปลี่ยนไปทันทีเมื่อสองเท้าก้าวเข้าห้องเห็นเจียวเหมยนั่งจิบน้ำชาร่างกายมิได้รับบาดเจ็บอันใดแม้แต่น้อย สีหน้าของเยว่เผิงพลันเปลี่ยนสี‘เหตุใดนางถึงมานั่งจิบน้ำชาราวกับไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือว่าชายฉกรรจ์พวกนั้นยังไม่ได้ลงมือ จิ! นี่ข้าพลาดไปแล้วอย่างนั้นหรือ ข้าคิดว่ามาจะไม่เห็นแม้แต่เงาของนางเสียแล้ว’ เยว่เผิงคิดในใจสองเท้าหยุดชะงักที่หน้าประตู เจียวเหมยแสยะยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นสีหน้าของเยว่เผิงผิดหวังไม่เป็นอย่างที่นางตั้งใจเอาได้เจียวเหมยวางจอกน้ำชาลงลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้เยว่เผิง“ฮูหยินมาที่นี่แต่เช้าตรู่มีเรื่อง
บทที่ 22 ถูกลอบทำร้ายเมื่อนางสบายใจที่เห็นของสำคัญจึงดับเทียนเพื่อพักผ่อนเอนกายลงนอนบนเตียงแต่แล้วหูของนางได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังย่องมาทางหน้าต่างอย่างแผ่วเบา หากเป็นบ่าวในเรือนที่เดินตรวจตราคงพูดคุยกันมาตลอดทางแต่นี่มิใช่ ใจของเจียวเหมยเต้นระรัวคิดว่าต้องเป็นผู้ประสงค์ร้ายหวังมาทำร้ายนาง นางยังไม่ลุกขึ้นเพราะต้องการดูให้แน่ใจหากเป็นบ่าวรับใช้คงเดินผ่านไปเรื่อย ๆ แต่ทว่านางกลับได้ยินเสียงงัดหน้าต่าง ตอนนั้นเองเจียวเหมยลุกขึ้นค่อย ๆ ดึงหมอนขึ้นเผยให้เห็นมีดเล็กของนางที่นางพกติดตัวไว้ตลอดและย่องไปยืนแอบอยู่มุมมืด ชายฉกรรจ์เข้ามาได้สำเร็จ เจียวเหมยจ้องมองชายที่เข้ามามีสองคนด้วยกัน ทั้งสองแต่งกายด้วยชุดสีดำใช้ผ้าผูกหน้าแถมยังถือมืดในมือ นางแน่ชัดแล้วว่าทั้งสองคงต้องมีคนจ้างวานมาเพื่อกำจัดนางแน่นอน และคนแรกที่เจียวเหมยนึกถึงคงเป็นเยว่เผิงไม่ผิดแน่ชายทั้งสองเมื่อย่องเข้ามาที่เตียงนอนง้างมือที่ถือมีดหวังจะแทงเจียวเหมยในคราเดียวแต่ทว่าเมื่อมาถึงเตียงนอนกลับพบกับความว่างเปล่าทั้งสองมองหน้ากันอย่างงงงวย"คนหายไปที่ใดกัน ไหนเจ้าบอกว่านางอยู่ที่ห้องนี่มิใช่หรือ? หรือว่าเจ้าได้ยินผิด""ไม่ผิดแน่!
บทที่ 21 เจอสิ่งที่ตามหาสองวันต่อมาวันนี้เป็นวันที่เจียวเหมยตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อจัดเตรียมอาภรณ์และของใช้ให้แก่หยางตงฉวน นางได้รู้จากเขาว่าวันนี้เขาจะต้องเข้าไปที่วังหลวงเป็นเวลาสองวัน นางจึงตื่นแต่เช้าเพื่อทำหน้าที่ของตนเอง หลายวันมานี้นางได้ใส่ยาให้เขากินทุกวัน ยากำลังทำลายภายในของเขาอย่างต่อเนื่องนางทำได้เพียงเฝ้ารอเวลาเท่านั้น"เจียวเหมยเจ้าตื่นแต่เช้าตรู่ทำไมกัน มานอนเคียงข้างข้าสักครู่เถิดนะ" เขาลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือมือคว้านหาสตรีที่นอนเคียงข้างกลับไม่พบนางเมือลืมตาดูก็เห็นว่านางจุดเทียนเพื่อเตรียมของใช้ให้แก่เขา"ท่านพี่แสงไฟรบกวนท่านหรือเจ้าคะ? ข้ากลับไปนอนต่อไม่ได้หรอกเจ้าคะอีกไม่นานท้องฟ้าก็สว่างแล้วตอนนี้ข้ากำลังจัดเตรียมของที่ท่านพี่ต้องใช้อยู่ท่านนอนต่อเถิด ""ไม่เห็นเจ้าต้องทำถึงเพียงนี้เลย สาวใช้ในเรือนมากมายเรียกใช้เข้าสิ""ท่านพี่พวกนางจะรู้ใจท่านพี่ได้อย่างไรเจ้าคะ ให้ข้าเตรียมให้จะดีกว่า ""เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าเถิด" เอ่ยจบหยางตงฉวนนอนต่ออีกสักหน่อยปล่อยให้เจียวเหมยจัดการอาภรณ์ของเขา แต่ทว่าที่นางเตรียมให้มิใช่อยากเอาอกเอาใจเขาเพียงอย่างเดียว แต่นางกำลังโรยผงห
บทที่ 20 ทำไมไม่เชื่อข้าสักนิดฝั่งด้านเยว่เผิงนางกลับมาที่ห้องของตนเองได้ระเบิดอารมณ์ที่เก็บกดเอาไว้เมื่อครู่“กรี๊ด!!! ทำไมทำไมข้ามิอาจจะทำอะไรนางได้ ไม่คิดเลยว่านางจะกล้ามากถึงเพียงนี้”“ฮูหยินเจ้าคะหากนางเป็นเพียงสาวเร่ร่อนไม่มีญาติพี่น้องอย่างนั้นไม่กำจัดง่ายหรือเจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าอีกสามวันท่านใต้เท้าจะไปพักที่วังหลวงเพราะมีพระราชโองการจัดพิธีการเฉลิมฉลองให้แก่องค์รัชทายาทเหล่าใต้เท้ามากมายต้องไปช่วยเหลือไม่ให้งานออกมาขาดตกบกพร่อง แถมท่านใต้เท้ายังได้รับหน้าที่ดูแลพิธีการอีก เราใช้ช่วงเวลานี้จัดการนางไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะหากเก็บนางเอาไว้นางจะคอยทิ่มแทงใจฮูหยินตลอดเช่นนี้” ซูหยวนคิดแผนของตนเองเมื่อเห็นว่าฮูหยินมิอาจจะต่อกรกับเจียวเหมยได้ เยว่เผิงยืนนิ่งคิดตามคำพูดของสาวใช้รอยยิ้มชั่วร้ายได้ปรากฏขึ้น“นั่นสินะทำไมข้าคิดไม่ถึงกันวันที่ท่านพี่ออกเดินทางไปวังหลวงเจ้าช่วยไปหานักฆ่ารับจ้างมาจัดการให้ข้าที ส่วนเรื่องที่นางหายตัวไปข้าคิดเอาไว้แล้วจะทำอย่างไร ข้าจะบอกท่านพี่ว่าคนรักของนางมาตามตัวนางกลับเรือน ที่ผ่านมานางเพียงหลอกลวงท่านพี่เท่านั้น”“ได้เลยเจ้าค่ะเช่นนั้นข้าน้อยขอตัวไปหาคนม
บทที่ 19 ฝากเอาไว้ก่อนใบหน้าของเยว่เผิงร้อนผ่าวชาจนแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เริ่มแดงขึ้นเป็นเริ้ว ๆ ตามรอยนิ้วมือของเจียวเหมย นางจับที่ใบหน้าของตนเองก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเสียสติ“ฮ่า ฮ่า นี่เจ้าบังอาจตบหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?” ซูหยวนตกใจเบิกตาโพลงโตไม่คิดว่าเจียวเหมยจะกล้าลงมือทำกับฮูหยินถึงขนาดนี้ นางรีบเดินเข้าไปประคองถามอาการทันที“ฮูหยินเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ นี่เจ้ากล้าดียังไงเอามือสกปรกของเจ้ามาแตะต้องใบหน้าของฮูหยินเรื่องนี้จะต้องถึงหูท่านใต้เท้า คอยดูว่าผู้ใดกันแน่จะถูกท่านใต้เท้าตำหนิ”“ฮึ ฮึ ข้าบอกแล้วมิใช่หรือว่าให้ปล่อยข้า แต่พวกท่านยังไม่เชื่อคำพูดของข้าและหวังจะทำร้ายข้าแท้ ๆ หากข้ายอมอ่อนข้อคงโดนพวกท่านทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ แต่ทำไมข้าจะปกป้องตนเองไม่ได้เอาสิดีเช่นกันแจ้งท่านใต้เท้าเลยว่าข้าทำร้ายร่างกายฮูหยินใหญ่ข้าเองมิได้เกรงกลัว” เจียวเหมยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม จ้องมองทั้งสองด้วยสายตาไร้ความเกรงกลัวเยว่เผิงจ้องมองเข้าไปในดวงตาของนางจู่ ๆ นางกลับเห็นสายตาดดุดันคลายสายตาที่นางคุ้นเคยเหมือนนางถูกหนิงเซียนจ้องมองนางสะดุ้งตกใจใบหน้าซีดเผือกรีบชักชวนให้ซูหยวนพาตน
บทที่ 18 ย้ายที่นอนรุ่งสางวันต่อมาเจียวเหมยแสร้งถอดอาภรณ์ของตนเองเสมือนว่าเมื่อคืนนี้นางกับเขาได้มีค่ำคืนที่เร่าร้อนด้วยกันนอนกอดเขาแนบแน่นอยู่บนเตียงร่างใหญ่ตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือเห็นสตรีร่างบางนอนหลับสนิทเขายิ้มกริ่มขึ้นมาก่อนที่จะขยับกายจูบที่หน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา นางทำให้เขามีความสุขมากกว่าเยว่เผิงเสียอีก“อื้อ ...ท่านพี่ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” ร่างเล็กขยับกายเล็กน้อยเมื่อถูกอีกฝ่ายสัมผัส“ข้าทำเจ้าตื่นอย่างนั้นหรือ? ข้าตื่นเมื่อครู่นี่เองเจ้านอนต่อเถิด เมื่อคืนนี้ข้าคงทำให้เจ้าไม่ได้หลับเลยใช่มั้ย ดูจากสภาพห้องแล้วข้าคงจะรุนแรงกับเจ้าสินะร่างกายของเจ้าคงระบมไปหมด” เขาเอ่ยพลางกวาดตาจ้องมองรอบ ๆ ห้องของตน“มิใช่เจ้าค่ะ เมื่อคืนนี้ท่านพี่ทำให้ข้ามีความสุขถึงใจสุด ๆ เลยเจ้าค่ะไม่คิดเลยว่าท่านพี่จะมีพละกำลังมากมายถึงขนาดนี้ อย่างนั้นคืนนี้ท่านพี่คงไม่ให้ข้ามาหาที่นี่สินะเจ้าคะ ข้าชักชอบห้องของท่านพี่มากกว่าห้องที่ข้าอยู่ด้วยซ้ำ ข้าได้ยินมาจากสาวใช้ว่าห้องนั้นเป็นห้องของฮูหยินคนแรกของท่านที่ตายด้วยโรคติดต่อท่านให้ข้าย้ายมาอยู่ที่ห้องของท่านด้วยมิได้หรือเจ้าค่ะ ข้ากลัวว่าข้าจะติดโ
บทที่ 17 ข้าจะอยู่กับท่านไปจนวันตายยูร์เหยาเดินมาส่งเจียวเหมยที่ห้องนอนของหยางตงฉวน ยามนี้เจียวเหมยเห็นว่าถึงเวลาที่นางจะต้องค้นหาหนังสือที่นางเคยยกมอบให้แก่เขาหนังสือสัญญาลงนามเกี่ยวกับสมบัติบ้านเรือนทั้งหมด"ยูร์เหยาเจ้าไปนำสุรามาให้ข้าหน่อย คืนนี้ข้าจะต้องหาหนังสือให้เจอข้าจะมอมสุราหยางตงฉวน”“เจ้าค่ะอย่างไรคุณหนูต้องระมัดระวังตนให้ดีนะเจ้าคะ แม้ว่าท่านใต้เท้าหยางตงฉวนจะเมาสุราแต่ท่านจะต้องให้แน่ชัดแล้วค่อยหานะเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงคุณหนูเหลือเกิน” สีหน้าของยูร์เหยาเผยความกังวลเต็มดวงหน้า นางยิ้มกริ่มก่อนจะใช้มือแตะลงที่บ่าของยูร์เหยา“เจ้ามิต้องเป็นกังวล ข้ากลับมาในครั้งนี้ข้าจะไม่ให้ใครมาทำร้ายข้าได้ง่าย ๆ หากข้ากลัวข้าคงไม่กลับมาเจ้าทำใจให้สบายเถิดรีบไปนำสุรามา เมื่อหยางตงฉวนมาที่ห้องเจ้าค่อยกลับไปพักผ่อน” ยูร์เหยาถอนหายใจเอื่อย ๆ ก่อนจะพยักหน้าน้อมรับคำสั่งของเจียวเหมยไปเอาสุรามาให้นางทันทีเจียวเหมยเดินเข้าไปในห้องเดินเข้าไปจุดเทียนให้ความสว่าง ห้องนี้เป็นห้องเดิมที่เขาเคยอาศัยอยู่และนางเองก็เคยมาที่นี่บ่อย ๆ และห้องนี้ก็เป็นห้องที่ทำให้นางได้รู้ความจริงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหม
บทที่ 16 เลิกเสแสร้งเสียทีเมื่อเจียวเหมยเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จนางได้กลับไปที่งานเลี้ยงเช่นเดิม นางจ้องมองเห็นเยว่เผิงนั่งใบหน้าบูดบึ้งไร้ซึ่งอารมณ์ ใบหน้าของเจียวเหมยแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะเหลียวมองหาหยางตงฉวนเห็นว่าเขากำลังพูดคุยอยู่กับเหล่าใต้เท้านางจึงเดินตรงไปหาเยว่เผิง ยามนี้ทุกคนต่างพากันดื่มสุราอย่างสนุกสนานเสียงเพลงบรรเลงครึกครื้น สองเท้าของนางเดินเข้าไปใกล้พลางนั่งลงเก้าอี้ตัวข้าง ๆ เยว่เผิง"ฮูหยินใหญ่ทำไมถึงมีสีหน้าอย่างนั้นเจ้าคะหรือว่าไม่สบายตรงใดหรือไม่? ให้ข้าพาท่านไปส่งที่ห้องดีมั้ยดูสิสีหน้าของท่านไม่ดีเอาเสียเลย" เจียวเหมยขยับกายกระซิบข้างหูของเยว่เผิงทำให้นางสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันมาตอบกลับนางด้วยความโมโหเพราะนางทำให้ซูหยวนต้องรับโทษ"เลิกเสแสร้งแกล้งเป็นคนดีเสียที เรื่องทั้งหมดเป็นแผนของเจ้าใช่หรือไม่ เจ้าต้องการหักหน้าข้าทำให้ข้าอับอายแถมยังโดนท่านพี่ตำหนิต่อหน้าขุนนางอีก เจ้ามันชั่วช้าอย่างกำพืดของเจ้าจริง ๆ" เจียวเหมยได้ยินถึงกับหัวเราะออกมา นางมองดูดีแล้วว่ายามนี้ทุกคนมิได้สนใจพวกนางเลยต่างพากันกินอย่างเอร็ดอร่อยกับอาหารที่ทางเรือนจัดเตรียมไว้ให้กินในงานฉลองให้
บทที่ 15 นางต้องอับอายเจียวเหมยนางไม่ได้เดินกลับเรือนแต่อย่างไร นางชักชวนให้ยูร์เหยาเดินตามนางมาเงียบ ๆ สองเท้าของนางเดินไปยังห้องของท่านพ่อที่เคยอยู่ แต่ก่อนที่แห่งนี้บ่าวรับใช้มักจะเดินกันไปทั่วแต่ทว่ายามนี้กลับเงียบเหงามีเพียงสาวใช้ที่คอยมาทำความสะอาดเป็นครั้งคราว'ท่านพ่อต่อจากนี้ท่านไม่ต้องเป็นห่วงอันใด ข้าหนิงเซียนได้กลับมาแล้วข้าจะจัดการผู้ที่กระทำต่อตะกูลของเรา บรรพบุรุษตระกูลจางต้องได้นอนตายตาหลับ ข้าหวังว่าท่านพ่อจะคอยดูแลข้ายามที่พบเจอเรื่องที่ยากลำบากให้ข้าแก้แค้นทั้งสองคนที่ชั่วช้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ ' เจียวเหมยจ้องมองไปยังห้องของท่านพ่อแต่นางไม่ได้ก้าวเท้าเข้าไปด้านในเกรงว่าจะถูกสาวใช้ในเรือนพบเห็นเอาได้ นางทำได้เพียงเอ่ยในใจบอกแก่ท่านพ่อของนางให้สบายใจ นางจะแก้แค้นคนที่ทำร้ายท่านพ่อผู้มีเมตตาจนถึงแก่ความตายนางจะหยิบยื่นความตายเช่นเดียวกับท่านพ่อให้แก่หยางตงฉวนเองสองวันต่อมาเรือนตระกูลจางจัดงานแต่งตั้งฮูหยินรองให้แก่หยางตงฉวนมีใต้เท้ามากมายมาร่วมแสดงความยินดี ยามที่เจียวเหมยยืนต่อหน้าทุกสายตาต่างพากันเอ่ยชมไม่ขาดปากและอวยพรให้หยางตงฉวนกับนางมีบุตรในเร็ววัน เยว่เผิงนางยืนห