Home / แฟนตาซี / กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก! / บทที่ 3 กลับบ้านนอกไปทำนากันเถอะ

Share

บทที่ 3 กลับบ้านนอกไปทำนากันเถอะ

last update Last Updated: 2024-09-22 17:30:05

ซ่งถานได้สติแล้วรับอาหารกล่องของเธอมา นี่คืออาหารชั้นเลิศจากร้านอาหารที่มีรีวิวมากถึง 5 ดาว แต่ราคาก็สูงถึง 188 หยวน อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดกล่องออกมา กลิ่นอาหารและกลิ่นเหม็นอับก็ปะปนคลุ้งจมูกเธอราวกับเป็นอาหารที่ไม่เคยทานมาก่อน ซ่งถานรู้สึกคลื่นเหียนในท้อง ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทานไม่ลง จังหวะนั้นเอง เจ้านายหัวหน้างานเธอที่ชื่อว่า ‘หวังปาผี’ ก็เดินเข้ามา พอเห็นเช่นนั้นเขาก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงทันที

"ซ่งถาน! เธอยังมีอารมณ์มานั่งกินข้าวอีกเหรอ งานนำเสนอที่ฉันสั่งไปล่ะ บอกแล้วนะว่าถ้าส่งไม่ทันก่อนบ่ายสองก็เตรียมลาออกไปได้เลย! "

ซ่งถานลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน เธอจำได้แล้วว่าลืมอะไรไป!

เธอกำลังจะมาลาออกไม่ใช่เหรอ!!

"ได้ งั้นให้ HR โอนเงินเดือนที่เหลือฉันให้ตรงเวลาด้วย ฉันจะลาออกและกลับบ้านต่างจังหวัดตอนนี้เลย!"

ทั้งสำนักงานตกตะลึง เมื่อเห็นว่าซ่งถานเริ่มเก็บของแล้ว หวังปาผีก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสับสนและน้อยใจ

"ฉัน... ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะ..." พนักงานที่ทั้งขยัน อดทน มีความสามารถ และค่าจ้างถูกแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆ

หั่วเสวี่ยอิงที่กำลังกินข้าวอยู่ ก็ต้องรีบหยุดกินทันทีแล้วเดินเข้ามาเพื่อห้ามปรามซ่งถานด้วยความร้อนลน เธอบอกเพื่อนว่าไม่ให้ใช้อารมณ์ชั่ววูบ เพราะสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ไม่ค่อยดี หางานใหม่ก็ไม่ง่ายนัก แต่แล้วเธอก็เห็นผมอีกข้างของซ่งถานที่ถูกตัดจนบางทั้งหย่อมและมีผ้าพันแผลแปะอยู่ เธอรู้สึกน้อยใจแทนซ่งถานขึ้นมาทันที

"ก็ไปสิ! ถานถาน ฉันจะช่วยเธอเก็บของเอง เธอพักผ่อนให้หายดีที่ห้องก่อนนะ ฉันเลิกงานแล้วจะไปช่วยเธอ!"

ประโยคที่ซ่งถานพูดเมื่อครู่คือความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในใจของเธอมานานหลายปี เมื่อพูดประโยคนั้นออกไป ภาพความทรงจำเกี่ยวกับภูเขาสีเขียว น้ำใสๆ แม่ไก่ที่ร้องกุ๊กๆ และหมูอ้วนที่ร้องฮึดฮัดก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธออย่างรวดเร็ว เธอไม่รู้ว่าหมูที่บ้านนอกจะมีสารพิษหรือไม่ แต่ก็ต้องดีกว่าหมูในเมืองแน่ๆ ในตอนนี้ เธอแทบจะรอไม่ไหวที่จะกลับบ้านแล้ว

"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ ตอนกลับเดี๋ยวฉันเรียกรถแท็กซี่มาขนของเอง แล้วก็จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเลย"

คราวนี้ หั่วเสวี่ยอิงถึงกับอึ้งไปชั่วครู่

ซ่งถานเก็บของได้อย่างรวดเร็วมาก ความยากลำบากทั้งสองชาติที่เธอตรากตรำมานาน ทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้เธอมีชีวิตที่ดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ตัวเธอมีวิชาเซียนติดตัวแล้ว กลับบ้านไปพึ่งพาตัวเองไม่สบายกว่านี้หรือยังไง

จากบริษัท เธอกอดกล่องลังเก็บของขึ้นแท็กซี่กลับไปที่ห้องเช่าด้วยความเร่งรีบ

ห้องเล็กๆ ขนาด 20 ตารางเมตร มีเสื้อผ้าแขวนอยู่ริมหน้าต่าง บนโต๊ะวางหนังสือกองเป็นตั้ง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเอกสารพวกคู่มือเรียนรู้เกี่ยวกับงานทั้งนั้น บนเตียงขนาด 1.2 เมตร ยังคงมีรอยยับของผ้าปูที่นอนยุ่ยๆ ซึ่งเก่าโทรมมากแล้ว ซ่งถานมองแล้วก็อดนึกถึงความประหยัดของตัวเองในอดีตไม่ได้

เธอถอนหายใจเงียบๆ ก่อนจะหยิบกล่องกระดาษที่ยังไม่ได้ทิ้งออกมา ใส่ของใช้จำเป็นง่ายๆ ลงไป แล้วก็ถอดเครื่องนอนสี่ชิ้นจากหมอนและเตียง เสื้อผ้าหนึ่งกล่อง รองเท้าสามคู่

หมดแล้ว

เธอจัดการอะไรๆ เสร็จ ก่อนจะโทรเรียกเจ้าของหอเพื่อแจ้งย้ายออก ผลปรากฏว่าเงินมัดจำก็ไม่ได้รับคืน แต่เงินค่าเช่าที่เหลือคืนให้ทั้งหมด คำนวณแล้ว ตอนนี้เธอยังมีเงินอยู่หกหมื่นสามพันห้าร้อยหยวน คำนวณเสร็จเธอก็พูดกับตัวเองในใจ

กลับบ้านนอกกันเถอะ!

รถไฟความเร็วสูง รถแท็กซี่ รถสาธารณะอำนวยความสะดวกที่ช่วยประหยัดเวลาทั้งหลาย ปกติก็ยังต้องใช้เวลารวมแล้วกว่าสี่ชั่วโมงจึงจะถึงจุดหมายที่เป็นบ้านต่างจังหวัดเธอได้ แต่ซ่งถานในเวลานี้เธอไม่สนใจ ยอมเสียเวลามากขึ้นไม่ใช้รถอำนวยความสะดวกพวกนั้น แต่กลับนั่งรถไฟต่อรถบัสไปเรื่อยๆ

ตอนนี้ เธอก็เข้าใกล้เป้าหมายซึ่งเป็นบ้านต่างจังหวัดเธอแล้ว แม้จะใช้เวลาช้ากว่าเดิมห้าถึงหกชั่วโมง แต่ก็มีความสุขดี

มองไปที่ลำธารที่ไหลเอื่อยๆ อีกฝั่งของถนน สูดอากาศที่ต่างจากในเมือง ถึงแม้จะยังขุ่นอยู่บ้างก็ไม่เป็นไร ในที่สุดเธอก็หลุดพ้นจากสภาพที่ลังเลใจ บนถนนบนเนินเขาไกลๆ มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งมาพร้อมเสียงเครื่องยนต์ดังแต่ไกล ลงเนิน ผ่านทุ่งหญ้าทั้งสองข้างทาง แล้วก็มาจอดอยู่ตรงหน้าเธอ

ชายร่างเล็กผิวคล้ำมองเธอ ใบหน้าบ้านๆ ยิ้มขึ้นมา

“ถานถาน หยุดงานแล้วเหรอ?”

ชายวัยกลางคนลงจากรถแล้ววางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ไว้ที่ตะแกรงเหล็กด้านหลังรถมอเตอร์ไซค์ จากนั้นก็ใช้เชือกหนังยางมัดหลายๆ รอบแล้วจึงเขย่า จากนั้นจึงพูดว่า

“ขึ้นรถ พ่อจะพากลับบ้าน แม่กำลังปิ้งมันเทศอยู่ที่บ้าน เมื่อวานพ่อตกปลาได้ปลาตะเพียนมาให้แกตุ๋นด้วยนะ อ้าว..แล้วนั่นหัวแกเป็นอะไร?”

นี่คือพ่อของเธอ ซ่งซานเฉิน

ซ่งถานได้ยินแบบนั้น น้ำตาก็คลอในดวงตาเมื่อมองไปยังผู้ชายธรรมดาบ้านๆ แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยเธอผู้นี้ เธอพยายามยิ้มแล้วแกล้งทำเป็นลูบหัวอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร หนูชนอะไรนิดหน่อยตอนเลิกงาน แต่บริษัทฯ เพิ่งให้ชดเชยวันหยุดโอทีมาก็เลยอยากกลับบ้านมาพักผ่อนดีกว่า”

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องพัก ไม่งั้นจะกลายเป็นโรคเรื้อรังตั้งแต่อายุยังน้อยได้นะถานถาน”

กดคันสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์แรงๆ สองสามครั้ง จากนั้นเสียงเครื่องยนต์ก็ดังคำรามไปทั่ว ซ่งถานหันหลังคว้าที่จับด้านหลังมอเตอร์ไซต์อัตโนมัติ แล้วก็รับรู้ถึงกลิ่นอากาศบริสุทธิ์ที่โชยมาปะทะใบหน้า

ขึ้นเขา เลี้ยวโค้ง เริ่มมีต้นไม้หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ในฤดูหนาวก็ยังมองเห็นภูเขาและป่าสนที่เขียวขจี

นี่คือบ้านเกิดของเธอ เมืองชิงซี หมู่บ้านหยุนเฉียว บ้านเกิดที่รายล้อมด้วยภูเขาและสายน้ำ มีฤดูกาลที่ชัดเจน

นี่คือชีวิตใหม่ของเธอ..

รถมอเตอร์ไซค์แล่นขึ้นเขาและลงเขามาสิบกว่านาที ในที่สุดก็เข้าใกล้หมู่บ้านเสียทีหลังจากลงเนินยาวๆ

หมู่บ้านหยุนเฉียวตั้งอยู่ในหุบเขา แม้จะมีถนนเชื่อมต่อหมู่บ้านและรถประจำทางวิ่งวันละครั้ง แต่การเดินทางออกไปข้างนอกก็ยังคงไม่ค่อยสะดวกนัก เนื่องจากถนนบนภูเขาที่คดเคี้ยวก็ยังคงเป็นอุปสรรค จนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านน้อยลงเรื่อยๆ

คนชราค่อยๆ แก่ตายไปตามอายุ ส่วนคนหนุ่มสาวต่างก็อพยพเข้าเมืองใหญ่กันหมด ทำให้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ นับคร่าวๆ ตอนนี้ก็มีไม่ถึง 30 ครัวเรือนในบริเวณโดยรอบแล้ว

แต่แล้วอย่างไรล่ะ นักบำเพ็ญเพียรก็เคยอยู่ในป่าลึกมาเช่นเดียวกัน บางครั้งบำเพ็ญตบะหลายเดือนหลายสิบปี ดังนั้นมีคนหรือไม่มีคนก็ไม่สำคัญ

ซ่งถานลงจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วรู้สึกได้ถึงความรู้สึกแปลกๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายของเธอ นั่นมาจากรากวิญญาณ ความผันผวนนี้ แสดงให้เห็นว่าป่าเขาที่ลึกเข้าไปนั้นเหมาะแก่การฝึกตนจริงๆ เมื่อนึกถึงความสามารถของตัวเองหลังจากฟื้นฟูพลังปราณแล้ว ซ่งถานก็ยิ่งมั่นใจในอนาคตมากขึ้น

พลังปราณแห่งโลกเซียนนั้น เธอมีรากวิญญาณทั้งสายธาตุน้ำและธาตุไม้ นั่นทำให้เธอสามารถฝึกฝนวิชาเซียนทั้งสองสายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด แต่หนทางสู่สวรรค์นั้นยากลำบาก การก่อร่างสร้างแก่นทองคำนั้นยากเย็นแสนเข็ญ หากไม่สามารถผ่านด่านนั้นได้ ในแวดวงผู้บำเพ็ญเซียนด้วยกันก็ย่อมไม่ยอมอ่อนข้อให้เธอ เธอก็จะไม่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้ เพราะผู้แข็งแกร่งย่อมอยู่รอดเสมอ

เพื่อแสวงหาโอกาสในการพัฒนาการบำเพ็ญเซียน ซ่งถานจึงปลูกต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ภูเขาหลังกระท่อมในโลกเซียนเป็นเวลาหลายร้อยปี สัมผัสถึงความเป็นความตาย ความรุ่งโรจน์และความเสื่อม ความหนาวเหน็บและสายฝน ความอบอุ่นของแสงแดดและน้ำค้างยามเช้าอย่างพิถีพิถัน

ปัจจุบันโชคดีได้ชีวิตใหม่แล้ว ดังนั้นเมื่อกลับไปชนบท เธอก็ไม่ได้ขออะไรมาก นอกจากแค่ปลูกสิ่งที่ตัวเองเคยกินได้ก็พอ ความสามารถในการใช้พลังปราณหล่อเลี้ยงต้นไม้และพืชพรรณนั้นแทบจะกลายเป็นสัญชาตญาณไปแล้ว มันกลายเป็นเรื่องกล้วยๆ สำหรับเธอ อาหารในโลกมนุษย์นี้มีสิ่งสกปรกเจือปนอยู่มาก เธอแทบจะกลืนไม่ลงเลย!

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ท้องที่ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันก็ยิ่งหิวโหย กลิ่นหอมก็โชยมาแตะจมูก

หญิงร่างท้วมเตี้ยก็เดินออกมาจากห้องครัวอีกด้านของบ้าน

“ถานถาน เย็นนี้หนูอยากกินอะไร แม่ต้มซุปปลาเก๋าไว้แล้ว ทอดอีกสองสามตัว แล้วก็จะผัดไข่ให้หนูด้วย หนูชอบกินไข่ไม่ใช่เหรอ ไก่แม่ฆ่าไม่ทันแล้ว พรุ่งนี้แม่จะต้มให้ใหม่นะ โซ่งเอ๋ย ไปถอนผักชีมาสองกำ เดี๋ยวจะใส่ในซุปปลา”

ผักชีและต้นหอม ครอบครัวของซ่งถานชอบกลิ่นนี้กันทั้งบ้าน

ซ่งถานมองอู่หลานแม่ของเธอแล้วก็ยิ้ม “ใส่ผักชีดอยเพิ่มอีกสองกำด้วยนะ ที่หนิงเฉิงไม่เคยใส่ของแบบนี้เลย หนูคิดถึงมานานแล้ว”

คนในเมืองหยุนเฉิงของพวกเขานิยมใส่ของแบบนี้เวลาทำซุปปลากัน กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ซ่งถานเพิ่งรู้หลังจากไปทำงานที่หนิงเฉิงว่า “ผักชีดอย” มีชื่อที่คนในเมืองนิยมเรียกกันว่าผักชีฝรั่ง คนที่นั่นดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบกินกัน

อู่หลานหัวเราะออกมา “ร้านอาหารในเมืองจะทำอาหารใส่ผักชีดอยแบบนั้นได้ยังไง แต่ช่วงหน้าหนาวแบบนี้จะไปหาได้ที่ไหน เอาเป็นผักชีอย่างเดียวก็ได้มั้งถานถาน”

Related chapters

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 4 ปลูกข้าวโพด

    ลานบ้านค่อนข้างเก่าแต่กว้างขวาง พื้นซีเมนต์เริ่มแตกเป็นรอยแยกแล้ว แม้อยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่กลับมีต้นดอกเดซี่สีม่วงต้นเล็กๆ งอกขึ้นมาจากรอยแยกนั้น แล้วเบ่งบานสั่นเทาในสายลมหนาวดอกเดซี่สีม่วงซ่งถานจ้องมองดอกไม้นั้นอย่างตั้งใจ รู้สึกราวกับว่าดอกไม้น้อยๆ นี้ดูงดงามยิ่งขึ้นเมื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมซ่งซานเฉินวางกระเป๋าไว้ในห้องโถงแล้วรีบตะโกนเรียกลูกสาว"ถานถาน ข้างนอกหนาว รีบเข้ามาผิงไฟข้างใน" พลางลูบมือและเท้าของตัวเอง "ขี่มอเตอร์ไซค์นี่หนาวจริงๆ! "ซ่งถานชะงักไปครู่หนึ่งกว่าจะตอบสนอง‘ใช่แล้ว ขี่มอเตอร์ไซค์ในฤดูหนาวคงหนาวจริงๆ ’แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรมากนักกางมือออกดู ก็เห็นฝ่ามือขาวผ่องราวหยกของตนเอง พลางคิดว่า คงเป็นเพราะตอนเกิดอุบัติเหตุ พลังปราณในตัวเธอจึงพยายามซ่อมแซมร่างกายอย่างสุดชีวิต เพื่อหลบหนีจากชะตากรรมที่อาจต้องตาย จึงทำให้ร่างกายได้รับการชำระล้างในระดับหนึ่งแต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ดีอย่างเช่นตอนนี้ ลมหนาวพัดผ่านมา ซ่งถานกลับรู้สึกสั่นไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้ เธอตกใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านนี่คือห้องเล็กๆ ที่ใช้สำหรับผิงไฟ แม้พื้นที่ไม่กว้างนักแต่ก็พอให้ค

    Last Updated : 2024-09-29
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 5 แบ่งแปลงที่ดิน

    ซ่งซานเฉินยอมให้เธอกลับมาทำไร่ นั่นทำให้ซ่งถานโล่งใจจริงๆ แต่ต่อไปก็ถึงคิวแม่ของเธอ อู่หลานแล้วขณะนั้น อู่หลานก็พูดขึ้นมาพอดีว่า "ถึงเวลาทานข้าวแล้วเฉียวเฉียว ไปล้างมือแล้วมาช่วยยกกับข้าว! "ซ่งเฉียวก็วิ่งไปตามคำสั่ง ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้แต่น้องชายเธอก็ยังเปิดก๊อกน้ำนอกบ้านแล้วล้างมือจนสะอาด จากนั้นก็ขยันขันแข็งไปยกกับข้าวน้ำซุปปลาเก๋าสีขาวข้น มีผักชีลอยอยู่ด้านบน แค่ได้กลิ่นก็รู้เลยว่าเป็นปลาที่สดมาก!ซ่งถานเหลือบมองอาหารอีกหลากหลายจานที่ถูกยกเสิร์ฟมาติดๆ กัน เริ่มจากปลาเก่าผัดซีอิ๊วที่ขนาดตัวไม่ได้ใหญ่มากมาย น่าจะประมาณสองถึงสามขีด แต่เมื่อผัดเข้ากันกับผักชี พริก ขิงและต้นหอม คลุกเคล้ากันอย่างดีแล้ว กลิ่นหอมเข้มข้นอบอวลไปทั่วทั้งบ้าน ถ้าอากาศอุ่นกว่านี้อีกนิด ในท้องปลาก็คงมีไข่ปลาที่อร่อยกว่านี้จานถัดมาเป็นหัวไชเท้าตุ๋นหมูสามชั้น หมูสามชั้นตุ๋นเป็นวิธีทำอาหารของท้องถิ่น นำหมูสามชั้นที่ติดมันนิดหน่อยมาหมักเกลือไว้ และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ลงกระทะ ใส่น้ำมันถั่วลิสงแล้วผัดไปเรื่อยๆ ผัดจนชิ้นหมูเริ่มเป็นสีเหลือง น้ำมันจากหมูหอมๆ ก็จะออกมาบางส่วน จากนั้นจึงปิดท้ายด้วยใส่ทั้งน้ำมันและเนื้อหม

    Last Updated : 2024-10-01
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 6 ห้ามร้องเหมือนหมู

    ซ่งถานตกใจจริงๆ"บ้านเราเงินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ"มีทั้งภูเขาและที่นา"มีเงินอะไรล่ะ" อู่หลานไม่เงยหน้าขึ้นมา "ทั้งหมดก็ตกทอดมาจากคุณปู่ของหนูทั้งนั้น ภูเขารกๆ ตรงนั้น ขายก็ไม่ได้ ไม่มีใครเช่า ก็เลยรกร้างอยู่แบบนั้น"ซ่งถานเงียบไปตอนนี้ทั้งหมู่บ้านมีไม่ถึงสามสิบหลังคาเรือน อายุเฉลี่ยสี่สิบห้าสิบปี ตอนนี้ข้าวก็ไม่ค่อยมีค่าแล้ว ก็แค่พออยู่พอกินเท่านั้น ไม่ใช่แค่บ้านของพวกเขาเท่านั้น บ้านอื่นๆ ก็มีที่รกร้างเป็นผืนใหญ่เช่นกันก็ไม่มีเหตุผลอะไรอื่น นอกจากขาดแรงงานที่นี่มีภูเขาเยอะ เครื่องจักรกลการเกษตรขนาดใหญ่ก็ใช้ไม่ได้ เครื่องจักรขนาดเล็กก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งก็แพงมาก กำไรทั้งหมดจากที่นาหนึ่งแปลงก็ไม่พอที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ นอกจากนี้ยังมีอีก ถนนยังคดเคี้ยว ไม่มีหนทางไหนที่จะส่งขายออกไปยังนอกหมู่บ้านได้เลย ทุกวันนี้การปลูกข้าวและข้าวสาลีก็เพื่อกินเอง ทำงานหนักมาทั้งปี ทั้งรดน้ำ ใส่ปุ๋ย และกำจัดแมลง ก็ต้องใช้เงินจำนวนมากแล้วผลผลิตได้เท่าไหร่ล่ะยิ่งในกรณีที่ขาดแรงงาน ก็เก็บเกี่ยวได้แค่พอที่บ้านกินเท่านั้นหันกลับมาดูที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในเมือง สิบกว่าหยวนต่อหนึ่งกิโลกรัม แม้ว่ารสชา

    Last Updated : 2024-10-02
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 7 ฉันเป็นเศรษฐีแล้ว

    สำนักงานอำเภอในเมืองเล็กๆ อย่างหยุนเฉิงไม่จำเป็นต้องต่อแถว เพราะประชากรน้อยยิ่งกว่าหยิบมือ ซ่งถานทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็เสร็จ ตอนนี้เธอจึงเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือราคาสามพันหยวนให้คุ้มค่าที่สุด ขณะที่กำลังคิดถึงเงินในกระเป๋าของเธอ เธอก็รู้สึกเศร้าใจหกหมื่นหยวน แม้จะพูดให้ถูกต้อง ต้องเป็นหกหมื่นสองพันกว่าหยวน รวมเงินอุดหนุนของแม่ที่ให้เพิ่มเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถืออีกสองพันหยวน รวมแล้วก็เป็นหกหมื่นสี่พันหยวนเมื่อคืนก็วางแผนไว้ดีแล้ววางแผนอย่างไรบ้างน่ะหรือ..ซื้อโทรศัพท์มือถือ ซื้อเครื่องมือทำการเกษตร ซื้อเมล็ดพันธุ์ และปุ๋ย...ถ้าที่เหลือเก็บไว้ได้ไหมนะ ไม่ได้ ต้องจ้างคนขุดภูเขา ขุดดิน ขุดทุกที่ที่เธออยากปลูก...แต่เงินจำนวนนี้ก็จ้างคนทำงานได้ไม่นานนัก"พ่อ แม่บอกว่าทุ่งนาและภูเขาให้หนูจัดการได้ตามใจชอบ แค่แปลงผักอย่าไปยุ่ง ถ้าขอเช่าเครื่องจักรไถดินด้วยได้ไหม"ซื้อไม่ไหวก็เช่าได้!ซ่งซานเฉินยังไม่ค่อยเปิดใจเท่าไหร่ "ถานถาน ลูกจะทำไร่จริงๆ เหรอ ลองทำแค่หนึ่งหรือสองแปลงก่อนก็พอแล้ว ทำใหญ่ขนาดนี้ ชาวบ้านรู้เข้าจะต้องว่าเราโอ้อวดแน่ๆ "ซ่งถานเองก็คิดได้ เธอไม่ได้คิดเ

    Last Updated : 2024-10-05
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 8 ถั่วม่วง

    ซ่งซานเฉินขมวดคิ้ว "นี่หนูตั้งใจจะปลูกถั่วม่วงในพื้นที่หลายสิบเอเคอร์เลยหรือ"มิเช่นนั้นจะไม่จำเป็นต้องใช้เมล็ดถั่วม่วงจำนวนมากขนาดนี้ ถั่วม่วงหนึ่งเอเคอร์ใช้เมล็ดพันธุ์เพียงห้าหรือหกกิโลกรัมเท่านั้นตอนนี้ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ยังคงสวมเสื้อผ้าขนเป็ดและเสื้อโค้ทผ้าฝ้ายหนาอยู่ เมื่อถึงเดือนมีนาคม อุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตราบใดที่ไม่มีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ และความแตกต่างของอุณหภูมิช่วงหลังเที่ยงคืนไม่มากนัก พืชผลทางการเกษตรส่วนใหญ่ก็สามารถปลูกได้แล้วแต่หากปลูกถั่วม่วง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องไถพรวนอีกครั้งในปลายเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมเพื่อปลูกอย่างอื่นได้...ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ไม่ได้ขัดขวางการปลูกอย่างอื่นตามประสบการณ์การทำไร่ทำนาของซ่งซานเฉิน เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกพืชในชนบท ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนของทุกปีจะมีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ความแตกต่างของอุณหภูมิก่อนและหลังเที่ยงคืนมีมาก เมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งงอกก็อาจจะถูกแช่แข็งจนตาย ไม่เหมาะสมเพียงแต่เขาคิดว่าการใช้เงินและเสียเวลาไปมากมายตั้งแต่แรก ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเมื่อคืนซ่งถานคิดอย

    Last Updated : 2024-10-05
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 9 เลี้ยงหมูเหรอ

    กลับถึงบ้าน อู่หลานก็ซักไซ้เรื่องเงินก้อนนี้อย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ ซ่งถานรายงานทีไร เส้นเลือดที่หน้าผากของเธอก็เต้นตามไปด้วยทุกรอบ เต้นจนซ่งถานใจคอไม่ดี จะขอเงินทำอะไรก็ดูติดขัดเก้ๆ กังๆ ไปเสียหมดตอนนี้ ต้องรีบใช้กลยุทธ์ถัดไปปิดฉากแม่เธอ "แม่ หนูอยากเลี้ยงหมูสักสองสามตัว…ได้ไหม"ตอนนี้ราคาหมูขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ หมูตามบ้านนอกอย่างหยุนเฉิงก็ไม่เคยขายไม่ออก ตามหลักแล้ว เลี้ยงหมูก็เหมาะสมดี"กี่ตัว"อู่หลานฮึดฮัด เหมือนคิดว่าลูกสาวตนเองไม่เคยจับงานใหญ่ "ตอนนี้หมูแพง ลูกหมูก็แพง ตัวละตั้งหลายร้อย กลับมาบ้านก็ต้องก่อเตาทำอาหารให้หมูกินอีก แถมตอนนี้หนาวก็ต้องซื้อรำข้าวโพด”โอ๊ย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่หมูหิวก็ร้องแล้ว หมูสองสามตัวก็ร้องดังระงมไปทั่ว ต้องคอยสร้างคอกหมูอีก แค่เฉพาะทำงานในไร่ก็ยุ่งเป็นระวิงมือไม้ใช้ไม่พอแล้ว ซ่งถานเป็นแบบนี้เสมอ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ทันเดินก็คิดจะบิน ในสายตาของอู่หลาน มันไม่น่าเชื่อถือเลย"อีกอย่าง ทรัพย์สินล้นฟ้าล้วนไม่นับสิ่งมีขน ถ้าหมูเกิดป่วยขึ้นมา..."แต่ซ่งถานอยากกินเหลือเกิน ช่วงนี้เธอสามารถฝึกฝนลมปราณได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เ

    Last Updated : 2024-10-08
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 10 ห่านขาวตัวใหญ่

    ซ่งถานมีคุณปู่ชื่อซ่งโหย่วเต๋อ เป็นชาวนาแก่ๆ อายุ 79 ปีแล้ว ท่านป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพองเนื่องมาจากการสูบบุหรี่บ่อยๆ และถี่หนักตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ดังนั้นแกจึงหอบง่ายมาก ส่งผลให้ทำงานหนักไม่ได้มาหลายปี นอกจากการดูแลสวนผักง่ายๆ ก็ยังถนัดเล่นไพ่ใบไม้กับกลุ่มคนแก่ในหมู่บ้านเป็นกิจวัตรบ่อยๆ ด้วย ในมือแกชอบถือไปป์ยาสูบเก่าแก่ที่หายาก ในสิบหมู่บ้านแปดเมือง ทุกปีจะต้องมีคนมาขอซื้อน้ำมันยาสูบเก่าในไปป์แกเพื่อรักษาแผลคนในครอบครัวตลอดไพ่ใบไม้ คุณปู่ของฉันเคยชอบเล่นเกมลับสมองแบบนี้ แต่ผ่านไปสักพักก็ไม่มีใครเล่นตามแกกันแล้วส่วนคุณยายหวังลี่เฟินนั้น ขาแข็งแรง ร่างกายแข็งแรง ทำอาหารเก่งมาก ปัจจุบันสวนผักในบ้านก็ยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทุกปีจะมีชาวบ้านมาหาเธอเพื่อขอซื้อต้นกล้าผักสวนครัวโดยเฉพาะ เธอจึงเป็นเสาหลักของบ้านซ่งเลยก็ว่าได้ซ่งถานออกจากบ้าน เดินผ่านสวนผัก เห็นบ้านเก่าแก่ที่ทำจากอิฐสีแดงตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ลานหน้าบ้านปูด้วยซีเมนต์เป็นพื้นที่กว้าง ในใจก็พาลหวนนึกถึงตอนตัวเองยังเด็กขึ้นมาทันที ต้นไม้ไทรสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ที่มุมลาน ใต้ต้นไม้มีไก่หลายตัวนอนอาบแดดคุ้ยเขี่ยทรายเล่นอยู

    Last Updated : 2024-10-08
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 11 การจัดการเมล็ดพันธุ์

    เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซ่งซานเฉินตื่นขึ้นมาแล้วก็ต้องตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งอากาศ...สดชื่นจัง!ยิ่งได้เห็นแนวภูเขาที่ปกคลุมด้วยหมอกบางๆ ประกอบกับแสงสีทองอ่อนอำไพแผ่กระจายอย่างจางๆ ดูสวยงามราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศก็ไม่เกินจริงคูน้ำหน้าบ้านยังมีหมอกสีขาวปกคลุม หนาแน่นและบังตาจนเขามองแทบไม่เห็นพื้นผิวน้ำ มันกำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ค่อยๆ สลายไป ส่วนต้นเหมยฮวาที่อยู่รอบๆ สนาม ซ่งซานเฉินจำได้ชัดเจนว่ามันเคยร่วงโรยไปตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ทำไมวันนี้ถึงกลับมาบานอีกครั้ง? ดอกตูมสีเหลืองเล็กๆ ซึ่งยังบานไม่เต็มที่นั้น ไม่เพียงแค่ดูน่ารักราวเด็กน้อยหัดเดิน แต่กลับยังมีกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลขณะนี้ ชาวนาชราได้มีโอกาสชื่นชมความงามที่ไม่พบเจอมานานมากแล้ว แต่ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกชื่นชมเขาหันไปมอง!เห็นกระรอกสีเทาพื้นเมืองเจ็ดแปดตัวเกาะกำแพงบ้านแล้วมองเข้ามาเหมือนพวกปาปารัสซี่ พอลองมองไปที่ภูเขาหลังบ้าน ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพที่เพิ่งผ่านพ้นฤดูหนาวมา แต่กลับมีกลิ่นอายของความสดใหม่ ราวกับว่าเพิ่งขัดเคลือบเงาซ่งซานเฉินมองอยู่นานจนงง แล้วก็

    Last Updated : 2024-10-10

Latest chapter

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 26 ข่าวสารจากโรงพยาบาล

    โรงพยาบาลประชาชนมณฑลหนิง สาขาที่ 1ผู้ช่วยแพทย์เจินหลี่เพิ่งลงจากห้องผ่าตัด พยาบาลก็เข้ามาบอกว่า "ผู้ช่วยเจินคะ มีพัสดุส่งมาถึงคุณค่ะ"เจินหลี่งุนงง เธอจำไม่ได้ว่าตัวเองสั่งซื้ออะไรไว้ พอไปถึงแผนกก็อุทานว่า "นี่! ทำไมเป็นของสดแช่เย็นล่ะเนี่ย"พอตรวจสอบชื่อผู้ส่งก็ถึงกับบางอ้อ "ซ่งถาน"เธอเงียบไป..พยาบาลสาวๆ แห่กันเข้ามา "ผู้ช่วยเจินคะ ผู้ช่วยสั่งอะไรมาเหรอ"เจินหลี่หัวเราะทั้งน้ำตา "นี่ฉันไม่ได้สั่งซื้อนะ ก่อนหน้านี้เคยมีอุบัติเหตุรถชนบนสะพาน แล้วผู้หญิงคนนั้นที่ฉันเป็นคนรับผิดชอบร่วมกับนายแพทย์จางหยวน เธอก็ส่งของนี่มาให้เฉยๆ ""พวกคุณคงจำได้ ตอนนั้นที่ผู้หญิงคนนั้นถูกทับอยู่ในรถ ดึงยังไงก็ดึงไม่ออกไง แล้วก็มีผู้ชายใจดีคนหนึ่งช่วยดึงเธอออกมา แต่พอส่งมาถึงโรงพยาบาล เธอดันไม่เป็นอะไรเลยซะอย่างนั้น"โชคดีอะไรอย่างนี้!พอได้ฟังต้นสายปลายเหตุของเรื่องราว ทุกคนก็ต่างนึกถึงเหตุการณ์นั้นออกทันที เนื่องจากเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่โด่งดังไปทั่วโรงพยาบาลในรอบปี จึงสลับหันกลับไปมองพัสดุก็ยิ่งต่างแปลกใจกันใหญ่ เจินหลี่เธอเป็นผู้ช่วยแพทย์ลำดับแรก ซึ่งการช่วยชีวิตคนเป็นหน้าที่ของเธออยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 25 เพื่อนร่วมชั้นเรียนเก่ามาเยือนอีกครั้ง

    "ป้า นี่คือเงินสามสิบหยวนค่ะ รับไว้เถอะ หนูรู้ดีว่าผักของตัวเองมีคุณภาพยังไง ถ้าป้าไม่ชอบกินก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินนี่นา คนข้างหลังรอซื้ออีกเยอะแยะเลยค่ะ ผักโขมตรงนี้ก็ปล่อยให้คนอื่นเขาซื้อกันเถอะ"ป้าคนนั้นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ จากนั้นก็ไม่รับเงิน "หนูเป็นคนใจร้อนจริงนะ ทำการค้าจะไม่ให้คนอื่นติติงได้เลยเหรอ แค่สามสิบหยวนเอง ไม่เอาก็ได้ หนูขายผักโขมให้ฉันสิ""ไม่ได้ค่ะ" ซ่งถานหัวเราะอย่างใจเย็น แต่คำพูดที่ปฏิเสธนั้นกลับแข็งกร้าว"ป้าก็เห็น ผักของร้านเราจะขายไม่ทันอยู่แล้ว ซื้อไปแล้วไม่ชอบก็ไม่จำเป็นต้องซื้ออีกนี่คะ""ถูกต้อง! " ป้าข้างหลังเสริมรับทันที "ฉันจะเอาผักโขมกำนั้น! "ได้ของถูกแต่เสียของแพง ผักโขมป่าวางอยู่ในตะกร้า รวมแล้วเหลือไม่ถึงห้ากิโลกรัม เธอมาติติงแล้วยังจะให้ขายผักให้อีก สรุปคือเธอตั้งใจตามมาขอคืนเงินหรือแสดงนิสัยเกเรกันแน่...คนโง่ยังไม่ทำธุรกิจแบบนี้เลยนะ!รสชาติของผักป่าแบบนี้จะขายไม่ออกได้ยังไงซ่งถานถือโอกาสตอนที่อีกฝ่ายอ้าปากค้างอยู่ เธอก็ยัดเงินสามสิบหยวนใส่ในมือคุณป้าอย่างว่องไว "ป้าคะ ตลาดยังมีร้านผักอื่นๆ อีก ป้าลองไปหาเลือกดูเองนะ ฉันยุ่งอยู่"น้ำเสียงของเธอเห

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 24 คืนเงิน

    แย่ชะมัด พอซื้อรถแล้ว ผักก็พากันเจริญงอกงามอย่างบ้าคลั่ง ราวกับจะไปเพาะพันธุ์เจริญเติบโตในใจอู่หลาน สมกับที่แม่เธออยากจะให้ไปขายวันละครั้งจริงๆแต่ซ่งถานไม่ยอม เธอเป็นคนเดียวในบ้านที่มีใบขับขี่ ดังนั้นจึงดึงดันว่ายังไงก็ไม่ไปขายทุกวันเด็ดขาด จนทำให้วันรุ่งขึ้น อู่หลานต้องอัดผักลงท้ายรถถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบกิโลกรัม! ซ่งถานเห็นแล้วก็แอบเดินหลบๆ ไม่กล้าสู้หน้า"แม่ คราวนี้ขายหมดแล้วก็พักก่อนสักสองวันเถอะ" พลังจิตวิญญาณของผักป่าเองก็ไม่สามารถเร่งเร้าให้สูงได้มากกว่านี้ โดยไม่ให้โอกาสมันได้พักฟื้นเช่นกันอู่หลานพอนึกถึงพื้นลานบ้านที่กว่าจะลากผักขึ้นรถมาด้วยความยากลำบาก ก็ตอบไปอย่างโล่งใจว่า “อื้ม ก็ดีเหมือนกัน” จากนั้นก็บ่นปลอบตัวเอง "ค่าน้ำมันแพง แล้วอะไรนะ ไปทีก็ต้องคุ้มค่าเนอะลูก"คิดไปคิดมาเธอก็หันไปสั่งเสียลูกสาวก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้าน "เที่ยงวันนี้แม่จะพาคนไปที่บ้านปู่เพื่อเพาะเชื้อเห็ดด้วยนะ ส่วนพ่อก็ต้องหาคนไปดึงตาข่ายบนภูเขาเหมือนกัน ถ้าเที่ยงนี้พวกหนูกลับมาก่อน ก็ไปกินข้าวที่บ้านปู่เลยทีเดียว""ได้" ซ่งถานสตาร์ทรถ "เฉียวเฉียว ไปกันเถอะ"เฉียวเฉียวดีใจที่ได้ตำแหน่งที่นั่งข้

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 23 เหมือนผักโขมจะแก่ไปหน่อยนะ

    ในที่สุดฉินฉินก็หายใจหายคอได้สะดวกขึ้นแล้ว ชั่วครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าแม่กับลูกยังไม่ได้กิน จึงคีบกับข้าวไปสองสามตะเกียบอย่างเกรงใจ จนกระทั่งเฉาหยางยกข้าวมาเสิร์ฟ จานกับข้าวก็ใกล้จะหมดแล้ว“แม่ เฉาหยาง ชิมดูสิคะ กับข้าวอร่อยจริงๆ ”แม่กับลูกก็หัวเราะคิกคักแล้วตักกินไปคนละคำเฉาหยางมองก้นจาน แล้วมองภรรยาที่เห็นได้ชัดว่ายังกินไม่จุใจ ขณะนี้มองแม่ของเขาด้วยความคาดหวัง “พรุ่งนี้ซื้อเพิ่มอีกหน่อยได้ไหมครับ”สถานการณ์เดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นในอีกชุมชนหนึ่งเช่นกันหลี่ซิ่วเฟินที่ย้อมผมหยิกสีแดงแฟชั่นตักเกี๊ยวให้หลานสาวชามใหญ่ “หยวนหยวน รีบกินสิ! เกี๊ยวผักโขมอร่อยมาก! อร่อยเหมือนเมื่อมื้อเช้าเลย”ลูกสะใภ้เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ “แม่คะ บอกแล้วไงว่าหยวนหยวนกินยาก แม่ตักให้เยอะขนาดนี้หลานกินไม่หมดหรอก” พูดแล้วก็วางชามของตัวเองลงไป “มาสิหยวนหยวน กินไม่หมดแบ่งให้แม่”ไม่นึกว่าเด็กน้อยจะอุ้มชามหันหน้าหนี “อ้ำ” กินเกี๊ยวทั้งลูกไปหนึ่งคำ พลางพูดเสียงอู้อี้ “อร่อย! หนูจะกินหมดเลย!”แม่ของหยวนหยวนถึงกับอึ้ง“อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”เด็กกินยากคนนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตม้ามมักจะไม่ค่อยดี กินอันนี้ไม่ได้ กินอันนั้นก็จะอ

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 22 ผักวิเศษ

    ความรู้สึกคลั่งไคล้ที่ผู้ชายมีต่อรถนั้นยากที่จะบรรยายเป็นคำพูดเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ก็ตามซ่งซานเฉินยังคงบ่นพึมพำไม่หยุดหลังจากวางสายโทรศัพท์ไปได้ไม่นาน เขาบอกว่าขับรถคนเดียวไม่ค่อยปลอดภัย แถมถนนหนทางบนภูเขายังจะทำไว้ไม่ค่อยดีอีก รถมือสองก็หายากมากในสมัยนี้แต่พอมาถึงสถานที่ตามนัดหมาย เพื่อนของเขาก็พาไปโกดังเพื่อดูรถที่จอดเรียงรายซ้อนกันเป็นแถวอยู่ ซ่งซานเฉินรีบกลืนคำพูดตัวเองไปทันทีตอนนี้กำลังตัดสินใจระหว่างรถตู้และรถกระบะ"ถานถาน รถตู้ไม่กลัวลมหรือฝนก็จริง แต่จุของได้น้อยกว่า ไม่งั้น...""รถกระบะบรรทุกของได้เยอะกว่า แต่ถ้าสภาพอากาศไม่ดี ของที่อยู่ด้านหลังก็เปียกฝนได้นะซานเฉิน""รถกระบะบรรทุกของได้เยอะ แต่รถตู้ก็สามารถนั่งได้หลายคนนะ นายจะซื้อเอาไปใช้งานอะไรเป็นหลัก ไม่ได้เอาไปขายผักตามตลาดใช่ไหมล่ะ..."คุณพ่อของเธอนี่...โดนคนอื่นหลอกล่อจนหาทางกลับไม่เจอแล้ว เธอจะซื้อรถมาเพื่ออะไรถ้าไม่ใช่เพื่อขายผัก? อีกอย่างที่นาหลายไร่ เธอตั้งใจจะปลูกพืชผักตั้งหลายอย่าง ถ้าหาซื้อรถที่บรรทุกของไม่ได้เยอะ ก็ต้องเสียเวลาไปอีกเท่าไหร่กันรถกระบะมือสองราคา 46,500 หยวน รวมป้ายทะเบียนแ

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 21 ลูกค้าประจำ

    "สามสิบ" แม้จะไม่รังเกียจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรนักซ่งถานไม่มีความคิดที่จะลดราคาให้เป็นกรณีพิเศษ"อะไรนะ?! "อู่เฉียนเฉียนตกใจ หน้าบึ้งตึงขึ้นทันที เธอเคยซื้อผักอย่างจริงจังมาก็หลายครั้ง ครั้งนี้พอได้ยินว่าแพงขนาดนี้ เธอก็รู้สึกว่าซ่งถานเหมือนกำลังแกล้งเธอกับแฟนหนุ่ม"ก็แค่ผักป่าไม่ได้มีต้นทุนอะไรเลย จะแพงขนาดนี้ได้ยังไง ซ่งถานเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน เธอไม่ควรเอาเปรียบฉันขนาดนี้หรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ก็มีป้าคนหนึ่งแทรกเข้ามาด้านหลังทันที"โห ยังมีผักเหลืออยู่อีกเหรอ นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว งั้นป้าเอาหมดสามมัดเลย"ป้าคนนั้นนำผักทั้งสามมัดใส่ถุงอย่างชำนิชำนาญ ขณะที่หลับตาสแกนเข้ากลุ่มอย่างงุ่มง่าม ปากก็บ่นพึมพำให้ซ่งถานฟังเรื่อยเปื่อย"ป้าสารภาพกับหนูเลย จริงๆ ที่ซื้อไปรอบแรกก็แค่อยากลองเพราะไม่เคยเห็นคนเอาผักป่ามาขาย แต่พอป้ากลับบ้านไปคลุกกับเส้นก๋วยเตี๋ยวเท่านั้นแหละ หลานสาวป้าพอแกได้ชิมคำแรกก็ล่อไปตั้งชามโตๆ เลย! ฮ่าฮ่า หนูไม่รู้หรอกว่าหลานป้ากินยากขนาดไหน... ตอนนี้ป้าเข้ากลุ่มแล้วนะ ถ้าพรุ่งนี้หนูยังมาขายอีก ก็บอกล่วงหน้ามาหน่อยนะจ๊ะ"พูดจบแกก็ควักเงินเก้าสิบหยวนจากกระเป๋าออกมา ยั

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 20 เพื่อนเก่าที่ตลาด

    คนเรามักชอบทำตามคนหมู่มากเมื่อกลุ่มคนวัยป้าๆ ที่ดูชำนาญในเรื่องการจับจ่ายซื้อของในตลาด ต่างพากันมุงล้อมรอบตะกร้าขายผักเล็กๆ เพื่อแย่งกันซื้อ ใครก็ตามที่ผ่านมาเห็นก็ต้องหยุดชะงักและเดินวกกลับมาดูร้านขายผักป่าของซ่งถานทั้งนั้นซ่งถานรู้สึกเพียงว่าการรับชำระเงินผ่าน QR Code หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดเลย และมือก็สาละวนหยิบผักใส่ถุงจนพันกันไปหมดคนนี้ต้องการต้นหอมป่า คนนั้นต้องการผักกาดหอม อีกคนต้องการผักโขมจีน...อีกคนต้องการผักโขมป่าโชคดีที่เธอเป็นผู้บำเพ็ญเซียน จึงมีปฏิกิริยาที่ว่องไว ไม่เช่นนั้นหากเป็นการขายผักครั้งแรกแล้วเจอสถานการณ์เช่นนี้ เธอคงถูกคนอื่นแอบขโมยหยิบผักสดไปโดยไม่รู้ตัวเฉียวเฉียวที่อยู่ข้างๆ รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากที่ได้ดึงถุงพลาสติกส่ายไปมาเพื่อเปิดปากถุง แล้วส่งให้พี่สาว เขาเล่นอย่างสนุกสนาน ย่อมต้องไม่เข้าใจเรื่องการค้าขาย แต่การเปิดปากถุงนั้นสนุกจริงๆ"เฉียวเฉียว ประกาศหน่อย บอกว่าผักโขมป่าขายหมดแล้ว""อืม"เขาจึงวางถุงลงอย่างว่าง่าย ยืนตัวตรง แล้วประสานมือไว้ที่ปาก "ผักโขมป่า…..หมดแล้ว! "เมื่อประกาศไปเช่นนั้น ผู้ที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังซึ่งยังไม่ได้ซื้อก็ยิ่งรู้สึกไม่พ

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 19 ผักป่าออกสู่ท้องตลาด

    อู่หลานกินไปเพียงชามเดียวก็ต้องหยุดกิน ถึงแม้จะยังรู้สึกไม่เต็มท้องดีนักก็ตาม เนื่องจากขนาดกระเพาะอาหารของคนในครอบครัวแต่ละคนเธอจะปล่อยให้มันร้อง ‘จ๊อกจ๊อก’ ไม่ได้ ต้องมั่นใจก่อนว่ามื้อเช้าตรู่นี้ทุกคนจะต้องได้อิ่มจนจุก ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธไปทันทีว่า "เดี๋ยวแม่ค่อยกินต่อ เช้านี้เรามาลองผักป่าที่เพิ่งเก็บกันก่อนดีกว่า! ยังไม่ได้กินมื้อเช้ากันเลยนี่นา"เธอหยิบผักที่เป็นหัวปลี ผักโขม และผักกาดหอม เพื่อความสะดวกและเพื่อชิมรสชาติก่อนด้วย เธอจึงนำไปลวกน้ำร้อนแล้วนำมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงชนิดเดียวกันในขณะนี้ พริกแดงสด งาสีขาว ซอสปรุงรสสีน้ำตาลเข้ม และใบอ่อนกับลำต้นสีเขียวผสมผสานกัน ส่งกลิ่นหอมเปรี้ยวจนแสบลิ้นและเผ็ดฉุนมาแตะจมูก ซ่งซานเฉินไม่ลังเลอีกต่อไป รีบใช้ตะเกียบคีบใส่ปากทันที"อืม! "รสชาติอร่อย เผ็ดร้อน เปรี้ยว ซ่า กรุบกรอบ... รสชาติต่างๆ ผสมผสานกันจนซ่งซานเฉินหยุดกินไม่ได้ ตะเกียบหนึ่งคู่คีบกินผักไปได้เกือบครึ่งจาน"มันช่างน่ากินดีจริงๆ ถ้ารู้แบบนี้จะหุงข้าวสักเต็มหม้อแล้ว" เขารู้สึกเสียดายมากแต่ว่าอู่หลานกลับมองไปที่ท้องของเขา "อย่ากินอีกเลย มันมากไปเดี๋ยวจะจุกเสียก่อน... เดี๋ยว

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 18 หัวแม่ค้า

    หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน ซ่งถานก็ถือตะกร้าเตรียมจะไปขุดผักป่าอีกรอบหนึ่งท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม อุณหภูมิสิบกว่าองศา หากไม่มีแดดก็คงไม่สามารถพูดได้ว่าอบอุ่น ในสภาพอากาศเช่นนี้ ทุกครัวเรือนต่างก็ก่อไฟผิงอยู่ที่บ้าน แทบไม่มีผู้ใดออกนอกบ้านอู่หลานมองตะกร้าใบใหญ่ที่เธอถืออยู่ ก็รู้สึกสงสารลูกสาวในช่วงเวลาที่ต้องลำบากยากเข็ญเช่นนี้ "หนูจะรีบไปขุดผักป่าทำไมตอนนี้ พักให้หายเหนื่อยก่อนค่อยไปตอนเย็นอีกรอบก็ได้ พอถึงวันพรุ่งนี้ผักก็จะได้ยังสดใหม่อยู่ ดีไหม"ซ่งถานนึกถึงสีเขียวขจีที่ริมสระน้ำบนเนินเขา หากผักพวกนั้นไร้ซึ่งพลังจิตวิญญาณ เป็นแค่ผักธรรมดาทั่วไป เธอก็คงไม่จำเป็นต้องกระตือรือร้นขนาดนี้"ไม่เป็นไรค่ะแม่ แม่ห่อเกี๊ยวไปก่อนเถอะ หนูรู้สึกว่าผักกาดขาวที่เพิ่งเก็บมาวันนี้สดมาก"เมื่อเห็นว่าลูกสาวจะต้องไปให้ได้ อู่หลานก็ไม่อิดออดอีกต่อไป เพียงแค่บ่นพึมพำว่า "มันก็ชื่อผักกาดขาวเหมือนกันหมด เมื่อวานกับวันนี้จะมีอะไรแตกต่างกันนักหนา..."เธอนั่งอยู่ริมเตาผิง กะว่าจะคัดผักกาดขาวที่ขุดมาเมื่อเช้า แต่พอหยิบขึ้นมาก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้องซะแล้ว"นี่มันดูดีขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย? "เฉียวเฉียวเป็นผู้ช่วยท

DMCA.com Protection Status