Share

บทที่ 3 กลับบ้านนอกไปทำนากันเถอะ

ซ่งถานได้สติแล้วรับอาหารกล่องของเธอมา นี่คืออาหารชั้นเลิศจากร้านอาหารที่มีรีวิวมากถึง 5 ดาว แต่ราคาก็สูงถึง 188 หยวน อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดกล่องออกมา กลิ่นอาหารและกลิ่นเหม็นอับก็ปะปนคลุ้งจมูกเธอราวกับเป็นอาหารที่ไม่เคยทานมาก่อน ซ่งถานรู้สึกคลื่นเหียนในท้อง ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทานไม่ลง จังหวะนั้นเอง เจ้านายหัวหน้างานเธอที่ชื่อว่า ‘หวังปาผี’ ก็เดินเข้ามา พอเห็นเช่นนั้นเขาก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงทันที

"ซ่งถาน! เธอยังมีอารมณ์มานั่งกินข้าวอีกเหรอ งานนำเสนอที่ฉันสั่งไปล่ะ บอกแล้วนะว่าถ้าส่งไม่ทันก่อนบ่ายสองก็เตรียมลาออกไปได้เลย! "

ซ่งถานลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน เธอจำได้แล้วว่าลืมอะไรไป!

เธอกำลังจะมาลาออกไม่ใช่เหรอ!!

"ได้ งั้นให้ HR โอนเงินเดือนที่เหลือฉันให้ตรงเวลาด้วย ฉันจะลาออกและกลับบ้านต่างจังหวัดตอนนี้เลย!"

ทั้งสำนักงานตกตะลึง เมื่อเห็นว่าซ่งถานเริ่มเก็บของแล้ว หวังปาผีก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสับสนและน้อยใจ

"ฉัน... ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะ..." พนักงานที่ทั้งขยัน อดทน มีความสามารถ และค่าจ้างถูกแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆ

หั่วเสวี่ยอิงที่กำลังกินข้าวอยู่ ก็ต้องรีบหยุดกินทันทีแล้วเดินเข้ามาเพื่อห้ามปรามซ่งถานด้วยความร้อนลน เธอบอกเพื่อนว่าไม่ให้ใช้อารมณ์ชั่ววูบ เพราะสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ไม่ค่อยดี หางานใหม่ก็ไม่ง่ายนัก แต่แล้วเธอก็เห็นผมอีกข้างของซ่งถานที่ถูกตัดจนบางทั้งหย่อมและมีผ้าพันแผลแปะอยู่ เธอรู้สึกน้อยใจแทนซ่งถานขึ้นมาทันที

"ก็ไปสิ! ถานถาน ฉันจะช่วยเธอเก็บของเอง เธอพักผ่อนให้หายดีที่ห้องก่อนนะ ฉันเลิกงานแล้วจะไปช่วยเธอ!"

ประโยคที่ซ่งถานพูดเมื่อครู่คือความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในใจของเธอมานานหลายปี เมื่อพูดประโยคนั้นออกไป ภาพความทรงจำเกี่ยวกับภูเขาสีเขียว น้ำใสๆ แม่ไก่ที่ร้องกุ๊กๆ และหมูอ้วนที่ร้องฮึดฮัดก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธออย่างรวดเร็ว เธอไม่รู้ว่าหมูที่บ้านนอกจะมีสารพิษหรือไม่ แต่ก็ต้องดีกว่าหมูในเมืองแน่ๆ ในตอนนี้ เธอแทบจะรอไม่ไหวที่จะกลับบ้านแล้ว

"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ ตอนกลับเดี๋ยวฉันเรียกรถแท็กซี่มาขนของเอง แล้วก็จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเลย"

คราวนี้ หั่วเสวี่ยอิงถึงกับอึ้งไปชั่วครู่

ซ่งถานเก็บของได้อย่างรวดเร็วมาก ความยากลำบากทั้งสองชาติที่เธอตรากตรำมานาน ทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้เธอมีชีวิตที่ดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ตัวเธอมีวิชาเซียนติดตัวแล้ว กลับบ้านไปพึ่งพาตัวเองไม่สบายกว่านี้หรือยังไง

จากบริษัท เธอกอดกล่องลังเก็บของขึ้นแท็กซี่กลับไปที่ห้องเช่าด้วยความเร่งรีบ

ห้องเล็กๆ ขนาด 20 ตารางเมตร มีเสื้อผ้าแขวนอยู่ริมหน้าต่าง บนโต๊ะวางหนังสือกองเป็นตั้ง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเอกสารพวกคู่มือเรียนรู้เกี่ยวกับงานทั้งนั้น บนเตียงขนาด 1.2 เมตร ยังคงมีรอยยับของผ้าปูที่นอนยุ่ยๆ ซึ่งเก่าโทรมมากแล้ว ซ่งถานมองแล้วก็อดนึกถึงความประหยัดของตัวเองในอดีตไม่ได้

เธอถอนหายใจเงียบๆ ก่อนจะหยิบกล่องกระดาษที่ยังไม่ได้ทิ้งออกมา ใส่ของใช้จำเป็นง่ายๆ ลงไป แล้วก็ถอดเครื่องนอนสี่ชิ้นจากหมอนและเตียง เสื้อผ้าหนึ่งกล่อง รองเท้าสามคู่

หมดแล้ว

เธอจัดการอะไรๆ เสร็จ ก่อนจะโทรเรียกเจ้าของหอเพื่อแจ้งย้ายออก ผลปรากฏว่าเงินมัดจำก็ไม่ได้รับคืน แต่เงินค่าเช่าที่เหลือคืนให้ทั้งหมด คำนวณแล้ว ตอนนี้เธอยังมีเงินอยู่หกหมื่นสามพันห้าร้อยหยวน คำนวณเสร็จเธอก็พูดกับตัวเองในใจ

กลับบ้านนอกกันเถอะ!

รถไฟความเร็วสูง รถแท็กซี่ รถสาธารณะอำนวยความสะดวกที่ช่วยประหยัดเวลาทั้งหลาย ปกติก็ยังต้องใช้เวลารวมแล้วกว่าสี่ชั่วโมงจึงจะถึงจุดหมายที่เป็นบ้านต่างจังหวัดเธอได้ แต่ซ่งถานในเวลานี้เธอไม่สนใจ ยอมเสียเวลามากขึ้นไม่ใช้รถอำนวยความสะดวกพวกนั้น แต่กลับนั่งรถไฟต่อรถบัสไปเรื่อยๆ

ตอนนี้ เธอก็เข้าใกล้เป้าหมายซึ่งเป็นบ้านต่างจังหวัดเธอแล้ว แม้จะใช้เวลาช้ากว่าเดิมห้าถึงหกชั่วโมง แต่ก็มีความสุขดี

มองไปที่ลำธารที่ไหลเอื่อยๆ อีกฝั่งของถนน สูดอากาศที่ต่างจากในเมือง ถึงแม้จะยังขุ่นอยู่บ้างก็ไม่เป็นไร ในที่สุดเธอก็หลุดพ้นจากสภาพที่ลังเลใจ บนถนนบนเนินเขาไกลๆ มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งมาพร้อมเสียงเครื่องยนต์ดังแต่ไกล ลงเนิน ผ่านทุ่งหญ้าทั้งสองข้างทาง แล้วก็มาจอดอยู่ตรงหน้าเธอ

ชายร่างเล็กผิวคล้ำมองเธอ ใบหน้าบ้านๆ ยิ้มขึ้นมา

“ถานถาน หยุดงานแล้วเหรอ?”

ชายวัยกลางคนลงจากรถแล้ววางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ไว้ที่ตะแกรงเหล็กด้านหลังรถมอเตอร์ไซค์ จากนั้นก็ใช้เชือกหนังยางมัดหลายๆ รอบแล้วจึงเขย่า จากนั้นจึงพูดว่า

“ขึ้นรถ พ่อจะพากลับบ้าน แม่กำลังปิ้งมันเทศอยู่ที่บ้าน เมื่อวานพ่อตกปลาได้ปลาตะเพียนมาให้แกตุ๋นด้วยนะ อ้าว..แล้วนั่นหัวแกเป็นอะไร?”

นี่คือพ่อของเธอ ซ่งซานเฉิน

ซ่งถานได้ยินแบบนั้น น้ำตาก็คลอในดวงตาเมื่อมองไปยังผู้ชายธรรมดาบ้านๆ แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยเธอผู้นี้ เธอพยายามยิ้มแล้วแกล้งทำเป็นลูบหัวอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร หนูชนอะไรนิดหน่อยตอนเลิกงาน แต่บริษัทฯ เพิ่งให้ชดเชยวันหยุดโอทีมาก็เลยอยากกลับบ้านมาพักผ่อนดีกว่า”

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องพัก ไม่งั้นจะกลายเป็นโรคเรื้อรังตั้งแต่อายุยังน้อยได้นะถานถาน”

กดคันสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์แรงๆ สองสามครั้ง จากนั้นเสียงเครื่องยนต์ก็ดังคำรามไปทั่ว ซ่งถานหันหลังคว้าที่จับด้านหลังมอเตอร์ไซต์อัตโนมัติ แล้วก็รับรู้ถึงกลิ่นอากาศบริสุทธิ์ที่โชยมาปะทะใบหน้า

ขึ้นเขา เลี้ยวโค้ง เริ่มมีต้นไม้หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ในฤดูหนาวก็ยังมองเห็นภูเขาและป่าสนที่เขียวขจี

นี่คือบ้านเกิดของเธอ เมืองชิงซี หมู่บ้านหยุนเฉียว บ้านเกิดที่รายล้อมด้วยภูเขาและสายน้ำ มีฤดูกาลที่ชัดเจน

นี่คือชีวิตใหม่ของเธอ..

รถมอเตอร์ไซค์แล่นขึ้นเขาและลงเขามาสิบกว่านาที ในที่สุดก็เข้าใกล้หมู่บ้านเสียทีหลังจากลงเนินยาวๆ

หมู่บ้านหยุนเฉียวตั้งอยู่ในหุบเขา แม้จะมีถนนเชื่อมต่อหมู่บ้านและรถประจำทางวิ่งวันละครั้ง แต่การเดินทางออกไปข้างนอกก็ยังคงไม่ค่อยสะดวกนัก เนื่องจากถนนบนภูเขาที่คดเคี้ยวก็ยังคงเป็นอุปสรรค จนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านน้อยลงเรื่อยๆ

คนชราค่อยๆ แก่ตายไปตามอายุ ส่วนคนหนุ่มสาวต่างก็อพยพเข้าเมืองใหญ่กันหมด ทำให้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ นับคร่าวๆ ตอนนี้ก็มีไม่ถึง 30 ครัวเรือนในบริเวณโดยรอบแล้ว

แต่แล้วอย่างไรล่ะ นักบำเพ็ญเพียรก็เคยอยู่ในป่าลึกมาเช่นเดียวกัน บางครั้งบำเพ็ญตบะหลายเดือนหลายสิบปี ดังนั้นมีคนหรือไม่มีคนก็ไม่สำคัญ

ซ่งถานลงจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วรู้สึกได้ถึงความรู้สึกแปลกๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายของเธอ นั่นมาจากรากวิญญาณ ความผันผวนนี้ แสดงให้เห็นว่าป่าเขาที่ลึกเข้าไปนั้นเหมาะแก่การฝึกตนจริงๆ เมื่อนึกถึงความสามารถของตัวเองหลังจากฟื้นฟูพลังปราณแล้ว ซ่งถานก็ยิ่งมั่นใจในอนาคตมากขึ้น

พลังปราณแห่งโลกเซียนนั้น เธอมีรากวิญญาณทั้งสายธาตุน้ำและธาตุไม้ นั่นทำให้เธอสามารถฝึกฝนวิชาเซียนทั้งสองสายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด แต่หนทางสู่สวรรค์นั้นยากลำบาก การก่อร่างสร้างแก่นทองคำนั้นยากเย็นแสนเข็ญ หากไม่สามารถผ่านด่านนั้นได้ ในแวดวงผู้บำเพ็ญเซียนด้วยกันก็ย่อมไม่ยอมอ่อนข้อให้เธอ เธอก็จะไม่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้ เพราะผู้แข็งแกร่งย่อมอยู่รอดเสมอ

เพื่อแสวงหาโอกาสในการพัฒนาการบำเพ็ญเซียน ซ่งถานจึงปลูกต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ภูเขาหลังกระท่อมในโลกเซียนเป็นเวลาหลายร้อยปี สัมผัสถึงความเป็นความตาย ความรุ่งโรจน์และความเสื่อม ความหนาวเหน็บและสายฝน ความอบอุ่นของแสงแดดและน้ำค้างยามเช้าอย่างพิถีพิถัน

ปัจจุบันโชคดีได้ชีวิตใหม่แล้ว ดังนั้นเมื่อกลับไปชนบท เธอก็ไม่ได้ขออะไรมาก นอกจากแค่ปลูกสิ่งที่ตัวเองเคยกินได้ก็พอ ความสามารถในการใช้พลังปราณหล่อเลี้ยงต้นไม้และพืชพรรณนั้นแทบจะกลายเป็นสัญชาตญาณไปแล้ว มันกลายเป็นเรื่องกล้วยๆ สำหรับเธอ อาหารในโลกมนุษย์นี้มีสิ่งสกปรกเจือปนอยู่มาก เธอแทบจะกลืนไม่ลงเลย!

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ท้องที่ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันก็ยิ่งหิวโหย กลิ่นหอมก็โชยมาแตะจมูก

หญิงร่างท้วมเตี้ยก็เดินออกมาจากห้องครัวอีกด้านของบ้าน

“ถานถาน เย็นนี้หนูอยากกินอะไร แม่ต้มซุปปลาเก๋าไว้แล้ว ทอดอีกสองสามตัว แล้วก็จะผัดไข่ให้หนูด้วย หนูชอบกินไข่ไม่ใช่เหรอ ไก่แม่ฆ่าไม่ทันแล้ว พรุ่งนี้แม่จะต้มให้ใหม่นะ โซ่งเอ๋ย ไปถอนผักชีมาสองกำ เดี๋ยวจะใส่ในซุปปลา”

ผักชีและต้นหอม ครอบครัวของซ่งถานชอบกลิ่นนี้กันทั้งบ้าน

ซ่งถานมองอู่หลานแม่ของเธอแล้วก็ยิ้ม “ใส่ผักชีดอยเพิ่มอีกสองกำด้วยนะ ที่หนิงเฉิงไม่เคยใส่ของแบบนี้เลย หนูคิดถึงมานานแล้ว”

คนในเมืองหยุนเฉิงของพวกเขานิยมใส่ของแบบนี้เวลาทำซุปปลากัน กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ซ่งถานเพิ่งรู้หลังจากไปทำงานที่หนิงเฉิงว่า “ผักชีดอย” มีชื่อที่คนในเมืองนิยมเรียกกันว่าผักชีฝรั่ง คนที่นั่นดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบกินกัน

อู่หลานหัวเราะออกมา “ร้านอาหารในเมืองจะทำอาหารใส่ผักชีดอยแบบนั้นได้ยังไง แต่ช่วงหน้าหนาวแบบนี้จะไปหาได้ที่ไหน เอาเป็นผักชีอย่างเดียวก็ได้มั้งถานถาน”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status