ซ่งถานได้สติแล้วรับอาหารกล่องของเธอมา นี่คืออาหารชั้นเลิศจากร้านอาหารที่มีรีวิวมากถึง 5 ดาว แต่ราคาก็สูงถึง 188 หยวน อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดกล่องออกมา กลิ่นอาหารและกลิ่นเหม็นอับก็ปะปนคลุ้งจมูกเธอราวกับเป็นอาหารที่ไม่เคยทานมาก่อน ซ่งถานรู้สึกคลื่นเหียนในท้อง ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทานไม่ลง จังหวะนั้นเอง เจ้านายหัวหน้างานเธอที่ชื่อว่า ‘หวังปาผี’ ก็เดินเข้ามา พอเห็นเช่นนั้นเขาก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงทันที
"ซ่งถาน! เธอยังมีอารมณ์มานั่งกินข้าวอีกเหรอ งานนำเสนอที่ฉันสั่งไปล่ะ บอกแล้วนะว่าถ้าส่งไม่ทันก่อนบ่ายสองก็เตรียมลาออกไปได้เลย! "
ซ่งถานลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน เธอจำได้แล้วว่าลืมอะไรไป!
เธอกำลังจะมาลาออกไม่ใช่เหรอ!!
"ได้ งั้นให้ HR โอนเงินเดือนที่เหลือฉันให้ตรงเวลาด้วย ฉันจะลาออกและกลับบ้านต่างจังหวัดตอนนี้เลย!"
ทั้งสำนักงานตกตะลึง เมื่อเห็นว่าซ่งถานเริ่มเก็บของแล้ว หวังปาผีก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสับสนและน้อยใจ
"ฉัน... ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะ..." พนักงานที่ทั้งขยัน อดทน มีความสามารถ และค่าจ้างถูกแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆ
หั่วเสวี่ยอิงที่กำลังกินข้าวอยู่ ก็ต้องรีบหยุดกินทันทีแล้วเดินเข้ามาเพื่อห้ามปรามซ่งถานด้วยความร้อนลน เธอบอกเพื่อนว่าไม่ให้ใช้อารมณ์ชั่ววูบ เพราะสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ไม่ค่อยดี หางานใหม่ก็ไม่ง่ายนัก แต่แล้วเธอก็เห็นผมอีกข้างของซ่งถานที่ถูกตัดจนบางทั้งหย่อมและมีผ้าพันแผลแปะอยู่ เธอรู้สึกน้อยใจแทนซ่งถานขึ้นมาทันที
"ก็ไปสิ! ถานถาน ฉันจะช่วยเธอเก็บของเอง เธอพักผ่อนให้หายดีที่ห้องก่อนนะ ฉันเลิกงานแล้วจะไปช่วยเธอ!"
ประโยคที่ซ่งถานพูดเมื่อครู่คือความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในใจของเธอมานานหลายปี เมื่อพูดประโยคนั้นออกไป ภาพความทรงจำเกี่ยวกับภูเขาสีเขียว น้ำใสๆ แม่ไก่ที่ร้องกุ๊กๆ และหมูอ้วนที่ร้องฮึดฮัดก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธออย่างรวดเร็ว เธอไม่รู้ว่าหมูที่บ้านนอกจะมีสารพิษหรือไม่ แต่ก็ต้องดีกว่าหมูในเมืองแน่ๆ ในตอนนี้ เธอแทบจะรอไม่ไหวที่จะกลับบ้านแล้ว
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ ตอนกลับเดี๋ยวฉันเรียกรถแท็กซี่มาขนของเอง แล้วก็จะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเลย"
คราวนี้ หั่วเสวี่ยอิงถึงกับอึ้งไปชั่วครู่
ซ่งถานเก็บของได้อย่างรวดเร็วมาก ความยากลำบากทั้งสองชาติที่เธอตรากตรำมานาน ทั้งหมดนั้นก็เพื่อให้เธอมีชีวิตที่ดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ตัวเธอมีวิชาเซียนติดตัวแล้ว กลับบ้านไปพึ่งพาตัวเองไม่สบายกว่านี้หรือยังไง
จากบริษัท เธอกอดกล่องลังเก็บของขึ้นแท็กซี่กลับไปที่ห้องเช่าด้วยความเร่งรีบ
ห้องเล็กๆ ขนาด 20 ตารางเมตร มีเสื้อผ้าแขวนอยู่ริมหน้าต่าง บนโต๊ะวางหนังสือกองเป็นตั้ง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเอกสารพวกคู่มือเรียนรู้เกี่ยวกับงานทั้งนั้น บนเตียงขนาด 1.2 เมตร ยังคงมีรอยยับของผ้าปูที่นอนยุ่ยๆ ซึ่งเก่าโทรมมากแล้ว ซ่งถานมองแล้วก็อดนึกถึงความประหยัดของตัวเองในอดีตไม่ได้
เธอถอนหายใจเงียบๆ ก่อนจะหยิบกล่องกระดาษที่ยังไม่ได้ทิ้งออกมา ใส่ของใช้จำเป็นง่ายๆ ลงไป แล้วก็ถอดเครื่องนอนสี่ชิ้นจากหมอนและเตียง เสื้อผ้าหนึ่งกล่อง รองเท้าสามคู่
หมดแล้ว
เธอจัดการอะไรๆ เสร็จ ก่อนจะโทรเรียกเจ้าของหอเพื่อแจ้งย้ายออก ผลปรากฏว่าเงินมัดจำก็ไม่ได้รับคืน แต่เงินค่าเช่าที่เหลือคืนให้ทั้งหมด คำนวณแล้ว ตอนนี้เธอยังมีเงินอยู่หกหมื่นสามพันห้าร้อยหยวน คำนวณเสร็จเธอก็พูดกับตัวเองในใจ
กลับบ้านนอกกันเถอะ!
รถไฟความเร็วสูง รถแท็กซี่ รถสาธารณะอำนวยความสะดวกที่ช่วยประหยัดเวลาทั้งหลาย ปกติก็ยังต้องใช้เวลารวมแล้วกว่าสี่ชั่วโมงจึงจะถึงจุดหมายที่เป็นบ้านต่างจังหวัดเธอได้ แต่ซ่งถานในเวลานี้เธอไม่สนใจ ยอมเสียเวลามากขึ้นไม่ใช้รถอำนวยความสะดวกพวกนั้น แต่กลับนั่งรถไฟต่อรถบัสไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ เธอก็เข้าใกล้เป้าหมายซึ่งเป็นบ้านต่างจังหวัดเธอแล้ว แม้จะใช้เวลาช้ากว่าเดิมห้าถึงหกชั่วโมง แต่ก็มีความสุขดี
มองไปที่ลำธารที่ไหลเอื่อยๆ อีกฝั่งของถนน สูดอากาศที่ต่างจากในเมือง ถึงแม้จะยังขุ่นอยู่บ้างก็ไม่เป็นไร ในที่สุดเธอก็หลุดพ้นจากสภาพที่ลังเลใจ บนถนนบนเนินเขาไกลๆ มีรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งวิ่งมาพร้อมเสียงเครื่องยนต์ดังแต่ไกล ลงเนิน ผ่านทุ่งหญ้าทั้งสองข้างทาง แล้วก็มาจอดอยู่ตรงหน้าเธอ
ชายร่างเล็กผิวคล้ำมองเธอ ใบหน้าบ้านๆ ยิ้มขึ้นมา
“ถานถาน หยุดงานแล้วเหรอ?”
ชายวัยกลางคนลงจากรถแล้ววางกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ไว้ที่ตะแกรงเหล็กด้านหลังรถมอเตอร์ไซค์ จากนั้นก็ใช้เชือกหนังยางมัดหลายๆ รอบแล้วจึงเขย่า จากนั้นจึงพูดว่า
“ขึ้นรถ พ่อจะพากลับบ้าน แม่กำลังปิ้งมันเทศอยู่ที่บ้าน เมื่อวานพ่อตกปลาได้ปลาตะเพียนมาให้แกตุ๋นด้วยนะ อ้าว..แล้วนั่นหัวแกเป็นอะไร?”
นี่คือพ่อของเธอ ซ่งซานเฉิน
ซ่งถานได้ยินแบบนั้น น้ำตาก็คลอในดวงตาเมื่อมองไปยังผู้ชายธรรมดาบ้านๆ แต่เต็มไปด้วยความห่วงใยเธอผู้นี้ เธอพยายามยิ้มแล้วแกล้งทำเป็นลูบหัวอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่เป็นไร หนูชนอะไรนิดหน่อยตอนเลิกงาน แต่บริษัทฯ เพิ่งให้ชดเชยวันหยุดโอทีมาก็เลยอยากกลับบ้านมาพักผ่อนดีกว่า”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องพัก ไม่งั้นจะกลายเป็นโรคเรื้อรังตั้งแต่อายุยังน้อยได้นะถานถาน”
กดคันสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์แรงๆ สองสามครั้ง จากนั้นเสียงเครื่องยนต์ก็ดังคำรามไปทั่ว ซ่งถานหันหลังคว้าที่จับด้านหลังมอเตอร์ไซต์อัตโนมัติ แล้วก็รับรู้ถึงกลิ่นอากาศบริสุทธิ์ที่โชยมาปะทะใบหน้า
ขึ้นเขา เลี้ยวโค้ง เริ่มมีต้นไม้หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ในฤดูหนาวก็ยังมองเห็นภูเขาและป่าสนที่เขียวขจี
นี่คือบ้านเกิดของเธอ เมืองชิงซี หมู่บ้านหยุนเฉียว บ้านเกิดที่รายล้อมด้วยภูเขาและสายน้ำ มีฤดูกาลที่ชัดเจน
นี่คือชีวิตใหม่ของเธอ..
รถมอเตอร์ไซค์แล่นขึ้นเขาและลงเขามาสิบกว่านาที ในที่สุดก็เข้าใกล้หมู่บ้านเสียทีหลังจากลงเนินยาวๆ
หมู่บ้านหยุนเฉียวตั้งอยู่ในหุบเขา แม้จะมีถนนเชื่อมต่อหมู่บ้านและรถประจำทางวิ่งวันละครั้ง แต่การเดินทางออกไปข้างนอกก็ยังคงไม่ค่อยสะดวกนัก เนื่องจากถนนบนภูเขาที่คดเคี้ยวก็ยังคงเป็นอุปสรรค จนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านน้อยลงเรื่อยๆ
คนชราค่อยๆ แก่ตายไปตามอายุ ส่วนคนหนุ่มสาวต่างก็อพยพเข้าเมืองใหญ่กันหมด ทำให้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ นับคร่าวๆ ตอนนี้ก็มีไม่ถึง 30 ครัวเรือนในบริเวณโดยรอบแล้ว
แต่แล้วอย่างไรล่ะ นักบำเพ็ญเพียรก็เคยอยู่ในป่าลึกมาเช่นเดียวกัน บางครั้งบำเพ็ญตบะหลายเดือนหลายสิบปี ดังนั้นมีคนหรือไม่มีคนก็ไม่สำคัญ
ซ่งถานลงจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วรู้สึกได้ถึงความรู้สึกแปลกๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในร่างกายของเธอ นั่นมาจากรากวิญญาณ ความผันผวนนี้ แสดงให้เห็นว่าป่าเขาที่ลึกเข้าไปนั้นเหมาะแก่การฝึกตนจริงๆ เมื่อนึกถึงความสามารถของตัวเองหลังจากฟื้นฟูพลังปราณแล้ว ซ่งถานก็ยิ่งมั่นใจในอนาคตมากขึ้น
พลังปราณแห่งโลกเซียนนั้น เธอมีรากวิญญาณทั้งสายธาตุน้ำและธาตุไม้ นั่นทำให้เธอสามารถฝึกฝนวิชาเซียนทั้งสองสายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด แต่หนทางสู่สวรรค์นั้นยากลำบาก การก่อร่างสร้างแก่นทองคำนั้นยากเย็นแสนเข็ญ หากไม่สามารถผ่านด่านนั้นได้ ในแวดวงผู้บำเพ็ญเซียนด้วยกันก็ย่อมไม่ยอมอ่อนข้อให้เธอ เธอก็จะไม่สามารถกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้ เพราะผู้แข็งแกร่งย่อมอยู่รอดเสมอ
เพื่อแสวงหาโอกาสในการพัฒนาการบำเพ็ญเซียน ซ่งถานจึงปลูกต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่ภูเขาหลังกระท่อมในโลกเซียนเป็นเวลาหลายร้อยปี สัมผัสถึงความเป็นความตาย ความรุ่งโรจน์และความเสื่อม ความหนาวเหน็บและสายฝน ความอบอุ่นของแสงแดดและน้ำค้างยามเช้าอย่างพิถีพิถัน
ปัจจุบันโชคดีได้ชีวิตใหม่แล้ว ดังนั้นเมื่อกลับไปชนบท เธอก็ไม่ได้ขออะไรมาก นอกจากแค่ปลูกสิ่งที่ตัวเองเคยกินได้ก็พอ ความสามารถในการใช้พลังปราณหล่อเลี้ยงต้นไม้และพืชพรรณนั้นแทบจะกลายเป็นสัญชาตญาณไปแล้ว มันกลายเป็นเรื่องกล้วยๆ สำหรับเธอ อาหารในโลกมนุษย์นี้มีสิ่งสกปรกเจือปนอยู่มาก เธอแทบจะกลืนไม่ลงเลย!
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ท้องที่ไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันก็ยิ่งหิวโหย กลิ่นหอมก็โชยมาแตะจมูก
หญิงร่างท้วมเตี้ยก็เดินออกมาจากห้องครัวอีกด้านของบ้าน
“ถานถาน เย็นนี้หนูอยากกินอะไร แม่ต้มซุปปลาเก๋าไว้แล้ว ทอดอีกสองสามตัว แล้วก็จะผัดไข่ให้หนูด้วย หนูชอบกินไข่ไม่ใช่เหรอ ไก่แม่ฆ่าไม่ทันแล้ว พรุ่งนี้แม่จะต้มให้ใหม่นะ โซ่งเอ๋ย ไปถอนผักชีมาสองกำ เดี๋ยวจะใส่ในซุปปลา”
ผักชีและต้นหอม ครอบครัวของซ่งถานชอบกลิ่นนี้กันทั้งบ้าน
ซ่งถานมองอู่หลานแม่ของเธอแล้วก็ยิ้ม “ใส่ผักชีดอยเพิ่มอีกสองกำด้วยนะ ที่หนิงเฉิงไม่เคยใส่ของแบบนี้เลย หนูคิดถึงมานานแล้ว”
คนในเมืองหยุนเฉิงของพวกเขานิยมใส่ของแบบนี้เวลาทำซุปปลากัน กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ซ่งถานเพิ่งรู้หลังจากไปทำงานที่หนิงเฉิงว่า “ผักชีดอย” มีชื่อที่คนในเมืองนิยมเรียกกันว่าผักชีฝรั่ง คนที่นั่นดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบกินกัน
อู่หลานหัวเราะออกมา “ร้านอาหารในเมืองจะทำอาหารใส่ผักชีดอยแบบนั้นได้ยังไง แต่ช่วงหน้าหนาวแบบนี้จะไปหาได้ที่ไหน เอาเป็นผักชีอย่างเดียวก็ได้มั้งถานถาน”
ลานบ้านค่อนข้างเก่าแต่กว้างขวาง พื้นซีเมนต์เริ่มแตกเป็นรอยแยกแล้ว แม้อยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่กลับมีต้นดอกเดซี่สีม่วงต้นเล็กๆ งอกขึ้นมาจากรอยแยกนั้น แล้วเบ่งบานสั่นเทาในสายลมหนาวดอกเดซี่สีม่วงซ่งถานจ้องมองดอกไม้นั้นอย่างตั้งใจ รู้สึกราวกับว่าดอกไม้น้อยๆ นี้ดูงดงามยิ่งขึ้นเมื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมซ่งซานเฉินวางกระเป๋าไว้ในห้องโถงแล้วรีบตะโกนเรียกลูกสาว"ถานถาน ข้างนอกหนาว รีบเข้ามาผิงไฟข้างใน" พลางลูบมือและเท้าของตัวเอง "ขี่มอเตอร์ไซค์นี่หนาวจริงๆ! "ซ่งถานชะงักไปครู่หนึ่งกว่าจะตอบสนอง‘ใช่แล้ว ขี่มอเตอร์ไซค์ในฤดูหนาวคงหนาวจริงๆ ’แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรมากนักกางมือออกดู ก็เห็นฝ่ามือขาวผ่องราวหยกของตนเอง พลางคิดว่า คงเป็นเพราะตอนเกิดอุบัติเหตุ พลังปราณในตัวเธอจึงพยายามซ่อมแซมร่างกายอย่างสุดชีวิต เพื่อหลบหนีจากชะตากรรมที่อาจต้องตาย จึงทำให้ร่างกายได้รับการชำระล้างในระดับหนึ่งแต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ดีอย่างเช่นตอนนี้ ลมหนาวพัดผ่านมา ซ่งถานกลับรู้สึกสั่นไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้ เธอตกใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านนี่คือห้องเล็กๆ ที่ใช้สำหรับผิงไฟ แม้พื้นที่ไม่กว้างนักแต่ก็พอให้ค
ซ่งซานเฉินยอมให้เธอกลับมาทำไร่ นั่นทำให้ซ่งถานโล่งใจจริงๆ แต่ต่อไปก็ถึงคิวแม่ของเธอ อู่หลานแล้วขณะนั้น อู่หลานก็พูดขึ้นมาพอดีว่า "ถึงเวลาทานข้าวแล้วเฉียวเฉียว ไปล้างมือแล้วมาช่วยยกกับข้าว! "ซ่งเฉียวก็วิ่งไปตามคำสั่ง ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้แต่น้องชายเธอก็ยังเปิดก๊อกน้ำนอกบ้านแล้วล้างมือจนสะอาด จากนั้นก็ขยันขันแข็งไปยกกับข้าวน้ำซุปปลาเก๋าสีขาวข้น มีผักชีลอยอยู่ด้านบน แค่ได้กลิ่นก็รู้เลยว่าเป็นปลาที่สดมาก!ซ่งถานเหลือบมองอาหารอีกหลากหลายจานที่ถูกยกเสิร์ฟมาติดๆ กัน เริ่มจากปลาเก่าผัดซีอิ๊วที่ขนาดตัวไม่ได้ใหญ่มากมาย น่าจะประมาณสองถึงสามขีด แต่เมื่อผัดเข้ากันกับผักชี พริก ขิงและต้นหอม คลุกเคล้ากันอย่างดีแล้ว กลิ่นหอมเข้มข้นอบอวลไปทั่วทั้งบ้าน ถ้าอากาศอุ่นกว่านี้อีกนิด ในท้องปลาก็คงมีไข่ปลาที่อร่อยกว่านี้จานถัดมาเป็นหัวไชเท้าตุ๋นหมูสามชั้น หมูสามชั้นตุ๋นเป็นวิธีทำอาหารของท้องถิ่น นำหมูสามชั้นที่ติดมันนิดหน่อยมาหมักเกลือไว้ และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ลงกระทะ ใส่น้ำมันถั่วลิสงแล้วผัดไปเรื่อยๆ ผัดจนชิ้นหมูเริ่มเป็นสีเหลือง น้ำมันจากหมูหอมๆ ก็จะออกมาบางส่วน จากนั้นจึงปิดท้ายด้วยใส่ทั้งน้ำมันและเนื้อหม
ซ่งถานตกใจจริงๆ"บ้านเราเงินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ"มีทั้งภูเขาและที่นา"มีเงินอะไรล่ะ" อู่หลานไม่เงยหน้าขึ้นมา "ทั้งหมดก็ตกทอดมาจากคุณปู่ของหนูทั้งนั้น ภูเขารกๆ ตรงนั้น ขายก็ไม่ได้ ไม่มีใครเช่า ก็เลยรกร้างอยู่แบบนั้น"ซ่งถานเงียบไปตอนนี้ทั้งหมู่บ้านมีไม่ถึงสามสิบหลังคาเรือน อายุเฉลี่ยสี่สิบห้าสิบปี ตอนนี้ข้าวก็ไม่ค่อยมีค่าแล้ว ก็แค่พออยู่พอกินเท่านั้น ไม่ใช่แค่บ้านของพวกเขาเท่านั้น บ้านอื่นๆ ก็มีที่รกร้างเป็นผืนใหญ่เช่นกันก็ไม่มีเหตุผลอะไรอื่น นอกจากขาดแรงงานที่นี่มีภูเขาเยอะ เครื่องจักรกลการเกษตรขนาดใหญ่ก็ใช้ไม่ได้ เครื่องจักรขนาดเล็กก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งก็แพงมาก กำไรทั้งหมดจากที่นาหนึ่งแปลงก็ไม่พอที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ นอกจากนี้ยังมีอีก ถนนยังคดเคี้ยว ไม่มีหนทางไหนที่จะส่งขายออกไปยังนอกหมู่บ้านได้เลย ทุกวันนี้การปลูกข้าวและข้าวสาลีก็เพื่อกินเอง ทำงานหนักมาทั้งปี ทั้งรดน้ำ ใส่ปุ๋ย และกำจัดแมลง ก็ต้องใช้เงินจำนวนมากแล้วผลผลิตได้เท่าไหร่ล่ะยิ่งในกรณีที่ขาดแรงงาน ก็เก็บเกี่ยวได้แค่พอที่บ้านกินเท่านั้นหันกลับมาดูที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในเมือง สิบกว่าหยวนต่อหนึ่งกิโลกรัม แม้ว่ารสชา
สำนักงานอำเภอในเมืองเล็กๆ อย่างหยุนเฉิงไม่จำเป็นต้องต่อแถว เพราะประชากรน้อยยิ่งกว่าหยิบมือ ซ่งถานทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็เสร็จ ตอนนี้เธอจึงเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือราคาสามพันหยวนให้คุ้มค่าที่สุด ขณะที่กำลังคิดถึงเงินในกระเป๋าของเธอ เธอก็รู้สึกเศร้าใจหกหมื่นหยวน แม้จะพูดให้ถูกต้อง ต้องเป็นหกหมื่นสองพันกว่าหยวน รวมเงินอุดหนุนของแม่ที่ให้เพิ่มเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถืออีกสองพันหยวน รวมแล้วก็เป็นหกหมื่นสี่พันหยวนเมื่อคืนก็วางแผนไว้ดีแล้ววางแผนอย่างไรบ้างน่ะหรือ..ซื้อโทรศัพท์มือถือ ซื้อเครื่องมือทำการเกษตร ซื้อเมล็ดพันธุ์ และปุ๋ย...ถ้าที่เหลือเก็บไว้ได้ไหมนะ ไม่ได้ ต้องจ้างคนขุดภูเขา ขุดดิน ขุดทุกที่ที่เธออยากปลูก...แต่เงินจำนวนนี้ก็จ้างคนทำงานได้ไม่นานนัก"พ่อ แม่บอกว่าทุ่งนาและภูเขาให้หนูจัดการได้ตามใจชอบ แค่แปลงผักอย่าไปยุ่ง ถ้าขอเช่าเครื่องจักรไถดินด้วยได้ไหม"ซื้อไม่ไหวก็เช่าได้!ซ่งซานเฉินยังไม่ค่อยเปิดใจเท่าไหร่ "ถานถาน ลูกจะทำไร่จริงๆ เหรอ ลองทำแค่หนึ่งหรือสองแปลงก่อนก็พอแล้ว ทำใหญ่ขนาดนี้ ชาวบ้านรู้เข้าจะต้องว่าเราโอ้อวดแน่ๆ "ซ่งถานเองก็คิดได้ เธอไม่ได้คิดเ
ซ่งซานเฉินขมวดคิ้ว "นี่หนูตั้งใจจะปลูกถั่วม่วงในพื้นที่หลายสิบเอเคอร์เลยหรือ"มิเช่นนั้นจะไม่จำเป็นต้องใช้เมล็ดถั่วม่วงจำนวนมากขนาดนี้ ถั่วม่วงหนึ่งเอเคอร์ใช้เมล็ดพันธุ์เพียงห้าหรือหกกิโลกรัมเท่านั้นตอนนี้ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ยังคงสวมเสื้อผ้าขนเป็ดและเสื้อโค้ทผ้าฝ้ายหนาอยู่ เมื่อถึงเดือนมีนาคม อุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตราบใดที่ไม่มีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ และความแตกต่างของอุณหภูมิช่วงหลังเที่ยงคืนไม่มากนัก พืชผลทางการเกษตรส่วนใหญ่ก็สามารถปลูกได้แล้วแต่หากปลูกถั่วม่วง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องไถพรวนอีกครั้งในปลายเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมเพื่อปลูกอย่างอื่นได้...ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ไม่ได้ขัดขวางการปลูกอย่างอื่นตามประสบการณ์การทำไร่ทำนาของซ่งซานเฉิน เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกพืชในชนบท ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนของทุกปีจะมีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ความแตกต่างของอุณหภูมิก่อนและหลังเที่ยงคืนมีมาก เมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งงอกก็อาจจะถูกแช่แข็งจนตาย ไม่เหมาะสมเพียงแต่เขาคิดว่าการใช้เงินและเสียเวลาไปมากมายตั้งแต่แรก ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเมื่อคืนซ่งถานคิดอย
กลับถึงบ้าน อู่หลานก็ซักไซ้เรื่องเงินก้อนนี้อย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ ซ่งถานรายงานทีไร เส้นเลือดที่หน้าผากของเธอก็เต้นตามไปด้วยทุกรอบ เต้นจนซ่งถานใจคอไม่ดี จะขอเงินทำอะไรก็ดูติดขัดเก้ๆ กังๆ ไปเสียหมดตอนนี้ ต้องรีบใช้กลยุทธ์ถัดไปปิดฉากแม่เธอ "แม่ หนูอยากเลี้ยงหมูสักสองสามตัว…ได้ไหม"ตอนนี้ราคาหมูขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ หมูตามบ้านนอกอย่างหยุนเฉิงก็ไม่เคยขายไม่ออก ตามหลักแล้ว เลี้ยงหมูก็เหมาะสมดี"กี่ตัว"อู่หลานฮึดฮัด เหมือนคิดว่าลูกสาวตนเองไม่เคยจับงานใหญ่ "ตอนนี้หมูแพง ลูกหมูก็แพง ตัวละตั้งหลายร้อย กลับมาบ้านก็ต้องก่อเตาทำอาหารให้หมูกินอีก แถมตอนนี้หนาวก็ต้องซื้อรำข้าวโพด”โอ๊ย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่หมูหิวก็ร้องแล้ว หมูสองสามตัวก็ร้องดังระงมไปทั่ว ต้องคอยสร้างคอกหมูอีก แค่เฉพาะทำงานในไร่ก็ยุ่งเป็นระวิงมือไม้ใช้ไม่พอแล้ว ซ่งถานเป็นแบบนี้เสมอ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ทันเดินก็คิดจะบิน ในสายตาของอู่หลาน มันไม่น่าเชื่อถือเลย"อีกอย่าง ทรัพย์สินล้นฟ้าล้วนไม่นับสิ่งมีขน ถ้าหมูเกิดป่วยขึ้นมา..."แต่ซ่งถานอยากกินเหลือเกิน ช่วงนี้เธอสามารถฝึกฝนลมปราณได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เ
ซ่งถานมีคุณปู่ชื่อซ่งโหย่วเต๋อ เป็นชาวนาแก่ๆ อายุ 79 ปีแล้ว ท่านป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพองเนื่องมาจากการสูบบุหรี่บ่อยๆ และถี่หนักตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ดังนั้นแกจึงหอบง่ายมาก ส่งผลให้ทำงานหนักไม่ได้มาหลายปี นอกจากการดูแลสวนผักง่ายๆ ก็ยังถนัดเล่นไพ่ใบไม้กับกลุ่มคนแก่ในหมู่บ้านเป็นกิจวัตรบ่อยๆ ด้วย ในมือแกชอบถือไปป์ยาสูบเก่าแก่ที่หายาก ในสิบหมู่บ้านแปดเมือง ทุกปีจะต้องมีคนมาขอซื้อน้ำมันยาสูบเก่าในไปป์แกเพื่อรักษาแผลคนในครอบครัวตลอดไพ่ใบไม้ คุณปู่ของฉันเคยชอบเล่นเกมลับสมองแบบนี้ แต่ผ่านไปสักพักก็ไม่มีใครเล่นตามแกกันแล้วส่วนคุณยายหวังลี่เฟินนั้น ขาแข็งแรง ร่างกายแข็งแรง ทำอาหารเก่งมาก ปัจจุบันสวนผักในบ้านก็ยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทุกปีจะมีชาวบ้านมาหาเธอเพื่อขอซื้อต้นกล้าผักสวนครัวโดยเฉพาะ เธอจึงเป็นเสาหลักของบ้านซ่งเลยก็ว่าได้ซ่งถานออกจากบ้าน เดินผ่านสวนผัก เห็นบ้านเก่าแก่ที่ทำจากอิฐสีแดงตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ลานหน้าบ้านปูด้วยซีเมนต์เป็นพื้นที่กว้าง ในใจก็พาลหวนนึกถึงตอนตัวเองยังเด็กขึ้นมาทันที ต้นไม้ไทรสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ที่มุมลาน ใต้ต้นไม้มีไก่หลายตัวนอนอาบแดดคุ้ยเขี่ยทรายเล่นอยู
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซ่งซานเฉินตื่นขึ้นมาแล้วก็ต้องตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งอากาศ...สดชื่นจัง!ยิ่งได้เห็นแนวภูเขาที่ปกคลุมด้วยหมอกบางๆ ประกอบกับแสงสีทองอ่อนอำไพแผ่กระจายอย่างจางๆ ดูสวยงามราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศก็ไม่เกินจริงคูน้ำหน้าบ้านยังมีหมอกสีขาวปกคลุม หนาแน่นและบังตาจนเขามองแทบไม่เห็นพื้นผิวน้ำ มันกำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ค่อยๆ สลายไป ส่วนต้นเหมยฮวาที่อยู่รอบๆ สนาม ซ่งซานเฉินจำได้ชัดเจนว่ามันเคยร่วงโรยไปตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ทำไมวันนี้ถึงกลับมาบานอีกครั้ง? ดอกตูมสีเหลืองเล็กๆ ซึ่งยังบานไม่เต็มที่นั้น ไม่เพียงแค่ดูน่ารักราวเด็กน้อยหัดเดิน แต่กลับยังมีกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลขณะนี้ ชาวนาชราได้มีโอกาสชื่นชมความงามที่ไม่พบเจอมานานมากแล้ว แต่ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกชื่นชมเขาหันไปมอง!เห็นกระรอกสีเทาพื้นเมืองเจ็ดแปดตัวเกาะกำแพงบ้านแล้วมองเข้ามาเหมือนพวกปาปารัสซี่ พอลองมองไปที่ภูเขาหลังบ้าน ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพที่เพิ่งผ่านพ้นฤดูหนาวมา แต่กลับมีกลิ่นอายของความสดใหม่ ราวกับว่าเพิ่งขัดเคลือบเงาซ่งซานเฉินมองอยู่นานจนงง แล้วก็