ซ่งถานมีคุณปู่ชื่อซ่งโหย่วเต๋อ เป็นชาวนาแก่ๆ อายุ 79 ปีแล้ว ท่านป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพองเนื่องมาจากการสูบบุหรี่บ่อยๆ และถี่หนักตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ดังนั้นแกจึงหอบง่ายมาก ส่งผลให้ทำงานหนักไม่ได้มาหลายปี นอกจากการดูแลสวนผักง่ายๆ ก็ยังถนัดเล่นไพ่ใบไม้กับกลุ่มคนแก่ในหมู่บ้านเป็นกิจวัตรบ่อยๆ ด้วย ในมือแกชอบถือไปป์ยาสูบเก่าแก่ที่หายาก ในสิบหมู่บ้านแปดเมือง ทุกปีจะต้องมีคนมาขอซื้อน้ำมันยาสูบเก่าในไปป์แกเพื่อรักษาแผลคนในครอบครัวตลอด
ไพ่ใบไม้ คุณปู่ของฉันเคยชอบเล่นเกมลับสมองแบบนี้ แต่ผ่านไปสักพักก็ไม่มีใครเล่นตามแกกันแล้ว
ส่วนคุณยายหวังลี่เฟินนั้น ขาแข็งแรง ร่างกายแข็งแรง ทำอาหารเก่งมาก ปัจจุบันสวนผักในบ้านก็ยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทุกปีจะมีชาวบ้านมาหาเธอเพื่อขอซื้อต้นกล้าผักสวนครัวโดยเฉพาะ เธอจึงเป็นเสาหลักของบ้านซ่งเลยก็ว่าได้
ซ่งถานออกจากบ้าน เดินผ่านสวนผัก เห็นบ้านเก่าแก่ที่ทำจากอิฐสีแดงตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ลานหน้าบ้านปูด้วยซีเมนต์เป็นพื้นที่กว้าง ในใจก็พาลหวนนึกถึงตอนตัวเองยังเด็กขึ้นมาทันที ต้นไม้ไทรสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ที่มุมลาน ใต้ต้นไม้มีไก่หลายตัวนอนอาบแดดคุ้ยเขี่ยทรายเล่นอยู่
เธอมองไปที่หน้าประตูบ้านก็พลันเห็นห่านขาวตัวใหญ่ท่าทางนิสัยดูดุร้ายตัวหนึ่ง เดิมทีมันนั่งหมอบอยู่ที่มุมประตู แต่พอเห็นคนมา หัวสีเหลืองของมันก็ส่ายไปมาทันที ท่าทางดูโดดเด่นแปลกตามาก มันเบิกตากลมโตร้อง "แคว้กๆๆๆ…" ปรี่ตรงเข้ามาหาซ่งถานแล้วกางปีกออก โยกเยกเข้ามาหาเธอ!
ซ่งเฉียวที่อยู่ด้านหลังรีบกางแขนวิ่งเข้าไปพร้อมร้องว่า “แคว้กๆๆ! ห่านขาว ผมมาแล้ว! "
จากนั้นก็หมอบลงอย่างชำนาญ แล้วก็กอดกันอย่างสนิทสนมกับห่านขาวราวกับเพื่อนรักต่างสายพันธุ์
เธอปลงตกกับภาพข้างหน้า ‘นี่คือสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์กับธรรมชาติสินะ’
เฮ้อ..น้องชายคนเดียวของฉัน
คุณย่าหวังลี่เฟินเพิ่งออกมาจากห้องครัว พอเห็นซ่งถานก็ดีใจมาก "ถานถาน หนูกลับมาตอนไหนหลาน" แล้วมองซ่งเฉียว "เฉียวเฉียว อย่าให้ห่านทำเสื้อสเวตเตอร์หนูสกปรก"
เฉียวเฉียวเงยหน้าขึ้นตอบเธอว่า “ไม่! "
ห่านขาวตัวใหญ่ก็เงยหัวขึ้นมาด้วยความฉลาดเช่นกัน และส่งเสียงร้องรับว่า “แคว้ก! "
หวังลี่เฟินหัวเราะอย่างมีความสุข: "เจ้าหนู...แล้วกินข้าวกันมาหรือยัง? เดี๋ยวย่าจะหยิบขนมปังให้"
ซ่งถานรีบเดินเข้าไป "หนูเพิ่งกลับมาเมื่อคืน และไปข้างนอกมาเมื่อเช้าเองค่ะ ยังไม่ได้กินข้าวอะไรเลย"
เมื่อหวังลี่เฟินได้ยินดังนั้น เธอก็รีบเดินกลับเข้าไปเอามาให้ "งั้นรอแปบนึง ย่าจะหยิบของกินมาให้เยอะๆเลย!"
ซ่งถานต้องการได้ยินผลลัพธ์เช่นนี้ เนื่องจากอาหารหลายอย่างน่าจะหมดอายุแล้ว จึงควรจัดการโดยเร็วที่สุดตามที่พ่อเธอบอก
เธอเดินสำรวจบริเวณรอบๆ บ้าน คุณปู่และคุณย่าเป็นคนขยันขันแข็งมาก แม้อายุสูงเฒ่าขนาดนี้แต่ตัวบ้านกลับสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อยหมดจด นอกจากไก่ไม่กี่ตัวที่มุมลานแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ดูสกปรกหรือรกเลย
ในขณะนั้น จู่ๆ เธอก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้น เธอหมอบลง ชี้ปลายนิ้วและหล่อรวมพลังลมปราณจนเป็นก้อนขนาดเท่าเมล็ดข้าว ก่อนจะโบกไปมาเพียงครั้งเดียว ทันใดนั้น เธอก็เห็นว่าเจ้าห่านขาวตัวใหญ่ของเฉียวเฉียวรีบทิ้งเฉียวเฉียวทันที มันกางปีกออกและโผเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็วด้วยเสียง "แคว้กแคว้ก!"
ฝ่าเท้าแบนราบของมันเหยียบลงบนพื้นซีเมนต์จนดัง "ปั๊ป ปั๊ป" หัวเล็กๆ สีเหลืองก้มลงพุ่งมาข้างหน้าอย่างสุดชีวิต คงจะเดาได้ว่ามันรีบแค่ไหน
ไม่เพียงแค่ห่านขาวตัวใหญ่ ไก่ทั้งห้าตัวที่กำลังอาบแดดอยู่ในหลุมดินก็คลั่งไคล้เช่นกัน ในขณะนั้น พวกมันก็วิ่งกรูมาทางซ่งถานเช่นเดียวกับห่านขาว ไก่ตัวผู้ตัวแรกเป็นผู้นำขบวนเพื่อน มันมีขนคอสีเหลืองมันวาวที่ตั้งชันขึ้น และหงอนสีแดงสั่นระริกราวกับกำลังต้องการจะต่อสู้กับเธอ!
เฉียวเฉียวถึงกับอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ พี่สาวเขาคุยกับห่านกับไก่ได้หรือ?
ซ่งถานสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี เธอรู้ว่าการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ด้วยพลังเซียนนั้นดีเป็นพิเศษ แต่เธอไม่คิดว่าที่นี่จะมีพลังดึงดูดมากขนาดนี้! ถ้าพวกมันแห่เข้ามาเป็นฝูงพุ่งมาทางเธอ เสื้อผ้าคงจะเลอะพังยับเยินแน่ๆ ในขณะนั้นเธอจึงรีบถอยปลายนิ้วมือกลับ แต่ฝูงไก่และห่านขาวที่พุ่งเข้ามาก็หยุดไม่อยู่แล้ว
ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงลมเย็นพัดมาจากด้านหลังศีรษะ ไม้กวาดขนาดใหญ่วาดตลบไปด้านข้างพัดผ่านลำตัวเธอ ก่อนจะสามารถรับรู้ได้ถึงฝุ่นที่ร่วงหล่นจากปลายไม้กวาด อาวุธพิทักษ์ตัวเธอโบกสะบัดไปมากระทั่งทำให้ไก่และห่านที่พุ่งเข้ามาโกลาหลไปหมด พวกมันกระพิอปีกกระจัดกระจายไปทั่วลานบ้าน สุดท้ายจึงสงบลง
หวังลี่เฟินถอนหายใจ "เพิ่งจะสับกะหล่ำปลีให้พวกมันกิน ทำไมมันถึงได้บ้าขนาดนี้" พลางก็สงสาร "พวกมันคงกลัวจนไม่กล้าออกไข่ในอีกสองสามวันนี้แน่เลย"
ซ่งถานรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่หวังลี่เฟินก็บ่นเพียงสองสามประโยค จากนั้นพอหันกลับมาเห็นหลานสาวที่ขาวสะอาดและสวยงามมากขึ้น เธอก็มองกลับมาด้วยความรู้สึกมีความสุข
มีเพียงความสุขเท่านั้น
"มาๆๆ นี่คือคุกกี้ที่ป้าข้างๆ บ้านซื้อให้ย่า พวกหลานทานเยอะๆ นะ"
น่าจะกลัวว่าเด็กๆ จะกินไม่พอ เธอเลยใช้ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ใส่คุกกี้ห่อมาเกือบครึ่งถุง ซ่งถานแอบคิดว่าอย่างนี้สต๊อกของย่าคงลดลงไปกว่า 80% หรืออย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่งแน่ๆ
เฉียวเฉียวยินดีปรีดากำลังจะแกะถุง ซ่งถานก็ไม่ได้ห้าม แค่หยิบถุงพลาสติกมาถือไว้เอง แล้วก็หยิบคุกกี้ชิ้นเล็กๆ ให้ซ่งเฉียวทีละชิ้น "เฉียวเฉียว เอาไปให้ห่านพี่ชายตัวใหญ่ของหนูชิมหน่อย"
แถบสีดำวันหมดอายุนั้นเด่นชัดเป็นพิเศษ เห็นได้ชัดว่าหมดอายุไปตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว
เฉียวเฉียวตอบรับด้วยความยินดี "โอเค"
พี่น้องทั้งสองคนตั้งใจคนละอย่าง คนหนึ่งตั้งใจแกล้ง อีกคนก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทั้งคู่ต่างมองข้ามความเจ็บปวดบนใบหน้าของหวังลี่เฟินไป หลานชายของตัวเองก็สติไม่ค่อยดี ซุ่มๆ ซ่ามๆ หวังลี่เฟินเสียดายคุกกี้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ก็ได้แต่จ้องมองซ่งถาน
"ผอมลงไปหน่อย หลานทำงานที่หนิงเฉิงสบายดีไหม กลับมาคราวนี้จะอยู่กี่วัน"
ซ่งถานก็ไม่ได้ปิดบังเธอ แต่ก็ต้องใช้กลยุทธ์กลับกลอกกันบ้าง "ย่า หนูกลับมาคราวนี้ว่าจะอยู่ฟื้นฟูร่างกายสักหน่อย ก็เลยอาจจะพักผ่อนนานนิดนึง ช่วงนี้ก็จะปลูกผักฆ่าเวลาไปบ้าง ย่ามาช่วยหนูนะ"
หวังลี่เฟินก็เข้าใจทันที นั่นคือหลานสาวอยากอยู่บ้านพักผ่อนสักพัก เรื่องปลูกผักอะไรนั่นก็เป็นเพียงข้ออ้าง คนหนุ่มสาวสมัยนี้จะทำอะไรได้นอกจากจะทำอะไรแปลกๆ ที่คนเขาไม่ทำกัน เธอเลยหัวเราะเสียงดัง "โอ้โห หลานสาวของฉันจะปลูกผักทั้งที ยังไงย่าก็ต้องไปช่วยหลานแน่ๆ "
แน่นอนว่าอีกไม่กี่วันย่าเธอก็คงจะอึกอักพูดไม่ออกแล้ว เมื่อเห็นสิ่งต่างๆ ที่หลานสาววาดแปลนไว้ในหัวอย่างถี่ยิบ
ซ่งถานมองไปรอบๆ "ปู่ล่ะ"
หวังลี่เฟินคิดอยู่ครู่หนึ่ง "น่าจะอยู่ที่ลานหมู่บ้านเล่นไพ่กับคนอื่นๆ ไพ่ใบไม้ไม่มีใครเขาเล่นแล้วเดี๋ยวนี้ หาคนมาเล่นด้วยยาก..." กลุ่มชายชราที่แค่เดินยังตัวสั่น เล่นไพ่กันวันละหนึ่งหยวน ออกไพ่ทีก็ง่วงแล้ว... หวังลี่เฟินก็เลยปล่อยให้เขาออกไปเล่นเอง "อยู่บ้านก็เลือกโน่นเลือกนี่" เธอทำท่ารังเกียจชายชรา
จริงๆ แล้วทั้งคู่ครองรักกันมาหลายสิบปี ซ่งโหย่วเต๋ออายุแปดขวบก็เลี้ยงวัวให้เจ้าของที่ดิน ตอนที่พวกเขารู้จักกัน ความรู้สึกก็ลึกซึ้ง
ซ่งถานเดินเล่นไปรอบๆ แล้วมองเฉียวเฉียวที่นั่งยองๆ อยู่ตรงนั้นกับห่านขาวตัวใหญ่ "ห่านขาว กินชิ้นใหญ่ไปเลย... เป็นไงอร่อยไหม นี่คือคุกกี้รสนม ผมกินชิ้นเล็กๆ เอง..."
ซ่งถานเผลอไปหน่อย น้องชายตัวดีก็เลยได้กัดไปหนึ่งคำ
เอาเถอะ ยังไงนี่ก็ไม่น่าจะใช่ครั้งแรกที่ซ่งเฉียวได้กินอยู่แล้ว เธอก้มลงดูถุงพลาสติกห่อขนมอีกครั้ง โอ้โห ในถุงเต็มไปด้วยคุกกี้และขนมหวานนานาชนิด โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น หมดอายุไปตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นคุกกี้ข้าวโอ๊ต ที่เป็นคุกกี้หายากแต่หมดอายุไปตั้งแต่ปีก่อน
ซ่งถานหยิบมันออกมาแล้วก็เงียบไปนาน เธอไม่กล้าให้ห่านกินแล้ว อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังมองห่านขาวตัวใหญ่นั้นอยู่ มันร้อง ‘แคว้กแคว้ก’ ได้เก่งมาก กล้าหาญ และฉลาดมากด้วย ตอนที่เธอปล่อยลมปราณ ห่านตัวนี้ทั้งที่อยู่ไกลสุด แต่กลับตอบสนองได้เร็วที่สุด มันเป็นผู้คุ้มครองบ้านตัวฉกาจเลยล่ะ รอให้คอกหมูหลังภูเขาสร้างเสร็จ เธอจะไปขอยืมมันจากคุณยายเพื่อคุ้มกันหมูหน่อย แล้วก็จับคู่กับสุนัขตัวใหญ่สองตัว ข้างหนึ่งจูงห่านขาว ส่วนอีกข้างก็จูงสุนัข ฮ่าฮ่า
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซ่งซานเฉินตื่นขึ้นมาแล้วก็ต้องตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งอากาศ...สดชื่นจัง!ยิ่งได้เห็นแนวภูเขาที่ปกคลุมด้วยหมอกบางๆ ประกอบกับแสงสีทองอ่อนอำไพแผ่กระจายอย่างจางๆ ดูสวยงามราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศก็ไม่เกินจริงคูน้ำหน้าบ้านยังมีหมอกสีขาวปกคลุม หนาแน่นและบังตาจนเขามองแทบไม่เห็นพื้นผิวน้ำ มันกำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ค่อยๆ สลายไป ส่วนต้นเหมยฮวาที่อยู่รอบๆ สนาม ซ่งซานเฉินจำได้ชัดเจนว่ามันเคยร่วงโรยไปตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ทำไมวันนี้ถึงกลับมาบานอีกครั้ง? ดอกตูมสีเหลืองเล็กๆ ซึ่งยังบานไม่เต็มที่นั้น ไม่เพียงแค่ดูน่ารักราวเด็กน้อยหัดเดิน แต่กลับยังมีกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลขณะนี้ ชาวนาชราได้มีโอกาสชื่นชมความงามที่ไม่พบเจอมานานมากแล้ว แต่ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกชื่นชมเขาหันไปมอง!เห็นกระรอกสีเทาพื้นเมืองเจ็ดแปดตัวเกาะกำแพงบ้านแล้วมองเข้ามาเหมือนพวกปาปารัสซี่ พอลองมองไปที่ภูเขาหลังบ้าน ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพที่เพิ่งผ่านพ้นฤดูหนาวมา แต่กลับมีกลิ่นอายของความสดใหม่ ราวกับว่าเพิ่งขัดเคลือบเงาซ่งซานเฉินมองอยู่นานจนงง แล้วก็
ปลายเดือนกุมภาพันธ์ต้นเดือนมีนาคม จะเป็นช่วงเวลาแห่งความอึดอัดใจและกลัดกลุ้มสำหรับชาวนาในแต่ละปี เมื่อสิ้นปีได้ผ่านพ้นไป ลูกหลานส่วนใหญ่มักพากันย้ายออกไปตั้งรกร้างครอบครัวของตัวเองยังที่แห่งใหม่ นกเธอแอ่นบนคานหามยังไม่กลับมา ที่ดินรกร้างว่างเปล่าก็มีมากขึ้น หากมองไกลๆ จากบนท้องฟ้าจะพบสีเหลืองและน้ำตาลครามครอบคลุมพื้นที่ดินจำนวนมาก ยกเว้นภูเขาเขียวขจีที่อยู่ไกลออกไปแล้ว หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านก็เงียบเหงาและสงบแต่ในวันนี้ ทุ่งนาข้างป่าไผ่ของตระกูลซ่งกลับคึกคักอีกครั้ง"ซ่งซานเฉิน ปีนี้บ้านนายเป็นอะไรไป ร่ำรวยเตรียมทำอะไรใหญ่โตหรือยังไงกัน ทุ่งนาตั้งเยอะแยะจะเก็บกวาดไปทำไม""ใช่แล้วซ่งซานเฉิน นายจะปลูกอะไรกันแน่ ที่ดินเดิมยังมีต้นชาสองสามต้น ฉันเห็นยังทิ้งๆ ขว้างๆ อยู่เลย"ทุกคนถูกซ่งซานเฉินเชิญมาเก็บกวาดที่ดิน เครื่องจักรรถไถกำลังทำงานอย่างหนักหน่วงอยู่ที่มุมหนึ่ง ก่อนจะไถดิน พวกเขาจำเป็นต้องกำจัดวัชพืชและเศษซากต้นไม้เล็กๆ ที่แห้งกรังในที่ดินก่อน ไม่เช่นนั้นเครื่องจักรขนาดเล็กอาจจะมีเศษติดอยู่ใต้ท้องเครื่องโชคดีที่มีคนมาร่วมแรงช่วยกันเยอะแยะ ทำให้งานดูสนุกและมียังมีประสิทธิภาพดีด้วย เมื่
ตอนนี้เป็นช่วงพักจากการทำนา ชายหญิงในหมู่บ้านวัยสามสิบถึงห้าสิบปีที่พอจะแบกหามได้ก็ถูกซ่งซานเฉินเรียกมาช่วยหมดแล้ว เวลาไม่คอยท่า ฉวยโอกาสนี้จัดการให้เสร็จ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็ต้องหว่านเมล็ดลงดินแล้วแผนลำดับขั้นตอนของซ่งถานร่างไว้อย่างชัดเจนต้องจัดการหญ้าในสวนเกาลัด ต้นเกาลัดเหล่านั้นควรใส่ปุ๋ยและตัดแต่งกิ่งให้เรียบร้อย ถึงเวลาก็ต้องทำโครงสำหรับวางเห็ดหูหนู ต้องล้อมรั้วรอบนอกเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์หรือคนเข้ามาสร้างความวุ่นวายพอดีที่ด้านหลังภูเขาตัดต้นไม้ทิ้งไปหลายต้น ลำต้นแบ่งเป็นท่อนๆ เพื่อใช้เพาะเห็ดได้ กิ่งก้านสามารถใช้ทำเป็นเพิงกำบังลมและกันฝนสาดให้หมู และยังต้องเตรียมรางใส่อาหารหมูกั้นด้วยตาข่ายลวดส่วนในไร่ ภายในหนึ่งหรือสองเดือนนี้จะปลูกถั่วม่วงไว้ก่อน เมื่อถั่วม่วงออกดอกแล้วก็ถึงเวลาไถพรวนดินอีกครั้ง เตรียมปลูกข้าวและผัก เมล็ดบางชนิดก็สามารถเพาะกล้าไว้ล่วงหน้าได้ในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ยังต้องหาไก่บ้านและเป็ด อีกทั้งต้องนัดหมายกับชาวบ้านคนอื่นเพื่อรับซื้อลูกหมู เวลามีคนมาช่วยงานเยอะๆ ก็ต้องเตรียมอาหารทุกวันซ่งซานเฉินและอู๋หลานต่างก็ยุ่งจนตัวเป็นเกลียว แล้วลูกสาวล่ะ?ก็ไ
ในทุ่งนาเสียงเครื่องจักรคำรามลั่นทุ่ง ชาวบ้านต่างทำงานไปพลางพูดคุยกันไป ขณะที่กองหญ้าและต้นไม้ป่าที่พูนไว้บนคันนากำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ดินสีน้ำตาลที่ไม่ได้ไถมานานมีกลิ่นชื้นโชยออกมา สัมผัสกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องประกายเจิดจ้าหมู่บ้านกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหวังลี่เฟินเปิดห้องเก็บของที่มุมลานบ้านซึ่งปิดตายเป็นเวลานานแล้ว มันเป็นห้องที่สร้างขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนเธอเพิ่งคลอดลูกสาว หวังลี่เฟินจำได้แม่นว่าในปีนั้นซ่งโหย่วเต๋อก็รับอาสาร่วมกับพี่น้องนำดินเหนียวมาปั้น ตัดฟางข้าว แล้วตีอิฐทีละก้อนเพื่อสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาอย่างช้าๆตอนแรกที่นี่เป็นบ้านหลังหลักของพวกเขา กระทั่งต่อมาเมื่อลูกๆ เริ่มเติบโตอายุมากขึ้น บ้านหลังใหม่ที่ทำจากอิฐและกระเบื้องก็สร้างเสร็จ ห้องนี้จึงกลายสภาพเป็นที่เก็บข้าวสารและฟ่อนฟาง จวบจนกระทั่งเลิกทำนาห้องนี้ก็กลายเป็นห้องเก็บของไปโดยปริยายเฉียวเฉียววิ่งเข้ามา "ย่า! ย่า!"หวังลี่เฟินเพิ่งหยิบกระบุงใส่ของออกมาจากห้อง เมื่อได้ยินเสียงก็ตอบ "เฉียวเฉียวว่าไงลูก"ไม่นานนัก เฉียวเฉียวก็โผล่หัวที่ตัดทรงสกินเฮดมาให้ย่าตกใจเล่น "ย่า พี่สาวบอกเดี๋ยวจะพาไปทำนา ขอยืมตะกร
พี่สาวน้องชายตอนออกจากบ้านเดินทางจูงมือกันไปอย่างมีความสุข สุดท้ายขากลับดันเหลือคนมีความสุขเพียงคนเดียว"เฉียวเฉียวอยู่ไหน" อู่หลานถามด้วยความตกใจซ่งถานหัวเราะร่า "อยู่ข้างหลังนู่น! "ทันทีที่พูดจบ เธอก็เห็นเด็กชายตัวโตคนหนึ่งกำลังเดินเลี้ยวมาจากถนนด้านหลัง ศีรษะกลมเกลี้ยงสีดำเงา กำลังใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียยกใหญ่"เฉียวเฉียว! " อู่หลานก็อดกลั้นไว้ไม่ได้เช่นกัน พลางหัวเราะไปรับตะกร้าจากมือของเขา "เป็นอะไรไป ทำไมถึงร้องไห้? โอ้โห ดูหน้าตาเฉียวเฉียวของเราสิ ร้องไห้จนหน้าตาขี้เหร่ไปหมดแล้ว"พอมีคนรู้สึกสงสาร เฉียวเฉียวก็เลยร้องไห้เสียงดังยิ่งขึ้นไปอีก"แม่...อือๆๆ แม่...พี่สาว...อือๆๆ พี่สาวไม่ยอมให้ผมปลูกผักง่า"ซ่งถานได้ยินก็ฟึดฟัดไม่ยอมรับความผิดนี้ "พูดจาเหลวไหล พี่สาวหว่านเมล็ดพันธุ์ตัวเองจนหมดแล้ว เธอยังขุดหลุมปลูกทีละเม็ดอยู่เลย และพี่สาวเหลือไว้ให้เธอตั้งกำมือหนึ่งนะ จะให้รอเธอค่อยๆ ปลูกเหรอเมื่อไหร่จะได้กลับบ้านกันล่ะ"จากนั้นก็อธิบายให้กับอู่หลานฟังเบาๆ ว่า เมล็ดพันธุ์ของถั่วม่วงเพียงแค่หว่านลงไปในดินก็พอแล้ว แต่เฉียวเฉียวรู้วิธีปลูกเพียงข้าวโพดเท่านั้น เขาจ
บนยอดเขาอินเยว่ทางด้านหลังภูเขาเมฆคำรามก่อตัวรวมกัน เสียงคำรามครืนครั่นดังกึกก้องซ่งถาน ผู้ฝึกตนแห่งนิกายถามเทียนในแดนเซียน ผู้มีรากวิญญาณทั้งธาตุน้ำและธาตุไม้ ได้ปลูกพืชวิญญาณบนภูเขาทางด้านหลังเป็นเวลานับร้อยปีแล้ว จนในที่สุดโอกาสที่รอคอยจะก้าวข้ามขีดจำกัดก็มาถึง!แต่ทว่า ไม่คาดคิดว่าฟ้าจะผ่าขณะก่อร่างสร้างแก่นทองคำเพื่อบรรลุขั้นต่อไปจะรุนแรงเช่นนี้ ร่างกายของเธอถูกความโกรธเกรี้ยวจากผืนฟ้าผ่าจนแหลกละเอียด แม้แต่ดวงวิญญาณก็ยังแตกกระจาย ในยามเลือนลาง ซ่งถานกลับได้เห็นภาพมากมายที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้าก่อนที่ร่างกายและวิญญาณของเธอจะสลายไปรถยนต์หลายสิบคันพลิกคว่ำและชนระเนระนาดกลางถนน ทั้งเสียงชน เสียงเจ็บปวด เสียงร้องไห้ดังโอดครวญระคนหู รถยนต์ที่พลิกคว่ำน้ำมันไหลเป็นทางยาวบนสะพาน ผู้คนรอบข้างกำลังเคาะกระจกรถอย่างกระวนกระวาย ขณะที่ดวงตาของเธอพร่าเลือด ขยับไม่ได้ พูดไม่ออก“ฮัลโล 119 ไหมคะ เกิดอุบัติเหตุรถชนกันเป็นแถวบนสะพานหนิงไห่...”“ปัง!”“ช่วยกันพาคนขับออกมาก่อน! เธอยังมีลมหายใจอยู่เลย”“ขาเธอติดอยู่... ใครก็ได้มาช่วยกันหน่อยเร็วๆ”“เฮ้ย! รีบหนีไป น้ำมันรั่วแล้ว ระวังจะระเบิด”ซ่งถ
จ้องแล้วจ้องอีก!การดูคลิปวิดีโอสั้นๆ มันทำให้ฉันมีความสุขมาก!ที่แท้ชีวิตของมนุษย์คนธรรมดาก็มีอะไรน่าสนใจแบบนี้นี่เอง!ซ่งถานอยากเล่นแบบนี้ไปอีกนานๆ โลกใบนี้ช่างมีอะไรน่าสนใจอีกเยอะแยะ ยิ่งหากสามารถมีความสุขแบบนี้ได้ตลอดไป โดยไม่ต้องบำเพ็ญตบะเซียนเลย...คงดีไม่น้อยไม่สิ ไม่ได้ๆ! เธอรีบไล่ความคิดน่ากลัวนี้ออกจากหัวตัวเอง เธอห้ามหลงละเลยการบำเพ็ญเพียรโดยเด็ดขาดนะ…แต่ถ้ายืดหยุ่นนิดหน่อย เช่น หากเปลี่ยนจากการเคร่งครัดเป็นการบำเพ็ญเพียรให้ช้าลงกว่านี้สักนิด ยังอาจจะมีความพอเป็นไปได้อยู่บ้าง เพราะอย่างไรตอนนี้เธอก็แทบไม่มีพลังลมปราณหลงเหลืออยู่แล้วนี่ การบำเพ็ญตบะมากมายอย่างไรก็คงได้ผลลัพธ์ที่น้อยไม่เต็มประสิทธิภาพนัก ดังนั้นจึงไม่น่าคุ้มค่าเท่าไหร่ซ่งถานพิจารณาการตัดสินใจของตัวเอง ก็ปลอบใจว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยได้ยินบ่อยๆ ว่า "โรคผัดวันประกันพรุ่ง" แต่น่าจะเป็นลางสังหรณ์จากวิชาเซียนที่บอกเธอว่า ‘มันไม่เหมาะสม’ ต่างหากสรุปแล้ว เธอคำนวณด้วยนิ้วมือก็พบว่าตอนนี้คือช่วงเวลาที่ดีสำหรับ…การเล่นโทรศัพท์!เพียงแต่หน้าจอมันแตกเยอะไปหน่อย...ในวินาทีต่อมา โทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้า"ซ่งถาน! งานน
ซ่งถานได้สติแล้วรับอาหารกล่องของเธอมา นี่คืออาหารชั้นเลิศจากร้านอาหารที่มีรีวิวมากถึง 5 ดาว แต่ราคาก็สูงถึง 188 หยวน อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดกล่องออกมา กลิ่นอาหารและกลิ่นเหม็นอับก็ปะปนคลุ้งจมูกเธอราวกับเป็นอาหารที่ไม่เคยทานมาก่อน ซ่งถานรู้สึกคลื่นเหียนในท้อง ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทานไม่ลง จังหวะนั้นเอง เจ้านายหัวหน้างานเธอที่ชื่อว่า ‘หวังปาผี’ ก็เดินเข้ามา พอเห็นเช่นนั้นเขาก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงทันที"ซ่งถาน! เธอยังมีอารมณ์มานั่งกินข้าวอีกเหรอ งานนำเสนอที่ฉันสั่งไปล่ะ บอกแล้วนะว่าถ้าส่งไม่ทันก่อนบ่ายสองก็เตรียมลาออกไปได้เลย! "ซ่งถานลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน เธอจำได้แล้วว่าลืมอะไรไป!เธอกำลังจะมาลาออกไม่ใช่เหรอ!!"ได้ งั้นให้ HR โอนเงินเดือนที่เหลือฉันให้ตรงเวลาด้วย ฉันจะลาออกและกลับบ้านต่างจังหวัดตอนนี้เลย!"ทั้งสำนักงานตกตะลึง เมื่อเห็นว่าซ่งถานเริ่มเก็บของแล้ว หวังปาผีก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสับสนและน้อยใจ"ฉัน... ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะ..." พนักงานที่ทั้งขยัน อดทน มีความสามารถ และค่าจ้างถูกแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆหั่วเสวี่ยอิงที่กำลังกินข้าวอยู่ ก็ต้องรีบหยุดกินทันทีแล้วเดินเข้ามาเพื่อห้ามปรามซ่ง