พี่สาวน้องชายตอนออกจากบ้านเดินทางจูงมือกันไปอย่างมีความสุข สุดท้ายขากลับดันเหลือคนมีความสุขเพียงคนเดียว"เฉียวเฉียวอยู่ไหน" อู่หลานถามด้วยความตกใจซ่งถานหัวเราะร่า "อยู่ข้างหลังนู่น! "ทันทีที่พูดจบ เธอก็เห็นเด็กชายตัวโตคนหนึ่งกำลังเดินเลี้ยวมาจากถนนด้านหลัง ศีรษะกลมเกลี้ยงสีดำเงา กำลังใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียยกใหญ่"เฉียวเฉียว! " อู่หลานก็อดกลั้นไว้ไม่ได้เช่นกัน พลางหัวเราะไปรับตะกร้าจากมือของเขา "เป็นอะไรไป ทำไมถึงร้องไห้? โอ้โห ดูหน้าตาเฉียวเฉียวของเราสิ ร้องไห้จนหน้าตาขี้เหร่ไปหมดแล้ว"พอมีคนรู้สึกสงสาร เฉียวเฉียวก็เลยร้องไห้เสียงดังยิ่งขึ้นไปอีก"แม่...อือๆๆ แม่...พี่สาว...อือๆๆ พี่สาวไม่ยอมให้ผมปลูกผักง่า"ซ่งถานได้ยินก็ฟึดฟัดไม่ยอมรับความผิดนี้ "พูดจาเหลวไหล พี่สาวหว่านเมล็ดพันธุ์ตัวเองจนหมดแล้ว เธอยังขุดหลุมปลูกทีละเม็ดอยู่เลย และพี่สาวเหลือไว้ให้เธอตั้งกำมือหนึ่งนะ จะให้รอเธอค่อยๆ ปลูกเหรอเมื่อไหร่จะได้กลับบ้านกันล่ะ"จากนั้นก็อธิบายให้กับอู่หลานฟังเบาๆ ว่า เมล็ดพันธุ์ของถั่วม่วงเพียงแค่หว่านลงไปในดินก็พอแล้ว แต่เฉียวเฉียวรู้วิธีปลูกเพียงข้าวโพดเท่านั้น เขาจ
บนยอดเขาอินเยว่ทางด้านหลังภูเขาเมฆคำรามก่อตัวรวมกัน เสียงคำรามครืนครั่นดังกึกก้องซ่งถาน ผู้ฝึกตนแห่งนิกายถามเทียนในแดนเซียน ผู้มีรากวิญญาณทั้งธาตุน้ำและธาตุไม้ ได้ปลูกพืชวิญญาณบนภูเขาทางด้านหลังเป็นเวลานับร้อยปีแล้ว จนในที่สุดโอกาสที่รอคอยจะก้าวข้ามขีดจำกัดก็มาถึง!แต่ทว่า ไม่คาดคิดว่าฟ้าจะผ่าขณะก่อร่างสร้างแก่นทองคำเพื่อบรรลุขั้นต่อไปจะรุนแรงเช่นนี้ ร่างกายของเธอถูกความโกรธเกรี้ยวจากผืนฟ้าผ่าจนแหลกละเอียด แม้แต่ดวงวิญญาณก็ยังแตกกระจาย ในยามเลือนลาง ซ่งถานกลับได้เห็นภาพมากมายที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้าก่อนที่ร่างกายและวิญญาณของเธอจะสลายไปรถยนต์หลายสิบคันพลิกคว่ำและชนระเนระนาดกลางถนน ทั้งเสียงชน เสียงเจ็บปวด เสียงร้องไห้ดังโอดครวญระคนหู รถยนต์ที่พลิกคว่ำน้ำมันไหลเป็นทางยาวบนสะพาน ผู้คนรอบข้างกำลังเคาะกระจกรถอย่างกระวนกระวาย ขณะที่ดวงตาของเธอพร่าเลือด ขยับไม่ได้ พูดไม่ออก“ฮัลโล 119 ไหมคะ เกิดอุบัติเหตุรถชนกันเป็นแถวบนสะพานหนิงไห่...”“ปัง!”“ช่วยกันพาคนขับออกมาก่อน! เธอยังมีลมหายใจอยู่เลย”“ขาเธอติดอยู่... ใครก็ได้มาช่วยกันหน่อยเร็วๆ”“เฮ้ย! รีบหนีไป น้ำมันรั่วแล้ว ระวังจะระเบิด”ซ่งถ
จ้องแล้วจ้องอีก!การดูคลิปวิดีโอสั้นๆ มันทำให้ฉันมีความสุขมาก!ที่แท้ชีวิตของมนุษย์คนธรรมดาก็มีอะไรน่าสนใจแบบนี้นี่เอง!ซ่งถานอยากเล่นแบบนี้ไปอีกนานๆ โลกใบนี้ช่างมีอะไรน่าสนใจอีกเยอะแยะ ยิ่งหากสามารถมีความสุขแบบนี้ได้ตลอดไป โดยไม่ต้องบำเพ็ญตบะเซียนเลย...คงดีไม่น้อยไม่สิ ไม่ได้ๆ! เธอรีบไล่ความคิดน่ากลัวนี้ออกจากหัวตัวเอง เธอห้ามหลงละเลยการบำเพ็ญเพียรโดยเด็ดขาดนะ…แต่ถ้ายืดหยุ่นนิดหน่อย เช่น หากเปลี่ยนจากการเคร่งครัดเป็นการบำเพ็ญเพียรให้ช้าลงกว่านี้สักนิด ยังอาจจะมีความพอเป็นไปได้อยู่บ้าง เพราะอย่างไรตอนนี้เธอก็แทบไม่มีพลังลมปราณหลงเหลืออยู่แล้วนี่ การบำเพ็ญตบะมากมายอย่างไรก็คงได้ผลลัพธ์ที่น้อยไม่เต็มประสิทธิภาพนัก ดังนั้นจึงไม่น่าคุ้มค่าเท่าไหร่ซ่งถานพิจารณาการตัดสินใจของตัวเอง ก็ปลอบใจว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยได้ยินบ่อยๆ ว่า "โรคผัดวันประกันพรุ่ง" แต่น่าจะเป็นลางสังหรณ์จากวิชาเซียนที่บอกเธอว่า ‘มันไม่เหมาะสม’ ต่างหากสรุปแล้ว เธอคำนวณด้วยนิ้วมือก็พบว่าตอนนี้คือช่วงเวลาที่ดีสำหรับ…การเล่นโทรศัพท์!เพียงแต่หน้าจอมันแตกเยอะไปหน่อย...ในวินาทีต่อมา โทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้า"ซ่งถาน! งานน
ซ่งถานได้สติแล้วรับอาหารกล่องของเธอมา นี่คืออาหารชั้นเลิศจากร้านอาหารที่มีรีวิวมากถึง 5 ดาว แต่ราคาก็สูงถึง 188 หยวน อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดกล่องออกมา กลิ่นอาหารและกลิ่นเหม็นอับก็ปะปนคลุ้งจมูกเธอราวกับเป็นอาหารที่ไม่เคยทานมาก่อน ซ่งถานรู้สึกคลื่นเหียนในท้อง ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทานไม่ลง จังหวะนั้นเอง เจ้านายหัวหน้างานเธอที่ชื่อว่า ‘หวังปาผี’ ก็เดินเข้ามา พอเห็นเช่นนั้นเขาก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงทันที"ซ่งถาน! เธอยังมีอารมณ์มานั่งกินข้าวอีกเหรอ งานนำเสนอที่ฉันสั่งไปล่ะ บอกแล้วนะว่าถ้าส่งไม่ทันก่อนบ่ายสองก็เตรียมลาออกไปได้เลย! "ซ่งถานลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน เธอจำได้แล้วว่าลืมอะไรไป!เธอกำลังจะมาลาออกไม่ใช่เหรอ!!"ได้ งั้นให้ HR โอนเงินเดือนที่เหลือฉันให้ตรงเวลาด้วย ฉันจะลาออกและกลับบ้านต่างจังหวัดตอนนี้เลย!"ทั้งสำนักงานตกตะลึง เมื่อเห็นว่าซ่งถานเริ่มเก็บของแล้ว หวังปาผีก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสับสนและน้อยใจ"ฉัน... ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะ..." พนักงานที่ทั้งขยัน อดทน มีความสามารถ และค่าจ้างถูกแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆหั่วเสวี่ยอิงที่กำลังกินข้าวอยู่ ก็ต้องรีบหยุดกินทันทีแล้วเดินเข้ามาเพื่อห้ามปรามซ่ง
ลานบ้านค่อนข้างเก่าแต่กว้างขวาง พื้นซีเมนต์เริ่มแตกเป็นรอยแยกแล้ว แม้อยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่กลับมีต้นดอกเดซี่สีม่วงต้นเล็กๆ งอกขึ้นมาจากรอยแยกนั้น แล้วเบ่งบานสั่นเทาในสายลมหนาวดอกเดซี่สีม่วงซ่งถานจ้องมองดอกไม้นั้นอย่างตั้งใจ รู้สึกราวกับว่าดอกไม้น้อยๆ นี้ดูงดงามยิ่งขึ้นเมื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมซ่งซานเฉินวางกระเป๋าไว้ในห้องโถงแล้วรีบตะโกนเรียกลูกสาว"ถานถาน ข้างนอกหนาว รีบเข้ามาผิงไฟข้างใน" พลางลูบมือและเท้าของตัวเอง "ขี่มอเตอร์ไซค์นี่หนาวจริงๆ! "ซ่งถานชะงักไปครู่หนึ่งกว่าจะตอบสนอง‘ใช่แล้ว ขี่มอเตอร์ไซค์ในฤดูหนาวคงหนาวจริงๆ ’แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรมากนักกางมือออกดู ก็เห็นฝ่ามือขาวผ่องราวหยกของตนเอง พลางคิดว่า คงเป็นเพราะตอนเกิดอุบัติเหตุ พลังปราณในตัวเธอจึงพยายามซ่อมแซมร่างกายอย่างสุดชีวิต เพื่อหลบหนีจากชะตากรรมที่อาจต้องตาย จึงทำให้ร่างกายได้รับการชำระล้างในระดับหนึ่งแต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ดีอย่างเช่นตอนนี้ ลมหนาวพัดผ่านมา ซ่งถานกลับรู้สึกสั่นไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้ เธอตกใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านนี่คือห้องเล็กๆ ที่ใช้สำหรับผิงไฟ แม้พื้นที่ไม่กว้างนักแต่ก็พอให้ค
ซ่งซานเฉินยอมให้เธอกลับมาทำไร่ นั่นทำให้ซ่งถานโล่งใจจริงๆ แต่ต่อไปก็ถึงคิวแม่ของเธอ อู่หลานแล้วขณะนั้น อู่หลานก็พูดขึ้นมาพอดีว่า "ถึงเวลาทานข้าวแล้วเฉียวเฉียว ไปล้างมือแล้วมาช่วยยกกับข้าว! "ซ่งเฉียวก็วิ่งไปตามคำสั่ง ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้แต่น้องชายเธอก็ยังเปิดก๊อกน้ำนอกบ้านแล้วล้างมือจนสะอาด จากนั้นก็ขยันขันแข็งไปยกกับข้าวน้ำซุปปลาเก๋าสีขาวข้น มีผักชีลอยอยู่ด้านบน แค่ได้กลิ่นก็รู้เลยว่าเป็นปลาที่สดมาก!ซ่งถานเหลือบมองอาหารอีกหลากหลายจานที่ถูกยกเสิร์ฟมาติดๆ กัน เริ่มจากปลาเก่าผัดซีอิ๊วที่ขนาดตัวไม่ได้ใหญ่มากมาย น่าจะประมาณสองถึงสามขีด แต่เมื่อผัดเข้ากันกับผักชี พริก ขิงและต้นหอม คลุกเคล้ากันอย่างดีแล้ว กลิ่นหอมเข้มข้นอบอวลไปทั่วทั้งบ้าน ถ้าอากาศอุ่นกว่านี้อีกนิด ในท้องปลาก็คงมีไข่ปลาที่อร่อยกว่านี้จานถัดมาเป็นหัวไชเท้าตุ๋นหมูสามชั้น หมูสามชั้นตุ๋นเป็นวิธีทำอาหารของท้องถิ่น นำหมูสามชั้นที่ติดมันนิดหน่อยมาหมักเกลือไว้ และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ลงกระทะ ใส่น้ำมันถั่วลิสงแล้วผัดไปเรื่อยๆ ผัดจนชิ้นหมูเริ่มเป็นสีเหลือง น้ำมันจากหมูหอมๆ ก็จะออกมาบางส่วน จากนั้นจึงปิดท้ายด้วยใส่ทั้งน้ำมันและเนื้อหม
ซ่งถานตกใจจริงๆ"บ้านเราเงินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ"มีทั้งภูเขาและที่นา"มีเงินอะไรล่ะ" อู่หลานไม่เงยหน้าขึ้นมา "ทั้งหมดก็ตกทอดมาจากคุณปู่ของหนูทั้งนั้น ภูเขารกๆ ตรงนั้น ขายก็ไม่ได้ ไม่มีใครเช่า ก็เลยรกร้างอยู่แบบนั้น"ซ่งถานเงียบไปตอนนี้ทั้งหมู่บ้านมีไม่ถึงสามสิบหลังคาเรือน อายุเฉลี่ยสี่สิบห้าสิบปี ตอนนี้ข้าวก็ไม่ค่อยมีค่าแล้ว ก็แค่พออยู่พอกินเท่านั้น ไม่ใช่แค่บ้านของพวกเขาเท่านั้น บ้านอื่นๆ ก็มีที่รกร้างเป็นผืนใหญ่เช่นกันก็ไม่มีเหตุผลอะไรอื่น นอกจากขาดแรงงานที่นี่มีภูเขาเยอะ เครื่องจักรกลการเกษตรขนาดใหญ่ก็ใช้ไม่ได้ เครื่องจักรขนาดเล็กก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งก็แพงมาก กำไรทั้งหมดจากที่นาหนึ่งแปลงก็ไม่พอที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ นอกจากนี้ยังมีอีก ถนนยังคดเคี้ยว ไม่มีหนทางไหนที่จะส่งขายออกไปยังนอกหมู่บ้านได้เลย ทุกวันนี้การปลูกข้าวและข้าวสาลีก็เพื่อกินเอง ทำงานหนักมาทั้งปี ทั้งรดน้ำ ใส่ปุ๋ย และกำจัดแมลง ก็ต้องใช้เงินจำนวนมากแล้วผลผลิตได้เท่าไหร่ล่ะยิ่งในกรณีที่ขาดแรงงาน ก็เก็บเกี่ยวได้แค่พอที่บ้านกินเท่านั้นหันกลับมาดูที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในเมือง สิบกว่าหยวนต่อหนึ่งกิโลกรัม แม้ว่ารสชา
สำนักงานอำเภอในเมืองเล็กๆ อย่างหยุนเฉิงไม่จำเป็นต้องต่อแถว เพราะประชากรน้อยยิ่งกว่าหยิบมือ ซ่งถานทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็เสร็จ ตอนนี้เธอจึงเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือราคาสามพันหยวนให้คุ้มค่าที่สุด ขณะที่กำลังคิดถึงเงินในกระเป๋าของเธอ เธอก็รู้สึกเศร้าใจหกหมื่นหยวน แม้จะพูดให้ถูกต้อง ต้องเป็นหกหมื่นสองพันกว่าหยวน รวมเงินอุดหนุนของแม่ที่ให้เพิ่มเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถืออีกสองพันหยวน รวมแล้วก็เป็นหกหมื่นสี่พันหยวนเมื่อคืนก็วางแผนไว้ดีแล้ววางแผนอย่างไรบ้างน่ะหรือ..ซื้อโทรศัพท์มือถือ ซื้อเครื่องมือทำการเกษตร ซื้อเมล็ดพันธุ์ และปุ๋ย...ถ้าที่เหลือเก็บไว้ได้ไหมนะ ไม่ได้ ต้องจ้างคนขุดภูเขา ขุดดิน ขุดทุกที่ที่เธออยากปลูก...แต่เงินจำนวนนี้ก็จ้างคนทำงานได้ไม่นานนัก"พ่อ แม่บอกว่าทุ่งนาและภูเขาให้หนูจัดการได้ตามใจชอบ แค่แปลงผักอย่าไปยุ่ง ถ้าขอเช่าเครื่องจักรไถดินด้วยได้ไหม"ซื้อไม่ไหวก็เช่าได้!ซ่งซานเฉินยังไม่ค่อยเปิดใจเท่าไหร่ "ถานถาน ลูกจะทำไร่จริงๆ เหรอ ลองทำแค่หนึ่งหรือสองแปลงก่อนก็พอแล้ว ทำใหญ่ขนาดนี้ ชาวบ้านรู้เข้าจะต้องว่าเราโอ้อวดแน่ๆ "ซ่งถานเองก็คิดได้ เธอไม่ได้คิดเ