ปลายเดือนกุมภาพันธ์ต้นเดือนมีนาคม จะเป็นช่วงเวลาแห่งความอึดอัดใจและกลัดกลุ้มสำหรับชาวนาในแต่ละปี เมื่อสิ้นปีได้ผ่านพ้นไป ลูกหลานส่วนใหญ่มักพากันย้ายออกไปตั้งรกร้างครอบครัวของตัวเองยังที่แห่งใหม่ นกเธอแอ่นบนคานหามยังไม่กลับมา ที่ดินรกร้างว่างเปล่าก็มีมากขึ้น หากมองไกลๆ จากบนท้องฟ้าจะพบสีเหลืองและน้ำตาลครามครอบคลุมพื้นที่ดินจำนวนมาก ยกเว้นภูเขาเขียวขจีที่อยู่ไกลออกไปแล้ว หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านก็เงียบเหงาและสงบแต่ในวันนี้ ทุ่งนาข้างป่าไผ่ของตระกูลซ่งกลับคึกคักอีกครั้ง"ซ่งซานเฉิน ปีนี้บ้านนายเป็นอะไรไป ร่ำรวยเตรียมทำอะไรใหญ่โตหรือยังไงกัน ทุ่งนาตั้งเยอะแยะจะเก็บกวาดไปทำไม""ใช่แล้วซ่งซานเฉิน นายจะปลูกอะไรกันแน่ ที่ดินเดิมยังมีต้นชาสองสามต้น ฉันเห็นยังทิ้งๆ ขว้างๆ อยู่เลย"ทุกคนถูกซ่งซานเฉินเชิญมาเก็บกวาดที่ดิน เครื่องจักรรถไถกำลังทำงานอย่างหนักหน่วงอยู่ที่มุมหนึ่ง ก่อนจะไถดิน พวกเขาจำเป็นต้องกำจัดวัชพืชและเศษซากต้นไม้เล็กๆ ที่แห้งกรังในที่ดินก่อน ไม่เช่นนั้นเครื่องจักรขนาดเล็กอาจจะมีเศษติดอยู่ใต้ท้องเครื่องโชคดีที่มีคนมาร่วมแรงช่วยกันเยอะแยะ ทำให้งานดูสนุกและมียังมีประสิทธิภาพดีด้วย เมื่
ตอนนี้เป็นช่วงพักจากการทำนา ชายหญิงในหมู่บ้านวัยสามสิบถึงห้าสิบปีที่พอจะแบกหามได้ก็ถูกซ่งซานเฉินเรียกมาช่วยหมดแล้ว เวลาไม่คอยท่า ฉวยโอกาสนี้จัดการให้เสร็จ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็ต้องหว่านเมล็ดลงดินแล้วแผนลำดับขั้นตอนของซ่งถานร่างไว้อย่างชัดเจนต้องจัดการหญ้าในสวนเกาลัด ต้นเกาลัดเหล่านั้นควรใส่ปุ๋ยและตัดแต่งกิ่งให้เรียบร้อย ถึงเวลาก็ต้องทำโครงสำหรับวางเห็ดหูหนู ต้องล้อมรั้วรอบนอกเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์หรือคนเข้ามาสร้างความวุ่นวายพอดีที่ด้านหลังภูเขาตัดต้นไม้ทิ้งไปหลายต้น ลำต้นแบ่งเป็นท่อนๆ เพื่อใช้เพาะเห็ดได้ กิ่งก้านสามารถใช้ทำเป็นเพิงกำบังลมและกันฝนสาดให้หมู และยังต้องเตรียมรางใส่อาหารหมูกั้นด้วยตาข่ายลวดส่วนในไร่ ภายในหนึ่งหรือสองเดือนนี้จะปลูกถั่วม่วงไว้ก่อน เมื่อถั่วม่วงออกดอกแล้วก็ถึงเวลาไถพรวนดินอีกครั้ง เตรียมปลูกข้าวและผัก เมล็ดบางชนิดก็สามารถเพาะกล้าไว้ล่วงหน้าได้ในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ยังต้องหาไก่บ้านและเป็ด อีกทั้งต้องนัดหมายกับชาวบ้านคนอื่นเพื่อรับซื้อลูกหมู เวลามีคนมาช่วยงานเยอะๆ ก็ต้องเตรียมอาหารทุกวันซ่งซานเฉินและอู๋หลานต่างก็ยุ่งจนตัวเป็นเกลียว แล้วลูกสาวล่ะ?ก็ไ
ในทุ่งนาเสียงเครื่องจักรคำรามลั่นทุ่ง ชาวบ้านต่างทำงานไปพลางพูดคุยกันไป ขณะที่กองหญ้าและต้นไม้ป่าที่พูนไว้บนคันนากำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ดินสีน้ำตาลที่ไม่ได้ไถมานานมีกลิ่นชื้นโชยออกมา สัมผัสกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องประกายเจิดจ้าหมู่บ้านกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหวังลี่เฟินเปิดห้องเก็บของที่มุมลานบ้านซึ่งปิดตายเป็นเวลานานแล้ว มันเป็นห้องที่สร้างขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนเธอเพิ่งคลอดลูกสาว หวังลี่เฟินจำได้แม่นว่าในปีนั้นซ่งโหย่วเต๋อก็รับอาสาร่วมกับพี่น้องนำดินเหนียวมาปั้น ตัดฟางข้าว แล้วตีอิฐทีละก้อนเพื่อสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาอย่างช้าๆตอนแรกที่นี่เป็นบ้านหลังหลักของพวกเขา กระทั่งต่อมาเมื่อลูกๆ เริ่มเติบโตอายุมากขึ้น บ้านหลังใหม่ที่ทำจากอิฐและกระเบื้องก็สร้างเสร็จ ห้องนี้จึงกลายสภาพเป็นที่เก็บข้าวสารและฟ่อนฟาง จวบจนกระทั่งเลิกทำนาห้องนี้ก็กลายเป็นห้องเก็บของไปโดยปริยายเฉียวเฉียววิ่งเข้ามา "ย่า! ย่า!"หวังลี่เฟินเพิ่งหยิบกระบุงใส่ของออกมาจากห้อง เมื่อได้ยินเสียงก็ตอบ "เฉียวเฉียวว่าไงลูก"ไม่นานนัก เฉียวเฉียวก็โผล่หัวที่ตัดทรงสกินเฮดมาให้ย่าตกใจเล่น "ย่า พี่สาวบอกเดี๋ยวจะพาไปทำนา ขอยืมตะกร
พี่สาวน้องชายตอนออกจากบ้านเดินทางจูงมือกันไปอย่างมีความสุข สุดท้ายขากลับดันเหลือคนมีความสุขเพียงคนเดียว"เฉียวเฉียวอยู่ไหน" อู่หลานถามด้วยความตกใจซ่งถานหัวเราะร่า "อยู่ข้างหลังนู่น! "ทันทีที่พูดจบ เธอก็เห็นเด็กชายตัวโตคนหนึ่งกำลังเดินเลี้ยวมาจากถนนด้านหลัง ศีรษะกลมเกลี้ยงสีดำเงา กำลังใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียยกใหญ่"เฉียวเฉียว! " อู่หลานก็อดกลั้นไว้ไม่ได้เช่นกัน พลางหัวเราะไปรับตะกร้าจากมือของเขา "เป็นอะไรไป ทำไมถึงร้องไห้? โอ้โห ดูหน้าตาเฉียวเฉียวของเราสิ ร้องไห้จนหน้าตาขี้เหร่ไปหมดแล้ว"พอมีคนรู้สึกสงสาร เฉียวเฉียวก็เลยร้องไห้เสียงดังยิ่งขึ้นไปอีก"แม่...อือๆๆ แม่...พี่สาว...อือๆๆ พี่สาวไม่ยอมให้ผมปลูกผักง่า"ซ่งถานได้ยินก็ฟึดฟัดไม่ยอมรับความผิดนี้ "พูดจาเหลวไหล พี่สาวหว่านเมล็ดพันธุ์ตัวเองจนหมดแล้ว เธอยังขุดหลุมปลูกทีละเม็ดอยู่เลย และพี่สาวเหลือไว้ให้เธอตั้งกำมือหนึ่งนะ จะให้รอเธอค่อยๆ ปลูกเหรอเมื่อไหร่จะได้กลับบ้านกันล่ะ"จากนั้นก็อธิบายให้กับอู่หลานฟังเบาๆ ว่า เมล็ดพันธุ์ของถั่วม่วงเพียงแค่หว่านลงไปในดินก็พอแล้ว แต่เฉียวเฉียวรู้วิธีปลูกเพียงข้าวโพดเท่านั้น เขาจ
บนยอดเขาอินเยว่ทางด้านหลังภูเขาเมฆคำรามก่อตัวรวมกัน เสียงคำรามครืนครั่นดังกึกก้องซ่งถาน ผู้ฝึกตนแห่งนิกายถามเทียนในแดนเซียน ผู้มีรากวิญญาณทั้งธาตุน้ำและธาตุไม้ ได้ปลูกพืชวิญญาณบนภูเขาทางด้านหลังเป็นเวลานับร้อยปีแล้ว จนในที่สุดโอกาสที่รอคอยจะก้าวข้ามขีดจำกัดก็มาถึง!แต่ทว่า ไม่คาดคิดว่าฟ้าจะผ่าขณะก่อร่างสร้างแก่นทองคำเพื่อบรรลุขั้นต่อไปจะรุนแรงเช่นนี้ ร่างกายของเธอถูกความโกรธเกรี้ยวจากผืนฟ้าผ่าจนแหลกละเอียด แม้แต่ดวงวิญญาณก็ยังแตกกระจาย ในยามเลือนลาง ซ่งถานกลับได้เห็นภาพมากมายที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้าก่อนที่ร่างกายและวิญญาณของเธอจะสลายไปรถยนต์หลายสิบคันพลิกคว่ำและชนระเนระนาดกลางถนน ทั้งเสียงชน เสียงเจ็บปวด เสียงร้องไห้ดังโอดครวญระคนหู รถยนต์ที่พลิกคว่ำน้ำมันไหลเป็นทางยาวบนสะพาน ผู้คนรอบข้างกำลังเคาะกระจกรถอย่างกระวนกระวาย ขณะที่ดวงตาของเธอพร่าเลือด ขยับไม่ได้ พูดไม่ออก“ฮัลโล 119 ไหมคะ เกิดอุบัติเหตุรถชนกันเป็นแถวบนสะพานหนิงไห่...”“ปัง!”“ช่วยกันพาคนขับออกมาก่อน! เธอยังมีลมหายใจอยู่เลย”“ขาเธอติดอยู่... ใครก็ได้มาช่วยกันหน่อยเร็วๆ”“เฮ้ย! รีบหนีไป น้ำมันรั่วแล้ว ระวังจะระเบิด”ซ่งถ
จ้องแล้วจ้องอีก!การดูคลิปวิดีโอสั้นๆ มันทำให้ฉันมีความสุขมาก!ที่แท้ชีวิตของมนุษย์คนธรรมดาก็มีอะไรน่าสนใจแบบนี้นี่เอง!ซ่งถานอยากเล่นแบบนี้ไปอีกนานๆ โลกใบนี้ช่างมีอะไรน่าสนใจอีกเยอะแยะ ยิ่งหากสามารถมีความสุขแบบนี้ได้ตลอดไป โดยไม่ต้องบำเพ็ญตบะเซียนเลย...คงดีไม่น้อยไม่สิ ไม่ได้ๆ! เธอรีบไล่ความคิดน่ากลัวนี้ออกจากหัวตัวเอง เธอห้ามหลงละเลยการบำเพ็ญเพียรโดยเด็ดขาดนะ…แต่ถ้ายืดหยุ่นนิดหน่อย เช่น หากเปลี่ยนจากการเคร่งครัดเป็นการบำเพ็ญเพียรให้ช้าลงกว่านี้สักนิด ยังอาจจะมีความพอเป็นไปได้อยู่บ้าง เพราะอย่างไรตอนนี้เธอก็แทบไม่มีพลังลมปราณหลงเหลืออยู่แล้วนี่ การบำเพ็ญตบะมากมายอย่างไรก็คงได้ผลลัพธ์ที่น้อยไม่เต็มประสิทธิภาพนัก ดังนั้นจึงไม่น่าคุ้มค่าเท่าไหร่ซ่งถานพิจารณาการตัดสินใจของตัวเอง ก็ปลอบใจว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยได้ยินบ่อยๆ ว่า "โรคผัดวันประกันพรุ่ง" แต่น่าจะเป็นลางสังหรณ์จากวิชาเซียนที่บอกเธอว่า ‘มันไม่เหมาะสม’ ต่างหากสรุปแล้ว เธอคำนวณด้วยนิ้วมือก็พบว่าตอนนี้คือช่วงเวลาที่ดีสำหรับ…การเล่นโทรศัพท์!เพียงแต่หน้าจอมันแตกเยอะไปหน่อย...ในวินาทีต่อมา โทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้า"ซ่งถาน! งานน
ซ่งถานได้สติแล้วรับอาหารกล่องของเธอมา นี่คืออาหารชั้นเลิศจากร้านอาหารที่มีรีวิวมากถึง 5 ดาว แต่ราคาก็สูงถึง 188 หยวน อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดกล่องออกมา กลิ่นอาหารและกลิ่นเหม็นอับก็ปะปนคลุ้งจมูกเธอราวกับเป็นอาหารที่ไม่เคยทานมาก่อน ซ่งถานรู้สึกคลื่นเหียนในท้อง ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทานไม่ลง จังหวะนั้นเอง เจ้านายหัวหน้างานเธอที่ชื่อว่า ‘หวังปาผี’ ก็เดินเข้ามา พอเห็นเช่นนั้นเขาก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงทันที"ซ่งถาน! เธอยังมีอารมณ์มานั่งกินข้าวอีกเหรอ งานนำเสนอที่ฉันสั่งไปล่ะ บอกแล้วนะว่าถ้าส่งไม่ทันก่อนบ่ายสองก็เตรียมลาออกไปได้เลย! "ซ่งถานลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน เธอจำได้แล้วว่าลืมอะไรไป!เธอกำลังจะมาลาออกไม่ใช่เหรอ!!"ได้ งั้นให้ HR โอนเงินเดือนที่เหลือฉันให้ตรงเวลาด้วย ฉันจะลาออกและกลับบ้านต่างจังหวัดตอนนี้เลย!"ทั้งสำนักงานตกตะลึง เมื่อเห็นว่าซ่งถานเริ่มเก็บของแล้ว หวังปาผีก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสับสนและน้อยใจ"ฉัน... ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะ..." พนักงานที่ทั้งขยัน อดทน มีความสามารถ และค่าจ้างถูกแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆหั่วเสวี่ยอิงที่กำลังกินข้าวอยู่ ก็ต้องรีบหยุดกินทันทีแล้วเดินเข้ามาเพื่อห้ามปรามซ่ง
ลานบ้านค่อนข้างเก่าแต่กว้างขวาง พื้นซีเมนต์เริ่มแตกเป็นรอยแยกแล้ว แม้อยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่กลับมีต้นดอกเดซี่สีม่วงต้นเล็กๆ งอกขึ้นมาจากรอยแยกนั้น แล้วเบ่งบานสั่นเทาในสายลมหนาวดอกเดซี่สีม่วงซ่งถานจ้องมองดอกไม้นั้นอย่างตั้งใจ รู้สึกราวกับว่าดอกไม้น้อยๆ นี้ดูงดงามยิ่งขึ้นเมื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมซ่งซานเฉินวางกระเป๋าไว้ในห้องโถงแล้วรีบตะโกนเรียกลูกสาว"ถานถาน ข้างนอกหนาว รีบเข้ามาผิงไฟข้างใน" พลางลูบมือและเท้าของตัวเอง "ขี่มอเตอร์ไซค์นี่หนาวจริงๆ! "ซ่งถานชะงักไปครู่หนึ่งกว่าจะตอบสนอง‘ใช่แล้ว ขี่มอเตอร์ไซค์ในฤดูหนาวคงหนาวจริงๆ ’แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรมากนักกางมือออกดู ก็เห็นฝ่ามือขาวผ่องราวหยกของตนเอง พลางคิดว่า คงเป็นเพราะตอนเกิดอุบัติเหตุ พลังปราณในตัวเธอจึงพยายามซ่อมแซมร่างกายอย่างสุดชีวิต เพื่อหลบหนีจากชะตากรรมที่อาจต้องตาย จึงทำให้ร่างกายได้รับการชำระล้างในระดับหนึ่งแต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ดีอย่างเช่นตอนนี้ ลมหนาวพัดผ่านมา ซ่งถานกลับรู้สึกสั่นไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้ เธอตกใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านนี่คือห้องเล็กๆ ที่ใช้สำหรับผิงไฟ แม้พื้นที่ไม่กว้างนักแต่ก็พอให้ค