Share

บทที่ 9 เลี้ยงหมูเหรอ

last update Last Updated: 2024-10-08 14:38:45

กลับถึงบ้าน อู่หลานก็ซักไซ้เรื่องเงินก้อนนี้อย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ ซ่งถานรายงานทีไร เส้นเลือดที่หน้าผากของเธอก็เต้นตามไปด้วยทุกรอบ เต้นจนซ่งถานใจคอไม่ดี จะขอเงินทำอะไรก็ดูติดขัดเก้ๆ กังๆ ไปเสียหมด

ตอนนี้ ต้องรีบใช้กลยุทธ์ถัดไปปิดฉากแม่เธอ "แม่ หนูอยากเลี้ยงหมูสักสองสามตัว…ได้ไหม"

ตอนนี้ราคาหมูขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ หมูตามบ้านนอกอย่างหยุนเฉิงก็ไม่เคยขายไม่ออก ตามหลักแล้ว เลี้ยงหมูก็เหมาะสมดี

"กี่ตัว"

อู่หลานฮึดฮัด เหมือนคิดว่าลูกสาวตนเองไม่เคยจับงานใหญ่ "ตอนนี้หมูแพง ลูกหมูก็แพง ตัวละตั้งหลายร้อย กลับมาบ้านก็ต้องก่อเตาทำอาหารให้หมูกินอีก แถมตอนนี้หนาวก็ต้องซื้อรำข้าวโพด”

โอ๊ย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่หมูหิวก็ร้องแล้ว หมูสองสามตัวก็ร้องดังระงมไปทั่ว ต้องคอยสร้างคอกหมูอีก แค่เฉพาะทำงานในไร่ก็ยุ่งเป็นระวิงมือไม้ใช้ไม่พอแล้ว ซ่งถานเป็นแบบนี้เสมอ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ทันเดินก็คิดจะบิน ในสายตาของอู่หลาน มันไม่น่าเชื่อถือเลย

"อีกอย่าง ทรัพย์สินล้นฟ้าล้วนไม่นับสิ่งมีขน ถ้าหมูเกิดป่วยขึ้นมา..."

แต่ซ่งถานอยากกินเหลือเกิน ช่วงนี้เธอสามารถฝึกฝนลมปราณได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เพิ่มคุณภาพอาหารก็เสริมรสชาติหมูให้อร่อยราวบินขึ้นสวรรค์ เธอพูดว่า "แม่ หมูที่เลี้ยงเอง ปลอดภัยแถมยังอร่อย หมูที่ซื้อจากข้างนอก มันไม่หอมเหมือนเราเลี้ยงเองตั้งแต่เล็กๆ อีกอย่างหมูแพงขนาดนี้ เลี้ยงเองก็ยังขายได้อีกนะ"

"พอฆ่าหมูแล้ว ก็ตุ๋นหมู ทำกากหมูทอด แล้วเอาไปตุ๋นกับกะหล่ำปลี ห่อเกี๊ยว อร่อยจะตาย"

นั่นสิ หมูสดๆ อร่อยจะตาย ในฐานะที่เลี้ยงหมูมาหลายปี แต่เพิ่งเลิกเลี้ยงไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซ่งซานเฉินก็อดอยากลิ้มรสกินบ้างไม่ได้เช่นกัน ตอนนี้ลืมคำปฏิเสธของตัวเองไปหมดแล้ว แถมยังพูดสมทบด้วย

"ใช่ๆ ลองเลี้ยงสักตัวไหม..." ซ่งเฉียวที่กำลังดูเปปป้าพิกในมือถืออยู่ ก็เงยหน้าขึ้นมาทันที "แม่ แม่เป็นแม่หมูของผม"

"พี่สาว ผมอยู่กับเปปป้าได้ไหม"

อู่หลานรีบหายใจเข้าลึกๆ โอ้โห ลูกชายคนโง่คนนี้ ช่างน่าเป็นห่วงจริงๆ เมื่อคิดว่าในอนาคตจะต้องใช้เงินเลี้ยงดูลูกชายเป็นจำนวนมาก แต่ในปีนี้ราคาหมูก็แพงหูฉี่จริงๆ เธอจึงกัดฟันเลือก

"เลี้ยง! "

"หมู่บ้านไม่อนุญาตให้เลี้ยงหมูหน้าบ้าน อย่างมากก็สร้างคอกหมูไว้หลังบ้านเราเงียบๆ บ้านเราเลยทางแยกเข้ามาถึงจะมองเห็น ไม่ได้ทำให้เสียทัศนียภาพมาก แค่คอกหมูจะเล็กหน่อยเลี้ยงได้มากสุดก็คงสักสองตัว"

เป็นไปได้ยังไง!

จะทำคอกหมูในชนบทเป็นลานเล็กๆ สี่เหลี่ยม มีหลังคาคลุมมุมหนึ่ง และมีบ่อสำหรับใส่ของเสีย พื้นที่เพียงแค่นี้ให้หมูเดินเล่นก็นับว่าอึดอัดพอควรแล้ว แต่นี่บ้านของพวกเขาเป็นบ้านชั้นเดียว หน้าต่างห้องนอนหันเข้าหาภูเขาหลังบ้าน ถ้าสร้างคอกหมูตรงนั้น กลิ่นคง…สุดยอด!

ซ่งถานรีบพูดขึ้น "หาลวดตาข่ายอะไรก็ได้มากั้นพื้นที่เนินเขาหลังบ้านเถอะค่ะ แบ่งพื้นที่ให้กว้างหน่อย เลี้ยงหมูหลายๆ ตัว ปล่อยให้วิ่งเล่นบนภูเขาได้เลย"

หมูบ้านไม่มีอำนาจการจัดสรร มายุ่งเกี่ยววุ่นวายกับเรื่องภายในครัวเรือนมากขนาดนั้นหรอก จริงๆ แค่กั้นรั้วไว้ก็พอแล้ว และเนินเขาก็ใหญ่พอให้พวกมันวิ่งเล่นได้

"และเนินเขาก็อยู่ใกล้ๆ เองแม่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเราก็ได้ยิน"

คราวนี้แม้แต่ซ่งซานเฉินก็ยังมองซ่งถานด้วยสายตาที่คิดไม่ถึง ยายลูกบ้า! ใครเขาเลี้ยงหมูแบบนี้กัน

หมูขาววิ่งเล่นเต็มเนินเขา ไม่ต้องพูดถึงว่าจะหกล้มหรือเปล่า แค่เรื่องงู แมลง หนู อะไรพวกนี้ แล้วหมูที่วิ่งเล่นเต็มภูเขาจะไปอ้วนได้ยังไง! หมูขาวเติบโตเร็ว อ้วน เนื้อหนา ไขมันเยอะ ปัจจุบันเนื้อที่เรากินส่วนใหญ่ก็คือหมูประเภทนี้ทั้งนั้น

"ไม่เอาหมูขาว เอาหมูดำดีกว่า ถึงจะซุกซนหน่อย แต่เนื้อก็เยอะกว่าและแพงกว่า แถมยังอร่อยกว่าด้วย”

หมูดำมีนิสัยดุร้าย ชอบเคลื่อนไหว เติบโตช้า แต่เนื้อแน่นและหอมกว่า

ยังไม่ทันจะคัดค้าน แต่ซ่งถานก็คว้ามืออู่หลานไว้

"แม่ ให้หนูลองเถอะ หนูมีแผนในหัวจริงๆ " แล้วก็มองไปที่ซ่งซานเฉิน "พ่อ ตั้งแต่เด็กจนโต หนูเชื่อฟังพ่อทุกอย่าง ครั้งนี้ครั้งเดียว ฟังหนูบ้างได้ไหม"

จากนั้นความเงียบก็แผ่ซ่านไปทั่วบ้าน

ครู่ใหญ่ ซ่งเฉียวก็พูดเบาๆ "ฟังผมได้ไหม"

ซ่งถานเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา แม้กระทั่งอู่หลานก็โกรธจนหัวเราะ "ได้ ลืมไปว่าฉันเลี้ยงเจ้านายตั้งสองคน! ฟังคำสั่งเจ้านายทุกอย่างแล้วจ้ะ! " หันหลังกลับไปด้วยความกระวัดกระเวียด "แม่จะโทรไปถามว่าปีนี้ราคาเท่าไหร่! เหล่าซ่ง ไปจัดการที่ด้านหลังภูเขาซะ! "

เธอเดินจากไป ซ่งซานเฉินจึงเสริม "ถานถาน เลี้ยงหมูบนภูเขา หนูต้องเลี้ยงสุนัขเพิ่มสักสองตัวนะ ไม่มีใครเฝ้าไม่ได้"

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หมู่บ้านข้างๆ ยังมีเรื่องทะเลาะกันเพราะฟักทอง จากนั้นคนก็วางยาพิษหมูของเพื่อนบ้านเพื่อแก้แค้น ตายไปตั้งหลายตัว ไม่ใช่แค่ป้องกันพวกอีเห็นและสุนัขป่าเท่านั้น แต่ยังป้องกันคนด้วย อย่าคิดว่าในหมู่บ้านจะมีแต่ความสงบสุข เมื่อหลายปีก่อนกะหล่ำปลีที่ทุกคนในหมู่บ้านปลูกก็ยังมีคนแอบขโมยไป การเลี้ยงสุนัขก็เพื่อให้พวกเขาได้ยินเสียงลมพัดหญ้าไหวในขณะที่อยู่บ้าน จะได้ปลอดภัย

ซ่งถานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงถามขึ้น "พ่อ มีสุนัขแล้ว เลี้ยงหมูบนภูเขาแล้ว จะเลี้ยงไก่เป็ดเพิ่มอีกหน่อยไหม? "

เป็ดแยกเป็นฝูงหนึ่ง ปล่อยให้พวกมันไปเล่นที่คูน้ำด้านหน้าทุกวัน ก็ไม่ต้องเสียเวลาอะไรมากนัก...มั้ง ซ่งถานคิดในใจ ในเมื่อยากลำบากนักกว่าจะโน้มน้าวพ่อกับแม่ได้ ถ้าไม่ทำให้สำเร็จในคราวเดียว ต่อไปก็จะลำบาก

ซ่งซานเฉิน “ !!! ”

ยังไม่ทันจะได้เริ่มเลี้ยงหมูเลย ทำไมถึงมีไก่มีเป็ดเพิ่มมาอีกแล้ว?

ซ่งซานเฉินนึกถึงค่าใช้จ่ายของลูกสาวในวันนี้ บุหรี่ตราไดฮัวราคาสิบหยวนก็ยังรู้สึกว่าแพง ฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถอนหายใจ "ลูกโตแล้ว อยากทำอะไรก็ทำเถอะตอนที่เรายังทำงานไหว แม้จะขาดทุนก็ยังเลี้ยงหนูได้"

"แต่มีข้อแม้ข้อหนึ่ง เงินของหนูเอง บวกกับเงินหกหมื่นที่พ่อกับแม่จะให้ หนูห้ามยืมเงิน! ห้ามยืมแม้แต่หยวนเดียว! "

พูดจบก็ถอนหายใจอีกครั้ง "ไม่งั้นพ่อกลัวถ้าหนูขาดทุน พ่อคงจะไม่มีเงินแม้แต่ซื้อบุหรี่สูบ"

ซ่งถานจึงเถียงกลับ "งั้นหนูก็ลำบากเหมือนกัน ไม่งั้นพ่อก็เลิกสูบบุหรี่เถอะ เดือนหนึ่งประหยัดได้ร้อยสองร้อย ปีหนึ่งก็ได้สองพันหยวนแน่ะ"

เธอไม่อยากให้ซ่งซานเฉินสูบบุหรี่มานานแล้ว แต่เรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ไม่สำเร็จ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เธอเห็นคุณปู่สูบบุหรี่มาทั้งชีวิต จนไปหาหมอก็ตรวจพบว่าปอดไม่ดีแล้ว แต่สุดท้ายถามว่าเลิกสูบหรือไม่

ก็ไม่!

เขาต้องการบุหรี่มากกว่าชีวิตของตัวเองเสียอีก!

พ่อของเธอก็เช่นกัน

ซ่งซานเฉินเป็นห่วงลูกสาว แต่ก็...

เขาพูดเบาๆ "พ่อสูบวันละครึ่งซอง บางครั้งทำงานเหนื่อยมาก สูบก็เพื่อผ่อนคลายเองลูกสาว..."

เมื่อเขาพูดแบบนี้ ซ่งถานก็ไม่มีทางเลือก นอกจากอย่างน้อยพ่อก็ต้องลดบุหรี่ลงให้ได้ ซ่งถานคิดไปคิดมา "พ่อ งั้นพ่อก็ประหยัดหน่อย สามวันซองนึงก็พอ แบบนี้เดือนละร้อยหยวน กำลังดี! " เรื่องอื่นก็ว่ากันไปเถอะ แต่เรื่องนี้ยอมไม่ได้

ซ่งซานเฉินลืมตาขึ้น "อะไรกำลังดี พ่อยังต้องให้หนูเลี้ยงงั้นเหรอ ดูคุณปู่สิ ตอนนี้เพื่อประหยัดเงิน ยังสูบบุหรี่มวนอยู่เลย! ทำไมไม่บอกว่าอันตรายกว่ากัน"

ซ่งถานคิดในใจว่าพ่อกับคุณปู่ก็สูสีกันทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่มวนหรือบุหรี่ซอง มันจะเป็นของดีได้ยังไง เธอจดเรื่องนี้ไว้ในใจ แล้วก็ไปรื้อหาขนมของว่างที่ซื้อมาจากในเมือง

"หนูจะไปหาปู่กับย่านะคะ เฉียวเฉียว ไปกับพี่นะ"

ซ่งซานเฉินพยักหน้า "ไปเถอะ เดี๋ยวนี้พวกเขาก็ไม่ค่อยมีเรี่ยวมีแรงแล้ว... แก่แล้ว" จากนั้นก็สั่งเสีย "ถ้าปู่กับย่าให้ขนมเฉียวเฉียว ลูกต้องคอยดูนะ รับได้ แต่อย่ากิน! "

เฉียวเฉียวได้ยินคำว่า "ขนม" ก็เงยหน้าขึ้น "ผมอยากกิน..."

"ไม่ได้! " ซ่งซานเฉินปฏิเสธทันที "ของที่ย่าลูกซ่อนไว้ที่บ้านเยอะแยะไปหมด บางปีก็กินของใหม่ บางปีก็กินของเก่า ของที่ให้หนูคราวที่แล้วก็หมดอายุมาครึ่งปีแล้ว กินไม่ได้! "

Related chapters

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 10 ห่านขาวตัวใหญ่

    ซ่งถานมีคุณปู่ชื่อซ่งโหย่วเต๋อ เป็นชาวนาแก่ๆ อายุ 79 ปีแล้ว ท่านป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพองเนื่องมาจากการสูบบุหรี่บ่อยๆ และถี่หนักตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ดังนั้นแกจึงหอบง่ายมาก ส่งผลให้ทำงานหนักไม่ได้มาหลายปี นอกจากการดูแลสวนผักง่ายๆ ก็ยังถนัดเล่นไพ่ใบไม้กับกลุ่มคนแก่ในหมู่บ้านเป็นกิจวัตรบ่อยๆ ด้วย ในมือแกชอบถือไปป์ยาสูบเก่าแก่ที่หายาก ในสิบหมู่บ้านแปดเมือง ทุกปีจะต้องมีคนมาขอซื้อน้ำมันยาสูบเก่าในไปป์แกเพื่อรักษาแผลคนในครอบครัวตลอดไพ่ใบไม้ คุณปู่ของฉันเคยชอบเล่นเกมลับสมองแบบนี้ แต่ผ่านไปสักพักก็ไม่มีใครเล่นตามแกกันแล้วส่วนคุณยายหวังลี่เฟินนั้น ขาแข็งแรง ร่างกายแข็งแรง ทำอาหารเก่งมาก ปัจจุบันสวนผักในบ้านก็ยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทุกปีจะมีชาวบ้านมาหาเธอเพื่อขอซื้อต้นกล้าผักสวนครัวโดยเฉพาะ เธอจึงเป็นเสาหลักของบ้านซ่งเลยก็ว่าได้ซ่งถานออกจากบ้าน เดินผ่านสวนผัก เห็นบ้านเก่าแก่ที่ทำจากอิฐสีแดงตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ลานหน้าบ้านปูด้วยซีเมนต์เป็นพื้นที่กว้าง ในใจก็พาลหวนนึกถึงตอนตัวเองยังเด็กขึ้นมาทันที ต้นไม้ไทรสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ที่มุมลาน ใต้ต้นไม้มีไก่หลายตัวนอนอาบแดดคุ้ยเขี่ยทรายเล่นอยู

    Last Updated : 2024-10-08
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 11 การจัดการเมล็ดพันธุ์

    เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซ่งซานเฉินตื่นขึ้นมาแล้วก็ต้องตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งอากาศ...สดชื่นจัง!ยิ่งได้เห็นแนวภูเขาที่ปกคลุมด้วยหมอกบางๆ ประกอบกับแสงสีทองอ่อนอำไพแผ่กระจายอย่างจางๆ ดูสวยงามราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศก็ไม่เกินจริงคูน้ำหน้าบ้านยังมีหมอกสีขาวปกคลุม หนาแน่นและบังตาจนเขามองแทบไม่เห็นพื้นผิวน้ำ มันกำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ค่อยๆ สลายไป ส่วนต้นเหมยฮวาที่อยู่รอบๆ สนาม ซ่งซานเฉินจำได้ชัดเจนว่ามันเคยร่วงโรยไปตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ทำไมวันนี้ถึงกลับมาบานอีกครั้ง? ดอกตูมสีเหลืองเล็กๆ ซึ่งยังบานไม่เต็มที่นั้น ไม่เพียงแค่ดูน่ารักราวเด็กน้อยหัดเดิน แต่กลับยังมีกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลขณะนี้ ชาวนาชราได้มีโอกาสชื่นชมความงามที่ไม่พบเจอมานานมากแล้ว แต่ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกชื่นชมเขาหันไปมอง!เห็นกระรอกสีเทาพื้นเมืองเจ็ดแปดตัวเกาะกำแพงบ้านแล้วมองเข้ามาเหมือนพวกปาปารัสซี่ พอลองมองไปที่ภูเขาหลังบ้าน ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพที่เพิ่งผ่านพ้นฤดูหนาวมา แต่กลับมีกลิ่นอายของความสดใหม่ ราวกับว่าเพิ่งขัดเคลือบเงาซ่งซานเฉินมองอยู่นานจนงง แล้วก็

    Last Updated : 2024-10-10
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 12 หารือ

    ปลายเดือนกุมภาพันธ์ต้นเดือนมีนาคม จะเป็นช่วงเวลาแห่งความอึดอัดใจและกลัดกลุ้มสำหรับชาวนาในแต่ละปี เมื่อสิ้นปีได้ผ่านพ้นไป ลูกหลานส่วนใหญ่มักพากันย้ายออกไปตั้งรกร้างครอบครัวของตัวเองยังที่แห่งใหม่ นกเธอแอ่นบนคานหามยังไม่กลับมา ที่ดินรกร้างว่างเปล่าก็มีมากขึ้น หากมองไกลๆ จากบนท้องฟ้าจะพบสีเหลืองและน้ำตาลครามครอบคลุมพื้นที่ดินจำนวนมาก ยกเว้นภูเขาเขียวขจีที่อยู่ไกลออกไปแล้ว หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านก็เงียบเหงาและสงบแต่ในวันนี้ ทุ่งนาข้างป่าไผ่ของตระกูลซ่งกลับคึกคักอีกครั้ง"ซ่งซานเฉิน ปีนี้บ้านนายเป็นอะไรไป ร่ำรวยเตรียมทำอะไรใหญ่โตหรือยังไงกัน ทุ่งนาตั้งเยอะแยะจะเก็บกวาดไปทำไม""ใช่แล้วซ่งซานเฉิน นายจะปลูกอะไรกันแน่ ที่ดินเดิมยังมีต้นชาสองสามต้น ฉันเห็นยังทิ้งๆ ขว้างๆ อยู่เลย"ทุกคนถูกซ่งซานเฉินเชิญมาเก็บกวาดที่ดิน เครื่องจักรรถไถกำลังทำงานอย่างหนักหน่วงอยู่ที่มุมหนึ่ง ก่อนจะไถดิน พวกเขาจำเป็นต้องกำจัดวัชพืชและเศษซากต้นไม้เล็กๆ ที่แห้งกรังในที่ดินก่อน ไม่เช่นนั้นเครื่องจักรขนาดเล็กอาจจะมีเศษติดอยู่ใต้ท้องเครื่องโชคดีที่มีคนมาร่วมแรงช่วยกันเยอะแยะ ทำให้งานดูสนุกและมียังมีประสิทธิภาพดีด้วย เมื่

    Last Updated : 2024-10-11
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 13 ชะตากรรมของคนยากจน

    ตอนนี้เป็นช่วงพักจากการทำนา ชายหญิงในหมู่บ้านวัยสามสิบถึงห้าสิบปีที่พอจะแบกหามได้ก็ถูกซ่งซานเฉินเรียกมาช่วยหมดแล้ว เวลาไม่คอยท่า ฉวยโอกาสนี้จัดการให้เสร็จ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็ต้องหว่านเมล็ดลงดินแล้วแผนลำดับขั้นตอนของซ่งถานร่างไว้อย่างชัดเจนต้องจัดการหญ้าในสวนเกาลัด ต้นเกาลัดเหล่านั้นควรใส่ปุ๋ยและตัดแต่งกิ่งให้เรียบร้อย ถึงเวลาก็ต้องทำโครงสำหรับวางเห็ดหูหนู ต้องล้อมรั้วรอบนอกเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์หรือคนเข้ามาสร้างความวุ่นวายพอดีที่ด้านหลังภูเขาตัดต้นไม้ทิ้งไปหลายต้น ลำต้นแบ่งเป็นท่อนๆ เพื่อใช้เพาะเห็ดได้ กิ่งก้านสามารถใช้ทำเป็นเพิงกำบังลมและกันฝนสาดให้หมู และยังต้องเตรียมรางใส่อาหารหมูกั้นด้วยตาข่ายลวดส่วนในไร่ ภายในหนึ่งหรือสองเดือนนี้จะปลูกถั่วม่วงไว้ก่อน เมื่อถั่วม่วงออกดอกแล้วก็ถึงเวลาไถพรวนดินอีกครั้ง เตรียมปลูกข้าวและผัก เมล็ดบางชนิดก็สามารถเพาะกล้าไว้ล่วงหน้าได้ในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ยังต้องหาไก่บ้านและเป็ด อีกทั้งต้องนัดหมายกับชาวบ้านคนอื่นเพื่อรับซื้อลูกหมู เวลามีคนมาช่วยงานเยอะๆ ก็ต้องเตรียมอาหารทุกวันซ่งซานเฉินและอู๋หลานต่างก็ยุ่งจนตัวเป็นเกลียว แล้วลูกสาวล่ะ?ก็ไ

    Last Updated : 2024-10-11
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 14 หว่านเมล็ดถั่วม่วง

    ในทุ่งนาเสียงเครื่องจักรคำรามลั่นทุ่ง ชาวบ้านต่างทำงานไปพลางพูดคุยกันไป ขณะที่กองหญ้าและต้นไม้ป่าที่พูนไว้บนคันนากำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ดินสีน้ำตาลที่ไม่ได้ไถมานานมีกลิ่นชื้นโชยออกมา สัมผัสกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องประกายเจิดจ้าหมู่บ้านกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหวังลี่เฟินเปิดห้องเก็บของที่มุมลานบ้านซึ่งปิดตายเป็นเวลานานแล้ว มันเป็นห้องที่สร้างขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนเธอเพิ่งคลอดลูกสาว หวังลี่เฟินจำได้แม่นว่าในปีนั้นซ่งโหย่วเต๋อก็รับอาสาร่วมกับพี่น้องนำดินเหนียวมาปั้น ตัดฟางข้าว แล้วตีอิฐทีละก้อนเพื่อสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาอย่างช้าๆตอนแรกที่นี่เป็นบ้านหลังหลักของพวกเขา กระทั่งต่อมาเมื่อลูกๆ เริ่มเติบโตอายุมากขึ้น บ้านหลังใหม่ที่ทำจากอิฐและกระเบื้องก็สร้างเสร็จ ห้องนี้จึงกลายสภาพเป็นที่เก็บข้าวสารและฟ่อนฟาง จวบจนกระทั่งเลิกทำนาห้องนี้ก็กลายเป็นห้องเก็บของไปโดยปริยายเฉียวเฉียววิ่งเข้ามา "ย่า! ย่า!"หวังลี่เฟินเพิ่งหยิบกระบุงใส่ของออกมาจากห้อง เมื่อได้ยินเสียงก็ตอบ "เฉียวเฉียวว่าไงลูก"ไม่นานนัก เฉียวเฉียวก็โผล่หัวที่ตัดทรงสกินเฮดมาให้ย่าตกใจเล่น "ย่า พี่สาวบอกเดี๋ยวจะพาไปทำนา ขอยืมตะกร

    Last Updated : 2024-10-11
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 15 เฉียวเฉียวอยู่ไหน

    พี่สาวน้องชายตอนออกจากบ้านเดินทางจูงมือกันไปอย่างมีความสุข สุดท้ายขากลับดันเหลือคนมีความสุขเพียงคนเดียว"เฉียวเฉียวอยู่ไหน" อู่หลานถามด้วยความตกใจซ่งถานหัวเราะร่า "อยู่ข้างหลังนู่น! "ทันทีที่พูดจบ เธอก็เห็นเด็กชายตัวโตคนหนึ่งกำลังเดินเลี้ยวมาจากถนนด้านหลัง ศีรษะกลมเกลี้ยงสีดำเงา กำลังใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียยกใหญ่"เฉียวเฉียว! " อู่หลานก็อดกลั้นไว้ไม่ได้เช่นกัน พลางหัวเราะไปรับตะกร้าจากมือของเขา "เป็นอะไรไป ทำไมถึงร้องไห้? โอ้โห ดูหน้าตาเฉียวเฉียวของเราสิ ร้องไห้จนหน้าตาขี้เหร่ไปหมดแล้ว"พอมีคนรู้สึกสงสาร เฉียวเฉียวก็เลยร้องไห้เสียงดังยิ่งขึ้นไปอีก"แม่...อือๆๆ แม่...พี่สาว...อือๆๆ พี่สาวไม่ยอมให้ผมปลูกผักง่า"ซ่งถานได้ยินก็ฟึดฟัดไม่ยอมรับความผิดนี้ "พูดจาเหลวไหล พี่สาวหว่านเมล็ดพันธุ์ตัวเองจนหมดแล้ว เธอยังขุดหลุมปลูกทีละเม็ดอยู่เลย และพี่สาวเหลือไว้ให้เธอตั้งกำมือหนึ่งนะ จะให้รอเธอค่อยๆ ปลูกเหรอเมื่อไหร่จะได้กลับบ้านกันล่ะ"จากนั้นก็อธิบายให้กับอู่หลานฟังเบาๆ ว่า เมล็ดพันธุ์ของถั่วม่วงเพียงแค่หว่านลงไปในดินก็พอแล้ว แต่เฉียวเฉียวรู้วิธีปลูกเพียงข้าวโพดเท่านั้น เขาจ

    Last Updated : 2024-10-11
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 16 ขุดหาผักป่า

    หลังจากฝนตกท้องฟ้าก็เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิสายฝนโปรยปรายลงมาอย่างเงียบเชียบ ปกคลุมทุ่งนาและภูเขาด้วยหมอกสีเขียวอ่อนชุ่มฉ่ำ ซ่งซานเฉินเพิ่งจ่ายค่าจ้างให้ชาวบ้านเสร็จ พอได้กลิ่นฝนและดินจึงปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า"ฝนตกได้ทันเวลาจริงๆ "กว่าครึ่งเดือนแล้วที่พวกเขาทำงานกันอย่างขะมักเขม้น อู่หลานต้องทำอาหารให้คนจำนวนมาก รวมทั้งจัดการเรื่องต่างๆ ในบ้านจนยุ่งหัวหมุนไปหมด ส่วนซ่งซานเฉินก็ต้องพาคนไปกำจัดวัชพืชในไร่นา รวมทั้งที่อยู่บนเนินเขา ตัดต้นไม้ ตัดแต่งกิ่งไม้ และยังต้องหาเวลามาสร้างคอกหมูและเล้าไก่อีกเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้คนส่งเชื้อเห็ดก็เพิ่งจะมาถึง พวกเขาจึงจำเป็นต้องควักเงินจ่ายเงินค่าส่วนนี้ออกไปหลายหมื่นหยวน ดังนั้นภายในเวลาอันใกล้นี้จึงวางแผนจะไม่ออกไปไหนและเพาะเชื้อเห็ดที่บ้านกัน เมื่อแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าอีกครั้ง สวรรค์ยังไม่ทอดทิ้งพวกเขาจริงๆฝนตกแล้ว!อู่หลานถอนหายใจพร้อมกับถือสมุดบัญชี "ถานถาน เงินหกหมื่นของลูกเกลี้ยงกระเป๋าแล้วนะ""ต่อไปถ้าจะใช้เงินอีก ก็ต้องเป็นเงินเก็บจากแม่กับพ่อแล้ว เพราะฉะนั้นหนูต้องเชื่อฟังเราบ้างเวลาจับจ่ายใช้สอย" ไม่เช่นนั้นกลัวว่าลูกสาวจะใช้เงินมือเติบ

    Last Updated : 2024-12-28
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 17 ผักตอบสนองมากเกินไปแล้ว

    ฝนตกโปรยปรายในยามค่ำคืนเม็ดฝนค่อยๆ โปรยลงมาจากท้องฟ้าชโลมผืนดินภายในเวลาอันรวดเร็ว ไอเย็นพัดพาละอองหมอกสีขาวให้ลอยฟุ้งอยู่กลางป่า ส่งผลให้ความอุดมสมบูรณ์เพิ่มพูนแก่สระน้ำและทุ่งนา สีเขียวเข้มขึ้นและพาใบอ่อนของต้นไม้ต่างๆ ให้ค่อยๆ ขยับแผ่ขยายกิ่งก้านสาขาออกทีละนิด...เมื่อฟ้าสาง ฝนก็หยุด แต่สภาพอากาศยังคงมืดครึ้มซ่งซานเฉินอุ้มฟืนมาจากข้างนอกสองสามท่อนยัดเข้าไปในเตาเพื่อให้ไฟแรงขึ้น ในขณะที่ตบมือ "วันนี้เราจะกินอะไรเป็นอาหารเช้า"หลังจากยุ่งอยู่เป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดกระทั่งถึงเมื่อคืนก็ว่างลงสักที อู่หลานนอนหลับอย่างสบายติดต่อกันหลายชั่วโมง สูดอากาศที่สดชื่นและรู้สึกมีความสุขมาก"กินเกี๊ยวเถอะ ผักโขมเมื่อคืนสดมาก"ผักโขมสีเขียวมรกตสับละเอียด ผสมกับหมูบดที่มีเนื้อสัมผัสเป็นเม็ดเล็กน้อย ห่อด้วยผักกาดขาวนุ่มๆ แล้วราดด้วยน้ำจิ้มปรุงรสบางๆ รสชาติจากอาหารเมื่อวานยังติดปากอยู่จนถึงวันนี้สดใหม่..และอร่อยจนแทบจะกลืนลิ้นลงไปซ่งซานเฉินกินคนเดียวสองชามใหญ่ ขณะที่เฉียวเฉียวกินไปสามชามเล็กแล้วดื่มน้ำซุปปลาเก๋าไปครึ่งหม้อ "แม่ อร่อยจัง"‘ระวังผู้ชายกินกันทีบ้านจะจน’ ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริง เมื่อ

    Last Updated : 2024-12-29

Latest chapter

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 26 ข่าวสารจากโรงพยาบาล

    โรงพยาบาลประชาชนมณฑลหนิง สาขาที่ 1ผู้ช่วยแพทย์เจินหลี่เพิ่งลงจากห้องผ่าตัด พยาบาลก็เข้ามาบอกว่า "ผู้ช่วยเจินคะ มีพัสดุส่งมาถึงคุณค่ะ"เจินหลี่งุนงง เธอจำไม่ได้ว่าตัวเองสั่งซื้ออะไรไว้ พอไปถึงแผนกก็อุทานว่า "นี่! ทำไมเป็นของสดแช่เย็นล่ะเนี่ย"พอตรวจสอบชื่อผู้ส่งก็ถึงกับบางอ้อ "ซ่งถาน"เธอเงียบไป..พยาบาลสาวๆ แห่กันเข้ามา "ผู้ช่วยเจินคะ ผู้ช่วยสั่งอะไรมาเหรอ"เจินหลี่หัวเราะทั้งน้ำตา "นี่ฉันไม่ได้สั่งซื้อนะ ก่อนหน้านี้เคยมีอุบัติเหตุรถชนบนสะพาน แล้วผู้หญิงคนนั้นที่ฉันเป็นคนรับผิดชอบร่วมกับนายแพทย์จางหยวน เธอก็ส่งของนี่มาให้เฉยๆ ""พวกคุณคงจำได้ ตอนนั้นที่ผู้หญิงคนนั้นถูกทับอยู่ในรถ ดึงยังไงก็ดึงไม่ออกไง แล้วก็มีผู้ชายใจดีคนหนึ่งช่วยดึงเธอออกมา แต่พอส่งมาถึงโรงพยาบาล เธอดันไม่เป็นอะไรเลยซะอย่างนั้น"โชคดีอะไรอย่างนี้!พอได้ฟังต้นสายปลายเหตุของเรื่องราว ทุกคนก็ต่างนึกถึงเหตุการณ์นั้นออกทันที เนื่องจากเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่โด่งดังไปทั่วโรงพยาบาลในรอบปี จึงสลับหันกลับไปมองพัสดุก็ยิ่งต่างแปลกใจกันใหญ่ เจินหลี่เธอเป็นผู้ช่วยแพทย์ลำดับแรก ซึ่งการช่วยชีวิตคนเป็นหน้าที่ของเธออยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 25 เพื่อนร่วมชั้นเรียนเก่ามาเยือนอีกครั้ง

    "ป้า นี่คือเงินสามสิบหยวนค่ะ รับไว้เถอะ หนูรู้ดีว่าผักของตัวเองมีคุณภาพยังไง ถ้าป้าไม่ชอบกินก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินนี่นา คนข้างหลังรอซื้ออีกเยอะแยะเลยค่ะ ผักโขมตรงนี้ก็ปล่อยให้คนอื่นเขาซื้อกันเถอะ"ป้าคนนั้นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ จากนั้นก็ไม่รับเงิน "หนูเป็นคนใจร้อนจริงนะ ทำการค้าจะไม่ให้คนอื่นติติงได้เลยเหรอ แค่สามสิบหยวนเอง ไม่เอาก็ได้ หนูขายผักโขมให้ฉันสิ""ไม่ได้ค่ะ" ซ่งถานหัวเราะอย่างใจเย็น แต่คำพูดที่ปฏิเสธนั้นกลับแข็งกร้าว"ป้าก็เห็น ผักของร้านเราจะขายไม่ทันอยู่แล้ว ซื้อไปแล้วไม่ชอบก็ไม่จำเป็นต้องซื้ออีกนี่คะ""ถูกต้อง! " ป้าข้างหลังเสริมรับทันที "ฉันจะเอาผักโขมกำนั้น! "ได้ของถูกแต่เสียของแพง ผักโขมป่าวางอยู่ในตะกร้า รวมแล้วเหลือไม่ถึงห้ากิโลกรัม เธอมาติติงแล้วยังจะให้ขายผักให้อีก สรุปคือเธอตั้งใจตามมาขอคืนเงินหรือแสดงนิสัยเกเรกันแน่...คนโง่ยังไม่ทำธุรกิจแบบนี้เลยนะ!รสชาติของผักป่าแบบนี้จะขายไม่ออกได้ยังไงซ่งถานถือโอกาสตอนที่อีกฝ่ายอ้าปากค้างอยู่ เธอก็ยัดเงินสามสิบหยวนใส่ในมือคุณป้าอย่างว่องไว "ป้าคะ ตลาดยังมีร้านผักอื่นๆ อีก ป้าลองไปหาเลือกดูเองนะ ฉันยุ่งอยู่"น้ำเสียงของเธอเห

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 24 คืนเงิน

    แย่ชะมัด พอซื้อรถแล้ว ผักก็พากันเจริญงอกงามอย่างบ้าคลั่ง ราวกับจะไปเพาะพันธุ์เจริญเติบโตในใจอู่หลาน สมกับที่แม่เธออยากจะให้ไปขายวันละครั้งจริงๆแต่ซ่งถานไม่ยอม เธอเป็นคนเดียวในบ้านที่มีใบขับขี่ ดังนั้นจึงดึงดันว่ายังไงก็ไม่ไปขายทุกวันเด็ดขาด จนทำให้วันรุ่งขึ้น อู่หลานต้องอัดผักลงท้ายรถถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบกิโลกรัม! ซ่งถานเห็นแล้วก็แอบเดินหลบๆ ไม่กล้าสู้หน้า"แม่ คราวนี้ขายหมดแล้วก็พักก่อนสักสองวันเถอะ" พลังจิตวิญญาณของผักป่าเองก็ไม่สามารถเร่งเร้าให้สูงได้มากกว่านี้ โดยไม่ให้โอกาสมันได้พักฟื้นเช่นกันอู่หลานพอนึกถึงพื้นลานบ้านที่กว่าจะลากผักขึ้นรถมาด้วยความยากลำบาก ก็ตอบไปอย่างโล่งใจว่า “อื้ม ก็ดีเหมือนกัน” จากนั้นก็บ่นปลอบตัวเอง "ค่าน้ำมันแพง แล้วอะไรนะ ไปทีก็ต้องคุ้มค่าเนอะลูก"คิดไปคิดมาเธอก็หันไปสั่งเสียลูกสาวก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้าน "เที่ยงวันนี้แม่จะพาคนไปที่บ้านปู่เพื่อเพาะเชื้อเห็ดด้วยนะ ส่วนพ่อก็ต้องหาคนไปดึงตาข่ายบนภูเขาเหมือนกัน ถ้าเที่ยงนี้พวกหนูกลับมาก่อน ก็ไปกินข้าวที่บ้านปู่เลยทีเดียว""ได้" ซ่งถานสตาร์ทรถ "เฉียวเฉียว ไปกันเถอะ"เฉียวเฉียวดีใจที่ได้ตำแหน่งที่นั่งข้

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 23 เหมือนผักโขมจะแก่ไปหน่อยนะ

    ในที่สุดฉินฉินก็หายใจหายคอได้สะดวกขึ้นแล้ว ชั่วครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าแม่กับลูกยังไม่ได้กิน จึงคีบกับข้าวไปสองสามตะเกียบอย่างเกรงใจ จนกระทั่งเฉาหยางยกข้าวมาเสิร์ฟ จานกับข้าวก็ใกล้จะหมดแล้ว“แม่ เฉาหยาง ชิมดูสิคะ กับข้าวอร่อยจริงๆ ”แม่กับลูกก็หัวเราะคิกคักแล้วตักกินไปคนละคำเฉาหยางมองก้นจาน แล้วมองภรรยาที่เห็นได้ชัดว่ายังกินไม่จุใจ ขณะนี้มองแม่ของเขาด้วยความคาดหวัง “พรุ่งนี้ซื้อเพิ่มอีกหน่อยได้ไหมครับ”สถานการณ์เดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นในอีกชุมชนหนึ่งเช่นกันหลี่ซิ่วเฟินที่ย้อมผมหยิกสีแดงแฟชั่นตักเกี๊ยวให้หลานสาวชามใหญ่ “หยวนหยวน รีบกินสิ! เกี๊ยวผักโขมอร่อยมาก! อร่อยเหมือนเมื่อมื้อเช้าเลย”ลูกสะใภ้เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ “แม่คะ บอกแล้วไงว่าหยวนหยวนกินยาก แม่ตักให้เยอะขนาดนี้หลานกินไม่หมดหรอก” พูดแล้วก็วางชามของตัวเองลงไป “มาสิหยวนหยวน กินไม่หมดแบ่งให้แม่”ไม่นึกว่าเด็กน้อยจะอุ้มชามหันหน้าหนี “อ้ำ” กินเกี๊ยวทั้งลูกไปหนึ่งคำ พลางพูดเสียงอู้อี้ “อร่อย! หนูจะกินหมดเลย!”แม่ของหยวนหยวนถึงกับอึ้ง“อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”เด็กกินยากคนนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตม้ามมักจะไม่ค่อยดี กินอันนี้ไม่ได้ กินอันนั้นก็จะอ

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 22 ผักวิเศษ

    ความรู้สึกคลั่งไคล้ที่ผู้ชายมีต่อรถนั้นยากที่จะบรรยายเป็นคำพูดเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ก็ตามซ่งซานเฉินยังคงบ่นพึมพำไม่หยุดหลังจากวางสายโทรศัพท์ไปได้ไม่นาน เขาบอกว่าขับรถคนเดียวไม่ค่อยปลอดภัย แถมถนนหนทางบนภูเขายังจะทำไว้ไม่ค่อยดีอีก รถมือสองก็หายากมากในสมัยนี้แต่พอมาถึงสถานที่ตามนัดหมาย เพื่อนของเขาก็พาไปโกดังเพื่อดูรถที่จอดเรียงรายซ้อนกันเป็นแถวอยู่ ซ่งซานเฉินรีบกลืนคำพูดตัวเองไปทันทีตอนนี้กำลังตัดสินใจระหว่างรถตู้และรถกระบะ"ถานถาน รถตู้ไม่กลัวลมหรือฝนก็จริง แต่จุของได้น้อยกว่า ไม่งั้น...""รถกระบะบรรทุกของได้เยอะกว่า แต่ถ้าสภาพอากาศไม่ดี ของที่อยู่ด้านหลังก็เปียกฝนได้นะซานเฉิน""รถกระบะบรรทุกของได้เยอะ แต่รถตู้ก็สามารถนั่งได้หลายคนนะ นายจะซื้อเอาไปใช้งานอะไรเป็นหลัก ไม่ได้เอาไปขายผักตามตลาดใช่ไหมล่ะ..."คุณพ่อของเธอนี่...โดนคนอื่นหลอกล่อจนหาทางกลับไม่เจอแล้ว เธอจะซื้อรถมาเพื่ออะไรถ้าไม่ใช่เพื่อขายผัก? อีกอย่างที่นาหลายไร่ เธอตั้งใจจะปลูกพืชผักตั้งหลายอย่าง ถ้าหาซื้อรถที่บรรทุกของไม่ได้เยอะ ก็ต้องเสียเวลาไปอีกเท่าไหร่กันรถกระบะมือสองราคา 46,500 หยวน รวมป้ายทะเบียนแ

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 21 ลูกค้าประจำ

    "สามสิบ" แม้จะไม่รังเกียจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรนักซ่งถานไม่มีความคิดที่จะลดราคาให้เป็นกรณีพิเศษ"อะไรนะ?! "อู่เฉียนเฉียนตกใจ หน้าบึ้งตึงขึ้นทันที เธอเคยซื้อผักอย่างจริงจังมาก็หลายครั้ง ครั้งนี้พอได้ยินว่าแพงขนาดนี้ เธอก็รู้สึกว่าซ่งถานเหมือนกำลังแกล้งเธอกับแฟนหนุ่ม"ก็แค่ผักป่าไม่ได้มีต้นทุนอะไรเลย จะแพงขนาดนี้ได้ยังไง ซ่งถานเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน เธอไม่ควรเอาเปรียบฉันขนาดนี้หรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ก็มีป้าคนหนึ่งแทรกเข้ามาด้านหลังทันที"โห ยังมีผักเหลืออยู่อีกเหรอ นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว งั้นป้าเอาหมดสามมัดเลย"ป้าคนนั้นนำผักทั้งสามมัดใส่ถุงอย่างชำนิชำนาญ ขณะที่หลับตาสแกนเข้ากลุ่มอย่างงุ่มง่าม ปากก็บ่นพึมพำให้ซ่งถานฟังเรื่อยเปื่อย"ป้าสารภาพกับหนูเลย จริงๆ ที่ซื้อไปรอบแรกก็แค่อยากลองเพราะไม่เคยเห็นคนเอาผักป่ามาขาย แต่พอป้ากลับบ้านไปคลุกกับเส้นก๋วยเตี๋ยวเท่านั้นแหละ หลานสาวป้าพอแกได้ชิมคำแรกก็ล่อไปตั้งชามโตๆ เลย! ฮ่าฮ่า หนูไม่รู้หรอกว่าหลานป้ากินยากขนาดไหน... ตอนนี้ป้าเข้ากลุ่มแล้วนะ ถ้าพรุ่งนี้หนูยังมาขายอีก ก็บอกล่วงหน้ามาหน่อยนะจ๊ะ"พูดจบแกก็ควักเงินเก้าสิบหยวนจากกระเป๋าออกมา ยั

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 20 เพื่อนเก่าที่ตลาด

    คนเรามักชอบทำตามคนหมู่มากเมื่อกลุ่มคนวัยป้าๆ ที่ดูชำนาญในเรื่องการจับจ่ายซื้อของในตลาด ต่างพากันมุงล้อมรอบตะกร้าขายผักเล็กๆ เพื่อแย่งกันซื้อ ใครก็ตามที่ผ่านมาเห็นก็ต้องหยุดชะงักและเดินวกกลับมาดูร้านขายผักป่าของซ่งถานทั้งนั้นซ่งถานรู้สึกเพียงว่าการรับชำระเงินผ่าน QR Code หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดเลย และมือก็สาละวนหยิบผักใส่ถุงจนพันกันไปหมดคนนี้ต้องการต้นหอมป่า คนนั้นต้องการผักกาดหอม อีกคนต้องการผักโขมจีน...อีกคนต้องการผักโขมป่าโชคดีที่เธอเป็นผู้บำเพ็ญเซียน จึงมีปฏิกิริยาที่ว่องไว ไม่เช่นนั้นหากเป็นการขายผักครั้งแรกแล้วเจอสถานการณ์เช่นนี้ เธอคงถูกคนอื่นแอบขโมยหยิบผักสดไปโดยไม่รู้ตัวเฉียวเฉียวที่อยู่ข้างๆ รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากที่ได้ดึงถุงพลาสติกส่ายไปมาเพื่อเปิดปากถุง แล้วส่งให้พี่สาว เขาเล่นอย่างสนุกสนาน ย่อมต้องไม่เข้าใจเรื่องการค้าขาย แต่การเปิดปากถุงนั้นสนุกจริงๆ"เฉียวเฉียว ประกาศหน่อย บอกว่าผักโขมป่าขายหมดแล้ว""อืม"เขาจึงวางถุงลงอย่างว่าง่าย ยืนตัวตรง แล้วประสานมือไว้ที่ปาก "ผักโขมป่า…..หมดแล้ว! "เมื่อประกาศไปเช่นนั้น ผู้ที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังซึ่งยังไม่ได้ซื้อก็ยิ่งรู้สึกไม่พ

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 19 ผักป่าออกสู่ท้องตลาด

    อู่หลานกินไปเพียงชามเดียวก็ต้องหยุดกิน ถึงแม้จะยังรู้สึกไม่เต็มท้องดีนักก็ตาม เนื่องจากขนาดกระเพาะอาหารของคนในครอบครัวแต่ละคนเธอจะปล่อยให้มันร้อง ‘จ๊อกจ๊อก’ ไม่ได้ ต้องมั่นใจก่อนว่ามื้อเช้าตรู่นี้ทุกคนจะต้องได้อิ่มจนจุก ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธไปทันทีว่า "เดี๋ยวแม่ค่อยกินต่อ เช้านี้เรามาลองผักป่าที่เพิ่งเก็บกันก่อนดีกว่า! ยังไม่ได้กินมื้อเช้ากันเลยนี่นา"เธอหยิบผักที่เป็นหัวปลี ผักโขม และผักกาดหอม เพื่อความสะดวกและเพื่อชิมรสชาติก่อนด้วย เธอจึงนำไปลวกน้ำร้อนแล้วนำมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงชนิดเดียวกันในขณะนี้ พริกแดงสด งาสีขาว ซอสปรุงรสสีน้ำตาลเข้ม และใบอ่อนกับลำต้นสีเขียวผสมผสานกัน ส่งกลิ่นหอมเปรี้ยวจนแสบลิ้นและเผ็ดฉุนมาแตะจมูก ซ่งซานเฉินไม่ลังเลอีกต่อไป รีบใช้ตะเกียบคีบใส่ปากทันที"อืม! "รสชาติอร่อย เผ็ดร้อน เปรี้ยว ซ่า กรุบกรอบ... รสชาติต่างๆ ผสมผสานกันจนซ่งซานเฉินหยุดกินไม่ได้ ตะเกียบหนึ่งคู่คีบกินผักไปได้เกือบครึ่งจาน"มันช่างน่ากินดีจริงๆ ถ้ารู้แบบนี้จะหุงข้าวสักเต็มหม้อแล้ว" เขารู้สึกเสียดายมากแต่ว่าอู่หลานกลับมองไปที่ท้องของเขา "อย่ากินอีกเลย มันมากไปเดี๋ยวจะจุกเสียก่อน... เดี๋ยว

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 18 หัวแม่ค้า

    หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน ซ่งถานก็ถือตะกร้าเตรียมจะไปขุดผักป่าอีกรอบหนึ่งท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม อุณหภูมิสิบกว่าองศา หากไม่มีแดดก็คงไม่สามารถพูดได้ว่าอบอุ่น ในสภาพอากาศเช่นนี้ ทุกครัวเรือนต่างก็ก่อไฟผิงอยู่ที่บ้าน แทบไม่มีผู้ใดออกนอกบ้านอู่หลานมองตะกร้าใบใหญ่ที่เธอถืออยู่ ก็รู้สึกสงสารลูกสาวในช่วงเวลาที่ต้องลำบากยากเข็ญเช่นนี้ "หนูจะรีบไปขุดผักป่าทำไมตอนนี้ พักให้หายเหนื่อยก่อนค่อยไปตอนเย็นอีกรอบก็ได้ พอถึงวันพรุ่งนี้ผักก็จะได้ยังสดใหม่อยู่ ดีไหม"ซ่งถานนึกถึงสีเขียวขจีที่ริมสระน้ำบนเนินเขา หากผักพวกนั้นไร้ซึ่งพลังจิตวิญญาณ เป็นแค่ผักธรรมดาทั่วไป เธอก็คงไม่จำเป็นต้องกระตือรือร้นขนาดนี้"ไม่เป็นไรค่ะแม่ แม่ห่อเกี๊ยวไปก่อนเถอะ หนูรู้สึกว่าผักกาดขาวที่เพิ่งเก็บมาวันนี้สดมาก"เมื่อเห็นว่าลูกสาวจะต้องไปให้ได้ อู่หลานก็ไม่อิดออดอีกต่อไป เพียงแค่บ่นพึมพำว่า "มันก็ชื่อผักกาดขาวเหมือนกันหมด เมื่อวานกับวันนี้จะมีอะไรแตกต่างกันนักหนา..."เธอนั่งอยู่ริมเตาผิง กะว่าจะคัดผักกาดขาวที่ขุดมาเมื่อเช้า แต่พอหยิบขึ้นมาก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้องซะแล้ว"นี่มันดูดีขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย? "เฉียวเฉียวเป็นผู้ช่วยท

DMCA.com Protection Status