กลับถึงบ้าน อู่หลานก็ซักไซ้เรื่องเงินก้อนนี้อย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ ซ่งถานรายงานทีไร เส้นเลือดที่หน้าผากของเธอก็เต้นตามไปด้วยทุกรอบ เต้นจนซ่งถานใจคอไม่ดี จะขอเงินทำอะไรก็ดูติดขัดเก้ๆ กังๆ ไปเสียหมด
ตอนนี้ ต้องรีบใช้กลยุทธ์ถัดไปปิดฉากแม่เธอ "แม่ หนูอยากเลี้ยงหมูสักสองสามตัว…ได้ไหม"
ตอนนี้ราคาหมูขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ หมูตามบ้านนอกอย่างหยุนเฉิงก็ไม่เคยขายไม่ออก ตามหลักแล้ว เลี้ยงหมูก็เหมาะสมดี
"กี่ตัว"
อู่หลานฮึดฮัด เหมือนคิดว่าลูกสาวตนเองไม่เคยจับงานใหญ่ "ตอนนี้หมูแพง ลูกหมูก็แพง ตัวละตั้งหลายร้อย กลับมาบ้านก็ต้องก่อเตาทำอาหารให้หมูกินอีก แถมตอนนี้หนาวก็ต้องซื้อรำข้าวโพด”
โอ๊ย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่หมูหิวก็ร้องแล้ว หมูสองสามตัวก็ร้องดังระงมไปทั่ว ต้องคอยสร้างคอกหมูอีก แค่เฉพาะทำงานในไร่ก็ยุ่งเป็นระวิงมือไม้ใช้ไม่พอแล้ว ซ่งถานเป็นแบบนี้เสมอ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ทันเดินก็คิดจะบิน ในสายตาของอู่หลาน มันไม่น่าเชื่อถือเลย
"อีกอย่าง ทรัพย์สินล้นฟ้าล้วนไม่นับสิ่งมีขน ถ้าหมูเกิดป่วยขึ้นมา..."
แต่ซ่งถานอยากกินเหลือเกิน ช่วงนี้เธอสามารถฝึกฝนลมปราณได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เพิ่มคุณภาพอาหารก็เสริมรสชาติหมูให้อร่อยราวบินขึ้นสวรรค์ เธอพูดว่า "แม่ หมูที่เลี้ยงเอง ปลอดภัยแถมยังอร่อย หมูที่ซื้อจากข้างนอก มันไม่หอมเหมือนเราเลี้ยงเองตั้งแต่เล็กๆ อีกอย่างหมูแพงขนาดนี้ เลี้ยงเองก็ยังขายได้อีกนะ"
"พอฆ่าหมูแล้ว ก็ตุ๋นหมู ทำกากหมูทอด แล้วเอาไปตุ๋นกับกะหล่ำปลี ห่อเกี๊ยว อร่อยจะตาย"
นั่นสิ หมูสดๆ อร่อยจะตาย ในฐานะที่เลี้ยงหมูมาหลายปี แต่เพิ่งเลิกเลี้ยงไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซ่งซานเฉินก็อดอยากลิ้มรสกินบ้างไม่ได้เช่นกัน ตอนนี้ลืมคำปฏิเสธของตัวเองไปหมดแล้ว แถมยังพูดสมทบด้วย
"ใช่ๆ ลองเลี้ยงสักตัวไหม..." ซ่งเฉียวที่กำลังดูเปปป้าพิกในมือถืออยู่ ก็เงยหน้าขึ้นมาทันที "แม่ แม่เป็นแม่หมูของผม"
"พี่สาว ผมอยู่กับเปปป้าได้ไหม"
อู่หลานรีบหายใจเข้าลึกๆ โอ้โห ลูกชายคนโง่คนนี้ ช่างน่าเป็นห่วงจริงๆ เมื่อคิดว่าในอนาคตจะต้องใช้เงินเลี้ยงดูลูกชายเป็นจำนวนมาก แต่ในปีนี้ราคาหมูก็แพงหูฉี่จริงๆ เธอจึงกัดฟันเลือก
"เลี้ยง! "
"หมู่บ้านไม่อนุญาตให้เลี้ยงหมูหน้าบ้าน อย่างมากก็สร้างคอกหมูไว้หลังบ้านเราเงียบๆ บ้านเราเลยทางแยกเข้ามาถึงจะมองเห็น ไม่ได้ทำให้เสียทัศนียภาพมาก แค่คอกหมูจะเล็กหน่อยเลี้ยงได้มากสุดก็คงสักสองตัว"
เป็นไปได้ยังไง!
จะทำคอกหมูในชนบทเป็นลานเล็กๆ สี่เหลี่ยม มีหลังคาคลุมมุมหนึ่ง และมีบ่อสำหรับใส่ของเสีย พื้นที่เพียงแค่นี้ให้หมูเดินเล่นก็นับว่าอึดอัดพอควรแล้ว แต่นี่บ้านของพวกเขาเป็นบ้านชั้นเดียว หน้าต่างห้องนอนหันเข้าหาภูเขาหลังบ้าน ถ้าสร้างคอกหมูตรงนั้น กลิ่นคง…สุดยอด!
ซ่งถานรีบพูดขึ้น "หาลวดตาข่ายอะไรก็ได้มากั้นพื้นที่เนินเขาหลังบ้านเถอะค่ะ แบ่งพื้นที่ให้กว้างหน่อย เลี้ยงหมูหลายๆ ตัว ปล่อยให้วิ่งเล่นบนภูเขาได้เลย"
หมูบ้านไม่มีอำนาจการจัดสรร มายุ่งเกี่ยววุ่นวายกับเรื่องภายในครัวเรือนมากขนาดนั้นหรอก จริงๆ แค่กั้นรั้วไว้ก็พอแล้ว และเนินเขาก็ใหญ่พอให้พวกมันวิ่งเล่นได้
"และเนินเขาก็อยู่ใกล้ๆ เองแม่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเราก็ได้ยิน"
คราวนี้แม้แต่ซ่งซานเฉินก็ยังมองซ่งถานด้วยสายตาที่คิดไม่ถึง ยายลูกบ้า! ใครเขาเลี้ยงหมูแบบนี้กัน
หมูขาววิ่งเล่นเต็มเนินเขา ไม่ต้องพูดถึงว่าจะหกล้มหรือเปล่า แค่เรื่องงู แมลง หนู อะไรพวกนี้ แล้วหมูที่วิ่งเล่นเต็มภูเขาจะไปอ้วนได้ยังไง! หมูขาวเติบโตเร็ว อ้วน เนื้อหนา ไขมันเยอะ ปัจจุบันเนื้อที่เรากินส่วนใหญ่ก็คือหมูประเภทนี้ทั้งนั้น
"ไม่เอาหมูขาว เอาหมูดำดีกว่า ถึงจะซุกซนหน่อย แต่เนื้อก็เยอะกว่าและแพงกว่า แถมยังอร่อยกว่าด้วย”
หมูดำมีนิสัยดุร้าย ชอบเคลื่อนไหว เติบโตช้า แต่เนื้อแน่นและหอมกว่า
ยังไม่ทันจะคัดค้าน แต่ซ่งถานก็คว้ามืออู่หลานไว้
"แม่ ให้หนูลองเถอะ หนูมีแผนในหัวจริงๆ " แล้วก็มองไปที่ซ่งซานเฉิน "พ่อ ตั้งแต่เด็กจนโต หนูเชื่อฟังพ่อทุกอย่าง ครั้งนี้ครั้งเดียว ฟังหนูบ้างได้ไหม"
จากนั้นความเงียบก็แผ่ซ่านไปทั่วบ้าน
ครู่ใหญ่ ซ่งเฉียวก็พูดเบาๆ "ฟังผมได้ไหม"
ซ่งถานเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา แม้กระทั่งอู่หลานก็โกรธจนหัวเราะ "ได้ ลืมไปว่าฉันเลี้ยงเจ้านายตั้งสองคน! ฟังคำสั่งเจ้านายทุกอย่างแล้วจ้ะ! " หันหลังกลับไปด้วยความกระวัดกระเวียด "แม่จะโทรไปถามว่าปีนี้ราคาเท่าไหร่! เหล่าซ่ง ไปจัดการที่ด้านหลังภูเขาซะ! "
เธอเดินจากไป ซ่งซานเฉินจึงเสริม "ถานถาน เลี้ยงหมูบนภูเขา หนูต้องเลี้ยงสุนัขเพิ่มสักสองตัวนะ ไม่มีใครเฝ้าไม่ได้"
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หมู่บ้านข้างๆ ยังมีเรื่องทะเลาะกันเพราะฟักทอง จากนั้นคนก็วางยาพิษหมูของเพื่อนบ้านเพื่อแก้แค้น ตายไปตั้งหลายตัว ไม่ใช่แค่ป้องกันพวกอีเห็นและสุนัขป่าเท่านั้น แต่ยังป้องกันคนด้วย อย่าคิดว่าในหมู่บ้านจะมีแต่ความสงบสุข เมื่อหลายปีก่อนกะหล่ำปลีที่ทุกคนในหมู่บ้านปลูกก็ยังมีคนแอบขโมยไป การเลี้ยงสุนัขก็เพื่อให้พวกเขาได้ยินเสียงลมพัดหญ้าไหวในขณะที่อยู่บ้าน จะได้ปลอดภัย
ซ่งถานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงถามขึ้น "พ่อ มีสุนัขแล้ว เลี้ยงหมูบนภูเขาแล้ว จะเลี้ยงไก่เป็ดเพิ่มอีกหน่อยไหม? "
เป็ดแยกเป็นฝูงหนึ่ง ปล่อยให้พวกมันไปเล่นที่คูน้ำด้านหน้าทุกวัน ก็ไม่ต้องเสียเวลาอะไรมากนัก...มั้ง ซ่งถานคิดในใจ ในเมื่อยากลำบากนักกว่าจะโน้มน้าวพ่อกับแม่ได้ ถ้าไม่ทำให้สำเร็จในคราวเดียว ต่อไปก็จะลำบาก
ซ่งซานเฉิน “ !!! ”
ยังไม่ทันจะได้เริ่มเลี้ยงหมูเลย ทำไมถึงมีไก่มีเป็ดเพิ่มมาอีกแล้ว?
ซ่งซานเฉินนึกถึงค่าใช้จ่ายของลูกสาวในวันนี้ บุหรี่ตราไดฮัวราคาสิบหยวนก็ยังรู้สึกว่าแพง ฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถอนหายใจ "ลูกโตแล้ว อยากทำอะไรก็ทำเถอะตอนที่เรายังทำงานไหว แม้จะขาดทุนก็ยังเลี้ยงหนูได้"
"แต่มีข้อแม้ข้อหนึ่ง เงินของหนูเอง บวกกับเงินหกหมื่นที่พ่อกับแม่จะให้ หนูห้ามยืมเงิน! ห้ามยืมแม้แต่หยวนเดียว! "
พูดจบก็ถอนหายใจอีกครั้ง "ไม่งั้นพ่อกลัวถ้าหนูขาดทุน พ่อคงจะไม่มีเงินแม้แต่ซื้อบุหรี่สูบ"
ซ่งถานจึงเถียงกลับ "งั้นหนูก็ลำบากเหมือนกัน ไม่งั้นพ่อก็เลิกสูบบุหรี่เถอะ เดือนหนึ่งประหยัดได้ร้อยสองร้อย ปีหนึ่งก็ได้สองพันหยวนแน่ะ"
เธอไม่อยากให้ซ่งซานเฉินสูบบุหรี่มานานแล้ว แต่เรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ไม่สำเร็จ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เธอเห็นคุณปู่สูบบุหรี่มาทั้งชีวิต จนไปหาหมอก็ตรวจพบว่าปอดไม่ดีแล้ว แต่สุดท้ายถามว่าเลิกสูบหรือไม่
ก็ไม่!
เขาต้องการบุหรี่มากกว่าชีวิตของตัวเองเสียอีก!
พ่อของเธอก็เช่นกัน
ซ่งซานเฉินเป็นห่วงลูกสาว แต่ก็...
เขาพูดเบาๆ "พ่อสูบวันละครึ่งซอง บางครั้งทำงานเหนื่อยมาก สูบก็เพื่อผ่อนคลายเองลูกสาว..."
เมื่อเขาพูดแบบนี้ ซ่งถานก็ไม่มีทางเลือก นอกจากอย่างน้อยพ่อก็ต้องลดบุหรี่ลงให้ได้ ซ่งถานคิดไปคิดมา "พ่อ งั้นพ่อก็ประหยัดหน่อย สามวันซองนึงก็พอ แบบนี้เดือนละร้อยหยวน กำลังดี! " เรื่องอื่นก็ว่ากันไปเถอะ แต่เรื่องนี้ยอมไม่ได้
ซ่งซานเฉินลืมตาขึ้น "อะไรกำลังดี พ่อยังต้องให้หนูเลี้ยงงั้นเหรอ ดูคุณปู่สิ ตอนนี้เพื่อประหยัดเงิน ยังสูบบุหรี่มวนอยู่เลย! ทำไมไม่บอกว่าอันตรายกว่ากัน"
ซ่งถานคิดในใจว่าพ่อกับคุณปู่ก็สูสีกันทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่มวนหรือบุหรี่ซอง มันจะเป็นของดีได้ยังไง เธอจดเรื่องนี้ไว้ในใจ แล้วก็ไปรื้อหาขนมของว่างที่ซื้อมาจากในเมือง
"หนูจะไปหาปู่กับย่านะคะ เฉียวเฉียว ไปกับพี่นะ"
ซ่งซานเฉินพยักหน้า "ไปเถอะ เดี๋ยวนี้พวกเขาก็ไม่ค่อยมีเรี่ยวมีแรงแล้ว... แก่แล้ว" จากนั้นก็สั่งเสีย "ถ้าปู่กับย่าให้ขนมเฉียวเฉียว ลูกต้องคอยดูนะ รับได้ แต่อย่ากิน! "
เฉียวเฉียวได้ยินคำว่า "ขนม" ก็เงยหน้าขึ้น "ผมอยากกิน..."
"ไม่ได้! " ซ่งซานเฉินปฏิเสธทันที "ของที่ย่าลูกซ่อนไว้ที่บ้านเยอะแยะไปหมด บางปีก็กินของใหม่ บางปีก็กินของเก่า ของที่ให้หนูคราวที่แล้วก็หมดอายุมาครึ่งปีแล้ว กินไม่ได้! "
ซ่งถานมีคุณปู่ชื่อซ่งโหย่วเต๋อ เป็นชาวนาแก่ๆ อายุ 79 ปีแล้ว ท่านป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพองเนื่องมาจากการสูบบุหรี่บ่อยๆ และถี่หนักตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ดังนั้นแกจึงหอบง่ายมาก ส่งผลให้ทำงานหนักไม่ได้มาหลายปี นอกจากการดูแลสวนผักง่ายๆ ก็ยังถนัดเล่นไพ่ใบไม้กับกลุ่มคนแก่ในหมู่บ้านเป็นกิจวัตรบ่อยๆ ด้วย ในมือแกชอบถือไปป์ยาสูบเก่าแก่ที่หายาก ในสิบหมู่บ้านแปดเมือง ทุกปีจะต้องมีคนมาขอซื้อน้ำมันยาสูบเก่าในไปป์แกเพื่อรักษาแผลคนในครอบครัวตลอดไพ่ใบไม้ คุณปู่ของฉันเคยชอบเล่นเกมลับสมองแบบนี้ แต่ผ่านไปสักพักก็ไม่มีใครเล่นตามแกกันแล้วส่วนคุณยายหวังลี่เฟินนั้น ขาแข็งแรง ร่างกายแข็งแรง ทำอาหารเก่งมาก ปัจจุบันสวนผักในบ้านก็ยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทุกปีจะมีชาวบ้านมาหาเธอเพื่อขอซื้อต้นกล้าผักสวนครัวโดยเฉพาะ เธอจึงเป็นเสาหลักของบ้านซ่งเลยก็ว่าได้ซ่งถานออกจากบ้าน เดินผ่านสวนผัก เห็นบ้านเก่าแก่ที่ทำจากอิฐสีแดงตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ลานหน้าบ้านปูด้วยซีเมนต์เป็นพื้นที่กว้าง ในใจก็พาลหวนนึกถึงตอนตัวเองยังเด็กขึ้นมาทันที ต้นไม้ไทรสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ที่มุมลาน ใต้ต้นไม้มีไก่หลายตัวนอนอาบแดดคุ้ยเขี่ยทรายเล่นอยู
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซ่งซานเฉินตื่นขึ้นมาแล้วก็ต้องตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งอากาศ...สดชื่นจัง!ยิ่งได้เห็นแนวภูเขาที่ปกคลุมด้วยหมอกบางๆ ประกอบกับแสงสีทองอ่อนอำไพแผ่กระจายอย่างจางๆ ดูสวยงามราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศก็ไม่เกินจริงคูน้ำหน้าบ้านยังมีหมอกสีขาวปกคลุม หนาแน่นและบังตาจนเขามองแทบไม่เห็นพื้นผิวน้ำ มันกำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ค่อยๆ สลายไป ส่วนต้นเหมยฮวาที่อยู่รอบๆ สนาม ซ่งซานเฉินจำได้ชัดเจนว่ามันเคยร่วงโรยไปตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ทำไมวันนี้ถึงกลับมาบานอีกครั้ง? ดอกตูมสีเหลืองเล็กๆ ซึ่งยังบานไม่เต็มที่นั้น ไม่เพียงแค่ดูน่ารักราวเด็กน้อยหัดเดิน แต่กลับยังมีกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลขณะนี้ ชาวนาชราได้มีโอกาสชื่นชมความงามที่ไม่พบเจอมานานมากแล้ว แต่ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกชื่นชมเขาหันไปมอง!เห็นกระรอกสีเทาพื้นเมืองเจ็ดแปดตัวเกาะกำแพงบ้านแล้วมองเข้ามาเหมือนพวกปาปารัสซี่ พอลองมองไปที่ภูเขาหลังบ้าน ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพที่เพิ่งผ่านพ้นฤดูหนาวมา แต่กลับมีกลิ่นอายของความสดใหม่ ราวกับว่าเพิ่งขัดเคลือบเงาซ่งซานเฉินมองอยู่นานจนงง แล้วก็
ปลายเดือนกุมภาพันธ์ต้นเดือนมีนาคม จะเป็นช่วงเวลาแห่งความอึดอัดใจและกลัดกลุ้มสำหรับชาวนาในแต่ละปี เมื่อสิ้นปีได้ผ่านพ้นไป ลูกหลานส่วนใหญ่มักพากันย้ายออกไปตั้งรกร้างครอบครัวของตัวเองยังที่แห่งใหม่ นกเธอแอ่นบนคานหามยังไม่กลับมา ที่ดินรกร้างว่างเปล่าก็มีมากขึ้น หากมองไกลๆ จากบนท้องฟ้าจะพบสีเหลืองและน้ำตาลครามครอบคลุมพื้นที่ดินจำนวนมาก ยกเว้นภูเขาเขียวขจีที่อยู่ไกลออกไปแล้ว หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านก็เงียบเหงาและสงบแต่ในวันนี้ ทุ่งนาข้างป่าไผ่ของตระกูลซ่งกลับคึกคักอีกครั้ง"ซ่งซานเฉิน ปีนี้บ้านนายเป็นอะไรไป ร่ำรวยเตรียมทำอะไรใหญ่โตหรือยังไงกัน ทุ่งนาตั้งเยอะแยะจะเก็บกวาดไปทำไม""ใช่แล้วซ่งซานเฉิน นายจะปลูกอะไรกันแน่ ที่ดินเดิมยังมีต้นชาสองสามต้น ฉันเห็นยังทิ้งๆ ขว้างๆ อยู่เลย"ทุกคนถูกซ่งซานเฉินเชิญมาเก็บกวาดที่ดิน เครื่องจักรรถไถกำลังทำงานอย่างหนักหน่วงอยู่ที่มุมหนึ่ง ก่อนจะไถดิน พวกเขาจำเป็นต้องกำจัดวัชพืชและเศษซากต้นไม้เล็กๆ ที่แห้งกรังในที่ดินก่อน ไม่เช่นนั้นเครื่องจักรขนาดเล็กอาจจะมีเศษติดอยู่ใต้ท้องเครื่องโชคดีที่มีคนมาร่วมแรงช่วยกันเยอะแยะ ทำให้งานดูสนุกและมียังมีประสิทธิภาพดีด้วย เมื่
ตอนนี้เป็นช่วงพักจากการทำนา ชายหญิงในหมู่บ้านวัยสามสิบถึงห้าสิบปีที่พอจะแบกหามได้ก็ถูกซ่งซานเฉินเรียกมาช่วยหมดแล้ว เวลาไม่คอยท่า ฉวยโอกาสนี้จัดการให้เสร็จ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็ต้องหว่านเมล็ดลงดินแล้วแผนลำดับขั้นตอนของซ่งถานร่างไว้อย่างชัดเจนต้องจัดการหญ้าในสวนเกาลัด ต้นเกาลัดเหล่านั้นควรใส่ปุ๋ยและตัดแต่งกิ่งให้เรียบร้อย ถึงเวลาก็ต้องทำโครงสำหรับวางเห็ดหูหนู ต้องล้อมรั้วรอบนอกเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์หรือคนเข้ามาสร้างความวุ่นวายพอดีที่ด้านหลังภูเขาตัดต้นไม้ทิ้งไปหลายต้น ลำต้นแบ่งเป็นท่อนๆ เพื่อใช้เพาะเห็ดได้ กิ่งก้านสามารถใช้ทำเป็นเพิงกำบังลมและกันฝนสาดให้หมู และยังต้องเตรียมรางใส่อาหารหมูกั้นด้วยตาข่ายลวดส่วนในไร่ ภายในหนึ่งหรือสองเดือนนี้จะปลูกถั่วม่วงไว้ก่อน เมื่อถั่วม่วงออกดอกแล้วก็ถึงเวลาไถพรวนดินอีกครั้ง เตรียมปลูกข้าวและผัก เมล็ดบางชนิดก็สามารถเพาะกล้าไว้ล่วงหน้าได้ในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ยังต้องหาไก่บ้านและเป็ด อีกทั้งต้องนัดหมายกับชาวบ้านคนอื่นเพื่อรับซื้อลูกหมู เวลามีคนมาช่วยงานเยอะๆ ก็ต้องเตรียมอาหารทุกวันซ่งซานเฉินและอู๋หลานต่างก็ยุ่งจนตัวเป็นเกลียว แล้วลูกสาวล่ะ?ก็ไ
ในทุ่งนาเสียงเครื่องจักรคำรามลั่นทุ่ง ชาวบ้านต่างทำงานไปพลางพูดคุยกันไป ขณะที่กองหญ้าและต้นไม้ป่าที่พูนไว้บนคันนากำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ดินสีน้ำตาลที่ไม่ได้ไถมานานมีกลิ่นชื้นโชยออกมา สัมผัสกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องประกายเจิดจ้าหมู่บ้านกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหวังลี่เฟินเปิดห้องเก็บของที่มุมลานบ้านซึ่งปิดตายเป็นเวลานานแล้ว มันเป็นห้องที่สร้างขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนเธอเพิ่งคลอดลูกสาว หวังลี่เฟินจำได้แม่นว่าในปีนั้นซ่งโหย่วเต๋อก็รับอาสาร่วมกับพี่น้องนำดินเหนียวมาปั้น ตัดฟางข้าว แล้วตีอิฐทีละก้อนเพื่อสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาอย่างช้าๆตอนแรกที่นี่เป็นบ้านหลังหลักของพวกเขา กระทั่งต่อมาเมื่อลูกๆ เริ่มเติบโตอายุมากขึ้น บ้านหลังใหม่ที่ทำจากอิฐและกระเบื้องก็สร้างเสร็จ ห้องนี้จึงกลายสภาพเป็นที่เก็บข้าวสารและฟ่อนฟาง จวบจนกระทั่งเลิกทำนาห้องนี้ก็กลายเป็นห้องเก็บของไปโดยปริยายเฉียวเฉียววิ่งเข้ามา "ย่า! ย่า!"หวังลี่เฟินเพิ่งหยิบกระบุงใส่ของออกมาจากห้อง เมื่อได้ยินเสียงก็ตอบ "เฉียวเฉียวว่าไงลูก"ไม่นานนัก เฉียวเฉียวก็โผล่หัวที่ตัดทรงสกินเฮดมาให้ย่าตกใจเล่น "ย่า พี่สาวบอกเดี๋ยวจะพาไปทำนา ขอยืมตะกร
พี่สาวน้องชายตอนออกจากบ้านเดินทางจูงมือกันไปอย่างมีความสุข สุดท้ายขากลับดันเหลือคนมีความสุขเพียงคนเดียว"เฉียวเฉียวอยู่ไหน" อู่หลานถามด้วยความตกใจซ่งถานหัวเราะร่า "อยู่ข้างหลังนู่น! "ทันทีที่พูดจบ เธอก็เห็นเด็กชายตัวโตคนหนึ่งกำลังเดินเลี้ยวมาจากถนนด้านหลัง ศีรษะกลมเกลี้ยงสีดำเงา กำลังใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียยกใหญ่"เฉียวเฉียว! " อู่หลานก็อดกลั้นไว้ไม่ได้เช่นกัน พลางหัวเราะไปรับตะกร้าจากมือของเขา "เป็นอะไรไป ทำไมถึงร้องไห้? โอ้โห ดูหน้าตาเฉียวเฉียวของเราสิ ร้องไห้จนหน้าตาขี้เหร่ไปหมดแล้ว"พอมีคนรู้สึกสงสาร เฉียวเฉียวก็เลยร้องไห้เสียงดังยิ่งขึ้นไปอีก"แม่...อือๆๆ แม่...พี่สาว...อือๆๆ พี่สาวไม่ยอมให้ผมปลูกผักง่า"ซ่งถานได้ยินก็ฟึดฟัดไม่ยอมรับความผิดนี้ "พูดจาเหลวไหล พี่สาวหว่านเมล็ดพันธุ์ตัวเองจนหมดแล้ว เธอยังขุดหลุมปลูกทีละเม็ดอยู่เลย และพี่สาวเหลือไว้ให้เธอตั้งกำมือหนึ่งนะ จะให้รอเธอค่อยๆ ปลูกเหรอเมื่อไหร่จะได้กลับบ้านกันล่ะ"จากนั้นก็อธิบายให้กับอู่หลานฟังเบาๆ ว่า เมล็ดพันธุ์ของถั่วม่วงเพียงแค่หว่านลงไปในดินก็พอแล้ว แต่เฉียวเฉียวรู้วิธีปลูกเพียงข้าวโพดเท่านั้น เขาจ
บนยอดเขาอินเยว่ทางด้านหลังภูเขาเมฆคำรามก่อตัวรวมกัน เสียงคำรามครืนครั่นดังกึกก้องซ่งถาน ผู้ฝึกตนแห่งนิกายถามเทียนในแดนเซียน ผู้มีรากวิญญาณทั้งธาตุน้ำและธาตุไม้ ได้ปลูกพืชวิญญาณบนภูเขาทางด้านหลังเป็นเวลานับร้อยปีแล้ว จนในที่สุดโอกาสที่รอคอยจะก้าวข้ามขีดจำกัดก็มาถึง!แต่ทว่า ไม่คาดคิดว่าฟ้าจะผ่าขณะก่อร่างสร้างแก่นทองคำเพื่อบรรลุขั้นต่อไปจะรุนแรงเช่นนี้ ร่างกายของเธอถูกความโกรธเกรี้ยวจากผืนฟ้าผ่าจนแหลกละเอียด แม้แต่ดวงวิญญาณก็ยังแตกกระจาย ในยามเลือนลาง ซ่งถานกลับได้เห็นภาพมากมายที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้าก่อนที่ร่างกายและวิญญาณของเธอจะสลายไปรถยนต์หลายสิบคันพลิกคว่ำและชนระเนระนาดกลางถนน ทั้งเสียงชน เสียงเจ็บปวด เสียงร้องไห้ดังโอดครวญระคนหู รถยนต์ที่พลิกคว่ำน้ำมันไหลเป็นทางยาวบนสะพาน ผู้คนรอบข้างกำลังเคาะกระจกรถอย่างกระวนกระวาย ขณะที่ดวงตาของเธอพร่าเลือด ขยับไม่ได้ พูดไม่ออก“ฮัลโล 119 ไหมคะ เกิดอุบัติเหตุรถชนกันเป็นแถวบนสะพานหนิงไห่...”“ปัง!”“ช่วยกันพาคนขับออกมาก่อน! เธอยังมีลมหายใจอยู่เลย”“ขาเธอติดอยู่... ใครก็ได้มาช่วยกันหน่อยเร็วๆ”“เฮ้ย! รีบหนีไป น้ำมันรั่วแล้ว ระวังจะระเบิด”ซ่งถ
จ้องแล้วจ้องอีก!การดูคลิปวิดีโอสั้นๆ มันทำให้ฉันมีความสุขมาก!ที่แท้ชีวิตของมนุษย์คนธรรมดาก็มีอะไรน่าสนใจแบบนี้นี่เอง!ซ่งถานอยากเล่นแบบนี้ไปอีกนานๆ โลกใบนี้ช่างมีอะไรน่าสนใจอีกเยอะแยะ ยิ่งหากสามารถมีความสุขแบบนี้ได้ตลอดไป โดยไม่ต้องบำเพ็ญตบะเซียนเลย...คงดีไม่น้อยไม่สิ ไม่ได้ๆ! เธอรีบไล่ความคิดน่ากลัวนี้ออกจากหัวตัวเอง เธอห้ามหลงละเลยการบำเพ็ญเพียรโดยเด็ดขาดนะ…แต่ถ้ายืดหยุ่นนิดหน่อย เช่น หากเปลี่ยนจากการเคร่งครัดเป็นการบำเพ็ญเพียรให้ช้าลงกว่านี้สักนิด ยังอาจจะมีความพอเป็นไปได้อยู่บ้าง เพราะอย่างไรตอนนี้เธอก็แทบไม่มีพลังลมปราณหลงเหลืออยู่แล้วนี่ การบำเพ็ญตบะมากมายอย่างไรก็คงได้ผลลัพธ์ที่น้อยไม่เต็มประสิทธิภาพนัก ดังนั้นจึงไม่น่าคุ้มค่าเท่าไหร่ซ่งถานพิจารณาการตัดสินใจของตัวเอง ก็ปลอบใจว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยได้ยินบ่อยๆ ว่า "โรคผัดวันประกันพรุ่ง" แต่น่าจะเป็นลางสังหรณ์จากวิชาเซียนที่บอกเธอว่า ‘มันไม่เหมาะสม’ ต่างหากสรุปแล้ว เธอคำนวณด้วยนิ้วมือก็พบว่าตอนนี้คือช่วงเวลาที่ดีสำหรับ…การเล่นโทรศัพท์!เพียงแต่หน้าจอมันแตกเยอะไปหน่อย...ในวินาทีต่อมา โทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้า"ซ่งถาน! งานน