ซ่งซานเฉินยอมให้เธอกลับมาทำไร่ นั่นทำให้ซ่งถานโล่งใจจริงๆ แต่ต่อไปก็ถึงคิวแม่ของเธอ อู่หลานแล้ว
ขณะนั้น อู่หลานก็พูดขึ้นมาพอดีว่า "ถึงเวลาทานข้าวแล้วเฉียวเฉียว ไปล้างมือแล้วมาช่วยยกกับข้าว! "
ซ่งเฉียวก็วิ่งไปตามคำสั่ง ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้แต่น้องชายเธอก็ยังเปิดก๊อกน้ำนอกบ้านแล้วล้างมือจนสะอาด จากนั้นก็ขยันขันแข็งไปยกกับข้าว
น้ำซุปปลาเก๋าสีขาวข้น มีผักชีลอยอยู่ด้านบน แค่ได้กลิ่นก็รู้เลยว่าเป็นปลาที่สดมาก!
ซ่งถานเหลือบมองอาหารอีกหลากหลายจานที่ถูกยกเสิร์ฟมาติดๆ กัน เริ่มจากปลาเก่าผัดซีอิ๊วที่ขนาดตัวไม่ได้ใหญ่มากมาย น่าจะประมาณสองถึงสามขีด แต่เมื่อผัดเข้ากันกับผักชี พริก ขิงและต้นหอม คลุกเคล้ากันอย่างดีแล้ว กลิ่นหอมเข้มข้นอบอวลไปทั่วทั้งบ้าน ถ้าอากาศอุ่นกว่านี้อีกนิด ในท้องปลาก็คงมีไข่ปลาที่อร่อยกว่านี้
จานถัดมาเป็นหัวไชเท้าตุ๋นหมูสามชั้น หมูสามชั้นตุ๋นเป็นวิธีทำอาหารของท้องถิ่น นำหมูสามชั้นที่ติดมันนิดหน่อยมาหมักเกลือไว้ และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ลงกระทะ ใส่น้ำมันถั่วลิสงแล้วผัดไปเรื่อยๆ ผัดจนชิ้นหมูเริ่มเป็นสีเหลือง น้ำมันจากหมูหอมๆ ก็จะออกมาบางส่วน จากนั้นจึงปิดท้ายด้วยใส่ทั้งน้ำมันและเนื้อหมูลงในหม้อ พอเย็นลงแล้ว น้ำมันหมูสีขาวข้นๆ ก็จะห่อหุ้มชิ้นหมูไว้แน่นหนา ปิดฝาแล้วนำไปไว้ในที่ร่ม กินเมื่อไหร่ก็ตักเมื่อนั้น ตอนนี้ที่ตุ๋นอยู่นี้ แม้แต่ส่วนที่เป็นมันก็ยังหอมๆ ซ่งถานไม่รู้สึกว่ามันจะเลี่ยนเลย
จานถัดมาก็เป็นกระเทียมป่าผัดไข่ ไข่ใส่กระเทียมป่าสีเขียวสดๆ ไข่ไก่บ้านของเราผัดออกมาเป็นสีเหลืองทอง ผสมกันแล้วหอมฉุย! จานสุดท้ายก็คืออาหารจานเด็ด ผักโขมสีเขียวสดกรอบ อร่อยหวานเมื่อเข้าปาก ผัดกับกระเทียมเจียว รสชาติเลิศรสที่สุด
ซ่งถานทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้แล้วไม่ยอมขยับไปไหน! เพราะกลิ่นอาหารเหล่านี้เย้ายวนจมูกเธอเหลือเกิน
ซ่งเฉียวผู้เป็นน้องชายที่แสนดี ตอนนี้ยกชามข้าวมาให้แล้ว "พี่สาว ปลาที่เฉียวเฉียวช่วยตกนะ! พี่กินเยอะๆ นะ! "
จริงๆ ซ่งซานเฉินว่าจะไม่สนใจอะไรกับคำพูดลูกชายตนเอง แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะโดนขโมยความดีความชอบจากปลาที่ตัวเองเป็นคนตกล้วนๆ "แกแค่เกี่ยวเหยื่อ แกไปช่วยตกปลาตอนไหนเฉียวเฉียว..."
แต่ไม่ทันไร ซ่งซานเฉินก็ถูกอู๋หลานปราบต่อหน้าต่อตา "ก็เป็นเพราะหนอนของเฉียวเฉียวดีถึงได้ตกปลาได้! ไม่งั้นทำไมคราวนี้พ่อถึงตกปลาได้เยอะล่ะ จริงไหมเฉียวเฉียว"
ซ่งเฉียวหันไปมองยังพ่อของเขา จมูกฮึดฮัด "ก็ใช่สิ! "
แม่ลูกเข้าขากันอย่างดิบดี จนซ่งซานเฉินอดเบ้ปากไม่ได้
ซ่งถานจิบน้ำซุปปลาที่น้องชายตักให้ด้วยรอยยิ้ม รสชาติกลมกล่อม แต่สิ่งไม่ดีที่ตามมาก็คือ หลังจากรสชาติที่กลมกล่อมแล้ว ยังมีรสชาติขุ่นๆ ที่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รับรู้ได้ ถึงแม้จะไม่มีพลังวิญญาณใดในอาหารที่จะสามารถฟื้นฟูพลังลมปราณเธอให้เพิ่มขึ้นได้ อาจจะเพราะยังคงมีสิ่งเจือปนอยู่ด้วย แต่ตอนนี้เธอที่หิวโหยก็สามารถกินมันได้อย่างสบายใจแล้ว
อย่างน้อยก็ดีกว่าอาหารที่สั่งมาตอนกลางวันเยอะเลย
อู๋หลานมองลูกสาวที่ตักเพิ่มอีกหนึ่งชาม แล้วมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวและร่างกายผอมแห้งของเธอ ตอนนี้ทั้งภูมิใจและเป็นห่วง
"กินเยอะๆ นะ ในหม้อยังมี พรุ่งนี้แม่จะใช้เตาถ่านหุงข้าว พอถึงเวลานั้นจะเอาข้าวต้มกับน้ำซุปไก่ให้ลูก"
ครัวที่บ้านของพวกเขามีขนาดใหญ่ เตาถ่านในช่วงแรกยังไม่ได้รื้อออกไป ดังนั้นเมื่อไหร่ที่ซ่งถานกลับมา เธอจะต้องได้กินข้าวต้มคู่กับตะเกียบอย่างแน่นอน
ซ่งถานใจเต้นแรง ตอนนี้ก็แสดงท่าทีน่าสงสารออกมา "แม่ หนูไม่อยากออกไปทำงานแล้ว เหนื่อยจัง"
เธอพยายามกระแซะแม่ให้รับรู้ว่าตนเองอยากกลับมาทำงานที่บ้านเกิด
เดิมทีก็ตั้งใจจะบอกอ้อมๆ แต่กลับลืมไปว่าตัวเองบำเพ็ญเพียรมาเป็นร้อยปีแล้ว จึงจับทางอุปนิสัยของแม่ตัวเองไม่ได้เหมือนก่อน อย่างเช่นตอนนี้ เมื่อได้ยินอู๋หลานถอนหายใจ แม่เธอก็ต่างคิดว่าลูกตนเองหมดเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ "แล้วจะทำยังไงล่ะ? ไม่งั้นก็เปลี่ยนงานสิ ลดเงินลงหน่อยก็ได้ แม่กับพ่อก็มีเงินเก็บเยอะมากพอแล้ว พอกับเราและน้องชายของลูกตอนแก่"
ซ่งเฉียวเป็นแบบนี้ โรงพยาบาลก็บอกว่าไม่มีทางรักษาได้แล้ว คนแก่ทั้งสองก็เป็นห่วงเขาเช่นกัน จึงตัดสินใจตั้งแต่แรกแล้วว่าหลังจากนี้จะอยู่กับลูกชายตอนแก่
แต่งงานเหรอ หาผู้หญิงมาดูแลเหรอ...
เป็นไปไม่ได้
เฉียวเฉียวเป็นคนโง่ แต่ก็เป็นเด็กดี สมัยนี้หลายครอบครัวแม้แต่ลูกแท้ๆ ยังรังเกียจ แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น อย่าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนเลย อย่าให้คนอื่นมาทำให้เฉียวเฉียวเสียใจ
หลายปีมานี้พวกเขากินอย่างประหยัดเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ตอนแก่ พยายามไม่ให้เป็นภาระของลูกสาว ยิ่งถานถานหน้าตาดี เป็นนักศึกษาเรียนจบสูง จริงๆ แล้วไม่ควรกลับมาชนบทแบบนี้ให้เสียเวลา หมู่บ้านของพวกเขามีคนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่า 30 ปีเหลืออยู่กี่คนกัน หวังว่าในอนาคตเธอจะมีงานที่ดี แต่งงานกับครอบครัวที่ดี อย่าให้เธอต้องลำบากเลย..
ซ่งถานไม่รู้ว่าในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ แม่ของเธอคิดไปไกลแค่ไหนแล้ว เมื่อเห็นว่าการอ้อมค้อมไม่มีประโยชน์ เธอก็พูดตรงๆ "แม่ หนูอยากกลับบ้านมาทำไร่"
ทันทีที่พูดประโยคนี้จบ เห็นได้ชัดว่าอู่หลานกำลังมองหากิ่งไม้เรียว ซ่งถานรู้สึกตัวเกร็งไปทั้งหลังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็รีบพูดเสริม "แม่ เดี๋ยวนี้ร่างกายหนูไม่แข็งแรงเลย! "
อู่หลานจึงค่อยๆ หายใจเข้าลึกๆ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ก็จริงนะ อายุยังน้อย แต่ว่างานของลูกมันเหนื่อยเกินไป ต้องพักผ่อน"
เธอพูดต่อ "ได้ อยู่บ้านเกิดสักไม่กี่เดือน พอดีต้นปีงานก็ไม่ค่อยยุ่ง ถานถานจะได้มีเวลาออกกำลังกายไปด้วย"
ซ่งถานและซ่งซานเฉินสบตากัน พ่อลูกคู่นี้ต่างก็เงียบงัน แต่มีอย่างหนึ่งที่ซ่งถานไม่ได้พูดโกหก ร่างกายของเธออ่อนแอจริงๆ
อย่าเพิ่งมองที่เธอแรงเยอะและไม่ค่อยกลัวความหนาว แต่เพราะทั้งหมดนั้นเกิดจากการชำระล้างด้วยพลังวิญญาณตอนเกิดอุบัติเหตุ แต่เดิมบริเวณในเมืองพลังวิญญาณรอบๆ ก็หาพบได้น้อยอยู่แล้ว ตอนนั้นอวัยวะภายในของเธอได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ชีวิตใกล้จะจบสิ้นแล้ว ร่างกายเธอจึงต้องรีบรวบรวมพลังวิญญาณเพื่อเอาชีวิตรอด......
ตอนนี้ตรวจที่โรงพยาบาลทุกอย่างเป็นปกติดี แต่มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่า ร่างกายยังไม่ฟื้นฟูสมบูรณ์ดี จิตใจก็ยังอ่อนล้ามาก การบอกว่าไปพักฟื้นที่ชนบทนั้นไม่ใช่เรื่องโกหกเลย
กินข้าวเสร็จโดยไม่มีอะไรน่าแปลกใจ ซ่งเฉียวก็เก็บจานไปล้างอย่างว่าง่าย เขาอยากแสดงให้พี่สาวเห็น
ส่วนเธอเองก็นั่งอยู่หน้าเตาผิงกับครอบครัว คิดถึงอาชีพในอนาคต
ที่นี่มีพลังวิญญาณรายล้อมอยู่รอบตัวมากพอสมควร ซ่งถานมีความมั่นใจในอนาคตมาก ในยุคที่การดูแลสุขภาพกำลังมาแรง ทุกคนต่างก็ชอบของป่าของธรรมชาติ เธอใช้พลังวิญญาณในการปลูกพืชผัก ผลไม้ สิ่งเหล่านี้จะไม่ขาดตลาดอย่างแน่นอน
แต่ก่อนหน้านั้น เธอต้องผ่านภูเขาลูกใหญ่ที่เป็นแม่ของเธอไปให้ได้ก่อน!
บอกเลยว่าเธอตั้งใจจะเหมาพื้นที่ทำนาทำสวน และลงมือทำอย่างเต็มที่ ซ่งถานแม้จะบำเพ็ญเพียรมาเป็นร้อยปีก็ยังรู้ว่าเงินหกหมื่นของตัวเองไม่พอใช้ ต้องใช้เงินเก็บของพ่อแม่มาเสริมกำลังทัพ
ปากว่าตาขยิบ เธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยคนหนึ่งจู่ๆ ก็พูดว่าการทำนาทำไร่จะทำให้ร่ำรวยได้...ซ่งถานเชื่อว่าอู่หลานจะต้องใช้กิ่งไม้เฆี่ยนเธอ พร้อมกับด่าแช่งไปด้วยว่า
“เก่งนักใช่ไหม! ”
“เก่งเรื่องทำนามากใช่มั้ย! ”
“ถ้าทำนาทำไร่ทำให้ร่ำรวยได้ ทำไมทุกคนถึงได้ย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองกันล่ะ! ”
“ถ้าทำนาทำไร่ทำให้ร่ำรวยได้ ทำไมพ่อกับแม่ยังต้องอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ ไปไหนไม่ได้ล่ะ”
ดี! งั้นมาทำทีละขั้นตอนก่อนดีกว่า เริ่มจากจัดการที่นาของตัวเองก่อน
ตอนนี้เป็นปลายเดือนกุมภาพันธ์ตามปฏิทินจันทรคติ เทศกาลโคมไฟเพิ่งผ่านพ้นไป เป็นช่วงเวลาที่ทุกสรรพสิ่งกำลังจะฟื้นคืนชีพ เธอได้กลับบ้านในช่วงเวลานี้พอดี เธอสามารถพักฟื้นร่างกายและกระตุ้นพลังชีวิตได้ รอจนกว่าฝนฤดูใบไม้ผลิจะร่วงลงมาก่อนเถอะ เธอจะใช้ที่นาของตัวเองสร้างผลลัพท์ให้พ่อกับแม่ตกใจทีเดียว แล้วค่อยๆ คิดแผนการต่อไป
ตอนนี้สิ่งที่เธอไม่ขาดแคลนที่สุดก็คือความอดทนและเวลาแล้ว
แต่ก่อนหน้านั้น
“แม่ ที่นาที่บ้านแบ่งให้หนูทำเองสักแปลงได้ไหมคะ เอาแบบที่ไม่ต้องให้พวกแม่ช่วย”
อู่หลานยัดฟืนเข้าไปในเตาผิง พลางพูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ “แล้วสรุปว่าจะทำนาหรือจะขุดเก็บใบชา ถ้าที่นาตรงมุมไผ่ให้หนูไปจัดการได้เลย ทิ้งร้างมานานหลายปีแล้ว ให้พ่อไปไถให้”
“ถ้าเป็นใบชาบนภูเขา จะแบ่งทำไมล่ะ ภูเขาหลังบ้านเป็นของบ้านเราอยู่แล้ว แล้วก็สวนชาเก่าของบ้านเราด้วย ยังมีที่ไกลๆ อีก ถ้าหนูขุดไหวก็จัดการไปเลย”
ซ่งถานนิ่งอึ้ง !!!
ซ่งถานตกใจจริงๆ"บ้านเราเงินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ"มีทั้งภูเขาและที่นา"มีเงินอะไรล่ะ" อู่หลานไม่เงยหน้าขึ้นมา "ทั้งหมดก็ตกทอดมาจากคุณปู่ของหนูทั้งนั้น ภูเขารกๆ ตรงนั้น ขายก็ไม่ได้ ไม่มีใครเช่า ก็เลยรกร้างอยู่แบบนั้น"ซ่งถานเงียบไปตอนนี้ทั้งหมู่บ้านมีไม่ถึงสามสิบหลังคาเรือน อายุเฉลี่ยสี่สิบห้าสิบปี ตอนนี้ข้าวก็ไม่ค่อยมีค่าแล้ว ก็แค่พออยู่พอกินเท่านั้น ไม่ใช่แค่บ้านของพวกเขาเท่านั้น บ้านอื่นๆ ก็มีที่รกร้างเป็นผืนใหญ่เช่นกันก็ไม่มีเหตุผลอะไรอื่น นอกจากขาดแรงงานที่นี่มีภูเขาเยอะ เครื่องจักรกลการเกษตรขนาดใหญ่ก็ใช้ไม่ได้ เครื่องจักรขนาดเล็กก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งก็แพงมาก กำไรทั้งหมดจากที่นาหนึ่งแปลงก็ไม่พอที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ นอกจากนี้ยังมีอีก ถนนยังคดเคี้ยว ไม่มีหนทางไหนที่จะส่งขายออกไปยังนอกหมู่บ้านได้เลย ทุกวันนี้การปลูกข้าวและข้าวสาลีก็เพื่อกินเอง ทำงานหนักมาทั้งปี ทั้งรดน้ำ ใส่ปุ๋ย และกำจัดแมลง ก็ต้องใช้เงินจำนวนมากแล้วผลผลิตได้เท่าไหร่ล่ะยิ่งในกรณีที่ขาดแรงงาน ก็เก็บเกี่ยวได้แค่พอที่บ้านกินเท่านั้นหันกลับมาดูที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในเมือง สิบกว่าหยวนต่อหนึ่งกิโลกรัม แม้ว่ารสชา
สำนักงานอำเภอในเมืองเล็กๆ อย่างหยุนเฉิงไม่จำเป็นต้องต่อแถว เพราะประชากรน้อยยิ่งกว่าหยิบมือ ซ่งถานทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็เสร็จ ตอนนี้เธอจึงเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือราคาสามพันหยวนให้คุ้มค่าที่สุด ขณะที่กำลังคิดถึงเงินในกระเป๋าของเธอ เธอก็รู้สึกเศร้าใจหกหมื่นหยวน แม้จะพูดให้ถูกต้อง ต้องเป็นหกหมื่นสองพันกว่าหยวน รวมเงินอุดหนุนของแม่ที่ให้เพิ่มเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถืออีกสองพันหยวน รวมแล้วก็เป็นหกหมื่นสี่พันหยวนเมื่อคืนก็วางแผนไว้ดีแล้ววางแผนอย่างไรบ้างน่ะหรือ..ซื้อโทรศัพท์มือถือ ซื้อเครื่องมือทำการเกษตร ซื้อเมล็ดพันธุ์ และปุ๋ย...ถ้าที่เหลือเก็บไว้ได้ไหมนะ ไม่ได้ ต้องจ้างคนขุดภูเขา ขุดดิน ขุดทุกที่ที่เธออยากปลูก...แต่เงินจำนวนนี้ก็จ้างคนทำงานได้ไม่นานนัก"พ่อ แม่บอกว่าทุ่งนาและภูเขาให้หนูจัดการได้ตามใจชอบ แค่แปลงผักอย่าไปยุ่ง ถ้าขอเช่าเครื่องจักรไถดินด้วยได้ไหม"ซื้อไม่ไหวก็เช่าได้!ซ่งซานเฉินยังไม่ค่อยเปิดใจเท่าไหร่ "ถานถาน ลูกจะทำไร่จริงๆ เหรอ ลองทำแค่หนึ่งหรือสองแปลงก่อนก็พอแล้ว ทำใหญ่ขนาดนี้ ชาวบ้านรู้เข้าจะต้องว่าเราโอ้อวดแน่ๆ "ซ่งถานเองก็คิดได้ เธอไม่ได้คิดเ
ซ่งซานเฉินขมวดคิ้ว "นี่หนูตั้งใจจะปลูกถั่วม่วงในพื้นที่หลายสิบเอเคอร์เลยหรือ"มิเช่นนั้นจะไม่จำเป็นต้องใช้เมล็ดถั่วม่วงจำนวนมากขนาดนี้ ถั่วม่วงหนึ่งเอเคอร์ใช้เมล็ดพันธุ์เพียงห้าหรือหกกิโลกรัมเท่านั้นตอนนี้ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ยังคงสวมเสื้อผ้าขนเป็ดและเสื้อโค้ทผ้าฝ้ายหนาอยู่ เมื่อถึงเดือนมีนาคม อุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตราบใดที่ไม่มีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ และความแตกต่างของอุณหภูมิช่วงหลังเที่ยงคืนไม่มากนัก พืชผลทางการเกษตรส่วนใหญ่ก็สามารถปลูกได้แล้วแต่หากปลูกถั่วม่วง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องไถพรวนอีกครั้งในปลายเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมเพื่อปลูกอย่างอื่นได้...ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ไม่ได้ขัดขวางการปลูกอย่างอื่นตามประสบการณ์การทำไร่ทำนาของซ่งซานเฉิน เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกพืชในชนบท ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนของทุกปีจะมีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ความแตกต่างของอุณหภูมิก่อนและหลังเที่ยงคืนมีมาก เมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งงอกก็อาจจะถูกแช่แข็งจนตาย ไม่เหมาะสมเพียงแต่เขาคิดว่าการใช้เงินและเสียเวลาไปมากมายตั้งแต่แรก ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเมื่อคืนซ่งถานคิดอย
กลับถึงบ้าน อู่หลานก็ซักไซ้เรื่องเงินก้อนนี้อย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ ซ่งถานรายงานทีไร เส้นเลือดที่หน้าผากของเธอก็เต้นตามไปด้วยทุกรอบ เต้นจนซ่งถานใจคอไม่ดี จะขอเงินทำอะไรก็ดูติดขัดเก้ๆ กังๆ ไปเสียหมดตอนนี้ ต้องรีบใช้กลยุทธ์ถัดไปปิดฉากแม่เธอ "แม่ หนูอยากเลี้ยงหมูสักสองสามตัว…ได้ไหม"ตอนนี้ราคาหมูขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ หมูตามบ้านนอกอย่างหยุนเฉิงก็ไม่เคยขายไม่ออก ตามหลักแล้ว เลี้ยงหมูก็เหมาะสมดี"กี่ตัว"อู่หลานฮึดฮัด เหมือนคิดว่าลูกสาวตนเองไม่เคยจับงานใหญ่ "ตอนนี้หมูแพง ลูกหมูก็แพง ตัวละตั้งหลายร้อย กลับมาบ้านก็ต้องก่อเตาทำอาหารให้หมูกินอีก แถมตอนนี้หนาวก็ต้องซื้อรำข้าวโพด”โอ๊ย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่หมูหิวก็ร้องแล้ว หมูสองสามตัวก็ร้องดังระงมไปทั่ว ต้องคอยสร้างคอกหมูอีก แค่เฉพาะทำงานในไร่ก็ยุ่งเป็นระวิงมือไม้ใช้ไม่พอแล้ว ซ่งถานเป็นแบบนี้เสมอ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ทันเดินก็คิดจะบิน ในสายตาของอู่หลาน มันไม่น่าเชื่อถือเลย"อีกอย่าง ทรัพย์สินล้นฟ้าล้วนไม่นับสิ่งมีขน ถ้าหมูเกิดป่วยขึ้นมา..."แต่ซ่งถานอยากกินเหลือเกิน ช่วงนี้เธอสามารถฝึกฝนลมปราณได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เ
ซ่งถานมีคุณปู่ชื่อซ่งโหย่วเต๋อ เป็นชาวนาแก่ๆ อายุ 79 ปีแล้ว ท่านป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพองเนื่องมาจากการสูบบุหรี่บ่อยๆ และถี่หนักตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ดังนั้นแกจึงหอบง่ายมาก ส่งผลให้ทำงานหนักไม่ได้มาหลายปี นอกจากการดูแลสวนผักง่ายๆ ก็ยังถนัดเล่นไพ่ใบไม้กับกลุ่มคนแก่ในหมู่บ้านเป็นกิจวัตรบ่อยๆ ด้วย ในมือแกชอบถือไปป์ยาสูบเก่าแก่ที่หายาก ในสิบหมู่บ้านแปดเมือง ทุกปีจะต้องมีคนมาขอซื้อน้ำมันยาสูบเก่าในไปป์แกเพื่อรักษาแผลคนในครอบครัวตลอดไพ่ใบไม้ คุณปู่ของฉันเคยชอบเล่นเกมลับสมองแบบนี้ แต่ผ่านไปสักพักก็ไม่มีใครเล่นตามแกกันแล้วส่วนคุณยายหวังลี่เฟินนั้น ขาแข็งแรง ร่างกายแข็งแรง ทำอาหารเก่งมาก ปัจจุบันสวนผักในบ้านก็ยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทุกปีจะมีชาวบ้านมาหาเธอเพื่อขอซื้อต้นกล้าผักสวนครัวโดยเฉพาะ เธอจึงเป็นเสาหลักของบ้านซ่งเลยก็ว่าได้ซ่งถานออกจากบ้าน เดินผ่านสวนผัก เห็นบ้านเก่าแก่ที่ทำจากอิฐสีแดงตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ลานหน้าบ้านปูด้วยซีเมนต์เป็นพื้นที่กว้าง ในใจก็พาลหวนนึกถึงตอนตัวเองยังเด็กขึ้นมาทันที ต้นไม้ไทรสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ที่มุมลาน ใต้ต้นไม้มีไก่หลายตัวนอนอาบแดดคุ้ยเขี่ยทรายเล่นอยู
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซ่งซานเฉินตื่นขึ้นมาแล้วก็ต้องตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งอากาศ...สดชื่นจัง!ยิ่งได้เห็นแนวภูเขาที่ปกคลุมด้วยหมอกบางๆ ประกอบกับแสงสีทองอ่อนอำไพแผ่กระจายอย่างจางๆ ดูสวยงามราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศก็ไม่เกินจริงคูน้ำหน้าบ้านยังมีหมอกสีขาวปกคลุม หนาแน่นและบังตาจนเขามองแทบไม่เห็นพื้นผิวน้ำ มันกำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ค่อยๆ สลายไป ส่วนต้นเหมยฮวาที่อยู่รอบๆ สนาม ซ่งซานเฉินจำได้ชัดเจนว่ามันเคยร่วงโรยไปตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ทำไมวันนี้ถึงกลับมาบานอีกครั้ง? ดอกตูมสีเหลืองเล็กๆ ซึ่งยังบานไม่เต็มที่นั้น ไม่เพียงแค่ดูน่ารักราวเด็กน้อยหัดเดิน แต่กลับยังมีกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลขณะนี้ ชาวนาชราได้มีโอกาสชื่นชมความงามที่ไม่พบเจอมานานมากแล้ว แต่ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกชื่นชมเขาหันไปมอง!เห็นกระรอกสีเทาพื้นเมืองเจ็ดแปดตัวเกาะกำแพงบ้านแล้วมองเข้ามาเหมือนพวกปาปารัสซี่ พอลองมองไปที่ภูเขาหลังบ้าน ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพที่เพิ่งผ่านพ้นฤดูหนาวมา แต่กลับมีกลิ่นอายของความสดใหม่ ราวกับว่าเพิ่งขัดเคลือบเงาซ่งซานเฉินมองอยู่นานจนงง แล้วก็
ปลายเดือนกุมภาพันธ์ต้นเดือนมีนาคม จะเป็นช่วงเวลาแห่งความอึดอัดใจและกลัดกลุ้มสำหรับชาวนาในแต่ละปี เมื่อสิ้นปีได้ผ่านพ้นไป ลูกหลานส่วนใหญ่มักพากันย้ายออกไปตั้งรกร้างครอบครัวของตัวเองยังที่แห่งใหม่ นกเธอแอ่นบนคานหามยังไม่กลับมา ที่ดินรกร้างว่างเปล่าก็มีมากขึ้น หากมองไกลๆ จากบนท้องฟ้าจะพบสีเหลืองและน้ำตาลครามครอบคลุมพื้นที่ดินจำนวนมาก ยกเว้นภูเขาเขียวขจีที่อยู่ไกลออกไปแล้ว หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านก็เงียบเหงาและสงบแต่ในวันนี้ ทุ่งนาข้างป่าไผ่ของตระกูลซ่งกลับคึกคักอีกครั้ง"ซ่งซานเฉิน ปีนี้บ้านนายเป็นอะไรไป ร่ำรวยเตรียมทำอะไรใหญ่โตหรือยังไงกัน ทุ่งนาตั้งเยอะแยะจะเก็บกวาดไปทำไม""ใช่แล้วซ่งซานเฉิน นายจะปลูกอะไรกันแน่ ที่ดินเดิมยังมีต้นชาสองสามต้น ฉันเห็นยังทิ้งๆ ขว้างๆ อยู่เลย"ทุกคนถูกซ่งซานเฉินเชิญมาเก็บกวาดที่ดิน เครื่องจักรรถไถกำลังทำงานอย่างหนักหน่วงอยู่ที่มุมหนึ่ง ก่อนจะไถดิน พวกเขาจำเป็นต้องกำจัดวัชพืชและเศษซากต้นไม้เล็กๆ ที่แห้งกรังในที่ดินก่อน ไม่เช่นนั้นเครื่องจักรขนาดเล็กอาจจะมีเศษติดอยู่ใต้ท้องเครื่องโชคดีที่มีคนมาร่วมแรงช่วยกันเยอะแยะ ทำให้งานดูสนุกและมียังมีประสิทธิภาพดีด้วย เมื่
ตอนนี้เป็นช่วงพักจากการทำนา ชายหญิงในหมู่บ้านวัยสามสิบถึงห้าสิบปีที่พอจะแบกหามได้ก็ถูกซ่งซานเฉินเรียกมาช่วยหมดแล้ว เวลาไม่คอยท่า ฉวยโอกาสนี้จัดการให้เสร็จ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็ต้องหว่านเมล็ดลงดินแล้วแผนลำดับขั้นตอนของซ่งถานร่างไว้อย่างชัดเจนต้องจัดการหญ้าในสวนเกาลัด ต้นเกาลัดเหล่านั้นควรใส่ปุ๋ยและตัดแต่งกิ่งให้เรียบร้อย ถึงเวลาก็ต้องทำโครงสำหรับวางเห็ดหูหนู ต้องล้อมรั้วรอบนอกเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์หรือคนเข้ามาสร้างความวุ่นวายพอดีที่ด้านหลังภูเขาตัดต้นไม้ทิ้งไปหลายต้น ลำต้นแบ่งเป็นท่อนๆ เพื่อใช้เพาะเห็ดได้ กิ่งก้านสามารถใช้ทำเป็นเพิงกำบังลมและกันฝนสาดให้หมู และยังต้องเตรียมรางใส่อาหารหมูกั้นด้วยตาข่ายลวดส่วนในไร่ ภายในหนึ่งหรือสองเดือนนี้จะปลูกถั่วม่วงไว้ก่อน เมื่อถั่วม่วงออกดอกแล้วก็ถึงเวลาไถพรวนดินอีกครั้ง เตรียมปลูกข้าวและผัก เมล็ดบางชนิดก็สามารถเพาะกล้าไว้ล่วงหน้าได้ในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ยังต้องหาไก่บ้านและเป็ด อีกทั้งต้องนัดหมายกับชาวบ้านคนอื่นเพื่อรับซื้อลูกหมู เวลามีคนมาช่วยงานเยอะๆ ก็ต้องเตรียมอาหารทุกวันซ่งซานเฉินและอู๋หลานต่างก็ยุ่งจนตัวเป็นเกลียว แล้วลูกสาวล่ะ?ก็ไ