สำนักงานอำเภอในเมืองเล็กๆ อย่างหยุนเฉิงไม่จำเป็นต้องต่อแถว เพราะประชากรน้อยยิ่งกว่าหยิบมือ ซ่งถานทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็เสร็จ ตอนนี้เธอจึงเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือราคาสามพันหยวนให้คุ้มค่าที่สุด ขณะที่กำลังคิดถึงเงินในกระเป๋าของเธอ เธอก็รู้สึกเศร้าใจ
หกหมื่นหยวน แม้จะพูดให้ถูกต้อง ต้องเป็นหกหมื่นสองพันกว่าหยวน รวมเงินอุดหนุนของแม่ที่ให้เพิ่มเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถืออีกสองพันหยวน รวมแล้วก็เป็นหกหมื่นสี่พันหยวน
เมื่อคืนก็วางแผนไว้ดีแล้ว
วางแผนอย่างไรบ้างน่ะหรือ..
ซื้อโทรศัพท์มือถือ ซื้อเครื่องมือทำการเกษตร ซื้อเมล็ดพันธุ์ และปุ๋ย...
ถ้าที่เหลือเก็บไว้ได้ไหมนะ ไม่ได้ ต้องจ้างคนขุดภูเขา ขุดดิน ขุดทุกที่ที่เธออยากปลูก...
แต่เงินจำนวนนี้ก็จ้างคนทำงานได้ไม่นานนัก
"พ่อ แม่บอกว่าทุ่งนาและภูเขาให้หนูจัดการได้ตามใจชอบ แค่แปลงผักอย่าไปยุ่ง ถ้าขอเช่าเครื่องจักรไถดินด้วยได้ไหม"
ซื้อไม่ไหวก็เช่าได้!
ซ่งซานเฉินยังไม่ค่อยเปิดใจเท่าไหร่ "ถานถาน ลูกจะทำไร่จริงๆ เหรอ ลองทำแค่หนึ่งหรือสองแปลงก่อนก็พอแล้ว ทำใหญ่ขนาดนี้ ชาวบ้านรู้เข้าจะต้องว่าเราโอ้อวดแน่ๆ "
ซ่งถานเองก็คิดได้ เธอไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอย่างพ่อกับแม่ แต่ซ่งซานเฉินและอู่หลานใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาทั้งชีวิต ให้พวกเขาไม่สนใจคำนินทาเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงเกลี้ยกล่อมว่า "พ่อ หนูปลูกแค่แปลงเดียว คนอื่นก็พูดอยู่ดี ถ้าเป็นแบบนั้น ยังไงก็ต้องทำใหญ่ไปเลย"
ซ่งซานเฉินพูดไม่เก่ง ไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงถอนหายใจอีกครั้ง "เมื่อคืนพ่อคุยกับแม่แล้ว เงินเก็บช่วงบั้นปลายชีวิตสองแสนหยวนของพ่อกับเฉียวเฉียวห้ามแตะต้อง เราให้ลูกได้แค่หกหมื่น"
"ถานถาน หาเงินได้ยาก อย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย"
ซ่งถานรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาทันที เธอรู้ว่าพ่อไม่ได้โกหก ครอบครัวชาวนา ส่งลูกคนหนึ่งเรียนมหาวิทยาลัย อีกคนเป็นลูกชายสติไม่ค่อยปกติ แม้แต่การทำงานก็ต้องสลับกันไประหว่างสามีภรรยา จะเก็บเงินได้มากแค่ไหนเชียว
นี่คือสมบัติทั้งหมดจริงๆ
ซ่งซานเฉินไม่รู้ความคิดลูกสาว ในหัวยังคงมีแต่ความกังวลอยู่
"ถ้าจะทำ ก็ต้องคิดให้ดีว่าจะหาเงินได้อย่างไร ถ้าหาได้ง่ายๆ ไม่งั้นชาวบ้านที่ทำไร่ทำนาเก่งกว่าหนูเยอะแยะ พวกเขาจะยังอดมื้อกินมื้ออยู่ทุกวันนี้หรือลูก"
"ถ้าไม่มั่นใจ ก็คิดทบทวนดูอีกทีเถอะถานถาน"
ซ่งถานก็เงียบไป
ในหมู่โลกเซียนแห่งการบำเพ็ญเพียร ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำได้ไม่ต้องสนใจขี้ปากใครทั้งนั้น ตราบใดที่บรรลุขั้นก็ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้และไม่กล้าข้องเกี่ยวด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับวิชาเซียนรากคู่ธาตุน้ำและธาตุไม้ของเธอ เพื่อแสวงหาการพัฒนาตนเอง เธอจึงต้องไปถึงยอดเขาอินเยว่เพื่อปลูกพืชวิญญาณเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปี
มีอีกมากมายปฏิบัติเช่นนี้
แต่ตอนนี้เป็นโลกของมนุษย์ธรรมดา เงินหกหมื่นหยวนเธอสามารถใช้จ่ายจนหมดได้ แต่เธอจะกล้าให้พ่อแม่ต้องกังวลใจแบบนี้ได้อย่างไร แต่จะพูดเรื่องการบำเพ็ญเพียรอย่างไร ซ่งถานครุ่นคิดครู่หนึ่ง
"พ่อ จริงๆ แล้ว ไม่ต้องปิดบังพ่อเลย หนูอยากกลับมาบ้านนานแล้ว หมู่บ้านของเราอยู่ใกล้แหล่งน้ำ และยังเป็นภูเขาคดเคี้ยวอีกตั้งสิบแปดโค้ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้มีมลพิษ เป็นสถานที่ที่ดีมาก"
นั่นเป็นเรื่องจริง เพียงแต่เป็นภูเขาที่รกร้างว่างเปล่า ภูเขาก็ไม่สูงชันมากนัก กระนั้นก็ยังคงดูงดงามแปลกตา พื้นที่ป่าและพื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่ปลูกอะไรก็ได้ แต่ผู้คนในหมู่บ้านกลับปล่อยให้รกร้างว่างเปล่าอยู่อย่างนั้น...แม้ว่าเธอจะต้องการพัฒนา แต่ก็ไม่มีทางเริ่มต้นได้เลย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแทบจะไม่มีมลพิษให้ได้สัมผัสเลย
ไม่เช่นนั้น เมื่อคืนซ่งถานคงไม่สามารถดึงลมปราณเข้าสู่ร่างกายได้จนสมบูรณ์
"มีอะไรดี" ซ่งซานเฉินไม่สนใจ "หมู่บ้านแบบนี้มีอยู่ทั่วไป"
แต่ซ่งถานกลับพูดเสียงเบา "พ่อ หนูกล้ากลับมาทำไร่เพราะมีผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบที่นี่แล้ว บอกว่าคุณภาพดินและน้ำดีมาก ปลูกพืชผลก็จะมีคุณภาพดีกว่าที่อื่น"
"เขาเป็นมืออาชีพ และหนูก็รู้สึกเขาจะโกหกเพื่อประโยชน์อะไร และหนูยิ่งรู้สึกว่าทำงานไม่ไหวแล้วก็เลยอยากกลับมาที่บ้านเราลองทำมันดู"
"พ่อ ถ้าทำสำเร็จ หนูจะได้อยู่กับพ่อแม่ที่หมู่บ้านตลอดไปไง"
ประโยคสุดท้ายทำให้ซ่งซานเฉินยอมใจอ่อน
การเลี้ยงดูลูกชายและลูกสาว มีหรือเขาจะไม่ต้องการให้ครอบครัวอยู่ด้วยกัน แต่เมื่อลูกสาวเรียนจบมัธยมต้นก็ไปอยู่หอพักในเมือง เมื่อเรียนจบมัธยมปลายก็เรียนต่อมหาวิทยาลัยและทำงาน เมื่อคิดคำนวณอย่างถี่ถ้วนแล้ว เวลาที่พวกเขาได้อยู่กับลูกสาวนั้นน้อยมากจริงๆ
พอตอนนี้ลูกสาวพูดแบบนี้ ซ่งซานเฉินก็อดจะเผลอเชื่อไม่ได้เหมือนกัน ใช่น่ะ คนที่เชี่ยวชาญมาตรวจสอบโดยเฉพาะเชียวนะ เพราะงั้นถ้าเกิด…….
ดังนั้นเขาจึงหลอกตัวเองอยู่สักพัก แล้วก็พูดตามไปด้วยว่า “ใช่ ผักที่เราปลูกที่นี่มีกลิ่นธรรมชาติมากกว่าที่พวกคนในเมืองซื้อขายในซูเปอร์มาร์เก็ต! ”
พ่อลูกเดินไปดูเครื่องมือทำการเกษตรอย่างมั่นอกมั่นใจ
“ถูกแล้วพ่อ ว่าแต่เครื่องจักรไถพรวนของที่นี่ราคาเท่าไหร่?”
ซ่งซานเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง “น่าจะประมาณห้าพันหยวนได้มั้ง......”
ซ่งถานตัดสินใจทันที “หนูจะซื้อหนึ่งเครื่อง! ”
“ซื้ออะไร!” ซ่งซานเฉินสะดุ้งพรวดทันที รีบจ้องมองเธอ “ใช้ไปสองครั้งก็ต้องซ่อมแล้ว และที่บ้านเรามีตั้งแต่ป่าไผ่ไปจนถึงสระน้ำ รวมแปลงนาใหญ่ก็นับได้เจ็ดแปดแปลง หนูซ่อมไหวเหรอ แล้วจะทำเสร็จในคราวเดียวได้เหรอ”
นาของพวกเขาเป็นนาขั้นบันได เหมาะเฉพาะกับเครื่องจักรขนาดเล็ก แต่เครื่องจักรขนาดเล็กราคาถูก ก็เสียได้ง่ายอีก ในเรื่องนี้ ซ่งซานเฉินมีประสบการณ์มากกว่าซ่งถานที่ใช้แต่พลังปราณวิญญาณ
ดังนั้น ซ่งถานจึงเดินตามซ่งซานเฉินไป เห็นเขาเดินเข้าไปในร้านขายเครื่องจักร พูดคุยกันไม่กี่คำ ก็ตกลงราคาไถพรวนที่ 500 หยวนต่อวัน
“แพงจัง......”
ซ่งซานเฉินยังบ่นไม่เลิกหลังจากออกจากร้าน
ตอนนี้คนทำนาแม้ไม่ค่อยมี แต่ก็ยังพอหาจ้างได้อยู่บ้าง ฤดูกาลนี้ทุกคนน่าจะกำลังเตรียมไถพรวนสำหรับฤดูใบไม้ผลิ ถือว่าเป็นช่วงฤดูเพาะปลูกเล็กๆ นอกจากนี้ พวกเขายังไม่เพียงแต่เช่าเครื่องจักร แต่ยังต้องจ้างคนทำงานด้วย นาของพวกเขาก็รกร้างมานานหลายปีแล้ว จึงต้องจ่ายราคาแพงขนาดนี้ ซ่งซานเฉินถึงกับอ้าปากค้าง
แต่เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนมองโลกในแง่ดี ตอนนี้จึงดูกังวลน้อยลงแล้ว “ใช้เครื่องจักรจะได้ประหยัดแรง จ้างเขาแพงหน่อย แต่ไถพรวนได้ลึกกว่าจ้างเจ้าอื่น ก็ดีเหมือนกัน”
จริงๆ แล้ว ในเมืองมีร้านขายเครื่องจักรให้เช่าอยู่ร้านเดียว ถ้าไปไกลกว่านี้ก็ต้องไปเมืองข้างๆ
ซ่งถานมองพ่อของเธอ รู้สึกว่าเขาน่ารักไปหมด
“ถูกแล้วถานถาน หนูวางแผนจะปลูกอะไรก่อน? ถ้าจะปลูกข้าว ก็ต้องไปทำความสะอาดคูน้ำด้านบนก่อน หลายปีมานี้ไม่มีใครดูแลเลย เต็มไปด้วยต้นไม้จนจิกน้ำจะหมดบ่อแล้ว”
ผู้คนในหมู่บ้านนี้ชอบทานข้าว แต่เดิมมักปลูกข้าวและข้าวสาลี แต่โดยภาพรวมแล้วคะแนนก็ยังเทมาทางฝั่งปลูกข้าวเสียมากกว่า แน่นอนว่าตอนนี้ไม่มีใครปลูกแล้วไม่ว่าจะเป็นข้าวชนิดไหนก็ตาม
ซ่งถานเฝ้ามองพ่อของตนเอง รู้สึกราวกับว่าตนเป็นบุตรสาวของเศรษฐีที่แสนร่ำรวย "คูน้ำแห่งนี้ก็เป็นของเราด้วยหรือ" ริมบ่อมีต้นหลิว ต้นหญ้าและผักป่า น้ำใสสะอาด
ในความทรงจำของซ่งถาน ลูกเกาลัดในบ่อมีขนาดเล็กพอสมควร แต่เมื่อปอกเปลือกออกแล้วจะมีรสหวานและนุ่มละมุน แตกต่างจากที่ขายในตลาดอย่างสิ้นเชิง เธอไม่เคยได้ลิ้มรสเช่นนี้อีกเลยในหลายปีมานี้
"แล้วจะเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร" ซ่งซานเฉินกล่าวอย่างจริงจัง "แต่เดิมครอบครัวเราปลูกข้าว หากใช้คูน้ำของผู้อื่น เขาคงไม่ยอมให้เราสูบน้ำ แล้วข้าวจะงอกงามได้อย่างไร"
"อย่าได้พูดถึงเรื่องนั้นเลย ป่าไผ่แห่งนี้ รวมถึงคูน้ำหน้าบ้านล้วนเป็นของเรา พ่อเป็นน้องคนสุดท้อง เมื่อแบ่งมรดก พี่ชายก็ได้ภูเขาไป แต่เราได้ที่ดินแถวนี้ มีเพียงคูน้ำที่อยู่ไกลออกไปบนเนินเขาเท่านั้นที่เป็นของหมู่บ้าน"
ซ่งซานเฉินถอนหายใจอย่างหนักหน่วง เห็นได้ชัดว่าเริ่มกังวลเรื่องเงินอีกแล้ว
ขณะที่ซ่งถานยังตกใจอยู่จนพูดไม่ออก
เธอยังคิดที่จะกลับมาเช่าที่ดินบนภูเขา แต่เมื่อพิจารณาเช่นนี้แล้ว จะต้องเช่าไปเพื่ออะไรกันเล่า เธอเป็นเศรษฐีอยู่แล้ว! ในเวลานี้ ซ่งถานรู้สึกกระฉับกระเฉง จึงชี้ไปที่ร้านขายเมล็ดพันธุ์ข้างหน้า
"พ่อ ซื้อเมล็ดถั่วม่วงสักหลายสิบกิโลกรัมเถอะ"
ซ่งซานเฉินขมวดคิ้ว "นี่หนูตั้งใจจะปลูกถั่วม่วงในพื้นที่หลายสิบเอเคอร์เลยหรือ"มิเช่นนั้นจะไม่จำเป็นต้องใช้เมล็ดถั่วม่วงจำนวนมากขนาดนี้ ถั่วม่วงหนึ่งเอเคอร์ใช้เมล็ดพันธุ์เพียงห้าหรือหกกิโลกรัมเท่านั้นตอนนี้ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ยังคงสวมเสื้อผ้าขนเป็ดและเสื้อโค้ทผ้าฝ้ายหนาอยู่ เมื่อถึงเดือนมีนาคม อุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตราบใดที่ไม่มีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ และความแตกต่างของอุณหภูมิช่วงหลังเที่ยงคืนไม่มากนัก พืชผลทางการเกษตรส่วนใหญ่ก็สามารถปลูกได้แล้วแต่หากปลูกถั่วม่วง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องไถพรวนอีกครั้งในปลายเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมเพื่อปลูกอย่างอื่นได้...ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ไม่ได้ขัดขวางการปลูกอย่างอื่นตามประสบการณ์การทำไร่ทำนาของซ่งซานเฉิน เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกพืชในชนบท ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนของทุกปีจะมีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ความแตกต่างของอุณหภูมิก่อนและหลังเที่ยงคืนมีมาก เมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งงอกก็อาจจะถูกแช่แข็งจนตาย ไม่เหมาะสมเพียงแต่เขาคิดว่าการใช้เงินและเสียเวลาไปมากมายตั้งแต่แรก ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเมื่อคืนซ่งถานคิดอย
กลับถึงบ้าน อู่หลานก็ซักไซ้เรื่องเงินก้อนนี้อย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ ซ่งถานรายงานทีไร เส้นเลือดที่หน้าผากของเธอก็เต้นตามไปด้วยทุกรอบ เต้นจนซ่งถานใจคอไม่ดี จะขอเงินทำอะไรก็ดูติดขัดเก้ๆ กังๆ ไปเสียหมดตอนนี้ ต้องรีบใช้กลยุทธ์ถัดไปปิดฉากแม่เธอ "แม่ หนูอยากเลี้ยงหมูสักสองสามตัว…ได้ไหม"ตอนนี้ราคาหมูขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ หมูตามบ้านนอกอย่างหยุนเฉิงก็ไม่เคยขายไม่ออก ตามหลักแล้ว เลี้ยงหมูก็เหมาะสมดี"กี่ตัว"อู่หลานฮึดฮัด เหมือนคิดว่าลูกสาวตนเองไม่เคยจับงานใหญ่ "ตอนนี้หมูแพง ลูกหมูก็แพง ตัวละตั้งหลายร้อย กลับมาบ้านก็ต้องก่อเตาทำอาหารให้หมูกินอีก แถมตอนนี้หนาวก็ต้องซื้อรำข้าวโพด”โอ๊ย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่หมูหิวก็ร้องแล้ว หมูสองสามตัวก็ร้องดังระงมไปทั่ว ต้องคอยสร้างคอกหมูอีก แค่เฉพาะทำงานในไร่ก็ยุ่งเป็นระวิงมือไม้ใช้ไม่พอแล้ว ซ่งถานเป็นแบบนี้เสมอ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ทันเดินก็คิดจะบิน ในสายตาของอู่หลาน มันไม่น่าเชื่อถือเลย"อีกอย่าง ทรัพย์สินล้นฟ้าล้วนไม่นับสิ่งมีขน ถ้าหมูเกิดป่วยขึ้นมา..."แต่ซ่งถานอยากกินเหลือเกิน ช่วงนี้เธอสามารถฝึกฝนลมปราณได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เ
ซ่งถานมีคุณปู่ชื่อซ่งโหย่วเต๋อ เป็นชาวนาแก่ๆ อายุ 79 ปีแล้ว ท่านป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพองเนื่องมาจากการสูบบุหรี่บ่อยๆ และถี่หนักตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ดังนั้นแกจึงหอบง่ายมาก ส่งผลให้ทำงานหนักไม่ได้มาหลายปี นอกจากการดูแลสวนผักง่ายๆ ก็ยังถนัดเล่นไพ่ใบไม้กับกลุ่มคนแก่ในหมู่บ้านเป็นกิจวัตรบ่อยๆ ด้วย ในมือแกชอบถือไปป์ยาสูบเก่าแก่ที่หายาก ในสิบหมู่บ้านแปดเมือง ทุกปีจะต้องมีคนมาขอซื้อน้ำมันยาสูบเก่าในไปป์แกเพื่อรักษาแผลคนในครอบครัวตลอดไพ่ใบไม้ คุณปู่ของฉันเคยชอบเล่นเกมลับสมองแบบนี้ แต่ผ่านไปสักพักก็ไม่มีใครเล่นตามแกกันแล้วส่วนคุณยายหวังลี่เฟินนั้น ขาแข็งแรง ร่างกายแข็งแรง ทำอาหารเก่งมาก ปัจจุบันสวนผักในบ้านก็ยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทุกปีจะมีชาวบ้านมาหาเธอเพื่อขอซื้อต้นกล้าผักสวนครัวโดยเฉพาะ เธอจึงเป็นเสาหลักของบ้านซ่งเลยก็ว่าได้ซ่งถานออกจากบ้าน เดินผ่านสวนผัก เห็นบ้านเก่าแก่ที่ทำจากอิฐสีแดงตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ลานหน้าบ้านปูด้วยซีเมนต์เป็นพื้นที่กว้าง ในใจก็พาลหวนนึกถึงตอนตัวเองยังเด็กขึ้นมาทันที ต้นไม้ไทรสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ที่มุมลาน ใต้ต้นไม้มีไก่หลายตัวนอนอาบแดดคุ้ยเขี่ยทรายเล่นอยู
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซ่งซานเฉินตื่นขึ้นมาแล้วก็ต้องตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งอากาศ...สดชื่นจัง!ยิ่งได้เห็นแนวภูเขาที่ปกคลุมด้วยหมอกบางๆ ประกอบกับแสงสีทองอ่อนอำไพแผ่กระจายอย่างจางๆ ดูสวยงามราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศก็ไม่เกินจริงคูน้ำหน้าบ้านยังมีหมอกสีขาวปกคลุม หนาแน่นและบังตาจนเขามองแทบไม่เห็นพื้นผิวน้ำ มันกำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ค่อยๆ สลายไป ส่วนต้นเหมยฮวาที่อยู่รอบๆ สนาม ซ่งซานเฉินจำได้ชัดเจนว่ามันเคยร่วงโรยไปตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ทำไมวันนี้ถึงกลับมาบานอีกครั้ง? ดอกตูมสีเหลืองเล็กๆ ซึ่งยังบานไม่เต็มที่นั้น ไม่เพียงแค่ดูน่ารักราวเด็กน้อยหัดเดิน แต่กลับยังมีกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลขณะนี้ ชาวนาชราได้มีโอกาสชื่นชมความงามที่ไม่พบเจอมานานมากแล้ว แต่ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกชื่นชมเขาหันไปมอง!เห็นกระรอกสีเทาพื้นเมืองเจ็ดแปดตัวเกาะกำแพงบ้านแล้วมองเข้ามาเหมือนพวกปาปารัสซี่ พอลองมองไปที่ภูเขาหลังบ้าน ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพที่เพิ่งผ่านพ้นฤดูหนาวมา แต่กลับมีกลิ่นอายของความสดใหม่ ราวกับว่าเพิ่งขัดเคลือบเงาซ่งซานเฉินมองอยู่นานจนงง แล้วก็
ปลายเดือนกุมภาพันธ์ต้นเดือนมีนาคม จะเป็นช่วงเวลาแห่งความอึดอัดใจและกลัดกลุ้มสำหรับชาวนาในแต่ละปี เมื่อสิ้นปีได้ผ่านพ้นไป ลูกหลานส่วนใหญ่มักพากันย้ายออกไปตั้งรกร้างครอบครัวของตัวเองยังที่แห่งใหม่ นกเธอแอ่นบนคานหามยังไม่กลับมา ที่ดินรกร้างว่างเปล่าก็มีมากขึ้น หากมองไกลๆ จากบนท้องฟ้าจะพบสีเหลืองและน้ำตาลครามครอบคลุมพื้นที่ดินจำนวนมาก ยกเว้นภูเขาเขียวขจีที่อยู่ไกลออกไปแล้ว หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านก็เงียบเหงาและสงบแต่ในวันนี้ ทุ่งนาข้างป่าไผ่ของตระกูลซ่งกลับคึกคักอีกครั้ง"ซ่งซานเฉิน ปีนี้บ้านนายเป็นอะไรไป ร่ำรวยเตรียมทำอะไรใหญ่โตหรือยังไงกัน ทุ่งนาตั้งเยอะแยะจะเก็บกวาดไปทำไม""ใช่แล้วซ่งซานเฉิน นายจะปลูกอะไรกันแน่ ที่ดินเดิมยังมีต้นชาสองสามต้น ฉันเห็นยังทิ้งๆ ขว้างๆ อยู่เลย"ทุกคนถูกซ่งซานเฉินเชิญมาเก็บกวาดที่ดิน เครื่องจักรรถไถกำลังทำงานอย่างหนักหน่วงอยู่ที่มุมหนึ่ง ก่อนจะไถดิน พวกเขาจำเป็นต้องกำจัดวัชพืชและเศษซากต้นไม้เล็กๆ ที่แห้งกรังในที่ดินก่อน ไม่เช่นนั้นเครื่องจักรขนาดเล็กอาจจะมีเศษติดอยู่ใต้ท้องเครื่องโชคดีที่มีคนมาร่วมแรงช่วยกันเยอะแยะ ทำให้งานดูสนุกและมียังมีประสิทธิภาพดีด้วย เมื่
ตอนนี้เป็นช่วงพักจากการทำนา ชายหญิงในหมู่บ้านวัยสามสิบถึงห้าสิบปีที่พอจะแบกหามได้ก็ถูกซ่งซานเฉินเรียกมาช่วยหมดแล้ว เวลาไม่คอยท่า ฉวยโอกาสนี้จัดการให้เสร็จ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็ต้องหว่านเมล็ดลงดินแล้วแผนลำดับขั้นตอนของซ่งถานร่างไว้อย่างชัดเจนต้องจัดการหญ้าในสวนเกาลัด ต้นเกาลัดเหล่านั้นควรใส่ปุ๋ยและตัดแต่งกิ่งให้เรียบร้อย ถึงเวลาก็ต้องทำโครงสำหรับวางเห็ดหูหนู ต้องล้อมรั้วรอบนอกเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์หรือคนเข้ามาสร้างความวุ่นวายพอดีที่ด้านหลังภูเขาตัดต้นไม้ทิ้งไปหลายต้น ลำต้นแบ่งเป็นท่อนๆ เพื่อใช้เพาะเห็ดได้ กิ่งก้านสามารถใช้ทำเป็นเพิงกำบังลมและกันฝนสาดให้หมู และยังต้องเตรียมรางใส่อาหารหมูกั้นด้วยตาข่ายลวดส่วนในไร่ ภายในหนึ่งหรือสองเดือนนี้จะปลูกถั่วม่วงไว้ก่อน เมื่อถั่วม่วงออกดอกแล้วก็ถึงเวลาไถพรวนดินอีกครั้ง เตรียมปลูกข้าวและผัก เมล็ดบางชนิดก็สามารถเพาะกล้าไว้ล่วงหน้าได้ในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ยังต้องหาไก่บ้านและเป็ด อีกทั้งต้องนัดหมายกับชาวบ้านคนอื่นเพื่อรับซื้อลูกหมู เวลามีคนมาช่วยงานเยอะๆ ก็ต้องเตรียมอาหารทุกวันซ่งซานเฉินและอู๋หลานต่างก็ยุ่งจนตัวเป็นเกลียว แล้วลูกสาวล่ะ?ก็ไ
ในทุ่งนาเสียงเครื่องจักรคำรามลั่นทุ่ง ชาวบ้านต่างทำงานไปพลางพูดคุยกันไป ขณะที่กองหญ้าและต้นไม้ป่าที่พูนไว้บนคันนากำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ดินสีน้ำตาลที่ไม่ได้ไถมานานมีกลิ่นชื้นโชยออกมา สัมผัสกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องประกายเจิดจ้าหมู่บ้านกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหวังลี่เฟินเปิดห้องเก็บของที่มุมลานบ้านซึ่งปิดตายเป็นเวลานานแล้ว มันเป็นห้องที่สร้างขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนเธอเพิ่งคลอดลูกสาว หวังลี่เฟินจำได้แม่นว่าในปีนั้นซ่งโหย่วเต๋อก็รับอาสาร่วมกับพี่น้องนำดินเหนียวมาปั้น ตัดฟางข้าว แล้วตีอิฐทีละก้อนเพื่อสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาอย่างช้าๆตอนแรกที่นี่เป็นบ้านหลังหลักของพวกเขา กระทั่งต่อมาเมื่อลูกๆ เริ่มเติบโตอายุมากขึ้น บ้านหลังใหม่ที่ทำจากอิฐและกระเบื้องก็สร้างเสร็จ ห้องนี้จึงกลายสภาพเป็นที่เก็บข้าวสารและฟ่อนฟาง จวบจนกระทั่งเลิกทำนาห้องนี้ก็กลายเป็นห้องเก็บของไปโดยปริยายเฉียวเฉียววิ่งเข้ามา "ย่า! ย่า!"หวังลี่เฟินเพิ่งหยิบกระบุงใส่ของออกมาจากห้อง เมื่อได้ยินเสียงก็ตอบ "เฉียวเฉียวว่าไงลูก"ไม่นานนัก เฉียวเฉียวก็โผล่หัวที่ตัดทรงสกินเฮดมาให้ย่าตกใจเล่น "ย่า พี่สาวบอกเดี๋ยวจะพาไปทำนา ขอยืมตะกร
พี่สาวน้องชายตอนออกจากบ้านเดินทางจูงมือกันไปอย่างมีความสุข สุดท้ายขากลับดันเหลือคนมีความสุขเพียงคนเดียว"เฉียวเฉียวอยู่ไหน" อู่หลานถามด้วยความตกใจซ่งถานหัวเราะร่า "อยู่ข้างหลังนู่น! "ทันทีที่พูดจบ เธอก็เห็นเด็กชายตัวโตคนหนึ่งกำลังเดินเลี้ยวมาจากถนนด้านหลัง ศีรษะกลมเกลี้ยงสีดำเงา กำลังใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียยกใหญ่"เฉียวเฉียว! " อู่หลานก็อดกลั้นไว้ไม่ได้เช่นกัน พลางหัวเราะไปรับตะกร้าจากมือของเขา "เป็นอะไรไป ทำไมถึงร้องไห้? โอ้โห ดูหน้าตาเฉียวเฉียวของเราสิ ร้องไห้จนหน้าตาขี้เหร่ไปหมดแล้ว"พอมีคนรู้สึกสงสาร เฉียวเฉียวก็เลยร้องไห้เสียงดังยิ่งขึ้นไปอีก"แม่...อือๆๆ แม่...พี่สาว...อือๆๆ พี่สาวไม่ยอมให้ผมปลูกผักง่า"ซ่งถานได้ยินก็ฟึดฟัดไม่ยอมรับความผิดนี้ "พูดจาเหลวไหล พี่สาวหว่านเมล็ดพันธุ์ตัวเองจนหมดแล้ว เธอยังขุดหลุมปลูกทีละเม็ดอยู่เลย และพี่สาวเหลือไว้ให้เธอตั้งกำมือหนึ่งนะ จะให้รอเธอค่อยๆ ปลูกเหรอเมื่อไหร่จะได้กลับบ้านกันล่ะ"จากนั้นก็อธิบายให้กับอู่หลานฟังเบาๆ ว่า เมล็ดพันธุ์ของถั่วม่วงเพียงแค่หว่านลงไปในดินก็พอแล้ว แต่เฉียวเฉียวรู้วิธีปลูกเพียงข้าวโพดเท่านั้น เขาจ