ซ่งถานตกใจจริงๆ
"บ้านเราเงินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ"
มีทั้งภูเขาและที่นา
"มีเงินอะไรล่ะ" อู่หลานไม่เงยหน้าขึ้นมา "ทั้งหมดก็ตกทอดมาจากคุณปู่ของหนูทั้งนั้น ภูเขารกๆ ตรงนั้น ขายก็ไม่ได้ ไม่มีใครเช่า ก็เลยรกร้างอยู่แบบนั้น"
ซ่งถานเงียบไป
ตอนนี้ทั้งหมู่บ้านมีไม่ถึงสามสิบหลังคาเรือน อายุเฉลี่ยสี่สิบห้าสิบปี ตอนนี้ข้าวก็ไม่ค่อยมีค่าแล้ว ก็แค่พออยู่พอกินเท่านั้น ไม่ใช่แค่บ้านของพวกเขาเท่านั้น บ้านอื่นๆ ก็มีที่รกร้างเป็นผืนใหญ่เช่นกัน
ก็ไม่มีเหตุผลอะไรอื่น นอกจากขาดแรงงาน
ที่นี่มีภูเขาเยอะ เครื่องจักรกลการเกษตรขนาดใหญ่ก็ใช้ไม่ได้ เครื่องจักรขนาดเล็กก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งก็แพงมาก กำไรทั้งหมดจากที่นาหนึ่งแปลงก็ไม่พอที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ นอกจากนี้ยังมีอีก ถนนยังคดเคี้ยว ไม่มีหนทางไหนที่จะส่งขายออกไปยังนอกหมู่บ้านได้เลย ทุกวันนี้การปลูกข้าวและข้าวสาลีก็เพื่อกินเอง ทำงานหนักมาทั้งปี ทั้งรดน้ำ ใส่ปุ๋ย และกำจัดแมลง ก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก
แล้วผลผลิตได้เท่าไหร่ล่ะ
ยิ่งในกรณีที่ขาดแรงงาน ก็เก็บเกี่ยวได้แค่พอที่บ้านกินเท่านั้น
หันกลับมาดูที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในเมือง สิบกว่าหยวนต่อหนึ่งกิโลกรัม แม้ว่ารสชาติจะไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่ต้องทำงานหนัก คิดดูแล้วก็ใช้เงินน้อยกว่าเยอะเลย ดังนั้นปล่อยรกร้างไว้ยังจะดีกว่า ถ้าจะหาเงินจริงๆ ก็ต้องทำงานหนักในช่วงครึ่งปีแรก แล้วออกไปทำงานนอกหมู่บ้านในช่วงครึ่งปีหลัง
อย่างเช่นอู่หลาน ปีที่แล้วไปโรงงานผลิตรองเท้าเพื่อร้อยเชือกผูกรองเท้า ได้เดือนละหกพัน ทำงานจนถึงช่วงปีใหม่ถึงได้กลับบ้าน
ปีก่อนหน้านี้เป็นซ่งซานเฉิน ไปทำงานที่ไซต์งานในเมืองหลวง ได้วันละสี่ร้อย ทำงานสามเดือน ได้สามหมื่นกว่า ผอมลงสิบกว่ากิโล กลับมาพักฟื้นอยู่ครึ่งเดือนกว่า
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็แก่แล้ว
ซ่งถานรู้สึกเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้เธอสัญญาว่า "แม่ หนูสัญญาว่าจะทำให้พวกแม่มีชีวิตที่ดีขึ้น"
อู่หลานไม่ได้ทำให้เธอหมดกำลังใจ แต่ถามกลับว่า "ถ้าหนูทำได้ ที่นาและภูเขาของบ้านจะให้จัดการทั้งหมด เก็บแปลงผักไว้ไม่ได้ทำอะไรก็เสียเปล่า"
"หนูจะเอาภูเขาก็เอา จะเอาที่นาก็เอา ตอนนี้ปลายเดือนกุมภาพันธ์แล้ว ฤดูใบไม้ผลิใกล้จะมาถึงอีกไม่นาน จะปลูกอะไรล่ะ"
เอ่อ…ตอนนี้เธอยังไม่ได้วางแผนเป็นรูปเป็นร่างขนาดนั้นสักหน่อย!
คิดไปคิดมา เธอก็เพิ่งจะกลับจากโลกเซียนได้แค่ครึ่งวัน ยังไม่ทันได้ฝึกฝนหรือลองวิชาเซียนและปรับแต่งกับงานเกษตรที่นี่เลย จะปลูกอะไรก็คงไร้ประโยชน์เปล่าๆ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาที่น่าเกรงขามของอู่หลาน ซ่งถานก็เปลี่ยนคำพูดทันที
"แม่ หนูสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรที่ไม่มีความมั่นใจ"
นั่นเป็นเรื่องจริง ลูกสาวของเธอเป็นเด็กดีและเชื่อฟังมาโดยตลอด
ยกเว้นครั้งนี้!
อู่หลาน "อืม" สั้นๆ รอฟังคำพูดต่อไป
"ถ้าอย่างนั้น ให้พ่อไปเช่าเครื่องจักรมาพรุ่งนี้แล้วไถที่นาที่รกร้างให้หมดเลย"
"ที่บ้านเรามีอะไรปลูกอยู่ หนูจะไม่ยุ่ง"
"หนูมีแผนสำหรับภูเขาสองสามลูกในหัวแล้ว แต่ต้องหาคนมาขุดภูเขาขุดดินเพิ่ม เพราะเครื่องจักรขึ้นไปไม่ได้ แม่จ้างคนมาเลย หนูจ่ายเงินเอง"
"หืม..หนูจะใช้เงินจ้างเลยเหรอ" อู่หลานมองเธออย่างมีนัยสำคัญ
"ถานถานเอ๋ย ขุดภูเขาคนละสองร้อยหยวนต่อวัน หนูมีเงินแค่หกหมื่นหยวน ใช้ให้คุ้มหน่อย ไม่งั้นบ้านเราไม่มีเงินทุนเก่าให้ลูกใช้มากมายขนาดนั้นนะ"
ซ่งถานหน้าซีด ทำไมเมื่อก่อนเธอถึงเชื่อฟังแม่ขนาดนั้นกันนะ! แม้แต่เงินฝากหกหมื่นก็ยังต้องรายงาน จนพาลทำให้โดนตำหนิในวันนี้เสียได้
จู่ๆ ซ่งเฉียวที่เก็บของในครัวก็วิ่งเข้ามา มือทั้งสองข้างแดงก่ำ ทำให้อู่หลานโกรธอีกแล้ว "บอกไปกี่ครั้งแล้วว่า ฤดูหนาวต้องใช้น้ำอุ่น! ทำไมไม่เชื่อฟังแม่เลย! "
พวกเขาตั้งใจจะฝึกฝนซ่งเฉียว งานบ้านจึงค่อยสอนทีละเล็กทีละน้อย กลัวว่าสักวันหนึ่งพวกเธอจะไม่อยู่ช่วยดูแลได้แล้ว แต่ซ่งเฉียวดันไม่รู้จักแม้แต่ดูแลร่างกายตัวเอง กระบวนการฝึกฝนนี้ก็เต็มไปด้วยความหดหู่
อย่างเช่นตอนนี้ ซ่งเฉียวไม่ได้สนใจแม่ของเขาเลย แต่เข้ามาซบอยู่ข้างๆ ซ่งถาน
"พี่สาว ผมอยากดูเพ็กกี้! แม่ไม่ให้ผมดู"
โอ้โห!
ใครจะปฏิเสธเจ้าตัวน้อยแสนน่ารักแบบนี้ได้ ซ่งถานจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาทันที "มา เรามา……"
เธอหยุดชะงัก
โทรศัพท์ที่หยิบออกมาเต็มไปด้วยรอยร้าวราวกับว่ากำลังจะพัง
อู่หลานมองโทรศัพท์ราคาพันกว่าหยวนของตัวเอง จู่ๆ ก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมา
"แม่รู้ว่าหนูอยู่ข้างนอกลำบาก แต่ที่บ้านไม่ขาดเหลืออะไรหรอก อะไรจำเป็นก็อย่าประหยัดเกินไป" แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงอีกว่า "ถ้าอยากทำไร่ก็ทำไปเลย ที่บ้านไม่มีอะไรมากมาย แต่มีที่เยอะ หนูอยากทำอะไรก็ทำตามใจเลยลูก"
พูดจบ อู่หลานก็หันกลับมาหยิบโทรศัพท์แล้วโอนเงินให้เธอสองพันหยวน "พรุ่งนี้ไปที่เมือง ซื้อใหม่ซะ"
ซ่งถานกะพริบตาด้วยความสับสน แล้วมองโทรศัพท์ของตัวเอง
โชคดีจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆ!
แต่ในวินาทีถัดมา ก็ได้ยินเสียง "ฮึมๆๆ" ของซ่งเฉียวข้างๆ ขณะที่ส่งเสียงก็มองทั้งสองคน
คราวนี้ อู่หลานรู้สึกอ่อนโยนไม่ลงแล้ว ตะโกนว่า "ซ่งเฉียวเฉียว! แม่บอกแล้วว่าถ้าหนูทำเสียงหมูอีก แม่จะไม่ให้ดูทีวี! "
ในยามค่ำคืนที่เงียบสงบ ในที่สุดซ่งถานก็มีโอกาสได้ลองกระตุ้นพลังลมปราณ คลื่นพลังบางใสส่องเป็นประกายระยิบระยับเคลื่อนไหวตามลมอย่างช้าๆ ในหมู่บ้านที่เงียบสงบแห่งนี้ เมื่อเธอเคลื่อนไหวตามวิธีการฝึก พลังลมปราณที่มองเห็นไม่ค่อยชัดราวหิ่งห้อยก็ค่อยๆ รวมตัวกันทีละน้อย
ราวกับสายฝนชโลมร่างกายที่อ่อนแอและเต็มไปด้วยบาดแผลของเธอที่รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด มันชำระร่างกายของเธอ...ในที่สุด เมื่อขอบฟ้าเริ่มสว่าง พลังลมปราณที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างการฟื้นฟูก็ถูกซ่งถานเก็บเข้าไปในท้องน้อย
ตอนนี้ ร่างกายของเธอเปียกโชกไปด้วยเหงื่อไคลสีดำ กลิ่นในห้องก็ยิ่งเหม็น ซ่งถานได้แต่ทำตัวเหมือนโจรย่องเบาค่อยๆ แอบไปห้องน้ำอีกครั้ง ขอบคุณหมู่บ้านชนบทที่ห่างไกลความเจริญแห่งนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่กลัวความหนาวเย็นมากนัก แต่ก็ยังต้องพูดว่า เครื่องทำน้ำอุ่นของที่นี่สุดยอดกว่าในเมืองด้วยซ้ำ
แต่ที่ไม่ดีก็คือ เพราะว่าสิ่งสกปรกบนร่างกายเธอขัดออกยากเกินไป ทำให้หลังจากอาบน้ำเสร็จ ไม่เพียงแต่น้ำอุ่นจะหมดไปแล้ว อู่หลานก็ตื่นขึ้นด้วย
ตอนเช้าแบบนี้ คนในครอบครัวยังไม่เริ่มอาบน้ำกัน ทำให้แม่เธอยังไม่ทันต้มน้ำอุ่นถังใหม่ให้ นั่นก็เท่ากับว่าเธอต้องใช้น้ำเย็นอาบงั้นเหรอ?
แทบจะคลั่งแล้ว!
ดังนั้นในพริบตาเดียว คนทั้งบ้านก็ตื่นกันหมด เฉียวเฉียวต้มน้ำขิง ซ่งซานเฉินก่อเตา อู่หลานรีบใช้น้ำร้อนจากเตาต้มน้ำอีกครั้งเพื่อไม่ให้เธอหนาว สุดท้ายก่อนจะออกไปข้างนอก ซ่งถานก็ห่มเสื้อโค้ททหารที่มีอายุมากแล้ว บนหัวสวมหมวกไหมพรมของรุ่นตั้งแต่คุณยาย จึงได้รับอนุญาตให้นั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์
ฤดูหนาวสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ยาก ซ่งซานเฉินเหยียบคันสตาร์ทที่ด้านหน้าดังสนั่น เธอคิดคำนวณที่เบาะซ้อนด้านหลังว่าวันนี้จะทำอะไร
อันดับแรก ไปที่สถานีตำรวจในเมืองเพื่อทำบัตรประชาชน
ขอบคุณที่โชคชะตาไม่ได้โหดร้ายกับเธอมากนัก เพราะว่าเดี๋ยวนี้จ่ายเงินผ่านมือถือกันหมดแล้ว ตอนที่เธอประสบอุบัติเหตุเธอจึงไม่ได้พกบัตรติดตัวไปด้วย จึงทำให้ลดปัญหาไปได้เยอะ
จากนั้นก็ซื้อโทรศัพท์ใหม่
เมื่อทำสองสิ่งที่สำคัญที่สุดนี้เสร็จแล้ว ต่อไปก็คือซื้อเครื่องมือทำการเกษตร ปุ๋ย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเมล็ดพันธุ์ ส่วนจะซื้อเมล็ดพันธุ์อะไร ซ่งถานก็มีแนวคิดในใจแล้ว
ขณะนี้เธอนั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ มองไปที่ภูเขาสูงใหญ่ที่เพิ่งจะข้ามผ่านมา แล้วก็มองไปที่ดวงอาทิตย์สีแดงดวงหนึ่งที่เพิ่งจะขึ้นขอบฟ้า รู้สึกเพียงแค่เกิดความฮึกเหิมเต็มหัวใจ
“พ่อ! อีกไม่นาน หนูจะทำให้หมู่บ้านของเราสวยงามยิ่งขึ้น! ชีวิตของเราจะดีขึ้น! ”
ซ่งซานเฉินขี่รถอยู่ด้านหน้า ก็ตะโกนเสียงดังว่า: “ถานถาน เงินหกหมื่นของลูก ใช้จ่ายอย่างประหยัดหน่อยนะ”
สำนักงานอำเภอในเมืองเล็กๆ อย่างหยุนเฉิงไม่จำเป็นต้องต่อแถว เพราะประชากรน้อยยิ่งกว่าหยิบมือ ซ่งถานทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็เสร็จ ตอนนี้เธอจึงเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือราคาสามพันหยวนให้คุ้มค่าที่สุด ขณะที่กำลังคิดถึงเงินในกระเป๋าของเธอ เธอก็รู้สึกเศร้าใจหกหมื่นหยวน แม้จะพูดให้ถูกต้อง ต้องเป็นหกหมื่นสองพันกว่าหยวน รวมเงินอุดหนุนของแม่ที่ให้เพิ่มเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถืออีกสองพันหยวน รวมแล้วก็เป็นหกหมื่นสี่พันหยวนเมื่อคืนก็วางแผนไว้ดีแล้ววางแผนอย่างไรบ้างน่ะหรือ..ซื้อโทรศัพท์มือถือ ซื้อเครื่องมือทำการเกษตร ซื้อเมล็ดพันธุ์ และปุ๋ย...ถ้าที่เหลือเก็บไว้ได้ไหมนะ ไม่ได้ ต้องจ้างคนขุดภูเขา ขุดดิน ขุดทุกที่ที่เธออยากปลูก...แต่เงินจำนวนนี้ก็จ้างคนทำงานได้ไม่นานนัก"พ่อ แม่บอกว่าทุ่งนาและภูเขาให้หนูจัดการได้ตามใจชอบ แค่แปลงผักอย่าไปยุ่ง ถ้าขอเช่าเครื่องจักรไถดินด้วยได้ไหม"ซื้อไม่ไหวก็เช่าได้!ซ่งซานเฉินยังไม่ค่อยเปิดใจเท่าไหร่ "ถานถาน ลูกจะทำไร่จริงๆ เหรอ ลองทำแค่หนึ่งหรือสองแปลงก่อนก็พอแล้ว ทำใหญ่ขนาดนี้ ชาวบ้านรู้เข้าจะต้องว่าเราโอ้อวดแน่ๆ "ซ่งถานเองก็คิดได้ เธอไม่ได้คิดเ
ซ่งซานเฉินขมวดคิ้ว "นี่หนูตั้งใจจะปลูกถั่วม่วงในพื้นที่หลายสิบเอเคอร์เลยหรือ"มิเช่นนั้นจะไม่จำเป็นต้องใช้เมล็ดถั่วม่วงจำนวนมากขนาดนี้ ถั่วม่วงหนึ่งเอเคอร์ใช้เมล็ดพันธุ์เพียงห้าหรือหกกิโลกรัมเท่านั้นตอนนี้ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ยังคงสวมเสื้อผ้าขนเป็ดและเสื้อโค้ทผ้าฝ้ายหนาอยู่ เมื่อถึงเดือนมีนาคม อุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตราบใดที่ไม่มีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ และความแตกต่างของอุณหภูมิช่วงหลังเที่ยงคืนไม่มากนัก พืชผลทางการเกษตรส่วนใหญ่ก็สามารถปลูกได้แล้วแต่หากปลูกถั่วม่วง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องไถพรวนอีกครั้งในปลายเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมเพื่อปลูกอย่างอื่นได้...ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ไม่ได้ขัดขวางการปลูกอย่างอื่นตามประสบการณ์การทำไร่ทำนาของซ่งซานเฉิน เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกพืชในชนบท ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนของทุกปีจะมีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ความแตกต่างของอุณหภูมิก่อนและหลังเที่ยงคืนมีมาก เมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งงอกก็อาจจะถูกแช่แข็งจนตาย ไม่เหมาะสมเพียงแต่เขาคิดว่าการใช้เงินและเสียเวลาไปมากมายตั้งแต่แรก ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเมื่อคืนซ่งถานคิดอย
กลับถึงบ้าน อู่หลานก็ซักไซ้เรื่องเงินก้อนนี้อย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ ซ่งถานรายงานทีไร เส้นเลือดที่หน้าผากของเธอก็เต้นตามไปด้วยทุกรอบ เต้นจนซ่งถานใจคอไม่ดี จะขอเงินทำอะไรก็ดูติดขัดเก้ๆ กังๆ ไปเสียหมดตอนนี้ ต้องรีบใช้กลยุทธ์ถัดไปปิดฉากแม่เธอ "แม่ หนูอยากเลี้ยงหมูสักสองสามตัว…ได้ไหม"ตอนนี้ราคาหมูขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ หมูตามบ้านนอกอย่างหยุนเฉิงก็ไม่เคยขายไม่ออก ตามหลักแล้ว เลี้ยงหมูก็เหมาะสมดี"กี่ตัว"อู่หลานฮึดฮัด เหมือนคิดว่าลูกสาวตนเองไม่เคยจับงานใหญ่ "ตอนนี้หมูแพง ลูกหมูก็แพง ตัวละตั้งหลายร้อย กลับมาบ้านก็ต้องก่อเตาทำอาหารให้หมูกินอีก แถมตอนนี้หนาวก็ต้องซื้อรำข้าวโพด”โอ๊ย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่หมูหิวก็ร้องแล้ว หมูสองสามตัวก็ร้องดังระงมไปทั่ว ต้องคอยสร้างคอกหมูอีก แค่เฉพาะทำงานในไร่ก็ยุ่งเป็นระวิงมือไม้ใช้ไม่พอแล้ว ซ่งถานเป็นแบบนี้เสมอ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ทันเดินก็คิดจะบิน ในสายตาของอู่หลาน มันไม่น่าเชื่อถือเลย"อีกอย่าง ทรัพย์สินล้นฟ้าล้วนไม่นับสิ่งมีขน ถ้าหมูเกิดป่วยขึ้นมา..."แต่ซ่งถานอยากกินเหลือเกิน ช่วงนี้เธอสามารถฝึกฝนลมปราณได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เ
ซ่งถานมีคุณปู่ชื่อซ่งโหย่วเต๋อ เป็นชาวนาแก่ๆ อายุ 79 ปีแล้ว ท่านป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพองเนื่องมาจากการสูบบุหรี่บ่อยๆ และถี่หนักตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ดังนั้นแกจึงหอบง่ายมาก ส่งผลให้ทำงานหนักไม่ได้มาหลายปี นอกจากการดูแลสวนผักง่ายๆ ก็ยังถนัดเล่นไพ่ใบไม้กับกลุ่มคนแก่ในหมู่บ้านเป็นกิจวัตรบ่อยๆ ด้วย ในมือแกชอบถือไปป์ยาสูบเก่าแก่ที่หายาก ในสิบหมู่บ้านแปดเมือง ทุกปีจะต้องมีคนมาขอซื้อน้ำมันยาสูบเก่าในไปป์แกเพื่อรักษาแผลคนในครอบครัวตลอดไพ่ใบไม้ คุณปู่ของฉันเคยชอบเล่นเกมลับสมองแบบนี้ แต่ผ่านไปสักพักก็ไม่มีใครเล่นตามแกกันแล้วส่วนคุณยายหวังลี่เฟินนั้น ขาแข็งแรง ร่างกายแข็งแรง ทำอาหารเก่งมาก ปัจจุบันสวนผักในบ้านก็ยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทุกปีจะมีชาวบ้านมาหาเธอเพื่อขอซื้อต้นกล้าผักสวนครัวโดยเฉพาะ เธอจึงเป็นเสาหลักของบ้านซ่งเลยก็ว่าได้ซ่งถานออกจากบ้าน เดินผ่านสวนผัก เห็นบ้านเก่าแก่ที่ทำจากอิฐสีแดงตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ลานหน้าบ้านปูด้วยซีเมนต์เป็นพื้นที่กว้าง ในใจก็พาลหวนนึกถึงตอนตัวเองยังเด็กขึ้นมาทันที ต้นไม้ไทรสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ที่มุมลาน ใต้ต้นไม้มีไก่หลายตัวนอนอาบแดดคุ้ยเขี่ยทรายเล่นอยู
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซ่งซานเฉินตื่นขึ้นมาแล้วก็ต้องตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งอากาศ...สดชื่นจัง!ยิ่งได้เห็นแนวภูเขาที่ปกคลุมด้วยหมอกบางๆ ประกอบกับแสงสีทองอ่อนอำไพแผ่กระจายอย่างจางๆ ดูสวยงามราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศก็ไม่เกินจริงคูน้ำหน้าบ้านยังมีหมอกสีขาวปกคลุม หนาแน่นและบังตาจนเขามองแทบไม่เห็นพื้นผิวน้ำ มันกำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ค่อยๆ สลายไป ส่วนต้นเหมยฮวาที่อยู่รอบๆ สนาม ซ่งซานเฉินจำได้ชัดเจนว่ามันเคยร่วงโรยไปตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ทำไมวันนี้ถึงกลับมาบานอีกครั้ง? ดอกตูมสีเหลืองเล็กๆ ซึ่งยังบานไม่เต็มที่นั้น ไม่เพียงแค่ดูน่ารักราวเด็กน้อยหัดเดิน แต่กลับยังมีกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลขณะนี้ ชาวนาชราได้มีโอกาสชื่นชมความงามที่ไม่พบเจอมานานมากแล้ว แต่ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกชื่นชมเขาหันไปมอง!เห็นกระรอกสีเทาพื้นเมืองเจ็ดแปดตัวเกาะกำแพงบ้านแล้วมองเข้ามาเหมือนพวกปาปารัสซี่ พอลองมองไปที่ภูเขาหลังบ้าน ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพที่เพิ่งผ่านพ้นฤดูหนาวมา แต่กลับมีกลิ่นอายของความสดใหม่ ราวกับว่าเพิ่งขัดเคลือบเงาซ่งซานเฉินมองอยู่นานจนงง แล้วก็
ปลายเดือนกุมภาพันธ์ต้นเดือนมีนาคม จะเป็นช่วงเวลาแห่งความอึดอัดใจและกลัดกลุ้มสำหรับชาวนาในแต่ละปี เมื่อสิ้นปีได้ผ่านพ้นไป ลูกหลานส่วนใหญ่มักพากันย้ายออกไปตั้งรกร้างครอบครัวของตัวเองยังที่แห่งใหม่ นกเธอแอ่นบนคานหามยังไม่กลับมา ที่ดินรกร้างว่างเปล่าก็มีมากขึ้น หากมองไกลๆ จากบนท้องฟ้าจะพบสีเหลืองและน้ำตาลครามครอบคลุมพื้นที่ดินจำนวนมาก ยกเว้นภูเขาเขียวขจีที่อยู่ไกลออกไปแล้ว หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านก็เงียบเหงาและสงบแต่ในวันนี้ ทุ่งนาข้างป่าไผ่ของตระกูลซ่งกลับคึกคักอีกครั้ง"ซ่งซานเฉิน ปีนี้บ้านนายเป็นอะไรไป ร่ำรวยเตรียมทำอะไรใหญ่โตหรือยังไงกัน ทุ่งนาตั้งเยอะแยะจะเก็บกวาดไปทำไม""ใช่แล้วซ่งซานเฉิน นายจะปลูกอะไรกันแน่ ที่ดินเดิมยังมีต้นชาสองสามต้น ฉันเห็นยังทิ้งๆ ขว้างๆ อยู่เลย"ทุกคนถูกซ่งซานเฉินเชิญมาเก็บกวาดที่ดิน เครื่องจักรรถไถกำลังทำงานอย่างหนักหน่วงอยู่ที่มุมหนึ่ง ก่อนจะไถดิน พวกเขาจำเป็นต้องกำจัดวัชพืชและเศษซากต้นไม้เล็กๆ ที่แห้งกรังในที่ดินก่อน ไม่เช่นนั้นเครื่องจักรขนาดเล็กอาจจะมีเศษติดอยู่ใต้ท้องเครื่องโชคดีที่มีคนมาร่วมแรงช่วยกันเยอะแยะ ทำให้งานดูสนุกและมียังมีประสิทธิภาพดีด้วย เมื่
ตอนนี้เป็นช่วงพักจากการทำนา ชายหญิงในหมู่บ้านวัยสามสิบถึงห้าสิบปีที่พอจะแบกหามได้ก็ถูกซ่งซานเฉินเรียกมาช่วยหมดแล้ว เวลาไม่คอยท่า ฉวยโอกาสนี้จัดการให้เสร็จ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็ต้องหว่านเมล็ดลงดินแล้วแผนลำดับขั้นตอนของซ่งถานร่างไว้อย่างชัดเจนต้องจัดการหญ้าในสวนเกาลัด ต้นเกาลัดเหล่านั้นควรใส่ปุ๋ยและตัดแต่งกิ่งให้เรียบร้อย ถึงเวลาก็ต้องทำโครงสำหรับวางเห็ดหูหนู ต้องล้อมรั้วรอบนอกเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์หรือคนเข้ามาสร้างความวุ่นวายพอดีที่ด้านหลังภูเขาตัดต้นไม้ทิ้งไปหลายต้น ลำต้นแบ่งเป็นท่อนๆ เพื่อใช้เพาะเห็ดได้ กิ่งก้านสามารถใช้ทำเป็นเพิงกำบังลมและกันฝนสาดให้หมู และยังต้องเตรียมรางใส่อาหารหมูกั้นด้วยตาข่ายลวดส่วนในไร่ ภายในหนึ่งหรือสองเดือนนี้จะปลูกถั่วม่วงไว้ก่อน เมื่อถั่วม่วงออกดอกแล้วก็ถึงเวลาไถพรวนดินอีกครั้ง เตรียมปลูกข้าวและผัก เมล็ดบางชนิดก็สามารถเพาะกล้าไว้ล่วงหน้าได้ในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ยังต้องหาไก่บ้านและเป็ด อีกทั้งต้องนัดหมายกับชาวบ้านคนอื่นเพื่อรับซื้อลูกหมู เวลามีคนมาช่วยงานเยอะๆ ก็ต้องเตรียมอาหารทุกวันซ่งซานเฉินและอู๋หลานต่างก็ยุ่งจนตัวเป็นเกลียว แล้วลูกสาวล่ะ?ก็ไ
ในทุ่งนาเสียงเครื่องจักรคำรามลั่นทุ่ง ชาวบ้านต่างทำงานไปพลางพูดคุยกันไป ขณะที่กองหญ้าและต้นไม้ป่าที่พูนไว้บนคันนากำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ดินสีน้ำตาลที่ไม่ได้ไถมานานมีกลิ่นชื้นโชยออกมา สัมผัสกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องประกายเจิดจ้าหมู่บ้านกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหวังลี่เฟินเปิดห้องเก็บของที่มุมลานบ้านซึ่งปิดตายเป็นเวลานานแล้ว มันเป็นห้องที่สร้างขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนเธอเพิ่งคลอดลูกสาว หวังลี่เฟินจำได้แม่นว่าในปีนั้นซ่งโหย่วเต๋อก็รับอาสาร่วมกับพี่น้องนำดินเหนียวมาปั้น ตัดฟางข้าว แล้วตีอิฐทีละก้อนเพื่อสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาอย่างช้าๆตอนแรกที่นี่เป็นบ้านหลังหลักของพวกเขา กระทั่งต่อมาเมื่อลูกๆ เริ่มเติบโตอายุมากขึ้น บ้านหลังใหม่ที่ทำจากอิฐและกระเบื้องก็สร้างเสร็จ ห้องนี้จึงกลายสภาพเป็นที่เก็บข้าวสารและฟ่อนฟาง จวบจนกระทั่งเลิกทำนาห้องนี้ก็กลายเป็นห้องเก็บของไปโดยปริยายเฉียวเฉียววิ่งเข้ามา "ย่า! ย่า!"หวังลี่เฟินเพิ่งหยิบกระบุงใส่ของออกมาจากห้อง เมื่อได้ยินเสียงก็ตอบ "เฉียวเฉียวว่าไงลูก"ไม่นานนัก เฉียวเฉียวก็โผล่หัวที่ตัดทรงสกินเฮดมาให้ย่าตกใจเล่น "ย่า พี่สาวบอกเดี๋ยวจะพาไปทำนา ขอยืมตะกร
โรงพยาบาลประชาชนมณฑลหนิง สาขาที่ 1ผู้ช่วยแพทย์เจินหลี่เพิ่งลงจากห้องผ่าตัด พยาบาลก็เข้ามาบอกว่า "ผู้ช่วยเจินคะ มีพัสดุส่งมาถึงคุณค่ะ"เจินหลี่งุนงง เธอจำไม่ได้ว่าตัวเองสั่งซื้ออะไรไว้ พอไปถึงแผนกก็อุทานว่า "นี่! ทำไมเป็นของสดแช่เย็นล่ะเนี่ย"พอตรวจสอบชื่อผู้ส่งก็ถึงกับบางอ้อ "ซ่งถาน"เธอเงียบไป..พยาบาลสาวๆ แห่กันเข้ามา "ผู้ช่วยเจินคะ ผู้ช่วยสั่งอะไรมาเหรอ"เจินหลี่หัวเราะทั้งน้ำตา "นี่ฉันไม่ได้สั่งซื้อนะ ก่อนหน้านี้เคยมีอุบัติเหตุรถชนบนสะพาน แล้วผู้หญิงคนนั้นที่ฉันเป็นคนรับผิดชอบร่วมกับนายแพทย์จางหยวน เธอก็ส่งของนี่มาให้เฉยๆ ""พวกคุณคงจำได้ ตอนนั้นที่ผู้หญิงคนนั้นถูกทับอยู่ในรถ ดึงยังไงก็ดึงไม่ออกไง แล้วก็มีผู้ชายใจดีคนหนึ่งช่วยดึงเธอออกมา แต่พอส่งมาถึงโรงพยาบาล เธอดันไม่เป็นอะไรเลยซะอย่างนั้น"โชคดีอะไรอย่างนี้!พอได้ฟังต้นสายปลายเหตุของเรื่องราว ทุกคนก็ต่างนึกถึงเหตุการณ์นั้นออกทันที เนื่องจากเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่โด่งดังไปทั่วโรงพยาบาลในรอบปี จึงสลับหันกลับไปมองพัสดุก็ยิ่งต่างแปลกใจกันใหญ่ เจินหลี่เธอเป็นผู้ช่วยแพทย์ลำดับแรก ซึ่งการช่วยชีวิตคนเป็นหน้าที่ของเธออยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป
"ป้า นี่คือเงินสามสิบหยวนค่ะ รับไว้เถอะ หนูรู้ดีว่าผักของตัวเองมีคุณภาพยังไง ถ้าป้าไม่ชอบกินก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินนี่นา คนข้างหลังรอซื้ออีกเยอะแยะเลยค่ะ ผักโขมตรงนี้ก็ปล่อยให้คนอื่นเขาซื้อกันเถอะ"ป้าคนนั้นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ จากนั้นก็ไม่รับเงิน "หนูเป็นคนใจร้อนจริงนะ ทำการค้าจะไม่ให้คนอื่นติติงได้เลยเหรอ แค่สามสิบหยวนเอง ไม่เอาก็ได้ หนูขายผักโขมให้ฉันสิ""ไม่ได้ค่ะ" ซ่งถานหัวเราะอย่างใจเย็น แต่คำพูดที่ปฏิเสธนั้นกลับแข็งกร้าว"ป้าก็เห็น ผักของร้านเราจะขายไม่ทันอยู่แล้ว ซื้อไปแล้วไม่ชอบก็ไม่จำเป็นต้องซื้ออีกนี่คะ""ถูกต้อง! " ป้าข้างหลังเสริมรับทันที "ฉันจะเอาผักโขมกำนั้น! "ได้ของถูกแต่เสียของแพง ผักโขมป่าวางอยู่ในตะกร้า รวมแล้วเหลือไม่ถึงห้ากิโลกรัม เธอมาติติงแล้วยังจะให้ขายผักให้อีก สรุปคือเธอตั้งใจตามมาขอคืนเงินหรือแสดงนิสัยเกเรกันแน่...คนโง่ยังไม่ทำธุรกิจแบบนี้เลยนะ!รสชาติของผักป่าแบบนี้จะขายไม่ออกได้ยังไงซ่งถานถือโอกาสตอนที่อีกฝ่ายอ้าปากค้างอยู่ เธอก็ยัดเงินสามสิบหยวนใส่ในมือคุณป้าอย่างว่องไว "ป้าคะ ตลาดยังมีร้านผักอื่นๆ อีก ป้าลองไปหาเลือกดูเองนะ ฉันยุ่งอยู่"น้ำเสียงของเธอเห
แย่ชะมัด พอซื้อรถแล้ว ผักก็พากันเจริญงอกงามอย่างบ้าคลั่ง ราวกับจะไปเพาะพันธุ์เจริญเติบโตในใจอู่หลาน สมกับที่แม่เธออยากจะให้ไปขายวันละครั้งจริงๆแต่ซ่งถานไม่ยอม เธอเป็นคนเดียวในบ้านที่มีใบขับขี่ ดังนั้นจึงดึงดันว่ายังไงก็ไม่ไปขายทุกวันเด็ดขาด จนทำให้วันรุ่งขึ้น อู่หลานต้องอัดผักลงท้ายรถถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบกิโลกรัม! ซ่งถานเห็นแล้วก็แอบเดินหลบๆ ไม่กล้าสู้หน้า"แม่ คราวนี้ขายหมดแล้วก็พักก่อนสักสองวันเถอะ" พลังจิตวิญญาณของผักป่าเองก็ไม่สามารถเร่งเร้าให้สูงได้มากกว่านี้ โดยไม่ให้โอกาสมันได้พักฟื้นเช่นกันอู่หลานพอนึกถึงพื้นลานบ้านที่กว่าจะลากผักขึ้นรถมาด้วยความยากลำบาก ก็ตอบไปอย่างโล่งใจว่า “อื้ม ก็ดีเหมือนกัน” จากนั้นก็บ่นปลอบตัวเอง "ค่าน้ำมันแพง แล้วอะไรนะ ไปทีก็ต้องคุ้มค่าเนอะลูก"คิดไปคิดมาเธอก็หันไปสั่งเสียลูกสาวก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้าน "เที่ยงวันนี้แม่จะพาคนไปที่บ้านปู่เพื่อเพาะเชื้อเห็ดด้วยนะ ส่วนพ่อก็ต้องหาคนไปดึงตาข่ายบนภูเขาเหมือนกัน ถ้าเที่ยงนี้พวกหนูกลับมาก่อน ก็ไปกินข้าวที่บ้านปู่เลยทีเดียว""ได้" ซ่งถานสตาร์ทรถ "เฉียวเฉียว ไปกันเถอะ"เฉียวเฉียวดีใจที่ได้ตำแหน่งที่นั่งข้
ในที่สุดฉินฉินก็หายใจหายคอได้สะดวกขึ้นแล้ว ชั่วครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าแม่กับลูกยังไม่ได้กิน จึงคีบกับข้าวไปสองสามตะเกียบอย่างเกรงใจ จนกระทั่งเฉาหยางยกข้าวมาเสิร์ฟ จานกับข้าวก็ใกล้จะหมดแล้ว“แม่ เฉาหยาง ชิมดูสิคะ กับข้าวอร่อยจริงๆ ”แม่กับลูกก็หัวเราะคิกคักแล้วตักกินไปคนละคำเฉาหยางมองก้นจาน แล้วมองภรรยาที่เห็นได้ชัดว่ายังกินไม่จุใจ ขณะนี้มองแม่ของเขาด้วยความคาดหวัง “พรุ่งนี้ซื้อเพิ่มอีกหน่อยได้ไหมครับ”สถานการณ์เดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นในอีกชุมชนหนึ่งเช่นกันหลี่ซิ่วเฟินที่ย้อมผมหยิกสีแดงแฟชั่นตักเกี๊ยวให้หลานสาวชามใหญ่ “หยวนหยวน รีบกินสิ! เกี๊ยวผักโขมอร่อยมาก! อร่อยเหมือนเมื่อมื้อเช้าเลย”ลูกสะใภ้เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ “แม่คะ บอกแล้วไงว่าหยวนหยวนกินยาก แม่ตักให้เยอะขนาดนี้หลานกินไม่หมดหรอก” พูดแล้วก็วางชามของตัวเองลงไป “มาสิหยวนหยวน กินไม่หมดแบ่งให้แม่”ไม่นึกว่าเด็กน้อยจะอุ้มชามหันหน้าหนี “อ้ำ” กินเกี๊ยวทั้งลูกไปหนึ่งคำ พลางพูดเสียงอู้อี้ “อร่อย! หนูจะกินหมดเลย!”แม่ของหยวนหยวนถึงกับอึ้ง“อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”เด็กกินยากคนนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตม้ามมักจะไม่ค่อยดี กินอันนี้ไม่ได้ กินอันนั้นก็จะอ
ความรู้สึกคลั่งไคล้ที่ผู้ชายมีต่อรถนั้นยากที่จะบรรยายเป็นคำพูดเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ก็ตามซ่งซานเฉินยังคงบ่นพึมพำไม่หยุดหลังจากวางสายโทรศัพท์ไปได้ไม่นาน เขาบอกว่าขับรถคนเดียวไม่ค่อยปลอดภัย แถมถนนหนทางบนภูเขายังจะทำไว้ไม่ค่อยดีอีก รถมือสองก็หายากมากในสมัยนี้แต่พอมาถึงสถานที่ตามนัดหมาย เพื่อนของเขาก็พาไปโกดังเพื่อดูรถที่จอดเรียงรายซ้อนกันเป็นแถวอยู่ ซ่งซานเฉินรีบกลืนคำพูดตัวเองไปทันทีตอนนี้กำลังตัดสินใจระหว่างรถตู้และรถกระบะ"ถานถาน รถตู้ไม่กลัวลมหรือฝนก็จริง แต่จุของได้น้อยกว่า ไม่งั้น...""รถกระบะบรรทุกของได้เยอะกว่า แต่ถ้าสภาพอากาศไม่ดี ของที่อยู่ด้านหลังก็เปียกฝนได้นะซานเฉิน""รถกระบะบรรทุกของได้เยอะ แต่รถตู้ก็สามารถนั่งได้หลายคนนะ นายจะซื้อเอาไปใช้งานอะไรเป็นหลัก ไม่ได้เอาไปขายผักตามตลาดใช่ไหมล่ะ..."คุณพ่อของเธอนี่...โดนคนอื่นหลอกล่อจนหาทางกลับไม่เจอแล้ว เธอจะซื้อรถมาเพื่ออะไรถ้าไม่ใช่เพื่อขายผัก? อีกอย่างที่นาหลายไร่ เธอตั้งใจจะปลูกพืชผักตั้งหลายอย่าง ถ้าหาซื้อรถที่บรรทุกของไม่ได้เยอะ ก็ต้องเสียเวลาไปอีกเท่าไหร่กันรถกระบะมือสองราคา 46,500 หยวน รวมป้ายทะเบียนแ
"สามสิบ" แม้จะไม่รังเกียจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรนักซ่งถานไม่มีความคิดที่จะลดราคาให้เป็นกรณีพิเศษ"อะไรนะ?! "อู่เฉียนเฉียนตกใจ หน้าบึ้งตึงขึ้นทันที เธอเคยซื้อผักอย่างจริงจังมาก็หลายครั้ง ครั้งนี้พอได้ยินว่าแพงขนาดนี้ เธอก็รู้สึกว่าซ่งถานเหมือนกำลังแกล้งเธอกับแฟนหนุ่ม"ก็แค่ผักป่าไม่ได้มีต้นทุนอะไรเลย จะแพงขนาดนี้ได้ยังไง ซ่งถานเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน เธอไม่ควรเอาเปรียบฉันขนาดนี้หรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ก็มีป้าคนหนึ่งแทรกเข้ามาด้านหลังทันที"โห ยังมีผักเหลืออยู่อีกเหรอ นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว งั้นป้าเอาหมดสามมัดเลย"ป้าคนนั้นนำผักทั้งสามมัดใส่ถุงอย่างชำนิชำนาญ ขณะที่หลับตาสแกนเข้ากลุ่มอย่างงุ่มง่าม ปากก็บ่นพึมพำให้ซ่งถานฟังเรื่อยเปื่อย"ป้าสารภาพกับหนูเลย จริงๆ ที่ซื้อไปรอบแรกก็แค่อยากลองเพราะไม่เคยเห็นคนเอาผักป่ามาขาย แต่พอป้ากลับบ้านไปคลุกกับเส้นก๋วยเตี๋ยวเท่านั้นแหละ หลานสาวป้าพอแกได้ชิมคำแรกก็ล่อไปตั้งชามโตๆ เลย! ฮ่าฮ่า หนูไม่รู้หรอกว่าหลานป้ากินยากขนาดไหน... ตอนนี้ป้าเข้ากลุ่มแล้วนะ ถ้าพรุ่งนี้หนูยังมาขายอีก ก็บอกล่วงหน้ามาหน่อยนะจ๊ะ"พูดจบแกก็ควักเงินเก้าสิบหยวนจากกระเป๋าออกมา ยั
คนเรามักชอบทำตามคนหมู่มากเมื่อกลุ่มคนวัยป้าๆ ที่ดูชำนาญในเรื่องการจับจ่ายซื้อของในตลาด ต่างพากันมุงล้อมรอบตะกร้าขายผักเล็กๆ เพื่อแย่งกันซื้อ ใครก็ตามที่ผ่านมาเห็นก็ต้องหยุดชะงักและเดินวกกลับมาดูร้านขายผักป่าของซ่งถานทั้งนั้นซ่งถานรู้สึกเพียงว่าการรับชำระเงินผ่าน QR Code หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดเลย และมือก็สาละวนหยิบผักใส่ถุงจนพันกันไปหมดคนนี้ต้องการต้นหอมป่า คนนั้นต้องการผักกาดหอม อีกคนต้องการผักโขมจีน...อีกคนต้องการผักโขมป่าโชคดีที่เธอเป็นผู้บำเพ็ญเซียน จึงมีปฏิกิริยาที่ว่องไว ไม่เช่นนั้นหากเป็นการขายผักครั้งแรกแล้วเจอสถานการณ์เช่นนี้ เธอคงถูกคนอื่นแอบขโมยหยิบผักสดไปโดยไม่รู้ตัวเฉียวเฉียวที่อยู่ข้างๆ รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากที่ได้ดึงถุงพลาสติกส่ายไปมาเพื่อเปิดปากถุง แล้วส่งให้พี่สาว เขาเล่นอย่างสนุกสนาน ย่อมต้องไม่เข้าใจเรื่องการค้าขาย แต่การเปิดปากถุงนั้นสนุกจริงๆ"เฉียวเฉียว ประกาศหน่อย บอกว่าผักโขมป่าขายหมดแล้ว""อืม"เขาจึงวางถุงลงอย่างว่าง่าย ยืนตัวตรง แล้วประสานมือไว้ที่ปาก "ผักโขมป่า…..หมดแล้ว! "เมื่อประกาศไปเช่นนั้น ผู้ที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังซึ่งยังไม่ได้ซื้อก็ยิ่งรู้สึกไม่พ
อู่หลานกินไปเพียงชามเดียวก็ต้องหยุดกิน ถึงแม้จะยังรู้สึกไม่เต็มท้องดีนักก็ตาม เนื่องจากขนาดกระเพาะอาหารของคนในครอบครัวแต่ละคนเธอจะปล่อยให้มันร้อง ‘จ๊อกจ๊อก’ ไม่ได้ ต้องมั่นใจก่อนว่ามื้อเช้าตรู่นี้ทุกคนจะต้องได้อิ่มจนจุก ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธไปทันทีว่า "เดี๋ยวแม่ค่อยกินต่อ เช้านี้เรามาลองผักป่าที่เพิ่งเก็บกันก่อนดีกว่า! ยังไม่ได้กินมื้อเช้ากันเลยนี่นา"เธอหยิบผักที่เป็นหัวปลี ผักโขม และผักกาดหอม เพื่อความสะดวกและเพื่อชิมรสชาติก่อนด้วย เธอจึงนำไปลวกน้ำร้อนแล้วนำมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงชนิดเดียวกันในขณะนี้ พริกแดงสด งาสีขาว ซอสปรุงรสสีน้ำตาลเข้ม และใบอ่อนกับลำต้นสีเขียวผสมผสานกัน ส่งกลิ่นหอมเปรี้ยวจนแสบลิ้นและเผ็ดฉุนมาแตะจมูก ซ่งซานเฉินไม่ลังเลอีกต่อไป รีบใช้ตะเกียบคีบใส่ปากทันที"อืม! "รสชาติอร่อย เผ็ดร้อน เปรี้ยว ซ่า กรุบกรอบ... รสชาติต่างๆ ผสมผสานกันจนซ่งซานเฉินหยุดกินไม่ได้ ตะเกียบหนึ่งคู่คีบกินผักไปได้เกือบครึ่งจาน"มันช่างน่ากินดีจริงๆ ถ้ารู้แบบนี้จะหุงข้าวสักเต็มหม้อแล้ว" เขารู้สึกเสียดายมากแต่ว่าอู่หลานกลับมองไปที่ท้องของเขา "อย่ากินอีกเลย มันมากไปเดี๋ยวจะจุกเสียก่อน... เดี๋ยว
หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน ซ่งถานก็ถือตะกร้าเตรียมจะไปขุดผักป่าอีกรอบหนึ่งท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม อุณหภูมิสิบกว่าองศา หากไม่มีแดดก็คงไม่สามารถพูดได้ว่าอบอุ่น ในสภาพอากาศเช่นนี้ ทุกครัวเรือนต่างก็ก่อไฟผิงอยู่ที่บ้าน แทบไม่มีผู้ใดออกนอกบ้านอู่หลานมองตะกร้าใบใหญ่ที่เธอถืออยู่ ก็รู้สึกสงสารลูกสาวในช่วงเวลาที่ต้องลำบากยากเข็ญเช่นนี้ "หนูจะรีบไปขุดผักป่าทำไมตอนนี้ พักให้หายเหนื่อยก่อนค่อยไปตอนเย็นอีกรอบก็ได้ พอถึงวันพรุ่งนี้ผักก็จะได้ยังสดใหม่อยู่ ดีไหม"ซ่งถานนึกถึงสีเขียวขจีที่ริมสระน้ำบนเนินเขา หากผักพวกนั้นไร้ซึ่งพลังจิตวิญญาณ เป็นแค่ผักธรรมดาทั่วไป เธอก็คงไม่จำเป็นต้องกระตือรือร้นขนาดนี้"ไม่เป็นไรค่ะแม่ แม่ห่อเกี๊ยวไปก่อนเถอะ หนูรู้สึกว่าผักกาดขาวที่เพิ่งเก็บมาวันนี้สดมาก"เมื่อเห็นว่าลูกสาวจะต้องไปให้ได้ อู่หลานก็ไม่อิดออดอีกต่อไป เพียงแค่บ่นพึมพำว่า "มันก็ชื่อผักกาดขาวเหมือนกันหมด เมื่อวานกับวันนี้จะมีอะไรแตกต่างกันนักหนา..."เธอนั่งอยู่ริมเตาผิง กะว่าจะคัดผักกาดขาวที่ขุดมาเมื่อเช้า แต่พอหยิบขึ้นมาก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้องซะแล้ว"นี่มันดูดีขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย? "เฉียวเฉียวเป็นผู้ช่วยท