Share

บทที่ 2 สวัสดีครับ อาหารมาส่งแล้วครับ

จ้องแล้วจ้องอีก!

การดูคลิปวิดีโอสั้นๆ มันทำให้ฉันมีความสุขมาก!

ที่แท้ชีวิตของมนุษย์คนธรรมดาก็มีอะไรน่าสนใจแบบนี้นี่เอง!

ซ่งถานอยากเล่นแบบนี้ไปอีกนานๆ โลกใบนี้ช่างมีอะไรน่าสนใจอีกเยอะแยะ ยิ่งหากสามารถมีความสุขแบบนี้ได้ตลอดไป โดยไม่ต้องบำเพ็ญตบะเซียนเลย...คงดีไม่น้อย

ไม่สิ ไม่ได้ๆ! เธอรีบไล่ความคิดน่ากลัวนี้ออกจากหัวตัวเอง เธอห้ามหลงละเลยการบำเพ็ญเพียรโดยเด็ดขาดนะ

…แต่ถ้ายืดหยุ่นนิดหน่อย เช่น หากเปลี่ยนจากการเคร่งครัดเป็นการบำเพ็ญเพียรให้ช้าลงกว่านี้สักนิด ยังอาจจะมีความพอเป็นไปได้อยู่บ้าง เพราะอย่างไรตอนนี้เธอก็แทบไม่มีพลังลมปราณหลงเหลืออยู่แล้วนี่ การบำเพ็ญตบะมากมายอย่างไรก็คงได้ผลลัพธ์ที่น้อยไม่เต็มประสิทธิภาพนัก ดังนั้นจึงไม่น่าคุ้มค่าเท่าไหร่

ซ่งถานพิจารณาการตัดสินใจของตัวเอง ก็ปลอบใจว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยได้ยินบ่อยๆ ว่า "โรคผัดวันประกันพรุ่ง" แต่น่าจะเป็นลางสังหรณ์จากวิชาเซียนที่บอกเธอว่า ‘มันไม่เหมาะสม’ ต่างหาก

สรุปแล้ว เธอคำนวณด้วยนิ้วมือก็พบว่าตอนนี้คือช่วงเวลาที่ดีสำหรับ…การเล่นโทรศัพท์!

เพียงแต่หน้าจอมันแตกเยอะไปหน่อย...

ในวินาทีต่อมา โทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้า

"ซ่งถาน! งานนำเสนอที่ให้ทำอยู่ไหน! ทำไมยังไม่ส่งมาให้ฉันอีก? "

งานนำเสนอคืออะไร? ใครโทรมาเนี่ย?

เธอหวนนึกถึงความทรงจำในหัวเมื่อชาติที่แล้ว ก็พบว่าตัวเธอในชาติก่อนก็เพราะว่าเจ้านายจู่ๆ ต้องการงานนำเสนออยู่นี่ไง จึงทำให้เธอต้องรีบร้อนนั่งแท็กซี่ไปยังบริษัทช่วงเวลาค่ำคืนดึกดื่น ใครจะรู้ว่ารถยังไม่ทันขึ้นถึงกลางสะพานหนิงไห่ ก็พลันเกิดอุบัติเหตุชนกันเป็นทอดๆ กลายเป็นโศกนาฏกรรมตัดสินชีวิตเธอแล้ว

"และวันนี้ทำไมไม่มาทำงาน! ขาดงานหนึ่งวันหัก 500 ถ้ามีครั้งต่อไป ฉันเลิกจ้างเลยนะ! "

ถึงตอนนี้ซ่งถานจะยังนึกไม่ออก แต่ไม่เป็นไร เธอเริ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาแล้ว แค่ดูจากชุดที่ใส่อยู่ก็รู้แล้วว่า เงินเดือนจะเดือนละกี่หยวนกันเชียว?!

ซ่งถานขยี้ขมับ หายใจเข้าลึกๆ พยายามนึกถึงงานโอทีล่วงเวลาที่ไม่มีวันจบสิ้นของบริษัทนี้ในความทรงจำ ความปรารถนาที่อยู่ในใจลึกๆ ก็ยิ่งกระตุกมากขึ้น

ฉันอยากกลับบ้าน

อยากอยู่กับพ่อแม่และน้องชาย

ไม่อยากทำงานแล้ว

ความคิดนี้รุนแรงมากจนทำให้ซ่งถานตัดสินใจได้ในทันที

"นายจ้างใช่ไหมคะ รอฉันก่อนนะ! กำลังรีบไปบริษัทค่ะ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงโมโห ตั้งใจประชดประชันอีกฝั่งในสาย

หนิงเฉิงเป็นเพียงเมืองธรรมดาๆ เมืองหนึ่ง ที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างโครงพื้นฐานจนดูโทรมไปหมด ส่วนสะพานหนิงไห่นั้นเป็นสะพานที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อเอาไว้เชื่อมต่อดินแดนเหนือและใต้ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานแต่ละวันของเธอไม่น้อย แต่ในเวลานี้เธอกลับต้องยอมนั่งแท็กซี่ไปถึงบริษัท ด้วยค่าโดยสาร 60 หยวน

โดยปกติแล้วเธอไม่เคยคิดนั่งแท็กซี่เลยสักครั้ง แต่วันนั้น เจ้านายบอกว่าต้องใช้งานนำเสนอนี้อย่างเร่งด่วน เธอก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีงานอื่นที่ต้องรีบกลับมาทำอยู่ จึงตัดสินใจนั่งแท็กซี่ไปอย่างฟุ่มเฟือย

ใครจะรู้...ว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น

พอจะออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้ โทรศัพท์มือถือที่หน้าจอแตกไม่เป็นท่าก็ยังใช้งานได้อยู่บ้าง ซ่งถานจึงลองสแกน QR CODE อย่างไม่ค่อยชำนาญนัก ก่อนจะเรียกแท็กซี่โดยไม่ลังเล จากนั้นจึงขึ้นสะพานหนิงไห่อีกครั้ง

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง เธอก็มาถึงบริเวณด้านล่างของบริษัทเป็นที่เรียบร้อย

‘อย่าคิดมากไปเลย ไม่ใช่บริษัทใหญ่โตอะไรหรอก’

ซ่งถานเป็นเพียงบัณฑิตจบใหม่จากมหาวิทยาลัยระดับสองทั่วไป ที่ดิ้นรนมาจากชนบท ทำให้บริษัทใหญ่ๆ ไม่มีทางรับเข้าทำงานแน่นอน สุดท้ายก็เลยมาจบลงที่นี่ ปัจจุบันบริษัทแห่งนี้เช่าพื้นที่อยู่ชั้นสามของอาคารตรงหน้าเธอ ทำงานรับจ้างทั่วไป

เธอเรียนจบสาขาการเงินที่เป็นที่ต้องการของตลาดมากมายในช่วงนั้น แต่ก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก จึงคิดแต่เพียงสมัครงานที่ไหนได้ก็สมัครๆ ไปเถอะ ยิ่งนึกย้อนไปถึงตอนที่เธอเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ พอได้ฟังเรื่องเพ้อฝันที่ฝ่ายบุคคลยกยอปอปั้นเสียเว่อร์วังอลังการ เล่าให้ฟังแบบงงๆ แล้วเธอก็เชื่อแบบมึนๆ จนสุดท้ายก็ได้บริษัทนี้มาทำงาน หลังจากที่ถูกสังคมรอบข้างในบริษัทเอารัดเอาเปรียบจนเคยชินแล้ว ตอนนี้เธอก็ยังรั้งตำแหน่งทำหน้าที่เป็นนักวางแผน นักการตลาด ช่างตัดต่อ และช่างโฆษณา รวมถึงช่างซ่อมหม้อกระทะไห ที่สามารถทำได้ทุกอย่าง เป็นพนักงานยอดเยี่ยมแห่งปี

เธอทำงานเหมือนร้านสะดวกซื้อที่เปิดบริการทุกวัน 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน ขอแค่มีงานเข้ามา แม้ต้องคลานมาก็ต้องทำให้ได้ในช่วงวันหยุด

เงินเดือนก็ไม่ได้สูงไปกว่าค่าแรงขั้นต่ำเท่าไหร่นัก ราคาเฉลี่ยค่าครองชีพทุกวันนี้ยังอยู่ที่หนึ่งหมื่นห้าพันหยวนต่อคน ขณะที่เงินที่ซ่งถานเช่าบ้าน แม้จะเป็นบ้านเก่าที่แบ่งมาจากเขตที่อยู่อาศัยของชาวบ้านที่ผิดกฎหมายและมีขนาดเล็กเพียงยี่สิบตารางเมตร แต่ก็ยังต้องจ่ายเกือบ 2,000 หยวนต่อเดือน

ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าของใช้ในชีวิตประจำวัน... ที่เหลือก็เก็บออมไว้ทั้งหมด

หลังจากจ่ายเงินค่าเช่าห้องของเดือนนี้ไปแล้ว ซ่งถานก็ยังถอนหายใจ "เงินฝากยังเหลืออยู่หกหมื่นกว่าหยวน เยอะเหมือนกันแฮะ" นึกไม่ถึงเลยว่าชาติที่แล้วเธอจะเป็นสาวประหยัดขนาดนี้

กระทั่งบ่ายแก่ๆ ในพื้นที่สำนักงานของบริษัทเล็กๆ แห่งหนึ่งก็อบอวลไปด้วยกลิ่นอาหารที่ปะปนกันไปหมด หญิงสาวคนหนึ่งในบรรดาเพื่อนร่วมงานก็ยื่นมือมาทักทายเธอ "ถานถาน เมื่อเช้าเธอไปไหนมา กินข้าวยัง?"

จริงๆ เธอจำชื่อไม่ได้แล้ว แต่ซ่งถานก็เดินเข้าไปอย่างเงียบๆ และเห็นป้ายชื่อของอีกฝ่าย

หั่วเสวี่ยอิง

มองไปที่ข้าวหน้าเป็ดในกล่องอลูมิเนียมของอีกฝ่าย กลิ่นหอมของอาหารปะปนกับกลิ่นอับ ทำให้เธอรู้สึกเหม็นอย่างบอกไม่ถูก

"เมื่อคืนเกิดอุบัติเหตุรถชน เพิ่งออกจากโรงพยาบาล"

หั่วเสวี่ยอิงตักไข่เจียวออกมาจากกล่อง

"อ้า... อ้าปากสิ เดี๋ยวฉันป้อนให้! "

"โรงพยาบาลให้กลับบ้านแสดงว่าอาการคงดีขึ้นแล้ว... แบบนี้ไอ้หัวหน้าจอมขูดรีดก็คงไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยให้เธอน่ะสิ... ยังไงก็ช่าง เอาเป็นว่าเธอไปนอนโรงพยาบาลต่อสักสองวันเถอะ! รีบกินไข่ซะ จะได้แข็งแรง"

ท้องของซ่งถานก็ร้องประสานเสียงอย่างพร้อมเพรียง

แม้ว่าท่าทางจะดูสนิทสนมไปสักหน่อย แต่หั่วเสวี่ยอิงก็ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนที่ดีของเธอจริงๆ เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอ้าปากออกและกัดเข้าไปเบาๆ

เมื่อฟันประกบกัน ในทันใดนั้น กลิ่นแปลกๆ ก็แผ่ซ่านไปทั่วในปาก... กลิ่นหอมของไข่เจียว แต่คละด้วยสิ่งเจือปนในอาหาร ความเข้มข้นของน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีกลิ่นเหม็นที่บอกไม่ถูกอีกด้วย ในเสี้ยววินาทีนั้นก็ทำให้เธอเกิดอาการปวดท้องขึ้นมาทันที คลื่นไส้ขึ้นมาในท้อง

อาหารแบบนี้เหรอ? ไม่ต้องพูดถึงการยกระดับการบำเพ็ญเพียรหรอก กินไปนานๆ ร่างกายก็เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก อย่าว่าแต่เธอจะก้าวเข้าสู่ระดับเซียนขั้นแก่นทองคำเลย แค่จะก้าวเข้าสู่ระดับธรรมดาทั่วไปยังยากเลย

ซ่งถานอดทน อดกลั้นแล้วอดกลั้นอีก ก่อนจะกลืนไข่คำเล็กๆ นั้นลงไป

หั่วเสวี่ยอิงยังรอป้อนไข่คำที่สองให้เธออยู่ นึกสงสารซ่งถาน เด็กสาวผู้ประหยัดอดออมทุกวัน ทั้งยังเชื่อฟังและนิสัยดี ในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง เธอก็รู้สึกอยากให้ความช่วยเหลือบ้าง

แต่ซ่งถานกลับส่ายหัว "ไม่กินแล้ว รู้สึกว่ารสชาติมันแปลกๆ "

ไม่มีความอร่อยเลย…

หั่วเสวี่ยอิงไม่ลังเลที่จะเก็บไข่กลับมาและกัดกินไปครึ่งหนึ่ง "แปลกตรงไหน! จานละ 25 หยวนเลยนะ!"

"แต่ก็จริงที่ว่าไม่อร่อยเท่าอาหารที่บ้าน แม่ฉันบอกว่าอาหารตามสั่งรสชาติไม่น่ากินทั้งนั้น มีแต่รสชาติน้ำมันและซอสถั่วเหลือง"

ซ่งถานลูบหน้าท้อง เธอก็หิวเหมือนกัน

เมื่อคืนจนถึงเช้าวันนี้ เธอยังไม่ได้กินอะไรเลย ตอนนี้ถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องกินอาหารเหมือนกัน เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง "หรือเป็นเพราะวัตถุดิบอาหารก็ไม่รู้นะ? งั้น... ฉันลองสั่งอาหารแบบอื่นดูดีกว่า"

พลังลมปราณเธอยังขาดแคลน ส่วนผสมอาหารก็มีสิ่งสกปรกเจือปนมากเกินไป เธอจึงต้องใช้เวลาเลือกในแอปสั่งอาหารอยู่นานพอสมควร

หั่วเสวี่ยอิงไม่สนใจ กลับพูดต่อไปเรื่อยๆ "งานนำเสนออะไร? เมื่อวานเหมือนได้ยินเธอพูดว่าทำไปแล้วครึ่งหนึ่งนี่นา เธอไปเปิดคอมดูอีกรอบสิ เดี๋ยวฉันช่วย”

เมื่อนึกถึงรสชาติไข่แปลกๆ ของหั่วเสวี่ยอิงเมื่อครู่ คราวนี้เธอจึงหันไปมองอาหารที่ราคาแพงกว่าบ้าง

แบบนี้วัตถุดิบที่ใช้มันจะดีกว่าใช่ไหม?

ระหว่างรออาหารตามสั่ง ซ่งถานก็ตอบเธอว่า "เจ้านายบอกฉันให้ทำงานนำเสนอเรื่อง...."

เธอนึกไม่ออก เพราะช่วงเวลาที่จากมามันนานเหลือเกิน เธอไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ

ซ่งถานเดินไปที่โต๊ะทำงานเล็กๆ ของเธอ เปิดคอมพิวเตอร์ช้าๆ เปิดหาไฟล์ที่ทำค้างไว้บนเดสก์ท็อป รูปภาพ ข้อความ รูปแบบ เธออ่านอย่างละเอียดและตั้งใจ

แต่งานที่ฉันทำค้างจากชาติที่แล้วไว้ล่ะ? ที่เหลือมันอยู่ตรงไหนหมด?

เปิดโฟลเดอร์อื่นๆ ต่อไป  แน่นอนว่าไม่มีโฟลเดอร์ไหนเลย

ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ชาติที่แล้วลำบากมามากพอแล้ว ชาตินี้ชีวิตเธอคงไม่ซวยซ้ำซ้อนต้องทำงานหนักแบบชาติก่อนอีกหรอก

แต่ในเวลานี้ ที่หน้าออฟฟิศพลันมีเสียงตะโกนดังก้องว่า "สวัสดีครับ อาหารมาส่งแล้ว! "

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status