Home / แฟนตาซี / กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก! / บทที่ 1 ข้าได้เดินทางกลับมาจากแดนเซียนแล้ว!

Share

กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!
กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!
Author: ซวนซื่อยี่

บทที่ 1 ข้าได้เดินทางกลับมาจากแดนเซียนแล้ว!

Author: ซวนซื่อยี่
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56

บนยอดเขาอินเยว่ทางด้านหลังภูเขา

เมฆคำรามก่อตัวรวมกัน เสียงคำรามครืนครั่นดังกึกก้อง

ซ่งถาน ผู้ฝึกตนแห่งนิกายถามเทียนในแดนเซียน ผู้มีรากวิญญาณทั้งธาตุน้ำและธาตุไม้ ได้ปลูกพืชวิญญาณบนภูเขาทางด้านหลังเป็นเวลานับร้อยปีแล้ว จนในที่สุดโอกาสที่รอคอยจะก้าวข้ามขีดจำกัดก็มาถึง!

แต่ทว่า ไม่คาดคิดว่าฟ้าจะผ่าขณะก่อร่างสร้างแก่นทองคำเพื่อบรรลุขั้นต่อไปจะรุนแรงเช่นนี้ ร่างกายของเธอถูกความโกรธเกรี้ยวจากผืนฟ้าผ่าจนแหลกละเอียด แม้แต่ดวงวิญญาณก็ยังแตกกระจาย ในยามเลือนลาง ซ่งถานกลับได้เห็นภาพมากมายที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้าก่อนที่ร่างกายและวิญญาณของเธอจะสลายไป

รถยนต์หลายสิบคันพลิกคว่ำและชนระเนระนาดกลางถนน ทั้งเสียงชน เสียงเจ็บปวด เสียงร้องไห้ดังโอดครวญระคนหู รถยนต์ที่พลิกคว่ำน้ำมันไหลเป็นทางยาวบนสะพาน ผู้คนรอบข้างกำลังเคาะกระจกรถอย่างกระวนกระวาย ขณะที่ดวงตาของเธอพร่าเลือด ขยับไม่ได้ พูดไม่ออก

“ฮัลโล 119 ไหมคะ เกิดอุบัติเหตุรถชนกันเป็นแถวบนสะพานหนิงไห่...”

“ปัง!”

“ช่วยกันพาคนขับออกมาก่อน! เธอยังมีลมหายใจอยู่เลย”

“ขาเธอติดอยู่... ใครก็ได้มาช่วยกันหน่อยเร็วๆ”

“เฮ้ย! รีบหนีไป น้ำมันรั่วแล้ว ระวังจะระเบิด”

ซ่งถานมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างมึนงง ชั่วครู่หนึ่งเธอก็ยังไม่เข้าใจว่านี่คือ... มารในใจหรือไม่

แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ มีหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ในรถ เธอรู้สึกผูกพันกับหญิงสาวผู้นี้อย่างลึกซึ้ง

แต่ทว่า ศีรษะของหญิงสาวเหมือนมีรอยแตกเลือดทะลักไหลซึมออกมาและอาบนองเต็มใบหน้า เธอค่อยๆ หลับตาลง ลมหายใจอ่อนเบาระทวยรวยริน ราวกับจะสิ้นใจในไม่ช้า ซ่งถานมองเห็นแสงวิญญาณบนร่างของหญิงสาวค่อยๆ จางหายไป ทั้งที่วิญญาณกำลังจะสลายไปในไม่ช้า แต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา เธอกลับสัมผัสได้ราวกับมีบางสิ่งที่เป็นกลุ่มก้อนพลังงานลึกลับดึงรั้งหญิงสาวไว้อยู่ จากนั้นวิญญาณที่ใกล้จะแตกกระจายของหญิงสาวก็จมดิ่งลงหายไปอย่างรวดเร็ว

ในความมึนงง จู่ๆ เด็กสาวผิวขาวดั่งหิมะก็ปรากฏตรงหน้าเธอ ดวงตาสีดำเป็นประกายจ้องมองกลับมายังซ่งถาน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความยินดีและปลอบโยน “เธอกลับมาแล้ว? ”

หมายความว่าอย่างไร…

ซ่งถานถามเสร็จ ยังไม่ทันได้รับคำตอบ ก็เห็นร่างเด็กสาวผิวขาวพุ่งตรงเข้ามา เศษวิญญาณที่แตกสลายของทั้งสองคนหลอมรวมเข้าด้วยกันในพริบตา

ชาติก่อน ชาตินี้...

เธอจำได้แล้ว!

นี่ไม่ใช่มารในใจ!

แต่เป็นตัวเธอเองที่กลับมา! กลับมาจากแดนเซียน กลับมายังช่วงเวลาที่เธอใกล้จะตายในโลกปัจจุบัน!

นี่คือชาติก่อนของเธอ! เดิมทีเธอคือซ่งถานที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ จากนั้นก็สูญเสียความทรงจำและทะลุมิติไปยังแดนเซียน จากเด็กสาวในหมู่บ้านบนภูเขาอินเยว่ที่ฝึกฝนอย่างหนัก จึงได้เข้าสู่สำนักถามเทียน

เมื่อเวลาผ่านไปกว่าร้อยปี ฝึกฝนไม่หยุดยั้ง มุ่งมั่นอุตสาหะเพื่อจะได้ก้าวข้ามขีดจำกัด เพื่อปกป้องตัวเองให้รอดพ้นจากภัยอันตรายต่างๆ

ในที่สุดเธอก็กลับมา…

เธอคือซ่งถาน!

อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุจากรถที่ชนกันด้านหน้านั้นหนักหนาและรุนแรงมากเกินไป ร่างกายย่อมได้รับความเจ็บปวดจนสุดแสนจะทนไหว ในชาติที่แล้ว เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนสิ้นใจ

แต่ไม่ ไม่ได้! ชาตินี้เธอจะตายไม่ได้เด็ดขาด

ซ่งถานพยายามดึงดูดพลังจิตวิญญาณที่เจือจางจากรอบๆ ตัวด้วยความยากลำบาก แปรเปลี่ยนมันเป็นพลังลมปราณเพื่อเร่งรุดซ่อมแซมร่างกาย

พลังลมปราณที่บางเบาพยายามไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกายเธอ ฟื้นฟูอวัยวะภายในและร่างกายที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เธอใช้แรงที่เหลือเพื่อขยับเปลือกตาอันเลือนลางด้วยเลือด เพ่งมองสถานการณ์ตรงหน้า ก่อนจะพลันพบกับใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่ง แต่เต็มไปด้วยเส้นเลือดขอดแทน

ใกล้เกินไป ซ่งถานมองเห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มและขนตาหนาเป็นแพของเขา โดยเฉพาะไฝเล็กๆ ตรงหน้าผากที่อยู่ตรงกลาง ไม่เบี้ยวไม่เอียง

อีกฝ่ายกัดฟัน แต่ก็ยังคงเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก

“อย่ากลัว! ผมกำลังจะพาคุณออกมา”

มีเสียงใครบางคนตะโกนอย่างสิ้นหวังด้านหลัง “รีบไป รีบไป ไฟไหม้แล้ว ไฟไหม้แล้ว”

“อดทนไว้! ”

ชายหนุ่มที่โอบกอดเธออยู่ส่งเสียงแผ่วเบา เหงื่อบนหน้าผากและแก้มไหลลงตามแนวกราม หยดลงบนใบหน้าของซ่งถาน ร่างกายของเธอถูกดึงกระชากไปข้างหน้าอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วทั้งร่างกาย แม้แต่ดวงวิญญาณก็ราวกับถูกกระชากออกจากร่างอีกครั้งหนึ่ง

ในเสี้ยววินาทีถัดมา!

“ระเบิดแล้ว”

เสียงกรีดร้องรอบข้างดังขึ้นอย่างน่ากลัว!

“ตูม!”

ร่างอันหนักอึ้งถูกเหวี่ยงออกไปอย่างแรง เธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว ตอนนี้ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ

คล้ายหลับใหลไปนานพอสมควร เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็เห็นศีรษะของคนกลุ่มหนึ่งโผล่ชะเง้อออกมาจากขอบเตียง ผู้นำหน้าเป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มแพทย์ ผมบางแต่ดวงตากลับแจ่มใส

“ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างครับคนไข้”

สายตาของซ่งถานเลื่อนลงไปที่ป้ายชื่อบนหน้าอกของเขา

รูปถ่ายใบหน้าที่ชัดเจนเป็นพิเศษ

โรงพยาบาลประชาชนมณฑลหนิงสาขาที่ 1

แพทย์ประจำ : จางหยวน

เธอจ้องมองป้ายชื่อนี้อย่างมึนงง ความทรงจำที่คุ้นเคยไหลเวียนอยู่ในใจ ในตอนนี้ เธอคือซ่งถานที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา แต่ในเงาอีกด้านก็ยังคงเป็นซ่งถานที่บำเพ็ญเซียนเจริญตบะมานับร้อยปีอีกด้วย

วิญญาณหลอมรวม ชาติก่อนและชาติปัจจุบัน อายุรวมกันก็ตกราวร้อยกว่าปี ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว

กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อของโรงพยาบาลลอยอบอวลอยู่ทั่วทุกหนแห่ง พลังลมปราณบางเบาเหมือนเส้นไหม เธอตั้งสมาธิแล้วท่องคาถาเซียนพึมพำวิชาหนึ่ง ครึ่งค่อนนาทีจึงมีพลังลมปราณสองสายไหลเวียนมาอย่างเชื่องช้า

ซ่งถานถอนหายใจด้วยความโล่งใจ แค่สามารถบำเพ็ญเพียรได้ก็พอแล้ว

หากบำเพ็ญเพียรได้ก็สามารถปกป้องตนเองได้ แม้จะยังไม่พูดถึงเรื่องอื่น แต่แค่เฉพาะการปลูกพืชผักวิเศษมาเป็นเวลาร้อยกว่าปีก็เลี้ยงดูตัวเองในโลกมนุษย์ใบนี้ได้แล้ว ซ่งถานมองไปยังแพทย์ที่รอคอยคำตอบของเธอ เธอขยับปากพูดออกมาอย่างติดขัดเล็กน้อย

"ยัง...ยังโอเคอยู่ค่ะ"

ผู้ช่วยแพทย์ทางซ้ายมือที่เพิ่งผ่านการทดลองงานหมาดๆ รับแฟ้มประวัติคนไข้จากหัวหน้าแพทย์ด้วยความสุภาพ ก่อนจะรีบหยิบปากกาขึ้นมาเขียนอักษรที่พลิ้วไหวราวกับมังกรหรือหงส์ที่กำลังร่ายรำ เลียนแบบการเขียนของแพทย์อาวุโสที่เขียนราวกับอักษรจากสรวงสวรรค์ พร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตร

"ผลการตรวจของเราดีมากนะคะ คุณโชคดีมากเลยค่ะ! อุบัติเหตุรถชนเป็นแถว แต่คุณแค่หัวกระแทก อาจจะมีอาการกระทบกระเทือนทางสมองเล็กน้อย แต่ส่วนอื่นๆ ก็ดีหมดแล้วค่ะ"

"เฝ้าดูอาการอีกสักวันสองวันก็ออกได้แล้ว แต่ว่าที่เกิดเหตุมันวุ่นวายมาก มือถือในกระเป๋าของคุณก็เปิดไม่ติดด้วย แล้วก็บาดแผลของคุณไม่ได้รุนแรงมาก พวกเราเลยยังไม่ได้ติดต่อแจ้งญาติของคุณนะคะ"

ซ่งถานนึกถึงใบหน้าซื่อๆ ที่เหมือนกันเป๊ะๆ ของทั้งสามคน เธอเอามือลูบหัวอย่างไม่รู้ตัว นึกถึงเหตุการณ์ตอนเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้อย่างเลือนลาง จึงรีบถามขึ้นว่า

"ฉันจำได้ว่าตอนนั้นมีคุณผู้ชายคนหนึ่งช่วยฉันไว้ เขาเป็นยังไงบ้างคะ..."

ชาติที่แล้วตอนเกิดอุบัติเหตุ เธอหมดสติไปทันทีเลย จึงไม่รู้ว่ามีใครที่จะยอมเอาชีวิตเข้ามาช่วยเธอแบบชาตินี้หรือเปล่า แต่ผู้ช่วยแพทย์กลับลังเลอยู่ครู่หนึ่ง "เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน มีผู้บาดเจ็บที่ถูกส่งมาโรงพยาบาลนี้ทั้งหมดสิบแปดคนค่ะ จากที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงบอก คุณถูกผู้ชายคนหนึ่งดึงออกมาจากรถใช่ไหมคะ"

ซ่งถานพยักหน้า

แต่ผู้ช่วยแพทย์กลับลังเลอีกครั้งก่อนจะพูด "เขา...เขาไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตค่ะ เขาน่าจะไม่ใช่คนแถวนี้นะคะ เพราะเมื่อสักครู่ญาติก็เพิ่งจะพาตัวไปรักษาต่อที่อื่นไม่นานนี้เอง"

ซ่งถานโล่งใจ

"แล้วพอจะมีวิธีติดต่อเขาหรือญาติของเขาไหมคะ ฉันอยากจะเอ่ยขอบคุณต่อหน้า"

บุญคุณที่ช่วยชีวิตไว้ เป็นบุญคุณของซ่งถานตอนอายุ 23 ปี และเป็นบุญคุณของซ่งถานที่บำเพ็ญเพียรในแดนเซียนมานับร้อยปีอีกด้วย แม้แต่ในโลกแห่งเซียน นี่ก็ถือเป็นบุญคุณที่ยิ่งใหญ่ต้องตอบแทนอย่างสุดความสามารถเช่นกัน

                ผู้ช่วยแพทย์ส่ายหัว “ตอนนั้นผู้ชายคนนี้ช่วยไว้หลายคนมากค่ะ พอญาติมารับตัวก็รีบย้ายไปโรงพยาบาลอื่นเลย และยังบอกไม่ประสงค์ให้ข้อมูลติดต่อใดๆ ด้วยนะคะ”

ความหมายก็คือทางนั้นไม่ต้องการเปิดเผยช่องทางการติดต่อใดๆ สินะ

"แล้วไปโรงพยาบาลไหนคะพอจะทราบไหม"

"ไปโรงพยาบาลเหรินไห่ในเมืองหลวงค่ะ"

ซ่งถานพยักหน้า ไม่ได้ซักถามต่อ

เธอคิดว่า ตอนนี้ยังปรับตัวไม่เข้ากันดีกับที่นี่นัก ดังนั้นไว้รอรวบรวมพลังลมปราณเพื่อบำเพ็ญเพียรจนดีขึ้นมากแล้ว ค่อยลองสืบหาที่อยู่ของผู้มีพระคุณก็ยังไม่สาย

เหล่าแพทย์พากันเดินออกไป ซ่งถานรู้สึกไม่สบายใจนักกับอากาศที่ขุ่นมัวในปัจจุบันเลย บริเวณโดยรอบขาดแคลนพลังจิตวิญญาณมากเกินไป เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สถานที่ที่ดีสำหรับการบำเพ็ญเพียรเลยสักนิด

โดยไม่รู้ตัว เธอคลำใต้หมอนดูด้วยความเคยชิน กลับพบว่ามันว่างเปล่า..

กระเป๋าสตางค์คงถูกไฟไหม้ในอุบัติเหตุหมดแล้วสินะ รวมถึงเอกสารด้วย

เธอลองเปิดลิ้นชักหัวเตียงดู ก็พบโทรศัพท์ที่มีหน้าจอปริแตกอยู่จริงๆ ถึงแม้ไม่รู้จะยังใช้ได้อยู่ไหม แต่ก็ลองคลำเปิดเครื่องดูจนสำเร็จ เธอเปิดหน้าจอพลันพบว่ามีข้อความแจ้งเตือนสีแดง 99+ ที่มุมขวาบนของแอปสีเขียว ยังมีแอปสีน้ำเงินอีกแอปที่ส่งเสียงดังจนน่ารำคาญ ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดในทันที

สัมผัสที่หกของผู้บำเพ็ญเซียนอย่างเธอ มักช่วยให้หลีกเลี่ยงเรื่องเลวร้ายต่างๆ ได้มาหลายครั้งแล้ว ซ่งถานจึงคิดว่า ข้อความพวกนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่! ไม่ดูดีกว่า! ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือเล่นโทรศัพท์มือถือต่างหาก นานมาแล้วกว่าร้อยปีที่เธอไม่ได้เล่นเลยนะ อดใจแทบไม่ไหว.. ดังนั้นเธอจึงเลื่อนนิ้วปัดลงส่งๆ เปิดแอปที่มีเครื่องหมายคล้ายโน้ตเพลง

‘เริ่มต้นชีวิตที่สดใส’

เปิดมาแล้วก็ขอดูสักหน่อย...

Related chapters

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 2 สวัสดีครับ อาหารมาส่งแล้วครับ

    จ้องแล้วจ้องอีก!การดูคลิปวิดีโอสั้นๆ มันทำให้ฉันมีความสุขมาก!ที่แท้ชีวิตของมนุษย์คนธรรมดาก็มีอะไรน่าสนใจแบบนี้นี่เอง!ซ่งถานอยากเล่นแบบนี้ไปอีกนานๆ โลกใบนี้ช่างมีอะไรน่าสนใจอีกเยอะแยะ ยิ่งหากสามารถมีความสุขแบบนี้ได้ตลอดไป โดยไม่ต้องบำเพ็ญตบะเซียนเลย...คงดีไม่น้อยไม่สิ ไม่ได้ๆ! เธอรีบไล่ความคิดน่ากลัวนี้ออกจากหัวตัวเอง เธอห้ามหลงละเลยการบำเพ็ญเพียรโดยเด็ดขาดนะ…แต่ถ้ายืดหยุ่นนิดหน่อย เช่น หากเปลี่ยนจากการเคร่งครัดเป็นการบำเพ็ญเพียรให้ช้าลงกว่านี้สักนิด ยังอาจจะมีความพอเป็นไปได้อยู่บ้าง เพราะอย่างไรตอนนี้เธอก็แทบไม่มีพลังลมปราณหลงเหลืออยู่แล้วนี่ การบำเพ็ญตบะมากมายอย่างไรก็คงได้ผลลัพธ์ที่น้อยไม่เต็มประสิทธิภาพนัก ดังนั้นจึงไม่น่าคุ้มค่าเท่าไหร่ซ่งถานพิจารณาการตัดสินใจของตัวเอง ก็ปลอบใจว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยได้ยินบ่อยๆ ว่า "โรคผัดวันประกันพรุ่ง" แต่น่าจะเป็นลางสังหรณ์จากวิชาเซียนที่บอกเธอว่า ‘มันไม่เหมาะสม’ ต่างหากสรุปแล้ว เธอคำนวณด้วยนิ้วมือก็พบว่าตอนนี้คือช่วงเวลาที่ดีสำหรับ…การเล่นโทรศัพท์!เพียงแต่หน้าจอมันแตกเยอะไปหน่อย...ในวินาทีต่อมา โทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้า"ซ่งถาน! งานน

    Last Updated : 2024-10-29
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 3 กลับบ้านนอกไปทำนากันเถอะ

    ซ่งถานได้สติแล้วรับอาหารกล่องของเธอมา นี่คืออาหารชั้นเลิศจากร้านอาหารที่มีรีวิวมากถึง 5 ดาว แต่ราคาก็สูงถึง 188 หยวน อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดกล่องออกมา กลิ่นอาหารและกลิ่นเหม็นอับก็ปะปนคลุ้งจมูกเธอราวกับเป็นอาหารที่ไม่เคยทานมาก่อน ซ่งถานรู้สึกคลื่นเหียนในท้อง ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทานไม่ลง จังหวะนั้นเอง เจ้านายหัวหน้างานเธอที่ชื่อว่า ‘หวังปาผี’ ก็เดินเข้ามา พอเห็นเช่นนั้นเขาก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงทันที"ซ่งถาน! เธอยังมีอารมณ์มานั่งกินข้าวอีกเหรอ งานนำเสนอที่ฉันสั่งไปล่ะ บอกแล้วนะว่าถ้าส่งไม่ทันก่อนบ่ายสองก็เตรียมลาออกไปได้เลย! "ซ่งถานลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน เธอจำได้แล้วว่าลืมอะไรไป!เธอกำลังจะมาลาออกไม่ใช่เหรอ!!"ได้ งั้นให้ HR โอนเงินเดือนที่เหลือฉันให้ตรงเวลาด้วย ฉันจะลาออกและกลับบ้านต่างจังหวัดตอนนี้เลย!"ทั้งสำนักงานตกตะลึง เมื่อเห็นว่าซ่งถานเริ่มเก็บของแล้ว หวังปาผีก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสับสนและน้อยใจ"ฉัน... ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะ..." พนักงานที่ทั้งขยัน อดทน มีความสามารถ และค่าจ้างถูกแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆหั่วเสวี่ยอิงที่กำลังกินข้าวอยู่ ก็ต้องรีบหยุดกินทันทีแล้วเดินเข้ามาเพื่อห้ามปรามซ่ง

    Last Updated : 2024-10-29
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 4 ปลูกข้าวโพด

    ลานบ้านค่อนข้างเก่าแต่กว้างขวาง พื้นซีเมนต์เริ่มแตกเป็นรอยแยกแล้ว แม้อยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่กลับมีต้นดอกเดซี่สีม่วงต้นเล็กๆ งอกขึ้นมาจากรอยแยกนั้น แล้วเบ่งบานสั่นเทาในสายลมหนาวดอกเดซี่สีม่วงซ่งถานจ้องมองดอกไม้นั้นอย่างตั้งใจ รู้สึกราวกับว่าดอกไม้น้อยๆ นี้ดูงดงามยิ่งขึ้นเมื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมซ่งซานเฉินวางกระเป๋าไว้ในห้องโถงแล้วรีบตะโกนเรียกลูกสาว"ถานถาน ข้างนอกหนาว รีบเข้ามาผิงไฟข้างใน" พลางลูบมือและเท้าของตัวเอง "ขี่มอเตอร์ไซค์นี่หนาวจริงๆ! "ซ่งถานชะงักไปครู่หนึ่งกว่าจะตอบสนอง‘ใช่แล้ว ขี่มอเตอร์ไซค์ในฤดูหนาวคงหนาวจริงๆ ’แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรมากนักกางมือออกดู ก็เห็นฝ่ามือขาวผ่องราวหยกของตนเอง พลางคิดว่า คงเป็นเพราะตอนเกิดอุบัติเหตุ พลังปราณในตัวเธอจึงพยายามซ่อมแซมร่างกายอย่างสุดชีวิต เพื่อหลบหนีจากชะตากรรมที่อาจต้องตาย จึงทำให้ร่างกายได้รับการชำระล้างในระดับหนึ่งแต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ดีอย่างเช่นตอนนี้ ลมหนาวพัดผ่านมา ซ่งถานกลับรู้สึกสั่นไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้ เธอตกใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านนี่คือห้องเล็กๆ ที่ใช้สำหรับผิงไฟ แม้พื้นที่ไม่กว้างนักแต่ก็พอให้ค

    Last Updated : 2024-10-29
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 5 แบ่งแปลงที่ดิน

    ซ่งซานเฉินยอมให้เธอกลับมาทำไร่ นั่นทำให้ซ่งถานโล่งใจจริงๆ แต่ต่อไปก็ถึงคิวแม่ของเธอ อู่หลานแล้วขณะนั้น อู่หลานก็พูดขึ้นมาพอดีว่า "ถึงเวลาทานข้าวแล้วเฉียวเฉียว ไปล้างมือแล้วมาช่วยยกกับข้าว! "ซ่งเฉียวก็วิ่งไปตามคำสั่ง ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้แต่น้องชายเธอก็ยังเปิดก๊อกน้ำนอกบ้านแล้วล้างมือจนสะอาด จากนั้นก็ขยันขันแข็งไปยกกับข้าวน้ำซุปปลาเก๋าสีขาวข้น มีผักชีลอยอยู่ด้านบน แค่ได้กลิ่นก็รู้เลยว่าเป็นปลาที่สดมาก!ซ่งถานเหลือบมองอาหารอีกหลากหลายจานที่ถูกยกเสิร์ฟมาติดๆ กัน เริ่มจากปลาเก่าผัดซีอิ๊วที่ขนาดตัวไม่ได้ใหญ่มากมาย น่าจะประมาณสองถึงสามขีด แต่เมื่อผัดเข้ากันกับผักชี พริก ขิงและต้นหอม คลุกเคล้ากันอย่างดีแล้ว กลิ่นหอมเข้มข้นอบอวลไปทั่วทั้งบ้าน ถ้าอากาศอุ่นกว่านี้อีกนิด ในท้องปลาก็คงมีไข่ปลาที่อร่อยกว่านี้จานถัดมาเป็นหัวไชเท้าตุ๋นหมูสามชั้น หมูสามชั้นตุ๋นเป็นวิธีทำอาหารของท้องถิ่น นำหมูสามชั้นที่ติดมันนิดหน่อยมาหมักเกลือไว้ และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ลงกระทะ ใส่น้ำมันถั่วลิสงแล้วผัดไปเรื่อยๆ ผัดจนชิ้นหมูเริ่มเป็นสีเหลือง น้ำมันจากหมูหอมๆ ก็จะออกมาบางส่วน จากนั้นจึงปิดท้ายด้วยใส่ทั้งน้ำมันและเนื้อหม

    Last Updated : 2024-10-29
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 6 ห้ามร้องเหมือนหมู

    ซ่งถานตกใจจริงๆ"บ้านเราเงินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ"มีทั้งภูเขาและที่นา"มีเงินอะไรล่ะ" อู่หลานไม่เงยหน้าขึ้นมา "ทั้งหมดก็ตกทอดมาจากคุณปู่ของหนูทั้งนั้น ภูเขารกๆ ตรงนั้น ขายก็ไม่ได้ ไม่มีใครเช่า ก็เลยรกร้างอยู่แบบนั้น"ซ่งถานเงียบไปตอนนี้ทั้งหมู่บ้านมีไม่ถึงสามสิบหลังคาเรือน อายุเฉลี่ยสี่สิบห้าสิบปี ตอนนี้ข้าวก็ไม่ค่อยมีค่าแล้ว ก็แค่พออยู่พอกินเท่านั้น ไม่ใช่แค่บ้านของพวกเขาเท่านั้น บ้านอื่นๆ ก็มีที่รกร้างเป็นผืนใหญ่เช่นกันก็ไม่มีเหตุผลอะไรอื่น นอกจากขาดแรงงานที่นี่มีภูเขาเยอะ เครื่องจักรกลการเกษตรขนาดใหญ่ก็ใช้ไม่ได้ เครื่องจักรขนาดเล็กก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งก็แพงมาก กำไรทั้งหมดจากที่นาหนึ่งแปลงก็ไม่พอที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ นอกจากนี้ยังมีอีก ถนนยังคดเคี้ยว ไม่มีหนทางไหนที่จะส่งขายออกไปยังนอกหมู่บ้านได้เลย ทุกวันนี้การปลูกข้าวและข้าวสาลีก็เพื่อกินเอง ทำงานหนักมาทั้งปี ทั้งรดน้ำ ใส่ปุ๋ย และกำจัดแมลง ก็ต้องใช้เงินจำนวนมากแล้วผลผลิตได้เท่าไหร่ล่ะยิ่งในกรณีที่ขาดแรงงาน ก็เก็บเกี่ยวได้แค่พอที่บ้านกินเท่านั้นหันกลับมาดูที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในเมือง สิบกว่าหยวนต่อหนึ่งกิโลกรัม แม้ว่ารสชา

    Last Updated : 2024-10-29
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 7 ฉันเป็นเศรษฐีแล้ว

    สำนักงานอำเภอในเมืองเล็กๆ อย่างหยุนเฉิงไม่จำเป็นต้องต่อแถว เพราะประชากรน้อยยิ่งกว่าหยิบมือ ซ่งถานทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็เสร็จ ตอนนี้เธอจึงเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือราคาสามพันหยวนให้คุ้มค่าที่สุด ขณะที่กำลังคิดถึงเงินในกระเป๋าของเธอ เธอก็รู้สึกเศร้าใจหกหมื่นหยวน แม้จะพูดให้ถูกต้อง ต้องเป็นหกหมื่นสองพันกว่าหยวน รวมเงินอุดหนุนของแม่ที่ให้เพิ่มเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถืออีกสองพันหยวน รวมแล้วก็เป็นหกหมื่นสี่พันหยวนเมื่อคืนก็วางแผนไว้ดีแล้ววางแผนอย่างไรบ้างน่ะหรือ..ซื้อโทรศัพท์มือถือ ซื้อเครื่องมือทำการเกษตร ซื้อเมล็ดพันธุ์ และปุ๋ย...ถ้าที่เหลือเก็บไว้ได้ไหมนะ ไม่ได้ ต้องจ้างคนขุดภูเขา ขุดดิน ขุดทุกที่ที่เธออยากปลูก...แต่เงินจำนวนนี้ก็จ้างคนทำงานได้ไม่นานนัก"พ่อ แม่บอกว่าทุ่งนาและภูเขาให้หนูจัดการได้ตามใจชอบ แค่แปลงผักอย่าไปยุ่ง ถ้าขอเช่าเครื่องจักรไถดินด้วยได้ไหม"ซื้อไม่ไหวก็เช่าได้!ซ่งซานเฉินยังไม่ค่อยเปิดใจเท่าไหร่ "ถานถาน ลูกจะทำไร่จริงๆ เหรอ ลองทำแค่หนึ่งหรือสองแปลงก่อนก็พอแล้ว ทำใหญ่ขนาดนี้ ชาวบ้านรู้เข้าจะต้องว่าเราโอ้อวดแน่ๆ "ซ่งถานเองก็คิดได้ เธอไม่ได้คิดเ

    Last Updated : 2024-10-29
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 8 ถั่วม่วง

    ซ่งซานเฉินขมวดคิ้ว "นี่หนูตั้งใจจะปลูกถั่วม่วงในพื้นที่หลายสิบเอเคอร์เลยหรือ"มิเช่นนั้นจะไม่จำเป็นต้องใช้เมล็ดถั่วม่วงจำนวนมากขนาดนี้ ถั่วม่วงหนึ่งเอเคอร์ใช้เมล็ดพันธุ์เพียงห้าหรือหกกิโลกรัมเท่านั้นตอนนี้ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ยังคงสวมเสื้อผ้าขนเป็ดและเสื้อโค้ทผ้าฝ้ายหนาอยู่ เมื่อถึงเดือนมีนาคม อุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตราบใดที่ไม่มีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ และความแตกต่างของอุณหภูมิช่วงหลังเที่ยงคืนไม่มากนัก พืชผลทางการเกษตรส่วนใหญ่ก็สามารถปลูกได้แล้วแต่หากปลูกถั่วม่วง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องไถพรวนอีกครั้งในปลายเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมเพื่อปลูกอย่างอื่นได้...ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ไม่ได้ขัดขวางการปลูกอย่างอื่นตามประสบการณ์การทำไร่ทำนาของซ่งซานเฉิน เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกพืชในชนบท ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนของทุกปีจะมีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ความแตกต่างของอุณหภูมิก่อนและหลังเที่ยงคืนมีมาก เมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งงอกก็อาจจะถูกแช่แข็งจนตาย ไม่เหมาะสมเพียงแต่เขาคิดว่าการใช้เงินและเสียเวลาไปมากมายตั้งแต่แรก ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเมื่อคืนซ่งถานคิดอย

    Last Updated : 2024-10-29
  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 9 เลี้ยงหมูเหรอ

    กลับถึงบ้าน อู่หลานก็ซักไซ้เรื่องเงินก้อนนี้อย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ ซ่งถานรายงานทีไร เส้นเลือดที่หน้าผากของเธอก็เต้นตามไปด้วยทุกรอบ เต้นจนซ่งถานใจคอไม่ดี จะขอเงินทำอะไรก็ดูติดขัดเก้ๆ กังๆ ไปเสียหมดตอนนี้ ต้องรีบใช้กลยุทธ์ถัดไปปิดฉากแม่เธอ "แม่ หนูอยากเลี้ยงหมูสักสองสามตัว…ได้ไหม"ตอนนี้ราคาหมูขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ หมูตามบ้านนอกอย่างหยุนเฉิงก็ไม่เคยขายไม่ออก ตามหลักแล้ว เลี้ยงหมูก็เหมาะสมดี"กี่ตัว"อู่หลานฮึดฮัด เหมือนคิดว่าลูกสาวตนเองไม่เคยจับงานใหญ่ "ตอนนี้หมูแพง ลูกหมูก็แพง ตัวละตั้งหลายร้อย กลับมาบ้านก็ต้องก่อเตาทำอาหารให้หมูกินอีก แถมตอนนี้หนาวก็ต้องซื้อรำข้าวโพด”โอ๊ย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่หมูหิวก็ร้องแล้ว หมูสองสามตัวก็ร้องดังระงมไปทั่ว ต้องคอยสร้างคอกหมูอีก แค่เฉพาะทำงานในไร่ก็ยุ่งเป็นระวิงมือไม้ใช้ไม่พอแล้ว ซ่งถานเป็นแบบนี้เสมอ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ทันเดินก็คิดจะบิน ในสายตาของอู่หลาน มันไม่น่าเชื่อถือเลย"อีกอย่าง ทรัพย์สินล้นฟ้าล้วนไม่นับสิ่งมีขน ถ้าหมูเกิดป่วยขึ้นมา..."แต่ซ่งถานอยากกินเหลือเกิน ช่วงนี้เธอสามารถฝึกฝนลมปราณได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เ

    Last Updated : 2024-10-29

Latest chapter

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 15 เฉียวเฉียวอยู่ไหน

    พี่สาวน้องชายตอนออกจากบ้านเดินทางจูงมือกันไปอย่างมีความสุข สุดท้ายขากลับดันเหลือคนมีความสุขเพียงคนเดียว"เฉียวเฉียวอยู่ไหน" อู่หลานถามด้วยความตกใจซ่งถานหัวเราะร่า "อยู่ข้างหลังนู่น! "ทันทีที่พูดจบ เธอก็เห็นเด็กชายตัวโตคนหนึ่งกำลังเดินเลี้ยวมาจากถนนด้านหลัง ศีรษะกลมเกลี้ยงสีดำเงา กำลังใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียยกใหญ่"เฉียวเฉียว! " อู่หลานก็อดกลั้นไว้ไม่ได้เช่นกัน พลางหัวเราะไปรับตะกร้าจากมือของเขา "เป็นอะไรไป ทำไมถึงร้องไห้? โอ้โห ดูหน้าตาเฉียวเฉียวของเราสิ ร้องไห้จนหน้าตาขี้เหร่ไปหมดแล้ว"พอมีคนรู้สึกสงสาร เฉียวเฉียวก็เลยร้องไห้เสียงดังยิ่งขึ้นไปอีก"แม่...อือๆๆ แม่...พี่สาว...อือๆๆ พี่สาวไม่ยอมให้ผมปลูกผักง่า"ซ่งถานได้ยินก็ฟึดฟัดไม่ยอมรับความผิดนี้ "พูดจาเหลวไหล พี่สาวหว่านเมล็ดพันธุ์ตัวเองจนหมดแล้ว เธอยังขุดหลุมปลูกทีละเม็ดอยู่เลย และพี่สาวเหลือไว้ให้เธอตั้งกำมือหนึ่งนะ จะให้รอเธอค่อยๆ ปลูกเหรอเมื่อไหร่จะได้กลับบ้านกันล่ะ"จากนั้นก็อธิบายให้กับอู่หลานฟังเบาๆ ว่า เมล็ดพันธุ์ของถั่วม่วงเพียงแค่หว่านลงไปในดินก็พอแล้ว แต่เฉียวเฉียวรู้วิธีปลูกเพียงข้าวโพดเท่านั้น เขาจ

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 14 หว่านเมล็ดถั่วม่วง

    ในทุ่งนาเสียงเครื่องจักรคำรามลั่นทุ่ง ชาวบ้านต่างทำงานไปพลางพูดคุยกันไป ขณะที่กองหญ้าและต้นไม้ป่าที่พูนไว้บนคันนากำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ดินสีน้ำตาลที่ไม่ได้ไถมานานมีกลิ่นชื้นโชยออกมา สัมผัสกับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องประกายเจิดจ้าหมู่บ้านกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหวังลี่เฟินเปิดห้องเก็บของที่มุมลานบ้านซึ่งปิดตายเป็นเวลานานแล้ว มันเป็นห้องที่สร้างขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนเธอเพิ่งคลอดลูกสาว หวังลี่เฟินจำได้แม่นว่าในปีนั้นซ่งโหย่วเต๋อก็รับอาสาร่วมกับพี่น้องนำดินเหนียวมาปั้น ตัดฟางข้าว แล้วตีอิฐทีละก้อนเพื่อสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาอย่างช้าๆตอนแรกที่นี่เป็นบ้านหลังหลักของพวกเขา กระทั่งต่อมาเมื่อลูกๆ เริ่มเติบโตอายุมากขึ้น บ้านหลังใหม่ที่ทำจากอิฐและกระเบื้องก็สร้างเสร็จ ห้องนี้จึงกลายสภาพเป็นที่เก็บข้าวสารและฟ่อนฟาง จวบจนกระทั่งเลิกทำนาห้องนี้ก็กลายเป็นห้องเก็บของไปโดยปริยายเฉียวเฉียววิ่งเข้ามา "ย่า! ย่า!"หวังลี่เฟินเพิ่งหยิบกระบุงใส่ของออกมาจากห้อง เมื่อได้ยินเสียงก็ตอบ "เฉียวเฉียวว่าไงลูก"ไม่นานนัก เฉียวเฉียวก็โผล่หัวที่ตัดทรงสกินเฮดมาให้ย่าตกใจเล่น "ย่า พี่สาวบอกเดี๋ยวจะพาไปทำนา ขอยืมตะกร

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 13 ชะตากรรมของคนยากจน

    ตอนนี้เป็นช่วงพักจากการทำนา ชายหญิงในหมู่บ้านวัยสามสิบถึงห้าสิบปีที่พอจะแบกหามได้ก็ถูกซ่งซานเฉินเรียกมาช่วยหมดแล้ว เวลาไม่คอยท่า ฉวยโอกาสนี้จัดการให้เสร็จ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็ต้องหว่านเมล็ดลงดินแล้วแผนลำดับขั้นตอนของซ่งถานร่างไว้อย่างชัดเจนต้องจัดการหญ้าในสวนเกาลัด ต้นเกาลัดเหล่านั้นควรใส่ปุ๋ยและตัดแต่งกิ่งให้เรียบร้อย ถึงเวลาก็ต้องทำโครงสำหรับวางเห็ดหูหนู ต้องล้อมรั้วรอบนอกเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์หรือคนเข้ามาสร้างความวุ่นวายพอดีที่ด้านหลังภูเขาตัดต้นไม้ทิ้งไปหลายต้น ลำต้นแบ่งเป็นท่อนๆ เพื่อใช้เพาะเห็ดได้ กิ่งก้านสามารถใช้ทำเป็นเพิงกำบังลมและกันฝนสาดให้หมู และยังต้องเตรียมรางใส่อาหารหมูกั้นด้วยตาข่ายลวดส่วนในไร่ ภายในหนึ่งหรือสองเดือนนี้จะปลูกถั่วม่วงไว้ก่อน เมื่อถั่วม่วงออกดอกแล้วก็ถึงเวลาไถพรวนดินอีกครั้ง เตรียมปลูกข้าวและผัก เมล็ดบางชนิดก็สามารถเพาะกล้าไว้ล่วงหน้าได้ในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ยังต้องหาไก่บ้านและเป็ด อีกทั้งต้องนัดหมายกับชาวบ้านคนอื่นเพื่อรับซื้อลูกหมู เวลามีคนมาช่วยงานเยอะๆ ก็ต้องเตรียมอาหารทุกวันซ่งซานเฉินและอู๋หลานต่างก็ยุ่งจนตัวเป็นเกลียว แล้วลูกสาวล่ะ?ก็ไ

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 12 หารือ

    ปลายเดือนกุมภาพันธ์ต้นเดือนมีนาคม จะเป็นช่วงเวลาแห่งความอึดอัดใจและกลัดกลุ้มสำหรับชาวนาในแต่ละปี เมื่อสิ้นปีได้ผ่านพ้นไป ลูกหลานส่วนใหญ่มักพากันย้ายออกไปตั้งรกร้างครอบครัวของตัวเองยังที่แห่งใหม่ นกเธอแอ่นบนคานหามยังไม่กลับมา ที่ดินรกร้างว่างเปล่าก็มีมากขึ้น หากมองไกลๆ จากบนท้องฟ้าจะพบสีเหลืองและน้ำตาลครามครอบคลุมพื้นที่ดินจำนวนมาก ยกเว้นภูเขาเขียวขจีที่อยู่ไกลออกไปแล้ว หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านก็เงียบเหงาและสงบแต่ในวันนี้ ทุ่งนาข้างป่าไผ่ของตระกูลซ่งกลับคึกคักอีกครั้ง"ซ่งซานเฉิน ปีนี้บ้านนายเป็นอะไรไป ร่ำรวยเตรียมทำอะไรใหญ่โตหรือยังไงกัน ทุ่งนาตั้งเยอะแยะจะเก็บกวาดไปทำไม""ใช่แล้วซ่งซานเฉิน นายจะปลูกอะไรกันแน่ ที่ดินเดิมยังมีต้นชาสองสามต้น ฉันเห็นยังทิ้งๆ ขว้างๆ อยู่เลย"ทุกคนถูกซ่งซานเฉินเชิญมาเก็บกวาดที่ดิน เครื่องจักรรถไถกำลังทำงานอย่างหนักหน่วงอยู่ที่มุมหนึ่ง ก่อนจะไถดิน พวกเขาจำเป็นต้องกำจัดวัชพืชและเศษซากต้นไม้เล็กๆ ที่แห้งกรังในที่ดินก่อน ไม่เช่นนั้นเครื่องจักรขนาดเล็กอาจจะมีเศษติดอยู่ใต้ท้องเครื่องโชคดีที่มีคนมาร่วมแรงช่วยกันเยอะแยะ ทำให้งานดูสนุกและมียังมีประสิทธิภาพดีด้วย เมื่

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 11 การจัดการเมล็ดพันธุ์

    เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ซ่งซานเฉินตื่นขึ้นมาแล้วก็ต้องตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่งอากาศ...สดชื่นจัง!ยิ่งได้เห็นแนวภูเขาที่ปกคลุมด้วยหมอกบางๆ ประกอบกับแสงสีทองอ่อนอำไพแผ่กระจายอย่างจางๆ ดูสวยงามราวกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศก็ไม่เกินจริงคูน้ำหน้าบ้านยังมีหมอกสีขาวปกคลุม หนาแน่นและบังตาจนเขามองแทบไม่เห็นพื้นผิวน้ำ มันกำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ค่อยๆ สลายไป ส่วนต้นเหมยฮวาที่อยู่รอบๆ สนาม ซ่งซานเฉินจำได้ชัดเจนว่ามันเคยร่วงโรยไปตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ทำไมวันนี้ถึงกลับมาบานอีกครั้ง? ดอกตูมสีเหลืองเล็กๆ ซึ่งยังบานไม่เต็มที่นั้น ไม่เพียงแค่ดูน่ารักราวเด็กน้อยหัดเดิน แต่กลับยังมีกลิ่นหอมโชยมาแต่ไกลขณะนี้ ชาวนาชราได้มีโอกาสชื่นชมความงามที่ไม่พบเจอมานานมากแล้ว แต่ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เหมือนกับว่าตัวเองกำลังถูกชื่นชมเขาหันไปมอง!เห็นกระรอกสีเทาพื้นเมืองเจ็ดแปดตัวเกาะกำแพงบ้านแล้วมองเข้ามาเหมือนพวกปาปารัสซี่ พอลองมองไปที่ภูเขาหลังบ้าน ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพที่เพิ่งผ่านพ้นฤดูหนาวมา แต่กลับมีกลิ่นอายของความสดใหม่ ราวกับว่าเพิ่งขัดเคลือบเงาซ่งซานเฉินมองอยู่นานจนงง แล้วก็

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 10 ห่านขาวตัวใหญ่

    ซ่งถานมีคุณปู่ชื่อซ่งโหย่วเต๋อ เป็นชาวนาแก่ๆ อายุ 79 ปีแล้ว ท่านป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพองเนื่องมาจากการสูบบุหรี่บ่อยๆ และถี่หนักตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม ดังนั้นแกจึงหอบง่ายมาก ส่งผลให้ทำงานหนักไม่ได้มาหลายปี นอกจากการดูแลสวนผักง่ายๆ ก็ยังถนัดเล่นไพ่ใบไม้กับกลุ่มคนแก่ในหมู่บ้านเป็นกิจวัตรบ่อยๆ ด้วย ในมือแกชอบถือไปป์ยาสูบเก่าแก่ที่หายาก ในสิบหมู่บ้านแปดเมือง ทุกปีจะต้องมีคนมาขอซื้อน้ำมันยาสูบเก่าในไปป์แกเพื่อรักษาแผลคนในครอบครัวตลอดไพ่ใบไม้ คุณปู่ของฉันเคยชอบเล่นเกมลับสมองแบบนี้ แต่ผ่านไปสักพักก็ไม่มีใครเล่นตามแกกันแล้วส่วนคุณยายหวังลี่เฟินนั้น ขาแข็งแรง ร่างกายแข็งแรง ทำอาหารเก่งมาก ปัจจุบันสวนผักในบ้านก็ยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทุกปีจะมีชาวบ้านมาหาเธอเพื่อขอซื้อต้นกล้าผักสวนครัวโดยเฉพาะ เธอจึงเป็นเสาหลักของบ้านซ่งเลยก็ว่าได้ซ่งถานออกจากบ้าน เดินผ่านสวนผัก เห็นบ้านเก่าแก่ที่ทำจากอิฐสีแดงตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา ลานหน้าบ้านปูด้วยซีเมนต์เป็นพื้นที่กว้าง ในใจก็พาลหวนนึกถึงตอนตัวเองยังเด็กขึ้นมาทันที ต้นไม้ไทรสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ที่มุมลาน ใต้ต้นไม้มีไก่หลายตัวนอนอาบแดดคุ้ยเขี่ยทรายเล่นอยู

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 9 เลี้ยงหมูเหรอ

    กลับถึงบ้าน อู่หลานก็ซักไซ้เรื่องเงินก้อนนี้อย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ ซ่งถานรายงานทีไร เส้นเลือดที่หน้าผากของเธอก็เต้นตามไปด้วยทุกรอบ เต้นจนซ่งถานใจคอไม่ดี จะขอเงินทำอะไรก็ดูติดขัดเก้ๆ กังๆ ไปเสียหมดตอนนี้ ต้องรีบใช้กลยุทธ์ถัดไปปิดฉากแม่เธอ "แม่ หนูอยากเลี้ยงหมูสักสองสามตัว…ได้ไหม"ตอนนี้ราคาหมูขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ หมูตามบ้านนอกอย่างหยุนเฉิงก็ไม่เคยขายไม่ออก ตามหลักแล้ว เลี้ยงหมูก็เหมาะสมดี"กี่ตัว"อู่หลานฮึดฮัด เหมือนคิดว่าลูกสาวตนเองไม่เคยจับงานใหญ่ "ตอนนี้หมูแพง ลูกหมูก็แพง ตัวละตั้งหลายร้อย กลับมาบ้านก็ต้องก่อเตาทำอาหารให้หมูกินอีก แถมตอนนี้หนาวก็ต้องซื้อรำข้าวโพด”โอ๊ย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่หมูหิวก็ร้องแล้ว หมูสองสามตัวก็ร้องดังระงมไปทั่ว ต้องคอยสร้างคอกหมูอีก แค่เฉพาะทำงานในไร่ก็ยุ่งเป็นระวิงมือไม้ใช้ไม่พอแล้ว ซ่งถานเป็นแบบนี้เสมอ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ทันเดินก็คิดจะบิน ในสายตาของอู่หลาน มันไม่น่าเชื่อถือเลย"อีกอย่าง ทรัพย์สินล้นฟ้าล้วนไม่นับสิ่งมีขน ถ้าหมูเกิดป่วยขึ้นมา..."แต่ซ่งถานอยากกินเหลือเกิน ช่วงนี้เธอสามารถฝึกฝนลมปราณได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เ

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 8 ถั่วม่วง

    ซ่งซานเฉินขมวดคิ้ว "นี่หนูตั้งใจจะปลูกถั่วม่วงในพื้นที่หลายสิบเอเคอร์เลยหรือ"มิเช่นนั้นจะไม่จำเป็นต้องใช้เมล็ดถั่วม่วงจำนวนมากขนาดนี้ ถั่วม่วงหนึ่งเอเคอร์ใช้เมล็ดพันธุ์เพียงห้าหรือหกกิโลกรัมเท่านั้นตอนนี้ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ยังคงสวมเสื้อผ้าขนเป็ดและเสื้อโค้ทผ้าฝ้ายหนาอยู่ เมื่อถึงเดือนมีนาคม อุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตราบใดที่ไม่มีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ และความแตกต่างของอุณหภูมิช่วงหลังเที่ยงคืนไม่มากนัก พืชผลทางการเกษตรส่วนใหญ่ก็สามารถปลูกได้แล้วแต่หากปลูกถั่วม่วง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องไถพรวนอีกครั้งในปลายเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมเพื่อปลูกอย่างอื่นได้...ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ไม่ได้ขัดขวางการปลูกอย่างอื่นตามประสบการณ์การทำไร่ทำนาของซ่งซานเฉิน เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกพืชในชนบท ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนของทุกปีจะมีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ความแตกต่างของอุณหภูมิก่อนและหลังเที่ยงคืนมีมาก เมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งงอกก็อาจจะถูกแช่แข็งจนตาย ไม่เหมาะสมเพียงแต่เขาคิดว่าการใช้เงินและเสียเวลาไปมากมายตั้งแต่แรก ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเมื่อคืนซ่งถานคิดอย

  • กลับจากแดนเซียนเพื่อมาไลฟ์สดขายผัก!   บทที่ 7 ฉันเป็นเศรษฐีแล้ว

    สำนักงานอำเภอในเมืองเล็กๆ อย่างหยุนเฉิงไม่จำเป็นต้องต่อแถว เพราะประชากรน้อยยิ่งกว่าหยิบมือ ซ่งถานทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็เสร็จ ตอนนี้เธอจึงเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือราคาสามพันหยวนให้คุ้มค่าที่สุด ขณะที่กำลังคิดถึงเงินในกระเป๋าของเธอ เธอก็รู้สึกเศร้าใจหกหมื่นหยวน แม้จะพูดให้ถูกต้อง ต้องเป็นหกหมื่นสองพันกว่าหยวน รวมเงินอุดหนุนของแม่ที่ให้เพิ่มเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถืออีกสองพันหยวน รวมแล้วก็เป็นหกหมื่นสี่พันหยวนเมื่อคืนก็วางแผนไว้ดีแล้ววางแผนอย่างไรบ้างน่ะหรือ..ซื้อโทรศัพท์มือถือ ซื้อเครื่องมือทำการเกษตร ซื้อเมล็ดพันธุ์ และปุ๋ย...ถ้าที่เหลือเก็บไว้ได้ไหมนะ ไม่ได้ ต้องจ้างคนขุดภูเขา ขุดดิน ขุดทุกที่ที่เธออยากปลูก...แต่เงินจำนวนนี้ก็จ้างคนทำงานได้ไม่นานนัก"พ่อ แม่บอกว่าทุ่งนาและภูเขาให้หนูจัดการได้ตามใจชอบ แค่แปลงผักอย่าไปยุ่ง ถ้าขอเช่าเครื่องจักรไถดินด้วยได้ไหม"ซื้อไม่ไหวก็เช่าได้!ซ่งซานเฉินยังไม่ค่อยเปิดใจเท่าไหร่ "ถานถาน ลูกจะทำไร่จริงๆ เหรอ ลองทำแค่หนึ่งหรือสองแปลงก่อนก็พอแล้ว ทำใหญ่ขนาดนี้ ชาวบ้านรู้เข้าจะต้องว่าเราโอ้อวดแน่ๆ "ซ่งถานเองก็คิดได้ เธอไม่ได้คิดเ

DMCA.com Protection Status