บนยอดเขาอินเยว่ทางด้านหลังภูเขา
เมฆคำรามก่อตัวรวมกัน เสียงคำรามครืนครั่นดังกึกก้อง
ซ่งถาน ผู้ฝึกตนแห่งนิกายถามเทียนในแดนเซียน ผู้มีรากวิญญาณทั้งธาตุน้ำและธาตุไม้ ได้ปลูกพืชวิญญาณบนภูเขาทางด้านหลังเป็นเวลานับร้อยปีแล้ว จนในที่สุดโอกาสที่รอคอยจะก้าวข้ามขีดจำกัดก็มาถึง!
แต่ทว่า ไม่คาดคิดว่าฟ้าจะผ่าขณะก่อร่างสร้างแก่นทองคำเพื่อบรรลุขั้นต่อไปจะรุนแรงเช่นนี้ ร่างกายของเธอถูกความโกรธเกรี้ยวจากผืนฟ้าผ่าจนแหลกละเอียด แม้แต่ดวงวิญญาณก็ยังแตกกระจาย ในยามเลือนลาง ซ่งถานกลับได้เห็นภาพมากมายที่ทั้งคุ้นเคยและแปลกหน้าก่อนที่ร่างกายและวิญญาณของเธอจะสลายไป
รถยนต์หลายสิบคันพลิกคว่ำและชนระเนระนาดกลางถนน ทั้งเสียงชน เสียงเจ็บปวด เสียงร้องไห้ดังโอดครวญระคนหู รถยนต์ที่พลิกคว่ำน้ำมันไหลเป็นทางยาวบนสะพาน ผู้คนรอบข้างกำลังเคาะกระจกรถอย่างกระวนกระวาย ขณะที่ดวงตาของเธอพร่าเลือด ขยับไม่ได้ พูดไม่ออก
“ฮัลโล 119 ไหมคะ เกิดอุบัติเหตุรถชนกันเป็นแถวบนสะพานหนิงไห่...”
“ปัง!”
“ช่วยกันพาคนขับออกมาก่อน! เธอยังมีลมหายใจอยู่เลย”
“ขาเธอติดอยู่... ใครก็ได้มาช่วยกันหน่อยเร็วๆ”
“เฮ้ย! รีบหนีไป น้ำมันรั่วแล้ว ระวังจะระเบิด”
ซ่งถานมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างมึนงง ชั่วครู่หนึ่งเธอก็ยังไม่เข้าใจว่านี่คือ... มารในใจหรือไม่
แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ มีหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ในรถ เธอรู้สึกผูกพันกับหญิงสาวผู้นี้อย่างลึกซึ้ง
แต่ทว่า ศีรษะของหญิงสาวเหมือนมีรอยแตกเลือดทะลักไหลซึมออกมาและอาบนองเต็มใบหน้า เธอค่อยๆ หลับตาลง ลมหายใจอ่อนเบาระทวยรวยริน ราวกับจะสิ้นใจในไม่ช้า ซ่งถานมองเห็นแสงวิญญาณบนร่างของหญิงสาวค่อยๆ จางหายไป ทั้งที่วิญญาณกำลังจะสลายไปในไม่ช้า แต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา เธอกลับสัมผัสได้ราวกับมีบางสิ่งที่เป็นกลุ่มก้อนพลังงานลึกลับดึงรั้งหญิงสาวไว้อยู่ จากนั้นวิญญาณที่ใกล้จะแตกกระจายของหญิงสาวก็จมดิ่งลงหายไปอย่างรวดเร็ว
ในความมึนงง จู่ๆ เด็กสาวผิวขาวดั่งหิมะก็ปรากฏตรงหน้าเธอ ดวงตาสีดำเป็นประกายจ้องมองกลับมายังซ่งถาน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความยินดีและปลอบโยน “เธอกลับมาแล้ว? ”
หมายความว่าอย่างไร…
ซ่งถานถามเสร็จ ยังไม่ทันได้รับคำตอบ ก็เห็นร่างเด็กสาวผิวขาวพุ่งตรงเข้ามา เศษวิญญาณที่แตกสลายของทั้งสองคนหลอมรวมเข้าด้วยกันในพริบตา
ชาติก่อน ชาตินี้...
เธอจำได้แล้ว!
นี่ไม่ใช่มารในใจ!
แต่เป็นตัวเธอเองที่กลับมา! กลับมาจากแดนเซียน กลับมายังช่วงเวลาที่เธอใกล้จะตายในโลกปัจจุบัน!
นี่คือชาติก่อนของเธอ! เดิมทีเธอคือซ่งถานที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ จากนั้นก็สูญเสียความทรงจำและทะลุมิติไปยังแดนเซียน จากเด็กสาวในหมู่บ้านบนภูเขาอินเยว่ที่ฝึกฝนอย่างหนัก จึงได้เข้าสู่สำนักถามเทียน
เมื่อเวลาผ่านไปกว่าร้อยปี ฝึกฝนไม่หยุดยั้ง มุ่งมั่นอุตสาหะเพื่อจะได้ก้าวข้ามขีดจำกัด เพื่อปกป้องตัวเองให้รอดพ้นจากภัยอันตรายต่างๆ
ในที่สุดเธอก็กลับมา…
เธอคือซ่งถาน!
อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุจากรถที่ชนกันด้านหน้านั้นหนักหนาและรุนแรงมากเกินไป ร่างกายย่อมได้รับความเจ็บปวดจนสุดแสนจะทนไหว ในชาติที่แล้ว เธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนสิ้นใจ
แต่ไม่ ไม่ได้! ชาตินี้เธอจะตายไม่ได้เด็ดขาด
ซ่งถานพยายามดึงดูดพลังจิตวิญญาณที่เจือจางจากรอบๆ ตัวด้วยความยากลำบาก แปรเปลี่ยนมันเป็นพลังลมปราณเพื่อเร่งรุดซ่อมแซมร่างกาย
พลังลมปราณที่บางเบาพยายามไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกายเธอ ฟื้นฟูอวัยวะภายในและร่างกายที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เธอใช้แรงที่เหลือเพื่อขยับเปลือกตาอันเลือนลางด้วยเลือด เพ่งมองสถานการณ์ตรงหน้า ก่อนจะพลันพบกับใบหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ของชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่ง แต่เต็มไปด้วยเส้นเลือดขอดแทน
ใกล้เกินไป ซ่งถานมองเห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มและขนตาหนาเป็นแพของเขา โดยเฉพาะไฝเล็กๆ ตรงหน้าผากที่อยู่ตรงกลาง ไม่เบี้ยวไม่เอียง
อีกฝ่ายกัดฟัน แต่ก็ยังคงเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก
“อย่ากลัว! ผมกำลังจะพาคุณออกมา”
มีเสียงใครบางคนตะโกนอย่างสิ้นหวังด้านหลัง “รีบไป รีบไป ไฟไหม้แล้ว ไฟไหม้แล้ว”
“อดทนไว้! ”
ชายหนุ่มที่โอบกอดเธออยู่ส่งเสียงแผ่วเบา เหงื่อบนหน้าผากและแก้มไหลลงตามแนวกราม หยดลงบนใบหน้าของซ่งถาน ร่างกายของเธอถูกดึงกระชากไปข้างหน้าอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วทั้งร่างกาย แม้แต่ดวงวิญญาณก็ราวกับถูกกระชากออกจากร่างอีกครั้งหนึ่ง
ในเสี้ยววินาทีถัดมา!
“ระเบิดแล้ว”
เสียงกรีดร้องรอบข้างดังขึ้นอย่างน่ากลัว!
“ตูม!”
ร่างอันหนักอึ้งถูกเหวี่ยงออกไปอย่างแรง เธอสั่นสะท้านไปทั้งตัว ตอนนี้ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ
คล้ายหลับใหลไปนานพอสมควร เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็เห็นศีรษะของคนกลุ่มหนึ่งโผล่ชะเง้อออกมาจากขอบเตียง ผู้นำหน้าเป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มแพทย์ ผมบางแต่ดวงตากลับแจ่มใส
“ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างครับคนไข้”
สายตาของซ่งถานเลื่อนลงไปที่ป้ายชื่อบนหน้าอกของเขา
รูปถ่ายใบหน้าที่ชัดเจนเป็นพิเศษ
โรงพยาบาลประชาชนมณฑลหนิงสาขาที่ 1
แพทย์ประจำ : จางหยวน
เธอจ้องมองป้ายชื่อนี้อย่างมึนงง ความทรงจำที่คุ้นเคยไหลเวียนอยู่ในใจ ในตอนนี้ เธอคือซ่งถานที่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา แต่ในเงาอีกด้านก็ยังคงเป็นซ่งถานที่บำเพ็ญเซียนเจริญตบะมานับร้อยปีอีกด้วย
วิญญาณหลอมรวม ชาติก่อนและชาติปัจจุบัน อายุรวมกันก็ตกราวร้อยกว่าปี ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว
กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อของโรงพยาบาลลอยอบอวลอยู่ทั่วทุกหนแห่ง พลังลมปราณบางเบาเหมือนเส้นไหม เธอตั้งสมาธิแล้วท่องคาถาเซียนพึมพำวิชาหนึ่ง ครึ่งค่อนนาทีจึงมีพลังลมปราณสองสายไหลเวียนมาอย่างเชื่องช้า
ซ่งถานถอนหายใจด้วยความโล่งใจ แค่สามารถบำเพ็ญเพียรได้ก็พอแล้ว
หากบำเพ็ญเพียรได้ก็สามารถปกป้องตนเองได้ แม้จะยังไม่พูดถึงเรื่องอื่น แต่แค่เฉพาะการปลูกพืชผักวิเศษมาเป็นเวลาร้อยกว่าปีก็เลี้ยงดูตัวเองในโลกมนุษย์ใบนี้ได้แล้ว ซ่งถานมองไปยังแพทย์ที่รอคอยคำตอบของเธอ เธอขยับปากพูดออกมาอย่างติดขัดเล็กน้อย
"ยัง...ยังโอเคอยู่ค่ะ"
ผู้ช่วยแพทย์ทางซ้ายมือที่เพิ่งผ่านการทดลองงานหมาดๆ รับแฟ้มประวัติคนไข้จากหัวหน้าแพทย์ด้วยความสุภาพ ก่อนจะรีบหยิบปากกาขึ้นมาเขียนอักษรที่พลิ้วไหวราวกับมังกรหรือหงส์ที่กำลังร่ายรำ เลียนแบบการเขียนของแพทย์อาวุโสที่เขียนราวกับอักษรจากสรวงสวรรค์ พร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตร
"ผลการตรวจของเราดีมากนะคะ คุณโชคดีมากเลยค่ะ! อุบัติเหตุรถชนเป็นแถว แต่คุณแค่หัวกระแทก อาจจะมีอาการกระทบกระเทือนทางสมองเล็กน้อย แต่ส่วนอื่นๆ ก็ดีหมดแล้วค่ะ"
"เฝ้าดูอาการอีกสักวันสองวันก็ออกได้แล้ว แต่ว่าที่เกิดเหตุมันวุ่นวายมาก มือถือในกระเป๋าของคุณก็เปิดไม่ติดด้วย แล้วก็บาดแผลของคุณไม่ได้รุนแรงมาก พวกเราเลยยังไม่ได้ติดต่อแจ้งญาติของคุณนะคะ"
ซ่งถานนึกถึงใบหน้าซื่อๆ ที่เหมือนกันเป๊ะๆ ของทั้งสามคน เธอเอามือลูบหัวอย่างไม่รู้ตัว นึกถึงเหตุการณ์ตอนเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้อย่างเลือนลาง จึงรีบถามขึ้นว่า
"ฉันจำได้ว่าตอนนั้นมีคุณผู้ชายคนหนึ่งช่วยฉันไว้ เขาเป็นยังไงบ้างคะ..."
ชาติที่แล้วตอนเกิดอุบัติเหตุ เธอหมดสติไปทันทีเลย จึงไม่รู้ว่ามีใครที่จะยอมเอาชีวิตเข้ามาช่วยเธอแบบชาตินี้หรือเปล่า แต่ผู้ช่วยแพทย์กลับลังเลอยู่ครู่หนึ่ง "เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน มีผู้บาดเจ็บที่ถูกส่งมาโรงพยาบาลนี้ทั้งหมดสิบแปดคนค่ะ จากที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงบอก คุณถูกผู้ชายคนหนึ่งดึงออกมาจากรถใช่ไหมคะ"
ซ่งถานพยักหน้า
แต่ผู้ช่วยแพทย์กลับลังเลอีกครั้งก่อนจะพูด "เขา...เขาไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตค่ะ เขาน่าจะไม่ใช่คนแถวนี้นะคะ เพราะเมื่อสักครู่ญาติก็เพิ่งจะพาตัวไปรักษาต่อที่อื่นไม่นานนี้เอง"
ซ่งถานโล่งใจ
"แล้วพอจะมีวิธีติดต่อเขาหรือญาติของเขาไหมคะ ฉันอยากจะเอ่ยขอบคุณต่อหน้า"
บุญคุณที่ช่วยชีวิตไว้ เป็นบุญคุณของซ่งถานตอนอายุ 23 ปี และเป็นบุญคุณของซ่งถานที่บำเพ็ญเพียรในแดนเซียนมานับร้อยปีอีกด้วย แม้แต่ในโลกแห่งเซียน นี่ก็ถือเป็นบุญคุณที่ยิ่งใหญ่ต้องตอบแทนอย่างสุดความสามารถเช่นกัน
ผู้ช่วยแพทย์ส่ายหัว “ตอนนั้นผู้ชายคนนี้ช่วยไว้หลายคนมากค่ะ พอญาติมารับตัวก็รีบย้ายไปโรงพยาบาลอื่นเลย และยังบอกไม่ประสงค์ให้ข้อมูลติดต่อใดๆ ด้วยนะคะ”
ความหมายก็คือทางนั้นไม่ต้องการเปิดเผยช่องทางการติดต่อใดๆ สินะ
"แล้วไปโรงพยาบาลไหนคะพอจะทราบไหม"
"ไปโรงพยาบาลเหรินไห่ในเมืองหลวงค่ะ"
ซ่งถานพยักหน้า ไม่ได้ซักถามต่อ
เธอคิดว่า ตอนนี้ยังปรับตัวไม่เข้ากันดีกับที่นี่นัก ดังนั้นไว้รอรวบรวมพลังลมปราณเพื่อบำเพ็ญเพียรจนดีขึ้นมากแล้ว ค่อยลองสืบหาที่อยู่ของผู้มีพระคุณก็ยังไม่สาย
เหล่าแพทย์พากันเดินออกไป ซ่งถานรู้สึกไม่สบายใจนักกับอากาศที่ขุ่นมัวในปัจจุบันเลย บริเวณโดยรอบขาดแคลนพลังจิตวิญญาณมากเกินไป เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สถานที่ที่ดีสำหรับการบำเพ็ญเพียรเลยสักนิด
โดยไม่รู้ตัว เธอคลำใต้หมอนดูด้วยความเคยชิน กลับพบว่ามันว่างเปล่า..
กระเป๋าสตางค์คงถูกไฟไหม้ในอุบัติเหตุหมดแล้วสินะ รวมถึงเอกสารด้วย
เธอลองเปิดลิ้นชักหัวเตียงดู ก็พบโทรศัพท์ที่มีหน้าจอปริแตกอยู่จริงๆ ถึงแม้ไม่รู้จะยังใช้ได้อยู่ไหม แต่ก็ลองคลำเปิดเครื่องดูจนสำเร็จ เธอเปิดหน้าจอพลันพบว่ามีข้อความแจ้งเตือนสีแดง 99+ ที่มุมขวาบนของแอปสีเขียว ยังมีแอปสีน้ำเงินอีกแอปที่ส่งเสียงดังจนน่ารำคาญ ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดในทันที
สัมผัสที่หกของผู้บำเพ็ญเซียนอย่างเธอ มักช่วยให้หลีกเลี่ยงเรื่องเลวร้ายต่างๆ ได้มาหลายครั้งแล้ว ซ่งถานจึงคิดว่า ข้อความพวกนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่! ไม่ดูดีกว่า! ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือเล่นโทรศัพท์มือถือต่างหาก นานมาแล้วกว่าร้อยปีที่เธอไม่ได้เล่นเลยนะ อดใจแทบไม่ไหว.. ดังนั้นเธอจึงเลื่อนนิ้วปัดลงส่งๆ เปิดแอปที่มีเครื่องหมายคล้ายโน้ตเพลง
‘เริ่มต้นชีวิตที่สดใส’
เปิดมาแล้วก็ขอดูสักหน่อย...
จ้องแล้วจ้องอีก!การดูคลิปวิดีโอสั้นๆ มันทำให้ฉันมีความสุขมาก!ที่แท้ชีวิตของมนุษย์คนธรรมดาก็มีอะไรน่าสนใจแบบนี้นี่เอง!ซ่งถานอยากเล่นแบบนี้ไปอีกนานๆ โลกใบนี้ช่างมีอะไรน่าสนใจอีกเยอะแยะ ยิ่งหากสามารถมีความสุขแบบนี้ได้ตลอดไป โดยไม่ต้องบำเพ็ญตบะเซียนเลย...คงดีไม่น้อยไม่สิ ไม่ได้ๆ! เธอรีบไล่ความคิดน่ากลัวนี้ออกจากหัวตัวเอง เธอห้ามหลงละเลยการบำเพ็ญเพียรโดยเด็ดขาดนะ…แต่ถ้ายืดหยุ่นนิดหน่อย เช่น หากเปลี่ยนจากการเคร่งครัดเป็นการบำเพ็ญเพียรให้ช้าลงกว่านี้สักนิด ยังอาจจะมีความพอเป็นไปได้อยู่บ้าง เพราะอย่างไรตอนนี้เธอก็แทบไม่มีพลังลมปราณหลงเหลืออยู่แล้วนี่ การบำเพ็ญตบะมากมายอย่างไรก็คงได้ผลลัพธ์ที่น้อยไม่เต็มประสิทธิภาพนัก ดังนั้นจึงไม่น่าคุ้มค่าเท่าไหร่ซ่งถานพิจารณาการตัดสินใจของตัวเอง ก็ปลอบใจว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอเคยได้ยินบ่อยๆ ว่า "โรคผัดวันประกันพรุ่ง" แต่น่าจะเป็นลางสังหรณ์จากวิชาเซียนที่บอกเธอว่า ‘มันไม่เหมาะสม’ ต่างหากสรุปแล้ว เธอคำนวณด้วยนิ้วมือก็พบว่าตอนนี้คือช่วงเวลาที่ดีสำหรับ…การเล่นโทรศัพท์!เพียงแต่หน้าจอมันแตกเยอะไปหน่อย...ในวินาทีต่อมา โทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้า"ซ่งถาน! งานน
ซ่งถานได้สติแล้วรับอาหารกล่องของเธอมา นี่คืออาหารชั้นเลิศจากร้านอาหารที่มีรีวิวมากถึง 5 ดาว แต่ราคาก็สูงถึง 188 หยวน อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดกล่องออกมา กลิ่นอาหารและกลิ่นเหม็นอับก็ปะปนคลุ้งจมูกเธอราวกับเป็นอาหารที่ไม่เคยทานมาก่อน ซ่งถานรู้สึกคลื่นเหียนในท้อง ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ทานไม่ลง จังหวะนั้นเอง เจ้านายหัวหน้างานเธอที่ชื่อว่า ‘หวังปาผี’ ก็เดินเข้ามา พอเห็นเช่นนั้นเขาก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงทันที"ซ่งถาน! เธอยังมีอารมณ์มานั่งกินข้าวอีกเหรอ งานนำเสนอที่ฉันสั่งไปล่ะ บอกแล้วนะว่าถ้าส่งไม่ทันก่อนบ่ายสองก็เตรียมลาออกไปได้เลย! "ซ่งถานลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน เธอจำได้แล้วว่าลืมอะไรไป!เธอกำลังจะมาลาออกไม่ใช่เหรอ!!"ได้ งั้นให้ HR โอนเงินเดือนที่เหลือฉันให้ตรงเวลาด้วย ฉันจะลาออกและกลับบ้านต่างจังหวัดตอนนี้เลย!"ทั้งสำนักงานตกตะลึง เมื่อเห็นว่าซ่งถานเริ่มเก็บของแล้ว หวังปาผีก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสับสนและน้อยใจ"ฉัน... ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะ..." พนักงานที่ทั้งขยัน อดทน มีความสามารถ และค่าจ้างถูกแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆหั่วเสวี่ยอิงที่กำลังกินข้าวอยู่ ก็ต้องรีบหยุดกินทันทีแล้วเดินเข้ามาเพื่อห้ามปรามซ่ง
ลานบ้านค่อนข้างเก่าแต่กว้างขวาง พื้นซีเมนต์เริ่มแตกเป็นรอยแยกแล้ว แม้อยู่ในช่วงฤดูหนาว แต่กลับมีต้นดอกเดซี่สีม่วงต้นเล็กๆ งอกขึ้นมาจากรอยแยกนั้น แล้วเบ่งบานสั่นเทาในสายลมหนาวดอกเดซี่สีม่วงซ่งถานจ้องมองดอกไม้นั้นอย่างตั้งใจ รู้สึกราวกับว่าดอกไม้น้อยๆ นี้ดูงดงามยิ่งขึ้นเมื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมซ่งซานเฉินวางกระเป๋าไว้ในห้องโถงแล้วรีบตะโกนเรียกลูกสาว"ถานถาน ข้างนอกหนาว รีบเข้ามาผิงไฟข้างใน" พลางลูบมือและเท้าของตัวเอง "ขี่มอเตอร์ไซค์นี่หนาวจริงๆ! "ซ่งถานชะงักไปครู่หนึ่งกว่าจะตอบสนอง‘ใช่แล้ว ขี่มอเตอร์ไซค์ในฤดูหนาวคงหนาวจริงๆ ’แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรมากนักกางมือออกดู ก็เห็นฝ่ามือขาวผ่องราวหยกของตนเอง พลางคิดว่า คงเป็นเพราะตอนเกิดอุบัติเหตุ พลังปราณในตัวเธอจึงพยายามซ่อมแซมร่างกายอย่างสุดชีวิต เพื่อหลบหนีจากชะตากรรมที่อาจต้องตาย จึงทำให้ร่างกายได้รับการชำระล้างในระดับหนึ่งแต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ดีอย่างเช่นตอนนี้ ลมหนาวพัดผ่านมา ซ่งถานกลับรู้สึกสั่นไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้ เธอตกใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านนี่คือห้องเล็กๆ ที่ใช้สำหรับผิงไฟ แม้พื้นที่ไม่กว้างนักแต่ก็พอให้ค
ซ่งซานเฉินยอมให้เธอกลับมาทำไร่ นั่นทำให้ซ่งถานโล่งใจจริงๆ แต่ต่อไปก็ถึงคิวแม่ของเธอ อู่หลานแล้วขณะนั้น อู่หลานก็พูดขึ้นมาพอดีว่า "ถึงเวลาทานข้าวแล้วเฉียวเฉียว ไปล้างมือแล้วมาช่วยยกกับข้าว! "ซ่งเฉียวก็วิ่งไปตามคำสั่ง ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้แต่น้องชายเธอก็ยังเปิดก๊อกน้ำนอกบ้านแล้วล้างมือจนสะอาด จากนั้นก็ขยันขันแข็งไปยกกับข้าวน้ำซุปปลาเก๋าสีขาวข้น มีผักชีลอยอยู่ด้านบน แค่ได้กลิ่นก็รู้เลยว่าเป็นปลาที่สดมาก!ซ่งถานเหลือบมองอาหารอีกหลากหลายจานที่ถูกยกเสิร์ฟมาติดๆ กัน เริ่มจากปลาเก่าผัดซีอิ๊วที่ขนาดตัวไม่ได้ใหญ่มากมาย น่าจะประมาณสองถึงสามขีด แต่เมื่อผัดเข้ากันกับผักชี พริก ขิงและต้นหอม คลุกเคล้ากันอย่างดีแล้ว กลิ่นหอมเข้มข้นอบอวลไปทั่วทั้งบ้าน ถ้าอากาศอุ่นกว่านี้อีกนิด ในท้องปลาก็คงมีไข่ปลาที่อร่อยกว่านี้จานถัดมาเป็นหัวไชเท้าตุ๋นหมูสามชั้น หมูสามชั้นตุ๋นเป็นวิธีทำอาหารของท้องถิ่น นำหมูสามชั้นที่ติดมันนิดหน่อยมาหมักเกลือไว้ และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ลงกระทะ ใส่น้ำมันถั่วลิสงแล้วผัดไปเรื่อยๆ ผัดจนชิ้นหมูเริ่มเป็นสีเหลือง น้ำมันจากหมูหอมๆ ก็จะออกมาบางส่วน จากนั้นจึงปิดท้ายด้วยใส่ทั้งน้ำมันและเนื้อหม
ซ่งถานตกใจจริงๆ"บ้านเราเงินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ"มีทั้งภูเขาและที่นา"มีเงินอะไรล่ะ" อู่หลานไม่เงยหน้าขึ้นมา "ทั้งหมดก็ตกทอดมาจากคุณปู่ของหนูทั้งนั้น ภูเขารกๆ ตรงนั้น ขายก็ไม่ได้ ไม่มีใครเช่า ก็เลยรกร้างอยู่แบบนั้น"ซ่งถานเงียบไปตอนนี้ทั้งหมู่บ้านมีไม่ถึงสามสิบหลังคาเรือน อายุเฉลี่ยสี่สิบห้าสิบปี ตอนนี้ข้าวก็ไม่ค่อยมีค่าแล้ว ก็แค่พออยู่พอกินเท่านั้น ไม่ใช่แค่บ้านของพวกเขาเท่านั้น บ้านอื่นๆ ก็มีที่รกร้างเป็นผืนใหญ่เช่นกันก็ไม่มีเหตุผลอะไรอื่น นอกจากขาดแรงงานที่นี่มีภูเขาเยอะ เครื่องจักรกลการเกษตรขนาดใหญ่ก็ใช้ไม่ได้ เครื่องจักรขนาดเล็กก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ซึ่งก็แพงมาก กำไรทั้งหมดจากที่นาหนึ่งแปลงก็ไม่พอที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ นอกจากนี้ยังมีอีก ถนนยังคดเคี้ยว ไม่มีหนทางไหนที่จะส่งขายออกไปยังนอกหมู่บ้านได้เลย ทุกวันนี้การปลูกข้าวและข้าวสาลีก็เพื่อกินเอง ทำงานหนักมาทั้งปี ทั้งรดน้ำ ใส่ปุ๋ย และกำจัดแมลง ก็ต้องใช้เงินจำนวนมากแล้วผลผลิตได้เท่าไหร่ล่ะยิ่งในกรณีที่ขาดแรงงาน ก็เก็บเกี่ยวได้แค่พอที่บ้านกินเท่านั้นหันกลับมาดูที่ซูเปอร์มาร์เก็ตในเมือง สิบกว่าหยวนต่อหนึ่งกิโลกรัม แม้ว่ารสชา
สำนักงานอำเภอในเมืองเล็กๆ อย่างหยุนเฉิงไม่จำเป็นต้องต่อแถว เพราะประชากรน้อยยิ่งกว่าหยิบมือ ซ่งถานทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ใช้เวลาเพียงสิบนาทีก็เสร็จ ตอนนี้เธอจึงเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือราคาสามพันหยวนให้คุ้มค่าที่สุด ขณะที่กำลังคิดถึงเงินในกระเป๋าของเธอ เธอก็รู้สึกเศร้าใจหกหมื่นหยวน แม้จะพูดให้ถูกต้อง ต้องเป็นหกหมื่นสองพันกว่าหยวน รวมเงินอุดหนุนของแม่ที่ให้เพิ่มเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถืออีกสองพันหยวน รวมแล้วก็เป็นหกหมื่นสี่พันหยวนเมื่อคืนก็วางแผนไว้ดีแล้ววางแผนอย่างไรบ้างน่ะหรือ..ซื้อโทรศัพท์มือถือ ซื้อเครื่องมือทำการเกษตร ซื้อเมล็ดพันธุ์ และปุ๋ย...ถ้าที่เหลือเก็บไว้ได้ไหมนะ ไม่ได้ ต้องจ้างคนขุดภูเขา ขุดดิน ขุดทุกที่ที่เธออยากปลูก...แต่เงินจำนวนนี้ก็จ้างคนทำงานได้ไม่นานนัก"พ่อ แม่บอกว่าทุ่งนาและภูเขาให้หนูจัดการได้ตามใจชอบ แค่แปลงผักอย่าไปยุ่ง ถ้าขอเช่าเครื่องจักรไถดินด้วยได้ไหม"ซื้อไม่ไหวก็เช่าได้!ซ่งซานเฉินยังไม่ค่อยเปิดใจเท่าไหร่ "ถานถาน ลูกจะทำไร่จริงๆ เหรอ ลองทำแค่หนึ่งหรือสองแปลงก่อนก็พอแล้ว ทำใหญ่ขนาดนี้ ชาวบ้านรู้เข้าจะต้องว่าเราโอ้อวดแน่ๆ "ซ่งถานเองก็คิดได้ เธอไม่ได้คิดเ
ซ่งซานเฉินขมวดคิ้ว "นี่หนูตั้งใจจะปลูกถั่วม่วงในพื้นที่หลายสิบเอเคอร์เลยหรือ"มิเช่นนั้นจะไม่จำเป็นต้องใช้เมล็ดถั่วม่วงจำนวนมากขนาดนี้ ถั่วม่วงหนึ่งเอเคอร์ใช้เมล็ดพันธุ์เพียงห้าหรือหกกิโลกรัมเท่านั้นตอนนี้ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ยังคงสวมเสื้อผ้าขนเป็ดและเสื้อโค้ทผ้าฝ้ายหนาอยู่ เมื่อถึงเดือนมีนาคม อุณหภูมิจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตราบใดที่ไม่มีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ และความแตกต่างของอุณหภูมิช่วงหลังเที่ยงคืนไม่มากนัก พืชผลทางการเกษตรส่วนใหญ่ก็สามารถปลูกได้แล้วแต่หากปลูกถั่วม่วง อย่างน้อยที่สุดก็ต้องไถพรวนอีกครั้งในปลายเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมเพื่อปลูกอย่างอื่นได้...ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ไม่ได้ขัดขวางการปลูกอย่างอื่นตามประสบการณ์การทำไร่ทำนาของซ่งซานเฉิน เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกพืชในชนบท ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนของทุกปีจะมีความหนาวเย็นในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ความแตกต่างของอุณหภูมิก่อนและหลังเที่ยงคืนมีมาก เมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งงอกก็อาจจะถูกแช่แข็งจนตาย ไม่เหมาะสมเพียงแต่เขาคิดว่าการใช้เงินและเสียเวลาไปมากมายตั้งแต่แรก ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเมื่อคืนซ่งถานคิดอย
กลับถึงบ้าน อู่หลานก็ซักไซ้เรื่องเงินก้อนนี้อย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ ซ่งถานรายงานทีไร เส้นเลือดที่หน้าผากของเธอก็เต้นตามไปด้วยทุกรอบ เต้นจนซ่งถานใจคอไม่ดี จะขอเงินทำอะไรก็ดูติดขัดเก้ๆ กังๆ ไปเสียหมดตอนนี้ ต้องรีบใช้กลยุทธ์ถัดไปปิดฉากแม่เธอ "แม่ หนูอยากเลี้ยงหมูสักสองสามตัว…ได้ไหม"ตอนนี้ราคาหมูขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ หมูตามบ้านนอกอย่างหยุนเฉิงก็ไม่เคยขายไม่ออก ตามหลักแล้ว เลี้ยงหมูก็เหมาะสมดี"กี่ตัว"อู่หลานฮึดฮัด เหมือนคิดว่าลูกสาวตนเองไม่เคยจับงานใหญ่ "ตอนนี้หมูแพง ลูกหมูก็แพง ตัวละตั้งหลายร้อย กลับมาบ้านก็ต้องก่อเตาทำอาหารให้หมูกินอีก แถมตอนนี้หนาวก็ต้องซื้อรำข้าวโพด”โอ๊ย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่หมูหิวก็ร้องแล้ว หมูสองสามตัวก็ร้องดังระงมไปทั่ว ต้องคอยสร้างคอกหมูอีก แค่เฉพาะทำงานในไร่ก็ยุ่งเป็นระวิงมือไม้ใช้ไม่พอแล้ว ซ่งถานเป็นแบบนี้เสมอ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ทันเดินก็คิดจะบิน ในสายตาของอู่หลาน มันไม่น่าเชื่อถือเลย"อีกอย่าง ทรัพย์สินล้นฟ้าล้วนไม่นับสิ่งมีขน ถ้าหมูเกิดป่วยขึ้นมา..."แต่ซ่งถานอยากกินเหลือเกิน ช่วงนี้เธอสามารถฝึกฝนลมปราณได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เ
โรงพยาบาลประชาชนมณฑลหนิง สาขาที่ 1ผู้ช่วยแพทย์เจินหลี่เพิ่งลงจากห้องผ่าตัด พยาบาลก็เข้ามาบอกว่า "ผู้ช่วยเจินคะ มีพัสดุส่งมาถึงคุณค่ะ"เจินหลี่งุนงง เธอจำไม่ได้ว่าตัวเองสั่งซื้ออะไรไว้ พอไปถึงแผนกก็อุทานว่า "นี่! ทำไมเป็นของสดแช่เย็นล่ะเนี่ย"พอตรวจสอบชื่อผู้ส่งก็ถึงกับบางอ้อ "ซ่งถาน"เธอเงียบไป..พยาบาลสาวๆ แห่กันเข้ามา "ผู้ช่วยเจินคะ ผู้ช่วยสั่งอะไรมาเหรอ"เจินหลี่หัวเราะทั้งน้ำตา "นี่ฉันไม่ได้สั่งซื้อนะ ก่อนหน้านี้เคยมีอุบัติเหตุรถชนบนสะพาน แล้วผู้หญิงคนนั้นที่ฉันเป็นคนรับผิดชอบร่วมกับนายแพทย์จางหยวน เธอก็ส่งของนี่มาให้เฉยๆ ""พวกคุณคงจำได้ ตอนนั้นที่ผู้หญิงคนนั้นถูกทับอยู่ในรถ ดึงยังไงก็ดึงไม่ออกไง แล้วก็มีผู้ชายใจดีคนหนึ่งช่วยดึงเธอออกมา แต่พอส่งมาถึงโรงพยาบาล เธอดันไม่เป็นอะไรเลยซะอย่างนั้น"โชคดีอะไรอย่างนี้!พอได้ฟังต้นสายปลายเหตุของเรื่องราว ทุกคนก็ต่างนึกถึงเหตุการณ์นั้นออกทันที เนื่องจากเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่โด่งดังไปทั่วโรงพยาบาลในรอบปี จึงสลับหันกลับไปมองพัสดุก็ยิ่งต่างแปลกใจกันใหญ่ เจินหลี่เธอเป็นผู้ช่วยแพทย์ลำดับแรก ซึ่งการช่วยชีวิตคนเป็นหน้าที่ของเธออยู่แล้ว ไม่เห็นจำเป
"ป้า นี่คือเงินสามสิบหยวนค่ะ รับไว้เถอะ หนูรู้ดีว่าผักของตัวเองมีคุณภาพยังไง ถ้าป้าไม่ชอบกินก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินนี่นา คนข้างหลังรอซื้ออีกเยอะแยะเลยค่ะ ผักโขมตรงนี้ก็ปล่อยให้คนอื่นเขาซื้อกันเถอะ"ป้าคนนั้นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ จากนั้นก็ไม่รับเงิน "หนูเป็นคนใจร้อนจริงนะ ทำการค้าจะไม่ให้คนอื่นติติงได้เลยเหรอ แค่สามสิบหยวนเอง ไม่เอาก็ได้ หนูขายผักโขมให้ฉันสิ""ไม่ได้ค่ะ" ซ่งถานหัวเราะอย่างใจเย็น แต่คำพูดที่ปฏิเสธนั้นกลับแข็งกร้าว"ป้าก็เห็น ผักของร้านเราจะขายไม่ทันอยู่แล้ว ซื้อไปแล้วไม่ชอบก็ไม่จำเป็นต้องซื้ออีกนี่คะ""ถูกต้อง! " ป้าข้างหลังเสริมรับทันที "ฉันจะเอาผักโขมกำนั้น! "ได้ของถูกแต่เสียของแพง ผักโขมป่าวางอยู่ในตะกร้า รวมแล้วเหลือไม่ถึงห้ากิโลกรัม เธอมาติติงแล้วยังจะให้ขายผักให้อีก สรุปคือเธอตั้งใจตามมาขอคืนเงินหรือแสดงนิสัยเกเรกันแน่...คนโง่ยังไม่ทำธุรกิจแบบนี้เลยนะ!รสชาติของผักป่าแบบนี้จะขายไม่ออกได้ยังไงซ่งถานถือโอกาสตอนที่อีกฝ่ายอ้าปากค้างอยู่ เธอก็ยัดเงินสามสิบหยวนใส่ในมือคุณป้าอย่างว่องไว "ป้าคะ ตลาดยังมีร้านผักอื่นๆ อีก ป้าลองไปหาเลือกดูเองนะ ฉันยุ่งอยู่"น้ำเสียงของเธอเห
แย่ชะมัด พอซื้อรถแล้ว ผักก็พากันเจริญงอกงามอย่างบ้าคลั่ง ราวกับจะไปเพาะพันธุ์เจริญเติบโตในใจอู่หลาน สมกับที่แม่เธออยากจะให้ไปขายวันละครั้งจริงๆแต่ซ่งถานไม่ยอม เธอเป็นคนเดียวในบ้านที่มีใบขับขี่ ดังนั้นจึงดึงดันว่ายังไงก็ไม่ไปขายทุกวันเด็ดขาด จนทำให้วันรุ่งขึ้น อู่หลานต้องอัดผักลงท้ายรถถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบกิโลกรัม! ซ่งถานเห็นแล้วก็แอบเดินหลบๆ ไม่กล้าสู้หน้า"แม่ คราวนี้ขายหมดแล้วก็พักก่อนสักสองวันเถอะ" พลังจิตวิญญาณของผักป่าเองก็ไม่สามารถเร่งเร้าให้สูงได้มากกว่านี้ โดยไม่ให้โอกาสมันได้พักฟื้นเช่นกันอู่หลานพอนึกถึงพื้นลานบ้านที่กว่าจะลากผักขึ้นรถมาด้วยความยากลำบาก ก็ตอบไปอย่างโล่งใจว่า “อื้ม ก็ดีเหมือนกัน” จากนั้นก็บ่นปลอบตัวเอง "ค่าน้ำมันแพง แล้วอะไรนะ ไปทีก็ต้องคุ้มค่าเนอะลูก"คิดไปคิดมาเธอก็หันไปสั่งเสียลูกสาวก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้าน "เที่ยงวันนี้แม่จะพาคนไปที่บ้านปู่เพื่อเพาะเชื้อเห็ดด้วยนะ ส่วนพ่อก็ต้องหาคนไปดึงตาข่ายบนภูเขาเหมือนกัน ถ้าเที่ยงนี้พวกหนูกลับมาก่อน ก็ไปกินข้าวที่บ้านปู่เลยทีเดียว""ได้" ซ่งถานสตาร์ทรถ "เฉียวเฉียว ไปกันเถอะ"เฉียวเฉียวดีใจที่ได้ตำแหน่งที่นั่งข้
ในที่สุดฉินฉินก็หายใจหายคอได้สะดวกขึ้นแล้ว ชั่วครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่าแม่กับลูกยังไม่ได้กิน จึงคีบกับข้าวไปสองสามตะเกียบอย่างเกรงใจ จนกระทั่งเฉาหยางยกข้าวมาเสิร์ฟ จานกับข้าวก็ใกล้จะหมดแล้ว“แม่ เฉาหยาง ชิมดูสิคะ กับข้าวอร่อยจริงๆ ”แม่กับลูกก็หัวเราะคิกคักแล้วตักกินไปคนละคำเฉาหยางมองก้นจาน แล้วมองภรรยาที่เห็นได้ชัดว่ายังกินไม่จุใจ ขณะนี้มองแม่ของเขาด้วยความคาดหวัง “พรุ่งนี้ซื้อเพิ่มอีกหน่อยได้ไหมครับ”สถานการณ์เดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นในอีกชุมชนหนึ่งเช่นกันหลี่ซิ่วเฟินที่ย้อมผมหยิกสีแดงแฟชั่นตักเกี๊ยวให้หลานสาวชามใหญ่ “หยวนหยวน รีบกินสิ! เกี๊ยวผักโขมอร่อยมาก! อร่อยเหมือนเมื่อมื้อเช้าเลย”ลูกสะใภ้เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ “แม่คะ บอกแล้วไงว่าหยวนหยวนกินยาก แม่ตักให้เยอะขนาดนี้หลานกินไม่หมดหรอก” พูดแล้วก็วางชามของตัวเองลงไป “มาสิหยวนหยวน กินไม่หมดแบ่งให้แม่”ไม่นึกว่าเด็กน้อยจะอุ้มชามหันหน้าหนี “อ้ำ” กินเกี๊ยวทั้งลูกไปหนึ่งคำ พลางพูดเสียงอู้อี้ “อร่อย! หนูจะกินหมดเลย!”แม่ของหยวนหยวนถึงกับอึ้ง“อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”เด็กกินยากคนนี้ ตั้งแต่เล็กจนโตม้ามมักจะไม่ค่อยดี กินอันนี้ไม่ได้ กินอันนั้นก็จะอ
ความรู้สึกคลั่งไคล้ที่ผู้ชายมีต่อรถนั้นยากที่จะบรรยายเป็นคำพูดเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ก็ตามซ่งซานเฉินยังคงบ่นพึมพำไม่หยุดหลังจากวางสายโทรศัพท์ไปได้ไม่นาน เขาบอกว่าขับรถคนเดียวไม่ค่อยปลอดภัย แถมถนนหนทางบนภูเขายังจะทำไว้ไม่ค่อยดีอีก รถมือสองก็หายากมากในสมัยนี้แต่พอมาถึงสถานที่ตามนัดหมาย เพื่อนของเขาก็พาไปโกดังเพื่อดูรถที่จอดเรียงรายซ้อนกันเป็นแถวอยู่ ซ่งซานเฉินรีบกลืนคำพูดตัวเองไปทันทีตอนนี้กำลังตัดสินใจระหว่างรถตู้และรถกระบะ"ถานถาน รถตู้ไม่กลัวลมหรือฝนก็จริง แต่จุของได้น้อยกว่า ไม่งั้น...""รถกระบะบรรทุกของได้เยอะกว่า แต่ถ้าสภาพอากาศไม่ดี ของที่อยู่ด้านหลังก็เปียกฝนได้นะซานเฉิน""รถกระบะบรรทุกของได้เยอะ แต่รถตู้ก็สามารถนั่งได้หลายคนนะ นายจะซื้อเอาไปใช้งานอะไรเป็นหลัก ไม่ได้เอาไปขายผักตามตลาดใช่ไหมล่ะ..."คุณพ่อของเธอนี่...โดนคนอื่นหลอกล่อจนหาทางกลับไม่เจอแล้ว เธอจะซื้อรถมาเพื่ออะไรถ้าไม่ใช่เพื่อขายผัก? อีกอย่างที่นาหลายไร่ เธอตั้งใจจะปลูกพืชผักตั้งหลายอย่าง ถ้าหาซื้อรถที่บรรทุกของไม่ได้เยอะ ก็ต้องเสียเวลาไปอีกเท่าไหร่กันรถกระบะมือสองราคา 46,500 หยวน รวมป้ายทะเบียนแ
"สามสิบ" แม้จะไม่รังเกียจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรนักซ่งถานไม่มีความคิดที่จะลดราคาให้เป็นกรณีพิเศษ"อะไรนะ?! "อู่เฉียนเฉียนตกใจ หน้าบึ้งตึงขึ้นทันที เธอเคยซื้อผักอย่างจริงจังมาก็หลายครั้ง ครั้งนี้พอได้ยินว่าแพงขนาดนี้ เธอก็รู้สึกว่าซ่งถานเหมือนกำลังแกล้งเธอกับแฟนหนุ่ม"ก็แค่ผักป่าไม่ได้มีต้นทุนอะไรเลย จะแพงขนาดนี้ได้ยังไง ซ่งถานเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน เธอไม่ควรเอาเปรียบฉันขนาดนี้หรือเปล่า"ทันทีที่พูดจบ ก็มีป้าคนหนึ่งแทรกเข้ามาด้านหลังทันที"โห ยังมีผักเหลืออยู่อีกเหรอ นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว งั้นป้าเอาหมดสามมัดเลย"ป้าคนนั้นนำผักทั้งสามมัดใส่ถุงอย่างชำนิชำนาญ ขณะที่หลับตาสแกนเข้ากลุ่มอย่างงุ่มง่าม ปากก็บ่นพึมพำให้ซ่งถานฟังเรื่อยเปื่อย"ป้าสารภาพกับหนูเลย จริงๆ ที่ซื้อไปรอบแรกก็แค่อยากลองเพราะไม่เคยเห็นคนเอาผักป่ามาขาย แต่พอป้ากลับบ้านไปคลุกกับเส้นก๋วยเตี๋ยวเท่านั้นแหละ หลานสาวป้าพอแกได้ชิมคำแรกก็ล่อไปตั้งชามโตๆ เลย! ฮ่าฮ่า หนูไม่รู้หรอกว่าหลานป้ากินยากขนาดไหน... ตอนนี้ป้าเข้ากลุ่มแล้วนะ ถ้าพรุ่งนี้หนูยังมาขายอีก ก็บอกล่วงหน้ามาหน่อยนะจ๊ะ"พูดจบแกก็ควักเงินเก้าสิบหยวนจากกระเป๋าออกมา ยั
คนเรามักชอบทำตามคนหมู่มากเมื่อกลุ่มคนวัยป้าๆ ที่ดูชำนาญในเรื่องการจับจ่ายซื้อของในตลาด ต่างพากันมุงล้อมรอบตะกร้าขายผักเล็กๆ เพื่อแย่งกันซื้อ ใครก็ตามที่ผ่านมาเห็นก็ต้องหยุดชะงักและเดินวกกลับมาดูร้านขายผักป่าของซ่งถานทั้งนั้นซ่งถานรู้สึกเพียงว่าการรับชำระเงินผ่าน QR Code หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดเลย และมือก็สาละวนหยิบผักใส่ถุงจนพันกันไปหมดคนนี้ต้องการต้นหอมป่า คนนั้นต้องการผักกาดหอม อีกคนต้องการผักโขมจีน...อีกคนต้องการผักโขมป่าโชคดีที่เธอเป็นผู้บำเพ็ญเซียน จึงมีปฏิกิริยาที่ว่องไว ไม่เช่นนั้นหากเป็นการขายผักครั้งแรกแล้วเจอสถานการณ์เช่นนี้ เธอคงถูกคนอื่นแอบขโมยหยิบผักสดไปโดยไม่รู้ตัวเฉียวเฉียวที่อยู่ข้างๆ รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากที่ได้ดึงถุงพลาสติกส่ายไปมาเพื่อเปิดปากถุง แล้วส่งให้พี่สาว เขาเล่นอย่างสนุกสนาน ย่อมต้องไม่เข้าใจเรื่องการค้าขาย แต่การเปิดปากถุงนั้นสนุกจริงๆ"เฉียวเฉียว ประกาศหน่อย บอกว่าผักโขมป่าขายหมดแล้ว""อืม"เขาจึงวางถุงลงอย่างว่าง่าย ยืนตัวตรง แล้วประสานมือไว้ที่ปาก "ผักโขมป่า…..หมดแล้ว! "เมื่อประกาศไปเช่นนั้น ผู้ที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังซึ่งยังไม่ได้ซื้อก็ยิ่งรู้สึกไม่พ
อู่หลานกินไปเพียงชามเดียวก็ต้องหยุดกิน ถึงแม้จะยังรู้สึกไม่เต็มท้องดีนักก็ตาม เนื่องจากขนาดกระเพาะอาหารของคนในครอบครัวแต่ละคนเธอจะปล่อยให้มันร้อง ‘จ๊อกจ๊อก’ ไม่ได้ ต้องมั่นใจก่อนว่ามื้อเช้าตรู่นี้ทุกคนจะต้องได้อิ่มจนจุก ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธไปทันทีว่า "เดี๋ยวแม่ค่อยกินต่อ เช้านี้เรามาลองผักป่าที่เพิ่งเก็บกันก่อนดีกว่า! ยังไม่ได้กินมื้อเช้ากันเลยนี่นา"เธอหยิบผักที่เป็นหัวปลี ผักโขม และผักกาดหอม เพื่อความสะดวกและเพื่อชิมรสชาติก่อนด้วย เธอจึงนำไปลวกน้ำร้อนแล้วนำมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงชนิดเดียวกันในขณะนี้ พริกแดงสด งาสีขาว ซอสปรุงรสสีน้ำตาลเข้ม และใบอ่อนกับลำต้นสีเขียวผสมผสานกัน ส่งกลิ่นหอมเปรี้ยวจนแสบลิ้นและเผ็ดฉุนมาแตะจมูก ซ่งซานเฉินไม่ลังเลอีกต่อไป รีบใช้ตะเกียบคีบใส่ปากทันที"อืม! "รสชาติอร่อย เผ็ดร้อน เปรี้ยว ซ่า กรุบกรอบ... รสชาติต่างๆ ผสมผสานกันจนซ่งซานเฉินหยุดกินไม่ได้ ตะเกียบหนึ่งคู่คีบกินผักไปได้เกือบครึ่งจาน"มันช่างน่ากินดีจริงๆ ถ้ารู้แบบนี้จะหุงข้าวสักเต็มหม้อแล้ว" เขารู้สึกเสียดายมากแต่ว่าอู่หลานกลับมองไปที่ท้องของเขา "อย่ากินอีกเลย มันมากไปเดี๋ยวจะจุกเสียก่อน... เดี๋ยว
หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน ซ่งถานก็ถือตะกร้าเตรียมจะไปขุดผักป่าอีกรอบหนึ่งท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม อุณหภูมิสิบกว่าองศา หากไม่มีแดดก็คงไม่สามารถพูดได้ว่าอบอุ่น ในสภาพอากาศเช่นนี้ ทุกครัวเรือนต่างก็ก่อไฟผิงอยู่ที่บ้าน แทบไม่มีผู้ใดออกนอกบ้านอู่หลานมองตะกร้าใบใหญ่ที่เธอถืออยู่ ก็รู้สึกสงสารลูกสาวในช่วงเวลาที่ต้องลำบากยากเข็ญเช่นนี้ "หนูจะรีบไปขุดผักป่าทำไมตอนนี้ พักให้หายเหนื่อยก่อนค่อยไปตอนเย็นอีกรอบก็ได้ พอถึงวันพรุ่งนี้ผักก็จะได้ยังสดใหม่อยู่ ดีไหม"ซ่งถานนึกถึงสีเขียวขจีที่ริมสระน้ำบนเนินเขา หากผักพวกนั้นไร้ซึ่งพลังจิตวิญญาณ เป็นแค่ผักธรรมดาทั่วไป เธอก็คงไม่จำเป็นต้องกระตือรือร้นขนาดนี้"ไม่เป็นไรค่ะแม่ แม่ห่อเกี๊ยวไปก่อนเถอะ หนูรู้สึกว่าผักกาดขาวที่เพิ่งเก็บมาวันนี้สดมาก"เมื่อเห็นว่าลูกสาวจะต้องไปให้ได้ อู่หลานก็ไม่อิดออดอีกต่อไป เพียงแค่บ่นพึมพำว่า "มันก็ชื่อผักกาดขาวเหมือนกันหมด เมื่อวานกับวันนี้จะมีอะไรแตกต่างกันนักหนา..."เธอนั่งอยู่ริมเตาผิง กะว่าจะคัดผักกาดขาวที่ขุดมาเมื่อเช้า แต่พอหยิบขึ้นมาก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้องซะแล้ว"นี่มันดูดีขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย? "เฉียวเฉียวเป็นผู้ช่วยท