แชร์

ตัวละครสำคัญ

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-08 12:45:38

4

ตัวละครสำคัญ

เดิมทีโจวจี้หยวนไม่อยากให้นางไปแต่เมื่อน้องสาวออดอ้อนมีหรือพี่ชายคนนี้จะทนได้ สุดท้ายก็ยอมให้นางไปแต่โดยดี หากไม่ต้องไปตรวจดูการค้าอื่น เขาคงตามไปไม่ให้นางคาดสายตาเป็นแน่

เช้าวันต่อมาโจวเจียวเจียวตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางจัดแจงล้างหน้าล้างตา เลือกอาภรณ์สีอ่อนงดงามแต่ไม่โดดเด่น งานพิธีวันนี้เป็นงานปักปิ่นของบุตรสาวตระกูลเฉียน หากแต่งสีฉูดฉาดจนเกินไปเกรงว่านางจะกลายเป็นผู้ที่โดดเด่นเสียเอง

เมื่อเสี่ยวมั่วมาถึงจึงพบว่าคุณหนูของตนแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงหวีแต่งผมเท่านั้น นางจึงเข้าไปช่วยเหลือ ผมหนาดกดำยาวสลวยครึ่งหนึ่งถูกเกล้าขึ้นไปเป็นมวยอยู่กลางศีรษะ ผมอีกครึ่งที่ปล่อยไว้ถูกมัดปลายด้วยผ้าสีแดงสด

ปิ่นหยกขาวและปิ่นไข่มุกถูกปักลงไปบนมวยผม แม้ไม่ได้โดดเด่นแต่งดงามไม่น้อยเลย

“เสร็จแล้วเจ้าค่ะคุณหนู”

“เช่นนั้น เจ้าไปหยิบกล่องไม้บนเตียงข้ามาด้วย” สาวใช้ทำตามอย่างว่าง่ายแต่ก็ไม่ลืมเอ่ยถามความสงสัยภายในออกไป

“สิ่งใดหรือเจ้าค่ะ”

“วันนี้เป็นพิธีปักปิ่น ข้าย่อมต้องมอบของขวัญให้นางให้สมฐานะบุตรีสกุลโจว ไม่เช่นนั้นก็เสียแรงที่คนเหล่านั้นส่งเทียบเชิญให้แล้ว” นางรู้ดีว่าน้อยคนนักจะชื่นชอบโจวเจียวเจียว แต่ที่ยังเชื้อเชิญนางล้วนเป็นเพราะสกุลโจวร่ำรวยผูกมิตรไว้ย่อมไม่เสียประโยชน์

ดีไม่ดีหากบุตรสาวได้แต่งกับโจวจี้หยวนนั่นคงยิ่งกว่าโชคดี

“เหตุใดคุณหนูจึงกล่าวเช่นนั้น คุณหนูแสนดีเช่นนี้ผู้ใดบ้างไม่อยากคบค้าด้วย”

“ฮ่า ๆ นอกจากท่านพี่ท่านพ่อท่านแม่ก็คงมีแต่เจ้ากระมังที่คิดว่าข้าแสนดี” ในนิยายก็เป็นเช่นนี้เสี่ยวมั่วซื่อสัตย์ภักดีต่อโจวเจียวเจียวกระทั่งถึงวาระสุดท้าย ยังตายเพื่อปกป้องนางจากเงื้อมมือคนของมู่หลินเฟิง

ไม่เข้าใจเลยสักนิด ทำไมพระเอกของเรื่องจึงหูเบาและงมงายแบบนี้ คงเป็นเพราะนางกร่นด่านิยายเรื่องนี้มากกระมัง ถึงได้เข้ามาเป็นตัวร้ายที่นางสงสารที่สุด

ในนิยายนั้นโจวเจียวเจียวไม่ใช่นางร้ายโดยนิสัยเป็นเพียงสตรีที่เอาแต่ใจ ทว่ากลับถูกคุณหนูอันดับหนึ่งอย่างสืออีหรานปั่นหัวจนเกิดความคิดร้ายกาจชั่วครู่ วางแผนทำร้ายสืออีหราน แต่โจวเจียวเจียวนั้นไม่ได้ฉลาดเช่นสืออีหรานสุดท้ายถูกนางตลบหลังวางแผนลวงให้นางไปทำร้าย

มู่หลินเฟิงเองก็หูหนวกตาบอดไม่สนใจฟังคำของโจวเจียวเจียว สั่งคนโบยเสี่ยวมั่วเค้นความจริงจนตายคาไม้โบย แต่เสี่ยวมั่วไม่ปริปากบอกเขาเลยสักคำ กระทั่งสุดท้ายเขาฆ่านางตายด้วยคำพูดไม่กี่คำ

ช่างเป็นนางร้ายที่โง่งม อาภัพรัก หลงผิด และน่าสงสารยิ่งนัก...

“คุณหนูของเสี่ยวมั่วดีที่สุดเจ้าค่ะ” สาวใช้ตัวน้อยยิ้มกว้างพลางเข้ามาช่วยประคองแขนผู้เป็นนาย ทั้งสองเดินออกจากประตูใหญ่จวน ขึ้นรถม้าซึ่งจัดรอนางไว้ได้สักพักแล้ว

“คุณหนูระวังนะเจ้าคะ” สตรีในอาภัพสีเขียวอ่อนราวปีกจักจั่นพยักหน้ายิ้มเบาบางส่งให้ ก้าวเท้าขึ้นไปบนรถเทียมม้าอย่างระวังตามคำเตือนของสาวใช้คนสนิท

เสี่ยวมั่วตามขึ้นไปนั่งข้างกายคนบังคับรถม้า แต่ถูกผู้เป็นนายเรียกให้เข้าไปอยู่ด้วยกันด้านใน แม้โจวเจียวเจียวจะไม่ใช่เจ้านายที่แย่แต่อย่างไรนางก็เป็นนาย ยังคงมีเส้นกั้นที่ไม่อาจล้ำตรึงไว้

เดินทางไปไหนนางก็มักจะนั่งด้านนอกตัวรถม้า แต่ยามนี้โจวเจียวเจียวไม่ใช่คนเดิมจึงเรียกให้นางเข้าไปนั่งด้วย เรื่องเล็ก ๆ เช่นนี้คงไม่มีผู้ใดสนนางจึงไม่ระแวดระวัง

รถม้าวิ่งมาเกือบสองเค่อจึงจอดหน้าประตูใหญ่ตระกูลเฉียน เมื่อสองนายบ่าวลงจากรถม้า คนขับบังคับรถม้าไปจอดที่ตรอกด้านข้างของประตูจวน

“คุณหนูโจว” ยังไม่ทันที่สองนายบ่าวจะก้าวเท้าข้ามธรณีประตูบ้านตระกูลเฉียน ก็มีเสียงใสร้องเรียกนางจากทางด้านหลัง หญิงสาวหัวใจเต้นรัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ต่อให้หันกลับไปนางก็ไม่รู้ว่าผู้ใดกันแน่ที่เรียกนาง ยามหันกลับไปจึงส่งยิ้มเจือนให้หวังให้อีกฝ่ายเอ่ยสิ่งใดขึ้นมาก่อน นางจะได้ทบทวนได้ว่าแท้จริงสตรีตรงหน้าเป็นตัวละครใดในบทนิยาย

“ไม่คิดคุณหนูจะมา เดิมทีคิดว่าคุณหนูยังไม่หายจืออวิ๋นจึงไม่กล้าไปรบกวนที่บ้าน ทำได้เพียงส่งของบำรุงไปเท่านั้น ขอคุณหนูอย่าได้โกรธเคือง” หญิงสาวตรงหน้าว่าพลางยอบกายขอโทษจากใจจริง โจวเจียวเจียวยิ้มกว้างขึ้นมาทันทีหลังรู้ว่าอีกฝ่ายคือผู้ใด

หว่านจืออวิ๋นคือบุตรสาวตระกูลหว่านแก่กว่านางเพียงหนึ่งปี แต่เพราะบิดานางเคยได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลโจว นางจึงไม่ต่างจากสาวรับใช้อีกคนของโจวเจียวเจียว

โจวเจียวเจียวคนเดิมเอาแต่ใจมากบางคราจึงดุด่าหว่านจืออวิ๋นและเสี่ยวมั่วบ้าง แต่ไม่เคยลงไม้ลงมือและยังให้หว่านจืออวิ๋นเรียกตนเองว่าคุณหนูโจวอีกด้วย

ในนิยายหว่านจืออวิ๋นผู้นี้ก็ซื่อสัตย์และหวังดีกับโจวเจียวเจียวไม่ต่างจากสาวใช้เสี่ยวมั่ว แต่สุดท้ายก็ถูกเขียนให้ลี้หนีหายไปเพราะไม่ใช่ตัวละครสำคัญ

มีสองสิ่งที่ตัวละครนี้มอบให้นิยายคือความจริงใจที่มีต่อนางร้ายโจวเจียวเจียว และความรักซื่อตรงไม่หวังสิ่งใดที่มีให้แก่หลินซีพระรองในบทนิยาย

“พี่จืออวิ๋น ท่านเพิ่งมาหรือ เช่นนั้นเข้าไปกับข้าเถิด” หญิงสาวยิ้มกว้างพลางเดินเข้าไปคล้องแขนสตรีใบหน้าหวานหยดตรงหน้า ท่ามกลางสีหน้างุนงงสงสัยของหว่านจืออวิ๋น โจวเจียวเจียวไหนเลยจะเคยเรียกนางดีเช่นนี้

ให้เกียรติที่สุดก็คงเป็นการเรียกชื่อแซ่กระมัง แต่โจวเจียวเจียวตรงหน้ากลับให้เกียรติเรียกนางว่าพี่จืออวิ๋น แปลกประหลาดนัก

นางจะไม่ทำตัวแปลกไปจากเดิมนักเพราะไม่ต้องการให้บุรุษคนใดมาสนใจตนเอง กลัวว่าสุดท้ายจะพบชะตากรรมเลวร้ายเหมือนนิยายมากมายที่เคยได้อ่าน

แต่กับหว่านจืออวิ๋นนางมิใช่บุรุษจะรู้สึกว่านางแปลกไปก็ไม่เป็นอันใด

“คุณหนูโจว เชิญทางนี้เจ้าค่ะ” สาวใช้สกุลเฉียนเห็นนางก็เร่งเข้ามาต้อนรับ พาไปนั่งยังที่จัดพิธี สมัญญาร่ำรวยเหลือกินเหลือใช้ของสกุลโจวนั้นล่วงรู้กันทั่วเมือง ไม่เว้นแม้แต่บ่าวไพร่

“ไปเถอะ” โจวเจียวเจียวยื่นเหรียญเงินให้สาวใช้ผู้นั้นเป็นการให้รางวัลที่ เป็นธุระพานางมานั่งที่โต๊ะ เพราะร่ำรวยนางจึงมิใช่คนตระหนี่เมื่อมีผู้ใดทำสิ่งที่ดีให้นางก็มักจะตอบแทนเป็นเงินหรือของเล็กน้อย

“ขอบคุณคุณหนูโจวเจ้าค่ะ” สาวใช้ผู้นั้นหญิงกว้างโค้งตัวคำนับนางอยู่หลายคราจึงผละออกไป เสี่ยวมั่วยืนอยู่ด้านหลังเผื่อให้ผู้เป็นนายคอยเรียกใช้ มีเพียงโจวเจียวเจียวและหว่านจืออวิ๋นที่นั่งรอพิธีอยู่

“พี่จืออวิ๋นต่อไปนี้ท่านก็เรียกข้าว่าเจียวเจียวเถอะ อย่างไรเสียท่านก็เกิดก่อนข้า” หว่านจืออวิ๋นไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดขึ้นมา ภายในสับสนพลางคิดไปว่าคุณหนูโจวคงเลอะเลือนไปเพราะจมน้ำในคืนนั้นเป็นแน่

หญิงสาวถอนหายใจด้วยความอาทร เหตุใดสตรีผู้นี้จึงโชคร้ายเช่นนี้

หว่านจืออวิ๋นเองก็อยู่ในคืนนั้น นางรู้ดีว่าสืออีหรานเป็นคนเช่นไร แต่กล่าวไปก็ไม่มีผู้ใดเชื่อเพราะในสายตาผู้คน สืออีหรานเป็นสตรีที่เพียบพร้อมทั้งฐานะ หน้าตา ปัญญา

แม้หว่านจืออวิ๋นจะงดงามแต่เมื่อเทียบฐานะกับสืออีหรานยังด้อยกว่ามาก เช่นนี้มู่หลินเฟิงผู้โง่งมจึงไม่เชื่อที่หว่านจืออวิ๋นยืนยัน

“คุณหนูยังมีไข้สูงอยู่หรือ”

“ท่านคิดว่าข้าเลอะเลือนใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ช่างเถอะ ถือว่าคำพูดข้ามันไร้ความหมายก็ไม่เป็นอันใด” อยู่ ๆ ก็ถูกหญิงสาวอ่อนกว่าโกรธเข้า หว่านจืออวิ๋นจึงรีบกล่าวขอโทษขอโพยและทำตามอย่างว่าง่าย

โจวเจียวเจียวไม่ใช่สตรีที่งดงามเฉียบขาดดังสืออีหราน และยิ่งไม่หวานหยดย้อยเช่นหว่านจืออวิ๋น แต่นางกลับน่ารักน่าเอ็นดู ยามออดอ้อนด้วยดวงตาสุกใสกลมโตราวดาราจึงยากจะต้านทาน

“เจียวเจียว พี่ขอโทษ เจ้าอย่าโกรธได้หรือไม่” หว่านจืออวิ๋นพยายามขอโทษนางด้วยการหยิบขนมบนโต๊ะมาป้อน รินน้ำชาให้ แต่ยังถูกโจวเจียวเจียวแสร้งโกรธต่อไป

นางไม่สนใจว่าผู้ใดจะเห็นเพราะวันนี้มู่หลินเฟิงไม่มา นางจึงคิดว่าสามารถเป็นตัวของตนเองได้เต็มที่

แต่นางไม่รู้ว่ายามนี้นางเองอยู่ในสายตาตัวละครสำคัญอีกตัวหนึ่งอยู่เช่นกัน...

บทที่เกี่ยวข้อง

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   พอเหมาะพอดี

    5พอเหมาะพอดี“คุณชายท่านมองสิ่งใดอยู่หรือ” บ่าวรับใช้ถามพลางรินน้ำชาบนโต๊ะให้ผู้เป็นนายที่นั่งมองเหม่อไปยังโต๊ะสตรีทั้งสอง ซึ่งยามนี้กำลังพูดคุยหยอกล้อกันจนเพลิดเพลิน“นั่นใช่โจวเจียวเจียวหรือไม่” บุรุษผู้นั้นเอ่ยถาม มือก็รับถ้วยชาที่มีไอร้อนลอยกรุ่นมาจิบ แม้สายตาจะเลิกมองนางแต่ยังไม่ละความสนใจจากนางไปเขาเคยได้ยินผู้คนเล่าลือกันว่าโจวเจียวเจียวเป็นหญิงสาวที่เอาแต่ใจตนเอง ไม่สนใจ ไม่ไว้หน้าผู้ใดนอกเสียจากมู่หลินเฟิง บุรุษที่นางพึงใจที่สุด แต่มู่หลินเฟิงไม่ชื่นชอบนาง“ขอรับนั่นคุณหนูโจว บุตรสาวคนเดียวของตระกูลโจว น้องสาวคนเดียวของคุณชายโจว คุณชายท่านสนใจหรือ”“ข้าหรือจะสนนาง เพียงได้ยินข่าวว่านางจงใจผลักบุตรสาวใต้เท้าสือตกน้ำในงานโคมไฟ จึงอยากรู้ว่านางเป็นคนเช่นไร”“เอาแต่ใจตามประสาบุตรสาวเศรษฐีขอรับ มิต่างจากคุณหนูตระกูลอื่น ต่างก็แต่เป็นคนโพงพางไปเสียหน่อยไม่เหมือนคุณหนูบ้านอื่น”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-19
  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   น่าสนใจ

    6น่าสนใจสืออีหรานเป็นสตรีเจ้าเล่ห์ นางมีความคิดลึกซึ้งกว่าผู้อื่น เชี่ยวชาญการใช้เสน่ห์ตนเองในการหลอกใช้ผู้อื่น หลินซีเป็นคุณชายน้อยตระกูลหลินมีอำนาจ มีผู้คนเกรงใจหากได้เขามาคอยอยู่ข้างกาย ผู้ใดจะกล้าเอ่ยคำไม่ดีต่อนางเมื่อได้รู้จากบุตรสาวคนโตของตระกูลเฉียน วันนี้หลินซีจะมาที่ตระกูลเพื่อร่วมพิธีปักปิ่นนางก็วางแผนไว้แล้ว กลับผิดแผนเพราะหว่านจืออวิ๋นสตรีโง่ผู้นั้นไปเสีย“เจ้า เจ้าคือ...? ช่างเถอะ ข้ามีธุระขอตัวก่อน” สตรีงามย่อมดึงดูดบุรุษ แต่ไม่ใช่กับหลินซีเพราะเขาเองก็งามไม่แพ้สตรี ยิ่งเมื่อไม่มีธุระให้พูดคุยกันเขายิ่งไม่สนใจจะอยู่พูดคุยให้ตกเป็นเรื่องเล่าลืออีกทั้งเขายังต้องไปขอโทษหญิงสาวที่ถูกเขาตวาด นางตั้งใจช่วยเหลือกลับถูกต่อว่า เขานี่ช่างไร้มโนธรรมยิ่งนักร่างสูงโปร่งสวมชุดสีชิงดูสง่ายิ่งเมื่อสอดรับกับใบหน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-20
  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   ข้อที่สอง

    7ข้อที่สองสตรีทั้งสองแยกจากกันหน้าประตูสกุลเฉียน รถเทียมม้าสกุลโจวมุ่งหน้าไปบนถนนครึกครื้นของตลาดฝั่งประจิมม่านหน้าต่างถูกตลบขึ้นเพื่อดูผู้คนพลุกพล่านเดินเวียนไปเวียนมาในนิยายกล่าวว่าถนนเส้นนี้ครึกครื้นเต็มไปด้วยผู้คน วันนี้ได้เห็นกับตาเป็นจริงดังนั้น รอยยิ้มเพลิดเพลินประดับไว้บนดวงหน้าจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูตลอดการเดินทางเมื่อถึงกลางตลาดนางพลันได้ยินเสียงโหวกเหวกของคนหลายคน ครู่หนึ่งรถม้าก็หยุดลง โจวเจียวเจียวนึกสงสัยจึงเอ่ยถามเสี่ยวมั่วที่นั่งอยู่ข้างกาย เด็กสาวโผล่หน้าออกไปถามคนขับรถม้า“มีสิ่งใดหรือ”“เรียนคุณหนู ตรงหน้ามีขอทานขวางอยู่ขอรับ” โจวเจียวเจียวย่นคิ้วตั้งท่าจะลุกไปดูแต่กลัวว่าจะเป็นที่สนใจมากเกินไป เสี่ยวมั่วจึงโผล่หน้าออกไปฟังความให้แน่ชัดจากนั้นกลับมาแจ้งแก่คุณหนูของตนว่า มีขอทาน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-21
  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   เจียวเจียวสำนึกผิดแล้ว

    8เจียวเจียวสำนึกผิดแล้วตะวันทอแสงยามเช้า หญิงสาวผุดลุกจากเตียงนอนอุ่น ความมุ่งหมายในวันนี้คือถูกมู่หลินเฟิงด่า เขาชอบสตรีเรียบร้อยอ่อนโยนเช่นนั้นวันนี้นางจึงจงใจสวมอาภรณ์สีเข้ม แต่งริมฝีปากด้วยสีชาดที่สดราวกับโลหิตอย่างไรอย่างนั้นนางส่องกระจกพร้อมรอยยิ้ม หมุนตัวไปมาครู่หนึ่งก็เอ่ยชมตนเอง“งามมาก ใช่หรือไม่เสี่ยวมั่ว”“งามเจ้าค่ะ แต่คุณชายมู่คงไม่ชอบกระมังเจ้าคะ” สาวใช้กล่าวขึ้นคุณหนูของนางมักแต่งกายด้วยสีอ่อน เพื่อให้มู่หลินเฟิงสนใจแต่ยามนี้กลับต่างออกไปนางไม่เข้าใจเอาเสียเลยโจวเจียวเจียวคิดว่าเพียงแค่การแต่งกายคงไม่ทำให้มู่หลินเฟิงหันมาสนใจนางได้ในทันที จึงไม่จำเป็นต้องสวมรอยเป็นนางในยามนี้เพราะอย่างไรนางก็เป็นเจียวเจียวที่เขาไม่ต้องใจ จะสวมเสื้อผ้าสีใดก็คงไม่ต่างกัน เพียงแต่สีเข้มคงทำให้เขาร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-22
  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   บุรุษผู้นั้น

    9บุรุษผู้นั้นเจ้าของร่างอรชรวิ่งออกจากห้องตำรามานั่งอยู่ในสวนของลานบ้าน ทั้งที่รู้ว่าตนเองไม่ใช่โจวเจียวเจียวผู้นั้นแต่เมื่อถูกด่าหนักเข้านางกลับรู้สึกแย่ จนไม่อาจละทิ้งคำพูดเมื่อครู่ของมู่หลินเฟิงไปได้เลย“เจียวเจียว” โจวจี้หยวนเสียงเบา น้ำเสียงแฝงความเป็นห่วงไว้มากมาย แม้มู่หลินเฟิงจะเป็นสหาย แต่เขาก็สงสารผู้เป็นน้องสาวเหลือเกิน ในใจมู่หลินเฟิงคงมีเพียงสืออีหราน ไหนเลยจะมีที่ว่างพอให้นางถึงจะพูดไปนางก็ไม่มีทางเชื่อเขาอยู่ดี เขาเลยไม่คิดห้ามนางอีก เพียงปลอบใจอยู่ข้าง ๆ เท่านั้นชายหนุ่มเดินเข้ามาวางมือไว้บนศีรษะนางแผ่วเบา คล้ายกับกำลังปลอบใจนางโดยไร้คำพูดใดโจวเจียวเจียวนางมีพี่ชาย สหาย บิดามารดา และข้ารับใช้ที่ดี เหตุใดจึงหลงรักบุรุษผู้นั้นมากมายถึงเพียงนี้ ทั้งที่หลังจากเขารู้จักสืออีหรานก็ไม่เคยมีความหวังให้นางเลยแม้แต่น้อย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-23
  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   ขออภัยที่ทำให้ท่านเสื่อมเสีย

    10ขออภัยที่ทำให้ท่านเสื่อมเสีย“คนเลว โผล่มาให้อารมณ์เสียทำไมเนี่ย เสียระบบหมดอุตส่าห์จะไม่เฟียสดันเฟียสไปจนได้” หญิงสาวพึมพำอย่างหัวเสียพลางใช้เท้าเตะฝุ่นบนพื้นถนน แต่ฝุ่นของนางดันเป็นก้อนใหญ่เกินไป มันกระเด็นไปกระแทกศีรษะบุรุษที่เดินอยู่ด้านหน้าอย่างแรง“โอ๊ย ผู้ใดลอบทำร้ายข้าไม่มีตาหรืออยากตาย” เสียงตวาดข้างหน้าทำให้โจวเจียวเจียวสะดุ้งจนตัวโยน ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมาเพียงแต่ยกมือขึ้นแสดงตัวอย่างกล้า ๆ กลัว ๆบุรุษผู้นั้นเดิมชักสีหน้าน่ากลัวราวกับกำลังจะลงดาบลงกระบี่บั้นคอนาง แต่เมื่อเห็นว่าคนผู้นั้นเป็นนางก็เปลี่ยนสีหน้าไปเป็นยิ้มแย้ม เอ่ยทักนางอย่างเป็นธรรมชาติ“ท่าน คุณหนูโจวใช่หรือไม่”“คารวะคุณชายหลิน ขออภัยเมื่อครู่ไม่ระวังเผลอเตะหินจนโดนหัวท่าน เป็นอะไรหรือไม่”&ldq

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-24
  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   สหายคนใหม่

    11สหายคนใหม่“พี่มู่ปล่อยเจียวเจียวได้หรือไม่” ฝีเท้าเร่งรีบของมู่หลินเฟิงหยุดลงเมื่อถึงหน้าร้านค้าตระกูลโจว หญิงสาวที่อุตส่าห์เดินตามมาเงียบ ๆ ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนโจวเจียวเจียวคนเก่าไม่ผิดมู่หลินเฟิงรีบสะบัดมือออก ก่อนนี้เขาลืมตัวไปชั่วครู่ ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดต้องโมโหและพูดจาร้ายกาจกับนางอีกแล้ว ทั้งที่มาวันนี้ตั้งใจมาขอโทษนาง ยังไม่ทันขอโทษก็ปากไม่ดีอีกแล้ว เรารู้สึกไม่ชอบใจที่นางให้ความสำคัญกับผู้อื่นมากกว่า“ขอบคุณพี่มู่ที่สั่งสอน ต่อไปเจียวเจียวจะจำไว้ไม่ทำให้ผู้ใดเสื่อมเสียอีก หากพี่มู่ไม่มีสิ่งใดจะสั่งสอนอีกเจียวเจียวขอตัวก่อน” เขายืนฟังนางพูดตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาสักคำ ได้แต่มองข้อมือนางที่ถูกเขากำแน่นจนเกิดริ้วแดงเมื่อครู่กระทั่งนางเดินไปแล้วเขาจึงรู้สึกตัวว่ายังไม่ได้เอ่ยปากขอโทษนางสักคำ มู่หลินเฟิงท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   แผนการใหม่

    12แผนการใหม่ตลาดปลาฝั่งบูรพาเงียบเชียบไม่ต่างจากทุกวัน โจวเจียวเจียวตามพี่ชายออกมาตรวจดูผู้คน นางตั้งใจว่าจะทำให้ตลาดบูรพามีผู้คนคึกคักขึ้นให้ได้ภายในสองเดือน ก่อนการจัดการสอบขุนนางในอีกสองเดือนข้างหน้าแม้จะเรียนรู้การขายมาบ้างมา แต่ความรู้เหล่านั้นกลับนำมาใช้ในยุคนี้ได้ยากยิ่งนัก“ท่านพี่ การสอบขุนนางจะมีขึ้นในอีกสองเดือนใช่หรือไม่”“ใช่แล้ว เจียวเจียวสนใจการสอบขุนนางหรือ” ผู้เป็นพี่ชายถามพลางโคลงถ้วยชาไปมา สายตาจดจ่ออยู่ที่ใบหน้าหมดจดของน้องสาว ตั้งใจฟังนางพูดด้วยความยินดียินดีที่ผู้เป็นน้องสาวไม่หลงใหลสหายตนเหมือนเมื่อก่อน แม้จะมีบางครานางจงใจกล่าวถ้อยคำหวานหูให้สหายเขาฟัง แต่ผู้เป็นพี่ชายพอมองออกว่าสิ่งเหล่านั้นนางแสร้งทำเขาไม่สงสัย ไม่เคลือบแคลง ขอเพียงนางมีความสุขดีก็เพี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-26

บทล่าสุด

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   ข้าเองก็ชอบเจ้าเช่นกัน

    27ข้าเองก็ชอบเจ้าเช่นกันภาพเบื้องหน้ายิ่งทำให้นางไม่อาจสงบใจได้อีกต่อไปมู่หลินเฟิงตรงเข้าไปยุดแขนเล็กของโจสเจียวเจียวเอาไว้ด้วยความไม่พอใจ ยื้อยุดกันไปมาสักครู่โจวเจียวเจียวก็ตามเขาออกมา เล็บยาวจิกเข้ากลางฝ่ามือตนเองจนแน่น นางไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้อีกนางเสียมู่หลินเฟิงไปไม่ได้ โจวเจียวเจียวไม่ควรอยู่ข้างกายเขาอีกหญิงสาวมาเกือบถึงเพิงแจกอาหารแต่ระหว่างนั้นถูกฝุ่นปลิวเข้าตา ชายหนุ่มข้างกายจึงอาสาดูให้ มู่หลินเฟิงเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปขวางทันทีพอดึงนางออกห่างจากหลินซี หยดน้ำใสก็พลันร่วงหล่นจากดวงตากลมกระจ่างทำให้มู่หลินเฟิงคิดไปไกลว่า นางขุ่นเคืองที่ถูกเขาขวางไม่ให้อยู่ใกล้บุรุษผู้นี้สองบุรุษฉุดยื้อหนึ่งสตรี เคราะห์ดีแถบนี้เป็นท้ายตรอกผู้คนจึงไม่พ

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   ราวสวรรค์จัดวาง

    26ราวสวรรค์จัดวางมู่หลินเฟิงตื่นขึ้นอีกครั้งในยามอู่อาการนอนไม่พอหายไปแล้วจึงได้คิดจะลุกมาจัดแจงล้างหน้าเปลี่ยนชุดเสียใหม่ ตั้งใจว่าจะไปคุยกับโจวเจียวเจียวแต่ยังไม่ทันได้ลงจากเตียง จี้ชิงก็วิ่งเข้ามาหาอย่างแสนรู้“คุณชาย ท่านตื่นเสียที เมื่อครู่มีประกาศผลสอบติดไว้ที่กลางเมืองแล้วขอรับ” เด็กหนุ่มเห็นผู้เป็นนายไม่ค่อยสนใจจะรู้จึงทำหน้าหงิกงอ เดินไปยกอ่างไม้เข้ามามู่หลินเฟิงมั่นใจกว่าสิบส่วนว่าอย่างไรครั้งนี้ตนเองต้องได้ลำดับหนึ่ง จึงไม่ได้ตื่นเต้นเท่ากับจี้ชิงที่ลุ้นแล้วลุ้นอีกในหัวเขายามนี้มีเพียงการตระเตรียมคำพูดไว้พูดกับโจวเจียวเจียวหลังล้างหน้าสวมอาภรณ์ตัวใหม่แล้ว จี้ชิงยืนนิ่งล้วงเอาจดหมายเล็กในสาบเสื้อออกมายื่นให้ผู้เป็นนาย“คุณหนูสือวานข้าน้อยเอามาให้คุณชายขอ

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   นางตอบเจ้าว่าอย่างไร

    25นางตอบเจ้าว่าอย่างไรอาหารบนโต๊ะมีเพียงสามอย่างเท่านั้น แต่นายหญิงของจวนกลับตักกินจนหมดอย่างที่ไม่เคยเป็น บ่าวไพร่ รวมถึงบุตรชายคนเดียวของจวนล้วนพากันยกยิ้มอย่างโล่งใจ ในที่สุดอี้ฮูหยินก็สามารถกินอาหารจนหมดได้เสียทีขอเพียงเป็นเช่นนี้ต่อไปโรคภัยเหล่านั้นคงน้อยลงเป็นแน่“ท่านแม่ ในที่สุดท่านก็กินอาหารได้เสียที” เพียงฟังจากน้ำเสียงก็รับรู้แล้วว่าบุตรชายดีใจมากเพียงใดที่มารดากินอาหารได้จนหมดเช่นนี้ ผ่านมาหลายปีที่อี้ฮูหยินกินเพื่ออยู่ ฝืนกินอาหารจานละสองสามคำต่อมื้อ ร่างกายจึงเจ็บป่วยง่ายพอเห็นมารดากินได้มากขนาดนี้ มู่หลินเฟิงเกือบหลั่งน้ำตาออกมาเสียด้วยซ้ำ“แม่ขอโทษที่ทำให้เฟิงเอ๋อร์กังวล ลำบากเจ้าแล้วจริง ๆ”“ที่ใดกัน ขอเพียงท่านแม่ดีขึ้น ต่อให้ลุยคมหอกคมดาบลูกย่อมไม่เกี่ยง&r

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   หวั่นใจ

    24หวั่นใจรอยยิ้มแห่งความโล่งใจบนหน้าปรากฏขึ้นทันทีที่นางรับปากเขาคิดไว้อยู่แล้วว่านางคงรับปากแต่ยามต้องพูดขอร้องนาง กลับใจเต้นระส่ำ ไม่รู้เพราะรู้สึกผิด ละอายใจหรือสิ่งใดกันแน่จึงทำให้เป็นเช่นนี้เดิมคิดจะขอโทษนางเสียก่อนยังไม่ทันได้เอ่ยปากนางก็ตกลงแล้ว“ขอบคุณเจียวเจียว” ชายหนุ่มกล่าวเพียงเท่านั้นก็เดินไปรินน้ำชาให้นางเพื่อเป็นการขอบคุณ นัยน์ตากระจ่างใสมองถ้วยชาที่ยื่นมาด้วยความงุนงงไม่คิดว่าบุรุษเช่นมู่หลินเฟิงจะรักมารดาตนเองมากเพียงนี้ในนิยายก็ไม่ได้บรรยายถึงมารดาของเขามากนัก มักบรรยายอย่างรวบรัดเพราะตอนจบนางต้องตาย ผู้เขียนคงคิดว่าไม่จำเป็นต้องบรรยายให้มากกระมัง“ข้ารับปากแล้วเหตุใดพี่มู่ยังไม่กลับเล่า”“ท่านแม่ไม่ค่อยกินข้าวกำลังล้มป่วยไม่ทราบว่าเจ้

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   ข้ามีข้อแลกเปลี่ยน

    23ข้ามีข้อแลกเปลี่ยนยามรุ่งอรุณสาดแสงสีทองจนเต็มนภา มู่หลินเฟิงก็ถึงหน้าคฤหาสน์สกุลโจวแล้ว ชายหนุ่มออกมาตั้งแต่เช้าต้องการสนทนากับโจวเจียวเจียว เพื่อว่าจ้างให้นางทำอาหารเผื่อมารดาตนเองด้วย“นางไม่อยู่หรือ” มู่หลินเฟิงเอ่ยขึ้นหลังจากที่ได้ยินว่าโจวเจียวเจียวไม่อยู่ในบ้าน เช้าถึงเพียงนี้เหตุใดนางจึงไม่อยู่ ไม่เพียงตัวนางที่ไม่อยู่แม้แต่พี่ชายก็เช่นกัน“คุณหนูกับคุณชายไปตลาดบูรพาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างแล้วขอรับคุณชาย” ชายเฝ้าประตูเอ่ยตอบก่อนจะประสานมือค้อมตัวลง มู่หลินเฟิงไม่ได้ตอบสิ่งใดอีกเพียงแต่ขึ้นรถม้าแล้วมุ่งหน้าไปทางตลาดปลาไม่ว่าจะอย่างไรวันนี้เขาก็ต้องคุยกับโจวเจียวเจียวให้ได้แปลกนักที่เช้าเพียงนี้ในร้านนางกลับมีคนไม่น้อยเลย ทั้งโจวจี้หยวน โจวเจียวเจียว เถ้าแก่ผู้ดูแลร้าน บ่าวรับใช้ข้างกายสองคน ซ้ำ

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   กล่องขนมหวาน

    22กล่องขนมหวานหลังส่งสืออีหรานถึงสกุลสือ มู่หลินเฟิงก็หอบหิ้วเอากล่องขนมที่ได้จากโจวเจียวเจียวกลับมาบ้าน ความรู้สึกภายในสับสนปนเปกันจนไม่สามารถตรึกตรองได้ในเวลาอันรวดเร็วเขาไม่ชอบโจวเจียวเจียว เรียกว่ามีอคติจึงจะถูกกว่าแต่ยามนี้เมื่อได้เห็นนางเปลี่ยนไป แม้จะเล็กน้อยแต่เขาคิดว่านางไม่เหมือนเดิมและยิ่งเห็นข้างกายนางมีหลินซีบุตรชายคนเดียวของแม่ทัพหลินชวน สายตาที่นางมองเขาเปลี่ยนไปไม่น้อยเขารู้สึกได้ ขณะที่กำลังนั่งอยู่ในภวังค์ของตนเองก็ได้ยินเสียงเรียกคุ้นหู“คุณชายท่านกลับมาเสียที คุณชายท่านรีบไปดูฮูหยินเถอะเจ้าค่ะ” สาวใช้อาวุโสของมารดาปรี่ตรงเข้ามาหาเขาที่ลานกลางของบ้าน สีหน้าไม่สู้ดีนัก ร่างกายสูงโปร่งรีบผุดลุกจากที่นั่งตามไปทันทีก่อนหน้านี้อี้ฮูหยินก็เจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ มาตลอด เรียกว่าสา

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   เจ้ารู้วิชาแพทย์หรือ

    21เจ้ารู้วิชาแพทย์หรือโจวเจียวเจียวชาติก่อนเป็นคนจิตใจดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น พอเห็นเด็กสาวหมดสติอยู่ตรงหน้ามีหรือจะปล่อยผ่านไปได้ นางรีบพุ่งตัวเข้าไปคุกเข่าอยู่ข้างกายร่างนั่นทันที ลืมสิ้นทุกกฎเกณฑ์ที่ตนตั้งไว้เด็กสาวนอนไม่ได้สติ ร่างกายกระตุกเกร็งมุมปากมีของเหลวสีขาวขุ่นไหลออกมา ผู้คนรอบข้างพากันตีวงกว้างมองด้วยความตื่นตระหนกอาการเช่นนี้หากแสดงออกมาต่อหน้าผู้คนล้วนถูกเข้าใจผิดเป็นผีร้ายหรือวิญญาณร้ายเป็นแน่“หลินซี เอาน้ำกับผ้าสะอาดให้ข้าที” นางหันไปบอกกับหลินซีเสียงดัง ก่อนจะหันมาจัดแจงเด็กน้อยอายุไม่เกินสิบหนาวให้นอนราบบนพื้นถนนหน้าร้านทุกฝีเท้าขยับหยุดนิ่งไม่มีผู้ใดกล้าก้าวเข้าไปช่วยเหลือแม้สักคน มีเพียงโจวเจียวเจียวที่คุกเข่าอยู่ข้างกายนางอย่างลืมตัว ครู่หนึ่งหลินซีก็ถืออ่างน้ำที่มีน้ำอยู่ด้าน

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   ดอกหลีต้องลมฝน

    20ดอกหลีต้องลมฝนหลังจากการค้าร้านผลไม้แห้งที่ตลาดปลาประสบความสำเร็จไม่น้อย โจวเจียวเจียวก็ขออนุญาตพี่ชายเพื่อเปิดร้านในตลาดเดียวกันเพิ่มสุดถนนเส้นรองของตลาดบูรพาเป็นถนนเล็กสายหนึ่งใช้สัญจรไปมา สำหรับเลี่ยงผู้คน เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนข้าวของต่าง ๆ การเดินเที่ยวเล่นในตลาดของนางหาใช่การเดินเตร็ดเตร่ แต่เป็นการสำรวจพื้นที่นางเห็นว่าผู้คนจอดแวะหาซื้อข้าวของไม่น้อย แต่ไม่มีเวลาเดินเที่ยวเล่นเหมือนคนทั่วไป การเดินไปที่ต่าง ๆ ล้วนใช้เวลามากทำให้ต้องรีบซื้อรีบออกเดินทางหญิงสาวคิดว่าการทำร้าขายอาหารแบบซื้อกลับน่าสนใจไม่น้อย จึงได้ปรึกษากับโจวจี้หยวนด้วยเห็นว่าก่อนนี้น้องสาวเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย อยากให้นางมีอะไรทำเสียบ้างอีกทั้งตระกูลโจวก็ไม่ขาดแคลนเงิน จะขาดทุนสักร้านสองร้านบิดามารดาคงไม่ว่าอันใด“เจีย

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   รักปักใจ

    19รักปักใจชายหนุ่มเดินกลับจวนสกุลมู่ด้วยร่างกายและสมองที่หนักอึ้ง ไม่รู้ว่าเหตุใดจนตอนนี้ก็ยังคิดไม่ตกกับคำถามของโจวเจียวเจียว หลังการสอบเสร็จสิ้นสืออีหรานให้คนส่งจดหมายนัดเขา ไปพบที่ตลาดปลา เพราะผู้คนพลุกพล่านน้อยกว่าตลาดประจิมมากพูดคุยกันได้ไม่นานก็บังเอิญเห็นน้องสาวของสหายหายเข้าไปในโรงเตี้ยมกับบุรุษ ซ้ำยังพากันปิดประตูโรงเตี้ยมจนเงียบสนิทไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดตนเองจึงสนใจเรื่องของนาง ทั้งที่ก่อนนี้ก็ไม่เคยสนใจแม้แต่หนเดียว หรือเป็นเพราะรู้สึกว่านางสนใจเขาน้อยลงแล้วหันไปสนใจหลินซีแทน“เฟิงเอ๋อร์ เหตุใดใจลอยเช่นนี้” อี้ฮูหยินผู้เป็นมารดาเอ่ยทัก ขณะเห็นบุตรชายเดินใจลอยผ่านโถงหน้า นางฝืนร่างกายมานั่งรอบุตรชายกลับจากการสอบขุนนาง แต่อีกฝ่ายทำราวกับไม่เห็นมารดา เดินผ่านไปไม่หันมองเกรงว่าหากไม่ทักก็คงเดินผ่านไปจนสุดสายตาเป็นแน่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status