แชร์

ข้อที่สอง

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-21 12:20:00

7

ข้อที่สอง

สตรีทั้งสองแยกจากกันหน้าประตูสกุลเฉียน รถเทียมม้าสกุลโจวมุ่งหน้าไปบนถนนครึกครื้นของตลาดฝั่งประจิม ม่านหน้าต่างถูกตลบขึ้นเพื่อดูผู้คนพลุกพล่านเดินเวียนไปเวียนมา

ในนิยายกล่าวว่าถนนเส้นนี้ครึกครื้นเต็มไปด้วยผู้คน วันนี้ได้เห็นกับตาเป็นจริงดังนั้น รอยยิ้มเพลิดเพลินประดับไว้บนดวงหน้าจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูตลอดการเดินทาง

เมื่อถึงกลางตลาดนางพลันได้ยินเสียงโหวกเหวกของคนหลายคน ครู่หนึ่งรถม้าก็หยุดลง โจวเจียวเจียวนึกสงสัยจึงเอ่ยถามเสี่ยวมั่วที่นั่งอยู่ข้างกาย เด็กสาวโผล่หน้าออกไปถามคนขับรถม้า

“มีสิ่งใดหรือ”

“เรียนคุณหนู ตรงหน้ามีขอทานขวางอยู่ขอรับ” โจวเจียวเจียวย่นคิ้วตั้งท่าจะลุกไปดูแต่กลัวว่าจะเป็นที่สนใจมากเกินไป เสี่ยวมั่วจึงโผล่หน้าออกไปฟังความให้แน่ชัด

จากนั้นกลับมาแจ้งแก่คุณหนูของตนว่า มีขอทานปู่หลานถูกไล่จากโรงหมอเพราะไม่มีเงินรักษาแต่ขอทานเฒ่าไม่ยอมไปไหน หลานชายป่วยไข้จนมิอาจทนยืนอยู่ได้

ได้ฟังดังนั้นหญิงสาวที่ทั้งชีวิตขี้สงสารและใจอ่อนอย่างนาง มีหรือจะไม่รู้สึกอันใดได้ ขณะตั้งท่าจะลุกจากที่นั่งก็พลันนึกถึงอักษรบนกระดาษของตน

วิธีเลี่ยงการเป็นจุดสนใจ

ข้อที่สอง อย่าใจดีมั่วซั่ว มิเช่นนั้นผู้คนจะคิดว่านางเปลี่ยนไปและให้ความสนใจกับนาง

โจวเจียวเจียวนั่งลงที่เดิม

“เสี่ยวมั่วกลับ” สาวรับใช้เดินขึ้นรถม้าจากนั้นสารถีจึงเร่งม้าให้เดินไปข้างหน้า ผู้คนรอบข้างแหวกทางกว้างเพื่อให้รถม้าผ่านทางไปได้

มีหลายคนที่ป้องปากนินทาว่าร้ายนาง ให้เสี่ยวมั่วลงมาถามความแต่ก็มิได้ช่วยเหลือ ช่างเป็นคุณหนูเอาแต่ใจไร้น้ำใจเสียจริง แต่นางหาได้สนใจคำคนเหล่านั้น คนเหล่านั้นว่าร้ายนางเสร็จก็พากันจากไปทิ้งขอทานเฒ่าคุกเข่าหน้าโรงหมอต่อไป

ไม่เว้นกระทั่งบุรุษที่แอบตามดูนางตั้งแต่ออกจากบ้านสกุลเฉียน ก่อนเขาจะหันหลังกลับเลิกให้ความสนใจแก่นาง รถม้าสกุลโจวก็หยุดลง หลินซีจึงหยุดฝีเท้าด้วยเช่นกัน

เขาเองก็อยากรู้ว่านางจะทำสิ่งใด

“ท่านลุงฉาน รบกวนท่านพาขอทานปู่หลานเมื่อครู่ไปหาหมอที่โรงหมอหน่อยได้หรือไม่ นี่เป็นเงินค่ารักษาและบอกท่านหมอว่าหากไม่พอข้าเจียวเจียวจะจ่ายให้เอง รักษาให้เต็มที่แต่อย่าลืมขอร้องท่านหมอห้ามบอกผู้ใดว่าข้าเป็นผู้ช่วยเหลือ” คนขับรถม้าขมวดคิ้วงุนงงหลังฟังคำสั่งคุณหนูของตนจบ แม้จะฟังเข้าใจแต่กลับไม่เข้าใจไปด้วย

ไม่เข้าว่าเหตุใดต้องรอให้ไม่มีผู้คนจึงช่วยเหลือ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้องไม่อยากให้ผู้ใดรู้ว่าตนช่วยเหลือ นี่ล้วนเป็นสิ่งดีทั้งสิ้นมิใช่หรือ

“ขอรับคุณหนู” ชายวัยกลางคนค้อมตัวรับคำแล้วจากไป พร้อมความสงสัยภายในที่ไม่ได้รับความกระจ่าง แต่อย่างไรเขาก็เป็นบ่าวนายสั่งมีหรือไม่ยอมทำตาม

มิได้ต่างกับชายที่ยืนแอบอยู่ซอกมุมบ้านเรือน เขาเองก็สงสัยเหตุใดนางทำเช่นนี้

“คุณหนูเหตุใดท่านไม่ช่วยตั้งแต่เมื่อครู่”

“ผู้คนเยอะเกินไป หากข้าออกหน้ามีแต่จะพากันร่ำลือ ข้าไม่ต้องการให้ผู้ใดสนใจ” ชายหนุ่มได้ฟังก็เกือบหลุดหัวเราะออกมา เคราะห์ดีที่หุบปากตนเองไว้ทัน เขาตามดูนางเพราะสงสัยว่านางเป็นดังคำเล่าลือจริงหรือไม่

ตามได้ไม่นานเขาก็พบว่านางแปลกประหลาดนัก ผู้คนมีแต่จะอยากให้ผู้อื่นเห็นว่าเป็นคนดี โจวเจียวเจียวกลับอยากให้ผู้อื่นเห็นว่าตนเป็นสตรีแล้งน้ำใจ ประหลาดยิ่ง

“เหตุใดคุณหนูจึงไม่อยากให้ผู้คนสนใจเล่าเจ้าคะ หากคุณชายมู่รู้อาจจะสนใจท่านขึ้นมาบ้าง”

“เขาสนข้าต้องสนหรือ บุรุษหูเบา ไร้สติเช่นนั้นข้าไม่เห็นอยากได้ ผู้ใดอยากได้ก็เอาไป ไปเถอะลุงฉานมาแล้ว” นางกล่าวจบก็ขึ้นไปบนรถม้าเช่นเดิม รถม้าสกุลโจวมุ่งหน้าไปบนถนนสายหลักของเมืองทางประจิม

หลินซีไม่ได้ตามไปแต่กลับยืนยิ้ม จากเดิมนางน่าสนใจอยู่บ้างยามนี้เขากลับคิดว่านางน่าสนใจมากทีเดียว

“น่าสนใจ”

“สิ่งใดน่าสนใจหรือขอรับคุณชาย” เฉิงเชียงกระซิบถามผู้เป็นนาย ให้ตามหาเสียนานที่แท้มาแอบอยู่ซอกโรงน้ำชานี่เอง

“นาง”

“นางไหนหรือขอรับ” หลินซีรีบหันกลับมามองเมื่อรู้สึกตัวว่าถูกเฉิงเชียงแอบอาศัยช่วงที่เขาเผลอ ถามความคิดในหัว เขากับเฉิงเชียงโตมาด้วยจึงรู้สึกราวกับเป็นสหายเสียมากกว่าบ่าวรับใช้

เฉิงเชียงย่นหน้า เสียดายที่คุณชายรู้ตัวเสียก่อนเขาจะถามได้ความ แม่ทัพหลินต้องดีใจเป็นแน่ หากรู้ว่าคุณชายมีสตรีหมายปองแล้ว

นึกโมโหตนเองอยู่ไม่น้อยหากมาเร็วกว่านี้เสียหน่อยอาจทันเห็นคุณหนูผู้นั้น

“เห็นข้าใจดีมากใช่หรือไม่”

“คุณชายใจดีเมื่อใดหรือขอรับ ข้าน้อยไม่รู้เลย” เฉิงเชียงตอบหน้าซื่อพลางอมยิ้ม หากไม่มีผู้อื่นอยู่ด้วยก็ขวัญกล้ากวนคุณชายได้ แต่หากมีผู้อื่นอยู่ด้วยเฉิงเชียงให้เกียรติหลินซีเสมอ

“ไปได้แล้ว หากยังถามมากข้าจะสั่งโบยเจ้า”

“หากโบยข้า ผู้ใดจะซ้อมยุทธ์กับคุณชายเล่าขอรับ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาลูบหน้าผากตนแผ่วเบา เจ้าเด็กนี่สมควรถูกตีเสียบ้างจริง ๆ บ่าวรับใช้อายุน้อยได้แต่ยิ้มกว้างให้อย่างใสซื่อ เดินตามคุณชายไปยังด้านข้างของโรงน้ำชาที่มีม้าเขาผูกเอาไว้

“เจียวเจียวกลับมาแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้างสนุกหรือไม่” โจวจี้หยวนเดินเข้ามาหาน้องสาวพร้อมรอยยิ้ม ถามจบก็ยื่นมือไปหยิบเศษใบไม้ออกจากเส้นผมน้องสาว น้ำเสียง ท่าทางและรอยยิ้มล้วนบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขารักเอ็นดูน้องสาวมากเพียงใด

“ไม่เลยเจ้าค่ะ เคราะห์ดีได้พบพี่จืออวิ๋นไม่เช่นนั้นคงน่าเบื่อนัก”

“พี่จืออวิ๋นหรือ แปลกหูนัก” ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ เขาอยู่มาสิบเก้าปีไม่เคยได้ยินน้องสาวเรียกผู้ใดว่าพี่เลย นอกเสียจากตนเองและมู่หลินเฟิงผู้เป็นสหาย

ช่วงนี้น้องสาวเองก็ไม่เคยถามถึงผู้เป็นสหายอีกเลย…

โจวเจียวเจียวราวกับรับรู้ได้ว่าผู้เป็นพี่ชายคิดสิ่งใดอยู่จึงแสร้งถามขึ้น

“ท่านพี่ ช่วงนี้ได้เจอพี่มู่บ้างหรือไม่เจ้าคะ” ที่แท้นางก็ยังไม่ลืมเลือนสหายเขา คงเป็นเช่นนั้นนางหลงรักเขามาหลายปีเพียงไม่นานคงไม่อาจตัดใจจากได้

“เจอกันอยู่บ้าง หากน้องอยากเจอพรุ่งนี้ก็มาหาพี่ที่ห้องตำรา วันพรุ่งนี้หลินเฟิงจะมา ดีหรือไม่” หญิงสาวได้ฟังก็เบ้ปากในทันที นางหาได้อยากเจอเขาไม่ ถามถึงโจโฉโจโฉก็มาโดยแท้ นางไม่น่าถามถึงเขาให้เสียบรรยากาศเลย

โจวเจียวเจียวรู้ตัวจึงเปลี่ยนเป็นยิ้มเขินอายพลางหลบสายตาผู้เป็นพี่ชาย พยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ พรุ่งนี้อย่างไรนางก็หลีกเลี่ยงไม่ได้

ไม่สู้หาเรื่องให้เขาด่าเสียหน่อยจะได้ไม่ต้องอยู่นาน เอาเช่นนี้

“นี่พี่ได้ปิ่นไข่มุกมา เจียวเจียวชอบหรือไม่”

“ชอบเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านพี่” ปิ่นไข่มุกสีขาวนวลเปล่งประกายวาววับราวกับแสงสะท้อนของดวงดาราบนผืนน้ำยามค่ำคืน ถูกยื่นมาให้นาง ตระกูลโจวทำการค้า ข้าวของผ่านตาจึงมากมาย หากได้ของสวยงามมาโจวจี้หยวนไม่เคยลืมนึกถึงน้องสาวสุดที่รักเลยแม้สักครั้ง

“เช่นนั้นเจียวเจียวไปพักเถิด”

“เจ้าค่ะท่านพี่ เจียวเจียวขอตัว” หญิงสาวถือปิ่นไข่มุกไว้ในมืออย่างทะนุถนอม ก่อนจะยอบกายอำลาผู้เป็นพี่ชายเดินกลับเรือนพักของตน คิดหาวิธีให้ถูกมู่หลินเฟิงตำหนิในวันพรุ่งนี้

บทที่เกี่ยวข้อง

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   เจียวเจียวสำนึกผิดแล้ว

    8เจียวเจียวสำนึกผิดแล้วตะวันทอแสงยามเช้า หญิงสาวผุดลุกจากเตียงนอนอุ่น ความมุ่งหมายในวันนี้คือถูกมู่หลินเฟิงด่า เขาชอบสตรีเรียบร้อยอ่อนโยนเช่นนั้นวันนี้นางจึงจงใจสวมอาภรณ์สีเข้ม แต่งริมฝีปากด้วยสีชาดที่สดราวกับโลหิตอย่างไรอย่างนั้นนางส่องกระจกพร้อมรอยยิ้ม หมุนตัวไปมาครู่หนึ่งก็เอ่ยชมตนเอง“งามมาก ใช่หรือไม่เสี่ยวมั่ว”“งามเจ้าค่ะ แต่คุณชายมู่คงไม่ชอบกระมังเจ้าคะ” สาวใช้กล่าวขึ้นคุณหนูของนางมักแต่งกายด้วยสีอ่อน เพื่อให้มู่หลินเฟิงสนใจแต่ยามนี้กลับต่างออกไปนางไม่เข้าใจเอาเสียเลยโจวเจียวเจียวคิดว่าเพียงแค่การแต่งกายคงไม่ทำให้มู่หลินเฟิงหันมาสนใจนางได้ในทันที จึงไม่จำเป็นต้องสวมรอยเป็นนางในยามนี้เพราะอย่างไรนางก็เป็นเจียวเจียวที่เขาไม่ต้องใจ จะสวมเสื้อผ้าสีใดก็คงไม่ต่างกัน เพียงแต่สีเข้มคงทำให้เขาร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-22
  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   บุรุษผู้นั้น

    9บุรุษผู้นั้นเจ้าของร่างอรชรวิ่งออกจากห้องตำรามานั่งอยู่ในสวนของลานบ้าน ทั้งที่รู้ว่าตนเองไม่ใช่โจวเจียวเจียวผู้นั้นแต่เมื่อถูกด่าหนักเข้านางกลับรู้สึกแย่ จนไม่อาจละทิ้งคำพูดเมื่อครู่ของมู่หลินเฟิงไปได้เลย“เจียวเจียว” โจวจี้หยวนเสียงเบา น้ำเสียงแฝงความเป็นห่วงไว้มากมาย แม้มู่หลินเฟิงจะเป็นสหาย แต่เขาก็สงสารผู้เป็นน้องสาวเหลือเกิน ในใจมู่หลินเฟิงคงมีเพียงสืออีหราน ไหนเลยจะมีที่ว่างพอให้นางถึงจะพูดไปนางก็ไม่มีทางเชื่อเขาอยู่ดี เขาเลยไม่คิดห้ามนางอีก เพียงปลอบใจอยู่ข้าง ๆ เท่านั้นชายหนุ่มเดินเข้ามาวางมือไว้บนศีรษะนางแผ่วเบา คล้ายกับกำลังปลอบใจนางโดยไร้คำพูดใดโจวเจียวเจียวนางมีพี่ชาย สหาย บิดามารดา และข้ารับใช้ที่ดี เหตุใดจึงหลงรักบุรุษผู้นั้นมากมายถึงเพียงนี้ ทั้งที่หลังจากเขารู้จักสืออีหรานก็ไม่เคยมีความหวังให้นางเลยแม้แต่น้อย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-23
  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   ขออภัยที่ทำให้ท่านเสื่อมเสีย

    10ขออภัยที่ทำให้ท่านเสื่อมเสีย“คนเลว โผล่มาให้อารมณ์เสียทำไมเนี่ย เสียระบบหมดอุตส่าห์จะไม่เฟียสดันเฟียสไปจนได้” หญิงสาวพึมพำอย่างหัวเสียพลางใช้เท้าเตะฝุ่นบนพื้นถนน แต่ฝุ่นของนางดันเป็นก้อนใหญ่เกินไป มันกระเด็นไปกระแทกศีรษะบุรุษที่เดินอยู่ด้านหน้าอย่างแรง“โอ๊ย ผู้ใดลอบทำร้ายข้าไม่มีตาหรืออยากตาย” เสียงตวาดข้างหน้าทำให้โจวเจียวเจียวสะดุ้งจนตัวโยน ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดออกมาเพียงแต่ยกมือขึ้นแสดงตัวอย่างกล้า ๆ กลัว ๆบุรุษผู้นั้นเดิมชักสีหน้าน่ากลัวราวกับกำลังจะลงดาบลงกระบี่บั้นคอนาง แต่เมื่อเห็นว่าคนผู้นั้นเป็นนางก็เปลี่ยนสีหน้าไปเป็นยิ้มแย้ม เอ่ยทักนางอย่างเป็นธรรมชาติ“ท่าน คุณหนูโจวใช่หรือไม่”“คารวะคุณชายหลิน ขออภัยเมื่อครู่ไม่ระวังเผลอเตะหินจนโดนหัวท่าน เป็นอะไรหรือไม่”&ldq

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-24
  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   สหายคนใหม่

    11สหายคนใหม่“พี่มู่ปล่อยเจียวเจียวได้หรือไม่” ฝีเท้าเร่งรีบของมู่หลินเฟิงหยุดลงเมื่อถึงหน้าร้านค้าตระกูลโจว หญิงสาวที่อุตส่าห์เดินตามมาเงียบ ๆ ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเหมือนโจวเจียวเจียวคนเก่าไม่ผิดมู่หลินเฟิงรีบสะบัดมือออก ก่อนนี้เขาลืมตัวไปชั่วครู่ ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดต้องโมโหและพูดจาร้ายกาจกับนางอีกแล้ว ทั้งที่มาวันนี้ตั้งใจมาขอโทษนาง ยังไม่ทันขอโทษก็ปากไม่ดีอีกแล้ว เรารู้สึกไม่ชอบใจที่นางให้ความสำคัญกับผู้อื่นมากกว่า“ขอบคุณพี่มู่ที่สั่งสอน ต่อไปเจียวเจียวจะจำไว้ไม่ทำให้ผู้ใดเสื่อมเสียอีก หากพี่มู่ไม่มีสิ่งใดจะสั่งสอนอีกเจียวเจียวขอตัวก่อน” เขายืนฟังนางพูดตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาสักคำ ได้แต่มองข้อมือนางที่ถูกเขากำแน่นจนเกิดริ้วแดงเมื่อครู่กระทั่งนางเดินไปแล้วเขาจึงรู้สึกตัวว่ายังไม่ได้เอ่ยปากขอโทษนางสักคำ มู่หลินเฟิงท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-25
  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   แผนการใหม่

    12แผนการใหม่ตลาดปลาฝั่งบูรพาเงียบเชียบไม่ต่างจากทุกวัน โจวเจียวเจียวตามพี่ชายออกมาตรวจดูผู้คน นางตั้งใจว่าจะทำให้ตลาดบูรพามีผู้คนคึกคักขึ้นให้ได้ภายในสองเดือน ก่อนการจัดการสอบขุนนางในอีกสองเดือนข้างหน้าแม้จะเรียนรู้การขายมาบ้างมา แต่ความรู้เหล่านั้นกลับนำมาใช้ในยุคนี้ได้ยากยิ่งนัก“ท่านพี่ การสอบขุนนางจะมีขึ้นในอีกสองเดือนใช่หรือไม่”“ใช่แล้ว เจียวเจียวสนใจการสอบขุนนางหรือ” ผู้เป็นพี่ชายถามพลางโคลงถ้วยชาไปมา สายตาจดจ่ออยู่ที่ใบหน้าหมดจดของน้องสาว ตั้งใจฟังนางพูดด้วยความยินดียินดีที่ผู้เป็นน้องสาวไม่หลงใหลสหายตนเหมือนเมื่อก่อน แม้จะมีบางครานางจงใจกล่าวถ้อยคำหวานหูให้สหายเขาฟัง แต่ผู้เป็นพี่ชายพอมองออกว่าสิ่งเหล่านั้นนางแสร้งทำเขาไม่สงสัย ไม่เคลือบแคลง ขอเพียงนางมีความสุขดีก็เพี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-26
  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   ของหายอยากได้คืน

    13ของหายอยากได้คืนหญิงสาวใช้มีดเล่มใหญ่ได้อย่างคล่องแคล่ว แล่ปลาราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ปลาตัวใหญ่บัดนี้ถูกนางแล่ออกจนเหลือแต่เนื้อปลาสีชมพูอ่อน แค่มองดูก็ต้องกลืนน้ำลายเวลาค่อย ๆ ผ่านไปพร้อมกับปลาหนึ่งตัวที่ถูกแล่ ปลาตัวที่สองถูกแล่ จากหน้าแผงมีเพียงหลินซี เสี่ยวมั่ว เฉิงเชียงบัดนี้ผู้คนกลับมามุ่งดูกันมากมาย“คุณหนูท่านเก่งยิ่งนัก” หญิงชราชมนางไม่ขาดปาก จะมีคุณหนูตระกูลใดในเมืองที่แล่ปลาได้เก่งเท่านางอีก แม้แต่เสี่ยวมั่วยังอดตกใจไม่ได้ โจวเจียวเจียวจัดปลาไว้เป็นกอง แยกเพื่อแบ่งขายเป็นตัว“ปลานี่ขายหรือไม่” หญิงวัยกลางคนในฝูงชนผู้หนึ่งกล่าวขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่กองปลาแล่แล้ว โจวเจียวเจียวยิ้มกว้างพยักหน้ารับจัดแจงนำใบไม้ที่อยู่ในตะกร้าของหญิงชรามาห่อปลา“เท่าไหร่หรือ”“ปลาน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-27
  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   เจียวเจียวรำคาญเจ้า

    14เจียวเจียวรำคาญเจ้าหลังกลับมาทั้งนางทั้งพี่ชายก็ถูกมู่หลินเฟิงด่าจนหูสองข้างแทบฟังไม่ได้ยิน โจวจี้หยวนฟังไปเถียงไปแต่โจวเจียวเจียวไม่พูดอธิบายสิ่งใด ปล่อยให้มู่หลินเฟิงเข้าใจตามที่อยากเข้าใจกฎข้อที่สี่ ห้ามอธิบายมากหญิงสาวปล่อยเสียงนั้นผ่านหูราวสายลมพัดไม่สนใจไม่ใส่ใจ แต่จะเมินเฉยไปก็เกรงจะไม่ดี บางคราจึงแสร้งตอบบ้าง“เจียวเจียวเจ้ารู้หรือไม่ว่าหลินซีเป็นคนเช่นไร เหตุใดจึงไปสนิทสนมกันเช่นนั้น”“หลินเฟิง เจียวเจียวก็เพียงแต่คบเป็นสหายเหตุใดเจ้าต้องต่อว่านาง” โจวจี้หยวนถกเถียงด้วยความสงสัย เหตุการณ์วันนี้เขายังไม่เห็นเลยว่าเจียวเจียวทำผิดอย่างไรแต่โจวเจียวเจียวกลับตอบรับอย่างง่ายดาย ไม่อธิบายไม่กลัวว่ามู่หลินเฟิงจะเข้าใจนางผิด จนผู้เป็นพี่ชายเองก็งุนงงกับท่าทีของนางไม่น้อย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-28
  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   ช่วงเวลาที่รอคอย

    15ช่วงเวลาที่รอคอยหนังสือลงนามร่วมมือกันของร้านค้าที่นางไปสอบถามมาวันนี้ แต่เพราะเหตุใดคนเหล่านั้นจึงเปลี่ยนใจ ก่อนหน้านี้คนเหล่านั้นมองผ่านนางทำท่าไม่สนใจความคิดนางแม้แต่น้อยนางเข้าใจดีว่าความคิดของพวกเขาล้วนแต่ยึดติดวิธีการเดิม ๆ จะให้เข้าใจได้เลยในทันทีก็ยากเกินไป จึงกลับมาเพื่อคิดวิธีการไปเกลี้ยกล่อมคนเหล่านั้นอีกคราในภายหลัง“ผู้ใดให้ท่านมา”“เจียวเจียวลองเดาดูดีหรือไม่ พี่ว่าเจ้าเดาถูก จะมีผู้ใดบ้างรู้ว่าเจ้าไปพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าคนใดบ้าง”“หลินซี” นางไม่ต้องคาดเดา หากผู้เป็นพี่ชายพูดเช่นนี้ก็คงมีเพียงหลินซีที่ติดตามนางเดินไปมาในตลาดอยู่เกือบทั้งเย็น ไม่รู้ว่าทำได้อย่างไรแต่นางคงต้องไปขอบคุณเขาเสียหน่อยโจวเจียวเจียวและหลินซีสนิทกันอย่างรวดเร็วเพราะนางไม่ต้องเสแสร้งต่อหน้าเขา เป็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-29

บทล่าสุด

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   ข้าเองก็ชอบเจ้าเช่นกัน

    27ข้าเองก็ชอบเจ้าเช่นกันภาพเบื้องหน้ายิ่งทำให้นางไม่อาจสงบใจได้อีกต่อไปมู่หลินเฟิงตรงเข้าไปยุดแขนเล็กของโจสเจียวเจียวเอาไว้ด้วยความไม่พอใจ ยื้อยุดกันไปมาสักครู่โจวเจียวเจียวก็ตามเขาออกมา เล็บยาวจิกเข้ากลางฝ่ามือตนเองจนแน่น นางไม่อาจปล่อยให้เป็นเช่นนี้ได้อีกนางเสียมู่หลินเฟิงไปไม่ได้ โจวเจียวเจียวไม่ควรอยู่ข้างกายเขาอีกหญิงสาวมาเกือบถึงเพิงแจกอาหารแต่ระหว่างนั้นถูกฝุ่นปลิวเข้าตา ชายหนุ่มข้างกายจึงอาสาดูให้ มู่หลินเฟิงเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปขวางทันทีพอดึงนางออกห่างจากหลินซี หยดน้ำใสก็พลันร่วงหล่นจากดวงตากลมกระจ่างทำให้มู่หลินเฟิงคิดไปไกลว่า นางขุ่นเคืองที่ถูกเขาขวางไม่ให้อยู่ใกล้บุรุษผู้นี้สองบุรุษฉุดยื้อหนึ่งสตรี เคราะห์ดีแถบนี้เป็นท้ายตรอกผู้คนจึงไม่พ

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   ราวสวรรค์จัดวาง

    26ราวสวรรค์จัดวางมู่หลินเฟิงตื่นขึ้นอีกครั้งในยามอู่อาการนอนไม่พอหายไปแล้วจึงได้คิดจะลุกมาจัดแจงล้างหน้าเปลี่ยนชุดเสียใหม่ ตั้งใจว่าจะไปคุยกับโจวเจียวเจียวแต่ยังไม่ทันได้ลงจากเตียง จี้ชิงก็วิ่งเข้ามาหาอย่างแสนรู้“คุณชาย ท่านตื่นเสียที เมื่อครู่มีประกาศผลสอบติดไว้ที่กลางเมืองแล้วขอรับ” เด็กหนุ่มเห็นผู้เป็นนายไม่ค่อยสนใจจะรู้จึงทำหน้าหงิกงอ เดินไปยกอ่างไม้เข้ามามู่หลินเฟิงมั่นใจกว่าสิบส่วนว่าอย่างไรครั้งนี้ตนเองต้องได้ลำดับหนึ่ง จึงไม่ได้ตื่นเต้นเท่ากับจี้ชิงที่ลุ้นแล้วลุ้นอีกในหัวเขายามนี้มีเพียงการตระเตรียมคำพูดไว้พูดกับโจวเจียวเจียวหลังล้างหน้าสวมอาภรณ์ตัวใหม่แล้ว จี้ชิงยืนนิ่งล้วงเอาจดหมายเล็กในสาบเสื้อออกมายื่นให้ผู้เป็นนาย“คุณหนูสือวานข้าน้อยเอามาให้คุณชายขอ

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   นางตอบเจ้าว่าอย่างไร

    25นางตอบเจ้าว่าอย่างไรอาหารบนโต๊ะมีเพียงสามอย่างเท่านั้น แต่นายหญิงของจวนกลับตักกินจนหมดอย่างที่ไม่เคยเป็น บ่าวไพร่ รวมถึงบุตรชายคนเดียวของจวนล้วนพากันยกยิ้มอย่างโล่งใจ ในที่สุดอี้ฮูหยินก็สามารถกินอาหารจนหมดได้เสียทีขอเพียงเป็นเช่นนี้ต่อไปโรคภัยเหล่านั้นคงน้อยลงเป็นแน่“ท่านแม่ ในที่สุดท่านก็กินอาหารได้เสียที” เพียงฟังจากน้ำเสียงก็รับรู้แล้วว่าบุตรชายดีใจมากเพียงใดที่มารดากินอาหารได้จนหมดเช่นนี้ ผ่านมาหลายปีที่อี้ฮูหยินกินเพื่ออยู่ ฝืนกินอาหารจานละสองสามคำต่อมื้อ ร่างกายจึงเจ็บป่วยง่ายพอเห็นมารดากินได้มากขนาดนี้ มู่หลินเฟิงเกือบหลั่งน้ำตาออกมาเสียด้วยซ้ำ“แม่ขอโทษที่ทำให้เฟิงเอ๋อร์กังวล ลำบากเจ้าแล้วจริง ๆ”“ที่ใดกัน ขอเพียงท่านแม่ดีขึ้น ต่อให้ลุยคมหอกคมดาบลูกย่อมไม่เกี่ยง&r

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   หวั่นใจ

    24หวั่นใจรอยยิ้มแห่งความโล่งใจบนหน้าปรากฏขึ้นทันทีที่นางรับปากเขาคิดไว้อยู่แล้วว่านางคงรับปากแต่ยามต้องพูดขอร้องนาง กลับใจเต้นระส่ำ ไม่รู้เพราะรู้สึกผิด ละอายใจหรือสิ่งใดกันแน่จึงทำให้เป็นเช่นนี้เดิมคิดจะขอโทษนางเสียก่อนยังไม่ทันได้เอ่ยปากนางก็ตกลงแล้ว“ขอบคุณเจียวเจียว” ชายหนุ่มกล่าวเพียงเท่านั้นก็เดินไปรินน้ำชาให้นางเพื่อเป็นการขอบคุณ นัยน์ตากระจ่างใสมองถ้วยชาที่ยื่นมาด้วยความงุนงงไม่คิดว่าบุรุษเช่นมู่หลินเฟิงจะรักมารดาตนเองมากเพียงนี้ในนิยายก็ไม่ได้บรรยายถึงมารดาของเขามากนัก มักบรรยายอย่างรวบรัดเพราะตอนจบนางต้องตาย ผู้เขียนคงคิดว่าไม่จำเป็นต้องบรรยายให้มากกระมัง“ข้ารับปากแล้วเหตุใดพี่มู่ยังไม่กลับเล่า”“ท่านแม่ไม่ค่อยกินข้าวกำลังล้มป่วยไม่ทราบว่าเจ้

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   ข้ามีข้อแลกเปลี่ยน

    23ข้ามีข้อแลกเปลี่ยนยามรุ่งอรุณสาดแสงสีทองจนเต็มนภา มู่หลินเฟิงก็ถึงหน้าคฤหาสน์สกุลโจวแล้ว ชายหนุ่มออกมาตั้งแต่เช้าต้องการสนทนากับโจวเจียวเจียว เพื่อว่าจ้างให้นางทำอาหารเผื่อมารดาตนเองด้วย“นางไม่อยู่หรือ” มู่หลินเฟิงเอ่ยขึ้นหลังจากที่ได้ยินว่าโจวเจียวเจียวไม่อยู่ในบ้าน เช้าถึงเพียงนี้เหตุใดนางจึงไม่อยู่ ไม่เพียงตัวนางที่ไม่อยู่แม้แต่พี่ชายก็เช่นกัน“คุณหนูกับคุณชายไปตลาดบูรพาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างแล้วขอรับคุณชาย” ชายเฝ้าประตูเอ่ยตอบก่อนจะประสานมือค้อมตัวลง มู่หลินเฟิงไม่ได้ตอบสิ่งใดอีกเพียงแต่ขึ้นรถม้าแล้วมุ่งหน้าไปทางตลาดปลาไม่ว่าจะอย่างไรวันนี้เขาก็ต้องคุยกับโจวเจียวเจียวให้ได้แปลกนักที่เช้าเพียงนี้ในร้านนางกลับมีคนไม่น้อยเลย ทั้งโจวจี้หยวน โจวเจียวเจียว เถ้าแก่ผู้ดูแลร้าน บ่าวรับใช้ข้างกายสองคน ซ้ำ

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   กล่องขนมหวาน

    22กล่องขนมหวานหลังส่งสืออีหรานถึงสกุลสือ มู่หลินเฟิงก็หอบหิ้วเอากล่องขนมที่ได้จากโจวเจียวเจียวกลับมาบ้าน ความรู้สึกภายในสับสนปนเปกันจนไม่สามารถตรึกตรองได้ในเวลาอันรวดเร็วเขาไม่ชอบโจวเจียวเจียว เรียกว่ามีอคติจึงจะถูกกว่าแต่ยามนี้เมื่อได้เห็นนางเปลี่ยนไป แม้จะเล็กน้อยแต่เขาคิดว่านางไม่เหมือนเดิมและยิ่งเห็นข้างกายนางมีหลินซีบุตรชายคนเดียวของแม่ทัพหลินชวน สายตาที่นางมองเขาเปลี่ยนไปไม่น้อยเขารู้สึกได้ ขณะที่กำลังนั่งอยู่ในภวังค์ของตนเองก็ได้ยินเสียงเรียกคุ้นหู“คุณชายท่านกลับมาเสียที คุณชายท่านรีบไปดูฮูหยินเถอะเจ้าค่ะ” สาวใช้อาวุโสของมารดาปรี่ตรงเข้ามาหาเขาที่ลานกลางของบ้าน สีหน้าไม่สู้ดีนัก ร่างกายสูงโปร่งรีบผุดลุกจากที่นั่งตามไปทันทีก่อนหน้านี้อี้ฮูหยินก็เจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ มาตลอด เรียกว่าสา

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   เจ้ารู้วิชาแพทย์หรือ

    21เจ้ารู้วิชาแพทย์หรือโจวเจียวเจียวชาติก่อนเป็นคนจิตใจดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น พอเห็นเด็กสาวหมดสติอยู่ตรงหน้ามีหรือจะปล่อยผ่านไปได้ นางรีบพุ่งตัวเข้าไปคุกเข่าอยู่ข้างกายร่างนั่นทันที ลืมสิ้นทุกกฎเกณฑ์ที่ตนตั้งไว้เด็กสาวนอนไม่ได้สติ ร่างกายกระตุกเกร็งมุมปากมีของเหลวสีขาวขุ่นไหลออกมา ผู้คนรอบข้างพากันตีวงกว้างมองด้วยความตื่นตระหนกอาการเช่นนี้หากแสดงออกมาต่อหน้าผู้คนล้วนถูกเข้าใจผิดเป็นผีร้ายหรือวิญญาณร้ายเป็นแน่“หลินซี เอาน้ำกับผ้าสะอาดให้ข้าที” นางหันไปบอกกับหลินซีเสียงดัง ก่อนจะหันมาจัดแจงเด็กน้อยอายุไม่เกินสิบหนาวให้นอนราบบนพื้นถนนหน้าร้านทุกฝีเท้าขยับหยุดนิ่งไม่มีผู้ใดกล้าก้าวเข้าไปช่วยเหลือแม้สักคน มีเพียงโจวเจียวเจียวที่คุกเข่าอยู่ข้างกายนางอย่างลืมตัว ครู่หนึ่งหลินซีก็ถืออ่างน้ำที่มีน้ำอยู่ด้าน

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   ดอกหลีต้องลมฝน

    20ดอกหลีต้องลมฝนหลังจากการค้าร้านผลไม้แห้งที่ตลาดปลาประสบความสำเร็จไม่น้อย โจวเจียวเจียวก็ขออนุญาตพี่ชายเพื่อเปิดร้านในตลาดเดียวกันเพิ่มสุดถนนเส้นรองของตลาดบูรพาเป็นถนนเล็กสายหนึ่งใช้สัญจรไปมา สำหรับเลี่ยงผู้คน เพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนข้าวของต่าง ๆ การเดินเที่ยวเล่นในตลาดของนางหาใช่การเดินเตร็ดเตร่ แต่เป็นการสำรวจพื้นที่นางเห็นว่าผู้คนจอดแวะหาซื้อข้าวของไม่น้อย แต่ไม่มีเวลาเดินเที่ยวเล่นเหมือนคนทั่วไป การเดินไปที่ต่าง ๆ ล้วนใช้เวลามากทำให้ต้องรีบซื้อรีบออกเดินทางหญิงสาวคิดว่าการทำร้าขายอาหารแบบซื้อกลับน่าสนใจไม่น้อย จึงได้ปรึกษากับโจวจี้หยวนด้วยเห็นว่าก่อนนี้น้องสาวเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย อยากให้นางมีอะไรทำเสียบ้างอีกทั้งตระกูลโจวก็ไม่ขาดแคลนเงิน จะขาดทุนสักร้านสองร้านบิดามารดาคงไม่ว่าอันใด“เจีย

  • กลวิธีหนีการเป็นนางร้าย   รักปักใจ

    19รักปักใจชายหนุ่มเดินกลับจวนสกุลมู่ด้วยร่างกายและสมองที่หนักอึ้ง ไม่รู้ว่าเหตุใดจนตอนนี้ก็ยังคิดไม่ตกกับคำถามของโจวเจียวเจียว หลังการสอบเสร็จสิ้นสืออีหรานให้คนส่งจดหมายนัดเขา ไปพบที่ตลาดปลา เพราะผู้คนพลุกพล่านน้อยกว่าตลาดประจิมมากพูดคุยกันได้ไม่นานก็บังเอิญเห็นน้องสาวของสหายหายเข้าไปในโรงเตี้ยมกับบุรุษ ซ้ำยังพากันปิดประตูโรงเตี้ยมจนเงียบสนิทไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดตนเองจึงสนใจเรื่องของนาง ทั้งที่ก่อนนี้ก็ไม่เคยสนใจแม้แต่หนเดียว หรือเป็นเพราะรู้สึกว่านางสนใจเขาน้อยลงแล้วหันไปสนใจหลินซีแทน“เฟิงเอ๋อร์ เหตุใดใจลอยเช่นนี้” อี้ฮูหยินผู้เป็นมารดาเอ่ยทัก ขณะเห็นบุตรชายเดินใจลอยผ่านโถงหน้า นางฝืนร่างกายมานั่งรอบุตรชายกลับจากการสอบขุนนาง แต่อีกฝ่ายทำราวกับไม่เห็นมารดา เดินผ่านไปไม่หันมองเกรงว่าหากไม่ทักก็คงเดินผ่านไปจนสุดสายตาเป็นแน่

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status