ตลอดเวลาหลายปีได้ยินแต่เสียงทุ้มอ่อนโยนส่งมาในสาย วันนี้เธอจะได้เจอหน้าของเขาอีกครั้ง จำได้ครั้งแรกที่เจอกันว่าเขาอ่อนโยนมากแค่ไหน ก็หลังจากที่เจอกันครั้งแรกที่โรงเรียนครั้งนั้น นายแพทย์หนุ่มภีร์ กุมารเวชศาสตร์ วัย 39 ปี ในปีนั้นนายแพทย์หนุ่มอายุ 30 ปี ได้เดินทางไปออกหน่วยแพทย์อาสาที่จังหวัดกำแพงเพชร ในวันนั้นเขาก็ได้รู้และได้ฟังเรื่องราวของเธอที่กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก อาศัยอยู่กับคุณยายตั้งแต่จำความได้ และในตอนนั้นอ้อมดาวเพิ่งอายุได้เก้าขวบ จนเมื่อสองปีก่อนคุณยายได้จากไป อ้อมดาวหรือดาว สาวน้อยวัย 18 ปี จึงเหลือตัวคนเดียวในโลก แต่หมอภีร์ไม่ได้ปล่อยให้เธอโดดเดี่ยว จากเคว้งคว้างไร้ที่พึ่งพิงก็มีมืออ่อนโยนของคุณหมอแสนดีเข้ามาช่วยเหลือรับอุปการะเธอตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน จากที่เคยเป็นแค่เจ้าของเงินทุนส่งเธอเรียน ตอนนี้เขาขยับมาเป็นผู้ปกครองเต็มขั้น
สาวน้อยไร้เดียงสาได้สอบเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐในกรุงเทพฯ เพื่อจะได้มาอยู่ใกล้ผู้มีพระคุณและตอบแทนหมอภีร์ที่เมตตาเด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรอย่างตนเอง สาวน้อยยืนส่องกระจกร้านอาหารอยู่หน้าร้านอาหารที่นัดกับผู้มีพระคุณ ใจสาวน้อยทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจที่จะได้เจอ จากที่ได้ยินแต่เสียงทุ้มอ่อนโยนมาตลอดสองปี
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
เสียงสั่นเตือนในกระเป๋าสะพายใบเล็กดังขึ้น เธอจึงรีบล้วงหยิบออกมากดรับสายเมื่อปลายสายเป็นหมอภีร์
“ค่ะ หมอภีร์”
“ขอโทษด้วยนะดาว วันนี้ฉันไปตามนัดไม่ได้แล้ว ทั้งๆ ที่เป็นคนนัดเธอแท้ๆ เด็กน้อย” ปลายสายส่งเสียงเครียดกลับมาในสายทำเอาใบหน้ายิ้มแย้มตื่นเต้นของสาวน้อยนั้นบิดบึ้งเสียใจ แต่ก็แสร้งยิ้มตอบกลับคนในสายไป
“ไม่เป็นไรค่ะหมอภีร์”
“ขอโทษเธอด้วยนะเด็กน้อย ไว้ครั้งหน้าฉันจะนัดอีกครั้งและไม่ผิดนัดแน่นอน”
“ไม่เป็นไรค่ะหมอภีร์ ดาวดีใจนะคะที่หมอภีร์โทรมาบอกดาว”
“ขอโทษอีกครั้งนะ แค่นี้นะเด็กน้อย”
“ค่ะ หมอภีร์”
แล้วเธอก็กดวางสายจากคุณหมอหนุ่ม ส่องกระจกหน้าร้านอาหารแล้วก็ถอนหายใจดังเดินห่างออกจากร้านด้วยใจที่ห่อเหี่ยว
ภีร์เพิ่งเสร็จจากงานลงเวรจะอาบน้ำแต่งตัวไปหาสาวน้อยตามนัด แต่ก็ต้องมาสะดุดเมื่อเจอกับผู้หญิงตรงหน้าและข้างๆ ก็มีชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตนเองหลายปี ปากหนาเม้มแน่นตั้งใจจะเดินผ่านไม่ทักทาย แต่มือเหี่ยวย่นนั้นก็เอื้อมมาคว้าจับข้อมือหนาของเขารั้งไว้
“ภีร์” น้ำเสียงอ่อนโยนแหบแห้งตามวัยเอ่ยเรียกชื่อบุตรชายที่ไม่เจอกันนานหลายปี แต่ก็ถูกลูกชายสะบัดมือทิ้งออกอย่างรังเกียจ
“อย่ามาแตะต้องผม และโปรดเรียกผมคุณภีร์ด้วยครับคุณผู้หญิง เราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นจะเรียกชื่อเฉยๆ แบบนี้” น้ำเสียงห้วนแข็งดังลอดออกจากริมฝีปากหนาสีชมพูสุขภาพดี
“เฮ้! พี่พูดแบบนี้กับแม่ได้ยังไง” คนที่ยืนข้างหญิงแก่เอ่ยขึ้นพร้อมเดินมาผลักอกของเขาด้วยอารมณ์ และเขาก็ทำเพียงแค่ปัดหน้าอกตัวเองตรงที่อีกฝ่ายแตะสัมผัสออกด้วยท่าทางรังเกียจ
“ใครพี่นาย ฉันมีน้องคนเดียวคือธีร์ อีกอย่างฉันไม่มีแม่ แม่ที่ทิ้งลูกตัวเองไปเลี้ยงลูกติดผัวใหม่ ฉันไม่เอามาเป็นแม่หรอกนะ และอย่ามาวุ่นวายกับชีวิตฉันอีก พาแม่ของนายกลับไปได้แล้ว” พูดจบหมอภีร์ก็เดินจากไป ไม่สนใจคนเป็นแม่ ส่วนญาดาพอได้ฟังคำพูดของลูกชายแล้วก็จุกเจ็บในอกจนน้ำตาไหลรื้นออกมาจนลูกเลี้ยงอย่างไรอันเข้ามาโอบประคองกลัวว่าแม่จะล้มทรุดไปกับพื้น
“กลับกันเถอะครับแม่” ไรอันหนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษเอ่ย
“แม่อยากคุยกับพี่เขาอีกหน่อยไรอัน”
“แต่เขาไม่อยากคุยกับเรา เขาไม่นับเราเป็นครอบครัวด้วยซ้ำ” ไรอันเอ่ย
“พี่เขาเกลียดแม่ และธีร์ก็เกลียดแม่ด้วย อึก! ฮือ...” นางเอ่ยเสียงสั่นเครือ
“วันนี้กลับบ้านก่อนเถอะครับ”
ไรอันรู้ว่าแม่เลี้ยงของตัวเองรักและคิดถึงลูกชายทั้งสองมาตลอด ตอนนี้เขาและแม่เลี้ยงก็ได้เดินทางมาอยู่ไทยเพื่อดูแลอดีตสามีของแม่เลี้ยงที่กำลังป่วยโรคไต ท่านได้รับการฟอกไตและต้องมีคนคอยดูแล และแม่เลี้ยงก็เป็นญาติเพียงคนเดียวของท่านที่เหลือ เขาและพ่อก็เข้าใจจึงให้ท่านกลับมาดูแลอดีตสามีโดยมีเขาตามมาช่วยดูแลด้วยและก็นึกสงสารท่าน เพราะลูกชายทั้งสองคนไม่มาดูดำดูดีแม้ว่าท่านจะป่วยก็ยังปล่อยให้ท่านอยู่บ้านคนเดียว ส่วนพ่อของเขาไม่ได้มาอยู่ด้วยจะเทียวไปเทียวมาเพราะธุรกิจอยู่ทางนั้นขาดพ่อไม่ได้
“อือ...พาแม่กลับเถอะไรอัน”
ที่มาวันนี้เพราะรอเจอลูกที่บ้านไม่ไหว ตั้งแต่กลับมาอยู่เมืองไทยได้สองเดือน ลูกชายก็ไม่เคยกลับไปบ้านสักครั้งจนต้องมาเจอที่โรงพยาบาล ส่วนลูกชายคนเล็กก็ไม่ต่างกันกับพี่ชาย นางรู้ว่าตอนจากไปนางทำให้ภีร์และธีร์เสียใจ นางกับอดีตสามีเป็นแม่และพ่อที่แย่สำหรับทั้งสองจึงทำให้ทั้งสองโตมาเป็นคนแข็งกร้าวแบบทุกวันนี้
“ครับ” แล้วไรอันก็โอบประคองพาแม่เลี้ยงของตนเดินออกจากตรงนี้เพื่อจะกลับบ้าน
ปึก! พอกลับมาห้องทำงานก็ทุบมือกับโต๊ะทำงานด้วยความขุ่นเคือง ภาพของแม่และลูกเลี้ยงของแม่ มันทำให้เขาหงุดหงิดโมโหจนต้องกำมือแน่นเข้าหากัน ไรอันเป็นใครกัน ทำไมถึงมาแย่งแม่ไปจากเขากับน้องชาย เมื่อแม่เลือกครอบครัวใหม่แล้ว ทำไมต้องกลับมายุ่งวุ่นวายกับเขาอีกเล่า แอค! ประตูห้องทำงานเปิดผลักเข้ามาทำให้เขาหันขวับไปมองคนที่เปิดเข้ามา “ผู้หญิงคนนั้นก็มาหาพี่เหมือนกันเหรอ?” ธีร์ น้องของเขานั่นเองเปิดผลักเข้ามา เขาและน้องชายเป็นหมอประจำโรงพยาบาลเดียวกัน “ไปหาแกเหมือนกัน?” “อือ...ไปรอผมที่ห้องทำงานเลยแหละ” “ทำไมต้องกลับมา ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำหน้าที่แม่” “นั่นดิ กลับมาเรียกร้องความเป็นแม่จากเราทำไม ตัวเองก็มีลูกเลี้ยงอยู่แล้ว จะมายุ่งอะไรกับเราก็ไม่รู้” ธีร์เห็นด้วยกับพี่ชาย “ไปดื่มกันไหม” “ไปดิพี่” “ออกเวรพอดี แกล่ะธีร์” “เหมือนกันครับ” “งั้นก็ไปเปลี่ยนชุดเถอะ พี่ก็จะเปลี่ยนชุดเหมือนกัน” “อือ...ผมจะบอกพี่ว่าค่าจ้างพยาบาลพิเศษที่ดูแลพ่อที่บ้าน ผมจ่ายแล้วนะเดือนนี้ และค่าเด็กรับใช้ คนสวน คนขับรถ แม่คร
อ้อมดาวบอกกับป้าดูแลหอพักนักศึกษาว่าญาติไม่สบาย ท่านอยู่คนเดียวไม่มีใครดูแล เธอจึงจำเป็นต้องออกจากห้องเวลานี้ พอมาถึงร้านก็โทรหาหมอภีร์ รอไม่นานคนตัวโตสูงใหญ่ก็เดินเซออกมาหาตนเอง เขาเมาแล้วและดีที่เขาโทรหาเธอ ไม่ขับรถกลับเอง “หมอภีร์” ร่างเล็กในเสื้อยืด กางเกงยีนส์ขากระบอกวิ่งไปโอบประคองร่างใหญ่ที่เดินโซซัดโซเซออกมาจากร้านด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าไม่ได้เจอกันนานสองปี แต่อ้อมดาวก็จำรูปพรรณสัณฐานของภีร์ได้ดี เขายังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จะเปลี่ยนแปลงก็แต่อายุที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น “ดาว...” ภีร์ทิ้งน้ำหนักให้คนตัวเล็กประคองตัวเองเดิน เพียงแค่ได้ยินเสียง เขาก็จำได้ เพราะเขาได้ยินมันทุกวัน น้ำเสียงเล็กหวานนี้ “ดาวเองค่ะหมอภีร์ กลับกันนะคะ คอนโดหมอภีร์อยู่ไหนคะ ดาวจะพานั่งแท็กซี่กลับ” เพราะคุยกันทุกวัน เธอจึงรู้ว่าเขาอาศัยอยู่คอนโดกับห้องพักที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้เป็นส่วนใหญ่ “คอนโดอยู่...” เขาบอกเธอขณะถูกดึงลากเดินไปเรียกรถแท็กซี่ที่กำลังแล่นเข้ามาจอดส่งลูกค้าพอดี ซึ่งเป็นจังหวะพอดีทำให้ไม่ต้องประคองคนตัวโตนาน เพราะเขาตัวหนักเหลือเกิน พออ้อมดาวได้แท็
เขาพูดพร้อมชี้มือไปทางประตูห้องรับแขกที่ไม่เคยมีแขกแวะมาพักผ่อนสักครั้ง เพราะเขาไม่ชอบให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัว แต่กับเด็กสาวอ้อมดาวคนนี้ เธอไม่ใช่คนนอก แต่เธอเป็นครอบครัวของเขา เพราะเขาเองก็เป็นครอบครัวของเด็กสาวเช่นกัน“งั้นดาวไปนอนก่อนนะคะ ถ้าหมอภีร์จะเอาอะไรปลุกเรียกใช้ดาวได้เลยนะคะ”หึ! ภีร์ไม่ตอบแต่แค่นขำในลำคอแทนแล้วยกมือขึ้นเสยผมที่ตกลงมาปิดหน้าผากตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินไปยังอีกห้องที่เป็นห้องส่วนตัว ส่วนสาวน้อยพอเจ้าของห้องเดินจากไปแล้วก็ยกมือขึ้นทาบอกเป่าปากให้ตัวเองผ่อนคลายจากสถานการณ์ที่เพิ่งเจอก่อนหน้านี้แล้วเดินไปยังห้องที่ติดกันกับห้องที่หมอภีร์เดินหายเข้าไปก่อนหน้านี้ว้าย!อ้อมดาวตกใจตื่นในตอนเช้าพร้อมรีบดิ้นจะลุกลงจากเตียง แต่ถูกแขนแข็งแรงของคนฉวยโอกาสกอดรั้งไว้“ขอความอบอุ่นอีกสักพักได้ไหมดาว”น้ำเสียงทุ้มดังแผ่วกับลำคอระหง ตอนนี้หมอภีร์นอนกอดเธอบนเตียงและกำลังซุกหน้ากับคอของเธอ“หมอภีร์เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ และทะ...ทำไมกอดดาว”อ้อมดาวนอนเกร็งไม่กล้าขยับตัวเมื่อเขากอดแน่นขึ้นกว่าเดิม“ฉันนอนไม่หลับ และเมื่อคืนก็เคาะประตูห้องแล้วก่อนจะเข้ามา แต่เธอก็หลั
เขาพูดพร้อมชี้มือไปทางประตูห้องรับแขกที่ไม่เคยมีแขกแวะมาพักผ่อนสักครั้ง เพราะเขาไม่ชอบให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัว แต่กับเด็กสาวอ้อมดาวคนนี้ เธอไม่ใช่คนนอก แต่เธอเป็นครอบครัวของเขา เพราะเขาเองก็เป็นครอบครัวของเด็กสาวเช่นกัน“งั้นดาวไปนอนก่อนนะคะ ถ้าหมอภีร์จะเอาอะไรปลุกเรียกใช้ดาวได้เลยนะคะ”หึ! ภีร์ไม่ตอบแต่แค่นขำในลำคอแทนแล้วยกมือขึ้นเสยผมที่ตกลงมาปิดหน้าผากตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินไปยังอีกห้องที่เป็นห้องส่วนตัว ส่วนสาวน้อยพอเจ้าของห้องเดินจากไปแล้วก็ยกมือขึ้นทาบอกเป่าปากให้ตัวเองผ่อนคลายจากสถานการณ์ที่เพิ่งเจอก่อนหน้านี้แล้วเดินไปยังห้องที่ติดกันกับห้องที่หมอภีร์เดินหายเข้าไปก่อนหน้านี้ว้าย!อ้อมดาวตกใจตื่นในตอนเช้าพร้อมรีบดิ้นจะลุกลงจากเตียง แต่ถูกแขนแข็งแรงของคนฉวยโอกาสกอดรั้งไว้“ขอความอบอุ่นอีกสักพักได้ไหมดาว”น้ำเสียงทุ้มดังแผ่วกับลำคอระหง ตอนนี้หมอภีร์นอนกอดเธอบนเตียงและกำลังซุกหน้ากับคอของเธอ“หมอภีร์เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ และทะ...ทำไมกอดดาว”อ้อมดาวนอนเกร็งไม่กล้าขยับตัวเมื่อเขากอดแน่นขึ้นกว่าเดิม“ฉันนอนไม่หลับ และเมื่อคืนก็เคาะประตูห้องแล้วก่อนจะเข้ามา แต่เธอก็หลั
อ้อมดาวบอกกับป้าดูแลหอพักนักศึกษาว่าญาติไม่สบาย ท่านอยู่คนเดียวไม่มีใครดูแล เธอจึงจำเป็นต้องออกจากห้องเวลานี้ พอมาถึงร้านก็โทรหาหมอภีร์ รอไม่นานคนตัวโตสูงใหญ่ก็เดินเซออกมาหาตนเอง เขาเมาแล้วและดีที่เขาโทรหาเธอ ไม่ขับรถกลับเอง “หมอภีร์” ร่างเล็กในเสื้อยืด กางเกงยีนส์ขากระบอกวิ่งไปโอบประคองร่างใหญ่ที่เดินโซซัดโซเซออกมาจากร้านด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าไม่ได้เจอกันนานสองปี แต่อ้อมดาวก็จำรูปพรรณสัณฐานของภีร์ได้ดี เขายังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จะเปลี่ยนแปลงก็แต่อายุที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น “ดาว...” ภีร์ทิ้งน้ำหนักให้คนตัวเล็กประคองตัวเองเดิน เพียงแค่ได้ยินเสียง เขาก็จำได้ เพราะเขาได้ยินมันทุกวัน น้ำเสียงเล็กหวานนี้ “ดาวเองค่ะหมอภีร์ กลับกันนะคะ คอนโดหมอภีร์อยู่ไหนคะ ดาวจะพานั่งแท็กซี่กลับ” เพราะคุยกันทุกวัน เธอจึงรู้ว่าเขาอาศัยอยู่คอนโดกับห้องพักที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้เป็นส่วนใหญ่ “คอนโดอยู่...” เขาบอกเธอขณะถูกดึงลากเดินไปเรียกรถแท็กซี่ที่กำลังแล่นเข้ามาจอดส่งลูกค้าพอดี ซึ่งเป็นจังหวะพอดีทำให้ไม่ต้องประคองคนตัวโตนาน เพราะเขาตัวหนักเหลือเกิน พออ้อมดาวได้แท็
ปึก! พอกลับมาห้องทำงานก็ทุบมือกับโต๊ะทำงานด้วยความขุ่นเคือง ภาพของแม่และลูกเลี้ยงของแม่ มันทำให้เขาหงุดหงิดโมโหจนต้องกำมือแน่นเข้าหากัน ไรอันเป็นใครกัน ทำไมถึงมาแย่งแม่ไปจากเขากับน้องชาย เมื่อแม่เลือกครอบครัวใหม่แล้ว ทำไมต้องกลับมายุ่งวุ่นวายกับเขาอีกเล่า แอค! ประตูห้องทำงานเปิดผลักเข้ามาทำให้เขาหันขวับไปมองคนที่เปิดเข้ามา “ผู้หญิงคนนั้นก็มาหาพี่เหมือนกันเหรอ?” ธีร์ น้องของเขานั่นเองเปิดผลักเข้ามา เขาและน้องชายเป็นหมอประจำโรงพยาบาลเดียวกัน “ไปหาแกเหมือนกัน?” “อือ...ไปรอผมที่ห้องทำงานเลยแหละ” “ทำไมต้องกลับมา ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำหน้าที่แม่” “นั่นดิ กลับมาเรียกร้องความเป็นแม่จากเราทำไม ตัวเองก็มีลูกเลี้ยงอยู่แล้ว จะมายุ่งอะไรกับเราก็ไม่รู้” ธีร์เห็นด้วยกับพี่ชาย “ไปดื่มกันไหม” “ไปดิพี่” “ออกเวรพอดี แกล่ะธีร์” “เหมือนกันครับ” “งั้นก็ไปเปลี่ยนชุดเถอะ พี่ก็จะเปลี่ยนชุดเหมือนกัน” “อือ...ผมจะบอกพี่ว่าค่าจ้างพยาบาลพิเศษที่ดูแลพ่อที่บ้าน ผมจ่ายแล้วนะเดือนนี้ และค่าเด็กรับใช้ คนสวน คนขับรถ แม่คร
ตลอดเวลาหลายปีได้ยินแต่เสียงทุ้มอ่อนโยนส่งมาในสาย วันนี้เธอจะได้เจอหน้าของเขาอีกครั้ง จำได้ครั้งแรกที่เจอกันว่าเขาอ่อนโยนมากแค่ไหน ก็หลังจากที่เจอกันครั้งแรกที่โรงเรียนครั้งนั้น นายแพทย์หนุ่มภีร์ กุมารเวชศาสตร์ วัย 39 ปี ในปีนั้นนายแพทย์หนุ่มอายุ 30 ปี ได้เดินทางไปออกหน่วยแพทย์อาสาที่จังหวัดกำแพงเพชร ในวันนั้นเขาก็ได้รู้และได้ฟังเรื่องราวของเธอที่กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก อาศัยอยู่กับคุณยายตั้งแต่จำความได้ และในตอนนั้นอ้อมดาวเพิ่งอายุได้เก้าขวบ จนเมื่อสองปีก่อนคุณยายได้จากไป อ้อมดาวหรือดาว สาวน้อยวัย 18 ปี จึงเหลือตัวคนเดียวในโลก แต่หมอภีร์ไม่ได้ปล่อยให้เธอโดดเดี่ยว จากเคว้งคว้างไร้ที่พึ่งพิงก็มีมืออ่อนโยนของคุณหมอแสนดีเข้ามาช่วยเหลือรับอุปการะเธอตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน จากที่เคยเป็นแค่เจ้าของเงินทุนส่งเธอเรียน ตอนนี้เขาขยับมาเป็นผู้ปกครองเต็มขั้น สาวน้อยไร้เดียงสาได้สอบเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐในกรุงเทพฯ เพื่อจะได้มาอยู่ใกล้ผู้มีพระคุณและตอบแทนหมอภีร์ที่เมตตาเด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรอย่างตนเอง สาวน้อยยืนส่องกระจกร้านอาหารอยู่หน้าร้านอาหารที่นัดกับผู้มีพระคุณ ใจสาวน้อยทั