ตลอดเวลาหลายปีได้ยินแต่เสียงทุ้มอ่อนโยนส่งมาในสาย วันนี้เธอจะได้เจอหน้าของเขาอีกครั้ง จำได้ครั้งแรกที่เจอกันว่าเขาอ่อนโยนมากแค่ไหน ก็หลังจากที่เจอกันครั้งแรกที่โรงเรียนครั้งนั้น นายแพทย์หนุ่มภีร์ กุมารเวชศาสตร์ วัย 39 ปี ในปีนั้นนายแพทย์หนุ่มอายุ 30 ปี ได้เดินทางไปออกหน่วยแพทย์อาสาที่จังหวัดกำแพงเพชร ในวันนั้นเขาก็ได้รู้และได้ฟังเรื่องราวของเธอที่กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก อาศัยอยู่กับคุณยายตั้งแต่จำความได้ และในตอนนั้นอ้อมดาวเพิ่งอายุได้เก้าขวบ จนเมื่อสองปีก่อนคุณยายได้จากไป อ้อมดาวหรือดาว สาวน้อยวัย 18 ปี จึงเหลือตัวคนเดียวในโลก แต่หมอภีร์ไม่ได้ปล่อยให้เธอโดดเดี่ยว จากเคว้งคว้างไร้ที่พึ่งพิงก็มีมืออ่อนโยนของคุณหมอแสนดีเข้ามาช่วยเหลือรับอุปการะเธอตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน จากที่เคยเป็นแค่เจ้าของเงินทุนส่งเธอเรียน ตอนนี้เขาขยับมาเป็นผู้ปกครองเต็มขั้น
สาวน้อยไร้เดียงสาได้สอบเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐในกรุงเทพฯ เพื่อจะได้มาอยู่ใกล้ผู้มีพระคุณและตอบแทนหมอภีร์ที่เมตตาเด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรอย่างตนเอง สาวน้อยยืนส่องกระจกร้านอาหารอยู่หน้าร้านอาหารที่นัดกับผู้มีพระคุณ ใจสาวน้อยทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจที่จะได้เจอ จากที่ได้ยินแต่เสียงทุ้มอ่อนโยนมาตลอดสองปี
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
เสียงสั่นเตือนในกระเป๋าสะพายใบเล็กดังขึ้น เธอจึงรีบล้วงหยิบออกมากดรับสายเมื่อปลายสายเป็นหมอภีร์
“ค่ะ หมอภีร์”
“ขอโทษด้วยนะดาว วันนี้ฉันไปตามนัดไม่ได้แล้ว ทั้งๆ ที่เป็นคนนัดเธอแท้ๆ เด็กน้อย” ปลายสายส่งเสียงเครียดกลับมาในสายทำเอาใบหน้ายิ้มแย้มตื่นเต้นของสาวน้อยนั้นบิดบึ้งเสียใจ แต่ก็แสร้งยิ้มตอบกลับคนในสายไป
“ไม่เป็นไรค่ะหมอภีร์”
“ขอโทษเธอด้วยนะเด็กน้อย ไว้ครั้งหน้าฉันจะนัดอีกครั้งและไม่ผิดนัดแน่นอน”
“ไม่เป็นไรค่ะหมอภีร์ ดาวดีใจนะคะที่หมอภีร์โทรมาบอกดาว”
“ขอโทษอีกครั้งนะ แค่นี้นะเด็กน้อย”
“ค่ะ หมอภีร์”
แล้วเธอก็กดวางสายจากคุณหมอหนุ่ม ส่องกระจกหน้าร้านอาหารแล้วก็ถอนหายใจดังเดินห่างออกจากร้านด้วยใจที่ห่อเหี่ยว
ภีร์เพิ่งเสร็จจากงานลงเวรจะอาบน้ำแต่งตัวไปหาสาวน้อยตามนัด แต่ก็ต้องมาสะดุดเมื่อเจอกับผู้หญิงตรงหน้าและข้างๆ ก็มีชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตนเองหลายปี ปากหนาเม้มแน่นตั้งใจจะเดินผ่านไม่ทักทาย แต่มือเหี่ยวย่นนั้นก็เอื้อมมาคว้าจับข้อมือหนาของเขารั้งไว้
“ภีร์” น้ำเสียงอ่อนโยนแหบแห้งตามวัยเอ่ยเรียกชื่อบุตรชายที่ไม่เจอกันนานหลายปี แต่ก็ถูกลูกชายสะบัดมือทิ้งออกอย่างรังเกียจ
“อย่ามาแตะต้องผม และโปรดเรียกผมคุณภีร์ด้วยครับคุณผู้หญิง เราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นจะเรียกชื่อเฉยๆ แบบนี้” น้ำเสียงห้วนแข็งดังลอดออกจากริมฝีปากหนาสีชมพูสุขภาพดี
“เฮ้! พี่พูดแบบนี้กับแม่ได้ยังไง” คนที่ยืนข้างหญิงแก่เอ่ยขึ้นพร้อมเดินมาผลักอกของเขาด้วยอารมณ์ และเขาก็ทำเพียงแค่ปัดหน้าอกตัวเองตรงที่อีกฝ่ายแตะสัมผัสออกด้วยท่าทางรังเกียจ
“ใครพี่นาย ฉันมีน้องคนเดียวคือธีร์ อีกอย่างฉันไม่มีแม่ แม่ที่ทิ้งลูกตัวเองไปเลี้ยงลูกติดผัวใหม่ ฉันไม่เอามาเป็นแม่หรอกนะ และอย่ามาวุ่นวายกับชีวิตฉันอีก พาแม่ของนายกลับไปได้แล้ว” พูดจบหมอภีร์ก็เดินจากไป ไม่สนใจคนเป็นแม่ ส่วนญาดาพอได้ฟังคำพูดของลูกชายแล้วก็จุกเจ็บในอกจนน้ำตาไหลรื้นออกมาจนลูกเลี้ยงอย่างไรอันเข้ามาโอบประคองกลัวว่าแม่จะล้มทรุดไปกับพื้น
“กลับกันเถอะครับแม่” ไรอันหนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษเอ่ย
“แม่อยากคุยกับพี่เขาอีกหน่อยไรอัน”
“แต่เขาไม่อยากคุยกับเรา เขาไม่นับเราเป็นครอบครัวด้วยซ้ำ” ไรอันเอ่ย
“พี่เขาเกลียดแม่ และธีร์ก็เกลียดแม่ด้วย อึก! ฮือ...” นางเอ่ยเสียงสั่นเครือ
“วันนี้กลับบ้านก่อนเถอะครับ”
ไรอันรู้ว่าแม่เลี้ยงของตัวเองรักและคิดถึงลูกชายทั้งสองมาตลอด ตอนนี้เขาและแม่เลี้ยงก็ได้เดินทางมาอยู่ไทยเพื่อดูแลอดีตสามีของแม่เลี้ยงที่กำลังป่วยโรคไต ท่านได้รับการฟอกไตและต้องมีคนคอยดูแล และแม่เลี้ยงก็เป็นญาติเพียงคนเดียวของท่านที่เหลือ เขาและพ่อก็เข้าใจจึงให้ท่านกลับมาดูแลอดีตสามีโดยมีเขาตามมาช่วยดูแลด้วยและก็นึกสงสารท่าน เพราะลูกชายทั้งสองคนไม่มาดูดำดูดีแม้ว่าท่านจะป่วยก็ยังปล่อยให้ท่านอยู่บ้านคนเดียว ส่วนพ่อของเขาไม่ได้มาอยู่ด้วยจะเทียวไปเทียวมาเพราะธุรกิจอยู่ทางนั้นขาดพ่อไม่ได้
“อือ...พาแม่กลับเถอะไรอัน”
ที่มาวันนี้เพราะรอเจอลูกที่บ้านไม่ไหว ตั้งแต่กลับมาอยู่เมืองไทยได้สองเดือน ลูกชายก็ไม่เคยกลับไปบ้านสักครั้งจนต้องมาเจอที่โรงพยาบาล ส่วนลูกชายคนเล็กก็ไม่ต่างกันกับพี่ชาย นางรู้ว่าตอนจากไปนางทำให้ภีร์และธีร์เสียใจ นางกับอดีตสามีเป็นแม่และพ่อที่แย่สำหรับทั้งสองจึงทำให้ทั้งสองโตมาเป็นคนแข็งกร้าวแบบทุกวันนี้
“ครับ” แล้วไรอันก็โอบประคองพาแม่เลี้ยงของตนเดินออกจากตรงนี้เพื่อจะกลับบ้าน
ปึก! พอกลับมาห้องทำงานก็ทุบมือกับโต๊ะทำงานด้วยความขุ่นเคือง ภาพของแม่และลูกเลี้ยงของแม่ มันทำให้เขาหงุดหงิดโมโหจนต้องกำมือแน่นเข้าหากัน ไรอันเป็นใครกัน ทำไมถึงมาแย่งแม่ไปจากเขากับน้องชาย เมื่อแม่เลือกครอบครัวใหม่แล้ว ทำไมต้องกลับมายุ่งวุ่นวายกับเขาอีกเล่า แอค! ประตูห้องทำงานเปิดผลักเข้ามาทำให้เขาหันขวับไปมองคนที่เปิดเข้ามา “ผู้หญิงคนนั้นก็มาหาพี่เหมือนกันเหรอ?” ธีร์ น้องของเขานั่นเองเปิดผลักเข้ามา เขาและน้องชายเป็นหมอประจำโรงพยาบาลเดียวกัน “ไปหาแกเหมือนกัน?” “อือ...ไปรอผมที่ห้องทำงานเลยแหละ” “ทำไมต้องกลับมา ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำหน้าที่แม่” “นั่นดิ กลับมาเรียกร้องความเป็นแม่จากเราทำไม ตัวเองก็มีลูกเลี้ยงอยู่แล้ว จะมายุ่งอะไรกับเราก็ไม่รู้” ธีร์เห็นด้วยกับพี่ชาย “ไปดื่มกันไหม” “ไปดิพี่” “ออกเวรพอดี แกล่ะธีร์” “เหมือนกันครับ” “งั้นก็ไปเปลี่ยนชุดเถอะ พี่ก็จะเปลี่ยนชุดเหมือนกัน” “อือ...ผมจะบอกพี่ว่าค่าจ้างพยาบาลพิเศษที่ดูแลพ่อที่บ้าน ผมจ่ายแล้วนะเดือนนี้ และค่าเด็กรับใช้ คนสวน คนขับรถ แม่คร
อ้อมดาวบอกกับป้าดูแลหอพักนักศึกษาว่าญาติไม่สบาย ท่านอยู่คนเดียวไม่มีใครดูแล เธอจึงจำเป็นต้องออกจากห้องเวลานี้ พอมาถึงร้านก็โทรหาหมอภีร์ รอไม่นานคนตัวโตสูงใหญ่ก็เดินเซออกมาหาตนเอง เขาเมาแล้วและดีที่เขาโทรหาเธอ ไม่ขับรถกลับเอง “หมอภีร์” ร่างเล็กในเสื้อยืด กางเกงยีนส์ขากระบอกวิ่งไปโอบประคองร่างใหญ่ที่เดินโซซัดโซเซออกมาจากร้านด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าไม่ได้เจอกันนานสองปี แต่อ้อมดาวก็จำรูปพรรณสัณฐานของภีร์ได้ดี เขายังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จะเปลี่ยนแปลงก็แต่อายุที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น “ดาว...” ภีร์ทิ้งน้ำหนักให้คนตัวเล็กประคองตัวเองเดิน เพียงแค่ได้ยินเสียง เขาก็จำได้ เพราะเขาได้ยินมันทุกวัน น้ำเสียงเล็กหวานนี้ “ดาวเองค่ะหมอภีร์ กลับกันนะคะ คอนโดหมอภีร์อยู่ไหนคะ ดาวจะพานั่งแท็กซี่กลับ” เพราะคุยกันทุกวัน เธอจึงรู้ว่าเขาอาศัยอยู่คอนโดกับห้องพักที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้เป็นส่วนใหญ่ “คอนโดอยู่...” เขาบอกเธอขณะถูกดึงลากเดินไปเรียกรถแท็กซี่ที่กำลังแล่นเข้ามาจอดส่งลูกค้าพอดี ซึ่งเป็นจังหวะพอดีทำให้ไม่ต้องประคองคนตัวโตนาน เพราะเขาตัวหนักเหลือเกิน พออ้อมดาวได้แท็
เขาพูดพร้อมชี้มือไปทางประตูห้องรับแขกที่ไม่เคยมีแขกแวะมาพักผ่อนสักครั้ง เพราะเขาไม่ชอบให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัว แต่กับเด็กสาวอ้อมดาวคนนี้ เธอไม่ใช่คนนอก แต่เธอเป็นครอบครัวของเขา เพราะเขาเองก็เป็นครอบครัวของเด็กสาวเช่นกัน“งั้นดาวไปนอนก่อนนะคะ ถ้าหมอภีร์จะเอาอะไรปลุกเรียกใช้ดาวได้เลยนะคะ”หึ! ภีร์ไม่ตอบแต่แค่นขำในลำคอแทนแล้วยกมือขึ้นเสยผมที่ตกลงมาปิดหน้าผากตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินไปยังอีกห้องที่เป็นห้องส่วนตัว ส่วนสาวน้อยพอเจ้าของห้องเดินจากไปแล้วก็ยกมือขึ้นทาบอกเป่าปากให้ตัวเองผ่อนคลายจากสถานการณ์ที่เพิ่งเจอก่อนหน้านี้แล้วเดินไปยังห้องที่ติดกันกับห้องที่หมอภีร์เดินหายเข้าไปก่อนหน้านี้ว้าย!อ้อมดาวตกใจตื่นในตอนเช้าพร้อมรีบดิ้นจะลุกลงจากเตียง แต่ถูกแขนแข็งแรงของคนฉวยโอกาสกอดรั้งไว้“ขอความอบอุ่นอีกสักพักได้ไหมดาว”น้ำเสียงทุ้มดังแผ่วกับลำคอระหง ตอนนี้หมอภีร์นอนกอดเธอบนเตียงและกำลังซุกหน้ากับคอของเธอ“หมอภีร์เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ และทะ...ทำไมกอดดาว”อ้อมดาวนอนเกร็งไม่กล้าขยับตัวเมื่อเขากอดแน่นขึ้นกว่าเดิม“ฉันนอนไม่หลับ และเมื่อคืนก็เคาะประตูห้องแล้วก่อนจะเข้ามา แต่เธอก็หลั
ภพมองอดีตภรรยาที่ตอนนี้กลายมาเป็นเพื่อนและน้องสาวของตนเอง แม้จะเลิกราแยกทางกันไปจนญาดาแต่งงานใหม่ แต่ญาดาก็ไม่ได้มีลูกใหม่ เธอมีลูกกับตนแค่สองคนคือภีร์กับธีร์ ลูกชายทั้งสองเจริญรอยตามเป็นหมอเหมือนตนเอง ส่วนหนุ่มลูกครึ่งข้างๆ อดีตภรรยานั้นคือลูกเลี้ยง ลูกติดของสามีญาดา “กินไข่ต้มและนึ่งปลาแล้วก็ผักต้มนะคะคุณภพ” ญาดาบอกอดีตสามีเมื่อพยาบาลพิเศษเข็นรถเข็นพามาในห้องรับประทานอาหาร “ขอบใจนะญาดาที่เสียสละเวลาตัวเองมาอยู่ดูแลกันตั้งแต่ฉันป่วย” “เราคือครอบครัวเดียวกันนะคุณภพ ถึงเราจะเลิกกัน แต่ใช่ว่าเราจะเป็นคนอื่น” “อือ...เมื่อวานคนขับรถบอกว่าคุณไปหาลูกที่โรงพยาบาลมา” “ครับ คุณลุง เมื่อวานผมพาคุณแม่ไปหาพี่ภีร์กับพี่ธีร์” เป็นไรอันที่ตอบแทนแม่เลี้ยง “ดูจากสีหน้าของคุณแล้วคงไม่ดีเท่าไหร่ใช่ไหมญาดา”ภพเอ่ยเสียงเนิบนาบตามวัย ตอนนี้ก็อายุใกล้จะเจ็ดสิบปี แถมยังมามีโรคตอนแก่อีกต่างหาก ภพจะเจอลูกทั้งสองเฉพาะวันไปฟอกไตที่โรงพยาบาลเท่านั้น ส่วนบ้านน่ะเหรอ ลูกชายทั้งสองไม่กลับมานานแล้ว และเขารู้ดีว่าเพราะอะไร ภีร์และธีร์ถึงไม่กลับมาเหยียบบ้านหลังใหญ่หลังนี
“ทำไมหมอภีร์จุ๊บหน้าผากดาวอีกแล้วคะ” ภีร์หยุดเท้าที่กำลังจะเดินพ้นประตูห้องแล้วเอี้ยวหน้าหันมามองอ้อมดาว “จองไว้” แล้วเขาก็หมุนเอี้ยวหน้าเดินต่อ ส่วนคำตอบของนายแพทย์หนุ่มก็ดังก้องในหัวจนสาวน้อยทำงานตรงหน้าต่อไม่ไหว “จองไว้? จองไว้แบบไหน หมอภีร์คงไม่ใช่ ไม่หรอกดาว” แล้วเธอก็ล้มตัวดิ้นกลิ้งไปกับพื้นพรมของห้องหยิบเสื้อผ้ามาโยนขึ้นกลางอากาศให้หล่นใส่ตัวเอง แม้เฝ้าบอกตัวเองให้เจียมตัวเจียมใจ แต่ก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าหมอภีร์มีใจปรารถนาตนเองเช่นกันหนึ่งอาทิตย์กับการมีอ้อมดาวมาอาศัยอยู่ด้วย มันไม่ได้ทำให้นายแพทย์หนุ่มรำคาญตาเลยสักนิดกับการตื่นเช้ามาเจอเธอทำมื้อเช้าให้ตัวเอง และมันทำให้อยากกลับมาที่คอนโดทุกวันหลังลงเวรแล้ว ถ้าไม่ง่วงมากก็จะกลับมาที่คอนโด ถ้าขับรถไม่ไหวจะนอนค้างที่โรงพยาบาล“หอมจัง ทำอะไรให้ฉันทานเด็กน้อย”“เช้
ธีร์มองจ้องพี่ชายแล้วก็ยกยิ้ม พี่ชายเอาแต่จ้องจอโทรศัพท์และดูโทรศัพท์ ไม่สนใจน้องชายอย่างตน แปลก...คนไม่ติดโทรศัพท์อย่างพี่ชายตอนนี้ติดแทบไม่ให้ห่างมือตนเอง สายตาก็คอยจับจ้องหน้าจอเหมือนกำลังรอคอยใครบางคนส่งข้อความหรือโทรเข้า “มือถือมีอะไรดีรึเปล่านะ พี่ชายผมถึงเอาแต่จ้องไม่วางตา” ธีร์เอ่ยและนั่นทำให้พี่ชายเอนตัวพิงพนักเก้าอี้เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง “ก็ดูหุ้นทั่วไป” เขาตอบแล้วหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาจิบดื่ม “พี่อยากกินอะไรสั่งได้เลย มื้อนี้พี่จ่ายอยู่แล้ว” “นายสั่งเถอะ พี่ยังไงก็ได้” “งั้นผมจะสั่งง่ายๆ แล้วกัน กับข้าวสักสามอย่างก็พอ ทานกันสองคนเอง” “แล้วแต่นาย”&
มันก็แค่ปากสัมผัสกันแผ่วเบา ไม่ได้ดุดันแม้ใจอยากจะดุดันดุนดันปลายลิ้นร้อนเข้าไปควานกลืนกินความหวานในโพรงปากน้อยของสาวเจ้าก็เถอะ แต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้เพื่อไม่ให้ทุกอย่างมันเลยเถิดไปมากกว่านี้ แค่ได้สัมผัสแตะเนื้อต้องตัวอ้อมดาวเล็กๆ น้อยๆ เขาก็มีความสุขมากแล้ว และกลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะหักห้ามใจไม่ไหวปลุกปล้ำสาวน้อยร่วมคอนโดด้วย แม้ใจอยากจะทำมากก็ตามตอนนี้ “ให้ตายเถอะไอ้ภีร์” เขาบ่นว่าตัวเองเมื่อทำเรื่องไม่ควรกับสาวน้อยแล้วเดินหนีจากมาในห้องและพอก้มมองความเป็นบุรุษของตัวเองก็ต้องขบกรามแน่นเมื่อมันกำลังผงาดคับแน่นเป้ากางเกงจนปวดร้าว “ให้มันได้แบบนี้สิ หรือว่านานแล้วที่เราไม่ได้ปลดปล่อยเลยอารมณ์เปลี่ยวคิดไม่ดีกับดาว”จากจะอาบน้ำนอนก็เดินออกจากห้องนอนออกไปข้างนอกอีกครั้ง ยังไงเสียพรุ่งนี้ก็วันหยุด เขาต้องปลดปล่อยมัน จะให้ใช้อุ้งมือทั้งสองมันก็น่าสมเพชเกินไปที่จะทำ “มะ
ออกจากบ้านหลังใหญ่ก็กลับมาคอนโดมาดื่มที่คอนโดคนเดียว เพราะน้องชายต้องไปทำธุระส่วนตัวต่อจึงไม่ได้ไปดื่มด้วยกัน และทางที่ดีที่สุด ดื่มเมาที่ห้องก็หลับที่ห้อง ปลอดภัย ไม่เดือดร้อนคนอื่นด้วย ภีร์กระดกดื่มทั้งขวด ไม่สนใจรินใส่แก้ว ดื่มอึกใหญ่จนสาวน้อยที่แอบมองอยู่เดินเข้ามาหา เพราะตั้งแต่กลับมาสีหน้าของหมอภีร์เคร่งเครียดกังวล แต่ก็ไม่กล้าถามด้วยกลัวว่าเขาจะโกรธ เอาแต่ดื่มแบบนี้เธอก็ไม่ไหว เธอเป็น ‘ห่วง’ เขา “หยุดดื่มได้แล้วค่ะหมอภีร์” เธอเดินมานั่งลงข้างๆ พร้อมแย่งขวดบรั่นดีในมือหนามาถือไว้ “เอามาให้ฉันดาว” เขายื่นมือไปหมายจะแย่งมาดื่มต่อ แต่มือน้อยก็ขยับดึงมันไปซ่อนไว้ด้านหลังแทน “เป็นอะไรคะหมอภีร์ ทำไมดื่มเวลานี้ มีเรื่องไม่สบายใจรึเปล่าคะ บอกดาวได้นะคะ” สาวน้อยถามด้วยความเป็นห่วง &ldquo
ภีร์วิ่งเข้ามาในห้องน้ำ เขามาส่องกระจกดูตัวเองในห้องน้ำแล้วก็ขบกรามแน่น เมื่อกี้เขาร้องไห้ ร้องไห้เพราะผู้หญิงคนนั้น สองมือกำแน่นเข้าหากันแล้วเปิดน้ำวักน้ำใส่หน้าตัวเองจนเปียกไปทั้งตัวแล้วทุบชกกระจกตรงหน้าตัวเองเมื่อเห็นว่าตนกำลังอ่อนไหวกับคนที่ทิ้งตนไปตอนนั้นตุ้บ!กระจกร้าวแตกเมื่อโดนกำปั้นใหญ่ชกเต็มแรง และกำปั้นของเขาก็แตกไม่ต่างจากกระจกที่ชก เจ็บมือไม่เท่าไหร่ แต่ใจของเขานี่สิ มันเจ็บเหลือเกินตอนนี้ ไม่เข้าใจว่าตัวเองนั้นต้องการอะไรกันแน่“ให้ช่วยไหมครับ?” เสียงของคนที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาเห็นเขาเอ่ยถาม“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะครับ ขอโทษด้วยนะครับ” แล้วเขาก็รีบเดินออกจากห้องน้ำไป ส่วนกระจกที่ร้าวเขาค่อยไปแจ้งให้ฝ่ายช่างมาจัดการ เขาจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นเอง เพราะเขาใช้มันระบายอารมณ์“ภีร์” เมริษาร้องเรียกคนที่กำลังเดินผ่านตนเองรั้งไว้พร้อมกับฉวยโอกาสคว้าจับข้อมือใหญ่ดึงรั้งไว้ให้หยุด“ปล่อยเมย์” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยเสี
จนตอนนี้ผ่านมาสองเดือนแล้วที่ภีร์ไม่แวะมาบ้านหลังใหญ่หลังนี้ ตอนนี้ไรอันกับเจฟ สามีก็พักอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านของอดีตสามี แม้ว่าสามีของนางจะอยากไปพักโรงแรมข้างนอก แต่ภพก็ชักชวนให้เจฟอยู่ด้วยกันที่นี่ เพราะถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว “ขับรถดีๆ นะไรอัน” ญาดาบอกลูกเลี้ยง “ครับ คุณแม่” ไรอันรับคำด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ไปนะที่รัก” เจฟเดินมาก้มหอมแก้มภรรยาที่เดินออกมาส่งตัวเองขึ้นรถจะไปสนามบินกลับประเทศอังกฤษ “เดินทางปลอดภัยนะคะที่รัก ถึงแล้ววิดีโอคอลหาด้วยนะคะ” “ครับ แล้วเจอกันที่รัก” แล้วเจฟก็เดินไปขึ้นรถที่ลูกชายติดเครื่องรอท่าก่อนหน้า “ไปนะครับคุณแม่” ไรอันบอกแม่เลี้ยงแล้วก็ออกตัวเคลื่อนรถพาพ่อไปยังส
“ชูว์...ไม่ร้องนะเด็กดีของหมอ ไม่ร้องนะ ใครเขาจะไปกัน เมียอยู่นี่ก็ต้องอยู่กับเมียสิ ฉันรู้ว่าเมย์ต้องพูดอะไรกับเธอถึงได้แกล้งพูดให้เธอหึงฉัน ไม่ได้ตั้งใจจะให้ร้องไห้สักหน่อย ไม่ร้องนะเด็กดี โอ๋เอ๋...” ภีร์ดึงคนขี้แยเข้ามากอดปลอบ “อึก! หมอภีร์รู้ไหมคะว่าหมอเมย์จะแย่งหมอภีร์ ถ้าดาวเผลอ” เธอสะอื้นดังกว่าเดิมพร้อมกอดคนตัวโตแน่นราวกับว่าเขาจะหายไปจากตน “ไม่มีใครมาแย่งฉันไปจากดาว นอกจากฉันจะไปของฉันเอง เชื่อใจฉันได้ ฉันเลือกดาวแล้วก็ต้องเป็นดาวเท่านั้นที่ฉันจะอยู่ด้วย เนี่ยสินะเขาว่าฮอร์โมนคุณแม่ เริ่มคิดมากเริ่มกังวลแล้ว” เขาบอกคนตัวเล็กแล้วดันอ้อมดาวออกจากอกแล้วก้มลงจุ๊บเปลือกตาสวยที่หลับร้องไห้อยู่ “คงจะจริงค่ะ ดาวไม่ได้อยากจะขี้แยงี่เง่ากับหมอภีร์ แต่ดาวห้ามตัวเองไม่ได้ อึก! ฮือ...” “ฉันรู้ว่าดาวของฉันเป็นเด็กดี มีเหตุผล
ครรภ์แรกของอ้อมดาวตอนนี้อายุได้เจ็ดสัปดาห์แล้ว ไม่ใช่แค่ว่าที่คุณแม่ดีใจ ว่าที่คุณพ่อก็ดีใจและอดจะโทรไปพูดอวดน้องชายไม่ได้ถึงความสำเร็จของตัวเอง ก็ครั้งก่อนน้องชายดูถูกหาว่าตน ‘ไม่มีน้ำยา’ มาดูตอนนี้สิ เขา ‘มีน้ำยา’ และดีมากด้วย “วันนี้ฉันนัดกินข้าวกับธีร์ และอยากแนะนำดาวให้รู้จักธีร์ด้วย เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน” เขาเคยแต่พูดเรื่องน้องชายให้ภรรยาเด็กฟัง แต่ยังไม่เคยพาทั้งสองมาเจอกันสักครั้ง ส่วนธีร์นั้นเคยเห็นอ้อมดาวแล้วหลายครั้งแบบผ่านๆ แต่ก็ไม่ได้ทักทายทำความรู้จักกันแบบจริงจัง “จะดีเหรอคะหมอภีร์” อ้อมดาวถามคนเป็นสามี “ทำไมถึงคิดว่าไม่ดีล่ะ เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว และเธอก็เป็นพี่สะใภ้ของธีร์มันแล้วตอนนี้ ไม่ใช่เด็กในปกครองฉันแล้วนะ เปลี่ยนจากเด็กในปกครองเป็น ‘เมีย’ ในปกครองของฉันแล้ว” ภีร์บอกภรรยาเด็กของตน
“อือ...หมอภีร์เดี๋ยวดาวตกค่ะ”เธอถือแปรงสีฟันแล้วกอดคอหนาแน่นด้วยกลัวว่าตนเองจะพลัดตกหลุดจากอ้อมกอดแข็งแรง แม้รู้ว่าเขาไม่ปล่อยให้ตนมีอันตรายแน่นอน“มีฉันอยู่ไม่ตกหรอก อีกอย่างฉันอุ้มเพราะฉันดีใจ พรุ่งนี้ไปฝากท้องกันนะ แล้วฉันจะไปส่งดาวที่มหา’ลัย”“ค่ะ หมอภีร์”“น่ารัก มีแค่เธอที่ตามใจฉันแบบไม่มีข้อแม้และข้อสงสัยเด็กน้อย” แล้วภีร์ก็ปล่อยคนตัวเล็กยืนเอง“หมอภีร์ออกไปข้างนอกได้แล้วค่ะ ถ้าไม่แปรงฟัน ดาวจะแปรงฟันแล้วรีบนอน”“คืนนี้ขอหน้ากระจกนี้ได้ไหม อยากให้ดาวเห็นหน้าตัวเองตอนโดนฉัน ‘เอา’ น่ะ...นะเด็กดี” เขาลูบผมยาวสลวยคนตัวเล็กตรงหน้าแล้วจับขึ้นมาดมแล้วก้มหน้าซุกไซ้ซอกคอระหงคนยืนหันหลังให้ตัวเองแล้วย่อตัวคุกเข่ากับพื้นแล้วถอดกางเกงนอนตัวบางของอ้อมดาว“อือ...หมอภีร์ ดาวยังไม่ได้อนุญาตเลยนะคะ”“ฉันรู้ว่าลึกๆ แล้วดาวก็อยากลองตรงนี้และอยากเห็นหน้าตัวเองตอนหื่นด้วยใช่ไหมล่ะ”“หมอหื่น
เปิดเรียนวันแรกก็เหนื่อย อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยก็สั่งงานเยอะมาก เหมือนเก็บกด แต่เธอก็ดีใจที่ได้เจอเพื่อนๆ ร่วมคณะเดียวกัน อ้อมดาวเดินออกมาจากตึกเรียนเดินมาหารถยนต์คันหรูที่เจ้าของรถนั่งรออยู่ในรถ พอมาถึงก็เคาะกระจกรถบอกเขาแล้วเขาก็ปลดล็อกแล้วเธอก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ “รัดเข็มขัดให้นะ” ภีร์รัดเข็มขัดนิรภัยให้อ้อมดาว วันนี้วันหยุดเขาจึงมาส่งเธอและมารับเธอกลับบ้านได้ อยากทำหน้าที่สามีไม่ให้เธอรู้สึกน้อยใจ “หมอภีร์รู้ไหม ชุดที่หมอภีร์ให้ดาวใส่ทำให้เพื่อนดาวในคณะหัวเราะ กระโปรงก็ยาวถึงข้อเท้า เสื้อก็ตัวใหญ่หลวมโพรก” “น่ารักดีออก ดีกว่าใส่รัดๆ อีกอย่างดาวเป็นของฉัน เนื้อหนังมังสาให้ฉันดูและสัมผัสได้คนเดียวรู้ไหม” “มันก็เกินไปไหมคะ ปกติดาวก็ไม่ได้ใส่สั้นใส่รัดอยู่แล้ว กระโปรงก็คุมเข่าอยู่แล้ว แต่เนี่ยหมอภีร์ให้ดาวแต่งตัว
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ภีร์เพิ่งถอดชุดกาวน์จะออกเวรกลับไปหาอ้อมดาวก็ต้องหยุดมือที่กำลังจะหยิบจับโทรศัพท์ค้างกลางอากาศแล้วอนุญาตเจ้าของเสียงเคาะประตูหน้าห้อง “เชิญครับ” แล้วเขาก็นั่งลงเก้าอี้ทำงานของตนเองเหมือนเดิม “ภีร์เลิกงานแล้วเหรอ?” “เมย์” เขาเรียกชื่อผู้หญิงที่เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของตนเองอย่างไม่เชื่อสายตาว่าอดีตคู่จิ้นสมัยเรียนของตนเองจะมาอยู่ตรงหน้าตนเอง “เมย์เองค่ะ เมย์ย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลนี้ได้สองวันแล้วว่าจะมาทักภีร์ตั้งแต่เมื่อวาน แต่เมื่อวานภีร์หยุด” หล่อนดึงลากเก้าอี้ตรงข้ามกับนายแพทย์หนุ่มออกนั่งโดยไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน นึกว่าจะทำงานที่อเม’กาไม่กลับมาเมืองไทยซะแล้ว”
สุดท้ายแล้วก็ต้องนอนค้างที่บ้านหลังนี้ เขาออกจากบ้านนี้ไปตอนเรียนมหาวิทยาลัย จนตอนนี้ไม่ได้กลับมานอนที่นี่อีก และวันนี้ก็ต้องได้นอนค้างที่นี่เมื่อฝนตกไม่หยุด ส่วนมื้อเย็นภีร์พาอ้อมดาวทานในห้องครัวพร้อมกับแม่ครัวและสาวใช้ในบ้าน “อย่าทำแบบวันนี้อีกนะคะ รู้ไหมดาวเป็นห่วง” ในความมืดยามดึกอ้อมดาวนอนซบอกแกร่งพร้อมแขนเล็กพาดกอดเอวสอบใต้ผ้าห่ม “ขอโทษ ฉันจะไม่ทำให้เธอเป็นห่วงอีกแล้วดาว แต่วันนี้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้” “และอย่าพูดเรื่อง ‘ตาย’ อีกนะคะ หมอภีร์ไม่อยากอยู่กับดาวแล้วเหรอคะ” “ขอโทษ” “ขอโทษดาวคนเดียวไม่ได้หรอกนะคะ ยังมีคุณพ่อคุณแม่ของหมอภีร์ที่หมอภีร์ต้องขอโทษ...” “ทำไม
ญาดาเจ็บเมื่อลูกชายที่อุ้มท้องเก้าเดือนและเบ่งคลอดเขาออกมามองตนเองเป็นคนนอก แต่ก็ไม่ได้โกรธ เกลียดแต่เสียใจ เสียใจที่ในวันนั้นตนเองจากไปแบบนั้นจนทำให้ลูกชายทั้งสองเข้าใจผิด ถ้าวันนั้นอธิบาย ภีร์กับธีร์คงไม่เข้าใจผิดเกลียดชังตนเองกับอดีตสามีหรืออาจจะเกลียด แต่ก็ไม่ได้มากเท่านี้ แต่เวลานี้แม้แต่หน้าของนาง ลูกชายยังไม่อยากมองด้วยซ้ำ“แล้วจัดงานแต่งงานกันรึยัง” ภพถามลูกชาย เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์จะขัดขวางความ ‘รัก’ ของลูก ตัวเขาดีใจ หวังให้ลูกชายมีครอบครัวที่ ‘สมบูรณ์’ อย่าให้เดินตามรอยของตนเองและแม่ของเขา“ยังครับ ผมจะรอให้ดาวเรียนจบก่อน แต่เราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว” ภีร์เอ่ย“อือ...งั้นวันนี้ก็อยู่ทานข้าวด้วยกัน ถือว่าเป็นการเลี้ยงฉลองให้กับชีวิตคู่ของแก” คนเป็นพ่อเอ่ย“นะลูก อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันนะภีร์” เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองควรอยู่ตรงไหน ไม่ควรออกความคิดเรื่องส่วนตัวของลูกชายให้เกลียดชังตนไปมากกว่านี้ แต่ก็อดจะเอ่ยชวนภีร์อยู่ทาน