อ้อมดาวบอกกับป้าดูแลหอพักนักศึกษาว่าญาติไม่สบาย ท่านอยู่คนเดียวไม่มีใครดูแล เธอจึงจำเป็นต้องออกจากห้องเวลานี้ พอมาถึงร้านก็โทรหาหมอภีร์ รอไม่นานคนตัวโตสูงใหญ่ก็เดินเซออกมาหาตนเอง เขาเมาแล้วและดีที่เขาโทรหาเธอ ไม่ขับรถกลับเอง
“หมอภีร์” ร่างเล็กในเสื้อยืด กางเกงยีนส์ขากระบอกวิ่งไปโอบประคองร่างใหญ่ที่เดินโซซัดโซเซออกมาจากร้านด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าไม่ได้เจอกันนานสองปี แต่อ้อมดาวก็จำรูปพรรณสัณฐานของภีร์ได้ดี เขายังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จะเปลี่ยนแปลงก็แต่อายุที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น
“ดาว...” ภีร์ทิ้งน้ำหนักให้คนตัวเล็กประคองตัวเองเดิน เพียงแค่ได้ยินเสียง เขาก็จำได้ เพราะเขาได้ยินมันทุกวัน น้ำเสียงเล็กหวานนี้
“ดาวเองค่ะหมอภีร์ กลับกันนะคะ คอนโดหมอภีร์อยู่ไหนคะ ดาวจะพานั่งแท็กซี่กลับ” เพราะคุยกันทุกวัน เธอจึงรู้ว่าเขาอาศัยอยู่คอนโดกับห้องพักที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้เป็นส่วนใหญ่
“คอนโดอยู่...” เขาบอกเธอขณะถูกดึงลากเดินไปเรียกรถแท็กซี่ที่กำลังแล่นเข้ามาจอดส่งลูกค้าพอดี ซึ่งเป็นจังหวะพอดีทำให้ไม่ต้องประคองคนตัวโตนาน เพราะเขาตัวหนักเหลือเกิน พออ้อมดาวได้แท็กซี่และเปิดประตูยัดคนตัวโตเข้าไปในรถแล้ว ตัวเองก็ขึ้นไปนั่งด้วยพร้อมสั่งคนขับรถแท็กซี่ว่าให้ไปส่งที่ไหน
ตุ้บ!
พอพาเข้ามาในห้องแล้ว เธอก็ทิ้งร่างใหญ่ลงกับโซฟารับแขกของห้องชุดคอนโดสุดหรู แน่ใจว่ามันคือคอนโดสำหรับอยู่คนเดียว อ้อมดาวปล่อยคนเมาไม่รู้ความนอนครางพึมพำกับโซฟา ส่วนตัวเองก็ไปยังโซนห้องครัวใหญ่ของห้องชุดแห่งนี้เพื่อนำน้ำเย็นและผ้าเย็นมาเช็ดหน้าให้คนตัวโต
“ทำไมดื่มจนเมาขนาดนี้คะหมอภีร์” เธอเช็ดหน้าให้เขาเมื่อดึงเขานั่งพิงกับพนักโซฟาแล้ว แต่ตายังหลับอยู่
“ผู้หญิงคนนั้นมาหาฉัน”
อ้อมดาวหยุดมือที่กำลังเช็ดใบหน้าทรงเสน่ห์แล้วลดมือมาวางไว้หน้าตักตัวเอง
หมอภีร์ลืมตาขึ้นมองจ้องใบหน้าของเด็กสาวแล้วยื่นมือคว้าหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาดื่มราวกับว่าไม่ได้มีอาการเมาไม่รู้ความเหมือนก่อนหน้านี้ จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เมามากขนาดจะไม่รู้เรื่อง เดินเองไม่ได้และพาตัวเองกลับไม่ได้ แต่เป็นใจเขาต่างหากที่อ่อนแอถึงเป็นเช่นนี้ และมีแค่อ้อมดาวเท่านั้นที่เข้าใจความรู้สึกตน
“ท่านกลับมานานแล้ว ท่านคงอยากเจอหมอภีร์” อ้อมดาวไม่ถามว่า ‘ผู้หญิงคนนั้น’ คือใคร เพราะรู้ดีว่าหมอภีร์หมายถึงมารดาผู้ให้กำเนิด
“แต่ฉันไม่อยากเจอ ทิ้งไปแล้วจะมาวุ่นวายกับฉันทำไม เข้าใจฉันใช่ไหมดาว เข้าใจความรู้สึกตรงนี้ของฉันใช่ไหมเด็กน้อย” เขาจับมือเล็กที่กำผ้าเย็นในมือมาทาบทับแนบอกซ้ายที่กำลังเต้นไหวแรงของตนเอง
“ดาวเข้าใจความเจ็บปวดของหมอภีร์ค่ะ และดาวก็เชื่อว่าหมอภีร์จะทิ้งความเจ็บปวดนี้ได้” มือน้อยอีกข้างยกขึ้นทาบทับหลังมือหนาที่กุมมือตัวเองบนอกแกร่งพร้อมจับบีบให้กำลังใจ
“ไม่ดาว! ไม่มีวันนั้นหรอก ถ้าฉันทิ้งมันไปได้ มันคงไม่ตามมาถึงทุกวันนี้” มือหนานุ่มอีกข้างที่ว่างก็ยกมากุมมือเล็กที่กุมมือตัวเอง
เพราะความใกล้ชิดทางเสียงทุกวันของเขาและเธอทำให้อ้อมดาวไม่รู้สึกหวาดกลัวและตื่นตระหนกกับสัมผัสของนายแพทย์หนุ่ม
“หมอภีร์ดื่มเยอะแล้ว วันนี้ดาวว่าหมอภีร์นอนดีกว่าไหมคะ ว่าแต่ตอนเย็นทานอะไรรึยังคะ เดี๋ยวดาวทำให้ทานแล้วค่อยนอนนะคะ”
“กินกับธีร์แล้ว ว่าแต่ออกมาได้ยังไง ที่หอพักไม่ว่ารึไงฮึ”
แล้วหมอภีร์ก็หันมาสนใจเด็กสาวแทน ตอนนี้ชายหนุ่มจดจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราของสาวน้อยในอุปการะของตนเอง เจอกันครั้งล่าสุดเมื่อสองปีก่อน เธอยังเป็นเด็กน้อยกะโปโล แต่วันนี้เธอโตเป็นสาวแล้วและสวยน่ารักมากด้วย และลักยิ้มตรงแก้มนั่นอีก มันช่างน่ามองเหลือเกิน
“ไม่เจอกันนานสองปี ดาวโตขึ้นเยอะมากนะ” เขาผละมือออกห่างมือเล็กแล้วเปลี่ยนมาเท้าศอกกับขาตัวเองแล้วยกมือเท้าคางมองจ้องหน้าอ้อมดาวโดยละเอียดจนสาวน้อยต้องขยับถอยหนีผู้มีพระคุณ
“ดาวบอกผู้คุมหอพักว่าญาติไม่สบายจำเป็นต้องมาดูแลป้า เขาก็ให้มาค่ะ เราไม่เจอกันสองปี แต่ดาวก็ส่งรูปปัจจุบันให้หมอภีร์ในไลน์ตลอดนี่คะ”
เธอตอบไม่กล้าสบตา ตอนนี้สองแก้มนวลของสาวน้อยวัยสิบแปดเห่อร้อนกับสายตาของหมอหนุ่ม และใจสาวน้อยก็สั่นไหวเต้นแรงผิดจังหวะจนต้องกระเถิบถอยห่างอีก ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจตัวเองที่ดังอย่างกับกลองยาว
“อือ...ก็จริง ฉันเป็นครอบครัวคนเดียวของเธอที่เหลืออยู่ อีกอย่างรูปกับตัวจริงมันไม่เหมือนกัน ตัวจริง ‘น่ารัก’ กว่าเยอะ”
ไม่รู้เพราะแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปก่อนหน้ารึเปล่าถึงทำให้หมอภีร์กำลังเต๊าะเด็กในอุปถัมภ์ของตนเองแบบนี้และไม่ใช่แค่พูด แต่หมอหนุ่มยังขยับตามคนตัวเล็กที่ขยับถอยหนีไปชิดขอบโซฟาด้านหลังและแขนของเขาก็ยกพาดพิงกับพนักพิงหลังของโซฟาจากที่เท้าคางก่อนหน้านี้
“ขอบคุณค่ะหมอภีร์ที่ชมดาว ตอนนี้ดาวว่าหมอภีร์เมามากแล้วและก็ไปนอนดีกว่าไหมคะ ดาวเองก็จะได้กลับหอพักด้วยค่ะ” เธอขยับลุกขึ้นไปยืนข้างโซฟา ก่อนหน้ารู้สึกปลอดภัย ตอนนี้อ้อมดาวไม่ได้รู้สึกเช่นเดิมแล้ว เธอหวาดหวั่นกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตนเองหากยังอยู่ในห้องนี้ลำพังสองต่อสองกับผู้มีพระคุณ และที่กลัวที่สุดคือใจของเธอ เพราะใจของเธอมัน ‘แอบหมายปอง’ ผู้ชายคนนี้มาตั้งแต่แรกเจอแล้ว
“ไหนบอกว่ามาดูแลญาติที่ป่วยไง กลับไปไม่กลัวผู้คุมหอพักถามเหรอ อีกอย่างตอนนี้ก็ดึกมากแล้วจะเรียกรถแท็กซี่ได้เรอะ นอนที่นี่แหละ ที่นี่มีห้องรับแขก อีกอย่างฉันไม่ได้เมาจนดูแลตัวเองไม่ได้ นั่นห้องรับแขกของฉัน ไปนอนเถอะเด็กน้อย พรุ่งนี้ยังมีเรียนตอนบ่ายโมงนี่”
เขาพูดพร้อมชี้มือไปทางประตูห้องรับแขกที่ไม่เคยมีแขกแวะมาพักผ่อนสักครั้ง เพราะเขาไม่ชอบให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัว แต่กับเด็กสาวอ้อมดาวคนนี้ เธอไม่ใช่คนนอก แต่เธอเป็นครอบครัวของเขา เพราะเขาเองก็เป็นครอบครัวของเด็กสาวเช่นกัน“งั้นดาวไปนอนก่อนนะคะ ถ้าหมอภีร์จะเอาอะไรปลุกเรียกใช้ดาวได้เลยนะคะ”หึ! ภีร์ไม่ตอบแต่แค่นขำในลำคอแทนแล้วยกมือขึ้นเสยผมที่ตกลงมาปิดหน้าผากตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินไปยังอีกห้องที่เป็นห้องส่วนตัว ส่วนสาวน้อยพอเจ้าของห้องเดินจากไปแล้วก็ยกมือขึ้นทาบอกเป่าปากให้ตัวเองผ่อนคลายจากสถานการณ์ที่เพิ่งเจอก่อนหน้านี้แล้วเดินไปยังห้องที่ติดกันกับห้องที่หมอภีร์เดินหายเข้าไปก่อนหน้านี้ว้าย!อ้อมดาวตกใจตื่นในตอนเช้าพร้อมรีบดิ้นจะลุกลงจากเตียง แต่ถูกแขนแข็งแรงของคนฉวยโอกาสกอดรั้งไว้“ขอความอบอุ่นอีกสักพักได้ไหมดาว”น้ำเสียงทุ้มดังแผ่วกับลำคอระหง ตอนนี้หมอภีร์นอนกอดเธอบนเตียงและกำลังซุกหน้ากับคอของเธอ“หมอภีร์เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ และทะ...ทำไมกอดดาว”อ้อมดาวนอนเกร็งไม่กล้าขยับตัวเมื่อเขากอดแน่นขึ้นกว่าเดิม“ฉันนอนไม่หลับ และเมื่อคืนก็เคาะประตูห้องแล้วก่อนจะเข้ามา แต่เธอก็หลั
ภพมองอดีตภรรยาที่ตอนนี้กลายมาเป็นเพื่อนและน้องสาวของตนเอง แม้จะเลิกราแยกทางกันไปจนญาดาแต่งงานใหม่ แต่ญาดาก็ไม่ได้มีลูกใหม่ เธอมีลูกกับตนแค่สองคนคือภีร์กับธีร์ ลูกชายทั้งสองเจริญรอยตามเป็นหมอเหมือนตนเอง ส่วนหนุ่มลูกครึ่งข้างๆ อดีตภรรยานั้นคือลูกเลี้ยง ลูกติดของสามีญาดา “กินไข่ต้มและนึ่งปลาแล้วก็ผักต้มนะคะคุณภพ” ญาดาบอกอดีตสามีเมื่อพยาบาลพิเศษเข็นรถเข็นพามาในห้องรับประทานอาหาร “ขอบใจนะญาดาที่เสียสละเวลาตัวเองมาอยู่ดูแลกันตั้งแต่ฉันป่วย” “เราคือครอบครัวเดียวกันนะคุณภพ ถึงเราจะเลิกกัน แต่ใช่ว่าเราจะเป็นคนอื่น” “อือ...เมื่อวานคนขับรถบอกว่าคุณไปหาลูกที่โรงพยาบาลมา” “ครับ คุณลุง เมื่อวานผมพาคุณแม่ไปหาพี่ภีร์กับพี่ธีร์” เป็นไรอันที่ตอบแทนแม่เลี้ยง “ดูจากสีหน้าของคุณแล้วคงไม่ดีเท่าไหร่ใช่ไหมญาดา”ภพเอ่ยเสียงเนิบนาบตามวัย ตอนนี้ก็อายุใกล้จะเจ็ดสิบปี แถมยังมามีโรคตอนแก่อีกต่างหาก ภพจะเจอลูกทั้งสองเฉพาะวันไปฟอกไตที่โรงพยาบาลเท่านั้น ส่วนบ้านน่ะเหรอ ลูกชายทั้งสองไม่กลับมานานแล้ว และเขารู้ดีว่าเพราะอะไร ภีร์และธีร์ถึงไม่กลับมาเหยียบบ้านหลังใหญ่หลังนี
“ทำไมหมอภีร์จุ๊บหน้าผากดาวอีกแล้วคะ” ภีร์หยุดเท้าที่กำลังจะเดินพ้นประตูห้องแล้วเอี้ยวหน้าหันมามองอ้อมดาว “จองไว้” แล้วเขาก็หมุนเอี้ยวหน้าเดินต่อ ส่วนคำตอบของนายแพทย์หนุ่มก็ดังก้องในหัวจนสาวน้อยทำงานตรงหน้าต่อไม่ไหว “จองไว้? จองไว้แบบไหน หมอภีร์คงไม่ใช่ ไม่หรอกดาว” แล้วเธอก็ล้มตัวดิ้นกลิ้งไปกับพื้นพรมของห้องหยิบเสื้อผ้ามาโยนขึ้นกลางอากาศให้หล่นใส่ตัวเอง แม้เฝ้าบอกตัวเองให้เจียมตัวเจียมใจ แต่ก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าหมอภีร์มีใจปรารถนาตนเองเช่นกันหนึ่งอาทิตย์กับการมีอ้อมดาวมาอาศัยอยู่ด้วย มันไม่ได้ทำให้นายแพทย์หนุ่มรำคาญตาเลยสักนิดกับการตื่นเช้ามาเจอเธอทำมื้อเช้าให้ตัวเอง และมันทำให้อยากกลับมาที่คอนโดทุกวันหลังลงเวรแล้ว ถ้าไม่ง่วงมากก็จะกลับมาที่คอนโด ถ้าขับรถไม่ไหวจะนอนค้างที่โรงพยาบาล“หอมจัง ทำอะไรให้ฉันทานเด็กน้อย”“เช้
ธีร์มองจ้องพี่ชายแล้วก็ยกยิ้ม พี่ชายเอาแต่จ้องจอโทรศัพท์และดูโทรศัพท์ ไม่สนใจน้องชายอย่างตน แปลก...คนไม่ติดโทรศัพท์อย่างพี่ชายตอนนี้ติดแทบไม่ให้ห่างมือตนเอง สายตาก็คอยจับจ้องหน้าจอเหมือนกำลังรอคอยใครบางคนส่งข้อความหรือโทรเข้า “มือถือมีอะไรดีรึเปล่านะ พี่ชายผมถึงเอาแต่จ้องไม่วางตา” ธีร์เอ่ยและนั่นทำให้พี่ชายเอนตัวพิงพนักเก้าอี้เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง “ก็ดูหุ้นทั่วไป” เขาตอบแล้วหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาจิบดื่ม “พี่อยากกินอะไรสั่งได้เลย มื้อนี้พี่จ่ายอยู่แล้ว” “นายสั่งเถอะ พี่ยังไงก็ได้” “งั้นผมจะสั่งง่ายๆ แล้วกัน กับข้าวสักสามอย่างก็พอ ทานกันสองคนเอง” “แล้วแต่นาย”&
มันก็แค่ปากสัมผัสกันแผ่วเบา ไม่ได้ดุดันแม้ใจอยากจะดุดันดุนดันปลายลิ้นร้อนเข้าไปควานกลืนกินความหวานในโพรงปากน้อยของสาวเจ้าก็เถอะ แต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้เพื่อไม่ให้ทุกอย่างมันเลยเถิดไปมากกว่านี้ แค่ได้สัมผัสแตะเนื้อต้องตัวอ้อมดาวเล็กๆ น้อยๆ เขาก็มีความสุขมากแล้ว และกลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะหักห้ามใจไม่ไหวปลุกปล้ำสาวน้อยร่วมคอนโดด้วย แม้ใจอยากจะทำมากก็ตามตอนนี้ “ให้ตายเถอะไอ้ภีร์” เขาบ่นว่าตัวเองเมื่อทำเรื่องไม่ควรกับสาวน้อยแล้วเดินหนีจากมาในห้องและพอก้มมองความเป็นบุรุษของตัวเองก็ต้องขบกรามแน่นเมื่อมันกำลังผงาดคับแน่นเป้ากางเกงจนปวดร้าว “ให้มันได้แบบนี้สิ หรือว่านานแล้วที่เราไม่ได้ปลดปล่อยเลยอารมณ์เปลี่ยวคิดไม่ดีกับดาว”จากจะอาบน้ำนอนก็เดินออกจากห้องนอนออกไปข้างนอกอีกครั้ง ยังไงเสียพรุ่งนี้ก็วันหยุด เขาต้องปลดปล่อยมัน จะให้ใช้อุ้งมือทั้งสองมันก็น่าสมเพชเกินไปที่จะทำ “มะ
ออกจากบ้านหลังใหญ่ก็กลับมาคอนโดมาดื่มที่คอนโดคนเดียว เพราะน้องชายต้องไปทำธุระส่วนตัวต่อจึงไม่ได้ไปดื่มด้วยกัน และทางที่ดีที่สุด ดื่มเมาที่ห้องก็หลับที่ห้อง ปลอดภัย ไม่เดือดร้อนคนอื่นด้วย ภีร์กระดกดื่มทั้งขวด ไม่สนใจรินใส่แก้ว ดื่มอึกใหญ่จนสาวน้อยที่แอบมองอยู่เดินเข้ามาหา เพราะตั้งแต่กลับมาสีหน้าของหมอภีร์เคร่งเครียดกังวล แต่ก็ไม่กล้าถามด้วยกลัวว่าเขาจะโกรธ เอาแต่ดื่มแบบนี้เธอก็ไม่ไหว เธอเป็น ‘ห่วง’ เขา “หยุดดื่มได้แล้วค่ะหมอภีร์” เธอเดินมานั่งลงข้างๆ พร้อมแย่งขวดบรั่นดีในมือหนามาถือไว้ “เอามาให้ฉันดาว” เขายื่นมือไปหมายจะแย่งมาดื่มต่อ แต่มือน้อยก็ขยับดึงมันไปซ่อนไว้ด้านหลังแทน “เป็นอะไรคะหมอภีร์ ทำไมดื่มเวลานี้ มีเรื่องไม่สบายใจรึเปล่าคะ บอกดาวได้นะคะ” สาวน้อยถามด้วยความเป็นห่วง &ldquo
“ไม่ต้องพูด ฉันรู้ว่าดาวอายฉัน ฉันไม่เคยมองดาวเป็นคนนอก ดาวเป็นคนในครอบครัว ไม่รู้เริ่มตั้งแต่ตอนไหนที่ฉันอยาก ‘ได้’ เธอ เด็กดีเป็นของฉันนะ รู้ไหมตอนนี้ฉันเหมือนโคแก่เจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งเลยดาว” “หมอภีร์ช่างเปรียบ” “ก็มันจริง ฉันกับดาวอายุห่างกันตั้งเกือบรอบเชียวนะ ฉันจะไม่ทิ้งเธอแน่นอนดาว” “ดาวเชื่อใจหมอภีร์ค่ะ ดาวจะเป็นของหมอภีร์” “ขอบใจนะ ฉันจะไม่ทำให้ดาวเสียใจและผิดหวังในตัวของฉัน อะ...อื้ม” แล้วปากนุ่มของนายแพทย์หนุ่มก็บดจูบปากน้อยแสนหวานของอ้อมดาวอีกครั้งและครั้งนี้ก็เนิ่นนาน เรียวลิ้นอุ่นร้อนไล่ต้อนลิ้นน้อยเจ้าของโพรงปากจนมุมแล้วตวัดกอดเกี่ยวรัดคลึงพร้อมกับมือใหญ่ทั้งสองจัดการปลดเปลื้องชุดของอ้อมดาวออก “อะ...อื้อ” เสียงครางยังคงดังลอดออกมาจากปากของทั้งสอง และเรือนร่างน้อยก็เปลือยเปล่าเมื่อคนตัวโตจัดการ
นานกี่ชั่วโมงไม่รู้กับโซฟา รู้ตัวอีกทีก็ตอนนี้อยู่บนเตียงนอนนุ่มของตนเองและข้างๆ ก็มีหมอภีร์นอนหลับอยู่ข้างกายโดยท่อนแขนแข็งแรงของเขาพาดกอดเอวเล็กคอดของตนเอง สองแก้มนวลแดงระเรื่อซับสีเลือดเมื่อภาพลามกของตนเองกับหมอภีร์ที่ทำด้วยกันอยู่ด้านนอกมันเข้ามาฉายซ้ำในหัวอีกครั้ง “ตื่นแล้วเหรอ?” เป็นเสียงทุ้มของคนร่วมเตียงเอ่ยถามและนั่นทำให้เธอหันมามองก็เห็นว่าเขาเองก็ตื่นแล้วเหมือนกัน “คะ...ค่ะหมอภีร์” “หิวไหม เดี๋ยวทำอะไรง่ายๆ ให้ทาน”ภีร์ขยับลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแล้วดึงรั้งผ้าห่มมาห่มปิดหน้าอกของสาวน้อยไว้ด้วยกลัวว่าตนเองจะต่ออีกยก ก็ร่างกายของอ้อมดาวหวานจนไม่อยากจะแยกจาก แต่ก็ต้องจำใจพอแค่นี้ เพราะร่างน้อยของเด็กสาวยังใหม่ ไม่ควรเอาแต่ใจตน “หิวค่ะ” “งั้นนอนเถอ
ภีร์วิ่งเข้ามาในห้องน้ำ เขามาส่องกระจกดูตัวเองในห้องน้ำแล้วก็ขบกรามแน่น เมื่อกี้เขาร้องไห้ ร้องไห้เพราะผู้หญิงคนนั้น สองมือกำแน่นเข้าหากันแล้วเปิดน้ำวักน้ำใส่หน้าตัวเองจนเปียกไปทั้งตัวแล้วทุบชกกระจกตรงหน้าตัวเองเมื่อเห็นว่าตนกำลังอ่อนไหวกับคนที่ทิ้งตนไปตอนนั้นตุ้บ!กระจกร้าวแตกเมื่อโดนกำปั้นใหญ่ชกเต็มแรง และกำปั้นของเขาก็แตกไม่ต่างจากกระจกที่ชก เจ็บมือไม่เท่าไหร่ แต่ใจของเขานี่สิ มันเจ็บเหลือเกินตอนนี้ ไม่เข้าใจว่าตัวเองนั้นต้องการอะไรกันแน่“ให้ช่วยไหมครับ?” เสียงของคนที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาเห็นเขาเอ่ยถาม“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะครับ ขอโทษด้วยนะครับ” แล้วเขาก็รีบเดินออกจากห้องน้ำไป ส่วนกระจกที่ร้าวเขาค่อยไปแจ้งให้ฝ่ายช่างมาจัดการ เขาจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นเอง เพราะเขาใช้มันระบายอารมณ์“ภีร์” เมริษาร้องเรียกคนที่กำลังเดินผ่านตนเองรั้งไว้พร้อมกับฉวยโอกาสคว้าจับข้อมือใหญ่ดึงรั้งไว้ให้หยุด“ปล่อยเมย์” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยเสี
จนตอนนี้ผ่านมาสองเดือนแล้วที่ภีร์ไม่แวะมาบ้านหลังใหญ่หลังนี้ ตอนนี้ไรอันกับเจฟ สามีก็พักอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านของอดีตสามี แม้ว่าสามีของนางจะอยากไปพักโรงแรมข้างนอก แต่ภพก็ชักชวนให้เจฟอยู่ด้วยกันที่นี่ เพราะถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว “ขับรถดีๆ นะไรอัน” ญาดาบอกลูกเลี้ยง “ครับ คุณแม่” ไรอันรับคำด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ไปนะที่รัก” เจฟเดินมาก้มหอมแก้มภรรยาที่เดินออกมาส่งตัวเองขึ้นรถจะไปสนามบินกลับประเทศอังกฤษ “เดินทางปลอดภัยนะคะที่รัก ถึงแล้ววิดีโอคอลหาด้วยนะคะ” “ครับ แล้วเจอกันที่รัก” แล้วเจฟก็เดินไปขึ้นรถที่ลูกชายติดเครื่องรอท่าก่อนหน้า “ไปนะครับคุณแม่” ไรอันบอกแม่เลี้ยงแล้วก็ออกตัวเคลื่อนรถพาพ่อไปยังส
“ชูว์...ไม่ร้องนะเด็กดีของหมอ ไม่ร้องนะ ใครเขาจะไปกัน เมียอยู่นี่ก็ต้องอยู่กับเมียสิ ฉันรู้ว่าเมย์ต้องพูดอะไรกับเธอถึงได้แกล้งพูดให้เธอหึงฉัน ไม่ได้ตั้งใจจะให้ร้องไห้สักหน่อย ไม่ร้องนะเด็กดี โอ๋เอ๋...” ภีร์ดึงคนขี้แยเข้ามากอดปลอบ “อึก! หมอภีร์รู้ไหมคะว่าหมอเมย์จะแย่งหมอภีร์ ถ้าดาวเผลอ” เธอสะอื้นดังกว่าเดิมพร้อมกอดคนตัวโตแน่นราวกับว่าเขาจะหายไปจากตน “ไม่มีใครมาแย่งฉันไปจากดาว นอกจากฉันจะไปของฉันเอง เชื่อใจฉันได้ ฉันเลือกดาวแล้วก็ต้องเป็นดาวเท่านั้นที่ฉันจะอยู่ด้วย เนี่ยสินะเขาว่าฮอร์โมนคุณแม่ เริ่มคิดมากเริ่มกังวลแล้ว” เขาบอกคนตัวเล็กแล้วดันอ้อมดาวออกจากอกแล้วก้มลงจุ๊บเปลือกตาสวยที่หลับร้องไห้อยู่ “คงจะจริงค่ะ ดาวไม่ได้อยากจะขี้แยงี่เง่ากับหมอภีร์ แต่ดาวห้ามตัวเองไม่ได้ อึก! ฮือ...” “ฉันรู้ว่าดาวของฉันเป็นเด็กดี มีเหตุผล
ครรภ์แรกของอ้อมดาวตอนนี้อายุได้เจ็ดสัปดาห์แล้ว ไม่ใช่แค่ว่าที่คุณแม่ดีใจ ว่าที่คุณพ่อก็ดีใจและอดจะโทรไปพูดอวดน้องชายไม่ได้ถึงความสำเร็จของตัวเอง ก็ครั้งก่อนน้องชายดูถูกหาว่าตน ‘ไม่มีน้ำยา’ มาดูตอนนี้สิ เขา ‘มีน้ำยา’ และดีมากด้วย “วันนี้ฉันนัดกินข้าวกับธีร์ และอยากแนะนำดาวให้รู้จักธีร์ด้วย เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน” เขาเคยแต่พูดเรื่องน้องชายให้ภรรยาเด็กฟัง แต่ยังไม่เคยพาทั้งสองมาเจอกันสักครั้ง ส่วนธีร์นั้นเคยเห็นอ้อมดาวแล้วหลายครั้งแบบผ่านๆ แต่ก็ไม่ได้ทักทายทำความรู้จักกันแบบจริงจัง “จะดีเหรอคะหมอภีร์” อ้อมดาวถามคนเป็นสามี “ทำไมถึงคิดว่าไม่ดีล่ะ เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว และเธอก็เป็นพี่สะใภ้ของธีร์มันแล้วตอนนี้ ไม่ใช่เด็กในปกครองฉันแล้วนะ เปลี่ยนจากเด็กในปกครองเป็น ‘เมีย’ ในปกครองของฉันแล้ว” ภีร์บอกภรรยาเด็กของตน
“อือ...หมอภีร์เดี๋ยวดาวตกค่ะ”เธอถือแปรงสีฟันแล้วกอดคอหนาแน่นด้วยกลัวว่าตนเองจะพลัดตกหลุดจากอ้อมกอดแข็งแรง แม้รู้ว่าเขาไม่ปล่อยให้ตนมีอันตรายแน่นอน“มีฉันอยู่ไม่ตกหรอก อีกอย่างฉันอุ้มเพราะฉันดีใจ พรุ่งนี้ไปฝากท้องกันนะ แล้วฉันจะไปส่งดาวที่มหา’ลัย”“ค่ะ หมอภีร์”“น่ารัก มีแค่เธอที่ตามใจฉันแบบไม่มีข้อแม้และข้อสงสัยเด็กน้อย” แล้วภีร์ก็ปล่อยคนตัวเล็กยืนเอง“หมอภีร์ออกไปข้างนอกได้แล้วค่ะ ถ้าไม่แปรงฟัน ดาวจะแปรงฟันแล้วรีบนอน”“คืนนี้ขอหน้ากระจกนี้ได้ไหม อยากให้ดาวเห็นหน้าตัวเองตอนโดนฉัน ‘เอา’ น่ะ...นะเด็กดี” เขาลูบผมยาวสลวยคนตัวเล็กตรงหน้าแล้วจับขึ้นมาดมแล้วก้มหน้าซุกไซ้ซอกคอระหงคนยืนหันหลังให้ตัวเองแล้วย่อตัวคุกเข่ากับพื้นแล้วถอดกางเกงนอนตัวบางของอ้อมดาว“อือ...หมอภีร์ ดาวยังไม่ได้อนุญาตเลยนะคะ”“ฉันรู้ว่าลึกๆ แล้วดาวก็อยากลองตรงนี้และอยากเห็นหน้าตัวเองตอนหื่นด้วยใช่ไหมล่ะ”“หมอหื่น
เปิดเรียนวันแรกก็เหนื่อย อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยก็สั่งงานเยอะมาก เหมือนเก็บกด แต่เธอก็ดีใจที่ได้เจอเพื่อนๆ ร่วมคณะเดียวกัน อ้อมดาวเดินออกมาจากตึกเรียนเดินมาหารถยนต์คันหรูที่เจ้าของรถนั่งรออยู่ในรถ พอมาถึงก็เคาะกระจกรถบอกเขาแล้วเขาก็ปลดล็อกแล้วเธอก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ “รัดเข็มขัดให้นะ” ภีร์รัดเข็มขัดนิรภัยให้อ้อมดาว วันนี้วันหยุดเขาจึงมาส่งเธอและมารับเธอกลับบ้านได้ อยากทำหน้าที่สามีไม่ให้เธอรู้สึกน้อยใจ “หมอภีร์รู้ไหม ชุดที่หมอภีร์ให้ดาวใส่ทำให้เพื่อนดาวในคณะหัวเราะ กระโปรงก็ยาวถึงข้อเท้า เสื้อก็ตัวใหญ่หลวมโพรก” “น่ารักดีออก ดีกว่าใส่รัดๆ อีกอย่างดาวเป็นของฉัน เนื้อหนังมังสาให้ฉันดูและสัมผัสได้คนเดียวรู้ไหม” “มันก็เกินไปไหมคะ ปกติดาวก็ไม่ได้ใส่สั้นใส่รัดอยู่แล้ว กระโปรงก็คุมเข่าอยู่แล้ว แต่เนี่ยหมอภีร์ให้ดาวแต่งตัว
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ภีร์เพิ่งถอดชุดกาวน์จะออกเวรกลับไปหาอ้อมดาวก็ต้องหยุดมือที่กำลังจะหยิบจับโทรศัพท์ค้างกลางอากาศแล้วอนุญาตเจ้าของเสียงเคาะประตูหน้าห้อง “เชิญครับ” แล้วเขาก็นั่งลงเก้าอี้ทำงานของตนเองเหมือนเดิม “ภีร์เลิกงานแล้วเหรอ?” “เมย์” เขาเรียกชื่อผู้หญิงที่เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของตนเองอย่างไม่เชื่อสายตาว่าอดีตคู่จิ้นสมัยเรียนของตนเองจะมาอยู่ตรงหน้าตนเอง “เมย์เองค่ะ เมย์ย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลนี้ได้สองวันแล้วว่าจะมาทักภีร์ตั้งแต่เมื่อวาน แต่เมื่อวานภีร์หยุด” หล่อนดึงลากเก้าอี้ตรงข้ามกับนายแพทย์หนุ่มออกนั่งโดยไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน นึกว่าจะทำงานที่อเม’กาไม่กลับมาเมืองไทยซะแล้ว”
สุดท้ายแล้วก็ต้องนอนค้างที่บ้านหลังนี้ เขาออกจากบ้านนี้ไปตอนเรียนมหาวิทยาลัย จนตอนนี้ไม่ได้กลับมานอนที่นี่อีก และวันนี้ก็ต้องได้นอนค้างที่นี่เมื่อฝนตกไม่หยุด ส่วนมื้อเย็นภีร์พาอ้อมดาวทานในห้องครัวพร้อมกับแม่ครัวและสาวใช้ในบ้าน “อย่าทำแบบวันนี้อีกนะคะ รู้ไหมดาวเป็นห่วง” ในความมืดยามดึกอ้อมดาวนอนซบอกแกร่งพร้อมแขนเล็กพาดกอดเอวสอบใต้ผ้าห่ม “ขอโทษ ฉันจะไม่ทำให้เธอเป็นห่วงอีกแล้วดาว แต่วันนี้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้” “และอย่าพูดเรื่อง ‘ตาย’ อีกนะคะ หมอภีร์ไม่อยากอยู่กับดาวแล้วเหรอคะ” “ขอโทษ” “ขอโทษดาวคนเดียวไม่ได้หรอกนะคะ ยังมีคุณพ่อคุณแม่ของหมอภีร์ที่หมอภีร์ต้องขอโทษ...” “ทำไม
ญาดาเจ็บเมื่อลูกชายที่อุ้มท้องเก้าเดือนและเบ่งคลอดเขาออกมามองตนเองเป็นคนนอก แต่ก็ไม่ได้โกรธ เกลียดแต่เสียใจ เสียใจที่ในวันนั้นตนเองจากไปแบบนั้นจนทำให้ลูกชายทั้งสองเข้าใจผิด ถ้าวันนั้นอธิบาย ภีร์กับธีร์คงไม่เข้าใจผิดเกลียดชังตนเองกับอดีตสามีหรืออาจจะเกลียด แต่ก็ไม่ได้มากเท่านี้ แต่เวลานี้แม้แต่หน้าของนาง ลูกชายยังไม่อยากมองด้วยซ้ำ“แล้วจัดงานแต่งงานกันรึยัง” ภพถามลูกชาย เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์จะขัดขวางความ ‘รัก’ ของลูก ตัวเขาดีใจ หวังให้ลูกชายมีครอบครัวที่ ‘สมบูรณ์’ อย่าให้เดินตามรอยของตนเองและแม่ของเขา“ยังครับ ผมจะรอให้ดาวเรียนจบก่อน แต่เราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว” ภีร์เอ่ย“อือ...งั้นวันนี้ก็อยู่ทานข้าวด้วยกัน ถือว่าเป็นการเลี้ยงฉลองให้กับชีวิตคู่ของแก” คนเป็นพ่อเอ่ย“นะลูก อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันนะภีร์” เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองควรอยู่ตรงไหน ไม่ควรออกความคิดเรื่องส่วนตัวของลูกชายให้เกลียดชังตนไปมากกว่านี้ แต่ก็อดจะเอ่ยชวนภีร์อยู่ทาน