เขาพูดพร้อมชี้มือไปทางประตูห้องรับแขกที่ไม่เคยมีแขกแวะมาพักผ่อนสักครั้ง เพราะเขาไม่ชอบให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัว แต่กับเด็กสาวอ้อมดาวคนนี้ เธอไม่ใช่คนนอก แต่เธอเป็นครอบครัวของเขา เพราะเขาเองก็เป็นครอบครัวของเด็กสาวเช่นกัน
“งั้นดาวไปนอนก่อนนะคะ ถ้าหมอภีร์จะเอาอะไรปลุกเรียกใช้ดาวได้เลยนะคะ”
หึ!
ภีร์ไม่ตอบแต่แค่นขำในลำคอแทนแล้วยกมือขึ้นเสยผมที่ตกลงมาปิดหน้าผากตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินไปยังอีกห้องที่เป็นห้องส่วนตัว ส่วนสาวน้อยพอเจ้าของห้องเดินจากไปแล้วก็ยกมือขึ้นทาบอกเป่าปากให้ตัวเองผ่อนคลายจากสถานการณ์ที่เพิ่งเจอก่อนหน้านี้แล้วเดินไปยังห้องที่ติดกันกับห้องที่หมอภีร์เดินหายเข้าไปก่อนหน้านี้
ว้าย!
อ้อมดาวตกใจตื่นในตอนเช้าพร้อมรีบดิ้นจะลุกลงจากเตียง แต่ถูกแขนแข็งแรงของคนฉวยโอกาสกอดรั้งไว้
“ขอความอบอุ่นอีกสักพักได้ไหมดาว”
น้ำเสียงทุ้มดังแผ่วกับลำคอระหง ตอนนี้หมอภีร์นอนกอดเธอบนเตียงและกำลังซุกหน้ากับคอของเธอ
“หมอภีร์เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ และทะ...ทำไมกอดดาว”
อ้อมดาวนอนเกร็งไม่กล้าขยับตัวเมื่อเขากอดแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ฉันนอนไม่หลับ และเมื่อคืนก็เคาะประตูห้องแล้วก่อนจะเข้ามา แต่เธอก็หลับไปแล้ว ฉันเลยขออนุญาตตอนเธอหลับขึ้นมานอนบนเตียงด้วย” เขาตอบทั้งๆ ที่ยังหลับตาสนิทอยู่
“ตะ...แต่หมอภีร์ก็ไม่ควรมานอนกับดาวนะคะ แบบนี้ไม่ดีนะคะ ตอนนี้ดาวโตแล้ว”
“ฉันรู้ว่าดาวในวันนี้โตแล้ว...และก็สวยมากด้วยตอนนี้” ท้ายประโยคภีร์เสริมต่อในใจ
“หมอภีร์ปล่อยหนูก่อนได้ไหมคะตอนนี้ คือดาวอึดอัดค่ะ”
“ขอความอบอุ่นอีกนิดนะ นิดเดียวจริงๆ ดาว” เขาบอกสาวน้อยพร้อมกับซุกหน้าไปกับซอกคอระหงหอมกรุ่น กลิ่นกายสาวน้อยหอมเย้ายวนจนไม่อยากแยกห่าง ตอนนี้ภีร์รู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร หรือดั่งคำเขาว่า
‘สมภารกินไก่วัด’ นั่นเอง“จำไม่ได้แล้วว่าฉันเคยสัมผัสความอบอุ่นแบบนี้มานานแค่ไหน ใจฉันมันหนาวเหน็บอ้างว้างโดดเดี่ยวมานานมากเหลือเกินดาว และมีแค่เธอตอนนี้ที่เป็นความอบอุ่นให้ฉันได้”
มันคือความจริง ภีร์ไม่ได้โกหก ตอนนี้ใจของเขาที่เคยร้อนด้วยไฟชังมันกลับเย็นขึ้นเมื่อได้พูดคุย ได้ยินเสียงเล็กหวานของสาวน้อยและยิ่งได้เจอ ได้ชิดใกล้ ได้กอดแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกอันกว้างใหญ่นี้
“หมอภีร์...” อ้อมดาวผ่อนคลายแล้วขยับตัวจากนอนนิ่งเกร็งมาโอบกอดลูบตบหลังกว้างปลอบโยนคนตัวโตแทน
“ไม่ต้องสงสารฉันเด็กน้อย” เขารู้ว่าอ้อมดาวสงสารเขาจึงพูดบอกอ้อมดาว
“ดาวไม่ได้สงสาร แต่ดาวรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของหมอภีร์ ตลอดเวลาที่ดาวรู้จักหมอภีร์และได้อยู่เคียงข้างหมอภีร์มาเป็นเวลาหลายปี ดาวรู้ดีว่ามันยากที่หมอภีร์จะก้าวผ่านตรงนี้ไปได้ ดาวจะเป็นความอบอุ่นให้หมอเองค่ะ”
“รู้ไหมว่าชีวิตของฉันมีแค่เธอกับน้องชายเท่านั้น พ่อกับแม่มีก็เหมือนไม่มี” พอพูดถึงบิดามารดาผู้ให้กำเนิด เขาก็จุกในอกแล้วหยุดพูดซบหน้าหลับตานิ่งกับซอกคอเด็กสาว
“ถ้าเจ็บปวดนักก็ไม่ต้องไปพูดถึงมันนะคะ ตอนนี้ดาวต้องกลับหอพักแล้วค่ะ ต้องไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวไปเรียนตอนบ่าย”
“ย้ายออกจากหอพักมาอยู่ด้วยกันไหมดาว มาทำให้คอนโดเงียบๆ ของฉันให้มีสีสันและทำมันเป็นเหมือนบ้าน เธอมาอยู่กับฉันนะ”
“คือดาว...”
“มาอยู่ด้วยกันนะ ฉันจะได้กลับมาที่นี่บ่อยๆ เพราะปกติติดนอนที่โรงพยาบาล เพราะว่าคอนโดกลับมาก็อยู่คนเดียวไม่มีเพื่อนคุย แต่ที่โรงพยาบาลมีเพื่อนหมอคนอื่นๆ พักอยู่ด้วยเลยทำให้ฉันชอบนอนที่นั่นมากกว่ามาคอนโด”
ภีร์ผละลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงลูบหัวอ้อมดาวที่ยังนอนลืมตามองตนเองอยู่บนหมอนใบใหญ่ ตอนนี้หัวใจของเขาได้รับความอบอุ่นจากอ้อมดาวมาพอสมควรแล้ว เพราะเข้ามาตั้งแต่ตอนตีสาม เขาไม่สามารถนอนหลับคนเดียวได้ เพราะเรื่องในตอนหัวค่ำยังตามมาหลอกหลอนทุกครั้งยามข่มตาหลับจนต้องพาตัวเองมานอนกับอ้อมดาว
“คือดาว...” สาวน้อยอ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้จะตอบยังไงดี แม้ว่าในใจจะกำลังโลดเต้นดีใจที่หมอภีร์ชักชวนให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่อีกความคิดก็เป็นกังวล เพราะชายหญิงที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ควรมาอยู่ด้วยกันตามลำพัง แม้ว่าภีร์จะเป็นผู้มีพระคุณ เป็นผู้ปกครองของตนเอง แต่เธอก็ไม่เคยมองว่าเขาเป็นผู้ปกครองสักครั้ง ในสายตาของอ้อมดาว ภีร์คือผู้ชายที่เธอ ‘รัก’ ตั้งแต่แรกเจอ
“ไหนบอกจะเชื่อฟังฉันและทำตามที่ฉันต้องการไงดาว ตอนนี้ก็รับน้องเสร็จแล้วนี่”
“หลังสอบเสร็จ ปิดเทอมแรก ดาวจะย้ายมานะคะ”
“นานไหม?”
“อีกหนึ่งเดือนค่ะ” สาวน้อยตอบ
“อือ...งั้นก็ไปล้างหน้าเถอะ วันนี้ฉันหยุดเดี๋ยวฉันไปส่งดาวที่หอพักเอง” ก่อนจะจากไปภีร์ก็ก้มโน้มหน้าลงจุ๊บหน้าผากเด็กในปกครอง ก่อนจะลุกเดินลงจากเตียงไปด้วยใบหน้าเรียบตึง แต่คนถูกจุ๊บหน้าเหม่งถึงกับนอนเกร็งหน้าแดงดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหัวแล้วร้องกรี๊ด
กรี๊ด!
เสียงกรี๊ดใต้ผ้าห่มดังออกมาถึงด้านนอกทำให้ภีร์อมยิ้มเดินกลับเข้าห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำแต่งตัวให้พร้อมจะได้ไปส่งอ้อมดาวกลับหอพักนักศึกษาของเธอ
อ้อมดาวร้องกรี๊ดใต้ผ้าห่มจนพอใจก็ดึงมันออกแล้วมองไปทางประตูห้องนอนที่เปิดทิ้งกว้างไว้แล้วลุกขึ้นกุมสองแก้มตัวเองพิงหัวเตียงแล้วพึมพำเป็นคำถามกับตัวเอง
“เมื่อกี้หมอภีร์จุ๊บหน้าผากเราทำไมดาว” ถามตัวเองแล้วก็หยิบหมอนข้างขึ้นมากอดกัดแก้เขิน
“หมอภีร์คงไม่ได้คิดแบบชู้สาวกับเราใช่ไหมดาว” คิดแล้วก็กัดหมอนอีกครั้งจนมันจะขาด
“ไม่ หมอภีร์แค่จุ๊บแบบผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กเท่านั้นแหละดาว” เธอบอกตัวเองให้คิดแบบนั้น แต่สองแก้มนวลก็แดงลามไปถึงหูและเสียงหัวใจก็เต้นแรงจนต้องระบายความเขินอายกับหมอนที่กอดกัดรุนแรงขึ้น
ตลอดเวลาหลายปีได้ยินแต่เสียงทุ้มอ่อนโยนส่งมาในสาย วันนี้เธอจะได้เจอหน้าของเขาอีกครั้ง จำได้ครั้งแรกที่เจอกันว่าเขาอ่อนโยนมากแค่ไหน ก็หลังจากที่เจอกันครั้งแรกที่โรงเรียนครั้งนั้น นายแพทย์หนุ่มภีร์ กุมารเวชศาสตร์ วัย 39 ปี ในปีนั้นนายแพทย์หนุ่มอายุ 30 ปี ได้เดินทางไปออกหน่วยแพทย์อาสาที่จังหวัดกำแพงเพชร ในวันนั้นเขาก็ได้รู้และได้ฟังเรื่องราวของเธอที่กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก อาศัยอยู่กับคุณยายตั้งแต่จำความได้ และในตอนนั้นอ้อมดาวเพิ่งอายุได้เก้าขวบ จนเมื่อสองปีก่อนคุณยายได้จากไป อ้อมดาวหรือดาว สาวน้อยวัย 18 ปี จึงเหลือตัวคนเดียวในโลก แต่หมอภีร์ไม่ได้ปล่อยให้เธอโดดเดี่ยว จากเคว้งคว้างไร้ที่พึ่งพิงก็มีมืออ่อนโยนของคุณหมอแสนดีเข้ามาช่วยเหลือรับอุปการะเธอตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน จากที่เคยเป็นแค่เจ้าของเงินทุนส่งเธอเรียน ตอนนี้เขาขยับมาเป็นผู้ปกครองเต็มขั้น สาวน้อยไร้เดียงสาได้สอบเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐในกรุงเทพฯ เพื่อจะได้มาอยู่ใกล้ผู้มีพระคุณและตอบแทนหมอภีร์ที่เมตตาเด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรอย่างตนเอง สาวน้อยยืนส่องกระจกร้านอาหารอยู่หน้าร้านอาหารที่นัดกับผู้มีพระคุณ ใจสาวน้อยทั
ปึก! พอกลับมาห้องทำงานก็ทุบมือกับโต๊ะทำงานด้วยความขุ่นเคือง ภาพของแม่และลูกเลี้ยงของแม่ มันทำให้เขาหงุดหงิดโมโหจนต้องกำมือแน่นเข้าหากัน ไรอันเป็นใครกัน ทำไมถึงมาแย่งแม่ไปจากเขากับน้องชาย เมื่อแม่เลือกครอบครัวใหม่แล้ว ทำไมต้องกลับมายุ่งวุ่นวายกับเขาอีกเล่า แอค! ประตูห้องทำงานเปิดผลักเข้ามาทำให้เขาหันขวับไปมองคนที่เปิดเข้ามา “ผู้หญิงคนนั้นก็มาหาพี่เหมือนกันเหรอ?” ธีร์ น้องของเขานั่นเองเปิดผลักเข้ามา เขาและน้องชายเป็นหมอประจำโรงพยาบาลเดียวกัน “ไปหาแกเหมือนกัน?” “อือ...ไปรอผมที่ห้องทำงานเลยแหละ” “ทำไมต้องกลับมา ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำหน้าที่แม่” “นั่นดิ กลับมาเรียกร้องความเป็นแม่จากเราทำไม ตัวเองก็มีลูกเลี้ยงอยู่แล้ว จะมายุ่งอะไรกับเราก็ไม่รู้” ธีร์เห็นด้วยกับพี่ชาย “ไปดื่มกันไหม” “ไปดิพี่” “ออกเวรพอดี แกล่ะธีร์” “เหมือนกันครับ” “งั้นก็ไปเปลี่ยนชุดเถอะ พี่ก็จะเปลี่ยนชุดเหมือนกัน” “อือ...ผมจะบอกพี่ว่าค่าจ้างพยาบาลพิเศษที่ดูแลพ่อที่บ้าน ผมจ่ายแล้วนะเดือนนี้ และค่าเด็กรับใช้ คนสวน คนขับรถ แม่คร
อ้อมดาวบอกกับป้าดูแลหอพักนักศึกษาว่าญาติไม่สบาย ท่านอยู่คนเดียวไม่มีใครดูแล เธอจึงจำเป็นต้องออกจากห้องเวลานี้ พอมาถึงร้านก็โทรหาหมอภีร์ รอไม่นานคนตัวโตสูงใหญ่ก็เดินเซออกมาหาตนเอง เขาเมาแล้วและดีที่เขาโทรหาเธอ ไม่ขับรถกลับเอง “หมอภีร์” ร่างเล็กในเสื้อยืด กางเกงยีนส์ขากระบอกวิ่งไปโอบประคองร่างใหญ่ที่เดินโซซัดโซเซออกมาจากร้านด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าไม่ได้เจอกันนานสองปี แต่อ้อมดาวก็จำรูปพรรณสัณฐานของภีร์ได้ดี เขายังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จะเปลี่ยนแปลงก็แต่อายุที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น “ดาว...” ภีร์ทิ้งน้ำหนักให้คนตัวเล็กประคองตัวเองเดิน เพียงแค่ได้ยินเสียง เขาก็จำได้ เพราะเขาได้ยินมันทุกวัน น้ำเสียงเล็กหวานนี้ “ดาวเองค่ะหมอภีร์ กลับกันนะคะ คอนโดหมอภีร์อยู่ไหนคะ ดาวจะพานั่งแท็กซี่กลับ” เพราะคุยกันทุกวัน เธอจึงรู้ว่าเขาอาศัยอยู่คอนโดกับห้องพักที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้เป็นส่วนใหญ่ “คอนโดอยู่...” เขาบอกเธอขณะถูกดึงลากเดินไปเรียกรถแท็กซี่ที่กำลังแล่นเข้ามาจอดส่งลูกค้าพอดี ซึ่งเป็นจังหวะพอดีทำให้ไม่ต้องประคองคนตัวโตนาน เพราะเขาตัวหนักเหลือเกิน พออ้อมดาวได้แท็
เขาพูดพร้อมชี้มือไปทางประตูห้องรับแขกที่ไม่เคยมีแขกแวะมาพักผ่อนสักครั้ง เพราะเขาไม่ชอบให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัว แต่กับเด็กสาวอ้อมดาวคนนี้ เธอไม่ใช่คนนอก แต่เธอเป็นครอบครัวของเขา เพราะเขาเองก็เป็นครอบครัวของเด็กสาวเช่นกัน“งั้นดาวไปนอนก่อนนะคะ ถ้าหมอภีร์จะเอาอะไรปลุกเรียกใช้ดาวได้เลยนะคะ”หึ! ภีร์ไม่ตอบแต่แค่นขำในลำคอแทนแล้วยกมือขึ้นเสยผมที่ตกลงมาปิดหน้าผากตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินไปยังอีกห้องที่เป็นห้องส่วนตัว ส่วนสาวน้อยพอเจ้าของห้องเดินจากไปแล้วก็ยกมือขึ้นทาบอกเป่าปากให้ตัวเองผ่อนคลายจากสถานการณ์ที่เพิ่งเจอก่อนหน้านี้แล้วเดินไปยังห้องที่ติดกันกับห้องที่หมอภีร์เดินหายเข้าไปก่อนหน้านี้ว้าย!อ้อมดาวตกใจตื่นในตอนเช้าพร้อมรีบดิ้นจะลุกลงจากเตียง แต่ถูกแขนแข็งแรงของคนฉวยโอกาสกอดรั้งไว้“ขอความอบอุ่นอีกสักพักได้ไหมดาว”น้ำเสียงทุ้มดังแผ่วกับลำคอระหง ตอนนี้หมอภีร์นอนกอดเธอบนเตียงและกำลังซุกหน้ากับคอของเธอ“หมอภีร์เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ และทะ...ทำไมกอดดาว”อ้อมดาวนอนเกร็งไม่กล้าขยับตัวเมื่อเขากอดแน่นขึ้นกว่าเดิม“ฉันนอนไม่หลับ และเมื่อคืนก็เคาะประตูห้องแล้วก่อนจะเข้ามา แต่เธอก็หลั
อ้อมดาวบอกกับป้าดูแลหอพักนักศึกษาว่าญาติไม่สบาย ท่านอยู่คนเดียวไม่มีใครดูแล เธอจึงจำเป็นต้องออกจากห้องเวลานี้ พอมาถึงร้านก็โทรหาหมอภีร์ รอไม่นานคนตัวโตสูงใหญ่ก็เดินเซออกมาหาตนเอง เขาเมาแล้วและดีที่เขาโทรหาเธอ ไม่ขับรถกลับเอง “หมอภีร์” ร่างเล็กในเสื้อยืด กางเกงยีนส์ขากระบอกวิ่งไปโอบประคองร่างใหญ่ที่เดินโซซัดโซเซออกมาจากร้านด้วยความเป็นห่วง แม้ว่าไม่ได้เจอกันนานสองปี แต่อ้อมดาวก็จำรูปพรรณสัณฐานของภีร์ได้ดี เขายังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง จะเปลี่ยนแปลงก็แต่อายุที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น “ดาว...” ภีร์ทิ้งน้ำหนักให้คนตัวเล็กประคองตัวเองเดิน เพียงแค่ได้ยินเสียง เขาก็จำได้ เพราะเขาได้ยินมันทุกวัน น้ำเสียงเล็กหวานนี้ “ดาวเองค่ะหมอภีร์ กลับกันนะคะ คอนโดหมอภีร์อยู่ไหนคะ ดาวจะพานั่งแท็กซี่กลับ” เพราะคุยกันทุกวัน เธอจึงรู้ว่าเขาอาศัยอยู่คอนโดกับห้องพักที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้เป็นส่วนใหญ่ “คอนโดอยู่...” เขาบอกเธอขณะถูกดึงลากเดินไปเรียกรถแท็กซี่ที่กำลังแล่นเข้ามาจอดส่งลูกค้าพอดี ซึ่งเป็นจังหวะพอดีทำให้ไม่ต้องประคองคนตัวโตนาน เพราะเขาตัวหนักเหลือเกิน พออ้อมดาวได้แท็
ปึก! พอกลับมาห้องทำงานก็ทุบมือกับโต๊ะทำงานด้วยความขุ่นเคือง ภาพของแม่และลูกเลี้ยงของแม่ มันทำให้เขาหงุดหงิดโมโหจนต้องกำมือแน่นเข้าหากัน ไรอันเป็นใครกัน ทำไมถึงมาแย่งแม่ไปจากเขากับน้องชาย เมื่อแม่เลือกครอบครัวใหม่แล้ว ทำไมต้องกลับมายุ่งวุ่นวายกับเขาอีกเล่า แอค! ประตูห้องทำงานเปิดผลักเข้ามาทำให้เขาหันขวับไปมองคนที่เปิดเข้ามา “ผู้หญิงคนนั้นก็มาหาพี่เหมือนกันเหรอ?” ธีร์ น้องของเขานั่นเองเปิดผลักเข้ามา เขาและน้องชายเป็นหมอประจำโรงพยาบาลเดียวกัน “ไปหาแกเหมือนกัน?” “อือ...ไปรอผมที่ห้องทำงานเลยแหละ” “ทำไมต้องกลับมา ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำหน้าที่แม่” “นั่นดิ กลับมาเรียกร้องความเป็นแม่จากเราทำไม ตัวเองก็มีลูกเลี้ยงอยู่แล้ว จะมายุ่งอะไรกับเราก็ไม่รู้” ธีร์เห็นด้วยกับพี่ชาย “ไปดื่มกันไหม” “ไปดิพี่” “ออกเวรพอดี แกล่ะธีร์” “เหมือนกันครับ” “งั้นก็ไปเปลี่ยนชุดเถอะ พี่ก็จะเปลี่ยนชุดเหมือนกัน” “อือ...ผมจะบอกพี่ว่าค่าจ้างพยาบาลพิเศษที่ดูแลพ่อที่บ้าน ผมจ่ายแล้วนะเดือนนี้ และค่าเด็กรับใช้ คนสวน คนขับรถ แม่คร
ตลอดเวลาหลายปีได้ยินแต่เสียงทุ้มอ่อนโยนส่งมาในสาย วันนี้เธอจะได้เจอหน้าของเขาอีกครั้ง จำได้ครั้งแรกที่เจอกันว่าเขาอ่อนโยนมากแค่ไหน ก็หลังจากที่เจอกันครั้งแรกที่โรงเรียนครั้งนั้น นายแพทย์หนุ่มภีร์ กุมารเวชศาสตร์ วัย 39 ปี ในปีนั้นนายแพทย์หนุ่มอายุ 30 ปี ได้เดินทางไปออกหน่วยแพทย์อาสาที่จังหวัดกำแพงเพชร ในวันนั้นเขาก็ได้รู้และได้ฟังเรื่องราวของเธอที่กำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก อาศัยอยู่กับคุณยายตั้งแต่จำความได้ และในตอนนั้นอ้อมดาวเพิ่งอายุได้เก้าขวบ จนเมื่อสองปีก่อนคุณยายได้จากไป อ้อมดาวหรือดาว สาวน้อยวัย 18 ปี จึงเหลือตัวคนเดียวในโลก แต่หมอภีร์ไม่ได้ปล่อยให้เธอโดดเดี่ยว จากเคว้งคว้างไร้ที่พึ่งพิงก็มีมืออ่อนโยนของคุณหมอแสนดีเข้ามาช่วยเหลือรับอุปการะเธอตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน จากที่เคยเป็นแค่เจ้าของเงินทุนส่งเธอเรียน ตอนนี้เขาขยับมาเป็นผู้ปกครองเต็มขั้น สาวน้อยไร้เดียงสาได้สอบเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยรัฐในกรุงเทพฯ เพื่อจะได้มาอยู่ใกล้ผู้มีพระคุณและตอบแทนหมอภีร์ที่เมตตาเด็กกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรอย่างตนเอง สาวน้อยยืนส่องกระจกร้านอาหารอยู่หน้าร้านอาหารที่นัดกับผู้มีพระคุณ ใจสาวน้อยทั