เขาพูดพร้อมชี้มือไปทางประตูห้องรับแขกที่ไม่เคยมีแขกแวะมาพักผ่อนสักครั้ง เพราะเขาไม่ชอบให้คนนอกเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัว แต่กับเด็กสาวอ้อมดาวคนนี้ เธอไม่ใช่คนนอก แต่เธอเป็นครอบครัวของเขา เพราะเขาเองก็เป็นครอบครัวของเด็กสาวเช่นกัน
“งั้นดาวไปนอนก่อนนะคะ ถ้าหมอภีร์จะเอาอะไรปลุกเรียกใช้ดาวได้เลยนะคะ”
หึ!
ภีร์ไม่ตอบแต่แค่นขำในลำคอแทนแล้วยกมือขึ้นเสยผมที่ตกลงมาปิดหน้าผากตัวเองแล้วลุกขึ้นเดินไปยังอีกห้องที่เป็นห้องส่วนตัว ส่วนสาวน้อยพอเจ้าของห้องเดินจากไปแล้วก็ยกมือขึ้นทาบอกเป่าปากให้ตัวเองผ่อนคลายจากสถานการณ์ที่เพิ่งเจอก่อนหน้านี้แล้วเดินไปยังห้องที่ติดกันกับห้องที่หมอภีร์เดินหายเข้าไปก่อนหน้านี้
ว้าย!
อ้อมดาวตกใจตื่นในตอนเช้าพร้อมรีบดิ้นจะลุกลงจากเตียง แต่ถูกแขนแข็งแรงของคนฉวยโอกาสกอดรั้งไว้
“ขอความอบอุ่นอีกสักพักได้ไหมดาว”
น้ำเสียงทุ้มดังแผ่วกับลำคอระหง ตอนนี้หมอภีร์นอนกอดเธอบนเตียงและกำลังซุกหน้ากับคอของเธอ
“หมอภีร์เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ และทะ...ทำไมกอดดาว”
อ้อมดาวนอนเกร็งไม่กล้าขยับตัวเมื่อเขากอดแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ฉันนอนไม่หลับ และเมื่อคืนก็เคาะประตูห้องแล้วก่อนจะเข้ามา แต่เธอก็หลับไปแล้ว ฉันเลยขออนุญาตตอนเธอหลับขึ้นมานอนบนเตียงด้วย” เขาตอบทั้งๆ ที่ยังหลับตาสนิทอยู่
“ตะ...แต่หมอภีร์ก็ไม่ควรมานอนกับดาวนะคะ แบบนี้ไม่ดีนะคะ ตอนนี้ดาวโตแล้ว”
“ฉันรู้ว่าดาวในวันนี้โตแล้ว...และก็สวยมากด้วยตอนนี้” ท้ายประโยคภีร์เสริมต่อในใจ
“หมอภีร์ปล่อยหนูก่อนได้ไหมคะตอนนี้ คือดาวอึดอัดค่ะ”
“ขอความอบอุ่นอีกนิดนะ นิดเดียวจริงๆ ดาว” เขาบอกสาวน้อยพร้อมกับซุกหน้าไปกับซอกคอระหงหอมกรุ่น กลิ่นกายสาวน้อยหอมเย้ายวนจนไม่อยากแยกห่าง ตอนนี้ภีร์รู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไร หรือดั่งคำเขาว่า
‘สมภารกินไก่วัด’ นั่นเอง“จำไม่ได้แล้วว่าฉันเคยสัมผัสความอบอุ่นแบบนี้มานานแค่ไหน ใจฉันมันหนาวเหน็บอ้างว้างโดดเดี่ยวมานานมากเหลือเกินดาว และมีแค่เธอตอนนี้ที่เป็นความอบอุ่นให้ฉันได้”
มันคือความจริง ภีร์ไม่ได้โกหก ตอนนี้ใจของเขาที่เคยร้อนด้วยไฟชังมันกลับเย็นขึ้นเมื่อได้พูดคุย ได้ยินเสียงเล็กหวานของสาวน้อยและยิ่งได้เจอ ได้ชิดใกล้ ได้กอดแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกอันกว้างใหญ่นี้
“หมอภีร์...” อ้อมดาวผ่อนคลายแล้วขยับตัวจากนอนนิ่งเกร็งมาโอบกอดลูบตบหลังกว้างปลอบโยนคนตัวโตแทน
“ไม่ต้องสงสารฉันเด็กน้อย” เขารู้ว่าอ้อมดาวสงสารเขาจึงพูดบอกอ้อมดาว
“ดาวไม่ได้สงสาร แต่ดาวรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดของหมอภีร์ ตลอดเวลาที่ดาวรู้จักหมอภีร์และได้อยู่เคียงข้างหมอภีร์มาเป็นเวลาหลายปี ดาวรู้ดีว่ามันยากที่หมอภีร์จะก้าวผ่านตรงนี้ไปได้ ดาวจะเป็นความอบอุ่นให้หมอเองค่ะ”
“รู้ไหมว่าชีวิตของฉันมีแค่เธอกับน้องชายเท่านั้น พ่อกับแม่มีก็เหมือนไม่มี” พอพูดถึงบิดามารดาผู้ให้กำเนิด เขาก็จุกในอกแล้วหยุดพูดซบหน้าหลับตานิ่งกับซอกคอเด็กสาว
“ถ้าเจ็บปวดนักก็ไม่ต้องไปพูดถึงมันนะคะ ตอนนี้ดาวต้องกลับหอพักแล้วค่ะ ต้องไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวไปเรียนตอนบ่าย”
“ย้ายออกจากหอพักมาอยู่ด้วยกันไหมดาว มาทำให้คอนโดเงียบๆ ของฉันให้มีสีสันและทำมันเป็นเหมือนบ้าน เธอมาอยู่กับฉันนะ”
“คือดาว...”
“มาอยู่ด้วยกันนะ ฉันจะได้กลับมาที่นี่บ่อยๆ เพราะปกติติดนอนที่โรงพยาบาล เพราะว่าคอนโดกลับมาก็อยู่คนเดียวไม่มีเพื่อนคุย แต่ที่โรงพยาบาลมีเพื่อนหมอคนอื่นๆ พักอยู่ด้วยเลยทำให้ฉันชอบนอนที่นั่นมากกว่ามาคอนโด”
ภีร์ผละลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงลูบหัวอ้อมดาวที่ยังนอนลืมตามองตนเองอยู่บนหมอนใบใหญ่ ตอนนี้หัวใจของเขาได้รับความอบอุ่นจากอ้อมดาวมาพอสมควรแล้ว เพราะเข้ามาตั้งแต่ตอนตีสาม เขาไม่สามารถนอนหลับคนเดียวได้ เพราะเรื่องในตอนหัวค่ำยังตามมาหลอกหลอนทุกครั้งยามข่มตาหลับจนต้องพาตัวเองมานอนกับอ้อมดาว
“คือดาว...” สาวน้อยอ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้จะตอบยังไงดี แม้ว่าในใจจะกำลังโลดเต้นดีใจที่หมอภีร์ชักชวนให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน แต่อีกความคิดก็เป็นกังวล เพราะชายหญิงที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ควรมาอยู่ด้วยกันตามลำพัง แม้ว่าภีร์จะเป็นผู้มีพระคุณ เป็นผู้ปกครองของตนเอง แต่เธอก็ไม่เคยมองว่าเขาเป็นผู้ปกครองสักครั้ง ในสายตาของอ้อมดาว ภีร์คือผู้ชายที่เธอ ‘รัก’ ตั้งแต่แรกเจอ
“ไหนบอกจะเชื่อฟังฉันและทำตามที่ฉันต้องการไงดาว ตอนนี้ก็รับน้องเสร็จแล้วนี่”
“หลังสอบเสร็จ ปิดเทอมแรก ดาวจะย้ายมานะคะ”
“นานไหม?”
“อีกหนึ่งเดือนค่ะ” สาวน้อยตอบ
“อือ...งั้นก็ไปล้างหน้าเถอะ วันนี้ฉันหยุดเดี๋ยวฉันไปส่งดาวที่หอพักเอง” ก่อนจะจากไปภีร์ก็ก้มโน้มหน้าลงจุ๊บหน้าผากเด็กในปกครอง ก่อนจะลุกเดินลงจากเตียงไปด้วยใบหน้าเรียบตึง แต่คนถูกจุ๊บหน้าเหม่งถึงกับนอนเกร็งหน้าแดงดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหัวแล้วร้องกรี๊ด
กรี๊ด!
เสียงกรี๊ดใต้ผ้าห่มดังออกมาถึงด้านนอกทำให้ภีร์อมยิ้มเดินกลับเข้าห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำแต่งตัวให้พร้อมจะได้ไปส่งอ้อมดาวกลับหอพักนักศึกษาของเธอ
อ้อมดาวร้องกรี๊ดใต้ผ้าห่มจนพอใจก็ดึงมันออกแล้วมองไปทางประตูห้องนอนที่เปิดทิ้งกว้างไว้แล้วลุกขึ้นกุมสองแก้มตัวเองพิงหัวเตียงแล้วพึมพำเป็นคำถามกับตัวเอง
“เมื่อกี้หมอภีร์จุ๊บหน้าผากเราทำไมดาว” ถามตัวเองแล้วก็หยิบหมอนข้างขึ้นมากอดกัดแก้เขิน
“หมอภีร์คงไม่ได้คิดแบบชู้สาวกับเราใช่ไหมดาว” คิดแล้วก็กัดหมอนอีกครั้งจนมันจะขาด
“ไม่ หมอภีร์แค่จุ๊บแบบผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กเท่านั้นแหละดาว” เธอบอกตัวเองให้คิดแบบนั้น แต่สองแก้มนวลก็แดงลามไปถึงหูและเสียงหัวใจก็เต้นแรงจนต้องระบายความเขินอายกับหมอนที่กอดกัดรุนแรงขึ้น
ภพมองอดีตภรรยาที่ตอนนี้กลายมาเป็นเพื่อนและน้องสาวของตนเอง แม้จะเลิกราแยกทางกันไปจนญาดาแต่งงานใหม่ แต่ญาดาก็ไม่ได้มีลูกใหม่ เธอมีลูกกับตนแค่สองคนคือภีร์กับธีร์ ลูกชายทั้งสองเจริญรอยตามเป็นหมอเหมือนตนเอง ส่วนหนุ่มลูกครึ่งข้างๆ อดีตภรรยานั้นคือลูกเลี้ยง ลูกติดของสามีญาดา “กินไข่ต้มและนึ่งปลาแล้วก็ผักต้มนะคะคุณภพ” ญาดาบอกอดีตสามีเมื่อพยาบาลพิเศษเข็นรถเข็นพามาในห้องรับประทานอาหาร “ขอบใจนะญาดาที่เสียสละเวลาตัวเองมาอยู่ดูแลกันตั้งแต่ฉันป่วย” “เราคือครอบครัวเดียวกันนะคุณภพ ถึงเราจะเลิกกัน แต่ใช่ว่าเราจะเป็นคนอื่น” “อือ...เมื่อวานคนขับรถบอกว่าคุณไปหาลูกที่โรงพยาบาลมา” “ครับ คุณลุง เมื่อวานผมพาคุณแม่ไปหาพี่ภีร์กับพี่ธีร์” เป็นไรอันที่ตอบแทนแม่เลี้ยง “ดูจากสีหน้าของคุณแล้วคงไม่ดีเท่าไหร่ใช่ไหมญาดา”ภพเอ่ยเสียงเนิบนาบตามวัย ตอนนี้ก็อายุใกล้จะเจ็ดสิบปี แถมยังมามีโรคตอนแก่อีกต่างหาก ภพจะเจอลูกทั้งสองเฉพาะวันไปฟอกไตที่โรงพยาบาลเท่านั้น ส่วนบ้านน่ะเหรอ ลูกชายทั้งสองไม่กลับมานานแล้ว และเขารู้ดีว่าเพราะอะไร ภีร์และธีร์ถึงไม่กลับมาเหยียบบ้านหลังใหญ่หลังนี
“ทำไมหมอภีร์จุ๊บหน้าผากดาวอีกแล้วคะ” ภีร์หยุดเท้าที่กำลังจะเดินพ้นประตูห้องแล้วเอี้ยวหน้าหันมามองอ้อมดาว “จองไว้” แล้วเขาก็หมุนเอี้ยวหน้าเดินต่อ ส่วนคำตอบของนายแพทย์หนุ่มก็ดังก้องในหัวจนสาวน้อยทำงานตรงหน้าต่อไม่ไหว “จองไว้? จองไว้แบบไหน หมอภีร์คงไม่ใช่ ไม่หรอกดาว” แล้วเธอก็ล้มตัวดิ้นกลิ้งไปกับพื้นพรมของห้องหยิบเสื้อผ้ามาโยนขึ้นกลางอากาศให้หล่นใส่ตัวเอง แม้เฝ้าบอกตัวเองให้เจียมตัวเจียมใจ แต่ก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าหมอภีร์มีใจปรารถนาตนเองเช่นกันหนึ่งอาทิตย์กับการมีอ้อมดาวมาอาศัยอยู่ด้วย มันไม่ได้ทำให้นายแพทย์หนุ่มรำคาญตาเลยสักนิดกับการตื่นเช้ามาเจอเธอทำมื้อเช้าให้ตัวเอง และมันทำให้อยากกลับมาที่คอนโดทุกวันหลังลงเวรแล้ว ถ้าไม่ง่วงมากก็จะกลับมาที่คอนโด ถ้าขับรถไม่ไหวจะนอนค้างที่โรงพยาบาล“หอมจัง ทำอะไรให้ฉันทานเด็กน้อย”“เช้
ธีร์มองจ้องพี่ชายแล้วก็ยกยิ้ม พี่ชายเอาแต่จ้องจอโทรศัพท์และดูโทรศัพท์ ไม่สนใจน้องชายอย่างตน แปลก...คนไม่ติดโทรศัพท์อย่างพี่ชายตอนนี้ติดแทบไม่ให้ห่างมือตนเอง สายตาก็คอยจับจ้องหน้าจอเหมือนกำลังรอคอยใครบางคนส่งข้อความหรือโทรเข้า “มือถือมีอะไรดีรึเปล่านะ พี่ชายผมถึงเอาแต่จ้องไม่วางตา” ธีร์เอ่ยและนั่นทำให้พี่ชายเอนตัวพิงพนักเก้าอี้เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง “ก็ดูหุ้นทั่วไป” เขาตอบแล้วหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาจิบดื่ม “พี่อยากกินอะไรสั่งได้เลย มื้อนี้พี่จ่ายอยู่แล้ว” “นายสั่งเถอะ พี่ยังไงก็ได้” “งั้นผมจะสั่งง่ายๆ แล้วกัน กับข้าวสักสามอย่างก็พอ ทานกันสองคนเอง” “แล้วแต่นาย”&
มันก็แค่ปากสัมผัสกันแผ่วเบา ไม่ได้ดุดันแม้ใจอยากจะดุดันดุนดันปลายลิ้นร้อนเข้าไปควานกลืนกินความหวานในโพรงปากน้อยของสาวเจ้าก็เถอะ แต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้เพื่อไม่ให้ทุกอย่างมันเลยเถิดไปมากกว่านี้ แค่ได้สัมผัสแตะเนื้อต้องตัวอ้อมดาวเล็กๆ น้อยๆ เขาก็มีความสุขมากแล้ว และกลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะหักห้ามใจไม่ไหวปลุกปล้ำสาวน้อยร่วมคอนโดด้วย แม้ใจอยากจะทำมากก็ตามตอนนี้ “ให้ตายเถอะไอ้ภีร์” เขาบ่นว่าตัวเองเมื่อทำเรื่องไม่ควรกับสาวน้อยแล้วเดินหนีจากมาในห้องและพอก้มมองความเป็นบุรุษของตัวเองก็ต้องขบกรามแน่นเมื่อมันกำลังผงาดคับแน่นเป้ากางเกงจนปวดร้าว “ให้มันได้แบบนี้สิ หรือว่านานแล้วที่เราไม่ได้ปลดปล่อยเลยอารมณ์เปลี่ยวคิดไม่ดีกับดาว”จากจะอาบน้ำนอนก็เดินออกจากห้องนอนออกไปข้างนอกอีกครั้ง ยังไงเสียพรุ่งนี้ก็วันหยุด เขาต้องปลดปล่อยมัน จะให้ใช้อุ้งมือทั้งสองมันก็น่าสมเพชเกินไปที่จะทำ “มะ
ออกจากบ้านหลังใหญ่ก็กลับมาคอนโดมาดื่มที่คอนโดคนเดียว เพราะน้องชายต้องไปทำธุระส่วนตัวต่อจึงไม่ได้ไปดื่มด้วยกัน และทางที่ดีที่สุด ดื่มเมาที่ห้องก็หลับที่ห้อง ปลอดภัย ไม่เดือดร้อนคนอื่นด้วย ภีร์กระดกดื่มทั้งขวด ไม่สนใจรินใส่แก้ว ดื่มอึกใหญ่จนสาวน้อยที่แอบมองอยู่เดินเข้ามาหา เพราะตั้งแต่กลับมาสีหน้าของหมอภีร์เคร่งเครียดกังวล แต่ก็ไม่กล้าถามด้วยกลัวว่าเขาจะโกรธ เอาแต่ดื่มแบบนี้เธอก็ไม่ไหว เธอเป็น ‘ห่วง’ เขา “หยุดดื่มได้แล้วค่ะหมอภีร์” เธอเดินมานั่งลงข้างๆ พร้อมแย่งขวดบรั่นดีในมือหนามาถือไว้ “เอามาให้ฉันดาว” เขายื่นมือไปหมายจะแย่งมาดื่มต่อ แต่มือน้อยก็ขยับดึงมันไปซ่อนไว้ด้านหลังแทน “เป็นอะไรคะหมอภีร์ ทำไมดื่มเวลานี้ มีเรื่องไม่สบายใจรึเปล่าคะ บอกดาวได้นะคะ” สาวน้อยถามด้วยความเป็นห่วง &ldquo
“ไม่ต้องพูด ฉันรู้ว่าดาวอายฉัน ฉันไม่เคยมองดาวเป็นคนนอก ดาวเป็นคนในครอบครัว ไม่รู้เริ่มตั้งแต่ตอนไหนที่ฉันอยาก ‘ได้’ เธอ เด็กดีเป็นของฉันนะ รู้ไหมตอนนี้ฉันเหมือนโคแก่เจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งเลยดาว” “หมอภีร์ช่างเปรียบ” “ก็มันจริง ฉันกับดาวอายุห่างกันตั้งเกือบรอบเชียวนะ ฉันจะไม่ทิ้งเธอแน่นอนดาว” “ดาวเชื่อใจหมอภีร์ค่ะ ดาวจะเป็นของหมอภีร์” “ขอบใจนะ ฉันจะไม่ทำให้ดาวเสียใจและผิดหวังในตัวของฉัน อะ...อื้ม” แล้วปากนุ่มของนายแพทย์หนุ่มก็บดจูบปากน้อยแสนหวานของอ้อมดาวอีกครั้งและครั้งนี้ก็เนิ่นนาน เรียวลิ้นอุ่นร้อนไล่ต้อนลิ้นน้อยเจ้าของโพรงปากจนมุมแล้วตวัดกอดเกี่ยวรัดคลึงพร้อมกับมือใหญ่ทั้งสองจัดการปลดเปลื้องชุดของอ้อมดาวออก “อะ...อื้อ” เสียงครางยังคงดังลอดออกมาจากปากของทั้งสอง และเรือนร่างน้อยก็เปลือยเปล่าเมื่อคนตัวโตจัดการ
นานกี่ชั่วโมงไม่รู้กับโซฟา รู้ตัวอีกทีก็ตอนนี้อยู่บนเตียงนอนนุ่มของตนเองและข้างๆ ก็มีหมอภีร์นอนหลับอยู่ข้างกายโดยท่อนแขนแข็งแรงของเขาพาดกอดเอวเล็กคอดของตนเอง สองแก้มนวลแดงระเรื่อซับสีเลือดเมื่อภาพลามกของตนเองกับหมอภีร์ที่ทำด้วยกันอยู่ด้านนอกมันเข้ามาฉายซ้ำในหัวอีกครั้ง “ตื่นแล้วเหรอ?” เป็นเสียงทุ้มของคนร่วมเตียงเอ่ยถามและนั่นทำให้เธอหันมามองก็เห็นว่าเขาเองก็ตื่นแล้วเหมือนกัน “คะ...ค่ะหมอภีร์” “หิวไหม เดี๋ยวทำอะไรง่ายๆ ให้ทาน”ภีร์ขยับลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแล้วดึงรั้งผ้าห่มมาห่มปิดหน้าอกของสาวน้อยไว้ด้วยกลัวว่าตนเองจะต่ออีกยก ก็ร่างกายของอ้อมดาวหวานจนไม่อยากจะแยกจาก แต่ก็ต้องจำใจพอแค่นี้ เพราะร่างน้อยของเด็กสาวยังใหม่ ไม่ควรเอาแต่ใจตน “หิวค่ะ” “งั้นนอนเถอ
พอเสร็จงานภีร์ก็รีบถอดเสื้อกาวน์ออกแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วกุญแจรถยนต์พร้อมจะไปหาคนตัวเล็กที่รอตนเอง พอเดินออกมานอกห้องก็เจอกับไรอันยืนอยู่หน้าห้องทำงานของตนเอง ใบหน้าเปื้อนยิ้มเปลี่ยนเป็นบึ้งขึ้นมาทันที พอจะเดินผ่าน ไรอันก็เรียกรั้งไว้ “คุยกันหน่อยสิ” “ไม่ว่าง” “เลิกงานแล้วนี่ ทำไมจะคุยไม่ได้” ไรอันยืนขวางไม่ยอมปล่อยให้ภีร์ไป “เวลาของฉันไม่ได้มีไว้ให้นาย ถ้าจะมาคุยเรื่องแม่เลี้ยงนายก็ไม่ต้องมาพูด เพราะฉันไม่มีอะไรจะคุย” แล้วภีร์ก็เดินผ่านไรอันไปด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด ไรอันก็ยังคงเดินตามไปไม่ยอมทิ้งความพยายามของตนเอง “นายใจดำกับคุณแม่มากไปแล้วนะภีร์” เงียบ!&n
ภีร์วิ่งเข้ามาในห้องน้ำ เขามาส่องกระจกดูตัวเองในห้องน้ำแล้วก็ขบกรามแน่น เมื่อกี้เขาร้องไห้ ร้องไห้เพราะผู้หญิงคนนั้น สองมือกำแน่นเข้าหากันแล้วเปิดน้ำวักน้ำใส่หน้าตัวเองจนเปียกไปทั้งตัวแล้วทุบชกกระจกตรงหน้าตัวเองเมื่อเห็นว่าตนกำลังอ่อนไหวกับคนที่ทิ้งตนไปตอนนั้นตุ้บ!กระจกร้าวแตกเมื่อโดนกำปั้นใหญ่ชกเต็มแรง และกำปั้นของเขาก็แตกไม่ต่างจากกระจกที่ชก เจ็บมือไม่เท่าไหร่ แต่ใจของเขานี่สิ มันเจ็บเหลือเกินตอนนี้ ไม่เข้าใจว่าตัวเองนั้นต้องการอะไรกันแน่“ให้ช่วยไหมครับ?” เสียงของคนที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาเห็นเขาเอ่ยถาม“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะครับ ขอโทษด้วยนะครับ” แล้วเขาก็รีบเดินออกจากห้องน้ำไป ส่วนกระจกที่ร้าวเขาค่อยไปแจ้งให้ฝ่ายช่างมาจัดการ เขาจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นเอง เพราะเขาใช้มันระบายอารมณ์“ภีร์” เมริษาร้องเรียกคนที่กำลังเดินผ่านตนเองรั้งไว้พร้อมกับฉวยโอกาสคว้าจับข้อมือใหญ่ดึงรั้งไว้ให้หยุด“ปล่อยเมย์” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยเสี
จนตอนนี้ผ่านมาสองเดือนแล้วที่ภีร์ไม่แวะมาบ้านหลังใหญ่หลังนี้ ตอนนี้ไรอันกับเจฟ สามีก็พักอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านของอดีตสามี แม้ว่าสามีของนางจะอยากไปพักโรงแรมข้างนอก แต่ภพก็ชักชวนให้เจฟอยู่ด้วยกันที่นี่ เพราะถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว “ขับรถดีๆ นะไรอัน” ญาดาบอกลูกเลี้ยง “ครับ คุณแม่” ไรอันรับคำด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ไปนะที่รัก” เจฟเดินมาก้มหอมแก้มภรรยาที่เดินออกมาส่งตัวเองขึ้นรถจะไปสนามบินกลับประเทศอังกฤษ “เดินทางปลอดภัยนะคะที่รัก ถึงแล้ววิดีโอคอลหาด้วยนะคะ” “ครับ แล้วเจอกันที่รัก” แล้วเจฟก็เดินไปขึ้นรถที่ลูกชายติดเครื่องรอท่าก่อนหน้า “ไปนะครับคุณแม่” ไรอันบอกแม่เลี้ยงแล้วก็ออกตัวเคลื่อนรถพาพ่อไปยังส
“ชูว์...ไม่ร้องนะเด็กดีของหมอ ไม่ร้องนะ ใครเขาจะไปกัน เมียอยู่นี่ก็ต้องอยู่กับเมียสิ ฉันรู้ว่าเมย์ต้องพูดอะไรกับเธอถึงได้แกล้งพูดให้เธอหึงฉัน ไม่ได้ตั้งใจจะให้ร้องไห้สักหน่อย ไม่ร้องนะเด็กดี โอ๋เอ๋...” ภีร์ดึงคนขี้แยเข้ามากอดปลอบ “อึก! หมอภีร์รู้ไหมคะว่าหมอเมย์จะแย่งหมอภีร์ ถ้าดาวเผลอ” เธอสะอื้นดังกว่าเดิมพร้อมกอดคนตัวโตแน่นราวกับว่าเขาจะหายไปจากตน “ไม่มีใครมาแย่งฉันไปจากดาว นอกจากฉันจะไปของฉันเอง เชื่อใจฉันได้ ฉันเลือกดาวแล้วก็ต้องเป็นดาวเท่านั้นที่ฉันจะอยู่ด้วย เนี่ยสินะเขาว่าฮอร์โมนคุณแม่ เริ่มคิดมากเริ่มกังวลแล้ว” เขาบอกคนตัวเล็กแล้วดันอ้อมดาวออกจากอกแล้วก้มลงจุ๊บเปลือกตาสวยที่หลับร้องไห้อยู่ “คงจะจริงค่ะ ดาวไม่ได้อยากจะขี้แยงี่เง่ากับหมอภีร์ แต่ดาวห้ามตัวเองไม่ได้ อึก! ฮือ...” “ฉันรู้ว่าดาวของฉันเป็นเด็กดี มีเหตุผล
ครรภ์แรกของอ้อมดาวตอนนี้อายุได้เจ็ดสัปดาห์แล้ว ไม่ใช่แค่ว่าที่คุณแม่ดีใจ ว่าที่คุณพ่อก็ดีใจและอดจะโทรไปพูดอวดน้องชายไม่ได้ถึงความสำเร็จของตัวเอง ก็ครั้งก่อนน้องชายดูถูกหาว่าตน ‘ไม่มีน้ำยา’ มาดูตอนนี้สิ เขา ‘มีน้ำยา’ และดีมากด้วย “วันนี้ฉันนัดกินข้าวกับธีร์ และอยากแนะนำดาวให้รู้จักธีร์ด้วย เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน” เขาเคยแต่พูดเรื่องน้องชายให้ภรรยาเด็กฟัง แต่ยังไม่เคยพาทั้งสองมาเจอกันสักครั้ง ส่วนธีร์นั้นเคยเห็นอ้อมดาวแล้วหลายครั้งแบบผ่านๆ แต่ก็ไม่ได้ทักทายทำความรู้จักกันแบบจริงจัง “จะดีเหรอคะหมอภีร์” อ้อมดาวถามคนเป็นสามี “ทำไมถึงคิดว่าไม่ดีล่ะ เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว และเธอก็เป็นพี่สะใภ้ของธีร์มันแล้วตอนนี้ ไม่ใช่เด็กในปกครองฉันแล้วนะ เปลี่ยนจากเด็กในปกครองเป็น ‘เมีย’ ในปกครองของฉันแล้ว” ภีร์บอกภรรยาเด็กของตน
“อือ...หมอภีร์เดี๋ยวดาวตกค่ะ”เธอถือแปรงสีฟันแล้วกอดคอหนาแน่นด้วยกลัวว่าตนเองจะพลัดตกหลุดจากอ้อมกอดแข็งแรง แม้รู้ว่าเขาไม่ปล่อยให้ตนมีอันตรายแน่นอน“มีฉันอยู่ไม่ตกหรอก อีกอย่างฉันอุ้มเพราะฉันดีใจ พรุ่งนี้ไปฝากท้องกันนะ แล้วฉันจะไปส่งดาวที่มหา’ลัย”“ค่ะ หมอภีร์”“น่ารัก มีแค่เธอที่ตามใจฉันแบบไม่มีข้อแม้และข้อสงสัยเด็กน้อย” แล้วภีร์ก็ปล่อยคนตัวเล็กยืนเอง“หมอภีร์ออกไปข้างนอกได้แล้วค่ะ ถ้าไม่แปรงฟัน ดาวจะแปรงฟันแล้วรีบนอน”“คืนนี้ขอหน้ากระจกนี้ได้ไหม อยากให้ดาวเห็นหน้าตัวเองตอนโดนฉัน ‘เอา’ น่ะ...นะเด็กดี” เขาลูบผมยาวสลวยคนตัวเล็กตรงหน้าแล้วจับขึ้นมาดมแล้วก้มหน้าซุกไซ้ซอกคอระหงคนยืนหันหลังให้ตัวเองแล้วย่อตัวคุกเข่ากับพื้นแล้วถอดกางเกงนอนตัวบางของอ้อมดาว“อือ...หมอภีร์ ดาวยังไม่ได้อนุญาตเลยนะคะ”“ฉันรู้ว่าลึกๆ แล้วดาวก็อยากลองตรงนี้และอยากเห็นหน้าตัวเองตอนหื่นด้วยใช่ไหมล่ะ”“หมอหื่น
เปิดเรียนวันแรกก็เหนื่อย อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยก็สั่งงานเยอะมาก เหมือนเก็บกด แต่เธอก็ดีใจที่ได้เจอเพื่อนๆ ร่วมคณะเดียวกัน อ้อมดาวเดินออกมาจากตึกเรียนเดินมาหารถยนต์คันหรูที่เจ้าของรถนั่งรออยู่ในรถ พอมาถึงก็เคาะกระจกรถบอกเขาแล้วเขาก็ปลดล็อกแล้วเธอก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ “รัดเข็มขัดให้นะ” ภีร์รัดเข็มขัดนิรภัยให้อ้อมดาว วันนี้วันหยุดเขาจึงมาส่งเธอและมารับเธอกลับบ้านได้ อยากทำหน้าที่สามีไม่ให้เธอรู้สึกน้อยใจ “หมอภีร์รู้ไหม ชุดที่หมอภีร์ให้ดาวใส่ทำให้เพื่อนดาวในคณะหัวเราะ กระโปรงก็ยาวถึงข้อเท้า เสื้อก็ตัวใหญ่หลวมโพรก” “น่ารักดีออก ดีกว่าใส่รัดๆ อีกอย่างดาวเป็นของฉัน เนื้อหนังมังสาให้ฉันดูและสัมผัสได้คนเดียวรู้ไหม” “มันก็เกินไปไหมคะ ปกติดาวก็ไม่ได้ใส่สั้นใส่รัดอยู่แล้ว กระโปรงก็คุมเข่าอยู่แล้ว แต่เนี่ยหมอภีร์ให้ดาวแต่งตัว
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ภีร์เพิ่งถอดชุดกาวน์จะออกเวรกลับไปหาอ้อมดาวก็ต้องหยุดมือที่กำลังจะหยิบจับโทรศัพท์ค้างกลางอากาศแล้วอนุญาตเจ้าของเสียงเคาะประตูหน้าห้อง “เชิญครับ” แล้วเขาก็นั่งลงเก้าอี้ทำงานของตนเองเหมือนเดิม “ภีร์เลิกงานแล้วเหรอ?” “เมย์” เขาเรียกชื่อผู้หญิงที่เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของตนเองอย่างไม่เชื่อสายตาว่าอดีตคู่จิ้นสมัยเรียนของตนเองจะมาอยู่ตรงหน้าตนเอง “เมย์เองค่ะ เมย์ย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลนี้ได้สองวันแล้วว่าจะมาทักภีร์ตั้งแต่เมื่อวาน แต่เมื่อวานภีร์หยุด” หล่อนดึงลากเก้าอี้ตรงข้ามกับนายแพทย์หนุ่มออกนั่งโดยไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน นึกว่าจะทำงานที่อเม’กาไม่กลับมาเมืองไทยซะแล้ว”
สุดท้ายแล้วก็ต้องนอนค้างที่บ้านหลังนี้ เขาออกจากบ้านนี้ไปตอนเรียนมหาวิทยาลัย จนตอนนี้ไม่ได้กลับมานอนที่นี่อีก และวันนี้ก็ต้องได้นอนค้างที่นี่เมื่อฝนตกไม่หยุด ส่วนมื้อเย็นภีร์พาอ้อมดาวทานในห้องครัวพร้อมกับแม่ครัวและสาวใช้ในบ้าน “อย่าทำแบบวันนี้อีกนะคะ รู้ไหมดาวเป็นห่วง” ในความมืดยามดึกอ้อมดาวนอนซบอกแกร่งพร้อมแขนเล็กพาดกอดเอวสอบใต้ผ้าห่ม “ขอโทษ ฉันจะไม่ทำให้เธอเป็นห่วงอีกแล้วดาว แต่วันนี้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้” “และอย่าพูดเรื่อง ‘ตาย’ อีกนะคะ หมอภีร์ไม่อยากอยู่กับดาวแล้วเหรอคะ” “ขอโทษ” “ขอโทษดาวคนเดียวไม่ได้หรอกนะคะ ยังมีคุณพ่อคุณแม่ของหมอภีร์ที่หมอภีร์ต้องขอโทษ...” “ทำไม
ญาดาเจ็บเมื่อลูกชายที่อุ้มท้องเก้าเดือนและเบ่งคลอดเขาออกมามองตนเองเป็นคนนอก แต่ก็ไม่ได้โกรธ เกลียดแต่เสียใจ เสียใจที่ในวันนั้นตนเองจากไปแบบนั้นจนทำให้ลูกชายทั้งสองเข้าใจผิด ถ้าวันนั้นอธิบาย ภีร์กับธีร์คงไม่เข้าใจผิดเกลียดชังตนเองกับอดีตสามีหรืออาจจะเกลียด แต่ก็ไม่ได้มากเท่านี้ แต่เวลานี้แม้แต่หน้าของนาง ลูกชายยังไม่อยากมองด้วยซ้ำ“แล้วจัดงานแต่งงานกันรึยัง” ภพถามลูกชาย เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์จะขัดขวางความ ‘รัก’ ของลูก ตัวเขาดีใจ หวังให้ลูกชายมีครอบครัวที่ ‘สมบูรณ์’ อย่าให้เดินตามรอยของตนเองและแม่ของเขา“ยังครับ ผมจะรอให้ดาวเรียนจบก่อน แต่เราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว” ภีร์เอ่ย“อือ...งั้นวันนี้ก็อยู่ทานข้าวด้วยกัน ถือว่าเป็นการเลี้ยงฉลองให้กับชีวิตคู่ของแก” คนเป็นพ่อเอ่ย“นะลูก อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันนะภีร์” เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองควรอยู่ตรงไหน ไม่ควรออกความคิดเรื่องส่วนตัวของลูกชายให้เกลียดชังตนไปมากกว่านี้ แต่ก็อดจะเอ่ยชวนภีร์อยู่ทาน