ธีร์มองจ้องพี่ชายแล้วก็ยกยิ้ม พี่ชายเอาแต่จ้องจอโทรศัพท์และดูโทรศัพท์ ไม่สนใจน้องชายอย่างตน แปลก...คนไม่ติดโทรศัพท์อย่างพี่ชายตอนนี้ติดแทบไม่ให้ห่างมือตนเอง สายตาก็คอยจับจ้องหน้าจอเหมือนกำลังรอคอยใครบางคนส่งข้อความหรือโทรเข้า
“มือถือมีอะไรดีรึเปล่านะ พี่ชายผมถึงเอาแต่จ้องไม่วางตา” ธีร์เอ่ยและนั่นทำให้พี่ชายเอนตัวพิงพนักเก้าอี้เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง
“ก็ดูหุ้นทั่วไป” เขาตอบแล้วหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาจิบดื่ม
“พี่อยากกินอะไรสั่งได้เลย มื้อนี้พี่จ่ายอยู่แล้ว”
“นายสั่งเถอะ พี่ยังไงก็ได้”
“งั้นผมจะสั่งง่ายๆ แล้วกัน กับข้าวสักสามอย่างก็พอ ทานกันสองคนเอง”
“แล้วแต่นาย”
แล้วธีร์ก็ยกมือกวักเรียกพนักงานมารับออเดอร์อาหารจากตนเอง พอพนักงานมา เขาก็สั่งไข่เจียวปู ผัดผักรวมมิตรหมู ต้มยำไก่บ้าน และข้าวหนึ่งโถ พอสั่งเสร็จระหว่างรอก็มาคุยถึงธุระที่นัดทานข้าวกับพี่ชายเย็นนี้ทันที
“พี่เห็นค่าไตของพ่อรึยัง?”
“เห็นแล้ว มันก็ปกติ และมันก็ถือว่าดีแล้วสำหรับคนวัยนี้” ภีร์เอ่ย เพราะได้อ่านผลตรวจของพ่อแล้ว
“ก็ยังถือว่าดีอยู่ แต่ช่วงนี้พ่อจะเพลียเหนื่อยง่าย ผมว่าจะแวะไปที่บ้านพรุ่งนี้ แต่ไม่อยากไปเจอผู้หญิงคนนั้นคนเดียวเลยอยากชวนพี่ไปด้วย”
“พี่...” ภีร์คิดครู่หนึ่งแล้วก็พยักหน้ารับคำชวนน้องชาย
“งั้นเจอกันหน้าบ้านพรุ่งนี้สิบโมงก็แล้วกันนะครับ”
“อือ...”
“พรุ่งนี้เจอกันตอนเย็นแล้วกันนะครับ ลงเวรก็ไปกัน ว่าแต่พรุ่งนี้พี่เวรเช้าหรือกลางคืน”
“พรุ่งนี้พี่หยุด”
“งั้นก็ดีเลย ค่าไต ค่าตับ ผลเลือดของพ่อถึงไม่ดี แต่ก็ถือว่าดีมากในวัยนี้ เพราะพ่อก็อายุเยอะแล้ว” ธีร์เอ่ย
แม้ว่ากับน้องชายจะไม่ค่อยได้กลับบ้านไปดูแลพ่อ แต่ทั้งสองก็เฝ้าดูแลติดตามอาการป่วยและเฝ้าติดตามการรักษาท่านตลอด ปากบอกไม่ ‘ห่วง’ แต่การกระทำสวนทางกับคำพูด
“ถ้าแค่จะชวนพี่กลับบ้าน ไม่จำเป็นต้องนัดมากินข้าวด้วยหรอกนะธีร์ โทรบอกหรือไลน์บอกก็ได้” ภีร์เอ่ยแล้วอาหารก็ถูกพนักงานของร้านนำมาเสิร์ฟ
“ทำไม...ไม่อยากกินข้าวกับน้องแล้วเหรอตอนนี้ หรือว่ามีใครรออยู่คอนโด” ธีร์ถามยิ้มๆ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวกับพี่ชายที่ตนไม่รู้
“ก่อนจะสนใจเรื่องของพี่เอาเรื่องตัวเองให้รอดก่อนเถอะธีร์” น้องรู้จักเขา เขาเองก็รู้จักเรื่องของธีร์เช่นกัน แม้จะทำเหมือนไม่สนใจ แต่ทุกการเคลื่อนไหวของน้องชายอยู่ในสายตาของภีร์มาตลอด และเรื่องของ ‘บุญสิตา’ กับน้องชาย เขาก็พอรู้ ใช่ว่าจะปิดหูปิดตา
“ถือว่าพี่น้องกัน” ธีร์ไม่พูดต่อก็ตักข้าวในโถให้พี่ชายแล้วก็ของตัวเอง
“รีบกินจะได้รีบกลับ เหนื่อย”
“ครับผม ดีนะพรุ่งนี้ผมทำงานเวรเช้า กินอิ่มก็จะกลับไปนอนต่อ”
อือ!
แล้วสองพี่น้องก็ลงมือทานมื้อเย็นด้วยกันและพูดคุยถึงเรื่องงานของตนเองไปด้วยแลกเปลี่ยนกันเพื่อไม่ให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบจนเกินไป
อ้อมดาวทานมื้อเย็นคนเดียว เมื่อตอนห้าโมงเย็นหมอภีร์โทรมาบอกว่าวันนี้ไม่ได้ทานมื้อเย็นด้วยจะไปทานมื้อเย็นกับน้องชาย เธอก็เข้าใจจึงต้มมาม่าใส่หมูสับไข่ดาวทานง่ายๆ พอทานอิ่มก็มานอนอ่านหนังสือนิยายที่เพิ่งโหลดซื้ออีบุ๊กมาใหม่เมื่อช่วงบ่าย
“หมอภีร์คงไม่ไปดื่มต่อหรอกนะ” เมื่ออ่านหนังสือจบแล้วสี่ทุ่มภีร์ก็ยังไม่กลับ สาวน้อยก็เป็นห่วงกังวลกลัวว่าเขาจะไปดื่มกับน้องชายต่อจนเมากลับบ้านเองไม่ได้จึงยังไม่นอน เฝ้ารอรับสายโทรศัพท์จากภีร์เผื่อเขาให้ไปรับ
แอค!
เสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น เธอรีบลุกยืนแล้วเดินไปส่องหน้าประตูห้อง พอเห็นเขาเดินเข้ามาในห้องก็อมยิ้ม
“ดาวนึกว่าหมอภีร์จะไปดื่มจนเมาแล้วกลับบ้านเองไม่ได้ซะแล้วค่ะวันนี้”
“หืม! เห็นฉันเป็นคนขี้เหล้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่ดื่มให้ตัวเองเมาจนกลับบ้านไม่ได้หรอกนะ” เขาเดินมาจิ้มนิ้วกับลักยิ้มของหญิงสาวแล้วเดินไปยังตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำโดยมีอ้อมดาวเดินตามไปด้วย
“ก็เป็นห่วงนี่คะ ว่าแต่หมอภีร์ดื่มมาเหรอคะวันนี้” เธอถามเพราะได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยคลุ้งรอบตัวเขา
“นิดหน่อยน่ะ กินอิ่มธีร์มันชวนไปต่อร้านเหล้าเลยไปกับมัน แต่ดื่มไม่เยอะหรอก เพราะมันมีงานพรุ่งนี้เช้า” เขาชอบที่กลับมาแล้วมีอ้อมดาวรอและถามตนเองแบบนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือน ‘ภรรยา’ รอสามียังไงก็ไม่รู้ ให้ตายสิ เขาคิดแบบนี้ได้ยังไงกัน แต่ก็ยอมรับว่าคิดแบบนี้มาสักพักแล้ว และตอนไหนก็ไม่รู้ที่เขาเฝ้าคิดถึงแต่สาวน้อยคนนี้
“งั้นดาวไปนอนก่อนนะคะ หมอภีร์ถึงห้องปลอดภัยแล้ว ดาวก็นอนหลับสบายแล้วค่ะคืนนี้”
“เป็นห่วงฉันเหรอ?” เขาเปิดฝาขวดน้ำกระดกดื่ม แต่สายตามองจ้องสองแก้มนวลแดงปลั่งของสาวน้อย ทำไมจะมองไม่ออกว่าอ้อมดาวก็คิดไม่ซื่อกับตนเช่นกัน
“ก็ต้องห่วงสิคะ หมอภีร์คือผู้ปกครองของดาวนะคะ”
“แน่ใจว่าคิดกับฉันแค่ผู้ปกครองเท่านั้น” เขาดื่มน้ำหมดขวดแล้วปิดฝาโยนทิ้งถังขยะข้างตู้เย็นแล้วเดินต้อนเธอจนมุมกับผนังด้านหลังพร้อมก้มโน้มหน้าลงมาใกล้หน้าสวยหวานจิ้มลิ้มของเด็กสาว และยิ่งแก้มแดงก็ยิ่งน่ามันเขี้ยวจนใช้มือเชยคางมนเล็กให้แหงนเงยขึ้น พอสาวน้อยจะเบี่ยงตัวหนีก็ใช้มืออีกข้างดันผนังด้านหลังกักร่างน้อยไว้
“เด็กแก่แดด อะ...อื้อ” แล้วคนพูดก็ทาบทับริมฝีปากหนานุ่มสุขภาพดีของตนกับปากอวบอิ่มจิ้มลิ้มของสาวน้อยโดยไม่ปล่อยโอกาสให้อ้อมดาวได้พูดโต้ตอบตนเอง
“อะ...อื้อ ฝันดีนะ” ภีร์ผละปากออกแล้วเดินผ่านเธอกลับห้องนอนตัวเองปล่อยสาวน้อยยืนเคว้งคว้างอยู่ลำพังกับที่
“มะ...เมื่อกี้หมอภีร์จูบเรา จูบแรกของเรา” เธอพึมพำลูบริมฝีปากตัวเองแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเมื่อแข้งขาอ่อนแรง หัวใจของอ้อมดาวเต้นแรงไม่เป็นจังหวะจนต้องก้มหน้าซุกกับมือตัวเอง อยากจะร้องกรี๊ดแต่ก็ร้องกรี๊ดไม่ออก ทุกครั้งแค่จุ๊บหน้าผาก แต่เมื่อกี้หมอภีร์จูบปากของเธอ
มันก็แค่ปากสัมผัสกันแผ่วเบา ไม่ได้ดุดันแม้ใจอยากจะดุดันดุนดันปลายลิ้นร้อนเข้าไปควานกลืนกินความหวานในโพรงปากน้อยของสาวเจ้าก็เถอะ แต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้เพื่อไม่ให้ทุกอย่างมันเลยเถิดไปมากกว่านี้ แค่ได้สัมผัสแตะเนื้อต้องตัวอ้อมดาวเล็กๆ น้อยๆ เขาก็มีความสุขมากแล้ว และกลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะหักห้ามใจไม่ไหวปลุกปล้ำสาวน้อยร่วมคอนโดด้วย แม้ใจอยากจะทำมากก็ตามตอนนี้ “ให้ตายเถอะไอ้ภีร์” เขาบ่นว่าตัวเองเมื่อทำเรื่องไม่ควรกับสาวน้อยแล้วเดินหนีจากมาในห้องและพอก้มมองความเป็นบุรุษของตัวเองก็ต้องขบกรามแน่นเมื่อมันกำลังผงาดคับแน่นเป้ากางเกงจนปวดร้าว “ให้มันได้แบบนี้สิ หรือว่านานแล้วที่เราไม่ได้ปลดปล่อยเลยอารมณ์เปลี่ยวคิดไม่ดีกับดาว”จากจะอาบน้ำนอนก็เดินออกจากห้องนอนออกไปข้างนอกอีกครั้ง ยังไงเสียพรุ่งนี้ก็วันหยุด เขาต้องปลดปล่อยมัน จะให้ใช้อุ้งมือทั้งสองมันก็น่าสมเพชเกินไปที่จะทำ “มะ
ออกจากบ้านหลังใหญ่ก็กลับมาคอนโดมาดื่มที่คอนโดคนเดียว เพราะน้องชายต้องไปทำธุระส่วนตัวต่อจึงไม่ได้ไปดื่มด้วยกัน และทางที่ดีที่สุด ดื่มเมาที่ห้องก็หลับที่ห้อง ปลอดภัย ไม่เดือดร้อนคนอื่นด้วย ภีร์กระดกดื่มทั้งขวด ไม่สนใจรินใส่แก้ว ดื่มอึกใหญ่จนสาวน้อยที่แอบมองอยู่เดินเข้ามาหา เพราะตั้งแต่กลับมาสีหน้าของหมอภีร์เคร่งเครียดกังวล แต่ก็ไม่กล้าถามด้วยกลัวว่าเขาจะโกรธ เอาแต่ดื่มแบบนี้เธอก็ไม่ไหว เธอเป็น ‘ห่วง’ เขา “หยุดดื่มได้แล้วค่ะหมอภีร์” เธอเดินมานั่งลงข้างๆ พร้อมแย่งขวดบรั่นดีในมือหนามาถือไว้ “เอามาให้ฉันดาว” เขายื่นมือไปหมายจะแย่งมาดื่มต่อ แต่มือน้อยก็ขยับดึงมันไปซ่อนไว้ด้านหลังแทน “เป็นอะไรคะหมอภีร์ ทำไมดื่มเวลานี้ มีเรื่องไม่สบายใจรึเปล่าคะ บอกดาวได้นะคะ” สาวน้อยถามด้วยความเป็นห่วง &ldquo
“ไม่ต้องพูด ฉันรู้ว่าดาวอายฉัน ฉันไม่เคยมองดาวเป็นคนนอก ดาวเป็นคนในครอบครัว ไม่รู้เริ่มตั้งแต่ตอนไหนที่ฉันอยาก ‘ได้’ เธอ เด็กดีเป็นของฉันนะ รู้ไหมตอนนี้ฉันเหมือนโคแก่เจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งเลยดาว” “หมอภีร์ช่างเปรียบ” “ก็มันจริง ฉันกับดาวอายุห่างกันตั้งเกือบรอบเชียวนะ ฉันจะไม่ทิ้งเธอแน่นอนดาว” “ดาวเชื่อใจหมอภีร์ค่ะ ดาวจะเป็นของหมอภีร์” “ขอบใจนะ ฉันจะไม่ทำให้ดาวเสียใจและผิดหวังในตัวของฉัน อะ...อื้ม” แล้วปากนุ่มของนายแพทย์หนุ่มก็บดจูบปากน้อยแสนหวานของอ้อมดาวอีกครั้งและครั้งนี้ก็เนิ่นนาน เรียวลิ้นอุ่นร้อนไล่ต้อนลิ้นน้อยเจ้าของโพรงปากจนมุมแล้วตวัดกอดเกี่ยวรัดคลึงพร้อมกับมือใหญ่ทั้งสองจัดการปลดเปลื้องชุดของอ้อมดาวออก “อะ...อื้อ” เสียงครางยังคงดังลอดออกมาจากปากของทั้งสอง และเรือนร่างน้อยก็เปลือยเปล่าเมื่อคนตัวโตจัดการ
นานกี่ชั่วโมงไม่รู้กับโซฟา รู้ตัวอีกทีก็ตอนนี้อยู่บนเตียงนอนนุ่มของตนเองและข้างๆ ก็มีหมอภีร์นอนหลับอยู่ข้างกายโดยท่อนแขนแข็งแรงของเขาพาดกอดเอวเล็กคอดของตนเอง สองแก้มนวลแดงระเรื่อซับสีเลือดเมื่อภาพลามกของตนเองกับหมอภีร์ที่ทำด้วยกันอยู่ด้านนอกมันเข้ามาฉายซ้ำในหัวอีกครั้ง “ตื่นแล้วเหรอ?” เป็นเสียงทุ้มของคนร่วมเตียงเอ่ยถามและนั่นทำให้เธอหันมามองก็เห็นว่าเขาเองก็ตื่นแล้วเหมือนกัน “คะ...ค่ะหมอภีร์” “หิวไหม เดี๋ยวทำอะไรง่ายๆ ให้ทาน”ภีร์ขยับลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแล้วดึงรั้งผ้าห่มมาห่มปิดหน้าอกของสาวน้อยไว้ด้วยกลัวว่าตนเองจะต่ออีกยก ก็ร่างกายของอ้อมดาวหวานจนไม่อยากจะแยกจาก แต่ก็ต้องจำใจพอแค่นี้ เพราะร่างน้อยของเด็กสาวยังใหม่ ไม่ควรเอาแต่ใจตน “หิวค่ะ” “งั้นนอนเถอ
พอเสร็จงานภีร์ก็รีบถอดเสื้อกาวน์ออกแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วกุญแจรถยนต์พร้อมจะไปหาคนตัวเล็กที่รอตนเอง พอเดินออกมานอกห้องก็เจอกับไรอันยืนอยู่หน้าห้องทำงานของตนเอง ใบหน้าเปื้อนยิ้มเปลี่ยนเป็นบึ้งขึ้นมาทันที พอจะเดินผ่าน ไรอันก็เรียกรั้งไว้ “คุยกันหน่อยสิ” “ไม่ว่าง” “เลิกงานแล้วนี่ ทำไมจะคุยไม่ได้” ไรอันยืนขวางไม่ยอมปล่อยให้ภีร์ไป “เวลาของฉันไม่ได้มีไว้ให้นาย ถ้าจะมาคุยเรื่องแม่เลี้ยงนายก็ไม่ต้องมาพูด เพราะฉันไม่มีอะไรจะคุย” แล้วภีร์ก็เดินผ่านไรอันไปด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด ไรอันก็ยังคงเดินตามไปไม่ยอมทิ้งความพยายามของตนเอง “นายใจดำกับคุณแม่มากไปแล้วนะภีร์” เงียบ!&n
ชีวิตที่ไร้เป้าหมายตอนนี้เริ่มมีความหมายตั้งแต่มีสาวน้อยอ้อมดาวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต หญิงสาวคือครอบครัวไม่ใช่ใครอื่น เขายังจำได้ครั้งแรกที่เจอกับเด็กสาวที่หน่วยแพทย์อาสาในครั้งนั้ นสาวน้อยน่ารักโดดเด่น โดยเฉพาะลักยิ้มที่แก้มยามยิ้มยิ่งน่ามองยิ่งมีเสน่ห์และนั่นทำให้เขาชอบประทับใจ อบอุ่นในใจยามได้มอง “คิดอะไรอยู่คะ” อ้อมดาวเดินเข้ามาถามพร้อมกับน้ำเย็นในมือส่งให้คนตัวโตที่กำลังนั่งอมยิ้มมองดูโทรทัศน์ตรงหน้า “เรื่อยเปื่อยน่ะ”เขารับน้ำในมือเธอมาถือแล้วกางแขนอีกข้างกับพนักโซฟาเชิญชวนให้สาวน้อยนั่งลงข้างๆ ตนเอง ตอนนี้อ้อมดาวเป็น ‘ภรรยา’ ของเขาแล้ว ภีร์ได้พาหญิงสาวไปจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว และเขาก็เคารพการตัดสินใจของอ้อมดาวทุกอย่าง เธอยังอยากใช้นามสกุลเดิมของพ่อเธอ เขาก็ไม่บังคับ สำหรับภีร์แล้วความสุขของอ้อมดาวก็คือความสุขของเขา อีกไม่ถึงหนึ่งเดือน เธอก็จะเปิดเรียนแล้ว
“อะ...อื้อ หมอภีร์”อ้อมดาวร้องคราง ริมฝีปากบุรุษเคลื่อนไล้มาจูบเนินอกอวบอิ่มพร้อมขบเม้มและมือใหญ่ทั้งสองก็กอบกุมหน้าอกเคล้นคลึง “อือ...ก็น่ารักแบบนี้ไง ฉันถึงหายใจเข้าออกก็อยาก ‘ฉีด’ ยาให้แค่เธอคนเดียวดาว อ่า... ‘เข็ม’ ของฉันมันเป็นของเธอและมันจะ ‘ฉีด’ ให้เธอคนเดียวจนกว่ามันจะไม่ไหวเด็กน้อย”เขาลูบจับมือน้อยที่โอบกอดลำคอตนเองมาลูบคลึงเป้าของตนเองบ่งบอกว่าตอนนี้มันกำลัง ‘หิว’ กระหายในตัวของสาวเจ้า “อือ...หมอภีร์” “ทำให้หน่อยนะ อยากให้ปากของดาวรีดยาในเข็ม” “ดาวปฏิเสธได้ด้วยเหรอคะ” “ไม่ได้ไง ทำให้นะ&rdquo
แม้จะไม่ชอบบ้านหลังใหญ่หลังนี้ แต่ตัวเองก็อยู่ตั้งแต่เด็ก และยังไงเจ้าของบ้านก็เป็นผู้ให้ชีวิตตนเอง เพราะมีพ่อกับแม่ เขาถึงมีชีวิตแบบทุกวันนี้ แต่ก็เพราะพวกท่านทั้งสองอีกนั่นแหละที่ทำให้ชีวิตของเขาเป็นแบบนี้ ไม่เคยได้รู้จักความอบอุ่นของ ‘ครอบครัว’ จนต้องไขว่คว้าหามันด้วยตัวเองจนกระทั่งได้เจออ้อมดาว “หมอภีร์แน่ใจนะคะ” อ้อมดาวถามคนตัวโตเมื่อเขาดับเครื่องยนต์ วันนี้ไม่รู้ภีร์คิดอะไรถึงพามาบ้าน เขาบอกอยากพาเธอมารู้จักบิดามารดา แม้จะรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเขากับท่านทั้งสองไม่ดีเท่าไหร่นัก “คิดดีแล้ว ยังไงพวกเขาก็ต้องรับรู้เรื่องของเรา เพราะเขาคือพ่อกับแม่ของฉันดาว” “งั้นไปกันค่ะ หมอภีร์คิดดีแล้ว ดาวก็ว่าดีค่ะ” “มีแค่เธอกับไอ้ธีร์ที่เข้าใจฉันดาว” แล้วเขาก็เปิดประตูรถลงแล้วเดินอ้อมมายื่นมือให้คนตัวเล็กที่
ภีร์วิ่งเข้ามาในห้องน้ำ เขามาส่องกระจกดูตัวเองในห้องน้ำแล้วก็ขบกรามแน่น เมื่อกี้เขาร้องไห้ ร้องไห้เพราะผู้หญิงคนนั้น สองมือกำแน่นเข้าหากันแล้วเปิดน้ำวักน้ำใส่หน้าตัวเองจนเปียกไปทั้งตัวแล้วทุบชกกระจกตรงหน้าตัวเองเมื่อเห็นว่าตนกำลังอ่อนไหวกับคนที่ทิ้งตนไปตอนนั้นตุ้บ!กระจกร้าวแตกเมื่อโดนกำปั้นใหญ่ชกเต็มแรง และกำปั้นของเขาก็แตกไม่ต่างจากกระจกที่ชก เจ็บมือไม่เท่าไหร่ แต่ใจของเขานี่สิ มันเจ็บเหลือเกินตอนนี้ ไม่เข้าใจว่าตัวเองนั้นต้องการอะไรกันแน่“ให้ช่วยไหมครับ?” เสียงของคนที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาเห็นเขาเอ่ยถาม“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณนะครับ ขอโทษด้วยนะครับ” แล้วเขาก็รีบเดินออกจากห้องน้ำไป ส่วนกระจกที่ร้าวเขาค่อยไปแจ้งให้ฝ่ายช่างมาจัดการ เขาจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นเอง เพราะเขาใช้มันระบายอารมณ์“ภีร์” เมริษาร้องเรียกคนที่กำลังเดินผ่านตนเองรั้งไว้พร้อมกับฉวยโอกาสคว้าจับข้อมือใหญ่ดึงรั้งไว้ให้หยุด“ปล่อยเมย์” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยเสี
จนตอนนี้ผ่านมาสองเดือนแล้วที่ภีร์ไม่แวะมาบ้านหลังใหญ่หลังนี้ ตอนนี้ไรอันกับเจฟ สามีก็พักอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านของอดีตสามี แม้ว่าสามีของนางจะอยากไปพักโรงแรมข้างนอก แต่ภพก็ชักชวนให้เจฟอยู่ด้วยกันที่นี่ เพราะถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว “ขับรถดีๆ นะไรอัน” ญาดาบอกลูกเลี้ยง “ครับ คุณแม่” ไรอันรับคำด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ไปนะที่รัก” เจฟเดินมาก้มหอมแก้มภรรยาที่เดินออกมาส่งตัวเองขึ้นรถจะไปสนามบินกลับประเทศอังกฤษ “เดินทางปลอดภัยนะคะที่รัก ถึงแล้ววิดีโอคอลหาด้วยนะคะ” “ครับ แล้วเจอกันที่รัก” แล้วเจฟก็เดินไปขึ้นรถที่ลูกชายติดเครื่องรอท่าก่อนหน้า “ไปนะครับคุณแม่” ไรอันบอกแม่เลี้ยงแล้วก็ออกตัวเคลื่อนรถพาพ่อไปยังส
“ชูว์...ไม่ร้องนะเด็กดีของหมอ ไม่ร้องนะ ใครเขาจะไปกัน เมียอยู่นี่ก็ต้องอยู่กับเมียสิ ฉันรู้ว่าเมย์ต้องพูดอะไรกับเธอถึงได้แกล้งพูดให้เธอหึงฉัน ไม่ได้ตั้งใจจะให้ร้องไห้สักหน่อย ไม่ร้องนะเด็กดี โอ๋เอ๋...” ภีร์ดึงคนขี้แยเข้ามากอดปลอบ “อึก! หมอภีร์รู้ไหมคะว่าหมอเมย์จะแย่งหมอภีร์ ถ้าดาวเผลอ” เธอสะอื้นดังกว่าเดิมพร้อมกอดคนตัวโตแน่นราวกับว่าเขาจะหายไปจากตน “ไม่มีใครมาแย่งฉันไปจากดาว นอกจากฉันจะไปของฉันเอง เชื่อใจฉันได้ ฉันเลือกดาวแล้วก็ต้องเป็นดาวเท่านั้นที่ฉันจะอยู่ด้วย เนี่ยสินะเขาว่าฮอร์โมนคุณแม่ เริ่มคิดมากเริ่มกังวลแล้ว” เขาบอกคนตัวเล็กแล้วดันอ้อมดาวออกจากอกแล้วก้มลงจุ๊บเปลือกตาสวยที่หลับร้องไห้อยู่ “คงจะจริงค่ะ ดาวไม่ได้อยากจะขี้แยงี่เง่ากับหมอภีร์ แต่ดาวห้ามตัวเองไม่ได้ อึก! ฮือ...” “ฉันรู้ว่าดาวของฉันเป็นเด็กดี มีเหตุผล
ครรภ์แรกของอ้อมดาวตอนนี้อายุได้เจ็ดสัปดาห์แล้ว ไม่ใช่แค่ว่าที่คุณแม่ดีใจ ว่าที่คุณพ่อก็ดีใจและอดจะโทรไปพูดอวดน้องชายไม่ได้ถึงความสำเร็จของตัวเอง ก็ครั้งก่อนน้องชายดูถูกหาว่าตน ‘ไม่มีน้ำยา’ มาดูตอนนี้สิ เขา ‘มีน้ำยา’ และดีมากด้วย “วันนี้ฉันนัดกินข้าวกับธีร์ และอยากแนะนำดาวให้รู้จักธีร์ด้วย เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน” เขาเคยแต่พูดเรื่องน้องชายให้ภรรยาเด็กฟัง แต่ยังไม่เคยพาทั้งสองมาเจอกันสักครั้ง ส่วนธีร์นั้นเคยเห็นอ้อมดาวแล้วหลายครั้งแบบผ่านๆ แต่ก็ไม่ได้ทักทายทำความรู้จักกันแบบจริงจัง “จะดีเหรอคะหมอภีร์” อ้อมดาวถามคนเป็นสามี “ทำไมถึงคิดว่าไม่ดีล่ะ เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว และเธอก็เป็นพี่สะใภ้ของธีร์มันแล้วตอนนี้ ไม่ใช่เด็กในปกครองฉันแล้วนะ เปลี่ยนจากเด็กในปกครองเป็น ‘เมีย’ ในปกครองของฉันแล้ว” ภีร์บอกภรรยาเด็กของตน
“อือ...หมอภีร์เดี๋ยวดาวตกค่ะ”เธอถือแปรงสีฟันแล้วกอดคอหนาแน่นด้วยกลัวว่าตนเองจะพลัดตกหลุดจากอ้อมกอดแข็งแรง แม้รู้ว่าเขาไม่ปล่อยให้ตนมีอันตรายแน่นอน“มีฉันอยู่ไม่ตกหรอก อีกอย่างฉันอุ้มเพราะฉันดีใจ พรุ่งนี้ไปฝากท้องกันนะ แล้วฉันจะไปส่งดาวที่มหา’ลัย”“ค่ะ หมอภีร์”“น่ารัก มีแค่เธอที่ตามใจฉันแบบไม่มีข้อแม้และข้อสงสัยเด็กน้อย” แล้วภีร์ก็ปล่อยคนตัวเล็กยืนเอง“หมอภีร์ออกไปข้างนอกได้แล้วค่ะ ถ้าไม่แปรงฟัน ดาวจะแปรงฟันแล้วรีบนอน”“คืนนี้ขอหน้ากระจกนี้ได้ไหม อยากให้ดาวเห็นหน้าตัวเองตอนโดนฉัน ‘เอา’ น่ะ...นะเด็กดี” เขาลูบผมยาวสลวยคนตัวเล็กตรงหน้าแล้วจับขึ้นมาดมแล้วก้มหน้าซุกไซ้ซอกคอระหงคนยืนหันหลังให้ตัวเองแล้วย่อตัวคุกเข่ากับพื้นแล้วถอดกางเกงนอนตัวบางของอ้อมดาว“อือ...หมอภีร์ ดาวยังไม่ได้อนุญาตเลยนะคะ”“ฉันรู้ว่าลึกๆ แล้วดาวก็อยากลองตรงนี้และอยากเห็นหน้าตัวเองตอนหื่นด้วยใช่ไหมล่ะ”“หมอหื่น
เปิดเรียนวันแรกก็เหนื่อย อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยก็สั่งงานเยอะมาก เหมือนเก็บกด แต่เธอก็ดีใจที่ได้เจอเพื่อนๆ ร่วมคณะเดียวกัน อ้อมดาวเดินออกมาจากตึกเรียนเดินมาหารถยนต์คันหรูที่เจ้าของรถนั่งรออยู่ในรถ พอมาถึงก็เคาะกระจกรถบอกเขาแล้วเขาก็ปลดล็อกแล้วเธอก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ “รัดเข็มขัดให้นะ” ภีร์รัดเข็มขัดนิรภัยให้อ้อมดาว วันนี้วันหยุดเขาจึงมาส่งเธอและมารับเธอกลับบ้านได้ อยากทำหน้าที่สามีไม่ให้เธอรู้สึกน้อยใจ “หมอภีร์รู้ไหม ชุดที่หมอภีร์ให้ดาวใส่ทำให้เพื่อนดาวในคณะหัวเราะ กระโปรงก็ยาวถึงข้อเท้า เสื้อก็ตัวใหญ่หลวมโพรก” “น่ารักดีออก ดีกว่าใส่รัดๆ อีกอย่างดาวเป็นของฉัน เนื้อหนังมังสาให้ฉันดูและสัมผัสได้คนเดียวรู้ไหม” “มันก็เกินไปไหมคะ ปกติดาวก็ไม่ได้ใส่สั้นใส่รัดอยู่แล้ว กระโปรงก็คุมเข่าอยู่แล้ว แต่เนี่ยหมอภีร์ให้ดาวแต่งตัว
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ภีร์เพิ่งถอดชุดกาวน์จะออกเวรกลับไปหาอ้อมดาวก็ต้องหยุดมือที่กำลังจะหยิบจับโทรศัพท์ค้างกลางอากาศแล้วอนุญาตเจ้าของเสียงเคาะประตูหน้าห้อง “เชิญครับ” แล้วเขาก็นั่งลงเก้าอี้ทำงานของตนเองเหมือนเดิม “ภีร์เลิกงานแล้วเหรอ?” “เมย์” เขาเรียกชื่อผู้หญิงที่เปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานของตนเองอย่างไม่เชื่อสายตาว่าอดีตคู่จิ้นสมัยเรียนของตนเองจะมาอยู่ตรงหน้าตนเอง “เมย์เองค่ะ เมย์ย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลนี้ได้สองวันแล้วว่าจะมาทักภีร์ตั้งแต่เมื่อวาน แต่เมื่อวานภีร์หยุด” หล่อนดึงลากเก้าอี้ตรงข้ามกับนายแพทย์หนุ่มออกนั่งโดยไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต “ยินดีต้อนรับกลับบ้าน นึกว่าจะทำงานที่อเม’กาไม่กลับมาเมืองไทยซะแล้ว”
สุดท้ายแล้วก็ต้องนอนค้างที่บ้านหลังนี้ เขาออกจากบ้านนี้ไปตอนเรียนมหาวิทยาลัย จนตอนนี้ไม่ได้กลับมานอนที่นี่อีก และวันนี้ก็ต้องได้นอนค้างที่นี่เมื่อฝนตกไม่หยุด ส่วนมื้อเย็นภีร์พาอ้อมดาวทานในห้องครัวพร้อมกับแม่ครัวและสาวใช้ในบ้าน “อย่าทำแบบวันนี้อีกนะคะ รู้ไหมดาวเป็นห่วง” ในความมืดยามดึกอ้อมดาวนอนซบอกแกร่งพร้อมแขนเล็กพาดกอดเอวสอบใต้ผ้าห่ม “ขอโทษ ฉันจะไม่ทำให้เธอเป็นห่วงอีกแล้วดาว แต่วันนี้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้” “และอย่าพูดเรื่อง ‘ตาย’ อีกนะคะ หมอภีร์ไม่อยากอยู่กับดาวแล้วเหรอคะ” “ขอโทษ” “ขอโทษดาวคนเดียวไม่ได้หรอกนะคะ ยังมีคุณพ่อคุณแม่ของหมอภีร์ที่หมอภีร์ต้องขอโทษ...” “ทำไม
ญาดาเจ็บเมื่อลูกชายที่อุ้มท้องเก้าเดือนและเบ่งคลอดเขาออกมามองตนเองเป็นคนนอก แต่ก็ไม่ได้โกรธ เกลียดแต่เสียใจ เสียใจที่ในวันนั้นตนเองจากไปแบบนั้นจนทำให้ลูกชายทั้งสองเข้าใจผิด ถ้าวันนั้นอธิบาย ภีร์กับธีร์คงไม่เข้าใจผิดเกลียดชังตนเองกับอดีตสามีหรืออาจจะเกลียด แต่ก็ไม่ได้มากเท่านี้ แต่เวลานี้แม้แต่หน้าของนาง ลูกชายยังไม่อยากมองด้วยซ้ำ“แล้วจัดงานแต่งงานกันรึยัง” ภพถามลูกชาย เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์จะขัดขวางความ ‘รัก’ ของลูก ตัวเขาดีใจ หวังให้ลูกชายมีครอบครัวที่ ‘สมบูรณ์’ อย่าให้เดินตามรอยของตนเองและแม่ของเขา“ยังครับ ผมจะรอให้ดาวเรียนจบก่อน แต่เราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว” ภีร์เอ่ย“อือ...งั้นวันนี้ก็อยู่ทานข้าวด้วยกัน ถือว่าเป็นการเลี้ยงฉลองให้กับชีวิตคู่ของแก” คนเป็นพ่อเอ่ย“นะลูก อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันนะภีร์” เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองควรอยู่ตรงไหน ไม่ควรออกความคิดเรื่องส่วนตัวของลูกชายให้เกลียดชังตนไปมากกว่านี้ แต่ก็อดจะเอ่ยชวนภีร์อยู่ทาน