Chapter 2
หลังจากที่เดินซื้อของรวมถึงแวะรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม หญิงสาวทั้งสองช่วยกันขนของจากท้ายรถเดินเข้ามาวางไว้บนโต๊ะในห้องครัว “เดือนหน้าที่บริษัทมีวันหยุดยาวจะกลับบ้านไหม ?” ถลัชนันท์เอ่ยถามขึ้นขณะที่วางของ “จริง ๆ วันหยุดยาวมีตั้งแต่วันนี้และยาวไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหางานใหม่ได้” หญิงสาวตอบกลับพลางหยิบของที่ซื้อมาจัดใส่เข้าตู้เย็น “อย่าบอกนะว่าเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ ?” “ใช่ที่ไหนล่ะ เพื่อนที่นี่ดีทุกคนแหละ แต่เดินทางไกล งานก็หนักเงินก็น้อย” หญิงสาวพูดพลางถอนหายใจออกมาเสียงดัง หันหน้ามามองพี่แล้วพูดต่อไปว่า “ก็มันกลับดึกนี่ ก็รู้ว่าขนาดวันหยุดบางทียังต้องเข้าไปเก็บผลการทดลองที่ทำค้างไว้เลย มันเหนื่อยและจอมก็อยากทำงานที่ขึ้นตำแหน่งสูงมากกว่านี้ได้ด้วย” “แล้วบอกแม่หรือยัง ?” ลฎาภาส่ายหน้าทันที “มีหวังให้กลับมาช่วยทำงานที่บ้านแน่ ๆ” คนเป็นพี่ยิ้มหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำตอบ แน่นอนว่ารู้นิสัยของน้องสาวดีที่ไม่ชอบกลับไปทำงานรีสอร์ทที่บ้านเกิด เพราะต้องรับมือกับแขกเดาไม่ได้และรวมถึงเธอด้วย “แต่แกจะมานั่ง ๆ นอน ๆ แบบนี้โดยไม่หางานทำไม่ได้นะ” ลฎาภามองแล้วยิ้มออกมาด้วยสายตาอ้อนออด “เอาน่า จอมสัญญาว่าจะรีบหางานใหม่ให้ได้เร็ว ๆ” เฮ้อ...เสียงถอนหายใจของถลัชนันท์ดังขึ้นอีกครั้ง พลางเหล่มองน้องสาวที่กะพริบตาให้ “เออ รีบ ๆ ด้วยละกัน เงินเก็บฉันจะหมดเพราะแกนี่แหละ” “น่ารักที่สุดเลย !” เธอพูดเสียงหวาน เดินเข้ามากอดถลัชนันท์แน่น ก่อนจะคลายวงแขนออกและยิ้มหวานให้ ขณะที่คนเป็นพี่มองแล้วส่ายหน้าออกมาก่อนเดินออกจากห้องครัวไป เหลือเพียงลฎาภาที่ยืนยิ้มออกมาอย่างมีความสุขและโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่ถูกไล่ให้กลับบ้านไปสักพักหนึ่งละนะ... อยากจะบ้าตายสุด ๆ ไปเลย ลฎาภาสบถในใจพลางเอนตัวลงพิงที่พนักเก้าอี้ หลังจากที่รออีเมลตอบกลับจากบริษัทหลายแห่งมาหลายวันแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีการตอบกลับอีกเช่นเดิม เธอยกมือขยี้เส้นผมสีน้ำตาลสั้นประบ่า มือข้างหนึ่งก็เอื้อมหยิบขนมที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากินเพราะยังรออีเมล แต่จะปล่อยให้ว่างงานไปหลายเดือน ก็ไม่ได้ มีหวังต้องโดนบ่นแน่ หญิงสาวถอนหายใจพลางเปิดเข้าไปดูโพสต์ที่อัพเดทรวมทั้งข้อความที่บ่นเพ้อของเพื่อนสมัยเรียน ก่อนขยับตัวลุกขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างตัดใจ ดูท่าแล้วคงไม่มีจดหมายตอบรับจากบริษัทที่ส่งใบสมัครงานไปแน่ ๆ ลฎาภาเดินออกจากห้องนอนมายังห้องครัวเพื่อหาอาหารว่างรับประทาน ทว่าเสียงถอนหายใจดังนับสิบรอบ ขณะเดินกลับขึ้นมานั่งอยู่หน้าจอคอมเช่นเดิม ทันใดนั้นก็มีเสียงอีเมลตอบกลับมา เธอจึงไม่รอช้าที่จะเปิดอ่านทันที ครั้นได้อ่านใบหน้าสวยที่บูดบึ้งอยู่นั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา “ได้แล้ว ๆ” หญิงสาวร้องออกมาด้วยความดีใจ ขณะที่ลุกขึ้นเต้นราวกับว่าถูกรางวัลก้อนใหญ่ แม้จะยังไม่รู้ผลตอบรับการเข้าทำงาน แต่บริษัทเรียกสัมภาษณ์งานนั้นถือเป็นเรื่องน่ายินดี อีกอย่างบริษัทใหญ่มีการตลาดดีทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งสวัสดิการพนักงานก็ดีด้วย สวรรค์ช่วยลูกแล้ว ! ลฎาภาดีใจอยู่นานก่อนจะรีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าในทันที มองเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปวันสัมภาษณ์ในวันอังคารหน้า จนกระทั่งผ่านไปแล้วสิบนาที เสื้อผ้าทั้งตู้ก็ถูกขนออกมาจนเกือบหมดแล้วก็ยังหาตัวที่เหมาะสมกับการใส่ยังไม่ได้ หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะจัดเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ดังเดิม “ไปซื้อใหม่ก็ได้ เผื่อจะได้งานที่นี่” ลฎาภาพูดแล้วหยิบเสื้อผ้าออกมาเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว หลังจากอาบน้ำเสร็จเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมามองสายที่โทร. เข้า ก่อนกดรับ “ว่าไงคะ คุณพี่” [วันนี้กลับดึกนะ กะว่าจะไปกินดินเนอร์กับพี่อาร์ตสักหน่อย] “พอดีเลย จอมจะออกไปซื้อของอยู่” [งั้นแค่นี้นะ ปิดประตูบ้านให้ดีล่ะ] “รับทราบค่า” ลฎาภาวางสายเดินมาแต่งหน้าแล้วหยิบกระเป๋าออกจากห้องไปทันที หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ.... ถลัชนันท์ยืนรออยู่หน้าประตูห้องคอนโด ฯ ของเขามาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว พอโทร. หาแฟนหนุ่มก็ปิดเครื่องไม่รับสาย จนสุดท้ายตัดสินใจที่จะใช้กุญแจสำรองที่ได้ให้เปิดเข้าไปรอข้างใน เกือบสองอาทิตย์ที่ไม่ได้พบหน้ากับชายหนุ่มเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายงานเยอะ โทร. หรือส่งข้อความไปก็มักจะบอกว่า ติดประชุมบ้าง เจ้านายเร่งงานบ้าง หรือต้องออกไปพบปะลูกค้า จึงทำให้ไม่กล้าโทร. มากวนมากเท่าไหร่ แต่มันก็นานมากจนทำให้เธอรู้สึกว่าเริ่มห่างกันออกไป หญิงสาวถอนหายใจออกมาเดินดูไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะเดินไปยังห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่ม ไม่นานนักเธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตูจึงรีบเดินไปทว่าก็ ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งแทรกเข้ามาทำให้หยุดชะงักลงและหาที่ซ่อนทันที “มาอยู่กับฉันแบบนี้ แฟนคุณจะไม่ว่าเหรอคะ ?” เสียงหวานน่ารักออดอ้อนดังขึ้นจากหน้าประตู ถลัชนันท์รีบซ่อนตัวอยู่ในห้องครัว ยกมือปิดปากเงียบเอี้ยวหูฟังบทสนทนาของทั้งสองคน จนกระทั่งแสงสะท้อนผ่านเห็นเป็นเงาจึงรู้ว่าทั้งสองคนนั้นอยู่ฝั่งตรงโต๊ะที่เธอหลบอยู่ หญิงสาวมองเงาเห็นเป็นรูปร่าง มือทั้งสองก็กดปิดปากแน่นกลั้นเสียงเอาไว้ หยดน้ำตาไหลลงมาไม่รู้ตัว ร่างกายสั่นเทาจนไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้น พอมองจากเงาจึงรู้ว่าแฟนหนุ่มของเธอกำลังกอดและจูบฝ่ายหญิงอยู่ เธอทำอะไรผิด ทำไมถึงต้องนอกใจเธอ ? “นี่ อย่าสิ...เดี๋ยวแฟนคุณมาจะไม่ดีนะ” หล่อนพูดเสียงหวานเป็นเชิงห้ามแต่ก็เป็นการเชิญชวนอีกฝ่ายให้เข้าหา “ไม่มาหรอก เราคบกันมาปีหนึ่งแล้วนะ ยังไม่ถูกจับได้เลย” “งั้นก็เลิกกับมันซะสิ” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เรื่องนั้นค่อยว่ากัน ตอนนี้เรามาสนุกกันดีกว่านะ” ถลัชนันท์ได้แค่ฟังเสียงครางของทั้งสองคน ขณะกลั้นเสียงตัวเองเอาไว้มองเงาที่ผ่านลงมายังผนังกำแพงด้วยความเจ็บปวดใจ ก่อนเงานั้นจะหายไปและตามด้วยเสียงปิดประตูห้อง เธอจึงรู้ว่าทั้งสองคนได้เข้าไปในห้องนอนแล้ว ร่างกายทรุดลงเรี่ยวแรงแทบไม่มีเมื่อได้รู้ความจริง เขาคบกับเธอมาห้าปีกว่าแล้วแต่ไม่คิดเลยว่าจะทำแบบนี้ ทั้งที่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะแต่งงานและสร้างครอบครัวด้วยแล้ว ถลัชนันท์หัวเราะสมเพชกับตัวเองพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตา ไม่ใช่ว่าไม่เคยอกหักหรือถูกนอกใจ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเจียนตาย หญิงสาวเดินออกมาหันมองไปยังประตูห้องนอนที่มีเสียงดังครางของทั้งสองคนเป็นระยะ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยจิตใจล่องลอย จะมีสักคนที่เชื่อใจได้จริง ๆ ไหม ? สักคนที่ไม่นอกใจ ถลัชนันท์ไม่รู้ตัวเลยสักนิดด้วยซ้ำว่าได้เดินออกมานอกประตูคอนโดฯ ของชายหนุ่มแล้ว พอได้ยินเสียงแตรรถบีบเรียกให้ได้สติขึ้นมาก็หันมองแสงไฟที่ส่องจ้า แล้วรู้ว่าตัวเองนั้นได้ยืนอยู่ท่ามกลางถนน จึงรีบสาวเท้าวิ่งข้ามฝั่งอย่างรวดเร็ว ครั้นก่อนเดินต่อไปก็หันมองคอนโด ฯ อีกครั้ง และรีบหมุนตัวสาวเท้าเดินไปเพื่อขับรถออกไปทันที... “กลับมาแล้วเหรอ ?” เสียงใสของลฎาภาเอ่ยถามขึ้นขณะที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ลำพัง แต่ก็ต้องงุนงงเมื่อพี่สาวเดินผ่านไปโดยไม่ทักตอบ หญิงสาวไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหยิบรีโมตที่อยู่ข้างตัวกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ ทางด้านถลัชนันท์หลังจากที่ประตูห้องปิดลงแล้ว ก็ทรุดตัวนั่งลงร้องไห้สะอื้นออกมา ยังทำใจยอมรับความเจ็บปวดและภาพที่แสนจะบาดตานั้นไม่ได้ ไม่เคยรู้ที่เขาคบหญิงอื่นมาตลอดหนึ่งปีทั้ง ๆ ที่มอบความเชื่อใจให้ ...เธอนั่งเศร้าอยู่นาน พยายามทำใจให้เข้มแข็งและเลิกสนใจผู้ชายเฮงซวยคนนั้นก่อนตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปหยิบของทั้งหมดที่แฟนหนุ่มซื้อมาให้ในโอกาสต่าง ๆ ใส่ลงถุงขยะ ก่อนจะเปิดประตูห้องและขนออกมาให้หมดในรอบเดียวแล้วแบกลงมาชั้นล่างจนครบทั้งหมด “ทำอะไรน่ะ” ลฎาภาเอ่ยถามขึ้นหันมองด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นพี่สาวขนของจำนวนมากลงมาจากห้องนอน บางชิ้นเธอจำได้ว่าเป็นของที่เคยบอกว่าสำคัญเพราะแฟนหนุ่มเป็นคนซื้อให้ “ของแบบนี้ เอาไปทิ้งให้หมดเลย !” ถลัชนันท์ตะโกนด้วยน้ำเสียงสั่น “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ?” ถลัชนันท์นิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม เอาแต่ร้องไห้สะอื้นออกมาจนคนมองพอจะเดาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าแท้จริงเป็นอย่างไรกันแน่ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?” ลฎาภาเอ่ยถามอีกครั้ง ถลัชนันท์ยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า ครั้นอยากจะเอ่ยปากเล่าทว่ายังทำใจไม่ได้ “ทำ…ไม…ฮือ ๆ …” “พี่อาร์ตบอกเลิกเหรอ” ลฎาภาเอ่ยถามเสียงแผ่วพลางส่งสายตามองพี่สาว ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าไปหา พี่สาวเอาแต่ร้องไห้ออกมา ครั้นจะพูดก็พูดไม่รู้เรื่อง แม้จะพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เพื่อที่จะพูดมันออกมา “เขานอกใจ…คนเลว…ฮือ ๆ…”Chapter 3“ทำ…ไม…ฮือ ๆ …”“พี่อาร์ตบอกเลิกเหรอ”ลฎาภาเอ่ยถามเสียงแผ่วพลางส่งสายตามองพี่สาว ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าไปหา พี่สาวเอาแต่ร้องไห้ออกมา ครั้นจะพูดก็พูดไม่รู้เรื่อง แม้จะพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เพื่อที่จะพูดมันออกมา“เขานอกใจ…คนเลว…ฮือ ๆ…”ลฎาภาก้าวมาใกล้ดึงพี่สาวเข้ามากอดเพื่อปลอบประโลมโดยไม่ถามอะไรเป็นการซ้ำเติม“ถ้าอยากจะร้องไห้ วันนี้ก็เสียใจให้สุด ๆ ไปเลยนะ แค่วันเดียว”หญิงสาวปลอบพลางใช้มือลูบหลัง เธอรู้ดีว่าแฟนหนุ่มปัจจุบันที่คบกันอยู่นั้นพี่สาวจริงจังมากถึงขั้นอยากแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็รู้ว่าเขานอกใจก่อนที่จะแต่งงาน“จอม…พี่รักเขานะ…ฮือ…พี่ยังรักเขา”ลฎาภาได้แค่เงียบเพราะไม่เคยมีแฟนจึงไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เท่าไหร่“เขานอกใจ…พี่…มะ…มาตลอดหนึ่งปี...”หญิงสาวฟังแล้วรู้สึกขุ่นเคืองแทนเพราะว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมาพี่สาวของหล่อนไม่เคยนอกใจฝ่ายชายเลยสักนิด แม้จะมีผู้ชายมากมายเข้ามาจีบหรือขอคุยด้วยแก้เหงาก็ตาม“จำที่แม่เคยบอกได้ไหม ? ผู้ชายที่รักจริง จะไม่มีวันนอกใจเด็ดขาด”คำนี้ถลัชนันท์ไม่เคยลืม ทว่าหัวใจข้างในจุกจนแทบหายใจไม่ออก
Chapter 4ลฎาภายกมือบีบกำแน่น ลูบใบหน้าแล้วเดินไปเดินมาในห้องน้ำสี่เหลี่ยมเพราะยังออกไปไหนไม่ได้ เป็นเวลาหลายนาทีจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลาและข้อความที่เข้ามา แต่ก็ยังมีคนเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ทำให้ยังไม่สามารถเปิดประตูออกไป สิบนาทีผ่านไปหลังจากที่นั่งอยู่บนฝาชักโครก เธอหันไปวางโทรศัพท์บนชักโครกรวมถึงเอกสาร แล้วลุกขึ้นแนบหูกับประตู เพื่อฟังเสียงฝีเท้าอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งมีเสียงก๊อกเปิดล้างมือแล้วจึงก้มมองเงาที่ผ่านออกไป...รอจนกระทั่งทุกอย่างในห้องน้ำไม่มีเสียงลฎาภาหยิบกระเป๋าแล้วค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออกส่งสายตามองผ่านช่อง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่เธอจึงเปิดประตูออก ทว่า...“เฮ้ย...!!”เสียงอุทานดังขึ้นทำให้ลฎาภาตกใจและรีบก้มหน้าลงทันทีก่อนจะรีบหันตัวและวิ่งออกจากห้องน้ำไป แต่ก็ไม่ระวังเพราะมัวแต่ตกใจและอายจึงชนกับคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำ“ผม...เข้าห้องผิด ?”ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจพลางเดินถอยหลังดูสัญลักษณ์ข้างหน้าอีกครั้ง ทว่าคนชนทำอะไรไม่ถูกเพราะรู้สึกอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี“มะ...ไม่ค่ะ ขอโทษค่ะ
Chapter 5 “ว่าไง” ถลัชนันท์พูดขึ้นทันทีที่กดรับสาย [วันนี้จะไม่กลับบ้านหรือไง นี่จะสี่ทุ่มแล้วนะ ไปอยู่ไหนน่ะ...แล้วนี่เสียงอะไรดังน่ารำคาญ...] “อยู่ที่ผับน่ะ วันนี้เครียดนิดหน่อย แกปิดบ้านเข้านอนไปก่อนเลย” หญิงสาวตอบก่อนกดวางสายทันที ดวงตากลมมองไปยังแสงสีเบื้องหน้าที่มีผู้คนมากมายต่างเต้นเย้าสะโพกส่ายไปมา แต่กับเธอเพียงแค่นั่งดื่มเหล้าให้เมาเพื่อลืมความเจ็บปวดนี้ ทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย การที่อยู่คนเดียวยิ่งทำให้เป็นบ้าตายเอาจริง ๆ “มาคนเดียวหรือครับ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มทำให้ถลัชนันท์หันไปมองใบหน้าเจ้าของเสียง ก่อนจะยิ้มหวานให้อย่างไม่เต็มใจนัก “ค่ะ” เธอตอบแล้วหันหน้าหนี พลางยกเครื่องดื่มจิบไปเรื่อย ๆ ครั้นชายหนุ่มขยับตัวมาใกล้เธอจึงเหลือบมองและถอนหายใจออกมา “วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์ ช่วยกรุณาไปไกล ๆ หน้าด้วยนะคะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หัวเสียมองด้วยสายตาไม่พอใจเมื่อหญิงสาวไม่เล่นด้วยเขาจึงขยับตัวลุกขึ้นและเดินจากไปทันที ถลัชนันท์มองแล้วหันกลับมาอย่างไม่สนใจ ไม่นานนักก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ และสั่งเครื่องดื่ม “ผมเลี้ยงไหม
Chapter 6ผ่านมาแล้วหนึ่งวันกับการพยายามโทร. เข้าเครื่องของเธอเพื่อหวังว่าอีกฝ่ายที่เก็บเครื่องไปนั้นจะยอมรับสายและยังไม่นำเครื่องของเธอไปขายทิ้งก่อน สุดท้ายแล้วก็เริ่มตัดใจเมื่อไม่มีคนรับ อีกทั้งยังถูกปิดเครื่องไปดื้อ ๆ อีกลฎาภานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก พลางเอื้อมมือกดรีโมตโทรทัศน์เปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ ในช่วงที่ต้องรอผลการสัมภาษณ์อย่างไร้ความหวังนั้น ทำให้รู้สึกแย่เช่นกัน แม้ว่าจะติดต่อไปหลายบริษัท ทว่าช่วงนี้ยังไม่มีการรับพนักงานใหม่บ้าง หรือบางบริษัทก็มีพนักงานเต็มอัตราอยู่แล้ว เหมือนแสงที่ริบหรี่มากกริ๊ง—กริ๊ง เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น หญิงสาวจึงขยับตัวเอื้อมมือไปหยิบหูโทรศัพท์ยกขึ้น[ทำไมพี่โทร. เข้าเครื่องแล้วไม่รับล่ะ]“โทรศัพท์หาย แล้วนี่ไม่คิดจะกลับบ้านเลยหรือไง วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ ?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่ไม่เห็นพี่สาวกลับบ้านมาตั้งแต่เมื่อคืน อันที่จริงเมื่อก่อนที่จะคบกับแฟนหนุ่มก็เคยเป็นอยู่บ้าง จนไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ ทว่า...นั่นก็หลายปีผ่านมาแล้ว[เออน่า...วันนี้พี่ลางาน กำลังจะกลับบ้าน เมื่อวานเมามาก]“เมาแล้วไปนอนที่ไหนมาอะ”[เรื่องนั้นไม่ต้องยุ่งหรอกน่า.
Chapter 7 “คือว่า...” ลฎาภาอ้ำอึ้งอยู่นานเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร “คือว่า...มีคนหยิบของฉันไปผิดน่ะค่ะ” หญิงสาวแต่งเรื่องโกหกทั้งที่ในใจก็กล่าวขอโทษหลายครั้ง ถ้าจะให้พูดความจริงที่ว่าเข้าห้องน้ำผิดแล้วล่ะก็...น่าอายจะตายไป “เป็นแบบนี้เอง ดีนะครับที่ไปเจอซะก่อน” “ค่ะ” ลฎาภาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที่เขาไม่ได้ถามหรือสงสัยต่อ หากเป็นคนอื่นอาจจะถามว่าใครจะหยิบผิดไป หรือไม่คนนั้นอาจจะเป็นคนที่เดินสวนกับเธอก็ได้ “เออ...แล้วเย็นนี้คุณพอจะว่างไหมคะ ? ฉันอยากเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณ” ชายหนุ่มยิ้มและยกมือขึ้นมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือเป็นเชิงบอก อันที่จริงแล้วเขาไม่ใช่คนที่เก็บได้แต่เป็นเจ้านายต่างหาก และนี่ก็คือคำสั่งที่ให้นำของมาคืนให้ “วันนี้ผมมีธุระต่อ ไว้วันหลังแทนนะครับ” “ได้ค่ะ ๆ” หญิงสาวตอบกลับในทันที “ถ้างั้นเรามาแลกเบอร์กันนะครับ” เจตนิพัทธ์พูดขึ้นพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้หญิงสาวกดเบอร์ ลฎาภาพยักหน้ารับและกดเบอร์ไปอย่างไม่คิดอะไร เมื่อเสร็จแล้วก็ยื่นส่งให้เขา ไม่นานนักชายหนุ่มก็กดโทร. ออก “นั่นเบอร์ของผม หากวันไหนว่างผมจะโทร. นัดคุณ” เจตนิพัทธ์ยิ้มให้เธอพลางขยับตัวลุกขึ้น “งั้นผมขอต
Chapter 8ผ่านมาแล้วไม่รู้กี่วันที่ชีวิตของลฎาภายังคงว่างงาน แม้จะลองหางานที่อื่นๆ ดูระหว่างรอผลสัมภาษณ์แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า อาจเป็นเพราะเธอเลือกสถานที่ทำงานที่เดินทางสะดวกด้วยก็เป็นได้จึงทำให้ยังไม่ได้งานสักทีครืด—ครืดแรงสั่นจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ลฎาภาเอื้อมมือหยิบดูก่อนกดรับทันทีที่รู้ว่าคนที่โทร. มาคือเพื่อนสนิทสมัยมัธยม“ว่าไงจ๊ะ คุณครูคนสวย” หญิงสาวเอ่ยทักทาย[ยัยจอม โทษทีนะ ฉันเพิ่งหาเวลาว่างได้]“แล้ว...”[แกว่างไหม ช่วงนี้น่ะ]“ก็ว่างอยู่หรอก แต่จะไปไหนเหรอ ?” ลฎาภาเอ่ยถามขึ้นเพื่อรอคำตอบของอีกฝ่ายก่อนตกลง[ไปกินบุฟเฟต์ไหม ? วันนี้มีโปรโมชั่นลดอยู่ มีเรื่องอยากคุยเยอะเลย]ถ้าแค่กินก็โอเคเพราะเดินช็อปปิ้งด้วยเธอคงไม่ไหวอย่างแน่นอน อีกอย่างช่วงนี้ต้องใช้เงินเก็บอย่างประหยัด ทั้งที่ไม่อยากนำเงินเก็บออกมาใช้จ่ายเลยแท้ ๆ จนกว่าจะหางานใหม่ได้ก็คงต้องตัดรายจ่ายไม่จำเป็นออกไป“ถ้าแค่บุฟเฟต์ก็ได้อยู่นะ แต่เรื่องช็อปปิ้งฉันขอบาย” หญิงสาวพูดขึ้นทันที เพราะเกรงว่าถ้าหากไปเดินด้วยกันแล้วอาจจะอดใจไม่ไหว “แกไม่ได้จะไปเดินช็อปปิ้งด้วยใช่ไหม ?”อาจจะเป็นการปฏิเสธแบบแล้งน้ำใจไปเสียห
Chapter 7“คือว่า...” ลฎาภาอ้ำอึ้งอยู่นานเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร “คือว่า...มีคนหยิบของฉันไปผิดน่ะค่ะ” หญิงสาวแต่งเรื่องโกหกทั้งที่ในใจก็กล่าวขอโทษหลายครั้ง ถ้าจะให้พูดความจริงที่ว่าเข้าห้องน้ำผิดแล้วล่ะก็...น่าอายจะตายไป“เป็นแบบนี้เอง ดีนะครับที่ไปเจอซะก่อน”“ค่ะ”ลฎาภาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที่เขาไม่ได้ถามหรือสงสัยต่อ หากเป็นคนอื่นอาจจะถามว่าใครจะหยิบผิดไป หรือไม่คนนั้นอาจจะเป็นคนที่เดินสวนกับเธอก็ได้ “เออ...แล้วเย็นนี้คุณพอจะว่างไหมคะ ? ฉันอยากเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณ”ชายหนุ่มยิ้มและยกมือขึ้นมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือเป็นเชิงบอก อันที่จริงแล้วเขาไม่ใช่คนที่เก็บได้แต่เป็นเจ้านายต่างหาก และนี่ก็คือคำสั่งที่ให้นำของมาคืนให้“วันนี้ผมมีธุระต่อ ไว้วันหลังแทนนะครับ”“ได้ค่ะ ๆ” หญิงสาวตอบกลับในทันที“ถ้างั้นเรามาแลกเบอร์กันนะครับ” เจตนิพัทธ์พูดขึ้นพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้หญิงสาวกดเบอร์ลฎาภาพยักหน้ารับและกดเบอร์ไปอย่างไม่คิดอะไร เมื่อเสร็จแล้วก็ยื่นส่งให้เขา ไม่นานนักชายหนุ่มก็กดโทร. ออก“นั่นเบอร์ของผม หากวันไหนว่างผมจะโทร. นัดคุณ” เจตนิพัทธ์ยิ้มให้เธอพลางขยับตัวลุกขึ้น “งั้นผมขอตัวก่อนนะคร
Chapter 10 ลฎาภาชะเง้อคอมองเข้าไปในงานแต่งของพี่สาวที่ถูกจัดขึ้นในโรงแรมอย่างหรูหรา มีคนมากมายต่างเดินเข้าไปในงานกัน หญิงสาวขยับตัวเดินถอยออกห่างมาช่างใจคิดอย่างหนัก ถ้าจะไม่มาเลยในฐานะน้องสาวก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ดีเอามาก ๆ แต่ทว่าเธอไม่ชินกับการออกงานโดยมีคนมากหน้าหลายตาเยอะไปหมดขนาดนี้ ภายในงานที่เมื่อครู่มองดูถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามสมกับฐานะของฝ่ายชาย แต่ทว่า...จะให้เธอเดินเข้าไปจริง ๆ น่ะหรือ สุดท้ายแล้วก็เดินเข้าไปในงานจนได้ เธอถอนหายใจออกมา เป็นงานแต่งที่รู้สึกอึดอัดแท้ ทั้งที่ควรจะไปดูพี่สาวแต่งตัวแต่ไม่ได้ไปหา เพราะดูเหมือนว่าพี่เธอต้องการแบบนั้นเหมือนกัน ดวงตากลมกวาดสายตามองไปยังอาหารที่ถูกจัดวางแบบบุฟเฟต์และค็อกเทลผสมกัน มีโต๊ะนั่งจำนวนหนึ่งแต่ไม่ใช่แขกทุกคนที่จะนั่งสนทนากัน บ้างก็ยืนคุย บ้างก็เดินมาตักอาหาร ทว่าสำหรับเธอแล้วคงยืนร่วมงานเงียบ ๆ จนจบละมั้ง ลฎาภายืนอยู่ราว ๆ สิบนาทีก็มีเสียงดังขึ้น ทำให้หันไปมองแล้วก็เห็นเจ้าสาวเจ้าบ่าวเดินเข้ามาพร้อมกัน เธอหันไปมองแม้จะอยู่ในระยะที่มองเห็นถลัชนันท์ได้ชัดเจน แต่ก็ไม่ได้เข้าไปทักทาย เพราะว่ามีคนมากมายต่างเดินเข้าไปทักทายเจ้าบ่
Chapter 61 (special III)“นี่...” เธอเรียกเขาด้วยเสียงสะอื้นก่อนจะใช้มือดึงเสื้อจากทางด้านหลัง “ทำไมถึงยอมมารับฉันล่ะ”“ไม่รู้สิ” ศรันภัทรตอบโดยไม่หันหลังกลับไปงั้นเหรอ...?ถลัชนันท์ปล่อยมือออกจากเสื้อของเขา ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปกอดชายหนุ่มทางด้านหลัง นั่นไม่ใช่ความรู้สึกที่รักเลยเพียงแต่ว่าอยากทำยังไงก็ได้ให้ความเจ็บปวดนี้หายไป“มีอะไรกับฉันได้ไหม” เป็นคำพูดสิ้นคิดหรือความต้องการในส่วนลึกกันแน่ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันเพียงแต่ถ้ามันปลอบใจจากความเจ็บปวดได้แล้วล่ะก็... “แค่ครั้งนี้ แล้วพรุ่งนี้ฉันสัญญาว่าจะหย่ากับคุณ ขอร้องละ”ศรันภัทรยืนอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้ยินคำพูดจากปากหญิงสาว เขาเองตอนนี้ยังสับสนมากที่จะบอกว่ารู้สึกชอบผู้หญิงคนนี้แบบคนรักจริง ๆรู้ดีว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้น...ถลัชนันท์คลายมือออกจากชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตา บางทีก็คิดว่าพอแล้วกับความรักที่เข้ามา“ขอโทษค่ะ ฉันคงบ้าไปหน่อย” เธอพูดเสียงสั่นพลางหัวเราะ “ถ้ายังไงพรุ่งนี้เราไปหย่ากันนะค
(special I)เวลาทำงานผ่านไปจวบจนกระทั่งหมดวันแล้ว ถลัชนันท์ขยับตัวเก็บกองเอกสารบนโต๊ะให้เข้าที่ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายเช็กชื่อออกจากบริษัทไป แต่ละวันผ่านไปก็ช่างยาวนานซะเหลือเกิน และก็ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก ตื่นเช้าออกไปทำงานกลับมาบ้านกินข้าวและเข้านอน ถึงแม้ว่าช่วงเดือนนี้จะเริ่มสนทนากับสามีที่แต่งงานด้วยมากขึ้นก็ตาม ทว่าความสัมพันธ์รักใคร่ก็ไม่ได้พัฒนาตามไปด้วยเลยหญิงสาวเดินออกจากลิฟต์แล้วหยุดชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปหยิบขึ้นมาดูปลายสายที่โทร. เข้ามา“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ถลัชนันท์เอ่ยถามอย่างทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่โทร.มาคือสามีนั่นเอง น้อยครั้งที่เขาจะติดต่อมาหาหรือยอมพูดคุยด้วย[เปล่า คุณแม่บอกวันนี้คุณจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้าน เลยให้ผมโทร.มาถามว่ากลับดึกไหม ?]พอได้ฟังก็รู้สึกสมเพชตัวเองมานิดหนึ่ง ทว่าเรื่องนี้ก็เริ่มชินไปซะแล้ว อีกอย่างแม่สามีไม่ได้ใจร้ายเหมือนในละครหลังข่าว ตรงข้ามกันกลับทำดีกับเธอด้วยซ้ำไป“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันมีนักเดตกับเพื่อนสมัยเรียน” เธอตอบกลับไปแล้วพูดต่อไปว่า &ld
ค่ำคืนแสนหวานอันยาวนานได้ผ่านพ้นไปเข้าสู่เช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ ร่างเล็กบนเตียงขยับตัวปรือตาด้วยความหนักอึ้ง หันมองพื้นที่เตียงว่างเปล่าก่อนใช้แรงที่เหลืออยู่น้อยนิดพยุงร่างกายขึ้นนั่ง สะโพกปวดร้าวระบมไปหมดจนไม่มีแรงจะขยับ ดวงตากลมมองรอบห้องที่เงียบสนิทไร้วี่แววของชายหนุ่มประตูห้องถูกเปิดออกหญิงสาวรีบยกผ้านวมขึ้นปิดบังร่างกาย พลางส่งสายตามองอวิ่นเยว่เดินเข้ามาหา“คุณตื่นแล้วหรือ” เขาเดินเข้ามาหาลฎาภาพยักหน้าแทนคำตอบด้วยความเขินอายพลางขยับตัวลงจากเตียงแต่ว่าขาสั่นจนแทบไม่มีแรง ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากก่อนเดินเข้ามาอุ้มเธอขึ้น นัยน์ตาคมมองร่างเปลือยที่เชยชมมาทั้งคืนมีร่องรอยตีตราจนนับไม่ถ้วน“ฉันเดินเองได้ค่ะ”อวิ่นเยว่หัวเราะในลำคอ “แสดงว่ายังมีแรงเหลือสินะ”“คุณเผิง !” เธอแก้มแดงผ่าวร้อนขึ้นมาทันทีชายหนุ่มยิ้มขำก่อนจะอุ้มหญิงสาวมายังห้องน้ำ เขาวางเธอลงบนขอบอ่างอาบน้ำก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณอาบน้ำไหวไหม ?”“ไหวค่ะ คุณออกไปเลยนะคะ” ลฎาภาตอบกลับในทันทีอวิ่นเยว่ยิ้มข
Chapter 57การเคลื่อนไหวของร่างกายรุกล้ำเข้ามาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด อวิ่นเยว่ดันร่างเล็กให้ชนชิดกับผนังกำแพง บดจูบขยี้ริมฝีปากด้วยความโหยหา คราวนี้ทำเธอหายใจลำบากจึงต้องดันเขาออกห่าง แต่กลายเป็นว่าการพักนั้นทำให้ชายหนุ่มรุกล้ำลิ้นเข้ามาได้สำเร็จ“อื้อ” เสียงร้องครางดังประท้วงบอกจนต้องถอนจูบออกด้วยความเสียดาย อวิ่นเยว่จ้องมองใบหน้าเนียนสวยแดงก่ำก้มหลบเขินอาย มือข้างหนึ่งเชยขึ้นให้สบตาอีกครั้งและจูบหยอกเย้าเบา ๆ จนสติสัมปชัญญะของหญิงสาวหลุดล่องลอยไปลฎาภาควบคุมความต้องการของร่างกายไม่ได้ราวกับว่าไม่ฟังสิ่งที่สมองสั่งการสักนิด เธอเผลอให้ความปรารถนาที่อยู่ภายในจิตใจเข้าครอบงำจนหมดสิ้น จูบเร่าร้อนอ่อนโยนจนแทบระทวยนี้กลับรู้สึกคุ้นเคยโหยหามากที่สุดแต่...ที่บ้าที่สุดคือการตอบสนองเผลอไปกับคารมของเขา !อวิ่นเยว่จูบซับไปตามใบหน้าไล่จนมาถึงต้นคอของหญิงสาว มือที่เคยรั้งเอวไว้คลายออกล้วงเข้าไปในสาบเสื้ออย่างรวดเร็ว ไม่รอช้าที่จะใช้มือปลดเสื้อผ้าส่วนบนออกโยนทิ้งลงพื้นในขณะที่สติของเธอกำลังหลุดลอย“คุณเผิง” เธอเอ่ยเรียกชื่อเขา ทั้งที่ยิ่งเร
Chapter 56อวิ่นเยว่ผ่อนลมหายใจซุกที่หัวไหล่ของเธอ “นะ”เพียงคำเดียวก็รู้ถึงความหมายที่เขาต้องการบอกว่า ‘ขอซุกหน้าอกแบบอาหยูด้วยคน’“ทำไมอาหยูถึงได้ แล้วผมไม่ ?”ไม่น่าถามนะคำถามนี้ คุณเผิง !“ไม่ค่ะ” เธอตอบกลับเสียงเข้มพลางจ้องหน้าเขาเขม็ง“อาหยูเป็นเด็ก”“เหรอ” เขาขานรับอย่างจำใจก่อนจะขยับตัวหันมา นัยน์ตาคมจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า เขาต้องใช้ความอดกลั้นอย่างมากที่จะไม่คิดอะไรเกินเลยตอนนี้ ชายหนุ่มเบี่ยงหน้าหลบยกมือขึ้นปิดปากด้วยความเขินอาย ไม่รู้ว่าจะอดทนไปได้นานแค่ไหนกัน“เราขึ้นกันเถอะ อาหยูกำลังรออยู่”อวิ่นเยว่พูดพลางขยับตัวออกห่างจากหญิงสาว ก่อนจะลุกขึ้นโดยลืมไปว่าร่างเปลือยของเขานั้นเธอได้เห็นเต็มสองตา !ลฎาภาอึ้งนิ่งค้างจนทำอะไรไม่ถูก เขาลืมไปไหมว่าเธอยังอยู่ตรงนี้ “คุณเผิงรีบออกไปเลยนะคะ !”อวิ่นเยว่หันมองและเพิ่งคิดได้ว่าตอนนี้โชว์กายให้หญิงสาวมองอยู่นั่นเอง เขาทำหน้านิ่งรีบเดินไปหยิบผ้าขนหนูและเสื้อคลุมเดินออกจากห้องน้ำไปอย่าง
Chapter 55หลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ป้าผ่องจึงจัดการเก็บครัวและกลับบ้านไป ทางด้านลฎาภาที่ไม่รู้สึกคุ้นชินบ้านหลังใหญ่จึงทำตัวไม่ค่อยถูก ทั้งยังไม่รู้ว่าควรจะไปตรงไหนต่อดี จึงได้แต่ยืนงงอยู่หน้าบันไดเป็นเวลานาน“หม่าม้า” เจ้าตัวกลมเดินเข้ามาดึงชายเสื้อของเธอและออกแรงลาก“อาหยู...”เธอเอ็นดูก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “มีอะไรเหรอจ๊ะ”“อาบน้ำกับอาหยูได้ไหม” น้ำเสียงออดอ้อนและแววตาของ เจ้าตัวกลมทำให้ลฎาภานิ่งเงียบไปชั่วขณะ ไม่ใช่ว่าจะปฏิเสธหรอกนะ เพียงแต่ว่าสภาพร่างกายที่ยังพักฟื้นไม่สมบูรณ์ ก็ไม่อยากจะใช้แรงดูแลเด็กมากนัก แต่ถ้าหากปฏิเสธไปจะเป็นการทำร้ายจิตใจหรือเปล่านี่สิ“ไม่ได้เหรอ” เสียงอู้อี้ในปากและท่าทางออดอ้อนของเจ้าตัวกลมทำให้หญิงสาวรู้สึกลำบากใจไม่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน อาจเป็นเพราะว่าพ่ายแพ้ต่อเด็กผู้ชายน่ารัก ๆ ทว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้แตกต่างจากการพบกับเด็กคนอื่น ๆ ที่เพิ่งเคยเจอครั้งแรก“แต่ว่านะ...”“ได้สิ” เสียงของอวิ่น
Chapter 54“บางทีฉันอาจจะยังไม่เคยพบเขาเลยก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็คงจำได้สิ แม่ พ่อ พี่และเพื่อนฉันก็ยังจำได้เลย” เธอพูดขึ้น เพราะครั้งแรกที่พบกันก็ไม่ได้รู้สึกว่าคุ้นเคยหรือรู้จักกันเลยสักนิด“แต่ว่านะ...” ถลัชนันท์หยิบโทรศัพท์มือถือของน้องสาวส่งคืนให้ “แกกับเขาเคยคบกันอยู่ไม่ใช่เหรอ และก่อนเกิดอุบัติเหตุแกก็บอกเลิกเขาอยู่เลย นี่ดูสิ...”ลฎาภาเปิดข้อความที่คุยกันแล้วอ่านอย่างไม่เชื่อสายตา ทุกอย่างเป็นไปตามที่พี่สาวบอก ทว่าทำไมกลับรู้สึกจำอะไรไม่ได้เลย ทั้งที่ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ทำงานที่นี่นี่นา “แต่ว่านะ ตอนฉันทำงานพาร์ตไทม์ เป็นพี่เลี้ยงเด็กกับคนใช้น่ะ ก็ไม่มีอะไรไม่มีใครจีบนะ และอีกอย่างถ้าเป็นความจริงในแชทนี้ ฉันเลิกกับเขาแล้วนะ”เธอพูดเสียงแผ่วลงเรื่อย ๆ เพราะความทรงจำที่จำได้ก็คือการจำได้ แต่ถ้าจะถามหน้าตาของเจ้านายด้วยแล้ว...ทำไมกลับนึกไม่ออก รู้แค่ว่าเคยทำ หลังจากนั้นก็เข้าไปทำงานในบริษัทเมื่อถึงเวลาเริ่มงานวันแรก หรืออาจเพราะเจอคนเยอะแยะก็มีลืมบ้างนะอวิ่นเยว่ที่กินข้าวและเอี้ยวหูฟังอยู่ก็หรี่ตามองด้วย
Chapter 53ภายในห้องพักของโรงแรม ทันทีที่อวี้หลันเดินเข้ามาในห้องก็หยิบกระเป๋าเดินทางออกมาด้วยสีหน้าขุ่นเคืองเพราะไม่เคยคิดเลยว่าอวิ่นเยว่จะติดต่อเว่ยเหยียนเมิ่งให้มาหาด้วยแบบนี้ หากรู้ตั้งแต่แรกว่าตอนนั้นเหยียนเมิ่งยังไม่มีอำนาจใด ๆ ในมือของบริษัทเธอก็ไม่แต่งงานด้วยหรอก ต่อให้จะเป็นตระกูลที่ร่ำรวยแต่ว่าต่างคนนำเงินก้อนไปลงทุนและสร้างความมั่งมีเอง ไม่ก็ใช้ความสามารถบริหารงานจนก้าวหน้า แต่ไม่ใช่กับเขาที่กลัวจนทำอะไรไม่เป็นเป็นคุณชายที่ไม่มีอะไรดีนอกจากใช้เงินของตระกูล จนหลายครั้งที่เธอก็ต้องทนคนในบ้านหัวเราะเยาะสมเพช ! ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของลูกชายคนโต คนเล็ก หรือญาติในตระกูลพอกันทีกับความน่าสมเพชนี้...!หญิงสาวเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้และของใช้ส่วนตัวที่วางอยู่ยัดใส่ลงในกระเป๋าเดินทางอย่างไว มีทางเดียวคือการรีบกลับไปหย่าให้เสร็จเพื่อคืนชีวิตอิสระของเธออวี้หลันหันมองโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋าสะพายก่อนจะหยิบออกมาดูและกดรับ[อวี้หลัน ผมรักคุณนะ เรากลับมาคุยกันก่อน]เธอทำสีหน้าเบื่อที่อีกฝ่ายพยายามโทร. ตามตื๊อ แน่นอนว่าหลายปีที่พยายามรักและแสร้งทำดีด้วยเพ
Chapter 52“คะ...คุณเป็นใคร ?”“ผมเผิงอวิ่นเยว่ สามีเก่าของเจ้าอวี้หลัน”ชายหนุ่มแนะนำตัวอย่างเป็นทางการพลางหันไปเหลือบมองสีหน้า ของอวี้หลันที่ดูลนลาน“เธอ...แต่งงานแล้ว ?” เหยียนเมิ่งมีท่าทีตกใจสุด ๆ เมื่อได้ยินอีกฝ่ายแนะนำตัว “ทำไมผมถึงไม่เคยรู้...”ไม่แปลกใจที่ไม่รู้เพราะงานแต่งของอวิ่นเยว่จัดเล็ก ๆ ไม่ใหญ่มากนักแขกที่เชิญมาก็ไม่มากมายล้วนเป็นแขกสำคัญเท่านั้น ตรงข้ามกับงานแต่งของ ‘เว่ยเหยียนเมิ่ง’ ที่ถูกจัดขึ้นหรูหราจนในต่างประเทศคนส่วนใหญ่รับรู้กัน ว่าลูกชายคนรองของประธานเว่ย เจ้าของกิจการโรงแรม RX ที่มีสาขาหลายประเทศแต่งงานแล้วอวี้หลันรีบลุกขึ้นและดันอวิ่นเยว่ออกห่างจากเหยียนเมิ่งทันที“เหยียนเมิ่งเรากลับไปคุยกันทีหลัง...”“เธอบอกว่าอยากกลับมาอยู่กับผม” อวิ่นเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “และจะทิ้งคุณไป”อวี้หลันเบิกตากว้างด้วยความตกใจและขุ่นเคืองกับคำพูดและน้ำเสียงของอวิ่นเยว่“ไม่จริง...ใช่ไหม ?” เหยียนเมิ่งมีน้ำเสียงผิด