Chapter 8 ผ่านมาแล้วไม่รู้กี่วันที่ชีวิตของลฎาภายังคงว่างงาน แม้จะลองหางานที่อื่นๆ ดูระหว่างรอผลสัมภาษณ์แต่ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า อาจเป็นเพราะเธอเลือกสถานที่ทำงานที่เดินทางสะดวกด้วยก็เป็นได้จึงทำให้ยังไม่ได้งานสักที ครืด—ครืด แรงสั่นจากโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ลฎาภาเอื้อมมือหยิบดูก่อนกดรับทันทีที่รู้ว่าคนที่โทร. มาคือเพื่อนสนิทสมัยมัธยม “ว่าไงจ๊ะ คุณครูคนสวย” หญิงสาวเอ่ยทักทาย [ยัยจอม โทษทีนะ ฉันเพิ่งหาเวลาว่างได้] “แล้ว...” [แกว่างไหม ช่วงนี้น่ะ] “ก็ว่างอยู่หรอก แต่จะไปไหนเหรอ ?” ลฎาภาเอ่ยถามขึ้นเพื่อรอคำตอบของอีกฝ่ายก่อนตกลง [ไปกินบุฟเฟต์ไหม ? วันนี้มีโปรโมชั่นลดอยู่ มีเรื่องอยากคุยเยอะเลย] ถ้าแค่กินก็โอเคเพราะเดินช็อปปิ้งด้วยเธอคงไม่ไหวอย่างแน่นอน อีกอย่างช่วงนี้ต้องใช้เงินเก็บอย่างประหยัด ทั้งที่ไม่อยากนำเงินเก็บออกมาใช้จ่ายเลยแท้ ๆ จนกว่าจะหางานใหม่ได้ก็คงต้องตัดรายจ่ายไม่จำเป็นออกไป “ถ้าแค่บุฟเฟต์ก็ได้อยู่นะ แต่เรื่องช็อปปิ้งฉันขอบาย” หญิงสาวพูดขึ้นทันที เพราะเกรงว่าถ้าหากไปเดินด้วยกันแล้วอาจจะอดใจไม่ไหว “แกไม่ได้จะไปเดินช็อปปิ้งด้วยใช่ไหม ?” อาจจะเป็นการปฏิเสธแบบแล้ง
Chapter 9 “ฉันไม่รู้เหมือนกัน ขอโทษนะแก เด็กคนนี้ถ้าวันไหนที่พ่อของเขามารับช้า ครูเวรประจำวันบางครั้งต้องอยู่รอจนกว่าจะมารับ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะมารับตอนไหน...” ลฎาภาส่งสายตามองไปที่เด็กน้อยอีกครั้งหนึ่ง “แล้วแม่ของเขาล่ะ ทำไมไม่มารับแทน” “ฉันก็ไม่รู้นะตั้งแต่เด็กคนนี้เข้าเรียน ก็มีแต่พ่อของเขาที่มารับ อีกอย่างแกก็ดูไม่ใช่เด็กมีปัญหาอะไรด้วย” หญิงสาวได้แต่พยักหน้ารับ แล้วเดินเข้าไปหาเด็กชายอีกครั้ง “มาโยนบอลเล่นกันไหม ?” เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจแล้วพูดขึ้นว่า “คุณป้าจะเล่นเหรอ” ลฎาภาฉีกยิ้มหวานแล้วกัดฟันพูดว่า “ต้องเรียกพี่สาวสิจ๊ะ” “ไม่เอา” หญิงสาวยังคงฉีกยิ้มหวานให้เด็กน้อยอยู่ทั้งที่ในใจก็ขุ่นเคืองกับคำพูดเกินอายุ เธอยังไม่แก่มากขนาดนั้นสักหน่อย เรียกซะเสียหายหมด “งั้นเรามาเล่นกันเถอะ” เมื่อพูดจบก็เดินไปแล้วหยิบบอลขึ้นมา เด็กชายมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจสักเท่าไหร่ ครั้นหญิงสาวโยนบอลส่งให้เด็กน้อยรับและโยนส่งกลับใบหน้าที่บูดบึ้งก็ค่อย ๆ มีรอยยิ้มปรากฏออกมา ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานมากขนาดไหนที่ลฎาภาโยนบอลเล่นกับเด็กชายจนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าลงเรื่อย ๆ ก
Chapter 10 ลฎาภาชะเง้อคอมองเข้าไปในงานแต่งของพี่สาวที่ถูกจัดขึ้นในโรงแรมอย่างหรูหรา มีคนมากมายต่างเดินเข้าไปในงานกัน หญิงสาวขยับตัวเดินถอยออกห่างมาช่างใจคิดอย่างหนัก ถ้าจะไม่มาเลยในฐานะน้องสาวก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ดีเอามาก ๆ แต่ทว่าเธอไม่ชินกับการออกงานโดยมีคนมากหน้าหลายตาเยอะไปหมดขนาดนี้ ภายในงานที่เมื่อครู่มองดูถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามสมกับฐานะของฝ่ายชาย แต่ทว่า...จะให้เธอเดินเข้าไปจริง ๆ น่ะหรือ สุดท้ายแล้วก็เดินเข้าไปในงานจนได้ เธอถอนหายใจออกมา เป็นงานแต่งที่รู้สึกอึดอัดแท้ ทั้งที่ควรจะไปดูพี่สาวแต่งตัวแต่ไม่ได้ไปหา เพราะดูเหมือนว่าพี่เธอต้องการแบบนั้นเหมือนกัน ดวงตากลมกวาดสายตามองไปยังอาหารที่ถูกจัดวางแบบบุฟเฟต์และค็อกเทลผสมกัน มีโต๊ะนั่งจำนวนหนึ่งแต่ไม่ใช่แขกทุกคนที่จะนั่งสนทนากัน บ้างก็ยืนคุย บ้างก็เดินมาตักอาหาร ทว่าสำหรับเธอแล้วคงยืนร่วมงานเงียบ ๆ จนจบละมั้ง ลฎาภายืนอยู่ราว ๆ สิบนาทีก็มีเสียงดังขึ้น ทำให้หันไปมองแล้วก็เห็นเจ้าสาวเจ้าบ่าวเดินเข้ามาพร้อมกัน เธอหันไปมองแม้จะอยู่ในระยะที่มองเห็นถลัชนันท์ได้ชัดเจน แต่ก็ไม่ได้เข้าไปทักทาย เพราะว่ามีคนมากมายต่างเดินเข้าไปทักทายเจ้าบ
Chapter 11‘ยัยจอมบ้านที่เช่าจะหมดสัญญาแล้ว โทษทีพี่ลืมบอกไป สิ้นเดือนจะหมดสัญญาแล้ว ถ้าจะต่อก็รีบไปต่อเองนะ ถ้าไม่ก็ย้ายออกเดี๋ยวเจ้าของจะปล่อยให้คนอื่นเช่าต่อป.ล. ดูแลตัวเองดี ๆ นะ’ทันทีที่ตื่นขึ้นมาช่วงสาย เปิดอ่านข้อความจากพี่สาวแล้วก็ยิ้มหัวเราะให้กับตัวเองเพราะไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือโวยวายออกมาดี สิ้นเดือนนี้ต้องย้ายออก แน่นอนว่าปกติแล้วพี่สาวเธอจะเป็นคนจ่ายค่าเช่าบ้านรายเดือน ส่วนเธอเมื่อมาอยู่ก็จะช่วยเรื่องค่าไฟ ค่าน้ำ หรือการซื้อของใช้ กลับมา ตอนนี้เหลือเพียงเธอ ถ้าหากเช่าต่อคงไม่ไหวแน่นอนกับเงินเก็บที่สะสมอยู่ตอนนี้ อีกทั้งถึงแม้ว่าจะได้งานแล้วแต่บริษัทยังไม่เรียกเข้าทำงาน กว่าจะเริ่มงานก็เดือนหน้าโน้น สรุปแล้วยังว่างงานอีกหนึ่งเดือนเต็มลฎาภาแทบทรุดเพราะนอกจากต้องหางานพาร์ตไทม์ทำแล้วยังต้องหาที่อยู่ใหม่อีก“เรา...จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไมได้ !”หญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงนอนหยิบเสื้อผ้าเดินเข้าไปห้องน้ำทันที ตอนนี้ยังมีเวลาเหลืออีกสิบสองวันที่จะหาห้องเช่าและหางานทำไปก่อนถูกเรียกตัว ก็ยังดีกว่านั่งเฉย ๆ โดยไม่ทำอะไรหลังจากแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาแต่สิ่งหนึ่งที่ลืมไปคือรถ ซึ่งเป็นขอ
Chapter 12 ผ่านมาสองวันแล้วที่ลฎาภาไม่ได้นั่งอยู่เฉยในบ้านเช่นเดิม หลังรับประทานอาหารมื้อเช้าช่วงสายเสร็จก็รีบจัดเก็บของใช้ส่วนตัวภายในห้องใส่กล่องไว้เพื่อสะดวกต่อการขนย้ายในอีกไม่กี่วันที่จะถึง จากนั้นช่วงบ่าย หญิงสาวจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปหางานพาร์ตไทม์ทำ “ขอชื่อและเบอร์ติดต่อไว้ก่อนนะคะ วันนี้ผู้จัดการร้านไม่เข้าค่ะ” หญิงสาวยิ้มรับและรับกระดาษโน้ตมาเขียนข้อมูลลงไปก่อนจะส่งยื่นให้อีกฝ่ายแล้วเดินออกจากร้านมา วันนี้ก็เป็นเหมือนเดิมคือรอการติดต่อกลับไป เฮ้อ...บางทีอาจจะต้องกลับไปใช้เงินเก่าที่เก็บออมมาประทังชีวิตไปก่อนช่วงที่ยังว่างงาน “ร้านตรงนั้นก็ปิดรับสมัครพนักงานพาร์ตไทม์ ตรงนี้ก็ด้วย จะไปหาที่ไหนดีล่ะ แถวนี้ก็ถามเกือบทุกร้านแล้วด้วย” ลฎาภาบ่นพึมพำเพียงลำพังขณะที่เดินหันมองไปยังร้านค้าด้วยสีหน้าสุดผิดหวัง ทั้งที่อุตส่าห์หาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตมาก่อนแล้วแท้ ๆ “งานก็หายาก เงินก็ต้องใช้ กลับบ้านไปดีไหมช่วงนี้น่ะ !” ลฎาภานิ่งค้างท่าที่ยืนตะโกนพูดออกมาเสียงดังอย่างลืมตัว เธอหันมองรอบ ๆ แล้วรีบเดินออกมาโดยไวทันที แต่ทว่ามีหญิงวัยกลางคนได้เดินเข้ามาหา กล่าวทักทาย อย่างเป
Chapter 13 ห้องทำงานบนชั้นสอง ภายในห้องเรียกว่าเป็นโทนน้ำตาลดำทั้งหมดจนดูน่าหม่นหมอง แต่ก็เหมาะกับเขาดีเหมือนกัน ลฎาภาเดินเข้ามาวางของว่างบนโต๊ะทำงาน ครั้นเงยหน้าหันตัวก็พบกับตู้หนังสือจึงเดินเข้าไปหา แต่ละเล่มดูแล้วเป็นหนังสือกวีนิพนธ์ ส่วนใหญ่เป็นของของวิลเลียม เชกสเปียร์ ดวงตากลมมองหนังสืออย่างหลงใหล ถึงแม้เธอจะไม่ใช่พวกหนอนหนังสือมากก็จริง แต่สมัยเรียนก็ชอบยืมหนังสืออ่านจากหอสมุดมาบ่อย ๆ “The Tempest” เธอพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นกับหนังสือตรงหน้าจำได้ว่าสมัยเรียนเคยจะยืมมาอ่านแต่ที่หอสมุดนั้นไม่มี และเธอก็ไม่อยากซื้อหนังสือเก็บจะลำบากตอนย้ายหอถ้าหากของเยอะ สายตามองอย่างอดใจ แม้จะเอื้อมมือแตะสันหนังสือที่วางอยู่โดยไม่หยิบออกมา “เฮ้อ...ตัดใจซะยัยจอม” ลฎาภาถอนหายใจออกมาก่อนที่จะหันตัวออก “อุ๊ย !” หญิงสาวเผลอหลุดคำอุทานออกมาเมื่อเห็นชายหนุ่มยืนจ้องมองอยู่ เธอยิ้มออกมาเจื่อน ๆ แล้วก้มหน้าลงก่อนจะเดินขยับข้างไปทีละนิด “ฉันนำอาหารว่างมาให้ค่ะ” เธอพูดขึ้นโดยไม่กล้าสบตามองเขาเพราะอีกฝ่ายเงียบนิ่งจนเดาไม่ออกว่าโกรธ ไม่พอใจ หรืออะไรกันแน่ “วันนี้ป้าผ่องจะกลับบ้าน ช่วงเย็นหลังอาห
Chapter 16 “ในวันอังคารหน้าหน้าตอนเย็น มีลูกค้านัดรับประทานอาหารและเจรจาธุรกิจไปด้วย” เจตนิพัทธ์เอ่ยขึ้นขณะที่เดินตามอวิ่นเยว่เข้ามาในห้องทำงาน วันนี้เขาสังเกตเห็นสีหน้าของเจ้านายที่ดูจะมีความสุขมากกว่าทุกวัน ชายหนุ่มหันมองปฏิทินตั้งโต๊ะที่จดตารางงานไว้คร่าว ๆ ก่อนพูดขึ้น “อังคารหน้าตอนเย็น ฉันไม่ว่าง...เลื่อนมาช่วงบ่ายได้ไหม ?” “ได้ครับ ตอนแรกผมเห็นว่าคุณเผิงติดประชุม” “ฉันยกเลิกไปแล้วละ” อวิ่นเยว่พูดก่อนเดินอ้อมเข้ามานั่งที่เก้าอี้ทำงาน เอื้อมมือหยิบแฟ้มงานที่ถูกส่งขึ้นมาเปิดอ่านแล้วพูดต่อไปว่า “นายมีแฟนไหม ?” เจตนิพัทธ์ตาโตด้วยความตกใจกับคำถามที่ได้ยิน ตลอดหลายปีที่ทำงานกับเจ้านายมาไม่เคยได้ยินเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานสักนิด “เอ่อ...คุณเผิงถามทำไมครับ ?” อวิ่นเยว่ส่งสายตาให้เป็นเชิงบอกว่า...ตอบมาซะดี ๆ “มีครับ เอ่อ...”เจตนิพัทธ์ทำตัวไม่ถูกเมื่อโดนเจ้านายถามถึง “ช่างเถอะ...ไม่สำคัญอะไร” อวิ่นเยว่ตัดบทที่จะพูดต่อ เขาก้มหน้าเซ็นเอกสารทันทีก่อนยื่นให้กับเจตนิพัทธ์ “ให้ฝ่ายขายสรุปยอดของเดือนก่อนส่งให้ฉันภายในสี่โมงของวันนี้” “ได้ครับ” เจตนิพัทธ์เอื้อมมือหยิบแฟ้มงานที่ถูกเซ็
Chapter 17 ลฎาภาเพิ่งมีเวลาอ่านข้อความในกลุ่มย้อนหลังที่คุยกันเกือบพันข้อความ จึงได้รู้ว่าเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยได้นัดกันจัดงานเลี้ยงรุ่นขึ้นมาเพื่อพบปะสังสรรค์ซึ่งก็เป็นวันนี้ช่วงเย็น ความจริงแล้วไม่ได้สนใจและไม่คิดว่าจำเป็นต้องไป ทว่าในกลุ่มอีกกลุ่มเพื่อนสี่คนคุยกันว่า ‘เขา’ ก็มาด้วย ซึ่งทำให้ หญิงสาวอ่านและลังเลใจที่จะพิมพ์ไปว่า...ไปอยู่แล้วละ “ป้าผ่องคะ หนูต้องโทร. ไปลาคุณเผิงไหมคะ ?” เธอเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ไม่ต้องหรอกจ้ะ แค่ทำงานเสร็จตามที่คุณเผิงสั่งก็พอแล้ว” สุดท้ายก็ขอลางานกลับมาในช่วงบ่ายสามเพื่อเลือกเสื้อผ้าที่จะต้องใส่ไปงาน ดีนะที่ยังมีที่ว่างสำหรับให้เธอนั่งเพราะเพื่อนได้จองให้ยกกลุ่ม ไม่น่าเชื่อว่าเธอไม่ลังเลสักนิดเพียงแค่อยากพบเขาอีกครั้ง เกือบหกโมงแล้วกว่าจะใช้เวลาแต่งตัวและเดินทางมาที่ร้านอาหารอีก ลฎาภากำลังยืนอยู่หน้าร้านอาหารที่คิดว่าใช่หรือไม่ตามพิกัดที่เพื่อนส่งมา หญิงสาวสะดุ้งขึ้นเมื่อมีโทรศัพท์เข้ามา จึงรีบกดรับในทันที [ยัยจอมแกหลงหรือไง] “คิดว่าไม่มั้งนะ ร้านที่มีป้ายใหญ่ ๆ สีน้ำตาลใช่ไหม” [เออใช่มั้ง จำหน้าร้านไม่ได้เหมือนกัน ถ่