Chapter 17 ลฎาภาเพิ่งมีเวลาอ่านข้อความในกลุ่มย้อนหลังที่คุยกันเกือบพันข้อความ จึงได้รู้ว่าเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยได้นัดกันจัดงานเลี้ยงรุ่นขึ้นมาเพื่อพบปะสังสรรค์ซึ่งก็เป็นวันนี้ช่วงเย็น ความจริงแล้วไม่ได้สนใจและไม่คิดว่าจำเป็นต้องไป ทว่าในกลุ่มอีกกลุ่มเพื่อนสี่คนคุยกันว่า ‘เขา’ ก็มาด้วย ซึ่งทำให้ หญิงสาวอ่านและลังเลใจที่จะพิมพ์ไปว่า...ไปอยู่แล้วละ “ป้าผ่องคะ หนูต้องโทร. ไปลาคุณเผิงไหมคะ ?” เธอเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ไม่ต้องหรอกจ้ะ แค่ทำงานเสร็จตามที่คุณเผิงสั่งก็พอแล้ว” สุดท้ายก็ขอลางานกลับมาในช่วงบ่ายสามเพื่อเลือกเสื้อผ้าที่จะต้องใส่ไปงาน ดีนะที่ยังมีที่ว่างสำหรับให้เธอนั่งเพราะเพื่อนได้จองให้ยกกลุ่ม ไม่น่าเชื่อว่าเธอไม่ลังเลสักนิดเพียงแค่อยากพบเขาอีกครั้ง เกือบหกโมงแล้วกว่าจะใช้เวลาแต่งตัวและเดินทางมาที่ร้านอาหารอีก ลฎาภากำลังยืนอยู่หน้าร้านอาหารที่คิดว่าใช่หรือไม่ตามพิกัดที่เพื่อนส่งมา หญิงสาวสะดุ้งขึ้นเมื่อมีโทรศัพท์เข้ามา จึงรีบกดรับในทันที [ยัยจอมแกหลงหรือไง] “คิดว่าไม่มั้งนะ ร้านที่มีป้ายใหญ่ ๆ สีน้ำตาลใช่ไหม” [เออใช่มั้ง จำหน้าร้านไม่ได้เหมือนกัน ถ่
Chapter 18 “จะไปต่ออีกสักหน่อยไหม” จิ่นอวี่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินตามอีกฝ่ายทัน แน่นอนว่าไม่เพียงถามแต่กลับมองการกระทำของอีกฝ่าย สีหน้าอวิ่นเยว่ดูจะมีความสุขมากกว่าปกติ ทั้งที่ก่อนหน้าตอนกินข้าวคุยหลาย ๆ เรื่องไม่เป็นแบบนั้นสักนิด “ฉันไม่ว่าง” คำตอบนี้เป็นข้ออ้างได้อย่างดีที่จะปฏิเสธคำเชิญชวนของจิ่นอวี่ “โอเค” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับยิ้มแล้วเอ่ยถามไปว่า “ผู้หญิงเมื่อกี้เป็นใครกัน” อวิ่นเยว่ถอดสีหน้าแต่พูดกลบเกลื่อนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ใคร ?” จิ่นอวี่ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างเก็บไม่อยู่จึงไม่คิดจะถามไปมากกว่านี้ เพราะดูจากท่าทางและสีหน้าของอวิ่นเยว่ที่พยายามกลบเกลื่อนอยู่นั้นทำให้รู้คำตอบในใจ ผู้หญิงคนนั้น...คงจะเป็นคนพิเศษสินะ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะกลับละ” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะรีบเดินขึ้นรถและขับออกไปทันที ส่วนจิ่นอวี่ได้แต่มองแล้วส่ายหน้าออกมา “ยังปากแข็งเหมือนเดิมเลยน้า” จิ่นอวี่เดินมาขึ้นรถและขับออกไปเช่นกัน ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ลฎาภาคิดว่าไม่มีอะไรมากนักนอกจากการทำความสะอาดในห้องบางส่วนและเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่กับอาหยูนั่นเอง หลังช่วงบ่ายถึ
Chapter 19 อวิ่นเยว่เดินออกจากลิฟต์ด้วยสีหน้าที่มีความสุข ขณะที่มือลวงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเข้าแอปพลิเคชันที่มีแค่หญิงสาวเป็นเพื่อนเพียงคนเดียว เขาพิมพ์ข้อความและกดส่งในทันที อวิ่นเยว่ : เย็นนี้อยู่กินข้าวด้วยกันไหม ? อวิ่นเยว่เดินเข้ามาให้ห้องทำงานแล้วนั่งลง เวลานี้ก็เกือบเที่ยง แต่ยังมีงานที่ต้องสะสางให้เสร็จอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มเปิดโทรศัพท์เพื่อดูข้อความที่ถูกส่งเข้ามาแต่ไม่มี จึงได้แต่รอและหยิบงานขึ้นมาทำ ไม่นานเกินสิบนาทีข้อความจากอีกฝ่ายจึงถูกส่งกลับมา เขาวางมือจากงานทำอยู่เพื่อเปิดอ่านทันที ลฎาภา : ไม่ค่ะ คุณเผิงเป็นเจ้านายนะคะ อ่า...เขาตอบไปต่อไม่ถูกเลยจริง ๆ ถึงจะบอกว่าเป็นเจ้านายก็เถอะ อวิ่นเยว่จ้องมองข้อความตอบกลับที่ใช้เวลานานว่าจะพิมพ์อะไรตอบกลับไปดี ลฎาภา : อีกอย่างวันนี้ฉันกลับเร็วด้วยค่ะ คงจะไม่ได้เจอกัน อวิ่นเยว่ : ถ้าฉันกลับเร็วจะได้เจอเธอใช่ไหม ? อวิ่นเยว่รอข้อความที่ไม่ถูกอ่านและไม่มีการตอบกลับ เกือบสิบนาทีจนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่หญิงสาวไม่ตอบ เขาจึงเก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจและหันกลับมาทำงานให้เสร็จ
Chapter 20 ทางด้านอวิ่นเยว่เมื่ออาบน้ำเสร็จออกมาไม่พบกับหญิงสาวจึงกวาดสายตามองหาและเห็นว่าหมอนกับผ้าห่มได้หายไป จึงเดาได้ว่าเธออาจจะออกไปนอนข้างนอกไม่ก็นอนกับอาหยู ชายหนุ่มเดินออกจากห้องครั้นหันมองไปยังโซฟาก็เห็นเธอนอนขดตัวอยู่ เขายิ้มที่มุมปากก่อนสาวเท้าเข้าไปหา โน้มตัวลงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเธอก่อนจะรีบดึงมือกลับมา ยกขึ้นปิดปากและเบี่ยงใบหน้าที่รู้สึกผ่าว ๆ ไปทางอื่น เขาควรจะปล่อยให้เธอนอนตรงนี้ดีหรือไม่... อวิ่นเยว่หันมองหญิงสาวด้วยความลังเลใจ แต่สุดท้ายก็โน้มตัวลงไปอุ้มเธอขึ้นมาและเดินเข้าไปในห้อง “อื้อ” เสียงครางงัวเงียทำให้เขาสะดุ้งและผละถอยออกห่างจากเธอ อวิ่นเยว่เดินออกจากห้องก่อนกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับหมอนและผ้าห่มจัดวางลงที่เดิม ลฎาภาปรือตาขึ้นก่อนรีบขยับตัวลุกขึ้นและเรียกเขาทันทีด้วยความตกใจ “คุณเผิง !” “คุณนอนต่อไปเถอะ ผมจะทำงานอีกสักหน่อย” อวิ่นเยว่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตรงกันข้ามกับหญิงสาวที่มองอย่างสับสนและตกใจ ลฎาภารีบขยับตัวลุกขึ้นลงจากเตียงและไม่ลืมที่จะหยิบหมอนติดมือมาด้วย อวิ่นเยว่
Chapter 21 “นี่สำหรับคุณ” อวิ่นเยว่ยื่นของส่งให้พลางหลบสายตาไปทางอื่น “คะ ?” ลฎาภามองกล่องขนาดเล็กสีน้ำเงินที่อยู่ในมือ จำได้ว่าเขาเข้าร้านหนึ่งไปเลือกน่าจะเป็นเครื่องประดับทั้งยังใช้เวลานานพอสมควร นึกว่าจะซื้อสะสมไว้เองซะอีก “ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” อวิ่นเยว่มองด้วยสายตาตัดพ้อ เพราะไม่ชอบการปฏิเสธของเธอ “ทำไม ?” นั่นเป็นคำตอบที่เธอต้องตอบเขาด้วยหรือไม่ ? ลฎาภามองด้วยความลังเลและหนักใจ รู้เพียงว่าหากรับสิ่งนี้ไว้อาจจะทำให้เธอไม่สบายใจ...ไม่สิ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไรในตอนนี้ “ฉันรับของมีค่าจากคุณเผิงไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” เธอตอบพร้อมกับพยายามยิ้มให้ อวิ่นเยว่แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาแม้จะแค่แวบเดียวแต่เธอก็เห็น “ช่างเถอะ” เขาพูดแล้วเดินไปเงียบ ๆ ลฎาภามองชายหนุ่มที่เดินจากไปจึงไม่คิดอะไรมากและรีบจัดเก็บของใช้ต่อ ครั้นเมื่อเดินไปทิ้งขยะจึงเห็นกล่องสีน้ำเงินลงไปอยู่ในถังขยะเสียแล้ว ดวงตากลมมองด้วยความรู้สึกที่ยากจะตัดสินใจ ควรจะหยิบขึ้นมาแล้วไปคืนเขา หรือว่าทำเป็นไม่เห็นแล้วทิ้งขยะในมือปิดทับไปดี หญิงสาวใช้ความคิดอยู่ไม่นานจึงตัด
Chapter 22 ร้านอาหารนอกตัวเมืองที่ขึ้นชื่อของจังหวัด R ในช่วงเย็นมักจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาแวะรับประทานเยอะ นอกจากจะมีอาหารพื้นเมืองแล้วยังมีอาหารหลากหลายประเภทด้วย อวิ่นเยว่นั่งรอหลังจากที่สั่งอาหารไป เขาเหลือบมองและยิ้มออกมาอย่างพึงใจ ถึงเธอจะค้านเสียงแข็งว่าขอไปซื้อร้านอื่นกินเพียงลำพังจะดีกว่าก็ตาม แต่สุดท้ายแล้ว... ‘คุณป้าไม่อยากอยู่ฉลองวันเกิดของอาหยูเหรอ’ ไม่น่าเชื่อที่เธอยอมอยู่...แต่ก็รู้สึกอิจฉาเจ้าลูกชายขึ้นมาเหมือนกัน ลฎาภายังคงนั่งเกร็งตลอดแม้กระทั่งอาหารมาเสิร์ฟแล้วก็ยังนั่งนิ่ง อาหารมื้อเย็นนี้ไม่ใช่อาหารพื้นเมืองแต่เป็นอาหารฝรั่งเศส ทั้งโต๊ะและบรรยากาศต่างจากอีกฝั่งที่เป็นโซนอาหารพื้นเมืองมาก ที่นี่ช่างเงียบสงบและโรแมนติกดีจริง ๆ ‘นี่เรากำลังคิดอะไรกันอยู่แน่ !’ เธอหันมองไปทางอื่นทั้งที่ใบหน้ายังผ่าวร้อนตลอด อีกทั้งเกร็งมากจนไม่สามารถขยับมือได้ตามปกติ ถึงแม้จะเอื้อมมือหยิบช้อนตักอาหารแล้ว แต่เธอก็นั่งนานกว่าจะตักคำแรกเข้าปาก “คุณป้า...อาหยูให้แครอทนะ” อาหยูขยับตัวตักแครอทในจานของตัวเองให้หญิงสาวจนหมด แล้วส่งยิ้มหวานให้
Chapter 23 หลังจากที่กลับมาจากการไปเที่ยววันเกิดเจ้าตัวกลม อวิ่นเยว่กลับมานั่งทำงานต่อที่ห้องทำงานเช่นเดิม เพราะหลายวันมานี้งานที่ปกติจะใช้เวลาในวันหยุดจัดการให้เสร็จ รวมถึงวางแผนที่จะเริ่มงานสัปดาห์ใหม่อยู่ทุกครั้งก็ต้องหายไป แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าคิดผิดที่ไปเลยแม้จะแค่สองวันก็ตาม ...ไม่มีสมาธิ... ถึงจะบอกว่าทำงาน แต่ในส่วนลึกของจิตใจกลับรู้สึกสั่นไหว อวิ่นเยว่ถอนหายใจออกมาหลายครั้งก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความส่งหาหญิงสาวในทันที อวิ่นเยว่ : กินข้าวหรือยัง ? หลังจากพิมพ์เสร็จ ชายหนุ่มก็วางโทรศัพท์และกลับมาสนใจเอกสารต่อ แม้จะรอข้อความตอบกลับจากเธออยู่ก็ตาม ผ่านไปสิบนาทีก็ยังไม่มีการตอบกลับมา ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่จะถูกเปิดออก “คุณเผิงคะ อาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว จะให้ป้ายกขึ้นมาให้ไหมคะ ?” เขาละสายตาจากจอแท็บเลตแล้วเงยหน้าขึ้น “เดี๋ยวผมจะลงไปกินครับ” ป้าผ่องพยักหน้ารับก่อนปิดประตูจากไป อวิ่นเยว่ขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ขณะที่เหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง สายตาดูผิดหวังที่ยังไม่ได้รับข้อความจาก
Prologueเธอไม่ควรรักเขาตั้งแต่แรก...หญิงสาวบอกกับตัวเองแบบนั้น ใบหน้าหมองเศร้ามองไปยังต้นไม้และท้องฟ้าที่อยู่เบื้องหน้าแม้ขอบฟ้าตะวันตกดินจะสวยมากขนาดไหนแต่จิตใจที่เจ็บปวดในตอนนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย ความรู้สึกในใจทรมานจนแทบทำอะไรไม่ถูก ดวงตากลมมองท้องฟ้าสีส้มที่ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าไป ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย“แม่หนู...ช่วยยายซื้อหน่อยสิ”หญิงสาวเดินกลับมามองขนมที่เรียงรายอยู่ในกระจาด“ขนมชั้นดอกกุหลาบไหมจ๊ะ”“ไม่ดีกว่าค่ะ หนูเห็นดอกกุหลาบแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี”หญิงวัยสี่สิบปลายมองพลางยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น“ขนมใส่ไส้” เธอพูดขึ้นหลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน “แล้วก็ขนมตาลค่ะ”“หนูทำงานอยู่แถวนี่เหรอ”“เปล่าค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแผ่ว “แค่มาเดินเล่นเฉย ๆ ค่ะ”“สามสิบบาทจ้ะ”เธอหยิบเงินจ่ายแล้วเอื้อมมือรับถุงขนมมาจากแม่ค้า“เออ...เดี๋ยวสิหนู เพิ่งมาที่สวนนี้ครั้งแรกใช่ไหม”“คะ ?”“ยายมีเรื่องดี ๆ จะบอก...” ยายขายขนมเว้นวรรคเงียบก่อนพูดต่อไปว่า “ได้ยินมาว่า ศาลข้าง ๆ สวนนี้น่ะศักดิ์สิทธ์มาก ๆ โดยเฉพาะเรื่องความรัก คู่ครอง”หญิงสาวยิ้มราวกับว