Chapter 17 ลฎาภาเพิ่งมีเวลาอ่านข้อความในกลุ่มย้อนหลังที่คุยกันเกือบพันข้อความ จึงได้รู้ว่าเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยได้นัดกันจัดงานเลี้ยงรุ่นขึ้นมาเพื่อพบปะสังสรรค์ซึ่งก็เป็นวันนี้ช่วงเย็น ความจริงแล้วไม่ได้สนใจและไม่คิดว่าจำเป็นต้องไป ทว่าในกลุ่มอีกกลุ่มเพื่อนสี่คนคุยกันว่า ‘เขา’ ก็มาด้วย ซึ่งทำให้ หญิงสาวอ่านและลังเลใจที่จะพิมพ์ไปว่า...ไปอยู่แล้วละ “ป้าผ่องคะ หนูต้องโทร. ไปลาคุณเผิงไหมคะ ?” เธอเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ไม่ต้องหรอกจ้ะ แค่ทำงานเสร็จตามที่คุณเผิงสั่งก็พอแล้ว” สุดท้ายก็ขอลางานกลับมาในช่วงบ่ายสามเพื่อเลือกเสื้อผ้าที่จะต้องใส่ไปงาน ดีนะที่ยังมีที่ว่างสำหรับให้เธอนั่งเพราะเพื่อนได้จองให้ยกกลุ่ม ไม่น่าเชื่อว่าเธอไม่ลังเลสักนิดเพียงแค่อยากพบเขาอีกครั้ง เกือบหกโมงแล้วกว่าจะใช้เวลาแต่งตัวและเดินทางมาที่ร้านอาหารอีก ลฎาภากำลังยืนอยู่หน้าร้านอาหารที่คิดว่าใช่หรือไม่ตามพิกัดที่เพื่อนส่งมา หญิงสาวสะดุ้งขึ้นเมื่อมีโทรศัพท์เข้ามา จึงรีบกดรับในทันที [ยัยจอมแกหลงหรือไง] “คิดว่าไม่มั้งนะ ร้านที่มีป้ายใหญ่ ๆ สีน้ำตาลใช่ไหม” [เออใช่มั้ง จำหน้าร้านไม่ได้เหมือนกัน ถ่
Chapter 18 “จะไปต่ออีกสักหน่อยไหม” จิ่นอวี่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินตามอีกฝ่ายทัน แน่นอนว่าไม่เพียงถามแต่กลับมองการกระทำของอีกฝ่าย สีหน้าอวิ่นเยว่ดูจะมีความสุขมากกว่าปกติ ทั้งที่ก่อนหน้าตอนกินข้าวคุยหลาย ๆ เรื่องไม่เป็นแบบนั้นสักนิด “ฉันไม่ว่าง” คำตอบนี้เป็นข้ออ้างได้อย่างดีที่จะปฏิเสธคำเชิญชวนของจิ่นอวี่ “โอเค” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับยิ้มแล้วเอ่ยถามไปว่า “ผู้หญิงเมื่อกี้เป็นใครกัน” อวิ่นเยว่ถอดสีหน้าแต่พูดกลบเกลื่อนด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ใคร ?” จิ่นอวี่ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างเก็บไม่อยู่จึงไม่คิดจะถามไปมากกว่านี้ เพราะดูจากท่าทางและสีหน้าของอวิ่นเยว่ที่พยายามกลบเกลื่อนอยู่นั้นทำให้รู้คำตอบในใจ ผู้หญิงคนนั้น...คงจะเป็นคนพิเศษสินะ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันจะกลับละ” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะรีบเดินขึ้นรถและขับออกไปทันที ส่วนจิ่นอวี่ได้แต่มองแล้วส่ายหน้าออกมา “ยังปากแข็งเหมือนเดิมเลยน้า” จิ่นอวี่เดินมาขึ้นรถและขับออกไปเช่นกัน ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ลฎาภาคิดว่าไม่มีอะไรมากนักนอกจากการทำความสะอาดในห้องบางส่วนและเป็นพี่เลี้ยงเด็กอยู่กับอาหยูนั่นเอง หลังช่วงบ่ายถึ
Chapter 19 อวิ่นเยว่เดินออกจากลิฟต์ด้วยสีหน้าที่มีความสุข ขณะที่มือลวงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเข้าแอปพลิเคชันที่มีแค่หญิงสาวเป็นเพื่อนเพียงคนเดียว เขาพิมพ์ข้อความและกดส่งในทันที อวิ่นเยว่ : เย็นนี้อยู่กินข้าวด้วยกันไหม ? อวิ่นเยว่เดินเข้ามาให้ห้องทำงานแล้วนั่งลง เวลานี้ก็เกือบเที่ยง แต่ยังมีงานที่ต้องสะสางให้เสร็จอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มเปิดโทรศัพท์เพื่อดูข้อความที่ถูกส่งเข้ามาแต่ไม่มี จึงได้แต่รอและหยิบงานขึ้นมาทำ ไม่นานเกินสิบนาทีข้อความจากอีกฝ่ายจึงถูกส่งกลับมา เขาวางมือจากงานทำอยู่เพื่อเปิดอ่านทันที ลฎาภา : ไม่ค่ะ คุณเผิงเป็นเจ้านายนะคะ อ่า...เขาตอบไปต่อไม่ถูกเลยจริง ๆ ถึงจะบอกว่าเป็นเจ้านายก็เถอะ อวิ่นเยว่จ้องมองข้อความตอบกลับที่ใช้เวลานานว่าจะพิมพ์อะไรตอบกลับไปดี ลฎาภา : อีกอย่างวันนี้ฉันกลับเร็วด้วยค่ะ คงจะไม่ได้เจอกัน อวิ่นเยว่ : ถ้าฉันกลับเร็วจะได้เจอเธอใช่ไหม ? อวิ่นเยว่รอข้อความที่ไม่ถูกอ่านและไม่มีการตอบกลับ เกือบสิบนาทีจนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่หญิงสาวไม่ตอบ เขาจึงเก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจและหันกลับมาทำงานให้เสร็จ
Chapter 20 ทางด้านอวิ่นเยว่เมื่ออาบน้ำเสร็จออกมาไม่พบกับหญิงสาวจึงกวาดสายตามองหาและเห็นว่าหมอนกับผ้าห่มได้หายไป จึงเดาได้ว่าเธออาจจะออกไปนอนข้างนอกไม่ก็นอนกับอาหยู ชายหนุ่มเดินออกจากห้องครั้นหันมองไปยังโซฟาก็เห็นเธอนอนขดตัวอยู่ เขายิ้มที่มุมปากก่อนสาวเท้าเข้าไปหา โน้มตัวลงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเธอก่อนจะรีบดึงมือกลับมา ยกขึ้นปิดปากและเบี่ยงใบหน้าที่รู้สึกผ่าว ๆ ไปทางอื่น เขาควรจะปล่อยให้เธอนอนตรงนี้ดีหรือไม่... อวิ่นเยว่หันมองหญิงสาวด้วยความลังเลใจ แต่สุดท้ายก็โน้มตัวลงไปอุ้มเธอขึ้นมาและเดินเข้าไปในห้อง “อื้อ” เสียงครางงัวเงียทำให้เขาสะดุ้งและผละถอยออกห่างจากเธอ อวิ่นเยว่เดินออกจากห้องก่อนกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับหมอนและผ้าห่มจัดวางลงที่เดิม ลฎาภาปรือตาขึ้นก่อนรีบขยับตัวลุกขึ้นและเรียกเขาทันทีด้วยความตกใจ “คุณเผิง !” “คุณนอนต่อไปเถอะ ผมจะทำงานอีกสักหน่อย” อวิ่นเยว่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตรงกันข้ามกับหญิงสาวที่มองอย่างสับสนและตกใจ ลฎาภารีบขยับตัวลุกขึ้นลงจากเตียงและไม่ลืมที่จะหยิบหมอนติดมือมาด้วย อวิ่นเยว่
Chapter 21 “นี่สำหรับคุณ” อวิ่นเยว่ยื่นของส่งให้พลางหลบสายตาไปทางอื่น “คะ ?” ลฎาภามองกล่องขนาดเล็กสีน้ำเงินที่อยู่ในมือ จำได้ว่าเขาเข้าร้านหนึ่งไปเลือกน่าจะเป็นเครื่องประดับทั้งยังใช้เวลานานพอสมควร นึกว่าจะซื้อสะสมไว้เองซะอีก “ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” อวิ่นเยว่มองด้วยสายตาตัดพ้อ เพราะไม่ชอบการปฏิเสธของเธอ “ทำไม ?” นั่นเป็นคำตอบที่เธอต้องตอบเขาด้วยหรือไม่ ? ลฎาภามองด้วยความลังเลและหนักใจ รู้เพียงว่าหากรับสิ่งนี้ไว้อาจจะทำให้เธอไม่สบายใจ...ไม่สิ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไรในตอนนี้ “ฉันรับของมีค่าจากคุณเผิงไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” เธอตอบพร้อมกับพยายามยิ้มให้ อวิ่นเยว่แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาแม้จะแค่แวบเดียวแต่เธอก็เห็น “ช่างเถอะ” เขาพูดแล้วเดินไปเงียบ ๆ ลฎาภามองชายหนุ่มที่เดินจากไปจึงไม่คิดอะไรมากและรีบจัดเก็บของใช้ต่อ ครั้นเมื่อเดินไปทิ้งขยะจึงเห็นกล่องสีน้ำเงินลงไปอยู่ในถังขยะเสียแล้ว ดวงตากลมมองด้วยความรู้สึกที่ยากจะตัดสินใจ ควรจะหยิบขึ้นมาแล้วไปคืนเขา หรือว่าทำเป็นไม่เห็นแล้วทิ้งขยะในมือปิดทับไปดี หญิงสาวใช้ความคิดอยู่ไม่นานจึงตัด
Chapter 22 ร้านอาหารนอกตัวเมืองที่ขึ้นชื่อของจังหวัด R ในช่วงเย็นมักจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาแวะรับประทานเยอะ นอกจากจะมีอาหารพื้นเมืองแล้วยังมีอาหารหลากหลายประเภทด้วย อวิ่นเยว่นั่งรอหลังจากที่สั่งอาหารไป เขาเหลือบมองและยิ้มออกมาอย่างพึงใจ ถึงเธอจะค้านเสียงแข็งว่าขอไปซื้อร้านอื่นกินเพียงลำพังจะดีกว่าก็ตาม แต่สุดท้ายแล้ว... ‘คุณป้าไม่อยากอยู่ฉลองวันเกิดของอาหยูเหรอ’ ไม่น่าเชื่อที่เธอยอมอยู่...แต่ก็รู้สึกอิจฉาเจ้าลูกชายขึ้นมาเหมือนกัน ลฎาภายังคงนั่งเกร็งตลอดแม้กระทั่งอาหารมาเสิร์ฟแล้วก็ยังนั่งนิ่ง อาหารมื้อเย็นนี้ไม่ใช่อาหารพื้นเมืองแต่เป็นอาหารฝรั่งเศส ทั้งโต๊ะและบรรยากาศต่างจากอีกฝั่งที่เป็นโซนอาหารพื้นเมืองมาก ที่นี่ช่างเงียบสงบและโรแมนติกดีจริง ๆ ‘นี่เรากำลังคิดอะไรกันอยู่แน่ !’ เธอหันมองไปทางอื่นทั้งที่ใบหน้ายังผ่าวร้อนตลอด อีกทั้งเกร็งมากจนไม่สามารถขยับมือได้ตามปกติ ถึงแม้จะเอื้อมมือหยิบช้อนตักอาหารแล้ว แต่เธอก็นั่งนานกว่าจะตักคำแรกเข้าปาก “คุณป้า...อาหยูให้แครอทนะ” อาหยูขยับตัวตักแครอทในจานของตัวเองให้หญิงสาวจนหมด แล้วส่งยิ้มหวานให้
Chapter 23 หลังจากที่กลับมาจากการไปเที่ยววันเกิดเจ้าตัวกลม อวิ่นเยว่กลับมานั่งทำงานต่อที่ห้องทำงานเช่นเดิม เพราะหลายวันมานี้งานที่ปกติจะใช้เวลาในวันหยุดจัดการให้เสร็จ รวมถึงวางแผนที่จะเริ่มงานสัปดาห์ใหม่อยู่ทุกครั้งก็ต้องหายไป แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าคิดผิดที่ไปเลยแม้จะแค่สองวันก็ตาม ...ไม่มีสมาธิ... ถึงจะบอกว่าทำงาน แต่ในส่วนลึกของจิตใจกลับรู้สึกสั่นไหว อวิ่นเยว่ถอนหายใจออกมาหลายครั้งก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความส่งหาหญิงสาวในทันที อวิ่นเยว่ : กินข้าวหรือยัง ? หลังจากพิมพ์เสร็จ ชายหนุ่มก็วางโทรศัพท์และกลับมาสนใจเอกสารต่อ แม้จะรอข้อความตอบกลับจากเธออยู่ก็ตาม ผ่านไปสิบนาทีก็ยังไม่มีการตอบกลับมา ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่จะถูกเปิดออก “คุณเผิงคะ อาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว จะให้ป้ายกขึ้นมาให้ไหมคะ ?” เขาละสายตาจากจอแท็บเลตแล้วเงยหน้าขึ้น “เดี๋ยวผมจะลงไปกินครับ” ป้าผ่องพยักหน้ารับก่อนปิดประตูจากไป อวิ่นเยว่ขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ขณะที่เหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง สายตาดูผิดหวังที่ยังไม่ได้รับข้อความจาก
Chapter 24 “ฉันเกรงใจค่ะ แล้วก็เป็นแค่ลูกจ้าง...” ลฎาภาตั้งใจที่จะปฏิเสธเพื่อออกห่างจากเขา และรู้ว่านับวันยิ่งหลวมตัวเข้าไปโดยไม่ทันตั้งตัว ขืนเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ มีแค่เธอที่ต้องเจ็บปวด “อาหยูอยากให้คุณไปร่วมโต๊ะด้วย...” อวิ่นเยว่พูดขึ้นพลางโน้มตัวลงมาใกล้ “และผมก็ต้องการยิ่งกว่า” เธอกะพริบตามองชายหนุ่มที่เดินจากไป ใบหน้าเริ่มผ่าวร้อนขึ้นมาเมื่อรู้ถึงความหมายโดยนัย ไม่ว่าจะพยายามหนีมากแค่ไหน ส่วนลึกภายใต้จิตใจกลับเรียกร้องมากขึ้นเท่านั้น ราวกับความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้ เธอเคยลืมมันไป ท้ายสุดแล้วหญิงสาวก็ไม่ปฏิเสธที่จะรับประทานอาหารร่วมกับ ชายหนุ่มอีกครั้ง หลังจากกินเสร็จเธอก็จัดการเก็บล้างเรียบร้อย อวิ่นเยว่เดินเข้ามาหาก่อนพูดขึ้นและส่งถุงกระดาษสีหวานส่งให้ “ผมให้” “ไม่เป็นไรค่ะ คือฉัน...” “ผมไม่ได้ซื้อมาให้คุณ แค่ลูกค้าให้มา” อวิ่นเยว่โกหกเพราะความจริงตั้งใจเลือกซื้อกลับมาให้โดยเฉพาะเลยนี่นา “ผมไม่ชอบของหวาน ถ้าคุณไม่ชอบผมจะได้...ทิ้ง” เธอแสดงสีหน้าลังเลว่าจะรับดีหรือไม่ “เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” อวิ่นเยว่ยิ้มที่มุมปาก
Chapter 47“ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะคะ” ลฎาภาพูดพร้อมหยิบกระเป๋าและลุกขึ้น ทว่าอวี้หลันลุกขึ้นและเข้ามานั่งเกาะขาไว้ทันที ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจกับการกระทำของอีกฝ่าย “คุณจะทำอะไร ?!”“ขอร้องนะคะ คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !”แน่นอนว่าไม่ใช่คำพูดเบา ๆ เหมือนที่สนทนากันก่อนหน้านี้ อวี้หลันจงใจพูดเสียงดังให้พนักงานในร้านและคนที่นั่งอยู่ออกไปไม่ไกลได้ยินอย่างชัดเจนลฎาภาอึ้งและตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้สติก็รีบพยายามแกะมือของอีกฝ่ายออกจากขา“คืนครอบครัวของฉันมาเถอะค่ะ ได้โปรด...ฉันแค่อยากอยู่กับลูกและสามีก็เท่านั้น”คำพูดนี้ยิ่งทำให้ลฎาภารู้สึกอายเมื่อคนที่นั่งอยู่ในร้านต่างหันมามอง หล่อนจงใจอยู่แล้วสินะ จงใจให้คนในร้านเห็นราวกับสร้างเรื่องว่าเธอเป็นเมียน้อยที่แย่งสามีมา จนสุดท้ายก็เลิกที่จะยื้อแกะมือของอีกฝ่ายออก“ฉันไม่รู้เหตุผลที่คุณทำแบบนี้นะคะ แต่คุณก็ทิ้งลูกกับสามีไปไม่ใช่เหรอคะ ? ทิ้งให้เขาอยู่ลำพัง...” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่น “คุณไปอยู่ที่ไหนมาคะ ? ทำไมถึงต้องทิ้งลูกตัวเอ
Chapter 46วันเวลาล่วงผ่านไปเกือบเดือนอวี้หลันไม่รู้เรื่องข่าวของบริษัทอวิ่นเยว่อีกเลย ทั้งที่พยายามถามแต่เขาไม่ค่อยจะบอก หน้าที่ตอนนี้เป็นเพียงสะใภ้ที่ต้องคอยดูลูกชายเท่านั้นหญิงสาวรู้สึกไม่ค่อยพอใจมากนักเพราะอวิ่นเยว่ดูเหมือนจะทำงานทั้งวันจนไม่มีเวลาให้ อีกทั้งเงินใช้จ่ายที่เคยได้ก็ลดลงไป“ป้าผ่อง คุณแม่ออกไปไหน”“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เห็นว่าช่วงเย็น ๆ จะกลับมาค่ะ”หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะพูดขึ้นต่อไปว่า “ป้าผ่องว่างอยู่ใช่ไหม ? ฉันอยากจะฝากอาหยูไว้สักสามชั่วโมง”“จะออกไปซื้อของใช้เหรอคะ ให้ป้าไปแทนดีกว่าไหม”อวี้หลันมีสีหน้าหงุดหงิด“ไม่ค่ะ ฉันอยากจะออกไปเอง”“ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าจะดูแลอาหยูให้เอง” ป้าผ่องตอบรับก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเด็กทารกที่นอนอยู่ในแปลของห้องนั่งเล่น ส่วนหญิงสาวมองด้วยสายตารำคาญและใส่รองเท้าเดินออกจากบ้านไปทันทีอวี้หลันเดินออกมาขึ้นรถแท็กซี่เพื่อไปห้างสรรพสินค้า ทั้งที่ก่อนหน้าตั้งใจจะอดทนอีกนิดเพื่อรั้งความสัมพันธ์นี้ไว้ให้ถึงที่สุด ทว่าอวิ่น
Chapter 45“อวิ่นเยว่ !” อวี้หลันกำมือจิกแน่นด้วยความรู้สึกเจ็บใจ เพราะความเจ็บปวดและรักแทบจะไม่หลงเหลืออยู่ในใจ “ฉันรักคุณค่ะ”อวิ่นเยว่ทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เขากุมมือของลฎาภาเดินกลับเข้าไปข้างในทันที“จะไม่คุยกับเธอหน่อยหรือคะ”หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องทำงานเขาอวิ่นเยว่คลายมือออกจากมือของเธอโดยที่ไม่หันกลับมา“ไม่มีความจำเป็น”น้ำเสียงเยือกเย็นทำให้ลฎาภารู้สึกตกใจเล็กน้อย ถึงแม้ว่าอยากจะเห็นแก่ตัวมากกว่านี้แต่ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ผู้ให้กำเนิดเจ้าตัวกลมออกมาจึงทำใจไม่ลง “แต่เธอเป็นหม่าม้าของอาหยูนะคะ”ชายหนุ่มสะอึกก่อนจะหันมามองหญิงสาว “คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?” พอรู้ตัวว่าอารมณ์กำลังขุ่นมัวอยู่ก็คิดได้ว่านั่นเป็นคำถามที่ไม่ควรเอ่ยเลย“สักพักแล้วค่ะ” ลฎาภาพูดต่อไป “เธอเคยมาหาฉัน...เรื่องของคุณ”อวิ่นเยว่มองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนหันหน้าหนีเบือนไปทางอื่น“ผมขอโทษที่ไม่เคยบอกคุณ”นั่นไม่ใช่ประเด็น
Chapter 44วันรุ่งขึ้นหลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ลฎาภาก็อยู่เป็นเพื่อนเจ้าตัวกลมเพราะบอกว่าอยากวาดภาพด้วยกันกับเธอ ทั้งยังทำเสียงอ้อนงอแงด้วย ส่วนอวิ่นเยว่นั้นกลับไปที่ห้องทำงานบอกว่ามีงานต้องสะสางให้เสร็จ จวบจนเวลาผ่านไปเกือบเที่ยงเธอจึงปล่อยให้อาหยูนั่งระบายสีอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามลำพังและเดินเข้ามาในครัว ช่วยป้าผ่องเตรียมโต๊ะเพื่อรับประทานอาหารมื้อกลางวัน“วันนี้มื้อเย็นป้าผ่องจะทำอะไรบ้างคะ”หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นด้วยความเคยชิน“ป้าทำเสร็จหมดแล้วละเพราะช่วงเย็นป้าไม่อยู่ ลูกสะใภ้ป้าไม่สบายไม่มีใครดูแลหลาน ๆ เลย”“ป้ากลับเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวตรงนี้จอมจัดการเองค่ะ” ลฎาภาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ทำให้ป้าผ่องมองหญิงสาวอย่างเอ็นดูและคิดว่าคุณเผิงคงเลือกผู้หญิงไม่ผิดแล้วจริง ๆ“เดี๋ยวป้าจัดการครัวและเก็บเสื้อผ้าก่อน ค่อยกลับจ้ะ”ลฎาภาพยักหน้ายิ้มรับขณะที่ยกกับข้าวออกไปวางที่โต๊ะอาหาร“หม่าม้า” อาหยูเดินจ้ำ ๆ เข้ามาหาพลางเอื้อมมือดึงชายเสื้อของเธอหญิงสาวหันไปหาเจ้าตัวกลม &l
Chapter 43เจ้าตัวกลมสะดุ้งและพยักหน้าหงึก ๆ เป็นการตกลงอย่างปฏิเสธไม่ได้ ในเมื่อสีหน้าของป๊ะป๋าน่ากลัวกว่าคุณปีศาจซะอีกอวิ่นเยว่ยิ้มอย่างพึงใจก่อนหันมาพูดกับหญิงสาว“คุณนั่งรออยู่แถวนี้ก่อนก็ได้”“คุณจะไปไหนคะ ?” ลฎาภาเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก “ผมจะไปซื้อคุณหมีให้อาหยู”“ให้ฉันไปช่วยไหมคะ ?”อวิ่นเยว่ส่ายหน้า “ผมฝากคุณดูอาหยูสักพักแล้วจะรีบมา”“ได้ค่ะ” ลฎาภาตอบรับขณะเขาพยักหน้าและเดินกลับเข้าไปในย่านซื้อของฝากทันทีทางด้านอาหยูพอป๊ะป๋าตอบรับว่าจะซื้อให้ก็ไม่ได้ดีใจ ตรงข้ามกันกลับงอนแก้มป่องควันออกหูอีก ลฎาภาสังเกตเจ้าตัวกลมก้มนั่งนิ่งแล้วยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูเธอยกมือลูบศีรษะของเด็กน้อย ขณะที่เจ้าตัวกลมหันมองและก้มหน้าซบลงที่ตักเป็นเชิงอ้อน“หม่าม้ารักอาหยูไหม”ลฎาภาชะงักมองอาหยูที่เงยหน้าส่งสายตารอคำตอบ“รักสิ” เธอตอบพลางใช้มือขยี้เส้นผมของเจ้าตัวกลม“ก็อาหยูน่ารักนี่นา”เจ้าตั
Chapter 42‘ได้โปรดให้ฉันได้พบเขานะคะ’‘คืนเขาให้ฉันนะคะ ได้โปรด...คืนครอบครัวให้ฉันนะคะ’หญิงสาวยกมือขึ้นปิดเสียงที่ดังขึ้นผ่านเข้ามาในหูจนไม่อาจทนรับได้อีกทั้งความเจ็บปวดที่ไม่เข้าใจตัวเอง ทั้งความเศร้าที่ไม่สามารถรับไหว แววตาสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวและสับสน หยดน้ำตาไหลออกมาไม่รู้ตัว มือที่ปิดหูอยู่คลายออกเมื่อเสียงนั้นหายไป‘คุณยังรักเธอไหมคะ ?’เสียงของเธอ ไม่ผิดแน่ !แววตาลฎาภาสั่นระริกเมื่อได้ยินเสียงของตัวเองก้องในหู เธอหลับตาลง อยากหนีไปให้ไกล หากคำถามนี้เป็นคำถามที่ถามเขาเพื่อให้เลือกระหว่างเธอกับอวี้หลันแล้ว ไม่อยากรับรู้ ...หญิงสาวส่ายหน้าหนี ขยับตัวขึ้นจากบ่อน้ำพลางเอื้อมมือหยิบผ้าขนหนู แต่จู่ ๆ ทุกอย่างรอบกายกลับกลายเป็นสีดำมืดมิดไปหมด เธอก้มลงมองร่างกายที่สวมเสื้อผ้าชุดทำงานที่ใส่ประจำเต็มไปด้วยเลือดสีแดง !ลฎาภาไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ดวงตากลมสั่นระริกมองไปยังความมืดเป็นแค่ความฝันเท่านั้น ! นี่คงเป็นความฝันของเธอพื้นที่มืดมิดจนมองไม่เห็นแสง แม้สองเท้าจะพยายามก้าวเดินไปข
Chapter 41เพราะเหนื่อยจากการเดินทางในช่วงเช้าจึงไม่ได้ไปไหนนอกจากอยู่ที่พัก จนกระทั่งตะวันเริ่มลับขอบฟ้า เสียงร้องประท้วงถึงอาหารมื้อเย็นก็ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ จากเจ้าตัวกลมที่เพิ่งนอนตื่นขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟาเดินออกมาหาลฎาภาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ริมระเบียงด้วยท่าทางงัวเงีย“หม่าม้า”ลฎาภาละสายตาจากหนังสือวางไว้บนตักก่อนจะหันมาหาเจ้าตัวกลม“อาหยูหิวแล้วใช่ไหม ?”อาหยูพยักหน้าพลางใช้มือลูบท้องน้อยหญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นและพาเจ้าตัวกลมเดินเข้ามาด้านใน “อาหยูรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวหม่าม้าจะไปเรียกป๊ะป๋าก่อน”เมื่อพูดจบลฎาภาก็เดินไปเปิดประตูห้องนอน ดวงตากลมมอง ชายหนุ่มนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะโซฟาตัวเล็ก ใบหน้าคมขรึมจดจ้องกับงานตรงหน้า เธอหันปิดประตูและเดินเข้าไปอย่างเงียบ ๆชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวเดินเข้ามาจึงละสายตาขึ้น “ขอโทษผมทำงานจนลืมเวลา”ลฎาภามองใบหน้าภายใต้กรอบแว่นสีดำเป็นครั้งแรก คงเป็นเพราะเขานั่งทำงานล้ามาทั้งวัน ทั้งยังต้องจ้องแสงไฟจากโทรศัพท์และจอโน้ตบุ๊กเป็นเวลานานอวิ่นเยว่ปิดหน้าจอโน้ต
Chapter 40เธอมองเขาก่อนหลบสายตา “ไม่มีอะไรค่ะ”อวิ่นเยว่ไม่ได้ถามต่อแต่ก็จ้องมองเธอกระทั่งลฎาภาเงยหน้าขึ้นสบตา“ผมเป็นห่วงคุณ”ดวงตากลมมองชายหนุ่มด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นอย่างบอกไม่ถูก ความปรารถนาและเสียงเรียกร้องภายในใจผลักดันให้ก้าวเข้าไปหาชายหนุ่มเขย่งปลายเท้ายื่นใบหน้าไปประทับริมฝีปากที่ปากของชายหนุ่ม“ขอโทษค่ะ” เธอผละออกยกมือขึ้นสัมผัสที่ปากตัวเอง ไม่คิดว่าจะเผลอสติหลุดถึงขนาดนี้อวิ่นเยว่ยิ้มมุมปากเอื้อมมือคว้าแขนของหญิงสาวแล้วดึงเข้ามาประชิดที่ตัวเขา ลฎาภาเบิกตากว้างด้วยความตกใจพลางยกมือดันแผ่นอกแกร่งออกห่าง ทว่าชายหนุ่มกลับใช้มืออีกข้างรั้งตัวเธอเข้ามาแนบชิด ก่อนโน้มใบหน้าลงประทับจุมพิตที่ริมฝีปากอิ่มในทันทีมือเรียวเล็กที่ออกแรงดันเขาออกหยุดลงเมื่อริมฝีปากประทับลงจูบอย่างอ่อนโยน ลฎาภาหลับตาพริ้มรับสัมผัสและการเล้าโลมเพียงเล็กน้อย นั่นอาจเป็นเพราะความรู้สึกที่อยู่ในใจของเธอทำให้ไม่ต่อต้านหรือขัดขืนเลยสักนิด หากเพียงแต่เป็นความจริงและได้อยู่ในอ้อมกอดเขาแบบนี้นานอีกหน่อย...เนิ่นนานกว่าที่อวิ่นเยว่จะปล่อยเธ
Chapter 39เวลาผ่านไปจนกระทั่งหญิงสาวรับประทานอาหารจนเกือบหมดจานจึงวางช้อน—ส้อมลง เอื้อมมือดื่มน้ำก่อนจะใช้ผ้าเช็ดปากพลางขยับตัวลุกขึ้น“เดี๋ยวฉันไปห้องน้ำก่อนนะคะ”อวิ่นเยว่พยักหน้ารับรู้ขณะที่เธอเดินออกมาลฎาภาเดินตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่อีกทางกระทั่งปิดประตูห้องน้ำลง เสียงถอนหายใจออกมาอย่างหนักก็ดังขึ้นเป็นระยะ เธอไม่ได้อยากทำธุระส่วนตัวหรอกเพียงแค่อยากใช้เวลาเงียบ ๆ สักพัก เพื่อเรียกและทวนสติของตัวเองกลับคืนมาคำพูดของอวี้หลันทำให้เธอตัดสินใจไม่ถูก แม้จะอยู่กับเขาแล้วมีความสุข ทว่าแวบหนึ่งของจิตใต้สำนึกก็รู้สึกผิดขึ้นมา คิดถึงเรื่องนี้อยู่ ๆ น้ำตาก็ไหล ความรู้สึกจุกอยู่ที่อกจนหายใจไม่ออก ความรู้สึกบางอย่างพรั่งพรูจนหญิงสาวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไร...รู้เพียงว่าเจ็บปวด เศร้าและทรมานนิ้วปาดน้ำตาบนใบหน้า พลางกลั้นเสียงสะอื้นดังออกมาเป็นระยะ เป็นเวลานานเกือบสิบนาทีกว่าที่จะหยุดร้องและปรับสีหน้า ลฎาภาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เอื้อมมือหยิบกระเป๋าสะพายที่แขวนอยู่ตรงประตูก่อนจะเปิดประตูออกมา ดวงตากลมเบิกกว้างเล็กน้อยด้วยความตกใจที่มีผู้หญิง