Chapter 22
ร้านอาหารนอกตัวเมืองที่ขึ้นชื่อของจังหวัด R ในช่วงเย็นมักจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาแวะรับประทานเยอะ นอกจากจะมีอาหารพื้นเมืองแล้วยังมีอาหารหลากหลายประเภทด้วย อวิ่นเยว่นั่งรอหลังจากที่สั่งอาหารไป เขาเหลือบมองและยิ้มออกมาอย่างพึงใจ ถึงเธอจะค้านเสียงแข็งว่าขอไปซื้อร้านอื่นกินเพียงลำพังจะดีกว่าก็ตาม แต่สุดท้ายแล้ว... ‘คุณป้าไม่อยากอยู่ฉลองวันเกิดของอาหยูเหรอ’ ไม่น่าเชื่อที่เธอยอมอยู่...แต่ก็รู้สึกอิจฉาเจ้าลูกชายขึ้นมาเหมือนกัน ลฎาภายังคงนั่งเกร็งตลอดแม้กระทั่งอาหารมาเสิร์ฟแล้วก็ยังนั่งนิ่ง อาหารมื้อเย็นนี้ไม่ใช่อาหารพื้นเมืองแต่เป็นอาหารฝรั่งเศส ทั้งโต๊ะและบรรยากาศต่างจากอีกฝั่งที่เป็นโซนอาหารพื้นเมืองมาก ที่นี่ช่างเงียบสงบและโรแมนติกดีจริง ๆ ‘นี่เรากำลังคิดอะไรกันอยู่แน่ !’ เธอหันมองไปทางอื่นทั้งที่ใบหน้ายังผ่าวร้อนตลอด อีกทั้งเกร็งมากจนไม่สามารถขยับมือได้ตามปกติ ถึงแม้จะเอื้อมมือหยิบช้อนตักอาหารแล้ว แต่เธอก็นั่งนานกว่าจะตักคำแรกเข้าปาก “คุณป้า...อาหยูให้แครอทนะ” อาหยูขยับตัวตักแครอทในจานของตัวเองให้หญิงสาวจนหมด แล้วส่งยิ้มหวานให้<Chapter 23 หลังจากที่กลับมาจากการไปเที่ยววันเกิดเจ้าตัวกลม อวิ่นเยว่กลับมานั่งทำงานต่อที่ห้องทำงานเช่นเดิม เพราะหลายวันมานี้งานที่ปกติจะใช้เวลาในวันหยุดจัดการให้เสร็จ รวมถึงวางแผนที่จะเริ่มงานสัปดาห์ใหม่อยู่ทุกครั้งก็ต้องหายไป แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าคิดผิดที่ไปเลยแม้จะแค่สองวันก็ตาม ...ไม่มีสมาธิ... ถึงจะบอกว่าทำงาน แต่ในส่วนลึกของจิตใจกลับรู้สึกสั่นไหว อวิ่นเยว่ถอนหายใจออกมาหลายครั้งก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความส่งหาหญิงสาวในทันที อวิ่นเยว่ : กินข้าวหรือยัง ? หลังจากพิมพ์เสร็จ ชายหนุ่มก็วางโทรศัพท์และกลับมาสนใจเอกสารต่อ แม้จะรอข้อความตอบกลับจากเธออยู่ก็ตาม ผ่านไปสิบนาทีก็ยังไม่มีการตอบกลับมา ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่จะถูกเปิดออก “คุณเผิงคะ อาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว จะให้ป้ายกขึ้นมาให้ไหมคะ ?” เขาละสายตาจากจอแท็บเลตแล้วเงยหน้าขึ้น “เดี๋ยวผมจะลงไปกินครับ” ป้าผ่องพยักหน้ารับก่อนปิดประตูจากไป อวิ่นเยว่ขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ขณะที่เหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง สายตาดูผิดหวังที่ยังไม่ได้รับข้อความจาก
Chapter 24 “ฉันเกรงใจค่ะ แล้วก็เป็นแค่ลูกจ้าง...” ลฎาภาตั้งใจที่จะปฏิเสธเพื่อออกห่างจากเขา และรู้ว่านับวันยิ่งหลวมตัวเข้าไปโดยไม่ทันตั้งตัว ขืนเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ มีแค่เธอที่ต้องเจ็บปวด “อาหยูอยากให้คุณไปร่วมโต๊ะด้วย...” อวิ่นเยว่พูดขึ้นพลางโน้มตัวลงมาใกล้ “และผมก็ต้องการยิ่งกว่า” เธอกะพริบตามองชายหนุ่มที่เดินจากไป ใบหน้าเริ่มผ่าวร้อนขึ้นมาเมื่อรู้ถึงความหมายโดยนัย ไม่ว่าจะพยายามหนีมากแค่ไหน ส่วนลึกภายใต้จิตใจกลับเรียกร้องมากขึ้นเท่านั้น ราวกับความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้ เธอเคยลืมมันไป ท้ายสุดแล้วหญิงสาวก็ไม่ปฏิเสธที่จะรับประทานอาหารร่วมกับ ชายหนุ่มอีกครั้ง หลังจากกินเสร็จเธอก็จัดการเก็บล้างเรียบร้อย อวิ่นเยว่เดินเข้ามาหาก่อนพูดขึ้นและส่งถุงกระดาษสีหวานส่งให้ “ผมให้” “ไม่เป็นไรค่ะ คือฉัน...” “ผมไม่ได้ซื้อมาให้คุณ แค่ลูกค้าให้มา” อวิ่นเยว่โกหกเพราะความจริงตั้งใจเลือกซื้อกลับมาให้โดยเฉพาะเลยนี่นา “ผมไม่ชอบของหวาน ถ้าคุณไม่ชอบผมจะได้...ทิ้ง” เธอแสดงสีหน้าลังเลว่าจะรับดีหรือไม่ “เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” อวิ่นเยว่ยิ้มที่มุมปาก
Chapter 25 “หมอนั่นงั้นเหรอ” “คะ ?!” ลฎาภากะพริบตามองด้วยความงุนงงก่อนเบี่ยงใบหน้าหลบหนีเมื่อเขาโน้มเข้ามาใกล้ “หมอนั่นใช่ไหม ?” อวิ่นเยว่ถามย้ำอีกครั้ง “คือว่าฉันแค่นัดคนที่ช่วยเก็บของ ตะ...ตอน” ลฎาภาอ้ำอึ้งไม่ยอมพูด ทั้งใบหน้าก็เริ่มผ่าวร้อนขึ้นมาแม้จะเบี่ยงหลบหนีก็ตาม “ตะ...ตอนที่ฉันไป สัมภาษณ์งานแล้วเข้าห้องน้ำผิดน่ะค่ะ !” หมดกันยัยจอม...ทำไมต้องพูดออกไปหมดแบบนั้น “เข้าห้องน้ำผิด ?” อวิ่นเยว่หรี่ตามองพลางครุ่นคิดแล้วถอยตัวออกห่าง จำได้ว่าเคยเจอเธออยู่สองครั้งตอนที่เข้าห้องน้ำชาย ครั้งแรกไม่ได้ใส่ใจนักแค่เลขา ฯ จัดการนำของไปคืนให้ก็เท่านั้นดูเหมือนว่าจะลืมไปสนิทด้วย ลฎาภาตั้งสติและอธิบายรายละเอียดให้เขาฟัง “ฉันก็แค่อยากขอบคุณเขาที่เก็บเอกสารและโทรศัพท์มาคืนให้ก็เท่านั้นเองค่ะ” อวิ่นเยว่ขมวดคิ้วแทบจะชนกัน ความรู้สึกและประโยคคุ้นเคยของผู้ช่วยเมื่อตอนบ่ายแล่นเข้ามาในหัวทันที “ก็ไปสิ” ลฎาภากะพริบตามองชายหนุ่มที่เดินขึ้นบันไดชั้นสองไปอย่างงุนงง อวิ่นเยว่เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานวางเอกสารลงบนโต๊ะทำงานและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
Chapter 26 “ครั้งหน้าเรามาเดตกันจริง ๆ นะ” “คะ ?” อวิ่นเยว่ปล่อยมือหญิงสาว “แล้วผมจะรอ” หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบโดยไม่ตอบก่อนจะรีบเปิดประตูลงทันที ครั้นหันหลังกลับไปมองรถยนต์ของอวิ่นเยว่ก็ขับออกไปแล้ว ดวงตากลมหรี่ลงมองที่พื้นด้วยความสับสนใจก่อนเธอจะเดินเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ ประตูห้องพักถูกปิดลงพร้อมกับเสียงหัวใจที่ยังคงเต้นดังเป็นจังหวะไม่หาย นับวันมันยิ่งดังและชัดเจนมากขึ้น “ไม่หรอก...จะไปหลงรักได้ยังไงกัน” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นขณะที่นั่งลงกับพื้น ทั้งที่การหลงรักใครสักคนอาจจะเป็นความสุขทำให้โลกทั้งใบเป็นสีชมพู แต่ทว่าในใจตอนนี้กลับรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่า ทำไมถึงต้องรู้สึกเจ็บปวด สมองของลฎาภาเริ่มขาวโพลนไปหมด เธอไม่รู้เลยสักนิดว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหน ทั้งภาพ ความรู้สึกบางอย่างก็แทรกซึมเข้ามา ‘ผม...ขอโทษ’ นั่นมันเสียงของเผิงอวิ่นเย่ว ! เขากำลังพูดกับใครทำไมถึงมองไม่เห็น เงาสีดำนั่นทำให้เธอมองไม่เห็นอะไรเลยสักนิด มีเพียงเสียงและความรู้สึกทรมานเท่านั้นที่รับรู้ได้ ก่อนทุกอย่างจะหายไปและเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นอีกครั้ง ‘อาหยูต้อง
Chapter 27 ♣ Lucky(̂ώ̂): (ส่งสติ๊กเกอร์ร้องไห้ไปให้) Ü : 555555+ ลองคุยกันดูหรือยังครับ ♣ Lucky(̂ώ̂): ไม่แล้วค่ะ คิดว่าปลงไปแล้ว ว่าแต่คุณกินข้าวหรือยังคะ ฉันมากวนหรือเปล่า Ü: ไม่ครับ ๆ ผมกำลังว่างเลย ถลัชนันท์ถอนหายใจออกมานับไม่ถ้วน ก่อนจะพิมพ์คุยกับชายหนุ่มไปโดยที่เขาก็ตอบกลับมาในทันที หญิงสาวรู้ดีว่าถึงต่อให้อยู่ด้วยกันไปนานแค่ไหนถ้าเป็นเรื่อย ๆ แบบนี้ต่อไปก็ไม่มีทางที่เขาจะรักเธอ หรือเธอจะรักเขาได้ เพียงแต่ว่า...ไม่อยากได้ชีวิตหลังแต่งงานที่เป็นแบบนี้ ♣ Lucky(̂ώ̂): ใช่ค่ะ ขอโทษที่ต้องมาถามอะไรแบบนี้ออกไปนะคะ Ü : ไม่เป็นไรครับ ♣ Lucky(̂ώ̂): ขอบคุณจริง ๆ นะคะ Ü : (ส่งสติ๊กเกอร์ยิ้มมาให้) ถลัชนันท์ไม่รู้ว่าจะพิมพ์หรือชวนคุยอะไรต่อไปดีทั้งที่ปกติก็คุยกันยาวมากกว่านี้ ถ้าผู้ชายในแชทเป็นสามีเธอก็ดีหรอก เขาดูใจดีอ่อนโยน อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่อึดอัดเวลาเจอหน้ากันด้วย “สุดท้ายแล้วเราก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้อยู่ดี” ในที่สุดก็มาถึงสัปดาห์สุดท้ายที่จะได้ทำงานในบ้านหลังนี้ ลฎาภายังคงทำงานตามปกติแต่ทว่าหลังจากนี้ เธออาจจะไม่มาที่นี่อีกก็
Chapter 28 ลฎาภาทำได้แค่เปิดอ่านแต่ไม่ตอบกลับอะไร ไม่ใช่ว่าไม่อยากตอบแต่เธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ทั้งใบหน้าก็ผ่าวร้อนขึ้นมาทุกทีพานนึกถึงเรื่องที่ถูกจูบเมื่อช่วงบ่ายอีกด้วย ตึก...ตึก...จนตอนนี้เสียงหัวใจเต้นดังมากขึ้นและคิดว่าจะหลุดออกมาจากร่างกายซะแล้ว “ทำยังไงดี...” เธอบ่นพึมพำเบา ๆ ยกมือขึ้นกุมขมับพลางถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินไปหยิบอาหารที่เพิ่งซื้อออกมาอุ่น นั่งรับประทาน ขณะที่สมองก็เอาแต่คิดเรื่องของอวิ่นเยว่ ที่ยังลังเลใจแท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่ เป็นเพราะเขาเคยแต่งงานแล้วอย่างนั้นเหรอ ทั้งที่เธอไม่ได้รังเกียจอาหยูเลยแต่พอเข้าใกล้กันมากขึ้นแล้วกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ยังกั้นไว้ เลิกคิดเรื่องนี้ดีกว่า... เธอถอนหายใจออกมาจนนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะรีบกินอาหารมื้อดึกแล้วจัดการเก็บกวาด ก่อนอาบน้ำและเข้านอนในทันที เช้าวันต่อมา เข้าสู่ชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งที่คิดว่าตื่นแบบไม่ต้องรีบอาบน้ำมีเวลาแต่งตัวแต่สุดท้ายดันพลาดไปซะได้ กว่าจะรอรถเมล์มาก็ใช้เวลาเกือบสิบห้านาที พอลงจากรถหญิงสาวก็รีบวิ่งไปที่แผนกอย่างรวดเร็ว ไม่คิดว่าจะมาเฉียดเวลาเข้
Chapter 29 เส้นทางจากโรงเรียนของอาหยูไปยังร้านอาหารนั้นไม่ไกลมากนักทั้งยังใกล้ ๆ กับอพาร์ตเมนต์เธอซึ่งสามารถนั่งรถเมล์ต่อกลับไปได้ อวิ่นเยว่จอดรถลงขณะที่อาหยูเปิดประตูลงจากรถ ลฎาภาได้แต่ถอนหายใจอย่างจำใจ แล้วหันไปเปิดประตูทว่า...เขากลับรั้งมือของเธอไว้ “ไม่ชอบเหรอ ?” ลฎาภาเงยหน้าขึ้นสบตาเขาก่อนเบี่ยงหลบเมื่อเห็นแววตาจริงจังและเปลี่ยนไปจากเดิม “ปะ...เปล่าค่ะ คือฉันคิดว่าอยากกลับไปพักผ่อนเฉย ๆ” อวิ่นเยว่ยิ้มที่มุมปาก “งั้นก็...ชอบสินะ” “คะ ?” เธอกะพริบตางุนงง “มาเป็นหม่า...” ก๊อก ๆ เสียงเคาะกระจกดังขึ้น ตามด้วยเสียงอาหยูที่พูดอู้อี้จากด้านนอก “อาหยู...หิวแย้ว” หญิงสาวผละจากชายหนุ่มและเปิดประตูลงจากรถทันที ทางด้าน อวิ่นเยว่ก็ดึงสติกลับมาและเปิดประตูลง “ไปกันเถอะ” อวิ่นเยว่พูดก่อนจะเดินนำไป ลฎาภาสังเกตเห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ดูแดงผิดปกติ เขากำลังเขินเธอ... น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย ! ดึง—ดึง อาหยูดึงชายเสื้อของหญิงสาว “หืม มีอะไรหรือเปล่า” อาหยูยื่นมือจับมือเธอก่อนพูดขึ้น “หม่าม้าไปกันเถอะ ป๊ะป๋ารออยู่” เอ๊ะ
Chapter 30“หม่าม้า !” เสียงใสของอาหยูดังขึ้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าตัวกลมเปลี่ยนคำเรียกเธอจาก ‘คุณป้า’ เป็น ‘หม่าม้า’ ทีแรกก็รู้สึกตกใจและสับสน เหมือนกัน แต่...‘เรียกแบบเดิม...คุณป้าน่าจะดีกว่านะ หม่าม้า คงไม่ดีเท่าไหร่...’‘ไม่ได้เหรอ ?’‘ก็ หม่าม้าเอาไว้เรียก เอ่อ...’ เธออ้ำอึ้งไปต่อไม่ถูก ‘คนที่ป๊ะป๋ารัก มาก ๆ ไง‘แต่ป๊ะป๋าก็รักคุณป้าเหมือนกัน อาหยูก็รักด้วย’พูดไม่ออก ตอบไม่ถูกเลย...ได้แต่ยิ้มเขินให้‘แต่ว่า...’อวิ่นเยว่พูดแทรกขึ้น ‘ผมชอบที่อาหยูเรียกคุณแบบนี้’ท้ายสุดแล้วก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ทำให้อาหยูเรียกแบบนี้มาทุกวันจนถึงตอนนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความน่ารักของเจ้าตัวกลม หรือเป็นเพราะห้ามหัวใจตัวเองที่มีความรู้สึกต่อเขาไม่ได้“ขอโทษค่ะ คือฉัน...”เขาหันมองเจ้าตัวกลม ส่งสายตาเป็นเชิงบอกว่า ‘ขึ้นรถไปนั่งรอก่อน’อาหยูพยักหน้ารับและยอมทำตามแต่โดยดี“คือว่า ฉันต้องค้างที่บ้านคุณจริง ๆ เหรอคะ” ลฎาภาถาม ไม่ใช่เพราะไม่แน่ใจแต่รู้สึกแปลก ๆ ก็เท่านั้น ถึงแม้จะยอมรับและเปิดใจกับเขาก็ตาม แต่มันเร็วเกินไปที่จะไปนอนค้างบ้านเขาแบบนี้อวิ่นเยว่ทำหน้านิ่งแต่ก็แอบยิ้มที่มุมปาก ก่อนเดินเข้ามาร
Chapter 51“มีธุระหรือครับ”“ค่ะ” ถลัชนันท์ตอบพลางหยิบกระเป๋าข้างตัวขึ้นมา “ขอโทษนะคะ พอดีว่ามีงานเข้ามาค่ะ”อวิ่นเยว่ลุกขึ้นมองหญิงสาวที่หันเดินออกจากร้านไปด้วยท่าทางรีบร้อน ก่อนเดินออกจากร้านไปเช่นกัน เขายกข้อมือดูเวลาแล้วขณะกลับมาที่ห้องพักผู้ป่วยอีกครั้งหนึ่ง ก่อนขับรถออกจากโรงพยาบาลกลับเข้าไปในบริษัทชายหนุ่มกลับมาทำงานและเข้าประชุมด่วนในช่วงบ่ายจนกระทั่งเลิกงานรับเจ้าตัวกลมจากโรงเรียนเรียบร้อยแล้วจึงแวะพาอาหยูมาเยี่ยมหญิงสาวที่โรงพยาบาล คราวแรกเขาทำใจลำบากที่จะบอกเรื่องนี้ให้อาหยูรู้ แต่พอบอกแล้วดูเหมือนจะเข้าใจไม่งอแงหรือถามถึงหญิงสาวอีกเลยอวิ่นเยว่เดินเข้ามาในห้องพักพร้อมกับจูงมือเจ้าตัวกลมเดินเข้ามา“หม่าม้า”ชายหนุ่มจึงอุ้มเจ้าตัวกลมเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง อาหยูดิ้นและพยายามจะเอื้อมมือสัมผัสกับใบหน้าของคนบนเตียงจน อวิ่นเยว่ต้องห้ามเอาไว้อาหยูมีสีหน้าไม่พอใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่งอแงอะไรอวิ่นเยว่มองเจ้าตัวกลมก่อนจะพามานั่งที่โซฟาและเดินเข้าไปหา หญิงสาว เอื้อ
Chapter 50“ป๊ะป๋า หม่าม้าจะไม่มาหาอาหยูแล้วเหรอ”เสียงของเจ้าตัวกลมเอ่ยขึ้นอวิ่นเยว่มองด้วยสายตาเรียบนิ่ง “มาสิ ช่วงนี้หม่าม้าไม่สบาย”ลฎาภามองรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าเจ้าตัวกลม เธอค่อย ๆ สาวเท้าก้าวเข้าไปใกล้เตียงมากขึ้น มือข้างหนึ่งเอื้อมสัมผัสที่ใบหน้าของเขา แม้จะจับต้องไม่ได้แต่ว่าเธอรับรู้ถึงความอบอุ่นจากเขาเป็นอย่างดี หยดน้ำตาที่พยายามกลั้นได้ไหลรินลงมาแวบหนึ่งความคิดที่ว่าเธอยังไม่อยากตาย อยากจะใช้เวลาอยู่กับเขาและเจ้าตัวกลมให้นานกว่านี้...แต่คงทำไม่ได้แล้วสินะ“เมื่อไหร่หม่าม้าจะหายเหรอ” เสียงงอแงของเจ้าตัวกลมเปล่งออกมา ทั้งรู้สึกเศร้าและคิดถึง แต่ก็ไม่อยากจะทำให้ป๊ะป๋ารู้สึกลำบากใจ “อาหยูคิดถึงหม่าม้า”“อืม” อวิ่นเยว่ครางรับก่อนหันหน้ามองลูกชายตัวน้อย “ป๊ะป๋าก็คิดถึงเหมือนกัน”‘คุณเผิงคะ ฉันอยู่ที่นี่ไงคะ’ เธอพูดด้วยเสียงสะอื้น รู้ดีว่าเขาจะไม่มีทางได้ยิน ถึงแม้จะพยายามโอบกอดเขามากเท่าไหร่กลับเป็นเพียงความว่างเปล่าลฎาภาขยับตัวออกห่างจากชายหนุ่ม
Chapter 49หญิงสาวรีบถอยหลังออกเดินด้วยความตกใจและหวาดกลัว จู่ ๆ ร่างกายของเธอก็รู้สึกสั่งการไม่ได้ ทั้งยังมีเสียงสะท้อนดังขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง‘ถึงเวลาแล้วสินะ’เสียงสะท้อนที่ทำให้ร่างกายของหญิงสาวชาไปทั่ว เธอหันมองไปยังต้นเสียงและรู้ว่ามันดังมาจากศาลเจ้าที่เดินเข้าไปเมื่อกี้ลฎาภาพยายามตั้งสติและวิ่งหนีออกมาทันที แค่ไปให้ไกลเท่านั้นบ้าชะมัดเลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ !เธอสะดุ้งจากภวังค์เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ก้มตัวลงรีบหยิบขึ้นดูปลายสายที่โทร. เข้ามาก่อนกดรับ[อ่านข้อความแล้วหรือยัง อย่าลืมที่นัดกันนะ]“อืม...” หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่ว ขณะที่มองไปยังถนนข้างหน้าที่ห่างไม่ไกลนัก[แล้วนี่เป็นอะไรหรือเปล่า เสียงดูเหมือน...]คำถามสุดท้ายไม่ได้เข้าประสาทหูเลยสักนิด เพราะเสียงโวยวาย กรีดร้องทำให้หญิงสาวส่งสายตาไปข้างหน้ามองเหตุการณ์ที่กำลังชุลมุนจากการทะเละวิวาทกันของกลุ่มวัยรุ่น เธอไม่ได้สนใจแต่ก็ยืนอึ้งอยู่นาน จนกระทั่งเห็นใบมีดลอยเข้ามาใกล้ ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อกำลังลอยผ่านอากาศมายังใบหน
Chapter 48“แล้วอาหยูเคยเจอหม่าม้าไหม ?”“เจอสิ เจอเกือบทุกวันเลย พอวันที่อาหยูไม่ไปโรงเรียน ป๊ะป๋าก็จะพาอาหยูกะหม่าม้าไปเที่ยวด้วยกัน ~” น้ำเสียงน่ารักของเจ้าตัวกลมเอ่ยออกมา พอพูดแล้วก็ยิ่งแสดงสีหน้ามีความสุข ตรงข้ามกับอวี้หลันที่แทบจะทนฟังต่อไปไม่ได้“หมายถึงหม่าม้าที่คลอดอาหยูออกมาน่ะ”เจ้าตัวกลมกะพริบตามองพลางเอียงคอ “หม่าม้าที่คลอดอาหยู ?”“หม่าม้าแท้ ๆ ของอาหยูไง คนที่คลอดอาหยูออกมา”เด็กชายทำท่าทางคิดหนักแล้วพยักหน้าอีกครั้ง “หม่าม้าคนนั้นนี่เอง ป๊ะป๋าบอกว่าหม่าม้าคนนั้นถูกคูณปีศาจลงโทษไปแล้ว”“หา ?”“เพราะว่าเป็นคนไม่ดี คูณปีศาจเลยลงโทษ”อวี้หลันอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก นี่คือคำตอบที่อวิ่นเยว่บอกลูกชายหรือไงกัน ?! เด็ก ๆ ก็ต้องการอยู่ใกล้แม่มากที่สุด ใช่ว่าจะไม่เคยถามเลย คงเป็นไปไม่ได้ แต่ทำไมถึงพูดอะไรที่ทำให้เข้าใจยากแบบนี้ออกไป“แล้วถ้าหม่าม้าคนนั้นโดนคูณปีศาจปล่อยตัวมาแล้ว อยากให้กลับมาไหม”“ไม่เอา” เจ้าต
Chapter 47“ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะคะ” ลฎาภาพูดพร้อมหยิบกระเป๋าและลุกขึ้น ทว่าอวี้หลันลุกขึ้นและเข้ามานั่งเกาะขาไว้ทันที ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจกับการกระทำของอีกฝ่าย “คุณจะทำอะไร ?!”“ขอร้องนะคะ คืนสามีให้ฉันเถอะค่ะ !”แน่นอนว่าไม่ใช่คำพูดเบา ๆ เหมือนที่สนทนากันก่อนหน้านี้ อวี้หลันจงใจพูดเสียงดังให้พนักงานในร้านและคนที่นั่งอยู่ออกไปไม่ไกลได้ยินอย่างชัดเจนลฎาภาอึ้งและตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้สติก็รีบพยายามแกะมือของอีกฝ่ายออกจากขา“คืนครอบครัวของฉันมาเถอะค่ะ ได้โปรด...ฉันแค่อยากอยู่กับลูกและสามีก็เท่านั้น”คำพูดนี้ยิ่งทำให้ลฎาภารู้สึกอายเมื่อคนที่นั่งอยู่ในร้านต่างหันมามอง หล่อนจงใจอยู่แล้วสินะ จงใจให้คนในร้านเห็นราวกับสร้างเรื่องว่าเธอเป็นเมียน้อยที่แย่งสามีมา จนสุดท้ายก็เลิกที่จะยื้อแกะมือของอีกฝ่ายออก“ฉันไม่รู้เหตุผลที่คุณทำแบบนี้นะคะ แต่คุณก็ทิ้งลูกกับสามีไปไม่ใช่เหรอคะ ? ทิ้งให้เขาอยู่ลำพัง...” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่น “คุณไปอยู่ที่ไหนมาคะ ? ทำไมถึงต้องทิ้งลูกตัวเอ
Chapter 46วันเวลาล่วงผ่านไปเกือบเดือนอวี้หลันไม่รู้เรื่องข่าวของบริษัทอวิ่นเยว่อีกเลย ทั้งที่พยายามถามแต่เขาไม่ค่อยจะบอก หน้าที่ตอนนี้เป็นเพียงสะใภ้ที่ต้องคอยดูลูกชายเท่านั้นหญิงสาวรู้สึกไม่ค่อยพอใจมากนักเพราะอวิ่นเยว่ดูเหมือนจะทำงานทั้งวันจนไม่มีเวลาให้ อีกทั้งเงินใช้จ่ายที่เคยได้ก็ลดลงไป“ป้าผ่อง คุณแม่ออกไปไหน”“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เห็นว่าช่วงเย็น ๆ จะกลับมาค่ะ”หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะพูดขึ้นต่อไปว่า “ป้าผ่องว่างอยู่ใช่ไหม ? ฉันอยากจะฝากอาหยูไว้สักสามชั่วโมง”“จะออกไปซื้อของใช้เหรอคะ ให้ป้าไปแทนดีกว่าไหม”อวี้หลันมีสีหน้าหงุดหงิด“ไม่ค่ะ ฉันอยากจะออกไปเอง”“ได้ค่ะ เดี๋ยวป้าจะดูแลอาหยูให้เอง” ป้าผ่องตอบรับก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเด็กทารกที่นอนอยู่ในแปลของห้องนั่งเล่น ส่วนหญิงสาวมองด้วยสายตารำคาญและใส่รองเท้าเดินออกจากบ้านไปทันทีอวี้หลันเดินออกมาขึ้นรถแท็กซี่เพื่อไปห้างสรรพสินค้า ทั้งที่ก่อนหน้าตั้งใจจะอดทนอีกนิดเพื่อรั้งความสัมพันธ์นี้ไว้ให้ถึงที่สุด ทว่าอวิ่น
Chapter 45“อวิ่นเยว่ !” อวี้หลันกำมือจิกแน่นด้วยความรู้สึกเจ็บใจ เพราะความเจ็บปวดและรักแทบจะไม่หลงเหลืออยู่ในใจ “ฉันรักคุณค่ะ”อวิ่นเยว่ทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เขากุมมือของลฎาภาเดินกลับเข้าไปข้างในทันที“จะไม่คุยกับเธอหน่อยหรือคะ”หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องทำงานเขาอวิ่นเยว่คลายมือออกจากมือของเธอโดยที่ไม่หันกลับมา“ไม่มีความจำเป็น”น้ำเสียงเยือกเย็นทำให้ลฎาภารู้สึกตกใจเล็กน้อย ถึงแม้ว่าอยากจะเห็นแก่ตัวมากกว่านี้แต่ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ผู้ให้กำเนิดเจ้าตัวกลมออกมาจึงทำใจไม่ลง “แต่เธอเป็นหม่าม้าของอาหยูนะคะ”ชายหนุ่มสะอึกก่อนจะหันมามองหญิงสาว “คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?” พอรู้ตัวว่าอารมณ์กำลังขุ่นมัวอยู่ก็คิดได้ว่านั่นเป็นคำถามที่ไม่ควรเอ่ยเลย“สักพักแล้วค่ะ” ลฎาภาพูดต่อไป “เธอเคยมาหาฉัน...เรื่องของคุณ”อวิ่นเยว่มองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนหันหน้าหนีเบือนไปทางอื่น“ผมขอโทษที่ไม่เคยบอกคุณ”นั่นไม่ใช่ประเด็น
Chapter 44วันรุ่งขึ้นหลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ลฎาภาก็อยู่เป็นเพื่อนเจ้าตัวกลมเพราะบอกว่าอยากวาดภาพด้วยกันกับเธอ ทั้งยังทำเสียงอ้อนงอแงด้วย ส่วนอวิ่นเยว่นั้นกลับไปที่ห้องทำงานบอกว่ามีงานต้องสะสางให้เสร็จ จวบจนเวลาผ่านไปเกือบเที่ยงเธอจึงปล่อยให้อาหยูนั่งระบายสีอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตามลำพังและเดินเข้ามาในครัว ช่วยป้าผ่องเตรียมโต๊ะเพื่อรับประทานอาหารมื้อกลางวัน“วันนี้มื้อเย็นป้าผ่องจะทำอะไรบ้างคะ”หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นด้วยความเคยชิน“ป้าทำเสร็จหมดแล้วละเพราะช่วงเย็นป้าไม่อยู่ ลูกสะใภ้ป้าไม่สบายไม่มีใครดูแลหลาน ๆ เลย”“ป้ากลับเลยก็ได้นะคะ เดี๋ยวตรงนี้จอมจัดการเองค่ะ” ลฎาภาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ทำให้ป้าผ่องมองหญิงสาวอย่างเอ็นดูและคิดว่าคุณเผิงคงเลือกผู้หญิงไม่ผิดแล้วจริง ๆ“เดี๋ยวป้าจัดการครัวและเก็บเสื้อผ้าก่อน ค่อยกลับจ้ะ”ลฎาภาพยักหน้ายิ้มรับขณะที่ยกกับข้าวออกไปวางที่โต๊ะอาหาร“หม่าม้า” อาหยูเดินจ้ำ ๆ เข้ามาหาพลางเอื้อมมือดึงชายเสื้อของเธอหญิงสาวหันไปหาเจ้าตัวกลม &l
Chapter 43เจ้าตัวกลมสะดุ้งและพยักหน้าหงึก ๆ เป็นการตกลงอย่างปฏิเสธไม่ได้ ในเมื่อสีหน้าของป๊ะป๋าน่ากลัวกว่าคุณปีศาจซะอีกอวิ่นเยว่ยิ้มอย่างพึงใจก่อนหันมาพูดกับหญิงสาว“คุณนั่งรออยู่แถวนี้ก่อนก็ได้”“คุณจะไปไหนคะ ?” ลฎาภาเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัยชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก “ผมจะไปซื้อคุณหมีให้อาหยู”“ให้ฉันไปช่วยไหมคะ ?”อวิ่นเยว่ส่ายหน้า “ผมฝากคุณดูอาหยูสักพักแล้วจะรีบมา”“ได้ค่ะ” ลฎาภาตอบรับขณะเขาพยักหน้าและเดินกลับเข้าไปในย่านซื้อของฝากทันทีทางด้านอาหยูพอป๊ะป๋าตอบรับว่าจะซื้อให้ก็ไม่ได้ดีใจ ตรงข้ามกันกลับงอนแก้มป่องควันออกหูอีก ลฎาภาสังเกตเจ้าตัวกลมก้มนั่งนิ่งแล้วยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูเธอยกมือลูบศีรษะของเด็กน้อย ขณะที่เจ้าตัวกลมหันมองและก้มหน้าซบลงที่ตักเป็นเชิงอ้อน“หม่าม้ารักอาหยูไหม”ลฎาภาชะงักมองอาหยูที่เงยหน้าส่งสายตารอคำตอบ“รักสิ” เธอตอบพลางใช้มือขยี้เส้นผมของเจ้าตัวกลม“ก็อาหยูน่ารักนี่นา”เจ้าตั