Chapter 23
หลังจากที่กลับมาจากการไปเที่ยววันเกิดเจ้าตัวกลม อวิ่นเยว่กลับมานั่งทำงานต่อที่ห้องทำงานเช่นเดิม เพราะหลายวันมานี้งานที่ปกติจะใช้เวลาในวันหยุดจัดการให้เสร็จ รวมถึงวางแผนที่จะเริ่มงานสัปดาห์ใหม่อยู่ทุกครั้งก็ต้องหายไป แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าคิดผิดที่ไปเลยแม้จะแค่สองวันก็ตาม ...ไม่มีสมาธิ... ถึงจะบอกว่าทำงาน แต่ในส่วนลึกของจิตใจกลับรู้สึกสั่นไหว อวิ่นเยว่ถอนหายใจออกมาหลายครั้งก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความส่งหาหญิงสาวในทันที อวิ่นเยว่ : กินข้าวหรือยัง ? หลังจากพิมพ์เสร็จ ชายหนุ่มก็วางโทรศัพท์และกลับมาสนใจเอกสารต่อ แม้จะรอข้อความตอบกลับจากเธออยู่ก็ตาม ผ่านไปสิบนาทีก็ยังไม่มีการตอบกลับมา ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่จะถูกเปิดออก “คุณเผิงคะ อาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว จะให้ป้ายกขึ้นมาให้ไหมคะ ?” เขาละสายตาจากจอแท็บเลตแล้วเงยหน้าขึ้น “เดี๋ยวผมจะลงไปกินครับ” ป้าผ่องพยักหน้ารับก่อนปิดประตูจากไป อวิ่นเยว่ขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ขณะที่เหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง สายตาดูผิดหวังที่ยังไม่ได้รับข้อความจากPrologueเธอไม่ควรรักเขาตั้งแต่แรก...หญิงสาวบอกกับตัวเองแบบนั้น ใบหน้าหมองเศร้ามองไปยังต้นไม้และท้องฟ้าที่อยู่เบื้องหน้าแม้ขอบฟ้าตะวันตกดินจะสวยมากขนาดไหนแต่จิตใจที่เจ็บปวดในตอนนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย ความรู้สึกในใจทรมานจนแทบทำอะไรไม่ถูก ดวงตากลมมองท้องฟ้าสีส้มที่ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าไป ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย“แม่หนู...ช่วยยายซื้อหน่อยสิ”หญิงสาวเดินกลับมามองขนมที่เรียงรายอยู่ในกระจาด“ขนมชั้นดอกกุหลาบไหมจ๊ะ”“ไม่ดีกว่าค่ะ หนูเห็นดอกกุหลาบแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี”หญิงวัยสี่สิบปลายมองพลางยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น“ขนมใส่ไส้” เธอพูดขึ้นหลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน “แล้วก็ขนมตาลค่ะ”“หนูทำงานอยู่แถวนี่เหรอ”“เปล่าค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแผ่ว “แค่มาเดินเล่นเฉย ๆ ค่ะ”“สามสิบบาทจ้ะ”เธอหยิบเงินจ่ายแล้วเอื้อมมือรับถุงขนมมาจากแม่ค้า“เออ...เดี๋ยวสิหนู เพิ่งมาที่สวนนี้ครั้งแรกใช่ไหม”“คะ ?”“ยายมีเรื่องดี ๆ จะบอก...” ยายขายขนมเว้นวรรคเงียบก่อนพูดต่อไปว่า “ได้ยินมาว่า ศาลข้าง ๆ สวนนี้น่ะศักดิ์สิทธ์มาก ๆ โดยเฉพาะเรื่องความรัก คู่ครอง”หญิงสาวยิ้มราวกับว
Chapter 1แสงตะวันส่องลอดผ่านผ้าม่านในยามเช้าวันหยุด เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นจนน่ารำคาญ หญิงสาวใต้ผ้าห่มขยับตัวเอื้อมมือปิดเสียงก่อนจะซุกตัวลงนอนต่อ ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง จำต้องลุกขึ้นจากที่นอนเดินงัวเงียมาเปิดประตู“เมื่อไหร่จะตื่นยะ นอนจนตะวันส่องก้นแล้ว”เสียงแหลมแสบแก้วหูของถลัชนันท์เอ่ยขึ้นมองน้องสาวท้องเดียวกันที่กำลังยกมือขยี้เส้นผมด้วยสีหน้าหงุดหงิด“วันนี้วันหยุดนะ ให้จอมได้นอนซ้อมตายไม่ได้เหรอ ?” ลฎาภาตอบกลับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ตาทั้งสองข้างยังลืมขึ้นไม่เต็มตื่น“ใช่ ! วันหยุด แต่แกไม่คิดจะตื่นมาออกกำลังกาย ไปเดินเล่นนอกจากนอนอืดอยู่ในห้องหรือไงฮะ !”คนฟังถอนหายใจออกมาก่อนจะเอื้อมมือปิดประตูแต่คนเป็นพี่รั้งเอาไว้และมองด้วยสายตาขุ่นเคือง“การนอนเป็นปัจจัยที่สำคัญพี่รู้ไหม ? ทำให้ไม่แก่เร็ว”ถลัชนันท์ถลึงตาใส่ทันที เพราะคำว่า ‘แก่’ นั้นกระทบเต็ม ๆ“รีบอาบน้ำแล้วลงมาซะ” คนเป็นพี่กัดฟันพูดส่งสายตามองน้องสาวก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปทันที ขณะที่ลฎาภานั้นมองและยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วปิดประตูห้องลง เธอเดินกลับเข้ามาในห้องพลางถอนหายใจออกมา ส่งสายตามองไปยังโต๊
Chapter 2หลังจากที่เดินซื้อของรวมถึงแวะรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม หญิงสาวทั้งสองช่วยกันขนของจากท้ายรถเดินเข้ามาวางไว้บนโต๊ะในห้องครัว“เดือนหน้าที่บริษัทมีวันหยุดยาวจะกลับบ้านไหม ?” ถลัชนันท์เอ่ยถามขึ้นขณะที่วางของ“จริง ๆ วันหยุดยาวมีตั้งแต่วันนี้และยาวไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหางานใหม่ได้” หญิงสาวตอบกลับพลางหยิบของที่ซื้อมาจัดใส่เข้าตู้เย็น“อย่าบอกนะว่าเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ ?”“ใช่ที่ไหนล่ะ เพื่อนที่นี่ดีทุกคนแหละ แต่เดินทางไกล งานก็หนักเงินก็น้อย” หญิงสาวพูดพลางถอนหายใจออกมาเสียงดัง หันหน้ามามองพี่แล้วพูดต่อไปว่า “ก็มันกลับดึกนี่ ก็รู้ว่าขนาดวันหยุดบางทียังต้องเข้าไปเก็บผลการทดลองที่ทำค้างไว้เลย มันเหนื่อยและจอมก็อยากทำงานที่ขึ้นตำแหน่งสูงมากกว่านี้ได้ด้วย”“แล้วบอกแม่หรือยัง ?”ลฎาภาส่ายหน้าทันที “มีหวังให้กลับมาช่วยทำงานที่บ้านแน่ ๆ”คนเป็นพี่ยิ้มหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำตอบ แน่นอนว่ารู้นิสัยของน้องสาวดีที่ไม่ชอบกลับไปทำงานรีสอร์ทที่บ้านเกิด เพราะต้องรับมือกับแขกเดาไม่ได้และรวมถึงเธอด้วย“แต่แกจะมานั่ง ๆ นอน ๆ แบบนี้โดยไม่หางานทำไม่ได้นะ”ลฎาภามอ
Chapter 3“ทำ…ไม…ฮือ ๆ …”“พี่อาร์ตบอกเลิกเหรอ”ลฎาภาเอ่ยถามเสียงแผ่วพลางส่งสายตามองพี่สาว ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าไปหา พี่สาวเอาแต่ร้องไห้ออกมา ครั้นจะพูดก็พูดไม่รู้เรื่อง แม้จะพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เพื่อที่จะพูดมันออกมา“เขานอกใจ…คนเลว…ฮือ ๆ…”ลฎาภาก้าวมาใกล้ดึงพี่สาวเข้ามากอดเพื่อปลอบประโลมโดยไม่ถามอะไรเป็นการซ้ำเติม“ถ้าอยากจะร้องไห้ วันนี้ก็เสียใจให้สุด ๆ ไปเลยนะ แค่วันเดียว”หญิงสาวปลอบพลางใช้มือลูบหลัง เธอรู้ดีว่าแฟนหนุ่มปัจจุบันที่คบกันอยู่นั้นพี่สาวจริงจังมากถึงขั้นอยากแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็รู้ว่าเขานอกใจก่อนที่จะแต่งงาน“จอม…พี่รักเขานะ…ฮือ…พี่ยังรักเขา”ลฎาภาได้แค่เงียบเพราะไม่เคยมีแฟนจึงไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เท่าไหร่“เขานอกใจ…พี่…มะ…มาตลอดหนึ่งปี...”หญิงสาวฟังแล้วรู้สึกขุ่นเคืองแทนเพราะว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมาพี่สาวของหล่อนไม่เคยนอกใจฝ่ายชายเลยสักนิด แม้จะมีผู้ชายมากมายเข้ามาจีบหรือขอคุยด้วยแก้เหงาก็ตาม“จำที่แม่เคยบอกได้ไหม ? ผู้ชายที่รักจริง จะไม่มีวันนอกใจเด็ดขาด”คำนี้ถลัชนันท์ไม่เคยลืม ทว่าหัวใจข้างในจุกจนแทบหายใจไม่ออก
Chapter 4ลฎาภายกมือบีบกำแน่น ลูบใบหน้าแล้วเดินไปเดินมาในห้องน้ำสี่เหลี่ยมเพราะยังออกไปไหนไม่ได้ เป็นเวลาหลายนาทีจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลาและข้อความที่เข้ามา แต่ก็ยังมีคนเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ทำให้ยังไม่สามารถเปิดประตูออกไป สิบนาทีผ่านไปหลังจากที่นั่งอยู่บนฝาชักโครก เธอหันไปวางโทรศัพท์บนชักโครกรวมถึงเอกสาร แล้วลุกขึ้นแนบหูกับประตู เพื่อฟังเสียงฝีเท้าอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งมีเสียงก๊อกเปิดล้างมือแล้วจึงก้มมองเงาที่ผ่านออกไป...รอจนกระทั่งทุกอย่างในห้องน้ำไม่มีเสียงลฎาภาหยิบกระเป๋าแล้วค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออกส่งสายตามองผ่านช่อง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่เธอจึงเปิดประตูออก ทว่า...“เฮ้ย...!!”เสียงอุทานดังขึ้นทำให้ลฎาภาตกใจและรีบก้มหน้าลงทันทีก่อนจะรีบหันตัวและวิ่งออกจากห้องน้ำไป แต่ก็ไม่ระวังเพราะมัวแต่ตกใจและอายจึงชนกับคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำ“ผม...เข้าห้องผิด ?”ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจพลางเดินถอยหลังดูสัญลักษณ์ข้างหน้าอีกครั้ง ทว่าคนชนทำอะไรไม่ถูกเพราะรู้สึกอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี“มะ...ไม่ค่ะ ขอโทษค่ะ
Chapter 5 “ว่าไง” ถลัชนันท์พูดขึ้นทันทีที่กดรับสาย [วันนี้จะไม่กลับบ้านหรือไง นี่จะสี่ทุ่มแล้วนะ ไปอยู่ไหนน่ะ...แล้วนี่เสียงอะไรดังน่ารำคาญ...] “อยู่ที่ผับน่ะ วันนี้เครียดนิดหน่อย แกปิดบ้านเข้านอนไปก่อนเลย” หญิงสาวตอบก่อนกดวางสายทันที ดวงตากลมมองไปยังแสงสีเบื้องหน้าที่มีผู้คนมากมายต่างเต้นเย้าสะโพกส่ายไปมา แต่กับเธอเพียงแค่นั่งดื่มเหล้าให้เมาเพื่อลืมความเจ็บปวดนี้ ทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย การที่อยู่คนเดียวยิ่งทำให้เป็นบ้าตายเอาจริง ๆ “มาคนเดียวหรือครับ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มทำให้ถลัชนันท์หันไปมองใบหน้าเจ้าของเสียง ก่อนจะยิ้มหวานให้อย่างไม่เต็มใจนัก “ค่ะ” เธอตอบแล้วหันหน้าหนี พลางยกเครื่องดื่มจิบไปเรื่อย ๆ ครั้นชายหนุ่มขยับตัวมาใกล้เธอจึงเหลือบมองและถอนหายใจออกมา “วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์ ช่วยกรุณาไปไกล ๆ หน้าด้วยนะคะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หัวเสียมองด้วยสายตาไม่พอใจเมื่อหญิงสาวไม่เล่นด้วยเขาจึงขยับตัวลุกขึ้นและเดินจากไปทันที ถลัชนันท์มองแล้วหันกลับมาอย่างไม่สนใจ ไม่นานนักก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ และสั่งเครื่องดื่ม “ผมเลี้ยงไหม
Chapter 6ผ่านมาแล้วหนึ่งวันกับการพยายามโทร. เข้าเครื่องของเธอเพื่อหวังว่าอีกฝ่ายที่เก็บเครื่องไปนั้นจะยอมรับสายและยังไม่นำเครื่องของเธอไปขายทิ้งก่อน สุดท้ายแล้วก็เริ่มตัดใจเมื่อไม่มีคนรับ อีกทั้งยังถูกปิดเครื่องไปดื้อ ๆ อีกลฎาภานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก พลางเอื้อมมือกดรีโมตโทรทัศน์เปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ ในช่วงที่ต้องรอผลการสัมภาษณ์อย่างไร้ความหวังนั้น ทำให้รู้สึกแย่เช่นกัน แม้ว่าจะติดต่อไปหลายบริษัท ทว่าช่วงนี้ยังไม่มีการรับพนักงานใหม่บ้าง หรือบางบริษัทก็มีพนักงานเต็มอัตราอยู่แล้ว เหมือนแสงที่ริบหรี่มากกริ๊ง—กริ๊ง เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น หญิงสาวจึงขยับตัวเอื้อมมือไปหยิบหูโทรศัพท์ยกขึ้น[ทำไมพี่โทร. เข้าเครื่องแล้วไม่รับล่ะ]“โทรศัพท์หาย แล้วนี่ไม่คิดจะกลับบ้านเลยหรือไง วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ ?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่ไม่เห็นพี่สาวกลับบ้านมาตั้งแต่เมื่อคืน อันที่จริงเมื่อก่อนที่จะคบกับแฟนหนุ่มก็เคยเป็นอยู่บ้าง จนไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ ทว่า...นั่นก็หลายปีผ่านมาแล้ว[เออน่า...วันนี้พี่ลางาน กำลังจะกลับบ้าน เมื่อวานเมามาก]“เมาแล้วไปนอนที่ไหนมาอะ”[เรื่องนั้นไม่ต้องยุ่งหรอกน่า.
Chapter 7 “คือว่า...” ลฎาภาอ้ำอึ้งอยู่นานเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร “คือว่า...มีคนหยิบของฉันไปผิดน่ะค่ะ” หญิงสาวแต่งเรื่องโกหกทั้งที่ในใจก็กล่าวขอโทษหลายครั้ง ถ้าจะให้พูดความจริงที่ว่าเข้าห้องน้ำผิดแล้วล่ะก็...น่าอายจะตายไป “เป็นแบบนี้เอง ดีนะครับที่ไปเจอซะก่อน” “ค่ะ” ลฎาภาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที่เขาไม่ได้ถามหรือสงสัยต่อ หากเป็นคนอื่นอาจจะถามว่าใครจะหยิบผิดไป หรือไม่คนนั้นอาจจะเป็นคนที่เดินสวนกับเธอก็ได้ “เออ...แล้วเย็นนี้คุณพอจะว่างไหมคะ ? ฉันอยากเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณ” ชายหนุ่มยิ้มและยกมือขึ้นมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือเป็นเชิงบอก อันที่จริงแล้วเขาไม่ใช่คนที่เก็บได้แต่เป็นเจ้านายต่างหาก และนี่ก็คือคำสั่งที่ให้นำของมาคืนให้ “วันนี้ผมมีธุระต่อ ไว้วันหลังแทนนะครับ” “ได้ค่ะ ๆ” หญิงสาวตอบกลับในทันที “ถ้างั้นเรามาแลกเบอร์กันนะครับ” เจตนิพัทธ์พูดขึ้นพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้หญิงสาวกดเบอร์ ลฎาภาพยักหน้ารับและกดเบอร์ไปอย่างไม่คิดอะไร เมื่อเสร็จแล้วก็ยื่นส่งให้เขา ไม่นานนักชายหนุ่มก็กดโทร. ออก “นั่นเบอร์ของผม หากวันไหนว่างผมจะโทร. นัดคุณ” เจตนิพัทธ์ยิ้มให้เธอพลางขยับตัวลุกขึ้น “งั้นผมขอต