Chapter 26
“ครั้งหน้าเรามาเดตกันจริง ๆ นะ” “คะ ?” อวิ่นเยว่ปล่อยมือหญิงสาว “แล้วผมจะรอ” หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบโดยไม่ตอบก่อนจะรีบเปิดประตูลงทันที ครั้นหันหลังกลับไปมองรถยนต์ของอวิ่นเยว่ก็ขับออกไปแล้ว ดวงตากลมหรี่ลงมองที่พื้นด้วยความสับสนใจก่อนเธอจะเดินเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ ประตูห้องพักถูกปิดลงพร้อมกับเสียงหัวใจที่ยังคงเต้นดังเป็นจังหวะไม่หาย นับวันมันยิ่งดังและชัดเจนมากขึ้น “ไม่หรอก...จะไปหลงรักได้ยังไงกัน” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นขณะที่นั่งลงกับพื้น ทั้งที่การหลงรักใครสักคนอาจจะเป็นความสุขทำให้โลกทั้งใบเป็นสีชมพู แต่ทว่าในใจตอนนี้กลับรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่า ทำไมถึงต้องรู้สึกเจ็บปวด สมองของลฎาภาเริ่มขาวโพลนไปหมด เธอไม่รู้เลยสักนิดว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหน ทั้งภาพ ความรู้สึกบางอย่างก็แทรกซึมเข้ามา ‘ผม...ขอโทษ’ นั่นมันเสียงของเผิงอวิ่นเย่ว ! เขากำลังพูดกับใครทำไมถึงมองไม่เห็น เงาสีดำนั่นทำให้เธอมองไม่เห็นอะไรเลยสักนิด มีเพียงเสียงและความรู้สึกทรมานเท่านั้นที่รับรู้ได้ ก่อนทุกอย่างจะหายไปและเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นอีกครั้ง ‘อาหยูต้องChapter 27 ♣ Lucky(̂ώ̂): (ส่งสติ๊กเกอร์ร้องไห้ไปให้) Ü : 555555+ ลองคุยกันดูหรือยังครับ ♣ Lucky(̂ώ̂): ไม่แล้วค่ะ คิดว่าปลงไปแล้ว ว่าแต่คุณกินข้าวหรือยังคะ ฉันมากวนหรือเปล่า Ü: ไม่ครับ ๆ ผมกำลังว่างเลย ถลัชนันท์ถอนหายใจออกมานับไม่ถ้วน ก่อนจะพิมพ์คุยกับชายหนุ่มไปโดยที่เขาก็ตอบกลับมาในทันที หญิงสาวรู้ดีว่าถึงต่อให้อยู่ด้วยกันไปนานแค่ไหนถ้าเป็นเรื่อย ๆ แบบนี้ต่อไปก็ไม่มีทางที่เขาจะรักเธอ หรือเธอจะรักเขาได้ เพียงแต่ว่า...ไม่อยากได้ชีวิตหลังแต่งงานที่เป็นแบบนี้ ♣ Lucky(̂ώ̂): ใช่ค่ะ ขอโทษที่ต้องมาถามอะไรแบบนี้ออกไปนะคะ Ü : ไม่เป็นไรครับ ♣ Lucky(̂ώ̂): ขอบคุณจริง ๆ นะคะ Ü : (ส่งสติ๊กเกอร์ยิ้มมาให้) ถลัชนันท์ไม่รู้ว่าจะพิมพ์หรือชวนคุยอะไรต่อไปดีทั้งที่ปกติก็คุยกันยาวมากกว่านี้ ถ้าผู้ชายในแชทเป็นสามีเธอก็ดีหรอก เขาดูใจดีอ่อนโยน อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่อึดอัดเวลาเจอหน้ากันด้วย “สุดท้ายแล้วเราก็ตัดสินใจอะไรไม่ได้อยู่ดี” ในที่สุดก็มาถึงสัปดาห์สุดท้ายที่จะได้ทำงานในบ้านหลังนี้ ลฎาภายังคงทำงานตามปกติแต่ทว่าหลังจากนี้ เธออาจจะไม่มาที่นี่อีกก็
Chapter 28 ลฎาภาทำได้แค่เปิดอ่านแต่ไม่ตอบกลับอะไร ไม่ใช่ว่าไม่อยากตอบแต่เธอไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี ทั้งใบหน้าก็ผ่าวร้อนขึ้นมาทุกทีพานนึกถึงเรื่องที่ถูกจูบเมื่อช่วงบ่ายอีกด้วย ตึก...ตึก...จนตอนนี้เสียงหัวใจเต้นดังมากขึ้นและคิดว่าจะหลุดออกมาจากร่างกายซะแล้ว “ทำยังไงดี...” เธอบ่นพึมพำเบา ๆ ยกมือขึ้นกุมขมับพลางถอนหายใจออกมา ก่อนจะเดินไปหยิบอาหารที่เพิ่งซื้อออกมาอุ่น นั่งรับประทาน ขณะที่สมองก็เอาแต่คิดเรื่องของอวิ่นเยว่ ที่ยังลังเลใจแท้จริงแล้วคืออะไรกันแน่ เป็นเพราะเขาเคยแต่งงานแล้วอย่างนั้นเหรอ ทั้งที่เธอไม่ได้รังเกียจอาหยูเลยแต่พอเข้าใกล้กันมากขึ้นแล้วกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ยังกั้นไว้ เลิกคิดเรื่องนี้ดีกว่า... เธอถอนหายใจออกมาจนนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะรีบกินอาหารมื้อดึกแล้วจัดการเก็บกวาด ก่อนอาบน้ำและเข้านอนในทันที เช้าวันต่อมา เข้าสู่ชีวิตมนุษย์เงินเดือนอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งที่คิดว่าตื่นแบบไม่ต้องรีบอาบน้ำมีเวลาแต่งตัวแต่สุดท้ายดันพลาดไปซะได้ กว่าจะรอรถเมล์มาก็ใช้เวลาเกือบสิบห้านาที พอลงจากรถหญิงสาวก็รีบวิ่งไปที่แผนกอย่างรวดเร็ว ไม่คิดว่าจะมาเฉียดเวลาเข้
Chapter 29 เส้นทางจากโรงเรียนของอาหยูไปยังร้านอาหารนั้นไม่ไกลมากนักทั้งยังใกล้ ๆ กับอพาร์ตเมนต์เธอซึ่งสามารถนั่งรถเมล์ต่อกลับไปได้ อวิ่นเยว่จอดรถลงขณะที่อาหยูเปิดประตูลงจากรถ ลฎาภาได้แต่ถอนหายใจอย่างจำใจ แล้วหันไปเปิดประตูทว่า...เขากลับรั้งมือของเธอไว้ “ไม่ชอบเหรอ ?” ลฎาภาเงยหน้าขึ้นสบตาเขาก่อนเบี่ยงหลบเมื่อเห็นแววตาจริงจังและเปลี่ยนไปจากเดิม “ปะ...เปล่าค่ะ คือฉันคิดว่าอยากกลับไปพักผ่อนเฉย ๆ” อวิ่นเยว่ยิ้มที่มุมปาก “งั้นก็...ชอบสินะ” “คะ ?” เธอกะพริบตางุนงง “มาเป็นหม่า...” ก๊อก ๆ เสียงเคาะกระจกดังขึ้น ตามด้วยเสียงอาหยูที่พูดอู้อี้จากด้านนอก “อาหยู...หิวแย้ว” หญิงสาวผละจากชายหนุ่มและเปิดประตูลงจากรถทันที ทางด้าน อวิ่นเยว่ก็ดึงสติกลับมาและเปิดประตูลง “ไปกันเถอะ” อวิ่นเยว่พูดก่อนจะเดินนำไป ลฎาภาสังเกตเห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ดูแดงผิดปกติ เขากำลังเขินเธอ... น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย ! ดึง—ดึง อาหยูดึงชายเสื้อของหญิงสาว “หืม มีอะไรหรือเปล่า” อาหยูยื่นมือจับมือเธอก่อนพูดขึ้น “หม่าม้าไปกันเถอะ ป๊ะป๋ารออยู่” เอ๊ะ
Chapter 30“หม่าม้า !” เสียงใสของอาหยูดังขึ้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าตัวกลมเปลี่ยนคำเรียกเธอจาก ‘คุณป้า’ เป็น ‘หม่าม้า’ ทีแรกก็รู้สึกตกใจและสับสน เหมือนกัน แต่...‘เรียกแบบเดิม...คุณป้าน่าจะดีกว่านะ หม่าม้า คงไม่ดีเท่าไหร่...’‘ไม่ได้เหรอ ?’‘ก็ หม่าม้าเอาไว้เรียก เอ่อ...’ เธออ้ำอึ้งไปต่อไม่ถูก ‘คนที่ป๊ะป๋ารัก มาก ๆ ไง‘แต่ป๊ะป๋าก็รักคุณป้าเหมือนกัน อาหยูก็รักด้วย’พูดไม่ออก ตอบไม่ถูกเลย...ได้แต่ยิ้มเขินให้‘แต่ว่า...’อวิ่นเยว่พูดแทรกขึ้น ‘ผมชอบที่อาหยูเรียกคุณแบบนี้’ท้ายสุดแล้วก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ทำให้อาหยูเรียกแบบนี้มาทุกวันจนถึงตอนนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความน่ารักของเจ้าตัวกลม หรือเป็นเพราะห้ามหัวใจตัวเองที่มีความรู้สึกต่อเขาไม่ได้“ขอโทษค่ะ คือฉัน...”เขาหันมองเจ้าตัวกลม ส่งสายตาเป็นเชิงบอกว่า ‘ขึ้นรถไปนั่งรอก่อน’อาหยูพยักหน้ารับและยอมทำตามแต่โดยดี“คือว่า ฉันต้องค้างที่บ้านคุณจริง ๆ เหรอคะ” ลฎาภาถาม ไม่ใช่เพราะไม่แน่ใจแต่รู้สึกแปลก ๆ ก็เท่านั้น ถึงแม้จะยอมรับและเปิดใจกับเขาก็ตาม แต่มันเร็วเกินไปที่จะไปนอนค้างบ้านเขาแบบนี้อวิ่นเยว่ทำหน้านิ่งแต่ก็แอบยิ้มที่มุมปาก ก่อนเดินเข้ามาร
Chapter 31ลฎาภาเดินเข้ามายื่นถ้วยไอศกรีมโยเกิร์ตสตรอว์เบอร์รี่ให้เจ้าตัวกลม แต่อาหยูไม่ได้เอื้อมมือรับหนำซ้ำอ้าปากเป็นเชิงบอกว่า ‘ป้อนหน่อยน้า’เธอหัวเราะพลางตักไอศกรีมคำแรกเข้าปาก แก้มป่องของเจ้าตัวกลมเคี้ยวสตรอว์เบอร์รี่อย่างมีความสุขอวิ่นเยว่มองก่อนโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ เอื้อมมือสะกิดหญิงสาวและชี้ไปที่ปากของตนเองเป็นเชิงบอกว่า ‘ป้อนด้วยสิ’ ดวงตากลมกะพริบมองใบหน้านิ่งขรึมแล้วหัวเราะออกมา เธอส่งถ้วยไอศกรีมให้กับเขา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะแสดงสีหน้าน้อยใจออกมาลฎาภาหลุดขำ หันไปหัวเราะอีกฝั่งเพราะไม่คิดว่าจะเห็นสีหน้าและการกระทำแบบนี้จากเขา หญิงสาวกลั้นเสียงหันกลับมาก่อนจะตักไอศกรีมอีกช้อนป้อนให้เขาทันทีที่ช้อนเข้าปากอวิ่นเยว่ก็รั้งมือของเธอเอาไว้ขณะปล่อยช้อนออกจากปากช้า ๆ ลฎาภารู้สึกประหม่าจนทำอะไรไม่ถูกเพราะฝ่ามือใหญ่กุมอยู่“คุณเผิงคะ อาหยู...”เจ้าตัวกลมเหมือนจะรู้งาน เธอพูดไม่ทันจบก็ทำท่าปิดหูปิดตาแบบที่เคยทำประจำ แต่คราวนี้อาหยูลงจากเก้าอี้เดินออกห่างเว้นระยะทำเหมือนว่า ‘อาหยูไม่เห็น ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้
Chapter 32ลฎาภานั่งรถมาลงที่ป้ายก่อนจะเดินต่อเข้าไปในซอย ของร้านอาหารริมทางอาหารตามสั่ง กึ่งร้านเหล้าที่นัดกันไว้ เอื้อมมือผลักประตูและก้าวเข้ามาด้านใน ทันทีที่กวาดสายตาหาก็เห็นมือโบกเรียกทักทาย จึงสาวเท้าเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว“โทษทีรถติดเลยมาช้า” หญิงสาวนั่งลงและวางกระเป๋าขณะที่กล่าว “รอนานไหม”“ไม่เท่าไหร่” ถลัชนันท์ตอบขณะยกมือเรียกขอเมนูเพื่อสั่งอาหาร“นัดออกมาเลี้ยงจอมแบบนี้ มีเรื่องอะไรเหรอ ?” ลฎาภาเอ่ยถามขึ้นขณะที่ขยับตัวเอื้อมมือหยิบน้ำแข็งใส่ลงในแก้ว “หรือว่าจะหย่าแล้ว”“จะบ้าหรือไง !” ถลัชนันท์พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง“แล้ว...มีอะไรเหรอ”“ก็แค่เบื่อ”ลฎาภาส่งสายตามองพี่สาวด้วยความแปลกใจและสงสัย น้อยมากที่จะเป็นฝ่ายเสนอว่าเลี้ยงข้าวเอง ทั้งยังเป็นร้านอาหารที่เธอชอบมากินด้วย รองจากบุฟเฟต์ปิ้งย่างเลย“ว่าไง อยากจะระบายอะไรล่ะ” หลังจากที่มองสีหน้าของพี่สาวอยู่นานก็พอเดาออกว่ามีเรื่องอึดอัดใจที่อยากจะระบายออกมา ครั้งก่อนที่โทร.
Chapter 33ช่วงเที่ยงของวันทำงานหลังจากที่อวิ่นเยว่รับประทานอาหารเสร็จแล้ว ยังพอมีเวลาเหลือที่จะนัดพบเจอหน้าหญิงสาวบ้างจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ส่งข้อความหาทันที ถึงแม้จะผ่านมาหลายวันแล้วตั้งแต่ที่พูดว่า ‘มาเป็นหม่าม้าของอาหยูได้ไหม ?’ แน่นอนว่ายังไม่ได้คำตอบในทันที และคราวนี้ไม่ได้ใจร้อนเร่งรัดเธอด้วย เพียงแต่พยายามเฝ้ารอและค่อย ๆ ขยับเข้าหาทีละน้อยลฎาภาเดินเข้ามาหาอวิ่นเยว่หลังจากที่ได้รับข้อความว่าให้ขึ้นมาคุยกันบนดาดฟ้า อันที่จริงเธอก็ลังเลอยู่ว่าควรจะมาพบดีไหม...“มีอะไรหรือเปล่าคะ ?” ลฎาภาเอ่ยถามขึ้นอวิ่นเยว่ยื่นกาแฟส่งให้ขณะหันหลังพิงกับระเบียงดาดฟ้าลฎาภามองก่อนเอื้อมมือรับ “ฉันต้องกลับไปทำงาน...”“ยังไม่หมดเวลาพักเที่ยง” อวิ่นเยว่ส่งสายตามอง นี่เป็นครั้งแรกที่เขานัดเธอออกมาพบในตอนเที่ยง เจอหน้ากันเพียงไม่กี่นาทีก็ยังดีกว่าไม่ได้เจอ พอเธอเข้าเวลางานแล้วคงไม่มีเวลามาคุยกับเขา อีกทั้งเย็นนี้ก็ไม่ได้เจอกัน“เย็นนี้ผมให้ป้าผ่องไปรับอาหยู” ชายหนุ่มเกริ่นขึ้น พลางถอนหายใจออกมาอย่างเสี
Chapter 34“คือ...ที่ฉันขอพบคุณก็อยากให้คุณช่วยค่ะ” อวี้หลันเข้าประเด็นทันที เธอวางช้อนส้อมมองลฎาภาด้วยสายตาอ้อนวอน “คือฉันอยากปรับความเข้าใจกับเขาค่ะ อยากให้คุณช่วยนัดอวิ่นเยว่มาพบฉันได้ไหมคะ”ลฎาภาอ้ำอึ้งด้วยความรู้สึกลำบาใจ ส่วนหนึ่งเพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของอวิ่นเยว่ อีกส่วนไม่อยากให้เจอกัน เธอไม่รู้ว่าเรื่องผิดใจนั้นคือเรื่องอะไร แต่ความรู้สึกกลับบอกว่า...ผู้หญิงคนนี้อันตราย“ฉันก็อยากจะช่วยนะคะ แต่...” ลฎาภาพูดเว้นวรรคพลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ ส่งสายตามอง “เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวค่ะ ฉันไม่อยากเข้าไปยุ่ง”อวี้หลันมองด้วยสายตาไม่พอใจแต่ก็ฝืนแสร้งยิ้มให้อีกฝ่าย “คุณไม่สนิทกับอวิ่นเยว่เหรอคะ ? ฉันคิดว่าถ้าคุณพูดเขาอาจจะยอมมา”ผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรกันแน่ !ลฎาภาชักเริ่มไม่ไว้ใจอีกฝ่ายเพราะคำพูดที่สื่อออกมา“ฉันว่าคุณน่าจะพบเขาเองมากกว่ามาหาฉัน” ลฎาภาพูดก่อนหยิบเงินจำนวนหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบกระเป๋าก่อนลุกขึ้น “ขอโทษนะคะ ฉันคงทำตามที่คุณขอไม่ได้ แล้วฉันกั
Chapter 61 (special III)“นี่...” เธอเรียกเขาด้วยเสียงสะอื้นก่อนจะใช้มือดึงเสื้อจากทางด้านหลัง “ทำไมถึงยอมมารับฉันล่ะ”“ไม่รู้สิ” ศรันภัทรตอบโดยไม่หันหลังกลับไปงั้นเหรอ...?ถลัชนันท์ปล่อยมือออกจากเสื้อของเขา ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปกอดชายหนุ่มทางด้านหลัง นั่นไม่ใช่ความรู้สึกที่รักเลยเพียงแต่ว่าอยากทำยังไงก็ได้ให้ความเจ็บปวดนี้หายไป“มีอะไรกับฉันได้ไหม” เป็นคำพูดสิ้นคิดหรือความต้องการในส่วนลึกกันแน่ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันเพียงแต่ถ้ามันปลอบใจจากความเจ็บปวดได้แล้วล่ะก็... “แค่ครั้งนี้ แล้วพรุ่งนี้ฉันสัญญาว่าจะหย่ากับคุณ ขอร้องละ”ศรันภัทรยืนอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้ยินคำพูดจากปากหญิงสาว เขาเองตอนนี้ยังสับสนมากที่จะบอกว่ารู้สึกชอบผู้หญิงคนนี้แบบคนรักจริง ๆรู้ดีว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้น...ถลัชนันท์คลายมือออกจากชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตา บางทีก็คิดว่าพอแล้วกับความรักที่เข้ามา“ขอโทษค่ะ ฉันคงบ้าไปหน่อย” เธอพูดเสียงสั่นพลางหัวเราะ “ถ้ายังไงพรุ่งนี้เราไปหย่ากันนะค
(special I)เวลาทำงานผ่านไปจวบจนกระทั่งหมดวันแล้ว ถลัชนันท์ขยับตัวเก็บกองเอกสารบนโต๊ะให้เข้าที่ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายเช็กชื่อออกจากบริษัทไป แต่ละวันผ่านไปก็ช่างยาวนานซะเหลือเกิน และก็ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก ตื่นเช้าออกไปทำงานกลับมาบ้านกินข้าวและเข้านอน ถึงแม้ว่าช่วงเดือนนี้จะเริ่มสนทนากับสามีที่แต่งงานด้วยมากขึ้นก็ตาม ทว่าความสัมพันธ์รักใคร่ก็ไม่ได้พัฒนาตามไปด้วยเลยหญิงสาวเดินออกจากลิฟต์แล้วหยุดชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปหยิบขึ้นมาดูปลายสายที่โทร. เข้ามา“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ถลัชนันท์เอ่ยถามอย่างทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่โทร.มาคือสามีนั่นเอง น้อยครั้งที่เขาจะติดต่อมาหาหรือยอมพูดคุยด้วย[เปล่า คุณแม่บอกวันนี้คุณจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้าน เลยให้ผมโทร.มาถามว่ากลับดึกไหม ?]พอได้ฟังก็รู้สึกสมเพชตัวเองมานิดหนึ่ง ทว่าเรื่องนี้ก็เริ่มชินไปซะแล้ว อีกอย่างแม่สามีไม่ได้ใจร้ายเหมือนในละครหลังข่าว ตรงข้ามกันกลับทำดีกับเธอด้วยซ้ำไป“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันมีนักเดตกับเพื่อนสมัยเรียน” เธอตอบกลับไปแล้วพูดต่อไปว่า &ld
ค่ำคืนแสนหวานอันยาวนานได้ผ่านพ้นไปเข้าสู่เช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ ร่างเล็กบนเตียงขยับตัวปรือตาด้วยความหนักอึ้ง หันมองพื้นที่เตียงว่างเปล่าก่อนใช้แรงที่เหลืออยู่น้อยนิดพยุงร่างกายขึ้นนั่ง สะโพกปวดร้าวระบมไปหมดจนไม่มีแรงจะขยับ ดวงตากลมมองรอบห้องที่เงียบสนิทไร้วี่แววของชายหนุ่มประตูห้องถูกเปิดออกหญิงสาวรีบยกผ้านวมขึ้นปิดบังร่างกาย พลางส่งสายตามองอวิ่นเยว่เดินเข้ามาหา“คุณตื่นแล้วหรือ” เขาเดินเข้ามาหาลฎาภาพยักหน้าแทนคำตอบด้วยความเขินอายพลางขยับตัวลงจากเตียงแต่ว่าขาสั่นจนแทบไม่มีแรง ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากก่อนเดินเข้ามาอุ้มเธอขึ้น นัยน์ตาคมมองร่างเปลือยที่เชยชมมาทั้งคืนมีร่องรอยตีตราจนนับไม่ถ้วน“ฉันเดินเองได้ค่ะ”อวิ่นเยว่หัวเราะในลำคอ “แสดงว่ายังมีแรงเหลือสินะ”“คุณเผิง !” เธอแก้มแดงผ่าวร้อนขึ้นมาทันทีชายหนุ่มยิ้มขำก่อนจะอุ้มหญิงสาวมายังห้องน้ำ เขาวางเธอลงบนขอบอ่างอาบน้ำก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณอาบน้ำไหวไหม ?”“ไหวค่ะ คุณออกไปเลยนะคะ” ลฎาภาตอบกลับในทันทีอวิ่นเยว่ยิ้มข
Chapter 57การเคลื่อนไหวของร่างกายรุกล้ำเข้ามาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด อวิ่นเยว่ดันร่างเล็กให้ชนชิดกับผนังกำแพง บดจูบขยี้ริมฝีปากด้วยความโหยหา คราวนี้ทำเธอหายใจลำบากจึงต้องดันเขาออกห่าง แต่กลายเป็นว่าการพักนั้นทำให้ชายหนุ่มรุกล้ำลิ้นเข้ามาได้สำเร็จ“อื้อ” เสียงร้องครางดังประท้วงบอกจนต้องถอนจูบออกด้วยความเสียดาย อวิ่นเยว่จ้องมองใบหน้าเนียนสวยแดงก่ำก้มหลบเขินอาย มือข้างหนึ่งเชยขึ้นให้สบตาอีกครั้งและจูบหยอกเย้าเบา ๆ จนสติสัมปชัญญะของหญิงสาวหลุดล่องลอยไปลฎาภาควบคุมความต้องการของร่างกายไม่ได้ราวกับว่าไม่ฟังสิ่งที่สมองสั่งการสักนิด เธอเผลอให้ความปรารถนาที่อยู่ภายในจิตใจเข้าครอบงำจนหมดสิ้น จูบเร่าร้อนอ่อนโยนจนแทบระทวยนี้กลับรู้สึกคุ้นเคยโหยหามากที่สุดแต่...ที่บ้าที่สุดคือการตอบสนองเผลอไปกับคารมของเขา !อวิ่นเยว่จูบซับไปตามใบหน้าไล่จนมาถึงต้นคอของหญิงสาว มือที่เคยรั้งเอวไว้คลายออกล้วงเข้าไปในสาบเสื้ออย่างรวดเร็ว ไม่รอช้าที่จะใช้มือปลดเสื้อผ้าส่วนบนออกโยนทิ้งลงพื้นในขณะที่สติของเธอกำลังหลุดลอย“คุณเผิง” เธอเอ่ยเรียกชื่อเขา ทั้งที่ยิ่งเร
Chapter 56อวิ่นเยว่ผ่อนลมหายใจซุกที่หัวไหล่ของเธอ “นะ”เพียงคำเดียวก็รู้ถึงความหมายที่เขาต้องการบอกว่า ‘ขอซุกหน้าอกแบบอาหยูด้วยคน’“ทำไมอาหยูถึงได้ แล้วผมไม่ ?”ไม่น่าถามนะคำถามนี้ คุณเผิง !“ไม่ค่ะ” เธอตอบกลับเสียงเข้มพลางจ้องหน้าเขาเขม็ง“อาหยูเป็นเด็ก”“เหรอ” เขาขานรับอย่างจำใจก่อนจะขยับตัวหันมา นัยน์ตาคมจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า เขาต้องใช้ความอดกลั้นอย่างมากที่จะไม่คิดอะไรเกินเลยตอนนี้ ชายหนุ่มเบี่ยงหน้าหลบยกมือขึ้นปิดปากด้วยความเขินอาย ไม่รู้ว่าจะอดทนไปได้นานแค่ไหนกัน“เราขึ้นกันเถอะ อาหยูกำลังรออยู่”อวิ่นเยว่พูดพลางขยับตัวออกห่างจากหญิงสาว ก่อนจะลุกขึ้นโดยลืมไปว่าร่างเปลือยของเขานั้นเธอได้เห็นเต็มสองตา !ลฎาภาอึ้งนิ่งค้างจนทำอะไรไม่ถูก เขาลืมไปไหมว่าเธอยังอยู่ตรงนี้ “คุณเผิงรีบออกไปเลยนะคะ !”อวิ่นเยว่หันมองและเพิ่งคิดได้ว่าตอนนี้โชว์กายให้หญิงสาวมองอยู่นั่นเอง เขาทำหน้านิ่งรีบเดินไปหยิบผ้าขนหนูและเสื้อคลุมเดินออกจากห้องน้ำไปอย่าง
Chapter 55หลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ป้าผ่องจึงจัดการเก็บครัวและกลับบ้านไป ทางด้านลฎาภาที่ไม่รู้สึกคุ้นชินบ้านหลังใหญ่จึงทำตัวไม่ค่อยถูก ทั้งยังไม่รู้ว่าควรจะไปตรงไหนต่อดี จึงได้แต่ยืนงงอยู่หน้าบันไดเป็นเวลานาน“หม่าม้า” เจ้าตัวกลมเดินเข้ามาดึงชายเสื้อของเธอและออกแรงลาก“อาหยู...”เธอเอ็นดูก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “มีอะไรเหรอจ๊ะ”“อาบน้ำกับอาหยูได้ไหม” น้ำเสียงออดอ้อนและแววตาของ เจ้าตัวกลมทำให้ลฎาภานิ่งเงียบไปชั่วขณะ ไม่ใช่ว่าจะปฏิเสธหรอกนะ เพียงแต่ว่าสภาพร่างกายที่ยังพักฟื้นไม่สมบูรณ์ ก็ไม่อยากจะใช้แรงดูแลเด็กมากนัก แต่ถ้าหากปฏิเสธไปจะเป็นการทำร้ายจิตใจหรือเปล่านี่สิ“ไม่ได้เหรอ” เสียงอู้อี้ในปากและท่าทางออดอ้อนของเจ้าตัวกลมทำให้หญิงสาวรู้สึกลำบากใจไม่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน อาจเป็นเพราะว่าพ่ายแพ้ต่อเด็กผู้ชายน่ารัก ๆ ทว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้แตกต่างจากการพบกับเด็กคนอื่น ๆ ที่เพิ่งเคยเจอครั้งแรก“แต่ว่านะ...”“ได้สิ” เสียงของอวิ่น
Chapter 54“บางทีฉันอาจจะยังไม่เคยพบเขาเลยก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็คงจำได้สิ แม่ พ่อ พี่และเพื่อนฉันก็ยังจำได้เลย” เธอพูดขึ้น เพราะครั้งแรกที่พบกันก็ไม่ได้รู้สึกว่าคุ้นเคยหรือรู้จักกันเลยสักนิด“แต่ว่านะ...” ถลัชนันท์หยิบโทรศัพท์มือถือของน้องสาวส่งคืนให้ “แกกับเขาเคยคบกันอยู่ไม่ใช่เหรอ และก่อนเกิดอุบัติเหตุแกก็บอกเลิกเขาอยู่เลย นี่ดูสิ...”ลฎาภาเปิดข้อความที่คุยกันแล้วอ่านอย่างไม่เชื่อสายตา ทุกอย่างเป็นไปตามที่พี่สาวบอก ทว่าทำไมกลับรู้สึกจำอะไรไม่ได้เลย ทั้งที่ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ทำงานที่นี่นี่นา “แต่ว่านะ ตอนฉันทำงานพาร์ตไทม์ เป็นพี่เลี้ยงเด็กกับคนใช้น่ะ ก็ไม่มีอะไรไม่มีใครจีบนะ และอีกอย่างถ้าเป็นความจริงในแชทนี้ ฉันเลิกกับเขาแล้วนะ”เธอพูดเสียงแผ่วลงเรื่อย ๆ เพราะความทรงจำที่จำได้ก็คือการจำได้ แต่ถ้าจะถามหน้าตาของเจ้านายด้วยแล้ว...ทำไมกลับนึกไม่ออก รู้แค่ว่าเคยทำ หลังจากนั้นก็เข้าไปทำงานในบริษัทเมื่อถึงเวลาเริ่มงานวันแรก หรืออาจเพราะเจอคนเยอะแยะก็มีลืมบ้างนะอวิ่นเยว่ที่กินข้าวและเอี้ยวหูฟังอยู่ก็หรี่ตามองด้วย
Chapter 53ภายในห้องพักของโรงแรม ทันทีที่อวี้หลันเดินเข้ามาในห้องก็หยิบกระเป๋าเดินทางออกมาด้วยสีหน้าขุ่นเคืองเพราะไม่เคยคิดเลยว่าอวิ่นเยว่จะติดต่อเว่ยเหยียนเมิ่งให้มาหาด้วยแบบนี้ หากรู้ตั้งแต่แรกว่าตอนนั้นเหยียนเมิ่งยังไม่มีอำนาจใด ๆ ในมือของบริษัทเธอก็ไม่แต่งงานด้วยหรอก ต่อให้จะเป็นตระกูลที่ร่ำรวยแต่ว่าต่างคนนำเงินก้อนไปลงทุนและสร้างความมั่งมีเอง ไม่ก็ใช้ความสามารถบริหารงานจนก้าวหน้า แต่ไม่ใช่กับเขาที่กลัวจนทำอะไรไม่เป็นเป็นคุณชายที่ไม่มีอะไรดีนอกจากใช้เงินของตระกูล จนหลายครั้งที่เธอก็ต้องทนคนในบ้านหัวเราะเยาะสมเพช ! ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของลูกชายคนโต คนเล็ก หรือญาติในตระกูลพอกันทีกับความน่าสมเพชนี้...!หญิงสาวเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้และของใช้ส่วนตัวที่วางอยู่ยัดใส่ลงในกระเป๋าเดินทางอย่างไว มีทางเดียวคือการรีบกลับไปหย่าให้เสร็จเพื่อคืนชีวิตอิสระของเธออวี้หลันหันมองโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋าสะพายก่อนจะหยิบออกมาดูและกดรับ[อวี้หลัน ผมรักคุณนะ เรากลับมาคุยกันก่อน]เธอทำสีหน้าเบื่อที่อีกฝ่ายพยายามโทร. ตามตื๊อ แน่นอนว่าหลายปีที่พยายามรักและแสร้งทำดีด้วยเพ
Chapter 52“คะ...คุณเป็นใคร ?”“ผมเผิงอวิ่นเยว่ สามีเก่าของเจ้าอวี้หลัน”ชายหนุ่มแนะนำตัวอย่างเป็นทางการพลางหันไปเหลือบมองสีหน้า ของอวี้หลันที่ดูลนลาน“เธอ...แต่งงานแล้ว ?” เหยียนเมิ่งมีท่าทีตกใจสุด ๆ เมื่อได้ยินอีกฝ่ายแนะนำตัว “ทำไมผมถึงไม่เคยรู้...”ไม่แปลกใจที่ไม่รู้เพราะงานแต่งของอวิ่นเยว่จัดเล็ก ๆ ไม่ใหญ่มากนักแขกที่เชิญมาก็ไม่มากมายล้วนเป็นแขกสำคัญเท่านั้น ตรงข้ามกับงานแต่งของ ‘เว่ยเหยียนเมิ่ง’ ที่ถูกจัดขึ้นหรูหราจนในต่างประเทศคนส่วนใหญ่รับรู้กัน ว่าลูกชายคนรองของประธานเว่ย เจ้าของกิจการโรงแรม RX ที่มีสาขาหลายประเทศแต่งงานแล้วอวี้หลันรีบลุกขึ้นและดันอวิ่นเยว่ออกห่างจากเหยียนเมิ่งทันที“เหยียนเมิ่งเรากลับไปคุยกันทีหลัง...”“เธอบอกว่าอยากกลับมาอยู่กับผม” อวิ่นเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “และจะทิ้งคุณไป”อวี้หลันเบิกตากว้างด้วยความตกใจและขุ่นเคืองกับคำพูดและน้ำเสียงของอวิ่นเยว่“ไม่จริง...ใช่ไหม ?” เหยียนเมิ่งมีน้ำเสียงผิด