Chapter 20
ทางด้านอวิ่นเยว่เมื่ออาบน้ำเสร็จออกมาไม่พบกับหญิงสาวจึงกวาดสายตามองหาและเห็นว่าหมอนกับผ้าห่มได้หายไป จึงเดาได้ว่าเธออาจจะออกไปนอนข้างนอกไม่ก็นอนกับอาหยู ชายหนุ่มเดินออกจากห้องครั้นหันมองไปยังโซฟาก็เห็นเธอนอนขดตัวอยู่ เขายิ้มที่มุมปากก่อนสาวเท้าเข้าไปหา โน้มตัวลงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเธอก่อนจะรีบดึงมือกลับมา ยกขึ้นปิดปากและเบี่ยงใบหน้าที่รู้สึกผ่าว ๆ ไปทางอื่น เขาควรจะปล่อยให้เธอนอนตรงนี้ดีหรือไม่... อวิ่นเยว่หันมองหญิงสาวด้วยความลังเลใจ แต่สุดท้ายก็โน้มตัวลงไปอุ้มเธอขึ้นมาและเดินเข้าไปในห้อง “อื้อ” เสียงครางงัวเงียทำให้เขาสะดุ้งและผละถอยออกห่างจากเธอ อวิ่นเยว่เดินออกจากห้องก่อนกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับหมอนและผ้าห่มจัดวางลงที่เดิม ลฎาภาปรือตาขึ้นก่อนรีบขยับตัวลุกขึ้นและเรียกเขาทันทีด้วยความตกใจ “คุณเผิง !” “คุณนอนต่อไปเถอะ ผมจะทำงานอีกสักหน่อย” อวิ่นเยว่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตรงกันข้ามกับหญิงสาวที่มองอย่างสับสนและตกใจ ลฎาภารีบขยับตัวลุกขึ้นลงจากเตียงและไม่ลืมที่จะหยิบหมอนติดมือมาด้วย อวิ่นเยว่Chapter 21 “นี่สำหรับคุณ” อวิ่นเยว่ยื่นของส่งให้พลางหลบสายตาไปทางอื่น “คะ ?” ลฎาภามองกล่องขนาดเล็กสีน้ำเงินที่อยู่ในมือ จำได้ว่าเขาเข้าร้านหนึ่งไปเลือกน่าจะเป็นเครื่องประดับทั้งยังใช้เวลานานพอสมควร นึกว่าจะซื้อสะสมไว้เองซะอีก “ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” อวิ่นเยว่มองด้วยสายตาตัดพ้อ เพราะไม่ชอบการปฏิเสธของเธอ “ทำไม ?” นั่นเป็นคำตอบที่เธอต้องตอบเขาด้วยหรือไม่ ? ลฎาภามองด้วยความลังเลและหนักใจ รู้เพียงว่าหากรับสิ่งนี้ไว้อาจจะทำให้เธอไม่สบายใจ...ไม่สิ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไรในตอนนี้ “ฉันรับของมีค่าจากคุณเผิงไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” เธอตอบพร้อมกับพยายามยิ้มให้ อวิ่นเยว่แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาแม้จะแค่แวบเดียวแต่เธอก็เห็น “ช่างเถอะ” เขาพูดแล้วเดินไปเงียบ ๆ ลฎาภามองชายหนุ่มที่เดินจากไปจึงไม่คิดอะไรมากและรีบจัดเก็บของใช้ต่อ ครั้นเมื่อเดินไปทิ้งขยะจึงเห็นกล่องสีน้ำเงินลงไปอยู่ในถังขยะเสียแล้ว ดวงตากลมมองด้วยความรู้สึกที่ยากจะตัดสินใจ ควรจะหยิบขึ้นมาแล้วไปคืนเขา หรือว่าทำเป็นไม่เห็นแล้วทิ้งขยะในมือปิดทับไปดี หญิงสาวใช้ความคิดอยู่ไม่นานจึงตัด
Chapter 22 ร้านอาหารนอกตัวเมืองที่ขึ้นชื่อของจังหวัด R ในช่วงเย็นมักจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาแวะรับประทานเยอะ นอกจากจะมีอาหารพื้นเมืองแล้วยังมีอาหารหลากหลายประเภทด้วย อวิ่นเยว่นั่งรอหลังจากที่สั่งอาหารไป เขาเหลือบมองและยิ้มออกมาอย่างพึงใจ ถึงเธอจะค้านเสียงแข็งว่าขอไปซื้อร้านอื่นกินเพียงลำพังจะดีกว่าก็ตาม แต่สุดท้ายแล้ว... ‘คุณป้าไม่อยากอยู่ฉลองวันเกิดของอาหยูเหรอ’ ไม่น่าเชื่อที่เธอยอมอยู่...แต่ก็รู้สึกอิจฉาเจ้าลูกชายขึ้นมาเหมือนกัน ลฎาภายังคงนั่งเกร็งตลอดแม้กระทั่งอาหารมาเสิร์ฟแล้วก็ยังนั่งนิ่ง อาหารมื้อเย็นนี้ไม่ใช่อาหารพื้นเมืองแต่เป็นอาหารฝรั่งเศส ทั้งโต๊ะและบรรยากาศต่างจากอีกฝั่งที่เป็นโซนอาหารพื้นเมืองมาก ที่นี่ช่างเงียบสงบและโรแมนติกดีจริง ๆ ‘นี่เรากำลังคิดอะไรกันอยู่แน่ !’ เธอหันมองไปทางอื่นทั้งที่ใบหน้ายังผ่าวร้อนตลอด อีกทั้งเกร็งมากจนไม่สามารถขยับมือได้ตามปกติ ถึงแม้จะเอื้อมมือหยิบช้อนตักอาหารแล้ว แต่เธอก็นั่งนานกว่าจะตักคำแรกเข้าปาก “คุณป้า...อาหยูให้แครอทนะ” อาหยูขยับตัวตักแครอทในจานของตัวเองให้หญิงสาวจนหมด แล้วส่งยิ้มหวานให้
Chapter 23 หลังจากที่กลับมาจากการไปเที่ยววันเกิดเจ้าตัวกลม อวิ่นเยว่กลับมานั่งทำงานต่อที่ห้องทำงานเช่นเดิม เพราะหลายวันมานี้งานที่ปกติจะใช้เวลาในวันหยุดจัดการให้เสร็จ รวมถึงวางแผนที่จะเริ่มงานสัปดาห์ใหม่อยู่ทุกครั้งก็ต้องหายไป แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าคิดผิดที่ไปเลยแม้จะแค่สองวันก็ตาม ...ไม่มีสมาธิ... ถึงจะบอกว่าทำงาน แต่ในส่วนลึกของจิตใจกลับรู้สึกสั่นไหว อวิ่นเยว่ถอนหายใจออกมาหลายครั้งก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความส่งหาหญิงสาวในทันที อวิ่นเยว่ : กินข้าวหรือยัง ? หลังจากพิมพ์เสร็จ ชายหนุ่มก็วางโทรศัพท์และกลับมาสนใจเอกสารต่อ แม้จะรอข้อความตอบกลับจากเธออยู่ก็ตาม ผ่านไปสิบนาทีก็ยังไม่มีการตอบกลับมา ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่จะถูกเปิดออก “คุณเผิงคะ อาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว จะให้ป้ายกขึ้นมาให้ไหมคะ ?” เขาละสายตาจากจอแท็บเลตแล้วเงยหน้าขึ้น “เดี๋ยวผมจะลงไปกินครับ” ป้าผ่องพยักหน้ารับก่อนปิดประตูจากไป อวิ่นเยว่ขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ขณะที่เหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง สายตาดูผิดหวังที่ยังไม่ได้รับข้อความจาก
Prologueเธอไม่ควรรักเขาตั้งแต่แรก...หญิงสาวบอกกับตัวเองแบบนั้น ใบหน้าหมองเศร้ามองไปยังต้นไม้และท้องฟ้าที่อยู่เบื้องหน้าแม้ขอบฟ้าตะวันตกดินจะสวยมากขนาดไหนแต่จิตใจที่เจ็บปวดในตอนนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย ความรู้สึกในใจทรมานจนแทบทำอะไรไม่ถูก ดวงตากลมมองท้องฟ้าสีส้มที่ดวงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าไป ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย“แม่หนู...ช่วยยายซื้อหน่อยสิ”หญิงสาวเดินกลับมามองขนมที่เรียงรายอยู่ในกระจาด“ขนมชั้นดอกกุหลาบไหมจ๊ะ”“ไม่ดีกว่าค่ะ หนูเห็นดอกกุหลาบแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี”หญิงวัยสี่สิบปลายมองพลางยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น“ขนมใส่ไส้” เธอพูดขึ้นหลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน “แล้วก็ขนมตาลค่ะ”“หนูทำงานอยู่แถวนี่เหรอ”“เปล่าค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแผ่ว “แค่มาเดินเล่นเฉย ๆ ค่ะ”“สามสิบบาทจ้ะ”เธอหยิบเงินจ่ายแล้วเอื้อมมือรับถุงขนมมาจากแม่ค้า“เออ...เดี๋ยวสิหนู เพิ่งมาที่สวนนี้ครั้งแรกใช่ไหม”“คะ ?”“ยายมีเรื่องดี ๆ จะบอก...” ยายขายขนมเว้นวรรคเงียบก่อนพูดต่อไปว่า “ได้ยินมาว่า ศาลข้าง ๆ สวนนี้น่ะศักดิ์สิทธ์มาก ๆ โดยเฉพาะเรื่องความรัก คู่ครอง”หญิงสาวยิ้มราวกับว
Chapter 1แสงตะวันส่องลอดผ่านผ้าม่านในยามเช้าวันหยุด เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นจนน่ารำคาญ หญิงสาวใต้ผ้าห่มขยับตัวเอื้อมมือปิดเสียงก่อนจะซุกตัวลงนอนต่อ ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง จำต้องลุกขึ้นจากที่นอนเดินงัวเงียมาเปิดประตู“เมื่อไหร่จะตื่นยะ นอนจนตะวันส่องก้นแล้ว”เสียงแหลมแสบแก้วหูของถลัชนันท์เอ่ยขึ้นมองน้องสาวท้องเดียวกันที่กำลังยกมือขยี้เส้นผมด้วยสีหน้าหงุดหงิด“วันนี้วันหยุดนะ ให้จอมได้นอนซ้อมตายไม่ได้เหรอ ?” ลฎาภาตอบกลับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ตาทั้งสองข้างยังลืมขึ้นไม่เต็มตื่น“ใช่ ! วันหยุด แต่แกไม่คิดจะตื่นมาออกกำลังกาย ไปเดินเล่นนอกจากนอนอืดอยู่ในห้องหรือไงฮะ !”คนฟังถอนหายใจออกมาก่อนจะเอื้อมมือปิดประตูแต่คนเป็นพี่รั้งเอาไว้และมองด้วยสายตาขุ่นเคือง“การนอนเป็นปัจจัยที่สำคัญพี่รู้ไหม ? ทำให้ไม่แก่เร็ว”ถลัชนันท์ถลึงตาใส่ทันที เพราะคำว่า ‘แก่’ นั้นกระทบเต็ม ๆ“รีบอาบน้ำแล้วลงมาซะ” คนเป็นพี่กัดฟันพูดส่งสายตามองน้องสาวก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปทันที ขณะที่ลฎาภานั้นมองและยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วปิดประตูห้องลง เธอเดินกลับเข้ามาในห้องพลางถอนหายใจออกมา ส่งสายตามองไปยังโต๊
Chapter 2หลังจากที่เดินซื้อของรวมถึงแวะรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม หญิงสาวทั้งสองช่วยกันขนของจากท้ายรถเดินเข้ามาวางไว้บนโต๊ะในห้องครัว“เดือนหน้าที่บริษัทมีวันหยุดยาวจะกลับบ้านไหม ?” ถลัชนันท์เอ่ยถามขึ้นขณะที่วางของ“จริง ๆ วันหยุดยาวมีตั้งแต่วันนี้และยาวไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหางานใหม่ได้” หญิงสาวตอบกลับพลางหยิบของที่ซื้อมาจัดใส่เข้าตู้เย็น“อย่าบอกนะว่าเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ ?”“ใช่ที่ไหนล่ะ เพื่อนที่นี่ดีทุกคนแหละ แต่เดินทางไกล งานก็หนักเงินก็น้อย” หญิงสาวพูดพลางถอนหายใจออกมาเสียงดัง หันหน้ามามองพี่แล้วพูดต่อไปว่า “ก็มันกลับดึกนี่ ก็รู้ว่าขนาดวันหยุดบางทียังต้องเข้าไปเก็บผลการทดลองที่ทำค้างไว้เลย มันเหนื่อยและจอมก็อยากทำงานที่ขึ้นตำแหน่งสูงมากกว่านี้ได้ด้วย”“แล้วบอกแม่หรือยัง ?”ลฎาภาส่ายหน้าทันที “มีหวังให้กลับมาช่วยทำงานที่บ้านแน่ ๆ”คนเป็นพี่ยิ้มหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำตอบ แน่นอนว่ารู้นิสัยของน้องสาวดีที่ไม่ชอบกลับไปทำงานรีสอร์ทที่บ้านเกิด เพราะต้องรับมือกับแขกเดาไม่ได้และรวมถึงเธอด้วย“แต่แกจะมานั่ง ๆ นอน ๆ แบบนี้โดยไม่หางานทำไม่ได้นะ”ลฎาภามอ
Chapter 3“ทำ…ไม…ฮือ ๆ …”“พี่อาร์ตบอกเลิกเหรอ”ลฎาภาเอ่ยถามเสียงแผ่วพลางส่งสายตามองพี่สาว ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าไปหา พี่สาวเอาแต่ร้องไห้ออกมา ครั้นจะพูดก็พูดไม่รู้เรื่อง แม้จะพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เพื่อที่จะพูดมันออกมา“เขานอกใจ…คนเลว…ฮือ ๆ…”ลฎาภาก้าวมาใกล้ดึงพี่สาวเข้ามากอดเพื่อปลอบประโลมโดยไม่ถามอะไรเป็นการซ้ำเติม“ถ้าอยากจะร้องไห้ วันนี้ก็เสียใจให้สุด ๆ ไปเลยนะ แค่วันเดียว”หญิงสาวปลอบพลางใช้มือลูบหลัง เธอรู้ดีว่าแฟนหนุ่มปัจจุบันที่คบกันอยู่นั้นพี่สาวจริงจังมากถึงขั้นอยากแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็รู้ว่าเขานอกใจก่อนที่จะแต่งงาน“จอม…พี่รักเขานะ…ฮือ…พี่ยังรักเขา”ลฎาภาได้แค่เงียบเพราะไม่เคยมีแฟนจึงไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เท่าไหร่“เขานอกใจ…พี่…มะ…มาตลอดหนึ่งปี...”หญิงสาวฟังแล้วรู้สึกขุ่นเคืองแทนเพราะว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมาพี่สาวของหล่อนไม่เคยนอกใจฝ่ายชายเลยสักนิด แม้จะมีผู้ชายมากมายเข้ามาจีบหรือขอคุยด้วยแก้เหงาก็ตาม“จำที่แม่เคยบอกได้ไหม ? ผู้ชายที่รักจริง จะไม่มีวันนอกใจเด็ดขาด”คำนี้ถลัชนันท์ไม่เคยลืม ทว่าหัวใจข้างในจุกจนแทบหายใจไม่ออก
Chapter 4ลฎาภายกมือบีบกำแน่น ลูบใบหน้าแล้วเดินไปเดินมาในห้องน้ำสี่เหลี่ยมเพราะยังออกไปไหนไม่ได้ เป็นเวลาหลายนาทีจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเวลาและข้อความที่เข้ามา แต่ก็ยังมีคนเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ทำให้ยังไม่สามารถเปิดประตูออกไป สิบนาทีผ่านไปหลังจากที่นั่งอยู่บนฝาชักโครก เธอหันไปวางโทรศัพท์บนชักโครกรวมถึงเอกสาร แล้วลุกขึ้นแนบหูกับประตู เพื่อฟังเสียงฝีเท้าอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งมีเสียงก๊อกเปิดล้างมือแล้วจึงก้มมองเงาที่ผ่านออกไป...รอจนกระทั่งทุกอย่างในห้องน้ำไม่มีเสียงลฎาภาหยิบกระเป๋าแล้วค่อย ๆ แง้มประตูเปิดออกส่งสายตามองผ่านช่อง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่เธอจึงเปิดประตูออก ทว่า...“เฮ้ย...!!”เสียงอุทานดังขึ้นทำให้ลฎาภาตกใจและรีบก้มหน้าลงทันทีก่อนจะรีบหันตัวและวิ่งออกจากห้องน้ำไป แต่ก็ไม่ระวังเพราะมัวแต่ตกใจและอายจึงชนกับคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำ“ผม...เข้าห้องผิด ?”ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจพลางเดินถอยหลังดูสัญลักษณ์ข้างหน้าอีกครั้ง ทว่าคนชนทำอะไรไม่ถูกเพราะรู้สึกอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี“มะ...ไม่ค่ะ ขอโทษค่ะ