Chapter 19 อวิ่นเยว่เดินออกจากลิฟต์ด้วยสีหน้าที่มีความสุข ขณะที่มือลวงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเข้าแอปพลิเคชันที่มีแค่หญิงสาวเป็นเพื่อนเพียงคนเดียว เขาพิมพ์ข้อความและกดส่งในทันที อวิ่นเยว่ : เย็นนี้อยู่กินข้าวด้วยกันไหม ? อวิ่นเยว่เดินเข้ามาให้ห้องทำงานแล้วนั่งลง เวลานี้ก็เกือบเที่ยง แต่ยังมีงานที่ต้องสะสางให้เสร็จอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มเปิดโทรศัพท์เพื่อดูข้อความที่ถูกส่งเข้ามาแต่ไม่มี จึงได้แต่รอและหยิบงานขึ้นมาทำ ไม่นานเกินสิบนาทีข้อความจากอีกฝ่ายจึงถูกส่งกลับมา เขาวางมือจากงานทำอยู่เพื่อเปิดอ่านทันที ลฎาภา : ไม่ค่ะ คุณเผิงเป็นเจ้านายนะคะ อ่า...เขาตอบไปต่อไม่ถูกเลยจริง ๆ ถึงจะบอกว่าเป็นเจ้านายก็เถอะ อวิ่นเยว่จ้องมองข้อความตอบกลับที่ใช้เวลานานว่าจะพิมพ์อะไรตอบกลับไปดี ลฎาภา : อีกอย่างวันนี้ฉันกลับเร็วด้วยค่ะ คงจะไม่ได้เจอกัน อวิ่นเยว่ : ถ้าฉันกลับเร็วจะได้เจอเธอใช่ไหม ? อวิ่นเยว่รอข้อความที่ไม่ถูกอ่านและไม่มีการตอบกลับ เกือบสิบนาทีจนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่หญิงสาวไม่ตอบ เขาจึงเก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจและหันกลับมาทำงานให้เสร็จ
Chapter 20 ทางด้านอวิ่นเยว่เมื่ออาบน้ำเสร็จออกมาไม่พบกับหญิงสาวจึงกวาดสายตามองหาและเห็นว่าหมอนกับผ้าห่มได้หายไป จึงเดาได้ว่าเธออาจจะออกไปนอนข้างนอกไม่ก็นอนกับอาหยู ชายหนุ่มเดินออกจากห้องครั้นหันมองไปยังโซฟาก็เห็นเธอนอนขดตัวอยู่ เขายิ้มที่มุมปากก่อนสาวเท้าเข้าไปหา โน้มตัวลงเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเธอก่อนจะรีบดึงมือกลับมา ยกขึ้นปิดปากและเบี่ยงใบหน้าที่รู้สึกผ่าว ๆ ไปทางอื่น เขาควรจะปล่อยให้เธอนอนตรงนี้ดีหรือไม่... อวิ่นเยว่หันมองหญิงสาวด้วยความลังเลใจ แต่สุดท้ายก็โน้มตัวลงไปอุ้มเธอขึ้นมาและเดินเข้าไปในห้อง “อื้อ” เสียงครางงัวเงียทำให้เขาสะดุ้งและผละถอยออกห่างจากเธอ อวิ่นเยว่เดินออกจากห้องก่อนกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับหมอนและผ้าห่มจัดวางลงที่เดิม ลฎาภาปรือตาขึ้นก่อนรีบขยับตัวลุกขึ้นและเรียกเขาทันทีด้วยความตกใจ “คุณเผิง !” “คุณนอนต่อไปเถอะ ผมจะทำงานอีกสักหน่อย” อวิ่นเยว่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตรงกันข้ามกับหญิงสาวที่มองอย่างสับสนและตกใจ ลฎาภารีบขยับตัวลุกขึ้นลงจากเตียงและไม่ลืมที่จะหยิบหมอนติดมือมาด้วย อวิ่นเยว่
Chapter 21 “นี่สำหรับคุณ” อวิ่นเยว่ยื่นของส่งให้พลางหลบสายตาไปทางอื่น “คะ ?” ลฎาภามองกล่องขนาดเล็กสีน้ำเงินที่อยู่ในมือ จำได้ว่าเขาเข้าร้านหนึ่งไปเลือกน่าจะเป็นเครื่องประดับทั้งยังใช้เวลานานพอสมควร นึกว่าจะซื้อสะสมไว้เองซะอีก “ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” อวิ่นเยว่มองด้วยสายตาตัดพ้อ เพราะไม่ชอบการปฏิเสธของเธอ “ทำไม ?” นั่นเป็นคำตอบที่เธอต้องตอบเขาด้วยหรือไม่ ? ลฎาภามองด้วยความลังเลและหนักใจ รู้เพียงว่าหากรับสิ่งนี้ไว้อาจจะทำให้เธอไม่สบายใจ...ไม่สิ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้สึกอย่างไรในตอนนี้ “ฉันรับของมีค่าจากคุณเผิงไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” เธอตอบพร้อมกับพยายามยิ้มให้ อวิ่นเยว่แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาแม้จะแค่แวบเดียวแต่เธอก็เห็น “ช่างเถอะ” เขาพูดแล้วเดินไปเงียบ ๆ ลฎาภามองชายหนุ่มที่เดินจากไปจึงไม่คิดอะไรมากและรีบจัดเก็บของใช้ต่อ ครั้นเมื่อเดินไปทิ้งขยะจึงเห็นกล่องสีน้ำเงินลงไปอยู่ในถังขยะเสียแล้ว ดวงตากลมมองด้วยความรู้สึกที่ยากจะตัดสินใจ ควรจะหยิบขึ้นมาแล้วไปคืนเขา หรือว่าทำเป็นไม่เห็นแล้วทิ้งขยะในมือปิดทับไปดี หญิงสาวใช้ความคิดอยู่ไม่นานจึงตัด
Chapter 22 ร้านอาหารนอกตัวเมืองที่ขึ้นชื่อของจังหวัด R ในช่วงเย็นมักจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาแวะรับประทานเยอะ นอกจากจะมีอาหารพื้นเมืองแล้วยังมีอาหารหลากหลายประเภทด้วย อวิ่นเยว่นั่งรอหลังจากที่สั่งอาหารไป เขาเหลือบมองและยิ้มออกมาอย่างพึงใจ ถึงเธอจะค้านเสียงแข็งว่าขอไปซื้อร้านอื่นกินเพียงลำพังจะดีกว่าก็ตาม แต่สุดท้ายแล้ว... ‘คุณป้าไม่อยากอยู่ฉลองวันเกิดของอาหยูเหรอ’ ไม่น่าเชื่อที่เธอยอมอยู่...แต่ก็รู้สึกอิจฉาเจ้าลูกชายขึ้นมาเหมือนกัน ลฎาภายังคงนั่งเกร็งตลอดแม้กระทั่งอาหารมาเสิร์ฟแล้วก็ยังนั่งนิ่ง อาหารมื้อเย็นนี้ไม่ใช่อาหารพื้นเมืองแต่เป็นอาหารฝรั่งเศส ทั้งโต๊ะและบรรยากาศต่างจากอีกฝั่งที่เป็นโซนอาหารพื้นเมืองมาก ที่นี่ช่างเงียบสงบและโรแมนติกดีจริง ๆ ‘นี่เรากำลังคิดอะไรกันอยู่แน่ !’ เธอหันมองไปทางอื่นทั้งที่ใบหน้ายังผ่าวร้อนตลอด อีกทั้งเกร็งมากจนไม่สามารถขยับมือได้ตามปกติ ถึงแม้จะเอื้อมมือหยิบช้อนตักอาหารแล้ว แต่เธอก็นั่งนานกว่าจะตักคำแรกเข้าปาก “คุณป้า...อาหยูให้แครอทนะ” อาหยูขยับตัวตักแครอทในจานของตัวเองให้หญิงสาวจนหมด แล้วส่งยิ้มหวานให้
Chapter 23 หลังจากที่กลับมาจากการไปเที่ยววันเกิดเจ้าตัวกลม อวิ่นเยว่กลับมานั่งทำงานต่อที่ห้องทำงานเช่นเดิม เพราะหลายวันมานี้งานที่ปกติจะใช้เวลาในวันหยุดจัดการให้เสร็จ รวมถึงวางแผนที่จะเริ่มงานสัปดาห์ใหม่อยู่ทุกครั้งก็ต้องหายไป แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่าคิดผิดที่ไปเลยแม้จะแค่สองวันก็ตาม ...ไม่มีสมาธิ... ถึงจะบอกว่าทำงาน แต่ในส่วนลึกของจิตใจกลับรู้สึกสั่นไหว อวิ่นเยว่ถอนหายใจออกมาหลายครั้งก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความส่งหาหญิงสาวในทันที อวิ่นเยว่ : กินข้าวหรือยัง ? หลังจากพิมพ์เสร็จ ชายหนุ่มก็วางโทรศัพท์และกลับมาสนใจเอกสารต่อ แม้จะรอข้อความตอบกลับจากเธออยู่ก็ตาม ผ่านไปสิบนาทีก็ยังไม่มีการตอบกลับมา ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่จะถูกเปิดออก “คุณเผิงคะ อาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว จะให้ป้ายกขึ้นมาให้ไหมคะ ?” เขาละสายตาจากจอแท็บเลตแล้วเงยหน้าขึ้น “เดี๋ยวผมจะลงไปกินครับ” ป้าผ่องพยักหน้ารับก่อนปิดประตูจากไป อวิ่นเยว่ขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ขณะที่เหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง สายตาดูผิดหวังที่ยังไม่ได้รับข้อความจาก
Chapter 24 “ฉันเกรงใจค่ะ แล้วก็เป็นแค่ลูกจ้าง...” ลฎาภาตั้งใจที่จะปฏิเสธเพื่อออกห่างจากเขา และรู้ว่านับวันยิ่งหลวมตัวเข้าไปโดยไม่ทันตั้งตัว ขืนเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ มีแค่เธอที่ต้องเจ็บปวด “อาหยูอยากให้คุณไปร่วมโต๊ะด้วย...” อวิ่นเยว่พูดขึ้นพลางโน้มตัวลงมาใกล้ “และผมก็ต้องการยิ่งกว่า” เธอกะพริบตามองชายหนุ่มที่เดินจากไป ใบหน้าเริ่มผ่าวร้อนขึ้นมาเมื่อรู้ถึงความหมายโดยนัย ไม่ว่าจะพยายามหนีมากแค่ไหน ส่วนลึกภายใต้จิตใจกลับเรียกร้องมากขึ้นเท่านั้น ราวกับความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้ เธอเคยลืมมันไป ท้ายสุดแล้วหญิงสาวก็ไม่ปฏิเสธที่จะรับประทานอาหารร่วมกับ ชายหนุ่มอีกครั้ง หลังจากกินเสร็จเธอก็จัดการเก็บล้างเรียบร้อย อวิ่นเยว่เดินเข้ามาหาก่อนพูดขึ้นและส่งถุงกระดาษสีหวานส่งให้ “ผมให้” “ไม่เป็นไรค่ะ คือฉัน...” “ผมไม่ได้ซื้อมาให้คุณ แค่ลูกค้าให้มา” อวิ่นเยว่โกหกเพราะความจริงตั้งใจเลือกซื้อกลับมาให้โดยเฉพาะเลยนี่นา “ผมไม่ชอบของหวาน ถ้าคุณไม่ชอบผมจะได้...ทิ้ง” เธอแสดงสีหน้าลังเลว่าจะรับดีหรือไม่ “เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” อวิ่นเยว่ยิ้มที่มุมปาก
Chapter 25 “หมอนั่นงั้นเหรอ” “คะ ?!” ลฎาภากะพริบตามองด้วยความงุนงงก่อนเบี่ยงใบหน้าหลบหนีเมื่อเขาโน้มเข้ามาใกล้ “หมอนั่นใช่ไหม ?” อวิ่นเยว่ถามย้ำอีกครั้ง “คือว่าฉันแค่นัดคนที่ช่วยเก็บของ ตะ...ตอน” ลฎาภาอ้ำอึ้งไม่ยอมพูด ทั้งใบหน้าก็เริ่มผ่าวร้อนขึ้นมาแม้จะเบี่ยงหลบหนีก็ตาม “ตะ...ตอนที่ฉันไป สัมภาษณ์งานแล้วเข้าห้องน้ำผิดน่ะค่ะ !” หมดกันยัยจอม...ทำไมต้องพูดออกไปหมดแบบนั้น “เข้าห้องน้ำผิด ?” อวิ่นเยว่หรี่ตามองพลางครุ่นคิดแล้วถอยตัวออกห่าง จำได้ว่าเคยเจอเธออยู่สองครั้งตอนที่เข้าห้องน้ำชาย ครั้งแรกไม่ได้ใส่ใจนักแค่เลขา ฯ จัดการนำของไปคืนให้ก็เท่านั้นดูเหมือนว่าจะลืมไปสนิทด้วย ลฎาภาตั้งสติและอธิบายรายละเอียดให้เขาฟัง “ฉันก็แค่อยากขอบคุณเขาที่เก็บเอกสารและโทรศัพท์มาคืนให้ก็เท่านั้นเองค่ะ” อวิ่นเยว่ขมวดคิ้วแทบจะชนกัน ความรู้สึกและประโยคคุ้นเคยของผู้ช่วยเมื่อตอนบ่ายแล่นเข้ามาในหัวทันที “ก็ไปสิ” ลฎาภากะพริบตามองชายหนุ่มที่เดินขึ้นบันไดชั้นสองไปอย่างงุนงง อวิ่นเยว่เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานวางเอกสารลงบนโต๊ะทำงานและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
Chapter 26 “ครั้งหน้าเรามาเดตกันจริง ๆ นะ” “คะ ?” อวิ่นเยว่ปล่อยมือหญิงสาว “แล้วผมจะรอ” หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบโดยไม่ตอบก่อนจะรีบเปิดประตูลงทันที ครั้นหันหลังกลับไปมองรถยนต์ของอวิ่นเยว่ก็ขับออกไปแล้ว ดวงตากลมหรี่ลงมองที่พื้นด้วยความสับสนใจก่อนเธอจะเดินเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ ประตูห้องพักถูกปิดลงพร้อมกับเสียงหัวใจที่ยังคงเต้นดังเป็นจังหวะไม่หาย นับวันมันยิ่งดังและชัดเจนมากขึ้น “ไม่หรอก...จะไปหลงรักได้ยังไงกัน” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นขณะที่นั่งลงกับพื้น ทั้งที่การหลงรักใครสักคนอาจจะเป็นความสุขทำให้โลกทั้งใบเป็นสีชมพู แต่ทว่าในใจตอนนี้กลับรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่า ทำไมถึงต้องรู้สึกเจ็บปวด สมองของลฎาภาเริ่มขาวโพลนไปหมด เธอไม่รู้เลยสักนิดว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหน ทั้งภาพ ความรู้สึกบางอย่างก็แทรกซึมเข้ามา ‘ผม...ขอโทษ’ นั่นมันเสียงของเผิงอวิ่นเย่ว ! เขากำลังพูดกับใครทำไมถึงมองไม่เห็น เงาสีดำนั่นทำให้เธอมองไม่เห็นอะไรเลยสักนิด มีเพียงเสียงและความรู้สึกทรมานเท่านั้นที่รับรู้ได้ ก่อนทุกอย่างจะหายไปและเสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นอีกครั้ง ‘อาหยูต้อง
Chapter 61 (special III)“นี่...” เธอเรียกเขาด้วยเสียงสะอื้นก่อนจะใช้มือดึงเสื้อจากทางด้านหลัง “ทำไมถึงยอมมารับฉันล่ะ”“ไม่รู้สิ” ศรันภัทรตอบโดยไม่หันหลังกลับไปงั้นเหรอ...?ถลัชนันท์ปล่อยมือออกจากเสื้อของเขา ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปกอดชายหนุ่มทางด้านหลัง นั่นไม่ใช่ความรู้สึกที่รักเลยเพียงแต่ว่าอยากทำยังไงก็ได้ให้ความเจ็บปวดนี้หายไป“มีอะไรกับฉันได้ไหม” เป็นคำพูดสิ้นคิดหรือความต้องการในส่วนลึกกันแน่ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันเพียงแต่ถ้ามันปลอบใจจากความเจ็บปวดได้แล้วล่ะก็... “แค่ครั้งนี้ แล้วพรุ่งนี้ฉันสัญญาว่าจะหย่ากับคุณ ขอร้องละ”ศรันภัทรยืนอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้ยินคำพูดจากปากหญิงสาว เขาเองตอนนี้ยังสับสนมากที่จะบอกว่ารู้สึกชอบผู้หญิงคนนี้แบบคนรักจริง ๆรู้ดีว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้น...ถลัชนันท์คลายมือออกจากชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตา บางทีก็คิดว่าพอแล้วกับความรักที่เข้ามา“ขอโทษค่ะ ฉันคงบ้าไปหน่อย” เธอพูดเสียงสั่นพลางหัวเราะ “ถ้ายังไงพรุ่งนี้เราไปหย่ากันนะค
(special I)เวลาทำงานผ่านไปจวบจนกระทั่งหมดวันแล้ว ถลัชนันท์ขยับตัวเก็บกองเอกสารบนโต๊ะให้เข้าที่ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายเช็กชื่อออกจากบริษัทไป แต่ละวันผ่านไปก็ช่างยาวนานซะเหลือเกิน และก็ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก ตื่นเช้าออกไปทำงานกลับมาบ้านกินข้าวและเข้านอน ถึงแม้ว่าช่วงเดือนนี้จะเริ่มสนทนากับสามีที่แต่งงานด้วยมากขึ้นก็ตาม ทว่าความสัมพันธ์รักใคร่ก็ไม่ได้พัฒนาตามไปด้วยเลยหญิงสาวเดินออกจากลิฟต์แล้วหยุดชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปหยิบขึ้นมาดูปลายสายที่โทร. เข้ามา“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ถลัชนันท์เอ่ยถามอย่างทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่โทร.มาคือสามีนั่นเอง น้อยครั้งที่เขาจะติดต่อมาหาหรือยอมพูดคุยด้วย[เปล่า คุณแม่บอกวันนี้คุณจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้าน เลยให้ผมโทร.มาถามว่ากลับดึกไหม ?]พอได้ฟังก็รู้สึกสมเพชตัวเองมานิดหนึ่ง ทว่าเรื่องนี้ก็เริ่มชินไปซะแล้ว อีกอย่างแม่สามีไม่ได้ใจร้ายเหมือนในละครหลังข่าว ตรงข้ามกันกลับทำดีกับเธอด้วยซ้ำไป“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันมีนักเดตกับเพื่อนสมัยเรียน” เธอตอบกลับไปแล้วพูดต่อไปว่า &ld
ค่ำคืนแสนหวานอันยาวนานได้ผ่านพ้นไปเข้าสู่เช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ ร่างเล็กบนเตียงขยับตัวปรือตาด้วยความหนักอึ้ง หันมองพื้นที่เตียงว่างเปล่าก่อนใช้แรงที่เหลืออยู่น้อยนิดพยุงร่างกายขึ้นนั่ง สะโพกปวดร้าวระบมไปหมดจนไม่มีแรงจะขยับ ดวงตากลมมองรอบห้องที่เงียบสนิทไร้วี่แววของชายหนุ่มประตูห้องถูกเปิดออกหญิงสาวรีบยกผ้านวมขึ้นปิดบังร่างกาย พลางส่งสายตามองอวิ่นเยว่เดินเข้ามาหา“คุณตื่นแล้วหรือ” เขาเดินเข้ามาหาลฎาภาพยักหน้าแทนคำตอบด้วยความเขินอายพลางขยับตัวลงจากเตียงแต่ว่าขาสั่นจนแทบไม่มีแรง ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากก่อนเดินเข้ามาอุ้มเธอขึ้น นัยน์ตาคมมองร่างเปลือยที่เชยชมมาทั้งคืนมีร่องรอยตีตราจนนับไม่ถ้วน“ฉันเดินเองได้ค่ะ”อวิ่นเยว่หัวเราะในลำคอ “แสดงว่ายังมีแรงเหลือสินะ”“คุณเผิง !” เธอแก้มแดงผ่าวร้อนขึ้นมาทันทีชายหนุ่มยิ้มขำก่อนจะอุ้มหญิงสาวมายังห้องน้ำ เขาวางเธอลงบนขอบอ่างอาบน้ำก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณอาบน้ำไหวไหม ?”“ไหวค่ะ คุณออกไปเลยนะคะ” ลฎาภาตอบกลับในทันทีอวิ่นเยว่ยิ้มข
Chapter 57การเคลื่อนไหวของร่างกายรุกล้ำเข้ามาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด อวิ่นเยว่ดันร่างเล็กให้ชนชิดกับผนังกำแพง บดจูบขยี้ริมฝีปากด้วยความโหยหา คราวนี้ทำเธอหายใจลำบากจึงต้องดันเขาออกห่าง แต่กลายเป็นว่าการพักนั้นทำให้ชายหนุ่มรุกล้ำลิ้นเข้ามาได้สำเร็จ“อื้อ” เสียงร้องครางดังประท้วงบอกจนต้องถอนจูบออกด้วยความเสียดาย อวิ่นเยว่จ้องมองใบหน้าเนียนสวยแดงก่ำก้มหลบเขินอาย มือข้างหนึ่งเชยขึ้นให้สบตาอีกครั้งและจูบหยอกเย้าเบา ๆ จนสติสัมปชัญญะของหญิงสาวหลุดล่องลอยไปลฎาภาควบคุมความต้องการของร่างกายไม่ได้ราวกับว่าไม่ฟังสิ่งที่สมองสั่งการสักนิด เธอเผลอให้ความปรารถนาที่อยู่ภายในจิตใจเข้าครอบงำจนหมดสิ้น จูบเร่าร้อนอ่อนโยนจนแทบระทวยนี้กลับรู้สึกคุ้นเคยโหยหามากที่สุดแต่...ที่บ้าที่สุดคือการตอบสนองเผลอไปกับคารมของเขา !อวิ่นเยว่จูบซับไปตามใบหน้าไล่จนมาถึงต้นคอของหญิงสาว มือที่เคยรั้งเอวไว้คลายออกล้วงเข้าไปในสาบเสื้ออย่างรวดเร็ว ไม่รอช้าที่จะใช้มือปลดเสื้อผ้าส่วนบนออกโยนทิ้งลงพื้นในขณะที่สติของเธอกำลังหลุดลอย“คุณเผิง” เธอเอ่ยเรียกชื่อเขา ทั้งที่ยิ่งเร
Chapter 56อวิ่นเยว่ผ่อนลมหายใจซุกที่หัวไหล่ของเธอ “นะ”เพียงคำเดียวก็รู้ถึงความหมายที่เขาต้องการบอกว่า ‘ขอซุกหน้าอกแบบอาหยูด้วยคน’“ทำไมอาหยูถึงได้ แล้วผมไม่ ?”ไม่น่าถามนะคำถามนี้ คุณเผิง !“ไม่ค่ะ” เธอตอบกลับเสียงเข้มพลางจ้องหน้าเขาเขม็ง“อาหยูเป็นเด็ก”“เหรอ” เขาขานรับอย่างจำใจก่อนจะขยับตัวหันมา นัยน์ตาคมจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า เขาต้องใช้ความอดกลั้นอย่างมากที่จะไม่คิดอะไรเกินเลยตอนนี้ ชายหนุ่มเบี่ยงหน้าหลบยกมือขึ้นปิดปากด้วยความเขินอาย ไม่รู้ว่าจะอดทนไปได้นานแค่ไหนกัน“เราขึ้นกันเถอะ อาหยูกำลังรออยู่”อวิ่นเยว่พูดพลางขยับตัวออกห่างจากหญิงสาว ก่อนจะลุกขึ้นโดยลืมไปว่าร่างเปลือยของเขานั้นเธอได้เห็นเต็มสองตา !ลฎาภาอึ้งนิ่งค้างจนทำอะไรไม่ถูก เขาลืมไปไหมว่าเธอยังอยู่ตรงนี้ “คุณเผิงรีบออกไปเลยนะคะ !”อวิ่นเยว่หันมองและเพิ่งคิดได้ว่าตอนนี้โชว์กายให้หญิงสาวมองอยู่นั่นเอง เขาทำหน้านิ่งรีบเดินไปหยิบผ้าขนหนูและเสื้อคลุมเดินออกจากห้องน้ำไปอย่าง
Chapter 55หลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ป้าผ่องจึงจัดการเก็บครัวและกลับบ้านไป ทางด้านลฎาภาที่ไม่รู้สึกคุ้นชินบ้านหลังใหญ่จึงทำตัวไม่ค่อยถูก ทั้งยังไม่รู้ว่าควรจะไปตรงไหนต่อดี จึงได้แต่ยืนงงอยู่หน้าบันไดเป็นเวลานาน“หม่าม้า” เจ้าตัวกลมเดินเข้ามาดึงชายเสื้อของเธอและออกแรงลาก“อาหยู...”เธอเอ็นดูก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “มีอะไรเหรอจ๊ะ”“อาบน้ำกับอาหยูได้ไหม” น้ำเสียงออดอ้อนและแววตาของ เจ้าตัวกลมทำให้ลฎาภานิ่งเงียบไปชั่วขณะ ไม่ใช่ว่าจะปฏิเสธหรอกนะ เพียงแต่ว่าสภาพร่างกายที่ยังพักฟื้นไม่สมบูรณ์ ก็ไม่อยากจะใช้แรงดูแลเด็กมากนัก แต่ถ้าหากปฏิเสธไปจะเป็นการทำร้ายจิตใจหรือเปล่านี่สิ“ไม่ได้เหรอ” เสียงอู้อี้ในปากและท่าทางออดอ้อนของเจ้าตัวกลมทำให้หญิงสาวรู้สึกลำบากใจไม่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน อาจเป็นเพราะว่าพ่ายแพ้ต่อเด็กผู้ชายน่ารัก ๆ ทว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้แตกต่างจากการพบกับเด็กคนอื่น ๆ ที่เพิ่งเคยเจอครั้งแรก“แต่ว่านะ...”“ได้สิ” เสียงของอวิ่น
Chapter 54“บางทีฉันอาจจะยังไม่เคยพบเขาเลยก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็คงจำได้สิ แม่ พ่อ พี่และเพื่อนฉันก็ยังจำได้เลย” เธอพูดขึ้น เพราะครั้งแรกที่พบกันก็ไม่ได้รู้สึกว่าคุ้นเคยหรือรู้จักกันเลยสักนิด“แต่ว่านะ...” ถลัชนันท์หยิบโทรศัพท์มือถือของน้องสาวส่งคืนให้ “แกกับเขาเคยคบกันอยู่ไม่ใช่เหรอ และก่อนเกิดอุบัติเหตุแกก็บอกเลิกเขาอยู่เลย นี่ดูสิ...”ลฎาภาเปิดข้อความที่คุยกันแล้วอ่านอย่างไม่เชื่อสายตา ทุกอย่างเป็นไปตามที่พี่สาวบอก ทว่าทำไมกลับรู้สึกจำอะไรไม่ได้เลย ทั้งที่ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ทำงานที่นี่นี่นา “แต่ว่านะ ตอนฉันทำงานพาร์ตไทม์ เป็นพี่เลี้ยงเด็กกับคนใช้น่ะ ก็ไม่มีอะไรไม่มีใครจีบนะ และอีกอย่างถ้าเป็นความจริงในแชทนี้ ฉันเลิกกับเขาแล้วนะ”เธอพูดเสียงแผ่วลงเรื่อย ๆ เพราะความทรงจำที่จำได้ก็คือการจำได้ แต่ถ้าจะถามหน้าตาของเจ้านายด้วยแล้ว...ทำไมกลับนึกไม่ออก รู้แค่ว่าเคยทำ หลังจากนั้นก็เข้าไปทำงานในบริษัทเมื่อถึงเวลาเริ่มงานวันแรก หรืออาจเพราะเจอคนเยอะแยะก็มีลืมบ้างนะอวิ่นเยว่ที่กินข้าวและเอี้ยวหูฟังอยู่ก็หรี่ตามองด้วย
Chapter 53ภายในห้องพักของโรงแรม ทันทีที่อวี้หลันเดินเข้ามาในห้องก็หยิบกระเป๋าเดินทางออกมาด้วยสีหน้าขุ่นเคืองเพราะไม่เคยคิดเลยว่าอวิ่นเยว่จะติดต่อเว่ยเหยียนเมิ่งให้มาหาด้วยแบบนี้ หากรู้ตั้งแต่แรกว่าตอนนั้นเหยียนเมิ่งยังไม่มีอำนาจใด ๆ ในมือของบริษัทเธอก็ไม่แต่งงานด้วยหรอก ต่อให้จะเป็นตระกูลที่ร่ำรวยแต่ว่าต่างคนนำเงินก้อนไปลงทุนและสร้างความมั่งมีเอง ไม่ก็ใช้ความสามารถบริหารงานจนก้าวหน้า แต่ไม่ใช่กับเขาที่กลัวจนทำอะไรไม่เป็นเป็นคุณชายที่ไม่มีอะไรดีนอกจากใช้เงินของตระกูล จนหลายครั้งที่เธอก็ต้องทนคนในบ้านหัวเราะเยาะสมเพช ! ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของลูกชายคนโต คนเล็ก หรือญาติในตระกูลพอกันทีกับความน่าสมเพชนี้...!หญิงสาวเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้และของใช้ส่วนตัวที่วางอยู่ยัดใส่ลงในกระเป๋าเดินทางอย่างไว มีทางเดียวคือการรีบกลับไปหย่าให้เสร็จเพื่อคืนชีวิตอิสระของเธออวี้หลันหันมองโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋าสะพายก่อนจะหยิบออกมาดูและกดรับ[อวี้หลัน ผมรักคุณนะ เรากลับมาคุยกันก่อน]เธอทำสีหน้าเบื่อที่อีกฝ่ายพยายามโทร. ตามตื๊อ แน่นอนว่าหลายปีที่พยายามรักและแสร้งทำดีด้วยเพ
Chapter 52“คะ...คุณเป็นใคร ?”“ผมเผิงอวิ่นเยว่ สามีเก่าของเจ้าอวี้หลัน”ชายหนุ่มแนะนำตัวอย่างเป็นทางการพลางหันไปเหลือบมองสีหน้า ของอวี้หลันที่ดูลนลาน“เธอ...แต่งงานแล้ว ?” เหยียนเมิ่งมีท่าทีตกใจสุด ๆ เมื่อได้ยินอีกฝ่ายแนะนำตัว “ทำไมผมถึงไม่เคยรู้...”ไม่แปลกใจที่ไม่รู้เพราะงานแต่งของอวิ่นเยว่จัดเล็ก ๆ ไม่ใหญ่มากนักแขกที่เชิญมาก็ไม่มากมายล้วนเป็นแขกสำคัญเท่านั้น ตรงข้ามกับงานแต่งของ ‘เว่ยเหยียนเมิ่ง’ ที่ถูกจัดขึ้นหรูหราจนในต่างประเทศคนส่วนใหญ่รับรู้กัน ว่าลูกชายคนรองของประธานเว่ย เจ้าของกิจการโรงแรม RX ที่มีสาขาหลายประเทศแต่งงานแล้วอวี้หลันรีบลุกขึ้นและดันอวิ่นเยว่ออกห่างจากเหยียนเมิ่งทันที“เหยียนเมิ่งเรากลับไปคุยกันทีหลัง...”“เธอบอกว่าอยากกลับมาอยู่กับผม” อวิ่นเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “และจะทิ้งคุณไป”อวี้หลันเบิกตากว้างด้วยความตกใจและขุ่นเคืองกับคำพูดและน้ำเสียงของอวิ่นเยว่“ไม่จริง...ใช่ไหม ?” เหยียนเมิ่งมีน้ำเสียงผิด