Share

บทที่ 3 เรื่องมันเกิดจากความตื่นเต้น

Chapter 3

“ทำ…ไม…ฮือ ๆ …”

“พี่อาร์ตบอกเลิกเหรอ”

ลฎาภาเอ่ยถามเสียงแผ่วพลางส่งสายตามองพี่สาว ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาเดินเข้าไปหา พี่สาวเอาแต่ร้องไห้ออกมา ครั้นจะพูดก็พูดไม่รู้เรื่อง แม้จะพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เพื่อที่จะพูดมันออกมา

“เขานอกใจ…คนเลว…ฮือ ๆ…”

ลฎาภาก้าวมาใกล้ดึงพี่สาวเข้ามากอดเพื่อปลอบประโลมโดยไม่ถามอะไรเป็นการซ้ำเติม

“ถ้าอยากจะร้องไห้ วันนี้ก็เสียใจให้สุด ๆ ไปเลยนะ แค่วันเดียว”

หญิงสาวปลอบพลางใช้มือลูบหลัง เธอรู้ดีว่าแฟนหนุ่มปัจจุบันที่คบกันอยู่นั้นพี่สาวจริงจังมากถึงขั้นอยากแต่งงานสร้างครอบครัวด้วยกัน แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็รู้ว่าเขานอกใจก่อนที่จะแต่งงาน

“จอม…พี่รักเขานะ…ฮือ…พี่ยังรักเขา”

ลฎาภาได้แค่เงียบเพราะไม่เคยมีแฟนจึงไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เท่าไหร่

“เขานอกใจ…พี่…มะ…มาตลอดหนึ่งปี...”

หญิงสาวฟังแล้วรู้สึกขุ่นเคืองแทนเพราะว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมาพี่สาวของหล่อนไม่เคยนอกใจฝ่ายชายเลยสักนิด แม้จะมีผู้ชายมากมายเข้ามาจีบหรือขอคุยด้วยแก้เหงาก็ตาม

“จำที่แม่เคยบอกได้ไหม ? ผู้ชายที่รักจริง จะไม่มีวันนอกใจเด็ดขาด”

คำนี้ถลัชนันท์ไม่เคยลืม ทว่าหัวใจข้างในจุกจนแทบหายใจไม่ออก หล่อนได้แต่พยักหน้ารับเท่านั้น จริงอยู่ถูกอย่างที่น้องสาวบอก ผู้ชายแบบนี้ไม่

คู่ควรกับพ่อของลูก ไม่คู่ควรที่จะฝากชีวิตเอาไว้ด้วย

“อืม” ถลัชนันท์ขานรับในลำคอพลางหันมองของที่ขนลงมา มันเคยมีค่ามากที่สุดจนถึงวันนี้ที่กลายเป็นเพียงขยะที่กำลังจะทิ้ง ความรู้สึกดี ๆ ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเพียงไม่ถึงชั่วโมงก็กำลังหายไปเพราะความเลวของคน เธอรู้ดีว่ามันยากที่จะลืมแต่ก็ต้องลืมให้ได้...

วันหยุดสุดสัปดาห์ผ่านมาถลัชนันท์ไม่ได้ออกไปไหนจากห้องนอนเลย แม้กระทั่งอาหารก็รับประทานเพียงนิดเดียว ถึงจะบอกว่าควรทำใจได้ ไม่ควรเสียเวลาเศร้าไป ทว่าก็ยังทำไม่ได้อยู่ดี

ก๊อก ๆ ๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลายครั้งติดต่อกัน แต่ไม่มีท่าทีที่หญิงสาวจะลุกขึ้นจากเตียงเดินไปเปิด จนกระทั่งประตูเปิดออกมา ภายในห้องมืดสนิทแม้กระทั่งผ้าม่านก็ปิดไม่รับแสงตะวันจากด้านนอก

“พี่ควรกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แล้วนะ”

ลฎาภาเดินเข้ามาในห้องมองคนบนเตียงที่นอนหันหลังให้ อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าพี่สาวนั้นจะคิดทำร้ายตัวเองหรือเปล่า ถึงแม้รู้ดีว่าเพียงเวลาสองวันไม่อาจจะทำให้ความรู้สึกนั้นหายไปได้ แต่การที่พี่สาวเธอซึมเศร้าแบบนี้ต่อไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา

“จอมควรโทรบอกพี่ชายสุดน่ารักให้มาอยู่เป็นเพื่อนดีไหม ?”

“ไม่ต้องมาขู่เลย !”

“ไม่ได้ขู่ แต่จะโทร. จริง ๆ เพราะถ้าอยู่แบบนี้ต่อไปมีอัตราเสี่ยงสูงที่คิดจะทำอะไรบ้า ๆ”

“แกจะไม่โทร. บอกใช่ไหม ?” ถลัชนันท์เอ่ยถามขึ้นเพราะกลัวว่านอกจากจะได้กลับบ้านแล้วบางทีแฟนหนุ่มอาจจะไม่รอดด้วยซ้ำ เธอกลัวว่าจะมีปัญหาใหญ่ตามมาทีหลัง ยิ่งพี่ชายเป็นคนหัวร้อนง่ายอยู่ด้วยเกี่ยวกับเรื่องของคนในครอบครัว

“ก็ต้องอยู่ที่ว่าพี่เป็นยังไง”

ถลัชนันท์พลิกตัวหันมาขยับตัวขึ้นนั่ง ขอบตาแดงก่ำ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยคราบน้ำตา พลางยกมือขึ้นเช็ดลวก ๆ สูดหายใจเข้า แล้วสบตามองน้องสาว

“โอเคแล้ว แกไม่ต้องโทร. ไปบอกนะ”

ลฎาภาหัวเราะ

“ก็ดี งั้นลงไปกินข้าวกันได้แล้ว”

ถลัชนันท์พยักหน้าขยับตัวลงจากเตียงขณะที่ลฎาภาลุกขึ้น พลันหันมองส่องไปยังกระจกที่อยู่ห่างไม่ไกลนักก็กรีดร้องออกมาด้วยท่าทางตกใจ

“กรี๊ดดด...นี่หน้าฉันเหรอ ทำไมถึงโทรมแบบนี้”

ถลัชนันท์รีบลุกขึ้นวิ่งไปที่โต๊ะเครื่องแป้งทันที เดิมทีใบหน้าสวยไม่มีริ้วรอยของวัย อีกทั้งใต้ตาก็ไม่หมองคล้ำเท่ากับตอนนี้ หญิงสาวยกมือขึ้นลูบใบหน้าตามริ้วรอยและความหมองคล้ำ รับไม่ได้อย่างแรง เท้าทั้งสองที่ยืนอยู่ก็กระทืบพื้นหลายทีก่อนจะหันมามองน้องสาวที่ยืนขำอยู่

“พี่ควรดูแลตัวเองมากกว่านะ ไม่งั้นอาจจะขึ้นคานจริง ๆ”

“ยัยจอม !”

“งั้นลงไปรอข้างล่างนะ” ลฎาภาพูดพร้อมกับรีบเดินออกจากห้องเมื่อเห็นสายตาค้อนมองมา เพราะรู้ดีว่าพี่สาวรักสวยรักงามมากขนาดไหน

หลังจากที่ประตูห้องปิดลงแล้วถลัชนันท์ก็หันมาส่องกระจกอีกครั้ง ไม่คิดเลยว่าสองวันที่ปล่อยตัวเองไม่ดูแลจะโทรมได้มากถึงขนาดนี้ หญิงสาวถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินกลับไปที่เตียงเพื่อหยิบโทรศัพท์ ควรจะทำอย่างไรดี จะนัดเขาเพื่อมาคุยกันหรือว่าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป รอวันที่เขามาขอเลิกเธอ

สองวันที่ผ่านมาเหมือนจะทำใจได้บ้างแล้ว ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะที่เห็นใบหน้าโทรมราวกับผีดิบของตัวเอง ก็เพิ่งคิดได้ว่ามันไม่มีอะไรดีขึ้นมาที่จะเศร้าต่อไป...

อากาศเช้านี้สดใสไม่มีท่าทีบอกว่าฝนจะตกลงมา ช่างเป็นเวลาที่ดี ลฎาภาใส่เสื้อผ้าชุดใหม่พร้อมสำหรับการสัมภาษณ์งานในวันนี้ และไม่ลืมที่จะเตรียมเอกสารเผื่อไว้ให้ครบ ก่อนจะส่องมองความเรียบร้อยในกระจกเป็นครั้งสุดท้ายแล้วหยิบกระเป๋าออกจากห้องลงมาชั้นล่าง

“ตื่นแล้วเหรอ ?” ถลัชนันท์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจเมื่อเห็นว่าน้องสาวเดินลงมารับประทานอาหารในตอนเช้า ครั้นสังเกตการแต่งตัวก็ยิ่งสงสัยว่าจะไปทำอะไร เพราะนานครั้งมากที่จะเห็นแต่งตัวเป็นทางการและเรียบร้อยแบบนี้ “แล้วนี่จะออกไปไหน”

“สัมภาษณ์งานค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงดีใจและตื่นเต้นเหมือนกับว่าเพิ่งได้งานทำครั้งแรก

“เขาเรียกตัวแล้วเหรอ ?”

ลฎาภาพยักหน้าแทนการตอบพลางขยับเก้าอี้แล้วนั่งลง ดวงตากลมมองอาหารมื้อเช้าตรงหน้าก่อนจะหยิบช้อนขึ้นตักรับประทาน

“วันนี้พี่จะใช้รถออกไปพบลูกค้า จะให้ไปส่งที่บริษัทก่อนไหม ?” ถลัชนันท์พูดขึ้นขณะที่วางช้อนส้อมลง

“ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว จอมไม่มีทางขึ้นรถเมล์ไปแน่ ๆ ผมเสียทรงแย่” ลฎาภาพูดก่อนตักอาหารเข้าปาก ครั้นเหลือบมองพี่สาวที่กลับมาเป็นปกติก็ยังอดห่วงอยู่ไม่ได้แม้ใบหน้าจะมีรอยยิ้มประดับเช่นเดิม แต่ในใจอาจจะ ไม่ใช่อย่างที่แสดงออกมา เพราะใช่ว่าจะใช้เวลาเพียงวันหรือสองวันแล้วทุกอย่างจะลืมหายไป

“ทำใจได้แล้วใช่ไหม ? กับเรื่องของพี่อาร์ต”

“อืม” ถลัชนันท์พยักหน้ารับพลางส่งยิ้มให้กับน้องสาว แววตานั้นสั่นระริกจนแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอยังไม่ได้บอกว่าเลิกกับเขาอย่างจริงจัง ที่รู้เพราะเป็นความบังเอิญในความโชคร้ายเสียมากกว่า “ไปกันเถอะ นี่ก็สายมากแล้ว เดี๋ยวรถจะติดเอา”

เมื่อพูดจบก็ลุกขึ้นหยิบจานเดินเข้าไปไว้ในห้องครัว ถลัชนันท์ยืนนิ่งอยู่นานพลางคิดหาวิธีที่จะจัดการกับความรู้สึกแย่ ๆ ภายในใจให้จบสิ้น วันนี้เธอควรจะนัดคุยกับเขาหรือไม่ก็ส่งข้อความไปบอกเลิกเสีย เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงรีบเดินออกมาหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ในกระเป๋าส่งข้อความหาแฟนหนุ่มในทันที

วันนี้หลังเลิกงานพี่อาร์ตว่างไหมคะ ? รักมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ค่ะ

ลฎาภาหันมองขณะลุกขึ้นนำจานไปไว้ที่ห้องครัว ก่อนจะเดินออกมาสังเกตสีหน้าของพี่สาวที่ดูไม่ดีนัก

“ไปกันเถอะ”

ถลัชนันท์ไม่ปริปากพูดอะไร ได้แต่พยักหน้าและเดินออกไปทันที ขณะที่ลฎาภาหยิบกระเป๋าออกมาแล้วปิดประตูบ้านก่อนจะขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว

เธอต้องผ่านสัมภาษณ์นี้...!

ลฎาภาบอกกับตัวเองแบบนั้นขณะที่เอียงตัวมองคนที่มานั่งรอการสัมภาษณ์ตามบัตรคิว เธอรู้สึกประหม่าจนร่างกายและมือเย็นจนสั่นแทบทำอะไรไม่ถูก แม้จะไม่ใช่การสมัครงานครั้งแรกทว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทผลิตและส่งออกอาหารสำเร็จรูปทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีเงินเดือนดี สวัสดิการ

ดีด้วย เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องวิตก

นั่งรอมาเกือบสองชั่วโมงแล้วมีคนเดินเข้าเดินออกจากห้อง บ้างสีหน้าก็ดูมั่นใจ บ้างก็แสดงถึงความกังวล ลฎาภาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้มหน้ามองมือที่เย็นเฉียบจนกระทั่งมีคนเรียกชื่อจึงรีบลุกขึ้นและเดินเข้าไปข้างในทันที

เวลาผ่านไปจนกระทั่งการสัมภาษณ์สิ้นสุดลง ลฎาภาเดินออกจากห้องแทบหมดแรง ทั้งคำถามและการพูดคุยที่ชวนทำให้เธอต้องกลั้นอดทน

ลฎาภาเดินเข้ามาห้องน้ำ ปิดประตูวางเอกสารและกระเป๋าด้วยสีหน้าละห้อย จากการสัมภาษณ์เมื่อครู่ทำให้รู้ว่าพลาดแล้วแน่นอน !

เฮ้อ...เธอยืนถอนหายใจพิงประตูอยู่นาน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบใบหน้า มือและร่างกายยังคงสั่นเพราะรู้สึกประหม่าไม่หาย จนกระทั่งมีเสียงผู้ชายดังขึ้น หญิงสาวจึงเอี้ยวหูฟังแล้วขบคิดในใจว่า ‘นี่ห้องน้ำชายงั้นเหรอ’

“คืนนี้ไปดื่มกันไหม ? ฉันมีนัดบอดกับสาวๆ ด้วย”

เข้าห้องน้ำผิดอีกแล้วเหรอเนี่ย !

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status