Share

บทที่ 5 แต่งงาน

Chapter 5

“ว่าไง” ถลัชนันท์พูดขึ้นทันทีที่กดรับสาย

[วันนี้จะไม่กลับบ้านหรือไง นี่จะสี่ทุ่มแล้วนะ ไปอยู่ไหนน่ะ...แล้วนี่เสียงอะไรดังน่ารำคาญ...]

“อยู่ที่ผับน่ะ วันนี้เครียดนิดหน่อย แกปิดบ้านเข้านอนไปก่อนเลย” หญิงสาวตอบก่อนกดวางสายทันที ดวงตากลมมองไปยังแสงสีเบื้องหน้าที่มีผู้คนมากมายต่างเต้นเย้าสะโพกส่ายไปมา แต่กับเธอเพียงแค่นั่งดื่มเหล้าให้เมาเพื่อลืมความเจ็บปวดนี้ ทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรเลย การที่อยู่คนเดียวยิ่งทำให้เป็นบ้าตายเอาจริง ๆ

“มาคนเดียวหรือครับ” เสียงทุ้มของชายหนุ่มทำให้ถลัชนันท์หันไปมองใบหน้าเจ้าของเสียง ก่อนจะยิ้มหวานให้อย่างไม่เต็มใจนัก

“ค่ะ” เธอตอบแล้วหันหน้าหนี พลางยกเครื่องดื่มจิบไปเรื่อย ๆ ครั้นชายหนุ่มขยับตัวมาใกล้เธอจึงเหลือบมองและถอนหายใจออกมา “วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์ ช่วยกรุณาไปไกล ๆ หน้าด้วยนะคะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน”

ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หัวเสียมองด้วยสายตาไม่พอใจเมื่อหญิงสาวไม่เล่นด้วยเขาจึงขยับตัวลุกขึ้นและเดินจากไปทันที

ถลัชนันท์มองแล้วหันกลับมาอย่างไม่สนใจ ไม่นานนักก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ และสั่งเครื่องดื่ม

“ผมเลี้ยงไหม ?” เขาเอ่ยขึ้นแล้วหันมองหญิงสาว

ถลัชนันท์จึงหันมองชายหนุ่มใบหน้าหวานที่ยิ้มให้ เขามีผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีดำ ใบหน้ารูปหัวใจ ริมฝีปากค่อนข้างหนาและตัวสูงกว่าเธอ

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“เตกีล่าให้เธอด้วยครับ” ศรันภัทรพูดก่อนจะส่งยิ้มให้กับหญิงสาว

“ฉันไม่มีอารมณ์จะคุยกับใครค่ะ”

“ผมรู้ ผมก็เหมือนกัน...” เขาพูดขึ้นก่อนจะก้มหน้ามองแก้วที่ถือในมือด้วยแววตาเศร้า ที่เข้ามาทักเพราะเห็นว่าเธอน่าจะมีเรื่องผิดหวังมา

“เวลารักใครสักคนแล้วเจอสิ่งที่ผิดหวัง มันเจ็บปวดนะครับ เจ็บจนไม่อยากจะรักใครอีก”

ถลัชนันท์หันมองศรันภัทรก่อนยกวิสกี้ขึ้นดื่ม

“ความรักนี่เข้าใจยากนะครับ”

“เหรอคะ” ถลัชนันท์พูดขึ้นพลางหันมอง เขาหน้าตาดี อีกทั้งรูปร่างสูง ใบหน้าหวานราวกับผู้หญิง กิริยาการพูดจาไม่หยาบคายเหมือนคนอื่นที่เดินเข้ามาทักทาย จึงทำให้เธอรู้สึกถูกชะตาด้วย

“งั้นฉันไม่ปฏิเสธมิตรภาพของคุณละกัน” เมื่อพูดจบหญิงสาวก็ยกแก้วเตกีล่าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ทำให้รู้สึกมึน ๆ อยู่เล็กน้อย

ถลัชนันท์ตั้งสติและรู้ว่าร่างกายยังไหวอยู่ แต่ถ้าหากดื่มมากกว่านี้เธออาจจะเมาไม่รู้เรื่อง

ระหว่างที่นั่งดื่มและมองไปเพลิน ๆ เขาก็เป็นฝ่ายเอ่ยชวนพูดคุยไปหลายเรื่อง จนหญิงสาวลืมเรื่องของอรรถนนท์จนเกือบหมดสิ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้กลับเอาแต่คิดถึงเรื่องของอดีตแฟนหนุ่มอยู่ตลอดเวลา

ได้กลับมาใช้ชีวิตโสดแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน...

ถลัชนันท์รู้สึกถึงน้ำหนักแขนที่ทับอยู่บนตัว เธอลืมตาขึ้นมองกะพริบตาหลายต่อหลายครั้งเพื่อมองชายหนุ่ม จึงลุกขึ้นจากที่นอนและมองไปรอบ ๆ ทันที มือทั้งสองข้างยกขึ้นกุมศีรษะราวกับว่ากำลังนึกเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เมื่อยกผ้านวมออกก็เห็นว่าตัวนั้นเปล่าเปลือยอยู่ ดวงตากลมของเธอจึงหันไปมองชายหนุ่มที่ไม่แม้แต่รู้จักชื่อนอนอยู่ข้าง ๆ

ศรันภัทรรับรู้ถึงน้ำหนักของคนที่ขยับบนเตียงจึงลืมตาขึ้นมองแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งอยู่ด้วยกายเปล่า มีเพียงผ้านวมที่ปกปิดกายของเธอเอาไว้

“ว้ากกกก...”

เดี๋ยวนะ...นั่นเธอต้องเป็นคนกรี๊ดไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมเขาถึงร้องอุทานออกมาแบบนั้นกันล่ะ !

ถลัชนันท์หันมองชายหนุ่มที่ร้องเสียงหลงจนน่าตกใจ หญิงสาวอึ้งจนร้องไม่ออกได้แต่หัวเราะสมเพชตัวเอง ขณะที่ชายหนุ่มพยายามควานหาผ้าปิดบังร่างกายและขยับตัวลงจากเตียงทันที

“คุณ...ทำไมถึง มาอยู่ที่นี่ได้” ศรันภัทรถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

เธอยกมือขึ้นกุมขมับแล้วถอนหายใจออกมา

“ฉะ...ฉันต่างหากที่ต้องถามคุณ...ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ได้”

ความทรงจำเมื่อคืนช่างเลือนรางนักแม้จะอยู่คุยด้วยกันเพราะรู้สึกถูกชะตาด้วยแต่ทำไมถึงมาลงเอยกันบนเตียงแบบนี้ล่ะ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าออกจากผับมาตอนไหน

...นี่มันบ้าชัดๆ เธอเสียครั้งแรกให้กับผู้ชายคนนี้อย่างนั้นน่ะเหรอ ?!

“ตาพี หลายวันแล้วไม่ยอมกลับบ้าน...” เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นขณะที่ประตูห้องเปิดออก หนุ่มสาวทั้งสองคนที่อยู่ในห้องหันมามองเป็นตาเดียวด้วยความตกใจ

“ว้าย ! ตายแล้ว คุณพระคุณเจ้า”

“คุณแม่...” ศรันภัทรทำอะไรไม่ถูกเมื่อถูกผู้เป็นแม่เปิดประตูเข้ามาเห็นอะไรที่ไม่ควร ชายหนุ่มก้มหน้าหลบหันไปทางอื่น เช่นเดียวกับที่ถลัชนันท์ยกผ้านวมคลุมศีรษะด้วยความอาย

ซวยโคตร ! นี่เธอเมาจนเสียตัวเลยหรือเนี่ย !

“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด...” ชายหนุ่มพูดเสียงแผ่ว ๆ เขาเหลือบมองใบหน้าของผู้เป็นแม่แล้วก็รีบก้มตาหลบลงทันที

“แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วออกมาหาแม่ที่ห้องรับแขก”

เมื่อพูดจบประตูก็ปิดลงทันที ศรันภัทรหันมามองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียง ก่อนจะทำหน้าไม่พอใจและเก็บเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไปในทันที ส่วนถลัชนันท์นั้นขยับตัวลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าของเธอที่กระจายตามพื้นขึ้นมาสวมใส่ จัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อยและหยิบกระเป๋าเดินไปแง้มประตูเปิดออกเบา ๆ

ดวงตากลมมองไปยังโซฟาที่อยู่ห่างไม่ไกลนัก เห็นหญิงสาววัยกลางคนนั่งหันหลังอยู่ ถลัชนันท์จึงค่อย ๆ ย่องเดินด้วยเสียงฝีเท้าเบาที่สุดเพื่อตรงไปยังประตู ทว่า...

“เธอน่ะ...ก็ยังกลับไม่ได้”

เสียงของลภัสรดาเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าย่องเบาของหญิงสาว

ถลัชนันท์สะดุ้ง ยิ้มแห้งเมื่อเห็นหญิงวัยกลางคนหันมาเหล่มองด้วยสายตายากจะคาดเดา จึงได้แต่ก้มหน้าเดินมานั่งยังโซฟาตัวที่ห่างกันมากที่สุด

“เธอชื่ออะไร ?” ลภัสรดาถามพลางส่งสายตาพินิจหญิงสาว

“จงรักค่ะ เรียกว่ารักก็ได้” ถลัชนันท์ตอบไม่เต็มเสียงพลางก้มหน้าหลบสายตาที่จ้องมองอยู่ “คือว่า...หนูไม่ได้ตั้งใจนะคะ เราเมากันทั้งคู่ มันผิดพลาดจริง ๆ !”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเพื่ออธิบายความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เธอเกรงว่าฝ่ายผู้ใหญ่อาจจะมองในแง่ลบ

“เธออายุเท่าไหร่ ?” ลภัสรดายังคงถามต่อไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“สามสิบสองค่ะ” ถลัชนันท์ตอบด้วยความงุนงงและแปลกใจ จนกระทั่งชายหนุ่มเดินเข้ามาหาและนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม

“แม่ครับ คือมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด...” ทันทีที่นั่งลงศรันภัทรก็รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว

ลภัสรดาหันมองลูกชายก่อนจะเอื้อมมือไปตีที่ต้นแขนอย่างแรง “ผิดพลาดเหรอ ?!”

“เธอชื่อรักใช่ไหม ?”

ถลัชนันท์พยักหน้าแทนคำตอบ

“แต่งงานกับลูกชายฉันซะ !”

“หะ...หา ?!”

“แม่พูดอะไรนะ...ทำไมผมต้องแต่งงานกับเธอด้วย !”

ศรันภัทรลุกขึ้นทันที ส่งสายตามองไปที่หญิงสาวด้วยความไม่พอใจ ตรงข้ามกับถลัชนันท์ที่อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก แต่ต้องดึงสติกลับมาและหันมองมารดาของชายหนุ่ม

“ไม่ต้องทำขนาดนั้นมั้งคะ คือหนูไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ อีกอย่าง...”

“แต่ฉันคิด...การที่ผู้หญิงอยู่กับผู้ชายในสภาพแบบนี้ คนอื่นเขาจะนินทายังไง”

ก็ยังไม่มีคนเห็นซะหน่อย ปล่อยเธอไปไม่ได้หรือไงกัน !

“คุณแม่ ผม...”

ลภัสรดาลุกขึ้นพร้อมกับมองลูกชายที่ทำหน้าไม่พอใจ “แกจะไม่แต่งก็ได้ แต่อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก”

เป็นคำขาดที่ทำให้ศรันภัทรถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูก ชายหนุ่มรู้ดีว่าหากมารดายื่นคำขาดแล้ว คงจะมีแผนการอะไรบางอย่างในใจแล้วแน่นอน และถ้าหากเขาหลีกหนีมันอาจจะไม่เป็นผลดี

“ส่วนเธอ ตามฉันออกมา”

ลภัสรดาพูดเสียงเข้มขณะที่หันหลังหมุนตัวออกไป แล้วเปิดยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ทีแรกคิดว่าจะพาลูกชายไปดูตัวอีกครั้งแต่คงไม่จำเป็นแล้ว...ตลอดที่ผ่านมาหล่อนคิดว่าชาตินี้ลูกชายจะไม่ได้แต่งงานเสียแล้ว เพราะรู้ดีว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั้นนิสัย ชายไม่เชิง หญิงไม่ใช่ ไม่สนใจผู้หญิงคนไหน ไม่มีแม้กระทั่งการเดตกัน จะมีก็เพียงแค่เพื่อนสนิทที่คุยด้วย ซึ่งหล่อนไม่ต้องการแบบนั้น ! กลัวผู้สืบทอดเพียงคนเดียวจะเปลี่ยนใจไปเป็นหญิงหรือชอบเพศเดียวกันซะก่อน

นี่เป็นโอกาสที่ดี...อีกทั้งหญิงสาวคนนี้ก็ดูดี กิริยาวาจานั้นก็ทำให้รู้สึกต้องชะตาด้วย แม้หน้าตาจะบ้าน ๆ ไม่ได้โดดเด่นอะไรก็ตาม แต่เชื่อว่าสายตาหล่อนมองคนไม่ผิด คนที่จะมาเป็นสะใภ้ของ ‘ธนาชโยชา’

ทางด้านถลัชนันท์ได้แต่ลุกและเดินตามลภัสรดาออกไป เธอยกมือขึ้นกุมศีรษะราวกับว่าสมองจะระเบิดออกมา แม้ว่าการแต่งงานจะเป็นสิ่งที่เธอหวังมาตลอด ทว่าจะต้องแต่งกับผู้ชายที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเนี่ยนะ

มันไม่ตลกสักนิด !

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status