Share

บทที่ 7 ผู้ชายเลว ๆ คนนั้นนั่นเอง

Chapter 7

“คือว่า...” ลฎาภาอ้ำอึ้งอยู่นานเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร “คือว่า...มีคนหยิบของฉันไปผิดน่ะค่ะ” หญิงสาวแต่งเรื่องโกหกทั้งที่ในใจก็กล่าวขอโทษหลายครั้ง ถ้าจะให้พูดความจริงที่ว่าเข้าห้องน้ำผิดแล้วล่ะก็...น่าอายจะตายไป

“เป็นแบบนี้เอง ดีนะครับที่ไปเจอซะก่อน”

“ค่ะ”

ลฎาภาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกที่เขาไม่ได้ถามหรือสงสัยต่อ หากเป็นคนอื่นอาจจะถามว่าใครจะหยิบผิดไป หรือไม่คนนั้นอาจจะเป็นคนที่เดินสวนกับเธอก็ได้ “เออ...แล้วเย็นนี้คุณพอจะว่างไหมคะ ? ฉันอยากเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณ”

ชายหนุ่มยิ้มและยกมือขึ้นมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือเป็นเชิงบอก อันที่จริงแล้วเขาไม่ใช่คนที่เก็บได้แต่เป็นเจ้านายต่างหาก และนี่ก็คือคำสั่งที่ให้นำของมาคืนให้

“วันนี้ผมมีธุระต่อ ไว้วันหลังแทนนะครับ”

“ได้ค่ะ ๆ” หญิงสาวตอบกลับในทันที

“ถ้างั้นเรามาแลกเบอร์กันนะครับ” เจตนิพัทธ์พูดขึ้นพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้หญิงสาวกดเบอร์

ลฎาภาพยักหน้ารับและกดเบอร์ไปอย่างไม่คิดอะไร เมื่อเสร็จแล้วก็ยื่นส่งให้เขา ไม่นานนักชายหนุ่มก็กดโทร. ออก

“นั่นเบอร์ของผม หากวันไหนว่างผมจะโทร. นัดคุณ” เจตนิพัทธ์ยิ้มให้เธอพลางขยับตัวลุกขึ้น “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

ลฎาภามองและขยับตัวลุกขึ้นตามด้วยเช่นกัน ก่อนจะนั่งลงเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์แล้วบันทึกเบอร์ของชายหนุ่มที่เพิ่งโทร. เข้าไว้

“ตายละ ลืมถามชื่อ...” เธอนั่งนิ่งอยู่นานเพื่อนึกชื่อพิมพ์สำหรับจำ แต่ในเมื่อไม่รู้จักเขาอย่างเป็นทางการก็ต้องบันทึกอะไรที่ทำให้นึกออกง่ายเอาไว้ก่อน

“แบบนี้ละกัน”

หลังจากที่บันทึกเบอร์โทรศัพท์แล้ว หญิงสาวก็กดโทร. ออกหาพี่สาว

[ยัยจอม ! ทำไมไม่รับสายที่บ้าน นี่แกหาโทรศัพท์เจอแล้วเหรอ]

ยังไม่ทันจะพูดเสียงปลายสายทำให้ต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหู

“หาเจอแล้ว นี่ก็จะโทร. มาถามว่าวันนี้จะกลับมากินมื้อเย็นไหม”

[ไม่น่ะ พี่มีนัดกับเพื่อน]

“งั้นก็ดีเลย จอมขี้เกียจทำเหมือนกัน” หญิงสาวตอบพลางเอื้อมมือหยิบน้ำเปล่าขึ้นดื่ม

[แค่นี้ก่อนนะ พี่รีบ]

เมื่ออีกฝ่ายพูดจบก็วางสายไป หญิงสาวได้แต่นั่งงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วรีบหยิบของทั้งหมดเดินออกจากร้านไปทันที

เวลาผ่านไปนานเกือบชั่วโมง หลังจากซื้อของไปพลางๆ ทว่าก็ไม่ได้เลือกซื้ออะไรมากมาย นั่นเพราะต้องประหยัดเงินในบัญชีประคองจนกว่าจะได้งานใหม่ทำ แน่นอนว่าถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปอาจจะถูกพี่สาวส่งกลับไปอยู่ที่บ้านก็ได้ ลฎาภาถอนหายใจออกมาเดินมองหาร้านอาหารก่อนจะเข้าไปนั่งรับประทานเพียงลำพัง...

ถลัชนันท์กลอกตาซ้ายทีขวาที เพื่อมองการสนทนาระหว่างชายหนุ่มและแม่ของเขาบนโต๊ะอาหารมื้อเย็น แม้ว่าในร้านอาหารนี้จะหรูและแพง รสชาติอาหารเป็นที่ร่ำลือ ทว่าเมื่อเธอตักเข้าปากแล้วกลับรู้สึกขมคอจนอยากจะอ้วกออกมา

ตอนนี้ทำเพียงแค่เงียบนิ่งและไม่กล้าปริปากพูดอะไรออกมาทั้งสิ้น ก้มหน้าตักกินโดยไม่รับรู้ความอึดอัดนี้ ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายถึงขึ้นต้องแต่งงานรับผิดชอบด้วยซ้ำ แต่เมื่อผู้ใหญ่ฝ่ายชายออกปากมาเอง...เธอก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธ ที่สำคัญไม่ใช่แค่ครอบครัวเขาดูมีฐานะดีเท่านั้น แต่ยังรวยมากด้วย ถึงจะแต่งงานเพราะไม่ใช่ความรัก แต่ถ้าต่างคนต่างอยู่ไปเธอก็ยินดี

ในเมื่อไม่มีอะไรจะให้เสียหายอีกแล้ว ทั้งถูกแฟนนอกใจ ทั้งเสีย ครั้งแรกให้คนแปลกหน้า ไม่มีอะไรที่โชคร้ายและน่าเศร้าไปมากกว่านี้อีกแล้ว เอาเป็นว่า...ปลงกับชีวิตแล้วกัน

“เอาเป็นว่าตกลงตามนี้นะ” ลภัสรดาพูดขณะหยิบผ้าเช็ดปากเช็ด โดยที่ไม่สนสีหน้าและแววตาไม่พอใจของลูกชายแม้แต่น้อย “ส่วนเธอ...เร็ว ๆ นี้จะทำเรื่องสู่ขอทางผู้ใหญ่อย่างเป็นทางการ ยังไงก็...”

“เออ...คือตอนนี้หนูอยู่กับน้องสาวแค่สองคนค่ะ” หญิงสาวพูดปด เพราะไม่ต้องการให้ทางครอบครัวรู้เรื่องนี้

“แล้วญาติผู้ใหญ่คนอื่นล่ะ”

“ไม่มีค่ะ” ถลัชนันท์รีบตอบกลับทันที

“คุณแม่ครับ...”

“งั้นเรื่องงานแต่งนี้ ทางป้าจะเป็นฝ่ายจัดการให้เองแล้วกัน” ลภัสรดาพูดแทรกโดยไม่สนลูกชายเลยสักนิด ความจริงแล้วหญิงสาวตรงหน้าก็ไม่ได้เป็นดังที่หวังไว้มากนัก เพราะเธอตั้งใจอยากจะให้ลูกชายเพียงคนเดียวแต่งงานกับลูกสาวบ้านที่มีฐานะเทียมกัน ทว่านั่นก็เป็นเรื่องยากไปเสียหน่อยเพราะ ศรันภัทรไม่เคยยอมมานัดดูตัวตามที่บอก ถึงมาก็ทำเรื่องที่เกินคาดจนฝ่ายผู้ใหญ่รับไม่ได้ ครั้งนี้ถือว่าโชคเข้าข้าง แม้จะไม่ชอบเรื่องฐานะของฝ่ายหญิงแต่โดยรวมก็ถือว่าไม่ได้แย่มากนัก

“เอ่อ...ค่ะ” ถลัชนันท์ตามน้ำอีกฝ่าย ทว่าในใจก็กลัวเรื่องที่ตามมาอีก

“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ทันทีที่พูดจบศรันภัทรก็ขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้

“งั้นก็ไปส่งว่าที่ภรรยาของแกด้วยเลยละกัน จะได้รู้จักกันมากขึ้น” ลภัสรดาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทว่าสายตากลับจ้องมองและบอกเป็นเชิงสั่งว่าต้องทำ

“เอ่อ..ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองดีกว่า” หญิงสาวพูดปฏิเสธอย่างเกรงใจ ทั้งที่จริงกลับคิดว่าหากต้องนั่งรถกลับกับเขาแล้วคงทำให้รู้สึกอึดอัดไม่น้อย แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องนั่งรถมากับเขาจนได้ ถลัชนันท์ได้แต่นิ่งเงียบตลอดทาง มีเพียงการบอกทางเป็นระยะ ๆ เท่านั้น จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้ามาในซอยเกือบจะถึงหน้าบ้านชายหนุ่มก็หยุดจอดลง นั่นเพราะว่ามีรถอีกคันมาจอดขวางอยู่หน้าประตูบ้านก่อนหน้าแล้ว

ถลัชนันท์ส่งสายตามองด้วยความตกใจเล็กน้อย มือและร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่ แน่นอนว่าไม่เคยลืมเลยว่ารถคันนี้เป็นของใคร

ผู้ชายเลว ๆ คนนั้นนั่นเอง...

ดวงตากลมมองด้วยความตกใจและสั่นเทา ถลัชนันท์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหันมองศรันภัทรทันทีที่รถหยุดจอดลง แล้วฝืนยิ้มหวานให้ชายหนุ่มตรงหน้าราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไร

“ขอบคุณค่ะ” ทันทีที่กล่าวจบก็รีบหันตัวเพื่อเปิดประตูออก ทว่า...

“แฟนคุณใช่ไหม ?” ศรันภัทรเอ่ยถามออกมาทำให้เธอหยุดชะงักลง

ถลัชนันท์หันกลับมา “ก็แค่เคยเป็นค่ะ ทำไมหรือคะ?”

“เปล่า” ศรันภัทรตอบเสียงสูงแล้วเงียบนิ่งไม่พูดอะไรอีก จนกระทั่งหญิงสาวเปิดประตูลงจากรถไปแล้ว เขาก็ส่งสายตามองไปยังรถที่จอดอยู่ตรงหน้านั้นทันที นั่นเป็นสิ่งที่เดาไม่ผิดอย่างแน่นอนว่าเธอยังคงมีใจให้ผู้ชายคนนั้นอยู่ ช่างเป็นเรื่องดีจริง ๆ ชายหนุ่มมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า แล้วยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง

ทางด้านถลัชนันท์ก็เดินมาที่หน้าประตูโดยไม่คิดจะสนใจรถที่จอดอยู่ แม้ว่าเจ้าของนั้นจะเดินก้าวเข้ามาหาก็ตาม

“เดี๋ยวสิรัก คุยกับพี่ก่อน” อรรถนนท์วิ่งเข้าไปหาและเอื้อมมือคว้าที่ต้นแขน ทำให้ถลัชนันท์หันมามองด้วยสายตาไม่พอใจ ก่อนจะใช้แรงพยายามสะบัดออกทันที

“เอามือสกปรกออกไป !”

“ฟังพี่ก่อนสิ ได้ไหม ?”

ถลัชนันท์ส่งสายตามองอย่างสมเพช “จะตอแหลอะไรอีกล่ะ ?”

“รัก ! ทำไมพูดกับพี่แบบนี้ !” อรรถนนท์ไม่พอใจ

“ทำไม !” ถลัชนันท์ข่มน้ำเสียง ส่งสายตาจ้องมองด้วยความขุ่นเคือง ที่ผ่านมาตลอดหลายปีไม่เคยนอกใจเขาสักนิด ทั้งยังพยายามทำตัวให้ดีขึ้นแต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นเขาที่ทรยศต่อความรักของเธอ “กลับไปเถอะ รักไม่อยากจะคุยอีก...”

อรรถนนท์ตั้งสติใหม่อีกครั้ง แล้วสบตามองหญิงสาว “รัก...พี่ขอโทษ ให้โอกาสพี่อธิบายได้ไหม มันไม่ใช่แบบที่รักเข้าใจนะ”

“พอเถอะค่ะ เรื่องของเรามันจบลงแล้ว”

ถลัชนันท์พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า

“ในร้านอาหารที่รักเห็นมันไม่ใช่เลยนะ”

หญิงสาวหัวเราะสมเพช “เหอะ ! ร้านอาหารงั้นเหรอ แต่ที่รักเห็นคือพี่นอนกับผู้หญิงคนนั้น ! และคบกันลับหลังมาตั้งหนึ่งปี นี่น่ะเหรอที่จริงใจ”

อรรถนนท์สะอึกโดยไม่กล้าพูดอะไรต่อ

“อย่ามาที่นี่อีก อย่าให้รักขยะแขยงมากกว่านี้...”

เมื่อพูดจบถลัชนันท์ก็เดินเข้าไปในบ้านทันทีทิ้งให้อีกฝ่ายยืนอึ้งอยู่ ครั้นเดินเข้ามาในห้องรับแขกพบว่าน้องสาวกำลังนอนดูโทรทัศน์อย่างสบายใจ ทั้งท่าทางที่นอนกึ่งนั่งและขนมในมือ...ช่างน่าอิจฉาเสียจริง

“กลับมาแล้วเหรอ ?”

“อืม” ถลัชนันท์ส่งเสียงในลำคอ พลางวางกระเป๋าแล้วนั่งลงที่โซฟาข้างน้องสาว

“เป็นไง ? ทำไมทำหน้าตาแบบนั้น”

หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างหนักเมื่อได้ยินคำถาม เธอไม่รู้ว่าจะเรียงคำพูดอย่างไรเพื่อเล่าเรื่องอัดอั้นทั้งหมดให้ฟังดี ทั้งที่จริงแล้วจะตอบปฏิเสธงานแต่งไปตั้งแต่คราวก่อนก็ได้แล้วแท้ ๆ แต่เพราะว่าความขุ่นเคืองและน้อยใจยังคงมีอยู่ จึงไม่สามารถพูดปฏิเสธงานแต่งไป

“ไม่รู้สิ”

“เรื่องพี่อาร์ตเหรอ ? เมื่อกี้จอมเห็นเขามาหาพี่นะ กดกิ่งถามหาอยู่แต่จอมบอกพี่ไม่อยู่ ไม่รู้ป่านนี้กลับไปแล้วหรือยัง” ลฎาภาเอ่ยขณะที่สายตายังจ้องมองโทรทัศน์

ถลัชนันท์ถอนหายใจออกมาเสียงดังโดยไม่พูดอะไร ขณะที่ลฎาภาขยับตัวลุกขึ้นแล้วหันมาถาม “พี่จะดูต่อใช่ไหม ? งั้นอย่าลืมปิดด้วยล่ะ”

“ไม่ละ ปิดไปเลย”

ลฎาภามองก่อนเดินไปปิดและถอดปลั๊กออก

“ไปนอนละ พี่ก็รีบนอนได้ละนะ”

หลังจากที่น้องสาวเดินลับสายตาไปแล้วถลัชนันท์ก็ยังคงนั่งอยู่ไม่ไปไหน นานเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าที่จะลุกขึ้นเดินมายังห้องนอน...

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status