“กวางคุยกับตรีอยู่น่ะค่ะ ตรีมาถามเรื่องกวางเป็นไข้” เธอบอกผมทั้งหมดพร้อมกับขมวดคิ้ว “กวางยังงงอยู่เลย ทั้งที่กวางก็ไม่ได้เป็นอะไร”
“แล้วบอกพี่ทำไมเหรอ” ผมเลิกคิ้วโดยที่ยังไม่มองหน้าเธอ “สงสัยพี่รึไงครับ?”
“ก็มีแค่พี่เสือคนเดียวที่อยู่กับกวาง”
“ตรีมันก็คงเป็นห่วงไปเรื่อย เกี่ยวอะไรกับพี่ครับ” ผมตีหน้านิ่งแล้วพูดเรื่องโกหกต่อหน้าเธออย่างแนบเนียน แสร้งทำว่าตัวเองมีจุดประสงค์ที่ดีจริงๆ ที่ไปส่ง กวางทำตาโต เพราะสีหน้าของผมตอนนี้มันคงดูน่ากลัวได้ใจ “พี่ดูแย่ในสายตาหนูขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ปะ... เปล่าค่ะ กวางแค่สงสัยเท่านั้นเอง กวางขอโทษด้วยนะคะ” กวางเลิ่กลั่กตอบกลับแทบจะทันที เธอหลบสายตากลับไป เริ่มมีแววตาไม่มั่นใจและไม่มั่นคงทางน้ำเสียง ผมกระตุกยิ้ม กวางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ในเวลานี้ถึงคนตัวเล็กจะเคลือบแคลงใจ แต่เธอไม่สามารถต้อนผมให้จนมุมได้
“ไม่ต้องกลัวพี่หรอกครับ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรหนูแน่นอน” ผมทั้งตบหัวแล้วลูบหลังเธอแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เธอเกรงใจผมมากขึ้นจนถึงขั้นไม่สามารถตีสนิทกันต่อได้ ตอนที่ขับเข้าไปในเขตหอพักของเธอกวางก็รีบดึงเข็มขัดนิรภัยออกทันที
ผมจ้องมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบ ทั้งที่กวางดูร้อนใจในความปลอดภัยของตัวเองขนาดนั้น ผมกลับยิ่งใช้เวลาเล่นกับความรู้สึกของเธอมากขึ้นด้วยการทำเหมือนมองไม่เห็นท่าทางตื่นกลัวนั่นพร้อมกับวนหาที่จอดรถอย่างใจเย็น
ตอนที่ผมหยุดรถกวางรีบหันมายกมือไหว้ผมทันที
“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งกวาง กวางขึ้นห้องก่อนนะ” ผมคว้าข้อมือบางนั่นเอาไว้ก่อนที่เธอจะทันได้ลุกออกไป กวางชะงัก เธอหันมาหาผมเหมือนตกใจกับการกระทำนั้น ผมสบตากวางนิ่งงัน ในขณะที่ปลดล็อกประตูทุกด้าน ก่อนที่จะปล่อยมือเธอเหมือนจงใจจะแกล้งให้เธอตื่น
กวางมองผมอย่างไม่เข้าใจ เธอเปิดประตูเพื่อที่จะเดินออกไปจากรถ แต่เสียใจที่ผมไวกว่าเพราะเดี๋ยวเธอก็ต้องอ้อมมาทางฝั่งผมอยู่ดี ผมถึงรีบดับเครื่องแล้วเปิดประตูเดินออกไปพร้อมกับเธออย่างรวดเร็ว
“พี่จะตามกวางมาทำไมคะ” กวางหันกลับมามองผมที่เดินล้วงกระเป๋าตามเธออย่างเงียบๆ ซึ่งผมทำได้แค่ไหวไหล่
“พี่ก็มีธุระที่นี่เหมือนกัน”
ใครจะบอกว่าผมวางแผนเพื่อจะสืบรู้เลขที่ห้องของเธอล่ะ
“... งั้นก็โอเคค่ะ” ร่างเล็กมองผมอย่างไม่ไว้วางใจ เธอเป็นเด็กสาวที่มีมารยาทดีเยี่ยม เลือกที่จะไม่ถามเหตุผลของธุระที่ผมอ้างทั้งที่มันอาจจะเป็นแค่คำโกหก แต่เลือกที่จะปรับตัวให้เป็นปกติ อาจเพราะท่าทางของผมก่อนหน้านั้น เข้าใจว่าเพราะเธอมีแฟนอยู่แล้วก็เลยระวังตัวมากเป็นพิเศษ แล้วผมก็ไม่ใช่ผู้ชายที่มองแล้วดูจะเป็นคนดีซะเมื่อไหร่ “งั้นขึ้นไปพร้อมกับกวางก็ได้ค่ะ”
“โอเค” ผมพยักหน้ารับสั้นๆ แล้วเดินตามเธอขึ้นบันไดหอพัก คนตัวเล็กกว่ากดปุ่มลิฟต์ที่อยู่ด้านล่าง พอประตูลิฟต์เปิดออกเธอจึงก้าวเข้าไป ผมเดินตาม ยืนพิงผนังลิฟต์ด้านหลังที่ห่างจากเธอแค่ไม่กี่นิ้ว จ้องปุ่มเลขที่ชั้น มองนิ้วมือของเธอที่กดมันอย่างเงียบเชียบ
ปลายนิ้วเล็กๆ ของเธอกดลงที่ชั้น... เก้า
เธออยู่ชั้นเก้า
ผมกระตุกยิ้มพลางใช้โอกาสนี้พุ่งตัวไปกดที่ชั้นแปดโดยผ่านตัวเธอไป มันก็เลยดูเหมือนว่าผมถือวิสาสะกอดเธอจากด้านหลัง กวางตัวแข็งทื่อทันที ในขณะที่ผมจะค่อยๆ ผละออกไม่ให้มีพิรุธมากที่สุด
อดทนไว้ก่อนไอ้เสือ... ยังไม่ถึงเวลา
กวางไม่ยอมหันมาสบตาผมกลับด้วยซ้ำ ผมก็เลยจ้องมองเธอผ่านทางด้านหลัง ผมของเธอเป็นสีน้ำตาลอ่อน มันถูกรวบไปทางขวา จากระดับสายตาของผมตอนนี้ก็เลยเห็นท้ายทอยของเธอได้อย่างชัดเจน ขอบปกเสื้อนักศึกษาปิดตรงช่วงไหล่ของเธอไว้อย่างน่าเสียดาย หลังคอขาวผ่องมีปุยผมที่ระท้ายทอย เส้นผมนั้นเงางาม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ออกมาด้วย
ผมจ้องมองความสวยงามนั้นเงียบๆ สายตาเลื่อนลงไปยังกระโปรงทรงเอ กับเรียวขาที่พ้นออกมา
ผมกระตุกยิ้มอีกครั้ง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองเลขที่ชั้นที่กำลังขึ้นสูงเรื่อยๆ อย่างอ้อยอิ่ง ตอนนี้มันอยู่ที่ชั้นหก
บรรยากาศในตอนนี้เงียบสงัดเพราะผมไม่คิดจะพูดอะไรออกมา กวางเองก็คงอยากออกไปจากลิฟต์เร็วๆ เธอยืนกุมมืออย่างเคร่งเครียด ในขณะที่ผมเริ่มล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างใจเย็น
ความจริงถ้าผมคิดจะทำอะไรเธอในนี้ผมก็ทำได้ มันไม่ยากหรอก... แต่รู้อะไรไหม ทำไมผมถึงไม่ทำ?
มันสนุกเวลาที่แผนการทุกอย่างมันแนบเนียนที่สุด เงียบเชียบที่สุด สร้างความกดดันได้ดีที่สุด ผมชอบเวลาที่เห็นกวางมีท่าทางตื่นตัวและหวาดระแวงแบบนี้ เธอจะไม่มีวันรู้เลยว่าผมจะลงมือกับเธอเมื่อไหร่
ตอนนี้ก็แค่ต้องรอเวลา... เกมระหว่างผมกับเธอมันเพิ่งจะเริ่มต้น
และผมก็จะไม่มีวันยอมให้มันจบง่ายๆ แน่
ติ๊ง
เสียงลิฟต์ดังขึ้นที่ชั้นแปดที่ผมแสร้งกดทำทีว่ามีธุระ กวางเหลือบมองผมนิดหน่อย พอเราสบตากันเธอก็ก้มหน้าหนี ผมฉีกยิ้ม พอประตูลิฟต์เปิดออกก็ก้าวออกไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน
กวางสบตาผมในจังหวะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิด ผมฉีกยิ้มให้เธอ แล้วโบกมือลาเธอก่อนที่มันจะปิดสนิท
ตอนนี้...
ก็แค่ตอนนี้ที่เธอจะรอด
ผมวกกลับมาที่รถเมื่อคล้อยหลังกวางไปแล้ว
วันนี้ผมอยากรู้เลขที่ห้องของเธอ แล้วก็ได้รู้แล้ว การจ้องมองเธอจากด้านหลังที่คนตรงหน้ากำลังยืนอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่อึดอัดที่สุดในชีวิต มีเพียงเสียงลมหายใจของเราสองคนที่อยู่ภายในลิฟต์ที่ดังแทรกเพียงแผ่วเบา ความขาวใสทำให้อยากรุกไล่ให้ไว แต่ก็ต้องรามือเพราะยังเหลือเวลาอีกมาก ยังไงพรุ่งนี้เราก็ต้องได้เจอกัน ผมถามสายของผมมาแล้วว่ากวางเลือกเรียนอะไรบ้าง แค่สืบเสาะข้อมูลนิดๆ หน่อยๆ ก็รู้แล้วว่าผมจะเจอเธอตอนไหนได้บ้าง
ผมขับรถออกไป มองนาฬิกาก็รู้ว่านี่เพิ่งจะบ่ายสอง ตอนที่ผมขับออกไปจากหอพักของเธอผมไม่ได้คิดอะไรมากนัก
จนกระทั่งอยู่ดีๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวตอนที่รถของผมจ่ออยู่หน้าถนนใหญ่
ผมชะงักไป
ก่อนที่จะตัดสินใจวกรถกลับไปจอดตรงที่เดิม
[จบพาร์ท : เสือ]
น่ากลัวจริงๆ นั่นแหละฉันนั่งอยู่ในห้อง หายใจถี่รัวตลอดเวลาเหมือนเพิ่งไปเจออะไรที่ระทึกขวัญสุดๆ มา ไม่ว่าเขาจะจงใจหรือไม่ พี่เสือก็ดูเป็นผู้ชายที่ไม่น่าไว้ใจมากอยู่ดี เขาชอบจ้องมองฉันด้วยแววตาที่ฉันคาดเดาไม่ถึง ไม่ว่าจะตอนที่ดวงตาของฉันสะท้อนภาพของเขา หรือแม้แต่เวลาที่ฉันมองไม่เห็น ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แถมก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะทำอะไรต่อไปฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงรู้จักเขามากมายขนาดนั้น เขาดูเป็นคนที่... ดูมีอะไรแปลกๆ ที่ทำให้รู้สึกอันตราย ดูไม่น่าเข้าใกล้ แต่ก็ดูดีและดูมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรเรียกมันว่าอะไร อาจจะเป็นคาริสม่าอันตรายที่ทำให้ใครต่อใครรู้ว่ามันคือไฟแต่ก็อยากจะเข้าไปทำความรู้จักละมั้งฉันถอนหายใจ แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรฉันนี่นา ยังไงก็ดีแล้วล่ะ ต่อให้ดูร้ายกาจแค่ไหน ก็คงต้องมีจิตสำนึกอยู่บ้างเพราะอยู่ในห้องคนเดียวฉันก็เลยทำทุกอย่างตามความสะดวก ฉันถอดชุดนักศึกษาจนเหลือแต่เสื้อกล้ามตัวบางๆ และถอดกระโปรงทรงเอออก เดินตรงไปยังที่ซักแล้วโยนลงไป วันเสาร์นี้คงต้องลงไปร้านซักรีดข้างล่างแล้วล่ะ เสื้อเริ่มล้นตะกร้าแล้วฉันคิดในใจแล้วรวบผมขึ้นเป็นหาง
พี่เสือจ้องมองฉัน ท่ามกลางความเงียบสงัดอันไร้สุ้มเสียง เหมือนเขากำลังขยับตัวเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ“... อะ!” ฉันสะดุ้งเฮือก รีบกระถดตัวถอยหนีเขาทันที แต่ดันเผลอเอามือไปถูกเศษแก้วบาดเข้าที่ปลายนิ้ว ความรู้สึกต่อมาคือความเจ็บปวด ปลายนิ้วมันทั้งแสบและร้อนเหมือนเลือดกำลังซึมออกมา พี่เสือสังเกตเห็นทุกอิริยาบถของฉัน เขาหันหน้ากลับไป“พี่ว่ากวางไปทำแผลก่อนดีไหม” เขาพูดกับฉันตอนที่เก็บเศษแก้วอย่างตั้งใจเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่จะเก็บให้เอง”“ดะ... ได้ค่ะ” เสียงของฉันสั่นตอนที่ผุดลุกขึ้นไปอย่างว่าง่ายโดยไม่มองหน้าเขา แน่ล่ะ อยู่ด้วยกันในสถานการณ์แปลกๆ แบบนี้คงไม่ดีแน่ “กวางรบกวนหน่อยนะคะ”“โอเค” เขาตอบรับสั้นๆ แล้วไม่ได้มองหน้าฉันกลับมาอีก ฉันก็เลยเดินกุมแผลที่นิ้วของตัวเองไปล้างที่ซิงค์ล้างจานอย่างเงียบๆน้ำที่เย็นจัดสัมผัสกับปลายนิ้วของฉัน แต่ฉันกลับสะดุ้งโหยงเมื่อมันแตะโดนที่บาดแผล ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่แผลเล็กๆ เท่านั้นฉันหวนไปนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้มันเหมือนเขาจงใจเลย ฉันเห็นว่าเขาตั้งใจปล่อยมือออกจากแก้วน้ำเอง แต่ทำไมตอนที่เขาเก็บเศษแก้วเขาถึงดูไม่มีพิรุธอะไรเลยล่
ยาออกฤทธิ์แล้วสินะผมกระตุกยิ้ม ทำท่าทางเป็นห่วงเป็นใยอย่างเสแสร้งแล้วตรงเข้าไปประคองเธอจากด้านข้าง“กวาง เป็นอะไรครับ” ผมถามทั้งๆ ที่มุมปากยังคงกระตุกยิ้มค้างเอาไว้อย่างไม่สามารถปิดบังความคิดสกปรกของตัวเองได้มิด กวางสะลึมสะลือ เธอสั่นหน้าเบาๆ อย่างคนไม่มีแรงแล้วพยายามลุกขึ้น แต่ก็ล้มลงมาบนตัวผมอยู่ดีไม่มีแรงแม้แต่จะพยุงตัวแต่ก็ยังพยายาม นับถือใจเธอเลยจริงๆ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของกวางยังทำงานได้ดีแม้ว่าเธอจะจมไปกับฤทธิ์ยาที่กดประสาทผมแค่นหัวเราะ พลางใช้ปลายนิ้วไล้เข้าที่ไหล่ของเธออย่างแผ่วเบา ปากก็เรียกชื่อเหมือนเป็นห่วงเธอมากซะเหลือเกิน “กวางครับ ไหวไหม”“อื้อ...” กวางเหมือนคนไม่มีสติเพราะฤทธิ์ยามันแรงเอาเรื่อง เธอครางเบาๆ ตอนที่ผมลูบเข้าที่ต้นแขนของเธอ ไล้ปลายนิ้วไปจนถึงข้อมือเล็ก ผมจับหลังมือของเธอขึ้นมาจูบนิดหน่อย“กวาง... ได้ยินพี่รึเปล่า”คราวนี้ผมกระซิบข้างใบหูของเธอ ไล้สันจมูกไปตามแนวยาวของซอกคอของกวาง มันหอม... เหมือนกลิ่นโลชั่นผมจูบเบาๆ ที่ต้นคอของเธอ มือข้างหนึ่งประสานฝ่ามือกับมือข้างขวาของร่างเล็ก อีกข้างก็ปลดกระดุมชุดของเธอออกผมไม่ทำอะไรเธอหรอก แค่ทำให้เธอรู้สึกเหมือ
ฉันไม่คิดว่าตรีจะไว้ใจคนๆ นี้ได้ขนาดนั้นเลย มากจนขนาดแค่เพียงได้พบกันไม่กี่ครั้ง ยังกล้าให้เขาไปรับไปส่งฉันได้กระทั่งตอนเช้าอันสแสนสับสนกับความสัมพันธ์ระหว่างแฟนตัวเองกับรุ่นพี่ท่าทางดุร้าย ทันทีที่ฉันลงไปข้างล่างก็เห็นรถ BMW ที่คุ้นเคย พร้อมกับคนตัวใหญ่ในชุดนักศึกษาที่ยืนกอดอกพิงรถอยู่ตรงหน้าทางเดินเข้าหอ ลุคที่ดูเจนจัดและหุ่นกำยำของเขาสะดุดตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา รถยนต์คันโก้นั้นเฉิดฉายอยู่ตรงหน้า ทันทีที่เห็นฉันเขาก็พยักหน้าไปทางประตูรถเป็นการบอกกลายๆ ว่าให้ขึ้นมาได้เลยฉันพูดตรงๆ นะ ฉันไม่ไว้ใจคนๆ นี้เลยสักนิด“รบกวนด้วยค่ะ”แต่เพราะเป็นคำพูดของตรีที่เป็นครอบครัวเดียวที่ฉันเหลืออยู่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ฉันจึงขัดไม่ได้ ทำเพียงแค่ถอนใจแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งที่เบาะที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่หือไม่อือใดๆพี่เสือกระตุกยิ้ม เขาถอดแว่นกันแดดออก ท่าทางของเขาไม่ว่าจะอิริยาบถแบบไหนล้วนมีเสน่ห์ชวนมอง หากแต่ดูอันตรายจนไม่กล้าสบตาด้วยฉันมองเสี้ยวหน้าของเขาตอนที่ร่างสูงสตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่ง คนแบบพี่เสือไม่น่าใช่ผู้ชายที่ฉันต้องเกี่ยวพันด้วยอยู่แล้วฉันไม่รู้ว่าเขามีอะไรที่ดูน่าเ
“ต้องทำท่ารังเกียจพี่ขนาดนี้เลยเหรอครับ?” เขาถามขึ้นมาตอนที่เอื้อมมือมาลูบใบหน้าของฉันหนักๆ ฉันขยับตัวไม่ได้ มันเหมือนถูกดวงตาของเขาสะกดไว้ “ทำไม... กลัวเหรอ”“...”“สิ่งที่กวางต้องกลัวไม่ใช่พี่” เขากระตุกยิ้ม “พี่ก็บอกอยู่ว่าพี่จะไม่ทำอะไรกวาง”“...”“กวางไม่ไว้ใจพี่เหรอวะ?”ฉันมองเขาด้วยแววตาสั่นระริกตอนที่ร่างสูงพูดแล้วหลุบตาลงต่ำเพื่อมองริมฝีปากของฉัน และต่ำลงไปกว่านั้น มือหนาเลื่อนลงมาจับปลายคางของฉันไว้อย่างอ้อยอิ่ง“ปะ... ปล่อยกวางนะ” ฉันพูดแบบนั้นเพราะสมองมันตื้อจนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี พร้อมกับความกลัวที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ พี่เสือช้อนสายตาขึ้นจนฉันเห็นภาพของตัวเองสะท้อนชัดอยู่ในแววตาของเขา“กวาง” เขาเรียกชื่อฉันสั้นๆ “พี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับกวาง”“...”“ถ้ากวางจะกลัวพี่เพราะเรื่องนั้น กวางอย่าคิดมากเลยว่ะ” สายตาของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากที่พูดประโยคนั้น “พี่เห็นเราเป็นแค่น้องสาวคนนึง”“...”“เข้าใจยัง”เขาพูดแบบนั้นแล้วกัดฟันแน่นตอนที่ผละออกไป พี่เสือปลดล็อกประตูแล้วเปิดออกไปเพื่อจุดบุหรี่สูบข้างๆ ตัวรถทันทีโดยไม่สนว่าที่นี่จะเป็นสถานศึกษา ทิ้งฉันที่ยังทำสีหน้างุนงงอย่างไ
“เอ้าชน!”ฉันนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ แฟนที่กำลังชนแก้วเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนๆ ของเขาในร้านเหล้ากึ่งบาร์แห่งหนึ่ง‘ตรี’ คือชื่อของแฟนคนปัจจุบันของฉัน เราคบกันมาเกือบจะห้าเดือนได้แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเรารู้จักกันมาก่อนสองปีเพราะเป็นเพื่อนในโรงเรียนมัธยมปลายที่เดียวกัน จนตรีตัดสินใจสารภาพรักกับฉันในโรงพยาบาลหลังอุบัติเหตุที่ทำให้ฉันสูญเสียความทรงจำไปส่วนหนึ่งในครั้งนั้น พวกเราถึงได้คบกันมาจนถึงตอนนี้ฉันชอบเขา แล้วเขาก็ชอบฉันเช่นกัน เราเข้าใจกันและกันดี ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ของเราก็เลยราบรื่นก็คงจะมีแต่เรื่องที่เขาติดเพื่อนบวกกับไม่ค่อยมีเวลาให้กันในสถานะคนรักสักเท่าไหร่นี่แหละที่ทำให้ฉันไม่ค่อยพอใจนัก“ตรี เมื่อไหร่จะกลับเหรอคะ” ฉันเรียกชื่อเขาแล้วซบหน้าลงกับไหล่ของร่างสูงอย่างอ้อนๆ “กวางหิวแล้ว”“หิวมากเลยเหรอ เดี๋ยวสั่งอะไรให้กินไหม?” เขาถาม แล้วฉันก็ทำหน้าบึ้งตึง นั่นอาจจะเพราะว่าเรากำลังอยู่ในร้านเหล้าที่สั่งอาหารจานต่อจานได้ แต่เขาน่าจะรู้ภาษาผู้หญิงสิว่าฉันอยากกลับไปกินข้าวที่ห้องมากกว่าก็ต้องยอมรับว่าฉันเองนั้นไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าเพื่อนๆ ของเขา“นี่สรุปจะไม่กลับจ
ฉันตื่นขึ้นมาในห้องของตรีในเช้าตรู่ของวันต่อมาเขาบอกว่าฉันเมามากจนควบคุมตัวเองไม่ได้ พอจำได้ลางๆ ว่าเมื่อคืนมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ชื่อเสือบังคับให้ฉันกินเหล้าเพราะเหตุผลที่ว่าเขากลัวว่าฉันจะถูกมอม มันอาจเป็นเหตุผลที่ดีในการหักดิบและฝึกภูมิคุ้มกันให้กับใครสักคน... ในกรณีที่สนิทกันประมาณหนึ่งน่ะนะ ไม่ใช่คนเพิ่งรู้จักกันแบบนี้ และเพราะเขาดูน่ากลัวฉันก็เลยไม่อยากมีปัญหาด้วย ก็เลยลองกินไปแก้วหนึ่ง แต่เพราะว่าฉันไม่เคยดื่ม ก็เลยคออ่อนล้มพับไปฉันไม่รู้จุดประสงค์ของคนๆ นี้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แต่เดาว่าคงเป็นการกลั่นแกล้งกันแบบผู้ชายในวงเหล้า และอาจเพราะฉันยังไม่ชินกับการมีสังคมแบบล้ำลึกก็เลยอ่อนไหวตรีดูเคารพรักคนๆ นี้จะตาย เขาก็ไม่น่าจะเป็นคนที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกมั้งตรีมาส่งฉันที่มหาลัยตั้งแต่เช้า เราเรียนคนละที่กัน หลังจากจบมัธยมปลายฉันก็ประสบอุบัติเหตุ และตรีก็บอกรักฉัน แต่เราเข้ามหาวิทยาลัยคนละที่ตามเกรดที่เรียน ฉันบอกลาเขา ตรีขับรถออกไปทันที ในขณะที่ฉันเองก็จะเตรียมตัวเข้าคลาสเรียนเหมือนกันวันนี้เข้าเรียนตามปกติ ฉันเข้าไปนั่งในที่ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและหลบมุม ภาวนาให้เป็นไปได้อย่า
“ตรีเป็นคนบอกให้พี่เสือไปส่งกวางงั้นเหรอคะ?”“ใช่” ผมกระตุกยิ้มเมื่อทันทีที่เลิกคลาส กวางที่ทำท่าจะกลับเลยก็ถูกผมรั้งเอาไว้ ผมอ้างถึงไอ้ตรีว่าผมถูกมันบอกให้ไปส่งเธอที่คอนโด แต่กวางดูจะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่“แต่กวางกลับเองได้...” เธอพูดเสียงเบาเพราะกลัวว่ามันจะเสียน้ำใจผมมากเกินไป หากแต่ผมไม่แคร์อยู่แล้วว่าเธอจะคิดยังไงสุดท้ายวันนี้... เธอก็ต้องนั่งรถผมกลับห้องอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?“ตามใจน้องกวางเลยครับ พี่ไม่มีปัญหา” ผมไหวไหล่ “แต่ถ้าโดนไอ้ตรีด่าก็อย่ามาโทษพี่ก็แล้วกัน”“ตรีให้พี่ไปส่งกวางจริงๆ เหรอคะ” เธอยังทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อถืออยู่ ผมก็เลยฉีกยิ้ม แล้วล้วงไอโฟนในกระเป๋าไปจ่ออยู่ตรงหน้าเธอ“โทรดิ ให้เช็ค” กวางเบิกตาโต เธอขมวดคิ้วก่อนที่จะขยับตัวออกห่างจากผมนิดหน่อย“กวางก็มีโทรศัพท์ค่ะ เดี๋ยวกวางโทรของกวางเอง” เธอดูระวังตัวจริงๆ ก่อนที่จะกดโทรศัพท์โทรหาไอ้ตรีทันที ตอนนี้ผมกับเธอยืนอยู่เกือบๆ หน้าประตูมหาลัย คนที่เดินผ่านก็ยกมือไหว้ผมเพราะผมค่อนข้างกว้างขวางที่นี่ แน่นอนล่ะ ก็พ่อผมเป็นใครกัน แม้แต่อาจารย์ทุกคนที่นี่ยังรู้จักผมในฐานะลูกชายท่านผู้บริหาร กวางเหลือบมองผมอย่างหวาดๆ ตอนที
“ต้องทำท่ารังเกียจพี่ขนาดนี้เลยเหรอครับ?” เขาถามขึ้นมาตอนที่เอื้อมมือมาลูบใบหน้าของฉันหนักๆ ฉันขยับตัวไม่ได้ มันเหมือนถูกดวงตาของเขาสะกดไว้ “ทำไม... กลัวเหรอ”“...”“สิ่งที่กวางต้องกลัวไม่ใช่พี่” เขากระตุกยิ้ม “พี่ก็บอกอยู่ว่าพี่จะไม่ทำอะไรกวาง”“...”“กวางไม่ไว้ใจพี่เหรอวะ?”ฉันมองเขาด้วยแววตาสั่นระริกตอนที่ร่างสูงพูดแล้วหลุบตาลงต่ำเพื่อมองริมฝีปากของฉัน และต่ำลงไปกว่านั้น มือหนาเลื่อนลงมาจับปลายคางของฉันไว้อย่างอ้อยอิ่ง“ปะ... ปล่อยกวางนะ” ฉันพูดแบบนั้นเพราะสมองมันตื้อจนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี พร้อมกับความกลัวที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ พี่เสือช้อนสายตาขึ้นจนฉันเห็นภาพของตัวเองสะท้อนชัดอยู่ในแววตาของเขา“กวาง” เขาเรียกชื่อฉันสั้นๆ “พี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับกวาง”“...”“ถ้ากวางจะกลัวพี่เพราะเรื่องนั้น กวางอย่าคิดมากเลยว่ะ” สายตาของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากที่พูดประโยคนั้น “พี่เห็นเราเป็นแค่น้องสาวคนนึง”“...”“เข้าใจยัง”เขาพูดแบบนั้นแล้วกัดฟันแน่นตอนที่ผละออกไป พี่เสือปลดล็อกประตูแล้วเปิดออกไปเพื่อจุดบุหรี่สูบข้างๆ ตัวรถทันทีโดยไม่สนว่าที่นี่จะเป็นสถานศึกษา ทิ้งฉันที่ยังทำสีหน้างุนงงอย่างไ
ฉันไม่คิดว่าตรีจะไว้ใจคนๆ นี้ได้ขนาดนั้นเลย มากจนขนาดแค่เพียงได้พบกันไม่กี่ครั้ง ยังกล้าให้เขาไปรับไปส่งฉันได้กระทั่งตอนเช้าอันสแสนสับสนกับความสัมพันธ์ระหว่างแฟนตัวเองกับรุ่นพี่ท่าทางดุร้าย ทันทีที่ฉันลงไปข้างล่างก็เห็นรถ BMW ที่คุ้นเคย พร้อมกับคนตัวใหญ่ในชุดนักศึกษาที่ยืนกอดอกพิงรถอยู่ตรงหน้าทางเดินเข้าหอ ลุคที่ดูเจนจัดและหุ่นกำยำของเขาสะดุดตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา รถยนต์คันโก้นั้นเฉิดฉายอยู่ตรงหน้า ทันทีที่เห็นฉันเขาก็พยักหน้าไปทางประตูรถเป็นการบอกกลายๆ ว่าให้ขึ้นมาได้เลยฉันพูดตรงๆ นะ ฉันไม่ไว้ใจคนๆ นี้เลยสักนิด“รบกวนด้วยค่ะ”แต่เพราะเป็นคำพูดของตรีที่เป็นครอบครัวเดียวที่ฉันเหลืออยู่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ฉันจึงขัดไม่ได้ ทำเพียงแค่ถอนใจแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งที่เบาะที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่หือไม่อือใดๆพี่เสือกระตุกยิ้ม เขาถอดแว่นกันแดดออก ท่าทางของเขาไม่ว่าจะอิริยาบถแบบไหนล้วนมีเสน่ห์ชวนมอง หากแต่ดูอันตรายจนไม่กล้าสบตาด้วยฉันมองเสี้ยวหน้าของเขาตอนที่ร่างสูงสตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่ง คนแบบพี่เสือไม่น่าใช่ผู้ชายที่ฉันต้องเกี่ยวพันด้วยอยู่แล้วฉันไม่รู้ว่าเขามีอะไรที่ดูน่าเ
ยาออกฤทธิ์แล้วสินะผมกระตุกยิ้ม ทำท่าทางเป็นห่วงเป็นใยอย่างเสแสร้งแล้วตรงเข้าไปประคองเธอจากด้านข้าง“กวาง เป็นอะไรครับ” ผมถามทั้งๆ ที่มุมปากยังคงกระตุกยิ้มค้างเอาไว้อย่างไม่สามารถปิดบังความคิดสกปรกของตัวเองได้มิด กวางสะลึมสะลือ เธอสั่นหน้าเบาๆ อย่างคนไม่มีแรงแล้วพยายามลุกขึ้น แต่ก็ล้มลงมาบนตัวผมอยู่ดีไม่มีแรงแม้แต่จะพยุงตัวแต่ก็ยังพยายาม นับถือใจเธอเลยจริงๆ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของกวางยังทำงานได้ดีแม้ว่าเธอจะจมไปกับฤทธิ์ยาที่กดประสาทผมแค่นหัวเราะ พลางใช้ปลายนิ้วไล้เข้าที่ไหล่ของเธออย่างแผ่วเบา ปากก็เรียกชื่อเหมือนเป็นห่วงเธอมากซะเหลือเกิน “กวางครับ ไหวไหม”“อื้อ...” กวางเหมือนคนไม่มีสติเพราะฤทธิ์ยามันแรงเอาเรื่อง เธอครางเบาๆ ตอนที่ผมลูบเข้าที่ต้นแขนของเธอ ไล้ปลายนิ้วไปจนถึงข้อมือเล็ก ผมจับหลังมือของเธอขึ้นมาจูบนิดหน่อย“กวาง... ได้ยินพี่รึเปล่า”คราวนี้ผมกระซิบข้างใบหูของเธอ ไล้สันจมูกไปตามแนวยาวของซอกคอของกวาง มันหอม... เหมือนกลิ่นโลชั่นผมจูบเบาๆ ที่ต้นคอของเธอ มือข้างหนึ่งประสานฝ่ามือกับมือข้างขวาของร่างเล็ก อีกข้างก็ปลดกระดุมชุดของเธอออกผมไม่ทำอะไรเธอหรอก แค่ทำให้เธอรู้สึกเหมือ
พี่เสือจ้องมองฉัน ท่ามกลางความเงียบสงัดอันไร้สุ้มเสียง เหมือนเขากำลังขยับตัวเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ“... อะ!” ฉันสะดุ้งเฮือก รีบกระถดตัวถอยหนีเขาทันที แต่ดันเผลอเอามือไปถูกเศษแก้วบาดเข้าที่ปลายนิ้ว ความรู้สึกต่อมาคือความเจ็บปวด ปลายนิ้วมันทั้งแสบและร้อนเหมือนเลือดกำลังซึมออกมา พี่เสือสังเกตเห็นทุกอิริยาบถของฉัน เขาหันหน้ากลับไป“พี่ว่ากวางไปทำแผลก่อนดีไหม” เขาพูดกับฉันตอนที่เก็บเศษแก้วอย่างตั้งใจเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่จะเก็บให้เอง”“ดะ... ได้ค่ะ” เสียงของฉันสั่นตอนที่ผุดลุกขึ้นไปอย่างว่าง่ายโดยไม่มองหน้าเขา แน่ล่ะ อยู่ด้วยกันในสถานการณ์แปลกๆ แบบนี้คงไม่ดีแน่ “กวางรบกวนหน่อยนะคะ”“โอเค” เขาตอบรับสั้นๆ แล้วไม่ได้มองหน้าฉันกลับมาอีก ฉันก็เลยเดินกุมแผลที่นิ้วของตัวเองไปล้างที่ซิงค์ล้างจานอย่างเงียบๆน้ำที่เย็นจัดสัมผัสกับปลายนิ้วของฉัน แต่ฉันกลับสะดุ้งโหยงเมื่อมันแตะโดนที่บาดแผล ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่แผลเล็กๆ เท่านั้นฉันหวนไปนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้มันเหมือนเขาจงใจเลย ฉันเห็นว่าเขาตั้งใจปล่อยมือออกจากแก้วน้ำเอง แต่ทำไมตอนที่เขาเก็บเศษแก้วเขาถึงดูไม่มีพิรุธอะไรเลยล่
น่ากลัวจริงๆ นั่นแหละฉันนั่งอยู่ในห้อง หายใจถี่รัวตลอดเวลาเหมือนเพิ่งไปเจออะไรที่ระทึกขวัญสุดๆ มา ไม่ว่าเขาจะจงใจหรือไม่ พี่เสือก็ดูเป็นผู้ชายที่ไม่น่าไว้ใจมากอยู่ดี เขาชอบจ้องมองฉันด้วยแววตาที่ฉันคาดเดาไม่ถึง ไม่ว่าจะตอนที่ดวงตาของฉันสะท้อนภาพของเขา หรือแม้แต่เวลาที่ฉันมองไม่เห็น ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แถมก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะทำอะไรต่อไปฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงรู้จักเขามากมายขนาดนั้น เขาดูเป็นคนที่... ดูมีอะไรแปลกๆ ที่ทำให้รู้สึกอันตราย ดูไม่น่าเข้าใกล้ แต่ก็ดูดีและดูมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรเรียกมันว่าอะไร อาจจะเป็นคาริสม่าอันตรายที่ทำให้ใครต่อใครรู้ว่ามันคือไฟแต่ก็อยากจะเข้าไปทำความรู้จักละมั้งฉันถอนหายใจ แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรฉันนี่นา ยังไงก็ดีแล้วล่ะ ต่อให้ดูร้ายกาจแค่ไหน ก็คงต้องมีจิตสำนึกอยู่บ้างเพราะอยู่ในห้องคนเดียวฉันก็เลยทำทุกอย่างตามความสะดวก ฉันถอดชุดนักศึกษาจนเหลือแต่เสื้อกล้ามตัวบางๆ และถอดกระโปรงทรงเอออก เดินตรงไปยังที่ซักแล้วโยนลงไป วันเสาร์นี้คงต้องลงไปร้านซักรีดข้างล่างแล้วล่ะ เสื้อเริ่มล้นตะกร้าแล้วฉันคิดในใจแล้วรวบผมขึ้นเป็นหาง
“กวางคุยกับตรีอยู่น่ะค่ะ ตรีมาถามเรื่องกวางเป็นไข้” เธอบอกผมทั้งหมดพร้อมกับขมวดคิ้ว “กวางยังงงอยู่เลย ทั้งที่กวางก็ไม่ได้เป็นอะไร”“แล้วบอกพี่ทำไมเหรอ” ผมเลิกคิ้วโดยที่ยังไม่มองหน้าเธอ “สงสัยพี่รึไงครับ?”“ก็มีแค่พี่เสือคนเดียวที่อยู่กับกวาง”“ตรีมันก็คงเป็นห่วงไปเรื่อย เกี่ยวอะไรกับพี่ครับ” ผมตีหน้านิ่งแล้วพูดเรื่องโกหกต่อหน้าเธออย่างแนบเนียน แสร้งทำว่าตัวเองมีจุดประสงค์ที่ดีจริงๆ ที่ไปส่ง กวางทำตาโต เพราะสีหน้าของผมตอนนี้มันคงดูน่ากลัวได้ใจ “พี่ดูแย่ในสายตาหนูขนาดนั้นเลยเหรอ?”“ปะ... เปล่าค่ะ กวางแค่สงสัยเท่านั้นเอง กวางขอโทษด้วยนะคะ” กวางเลิ่กลั่กตอบกลับแทบจะทันที เธอหลบสายตากลับไป เริ่มมีแววตาไม่มั่นใจและไม่มั่นคงทางน้ำเสียง ผมกระตุกยิ้ม กวางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ในเวลานี้ถึงคนตัวเล็กจะเคลือบแคลงใจ แต่เธอไม่สามารถต้อนผมให้จนมุมได้“ไม่ต้องกลัวพี่หรอกครับ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรหนูแน่นอน” ผมทั้งตบหัวแล้วลูบหลังเธอแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เธอเกรงใจผมมากขึ้นจนถึงขั้นไม่สามารถตีสนิทกันต่อได้ ตอนที่ขับเข้าไปในเขตหอพักของเธอกวางก็รีบดึงเข็มขัดนิรภัยออกทันทีผมจ้องมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างเ
“ตรีเป็นคนบอกให้พี่เสือไปส่งกวางงั้นเหรอคะ?”“ใช่” ผมกระตุกยิ้มเมื่อทันทีที่เลิกคลาส กวางที่ทำท่าจะกลับเลยก็ถูกผมรั้งเอาไว้ ผมอ้างถึงไอ้ตรีว่าผมถูกมันบอกให้ไปส่งเธอที่คอนโด แต่กวางดูจะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่“แต่กวางกลับเองได้...” เธอพูดเสียงเบาเพราะกลัวว่ามันจะเสียน้ำใจผมมากเกินไป หากแต่ผมไม่แคร์อยู่แล้วว่าเธอจะคิดยังไงสุดท้ายวันนี้... เธอก็ต้องนั่งรถผมกลับห้องอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?“ตามใจน้องกวางเลยครับ พี่ไม่มีปัญหา” ผมไหวไหล่ “แต่ถ้าโดนไอ้ตรีด่าก็อย่ามาโทษพี่ก็แล้วกัน”“ตรีให้พี่ไปส่งกวางจริงๆ เหรอคะ” เธอยังทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อถืออยู่ ผมก็เลยฉีกยิ้ม แล้วล้วงไอโฟนในกระเป๋าไปจ่ออยู่ตรงหน้าเธอ“โทรดิ ให้เช็ค” กวางเบิกตาโต เธอขมวดคิ้วก่อนที่จะขยับตัวออกห่างจากผมนิดหน่อย“กวางก็มีโทรศัพท์ค่ะ เดี๋ยวกวางโทรของกวางเอง” เธอดูระวังตัวจริงๆ ก่อนที่จะกดโทรศัพท์โทรหาไอ้ตรีทันที ตอนนี้ผมกับเธอยืนอยู่เกือบๆ หน้าประตูมหาลัย คนที่เดินผ่านก็ยกมือไหว้ผมเพราะผมค่อนข้างกว้างขวางที่นี่ แน่นอนล่ะ ก็พ่อผมเป็นใครกัน แม้แต่อาจารย์ทุกคนที่นี่ยังรู้จักผมในฐานะลูกชายท่านผู้บริหาร กวางเหลือบมองผมอย่างหวาดๆ ตอนที
ฉันตื่นขึ้นมาในห้องของตรีในเช้าตรู่ของวันต่อมาเขาบอกว่าฉันเมามากจนควบคุมตัวเองไม่ได้ พอจำได้ลางๆ ว่าเมื่อคืนมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ชื่อเสือบังคับให้ฉันกินเหล้าเพราะเหตุผลที่ว่าเขากลัวว่าฉันจะถูกมอม มันอาจเป็นเหตุผลที่ดีในการหักดิบและฝึกภูมิคุ้มกันให้กับใครสักคน... ในกรณีที่สนิทกันประมาณหนึ่งน่ะนะ ไม่ใช่คนเพิ่งรู้จักกันแบบนี้ และเพราะเขาดูน่ากลัวฉันก็เลยไม่อยากมีปัญหาด้วย ก็เลยลองกินไปแก้วหนึ่ง แต่เพราะว่าฉันไม่เคยดื่ม ก็เลยคออ่อนล้มพับไปฉันไม่รู้จุดประสงค์ของคนๆ นี้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แต่เดาว่าคงเป็นการกลั่นแกล้งกันแบบผู้ชายในวงเหล้า และอาจเพราะฉันยังไม่ชินกับการมีสังคมแบบล้ำลึกก็เลยอ่อนไหวตรีดูเคารพรักคนๆ นี้จะตาย เขาก็ไม่น่าจะเป็นคนที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกมั้งตรีมาส่งฉันที่มหาลัยตั้งแต่เช้า เราเรียนคนละที่กัน หลังจากจบมัธยมปลายฉันก็ประสบอุบัติเหตุ และตรีก็บอกรักฉัน แต่เราเข้ามหาวิทยาลัยคนละที่ตามเกรดที่เรียน ฉันบอกลาเขา ตรีขับรถออกไปทันที ในขณะที่ฉันเองก็จะเตรียมตัวเข้าคลาสเรียนเหมือนกันวันนี้เข้าเรียนตามปกติ ฉันเข้าไปนั่งในที่ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและหลบมุม ภาวนาให้เป็นไปได้อย่า
“เอ้าชน!”ฉันนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ แฟนที่กำลังชนแก้วเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนๆ ของเขาในร้านเหล้ากึ่งบาร์แห่งหนึ่ง‘ตรี’ คือชื่อของแฟนคนปัจจุบันของฉัน เราคบกันมาเกือบจะห้าเดือนได้แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเรารู้จักกันมาก่อนสองปีเพราะเป็นเพื่อนในโรงเรียนมัธยมปลายที่เดียวกัน จนตรีตัดสินใจสารภาพรักกับฉันในโรงพยาบาลหลังอุบัติเหตุที่ทำให้ฉันสูญเสียความทรงจำไปส่วนหนึ่งในครั้งนั้น พวกเราถึงได้คบกันมาจนถึงตอนนี้ฉันชอบเขา แล้วเขาก็ชอบฉันเช่นกัน เราเข้าใจกันและกันดี ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ของเราก็เลยราบรื่นก็คงจะมีแต่เรื่องที่เขาติดเพื่อนบวกกับไม่ค่อยมีเวลาให้กันในสถานะคนรักสักเท่าไหร่นี่แหละที่ทำให้ฉันไม่ค่อยพอใจนัก“ตรี เมื่อไหร่จะกลับเหรอคะ” ฉันเรียกชื่อเขาแล้วซบหน้าลงกับไหล่ของร่างสูงอย่างอ้อนๆ “กวางหิวแล้ว”“หิวมากเลยเหรอ เดี๋ยวสั่งอะไรให้กินไหม?” เขาถาม แล้วฉันก็ทำหน้าบึ้งตึง นั่นอาจจะเพราะว่าเรากำลังอยู่ในร้านเหล้าที่สั่งอาหารจานต่อจานได้ แต่เขาน่าจะรู้ภาษาผู้หญิงสิว่าฉันอยากกลับไปกินข้าวที่ห้องมากกว่าก็ต้องยอมรับว่าฉันเองนั้นไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าเพื่อนๆ ของเขา“นี่สรุปจะไม่กลับจ