พี่เสือจ้องมองฉัน ท่ามกลางความเงียบสงัดอันไร้สุ้มเสียง เหมือนเขากำลังขยับตัวเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ
“... อะ!” ฉันสะดุ้งเฮือก รีบกระถดตัวถอยหนีเขาทันที แต่ดันเผลอเอามือไปถูกเศษแก้วบาดเข้าที่ปลายนิ้ว ความรู้สึกต่อมาคือความเจ็บปวด ปลายนิ้วมันทั้งแสบและร้อนเหมือนเลือดกำลังซึมออกมา พี่เสือสังเกตเห็นทุกอิริยาบถของฉัน เขาหันหน้ากลับไป
“พี่ว่ากวางไปทำแผลก่อนดีไหม” เขาพูดกับฉันตอนที่เก็บเศษแก้วอย่างตั้งใจเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่จะเก็บให้เอง”
“ดะ... ได้ค่ะ” เสียงของฉันสั่นตอนที่ผุดลุกขึ้นไปอย่างว่าง่ายโดยไม่มองหน้าเขา แน่ล่ะ อยู่ด้วยกันในสถานการณ์แปลกๆ แบบนี้คงไม่ดีแน่ “กวางรบกวนหน่อยนะคะ”
“โอเค” เขาตอบรับสั้นๆ แล้วไม่ได้มองหน้าฉันกลับมาอีก ฉันก็เลยเดินกุมแผลที่นิ้วของตัวเองไปล้างที่ซิงค์ล้างจานอย่างเงียบๆ
น้ำที่เย็นจัดสัมผัสกับปลายนิ้วของฉัน แต่ฉันกลับสะดุ้งโหยงเมื่อมันแตะโดนที่บาดแผล ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่แผลเล็กๆ เท่านั้น
ฉันหวนไปนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้
มันเหมือนเขาจงใจเลย ฉันเห็นว่าเขาตั้งใจปล่อยมือออกจากแก้วน้ำเอง แต่ทำไมตอนที่เขาเก็บเศษแก้วเขาถึงดูไม่มีพิรุธอะไรเลยล่ะ หรือว่าฉันจะคิดมากไปเอง?
ฉันค้นกล่องปฐมพยาบาลภายในห้องนอน แกะพลาสเตอร์มาติดไว้ที่ปลายนิ้ว ก่อนที่จะทำใจดีสู้เสือเดินไปหาคนตัวสูงที่ยังคงอยู่ในห้องนั่งเล่น
แต่ฉันดันเข้าไปในจังหวะที่พี่เสือกำลังปลดกระดุมเสื้อที่เปียกออกพอดี กล้ามเนื้อแผงอกที่เต็มไปด้วยรอยสักอยู่ตรงหน้าของฉันที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
ฉันรีบหันหน้าหนี ใบหน้าร้อนเห่อขึ้นมาทันที ฉันตั้งตัวไม่ทัน ทั้งๆ ที่เราเพิ่งรู้จักกันได้แค่ไม่กี่วันเองนะ แต่ตอนนี้เขากลับมาอยู่ในห้องของฉัน มาถอดเสื้อในห้องของฉัน นี่มันสมควรแล้วเหรอ
“ทำแผลเสร็จแล้วเหรอไง?”
ฉันสะดุ้งไปทั้งตัวเมื่อได้ยินเสียงห้วนๆ ของเขาดังขึ้นที่ข้างกกหูเป็นคำถาม แต่พอหันกลับไปมองก็ต้องผงะไปเมื่อเห็นว่าพี่เสือยืนอยู่จนเเทบจะชิดกับแผ่นหลังของฉันเลย เขาเอนใบหน้ามาแนบชิดกับต้นคอฉัน แล้วก็ไม่ได้ใส่เสื้ออยู่ด้วย
“สะ... เสร็จแล้วค่ะ” ฉันตอบไม่ค่อยเต็มเสียงนักเพราะไม่กล้ามองเขาเต็มตา แล้วจู่ๆ ข้อมือของฉันก็ถูกคว้า พี่เสือยกมือของฉันขึ้นมาดู เขาใช้ปลายนิ้วข้างหนึ่งสัมผัสกับปลายนิ้วที่เป็นแผลของฉันอย่างแผ่วเบา
“ไหนเอามาดู”
ฉันชะงักไปเมื่อเผลอหันไปสบตาเขา แล้วก็เห็นว่าดวงตาของพี่เสือที่โน้มต่ำลงมามองฉันนั้นประกอบด้วยความรู้สึกประหลาดที่มันออกจะดำมืดเล็กน้อย เขาลูบปลายนิ้วของฉัน ความหยาบกร้านนั้นผสานกับไออุ่นกับบาดแผล ที่ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามเบามือลง แต่ก็ยังมือหนักอยู่ดีจนฉันต้องเบ้หน้า แล้วรีบชักมือออกในทันที
“พี่เสือ...” ฉันอึกอัก “เก็บเศษแก้วเสร็จแล้วเหรอคะ?”
ร่างสูงพยักหน้าไปทางถุงดำที่วางอยู่ข้างๆ ถังขยะ “เรียบร้อย”
“ละ... แล้วพี่จะถอดเสื้อทำไม” ฉันสะดุ้งเมื่อตอนที่เขาตอบ คนตังสูงกว่าดันเหมือนจงใจขยับเข้ามาใกล้อีก เขาเริ่มเดินต้อนฉันให้เดินถอยหลังไปทีละก้าวตอนที่ฉันออกปากถาม ฉันก็แค่เห็นว่ามันไม่เหมาะสม ฉันมีแฟนอยู่แล้วนะ แล้วนี่ก็ห้องพักส่วนตัวของฉันด้วย แบบนี้มันออกจะล่วงละเมิดทางเพศกัน “กวางเป็นผู้หญิงนะ แล้วก็...”
“กวางไม่เห็นเหรอว่าก่อนหน้านั้นเสื้อพี่เปียก?” พี่เสือพูดแทรกขึ้นมาทันทีตอนที่ฉันกำลังจะพูดว่าฉันมีตรีอยู่เเล้ว และเพราะเขายังถอดเสื้อออกได้ไม่หมดเพราะมันตกไปอยู่ที่ช่วงแขนด้านล่างกับเอวสอบของเขา ร่างสูงเลยเดินต้อนฉันจนไปติดกับกำแพงข้างๆ ห้องนอน
ฉันมองเขาอย่างตกใจ แล้วพี่เสือก็ถอดเสื้อออกต่อหน้าฉันตรงนั้น... เพื่อโยนมันลงตะกร้าซักที่อยู่ข้างๆ ตัวของฉันเอง
ฉันพูดไม่ออก มองคนตัวใหญ่ที่เปลือยท่อนบนยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหมือนเวลาที่นักโทษกำลังยอมจำนนต่อตำรวจ แล้วเขาก็เลิกคิ้วข้างหนึ่งเหมือนนึกตลกในท่าทีหวาดผวาของฉัน
“กวางคิดว่าพี่จะทำอะไรเหรอ?” เขาถามด้วยน้ำเเสียงกลั้วหัวเราะเหมือนรู้ทัน “ก็แค่จะฝากซักเท่านั้นเอง ได้ใช่ไหม”
“แต่...” ฉันหน้ามาน อับอายจนต้อนขยับตัวหนีออกจากตรงนั้น แล้วพี่เสือที่มองตามฉันทุกอิริยาบถก็หัวเราะในลำคอ “ได้ค่ะ กวางจะซักให้”
“ไม่เห็นต้องกลัวพี่ขนาดนั้นปะ” เขาพูดอย่างสบายๆ ทั้งๆ ที่ยังคงยืนเปลือยท่อนบนอยู่ในห้องของฉัน พี่เสือดูดีมากนะ เขาเป็นคนที่ดูดีแถมยังมีลุคที่เจนจัดชัดเจน ฉันเชื่อว่าคนประเภทเขาจะฮอตในหมู่ผู้หญิงมาก แต่เขาไม่ควรทำอย่างนี้ในห้องของคนที่เพิ่งรู้จัก ถึงมันจะเป็นเหตุสุดวิสัยก็เถอะ ฉันหายใจไม่ทั่วท้องแล้วเนี่ย
“พี่ทำให้กวางรู้สึกแบบนั้นเองนี่” ฉันพูดไปตามที่คิด พี่เสือมองตามจังหวะการก้าวถอยห่างของฉัน เขาล้วงกระเป๋ากางเกงในขณะที่ยังยืนอยู่ที่เดิม แล้วถอนหายใจเหมือนเห็นว่ามันเป็นเรื่องตลก
“ให้พี่พูดตรงๆ ปะ” เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับฉัน “กวางไม่ใช่สเปคพี่เลยนะครับ”
“...”
“แล้วกวางก็เป็นแฟนไอ้ตรี พี่คงไม่คิดจะแย่งแฟนรุ่นน้องตัวเองหรอก พี่มีจิตสำนึกที่ดีพอครับ” เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูแปลกๆ ฉันหน้าชานิดหน่อยที่เขาพูดออกมาตรงๆ แต่นั่นก็ทำให้รู้สึกโล่งใจได้ในระดับหนึ่ง “พี่รู้นะว่าพี่อาจดูไม่ค่อยเหมือนคนดีเท่าไหร่ในสายตาน้องกวาง”
“...”
“แต่พี่ไม่ทำอะไรน้องกวางหรอก” เขากระตุกยิ้ม “เชื่อพี่สิ”
ฉันเชื่อเขานะ... แค่คิดว่าจะเชื่อเขา
แม้ว่ารอยยิ้มของเขาจะทำให้ฉันรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ลึกๆ ในใจก็ตาม
[พาร์ท : เสือ]
ผมใส่ยานอนหลับในน้ำส้มตอนที่กวางเผลอในจังหวะหนึ่ง เธอกับผมอยู่ในห้องพักสองต่อสองในระยะเวลาที่ค่อนข้างนานพอสมควร และผมสังเกตปฏิกิริยาของคนตัวเล็กกว่าตลอด เธอร้อนรนขึ้นทุกระดับเมื่อผ่านไปทุกหนึ่งชั่วโมง กวางเฝ้ารอการมาของแฟนตัวเองเพื่อให้หลุดพ้นจากผมที่อยู่ตรงนี้
เธอยกขวดน้ำส้มมาวางพร้อมกับแก้วเปล่าสองใบ ดูจะเชื่อใจผมขึ้นมานิดหน่อยหลังจากที่ผมโกหกเธอไปว่าผมไม่มีวันสนใจหรือทำอะไรเธอแน่นอน ผมลืมบอกไปว่า... ผมไม่คิดจะแย่งเมียรุ่นน้องตัวเองก็จริง
แต่ผมไม่ได้มองไอ้ตรีเป็นรุ่นน้องมาตั้งแต่ที่ได้เจอเธอแล้ว
และมันเองก็คงไม่ได้มองผมเป็นรุ่นพี่ที่มันเคารพเหมือนกัน
กวางไม่ได้มองหน้าผมกลับมาตั้งแต่เมื่อกี้ เธอนั่งอยู่ข้างๆ ผม ดูไว้ใจผมขึ้นมาเล็กน้อยระหว่างที่รอไอ้ตรี เธอบอกจะส่งเสื้อผมไปร้านซักให้เรียบร้อยเอง นั่นก็เพราะก่อนหน้านั้นผมจงใจโยนมันลงตะกร้าเพื่อที่จะได้ต้อนเธอให้ไปไม่เป็นยังไงล่ะ เวลากวางทำสีหน้าหวาดระแวงแบบนั้นแล้วผมชอบ มันน่ารักดี
แต่ตอนนี้ผมต้องทำให้เธอตายใจก่อนจริงไหม... ก็เธอมันเป็นลูกกวางที่ระแวดระวังตัวเก่งจะตาย
กวางคว้าแก้วน้ำขึ้นมาตอนที่ผมนั่งเงียบๆ อยู่อีกฝั่ง ผมมองเธอที่เทน้ำใส่แก้วเปล่า ยังมีน้ำใจเทส่งให้ผมด้วย แล้วยกดื่มจนหมดแก้ว
แต่ผมไม่ดื่มมันหรอก ผมรู้ว่ามันมีอะไรผสมอยู่ในนั้น
โชคดีที่ช่วงนี้ผมนอนยากเพราะต้องออกไปเที่ยวดึกๆ ก็เลยพกยานอนหลับติดตัว มันใช้ได้จริงเวลาที่ผมอยากจะใช้โอกาสดีๆ กับผู้หญิงสักคน เสียใจที่ผมใช้จนรู้ดีว่าฤทธิ์มันทำให้หลับเป็นตายแค่ไหน
คุณอาจจะคิดว่าผมมันเลวที่คิดจะวางยาเมียรุ่นน้องของตัวเอง
แต่เท่าที่จำได้ผมก็ไม่เคยบอกว่าผมเป็นคนดีนี่ ถูกไหม?
และผมอาจจะเลวเกินกว่าที่คุณคิดเอาไว้ด้วยซ้ำ
กวางยังดูปกติทุกอย่างตอนที่วางแก้วลงบนโต๊ะ ผมท้าวคางลงกับพนักพิง สายตาจ้องมองภาพในจอทีวีอย่างใจเย็น ในขณะที่เวลาผ่านไปเรื่อยๆ
คนข้างๆ ผมเริ่มมีอาการ
“... อื้อ” ผมได้ยินเสียงเธอครางตอนที่ใบหน้าซบลงไปที่พนักพิงด้านหลัง เหมือนเธอกำลังเสียการทรงตัว
ยาออกฤทธิ์แล้วสินะ
ยาออกฤทธิ์แล้วสินะผมกระตุกยิ้ม ทำท่าทางเป็นห่วงเป็นใยอย่างเสแสร้งแล้วตรงเข้าไปประคองเธอจากด้านข้าง“กวาง เป็นอะไรครับ” ผมถามทั้งๆ ที่มุมปากยังคงกระตุกยิ้มค้างเอาไว้อย่างไม่สามารถปิดบังความคิดสกปรกของตัวเองได้มิด กวางสะลึมสะลือ เธอสั่นหน้าเบาๆ อย่างคนไม่มีแรงแล้วพยายามลุกขึ้น แต่ก็ล้มลงมาบนตัวผมอยู่ดีไม่มีแรงแม้แต่จะพยุงตัวแต่ก็ยังพยายาม นับถือใจเธอเลยจริงๆ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของกวางยังทำงานได้ดีแม้ว่าเธอจะจมไปกับฤทธิ์ยาที่กดประสาทผมแค่นหัวเราะ พลางใช้ปลายนิ้วไล้เข้าที่ไหล่ของเธออย่างแผ่วเบา ปากก็เรียกชื่อเหมือนเป็นห่วงเธอมากซะเหลือเกิน “กวางครับ ไหวไหม”“อื้อ...” กวางเหมือนคนไม่มีสติเพราะฤทธิ์ยามันแรงเอาเรื่อง เธอครางเบาๆ ตอนที่ผมลูบเข้าที่ต้นแขนของเธอ ไล้ปลายนิ้วไปจนถึงข้อมือเล็ก ผมจับหลังมือของเธอขึ้นมาจูบนิดหน่อย“กวาง... ได้ยินพี่รึเปล่า”คราวนี้ผมกระซิบข้างใบหูของเธอ ไล้สันจมูกไปตามแนวยาวของซอกคอของกวาง มันหอม... เหมือนกลิ่นโลชั่นผมจูบเบาๆ ที่ต้นคอของเธอ มือข้างหนึ่งประสานฝ่ามือกับมือข้างขวาของร่างเล็ก อีกข้างก็ปลดกระดุมชุดของเธอออกผมไม่ทำอะไรเธอหรอก แค่ทำให้เธอรู้สึกเหมือ
ฉันไม่คิดว่าตรีจะไว้ใจคนๆ นี้ได้ขนาดนั้นเลย มากจนขนาดแค่เพียงได้พบกันไม่กี่ครั้ง ยังกล้าให้เขาไปรับไปส่งฉันได้กระทั่งตอนเช้าอันสแสนสับสนกับความสัมพันธ์ระหว่างแฟนตัวเองกับรุ่นพี่ท่าทางดุร้าย ทันทีที่ฉันลงไปข้างล่างก็เห็นรถ BMW ที่คุ้นเคย พร้อมกับคนตัวใหญ่ในชุดนักศึกษาที่ยืนกอดอกพิงรถอยู่ตรงหน้าทางเดินเข้าหอ ลุคที่ดูเจนจัดและหุ่นกำยำของเขาสะดุดตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา รถยนต์คันโก้นั้นเฉิดฉายอยู่ตรงหน้า ทันทีที่เห็นฉันเขาก็พยักหน้าไปทางประตูรถเป็นการบอกกลายๆ ว่าให้ขึ้นมาได้เลยฉันพูดตรงๆ นะ ฉันไม่ไว้ใจคนๆ นี้เลยสักนิด“รบกวนด้วยค่ะ”แต่เพราะเป็นคำพูดของตรีที่เป็นครอบครัวเดียวที่ฉันเหลืออยู่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ฉันจึงขัดไม่ได้ ทำเพียงแค่ถอนใจแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งที่เบาะที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่หือไม่อือใดๆพี่เสือกระตุกยิ้ม เขาถอดแว่นกันแดดออก ท่าทางของเขาไม่ว่าจะอิริยาบถแบบไหนล้วนมีเสน่ห์ชวนมอง หากแต่ดูอันตรายจนไม่กล้าสบตาด้วยฉันมองเสี้ยวหน้าของเขาตอนที่ร่างสูงสตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่ง คนแบบพี่เสือไม่น่าใช่ผู้ชายที่ฉันต้องเกี่ยวพันด้วยอยู่แล้วฉันไม่รู้ว่าเขามีอะไรที่ดูน่าเ
“ต้องทำท่ารังเกียจพี่ขนาดนี้เลยเหรอครับ?” เขาถามขึ้นมาตอนที่เอื้อมมือมาลูบใบหน้าของฉันหนักๆ ฉันขยับตัวไม่ได้ มันเหมือนถูกดวงตาของเขาสะกดไว้ “ทำไม... กลัวเหรอ”“...”“สิ่งที่กวางต้องกลัวไม่ใช่พี่” เขากระตุกยิ้ม “พี่ก็บอกอยู่ว่าพี่จะไม่ทำอะไรกวาง”“...”“กวางไม่ไว้ใจพี่เหรอวะ?”ฉันมองเขาด้วยแววตาสั่นระริกตอนที่ร่างสูงพูดแล้วหลุบตาลงต่ำเพื่อมองริมฝีปากของฉัน และต่ำลงไปกว่านั้น มือหนาเลื่อนลงมาจับปลายคางของฉันไว้อย่างอ้อยอิ่ง“ปะ... ปล่อยกวางนะ” ฉันพูดแบบนั้นเพราะสมองมันตื้อจนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี พร้อมกับความกลัวที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ พี่เสือช้อนสายตาขึ้นจนฉันเห็นภาพของตัวเองสะท้อนชัดอยู่ในแววตาของเขา“กวาง” เขาเรียกชื่อฉันสั้นๆ “พี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับกวาง”“...”“ถ้ากวางจะกลัวพี่เพราะเรื่องนั้น กวางอย่าคิดมากเลยว่ะ” สายตาของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากที่พูดประโยคนั้น “พี่เห็นเราเป็นแค่น้องสาวคนนึง”“...”“เข้าใจยัง”เขาพูดแบบนั้นแล้วกัดฟันแน่นตอนที่ผละออกไป พี่เสือปลดล็อกประตูแล้วเปิดออกไปเพื่อจุดบุหรี่สูบข้างๆ ตัวรถทันทีโดยไม่สนว่าที่นี่จะเป็นสถานศึกษา ทิ้งฉันที่ยังทำสีหน้างุนงงอย่างไ
“เอ้าชน!”ฉันนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ แฟนที่กำลังชนแก้วเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนๆ ของเขาในร้านเหล้ากึ่งบาร์แห่งหนึ่ง‘ตรี’ คือชื่อของแฟนคนปัจจุบันของฉัน เราคบกันมาเกือบจะห้าเดือนได้แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเรารู้จักกันมาก่อนสองปีเพราะเป็นเพื่อนในโรงเรียนมัธยมปลายที่เดียวกัน จนตรีตัดสินใจสารภาพรักกับฉันในโรงพยาบาลหลังอุบัติเหตุที่ทำให้ฉันสูญเสียความทรงจำไปส่วนหนึ่งในครั้งนั้น พวกเราถึงได้คบกันมาจนถึงตอนนี้ฉันชอบเขา แล้วเขาก็ชอบฉันเช่นกัน เราเข้าใจกันและกันดี ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ของเราก็เลยราบรื่นก็คงจะมีแต่เรื่องที่เขาติดเพื่อนบวกกับไม่ค่อยมีเวลาให้กันในสถานะคนรักสักเท่าไหร่นี่แหละที่ทำให้ฉันไม่ค่อยพอใจนัก“ตรี เมื่อไหร่จะกลับเหรอคะ” ฉันเรียกชื่อเขาแล้วซบหน้าลงกับไหล่ของร่างสูงอย่างอ้อนๆ “กวางหิวแล้ว”“หิวมากเลยเหรอ เดี๋ยวสั่งอะไรให้กินไหม?” เขาถาม แล้วฉันก็ทำหน้าบึ้งตึง นั่นอาจจะเพราะว่าเรากำลังอยู่ในร้านเหล้าที่สั่งอาหารจานต่อจานได้ แต่เขาน่าจะรู้ภาษาผู้หญิงสิว่าฉันอยากกลับไปกินข้าวที่ห้องมากกว่าก็ต้องยอมรับว่าฉันเองนั้นไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าเพื่อนๆ ของเขา“นี่สรุปจะไม่กลับจ
ฉันตื่นขึ้นมาในห้องของตรีในเช้าตรู่ของวันต่อมาเขาบอกว่าฉันเมามากจนควบคุมตัวเองไม่ได้ พอจำได้ลางๆ ว่าเมื่อคืนมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ชื่อเสือบังคับให้ฉันกินเหล้าเพราะเหตุผลที่ว่าเขากลัวว่าฉันจะถูกมอม มันอาจเป็นเหตุผลที่ดีในการหักดิบและฝึกภูมิคุ้มกันให้กับใครสักคน... ในกรณีที่สนิทกันประมาณหนึ่งน่ะนะ ไม่ใช่คนเพิ่งรู้จักกันแบบนี้ และเพราะเขาดูน่ากลัวฉันก็เลยไม่อยากมีปัญหาด้วย ก็เลยลองกินไปแก้วหนึ่ง แต่เพราะว่าฉันไม่เคยดื่ม ก็เลยคออ่อนล้มพับไปฉันไม่รู้จุดประสงค์ของคนๆ นี้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แต่เดาว่าคงเป็นการกลั่นแกล้งกันแบบผู้ชายในวงเหล้า และอาจเพราะฉันยังไม่ชินกับการมีสังคมแบบล้ำลึกก็เลยอ่อนไหวตรีดูเคารพรักคนๆ นี้จะตาย เขาก็ไม่น่าจะเป็นคนที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกมั้งตรีมาส่งฉันที่มหาลัยตั้งแต่เช้า เราเรียนคนละที่กัน หลังจากจบมัธยมปลายฉันก็ประสบอุบัติเหตุ และตรีก็บอกรักฉัน แต่เราเข้ามหาวิทยาลัยคนละที่ตามเกรดที่เรียน ฉันบอกลาเขา ตรีขับรถออกไปทันที ในขณะที่ฉันเองก็จะเตรียมตัวเข้าคลาสเรียนเหมือนกันวันนี้เข้าเรียนตามปกติ ฉันเข้าไปนั่งในที่ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและหลบมุม ภาวนาให้เป็นไปได้อย่า
“ตรีเป็นคนบอกให้พี่เสือไปส่งกวางงั้นเหรอคะ?”“ใช่” ผมกระตุกยิ้มเมื่อทันทีที่เลิกคลาส กวางที่ทำท่าจะกลับเลยก็ถูกผมรั้งเอาไว้ ผมอ้างถึงไอ้ตรีว่าผมถูกมันบอกให้ไปส่งเธอที่คอนโด แต่กวางดูจะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่“แต่กวางกลับเองได้...” เธอพูดเสียงเบาเพราะกลัวว่ามันจะเสียน้ำใจผมมากเกินไป หากแต่ผมไม่แคร์อยู่แล้วว่าเธอจะคิดยังไงสุดท้ายวันนี้... เธอก็ต้องนั่งรถผมกลับห้องอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?“ตามใจน้องกวางเลยครับ พี่ไม่มีปัญหา” ผมไหวไหล่ “แต่ถ้าโดนไอ้ตรีด่าก็อย่ามาโทษพี่ก็แล้วกัน”“ตรีให้พี่ไปส่งกวางจริงๆ เหรอคะ” เธอยังทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อถืออยู่ ผมก็เลยฉีกยิ้ม แล้วล้วงไอโฟนในกระเป๋าไปจ่ออยู่ตรงหน้าเธอ“โทรดิ ให้เช็ค” กวางเบิกตาโต เธอขมวดคิ้วก่อนที่จะขยับตัวออกห่างจากผมนิดหน่อย“กวางก็มีโทรศัพท์ค่ะ เดี๋ยวกวางโทรของกวางเอง” เธอดูระวังตัวจริงๆ ก่อนที่จะกดโทรศัพท์โทรหาไอ้ตรีทันที ตอนนี้ผมกับเธอยืนอยู่เกือบๆ หน้าประตูมหาลัย คนที่เดินผ่านก็ยกมือไหว้ผมเพราะผมค่อนข้างกว้างขวางที่นี่ แน่นอนล่ะ ก็พ่อผมเป็นใครกัน แม้แต่อาจารย์ทุกคนที่นี่ยังรู้จักผมในฐานะลูกชายท่านผู้บริหาร กวางเหลือบมองผมอย่างหวาดๆ ตอนที
“กวางคุยกับตรีอยู่น่ะค่ะ ตรีมาถามเรื่องกวางเป็นไข้” เธอบอกผมทั้งหมดพร้อมกับขมวดคิ้ว “กวางยังงงอยู่เลย ทั้งที่กวางก็ไม่ได้เป็นอะไร”“แล้วบอกพี่ทำไมเหรอ” ผมเลิกคิ้วโดยที่ยังไม่มองหน้าเธอ “สงสัยพี่รึไงครับ?”“ก็มีแค่พี่เสือคนเดียวที่อยู่กับกวาง”“ตรีมันก็คงเป็นห่วงไปเรื่อย เกี่ยวอะไรกับพี่ครับ” ผมตีหน้านิ่งแล้วพูดเรื่องโกหกต่อหน้าเธออย่างแนบเนียน แสร้งทำว่าตัวเองมีจุดประสงค์ที่ดีจริงๆ ที่ไปส่ง กวางทำตาโต เพราะสีหน้าของผมตอนนี้มันคงดูน่ากลัวได้ใจ “พี่ดูแย่ในสายตาหนูขนาดนั้นเลยเหรอ?”“ปะ... เปล่าค่ะ กวางแค่สงสัยเท่านั้นเอง กวางขอโทษด้วยนะคะ” กวางเลิ่กลั่กตอบกลับแทบจะทันที เธอหลบสายตากลับไป เริ่มมีแววตาไม่มั่นใจและไม่มั่นคงทางน้ำเสียง ผมกระตุกยิ้ม กวางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ในเวลานี้ถึงคนตัวเล็กจะเคลือบแคลงใจ แต่เธอไม่สามารถต้อนผมให้จนมุมได้“ไม่ต้องกลัวพี่หรอกครับ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรหนูแน่นอน” ผมทั้งตบหัวแล้วลูบหลังเธอแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เธอเกรงใจผมมากขึ้นจนถึงขั้นไม่สามารถตีสนิทกันต่อได้ ตอนที่ขับเข้าไปในเขตหอพักของเธอกวางก็รีบดึงเข็มขัดนิรภัยออกทันทีผมจ้องมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างเ
น่ากลัวจริงๆ นั่นแหละฉันนั่งอยู่ในห้อง หายใจถี่รัวตลอดเวลาเหมือนเพิ่งไปเจออะไรที่ระทึกขวัญสุดๆ มา ไม่ว่าเขาจะจงใจหรือไม่ พี่เสือก็ดูเป็นผู้ชายที่ไม่น่าไว้ใจมากอยู่ดี เขาชอบจ้องมองฉันด้วยแววตาที่ฉันคาดเดาไม่ถึง ไม่ว่าจะตอนที่ดวงตาของฉันสะท้อนภาพของเขา หรือแม้แต่เวลาที่ฉันมองไม่เห็น ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แถมก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะทำอะไรต่อไปฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงรู้จักเขามากมายขนาดนั้น เขาดูเป็นคนที่... ดูมีอะไรแปลกๆ ที่ทำให้รู้สึกอันตราย ดูไม่น่าเข้าใกล้ แต่ก็ดูดีและดูมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรเรียกมันว่าอะไร อาจจะเป็นคาริสม่าอันตรายที่ทำให้ใครต่อใครรู้ว่ามันคือไฟแต่ก็อยากจะเข้าไปทำความรู้จักละมั้งฉันถอนหายใจ แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรฉันนี่นา ยังไงก็ดีแล้วล่ะ ต่อให้ดูร้ายกาจแค่ไหน ก็คงต้องมีจิตสำนึกอยู่บ้างเพราะอยู่ในห้องคนเดียวฉันก็เลยทำทุกอย่างตามความสะดวก ฉันถอดชุดนักศึกษาจนเหลือแต่เสื้อกล้ามตัวบางๆ และถอดกระโปรงทรงเอออก เดินตรงไปยังที่ซักแล้วโยนลงไป วันเสาร์นี้คงต้องลงไปร้านซักรีดข้างล่างแล้วล่ะ เสื้อเริ่มล้นตะกร้าแล้วฉันคิดในใจแล้วรวบผมขึ้นเป็นหาง
“ต้องทำท่ารังเกียจพี่ขนาดนี้เลยเหรอครับ?” เขาถามขึ้นมาตอนที่เอื้อมมือมาลูบใบหน้าของฉันหนักๆ ฉันขยับตัวไม่ได้ มันเหมือนถูกดวงตาของเขาสะกดไว้ “ทำไม... กลัวเหรอ”“...”“สิ่งที่กวางต้องกลัวไม่ใช่พี่” เขากระตุกยิ้ม “พี่ก็บอกอยู่ว่าพี่จะไม่ทำอะไรกวาง”“...”“กวางไม่ไว้ใจพี่เหรอวะ?”ฉันมองเขาด้วยแววตาสั่นระริกตอนที่ร่างสูงพูดแล้วหลุบตาลงต่ำเพื่อมองริมฝีปากของฉัน และต่ำลงไปกว่านั้น มือหนาเลื่อนลงมาจับปลายคางของฉันไว้อย่างอ้อยอิ่ง“ปะ... ปล่อยกวางนะ” ฉันพูดแบบนั้นเพราะสมองมันตื้อจนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี พร้อมกับความกลัวที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ พี่เสือช้อนสายตาขึ้นจนฉันเห็นภาพของตัวเองสะท้อนชัดอยู่ในแววตาของเขา“กวาง” เขาเรียกชื่อฉันสั้นๆ “พี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับกวาง”“...”“ถ้ากวางจะกลัวพี่เพราะเรื่องนั้น กวางอย่าคิดมากเลยว่ะ” สายตาของเขากลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากที่พูดประโยคนั้น “พี่เห็นเราเป็นแค่น้องสาวคนนึง”“...”“เข้าใจยัง”เขาพูดแบบนั้นแล้วกัดฟันแน่นตอนที่ผละออกไป พี่เสือปลดล็อกประตูแล้วเปิดออกไปเพื่อจุดบุหรี่สูบข้างๆ ตัวรถทันทีโดยไม่สนว่าที่นี่จะเป็นสถานศึกษา ทิ้งฉันที่ยังทำสีหน้างุนงงอย่างไ
ฉันไม่คิดว่าตรีจะไว้ใจคนๆ นี้ได้ขนาดนั้นเลย มากจนขนาดแค่เพียงได้พบกันไม่กี่ครั้ง ยังกล้าให้เขาไปรับไปส่งฉันได้กระทั่งตอนเช้าอันสแสนสับสนกับความสัมพันธ์ระหว่างแฟนตัวเองกับรุ่นพี่ท่าทางดุร้าย ทันทีที่ฉันลงไปข้างล่างก็เห็นรถ BMW ที่คุ้นเคย พร้อมกับคนตัวใหญ่ในชุดนักศึกษาที่ยืนกอดอกพิงรถอยู่ตรงหน้าทางเดินเข้าหอ ลุคที่ดูเจนจัดและหุ่นกำยำของเขาสะดุดตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา รถยนต์คันโก้นั้นเฉิดฉายอยู่ตรงหน้า ทันทีที่เห็นฉันเขาก็พยักหน้าไปทางประตูรถเป็นการบอกกลายๆ ว่าให้ขึ้นมาได้เลยฉันพูดตรงๆ นะ ฉันไม่ไว้ใจคนๆ นี้เลยสักนิด“รบกวนด้วยค่ะ”แต่เพราะเป็นคำพูดของตรีที่เป็นครอบครัวเดียวที่ฉันเหลืออยู่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนั้น ฉันจึงขัดไม่ได้ ทำเพียงแค่ถอนใจแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งที่เบาะที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่หือไม่อือใดๆพี่เสือกระตุกยิ้ม เขาถอดแว่นกันแดดออก ท่าทางของเขาไม่ว่าจะอิริยาบถแบบไหนล้วนมีเสน่ห์ชวนมอง หากแต่ดูอันตรายจนไม่กล้าสบตาด้วยฉันมองเสี้ยวหน้าของเขาตอนที่ร่างสูงสตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่ง คนแบบพี่เสือไม่น่าใช่ผู้ชายที่ฉันต้องเกี่ยวพันด้วยอยู่แล้วฉันไม่รู้ว่าเขามีอะไรที่ดูน่าเ
ยาออกฤทธิ์แล้วสินะผมกระตุกยิ้ม ทำท่าทางเป็นห่วงเป็นใยอย่างเสแสร้งแล้วตรงเข้าไปประคองเธอจากด้านข้าง“กวาง เป็นอะไรครับ” ผมถามทั้งๆ ที่มุมปากยังคงกระตุกยิ้มค้างเอาไว้อย่างไม่สามารถปิดบังความคิดสกปรกของตัวเองได้มิด กวางสะลึมสะลือ เธอสั่นหน้าเบาๆ อย่างคนไม่มีแรงแล้วพยายามลุกขึ้น แต่ก็ล้มลงมาบนตัวผมอยู่ดีไม่มีแรงแม้แต่จะพยุงตัวแต่ก็ยังพยายาม นับถือใจเธอเลยจริงๆ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของกวางยังทำงานได้ดีแม้ว่าเธอจะจมไปกับฤทธิ์ยาที่กดประสาทผมแค่นหัวเราะ พลางใช้ปลายนิ้วไล้เข้าที่ไหล่ของเธออย่างแผ่วเบา ปากก็เรียกชื่อเหมือนเป็นห่วงเธอมากซะเหลือเกิน “กวางครับ ไหวไหม”“อื้อ...” กวางเหมือนคนไม่มีสติเพราะฤทธิ์ยามันแรงเอาเรื่อง เธอครางเบาๆ ตอนที่ผมลูบเข้าที่ต้นแขนของเธอ ไล้ปลายนิ้วไปจนถึงข้อมือเล็ก ผมจับหลังมือของเธอขึ้นมาจูบนิดหน่อย“กวาง... ได้ยินพี่รึเปล่า”คราวนี้ผมกระซิบข้างใบหูของเธอ ไล้สันจมูกไปตามแนวยาวของซอกคอของกวาง มันหอม... เหมือนกลิ่นโลชั่นผมจูบเบาๆ ที่ต้นคอของเธอ มือข้างหนึ่งประสานฝ่ามือกับมือข้างขวาของร่างเล็ก อีกข้างก็ปลดกระดุมชุดของเธอออกผมไม่ทำอะไรเธอหรอก แค่ทำให้เธอรู้สึกเหมือ
พี่เสือจ้องมองฉัน ท่ามกลางความเงียบสงัดอันไร้สุ้มเสียง เหมือนเขากำลังขยับตัวเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ“... อะ!” ฉันสะดุ้งเฮือก รีบกระถดตัวถอยหนีเขาทันที แต่ดันเผลอเอามือไปถูกเศษแก้วบาดเข้าที่ปลายนิ้ว ความรู้สึกต่อมาคือความเจ็บปวด ปลายนิ้วมันทั้งแสบและร้อนเหมือนเลือดกำลังซึมออกมา พี่เสือสังเกตเห็นทุกอิริยาบถของฉัน เขาหันหน้ากลับไป“พี่ว่ากวางไปทำแผลก่อนดีไหม” เขาพูดกับฉันตอนที่เก็บเศษแก้วอย่างตั้งใจเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่จะเก็บให้เอง”“ดะ... ได้ค่ะ” เสียงของฉันสั่นตอนที่ผุดลุกขึ้นไปอย่างว่าง่ายโดยไม่มองหน้าเขา แน่ล่ะ อยู่ด้วยกันในสถานการณ์แปลกๆ แบบนี้คงไม่ดีแน่ “กวางรบกวนหน่อยนะคะ”“โอเค” เขาตอบรับสั้นๆ แล้วไม่ได้มองหน้าฉันกลับมาอีก ฉันก็เลยเดินกุมแผลที่นิ้วของตัวเองไปล้างที่ซิงค์ล้างจานอย่างเงียบๆน้ำที่เย็นจัดสัมผัสกับปลายนิ้วของฉัน แต่ฉันกลับสะดุ้งโหยงเมื่อมันแตะโดนที่บาดแผล ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่แผลเล็กๆ เท่านั้นฉันหวนไปนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อกี้มันเหมือนเขาจงใจเลย ฉันเห็นว่าเขาตั้งใจปล่อยมือออกจากแก้วน้ำเอง แต่ทำไมตอนที่เขาเก็บเศษแก้วเขาถึงดูไม่มีพิรุธอะไรเลยล่
น่ากลัวจริงๆ นั่นแหละฉันนั่งอยู่ในห้อง หายใจถี่รัวตลอดเวลาเหมือนเพิ่งไปเจออะไรที่ระทึกขวัญสุดๆ มา ไม่ว่าเขาจะจงใจหรือไม่ พี่เสือก็ดูเป็นผู้ชายที่ไม่น่าไว้ใจมากอยู่ดี เขาชอบจ้องมองฉันด้วยแววตาที่ฉันคาดเดาไม่ถึง ไม่ว่าจะตอนที่ดวงตาของฉันสะท้อนภาพของเขา หรือแม้แต่เวลาที่ฉันมองไม่เห็น ฉันไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แถมก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะทำอะไรต่อไปฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมคนถึงรู้จักเขามากมายขนาดนั้น เขาดูเป็นคนที่... ดูมีอะไรแปลกๆ ที่ทำให้รู้สึกอันตราย ดูไม่น่าเข้าใกล้ แต่ก็ดูดีและดูมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรเรียกมันว่าอะไร อาจจะเป็นคาริสม่าอันตรายที่ทำให้ใครต่อใครรู้ว่ามันคือไฟแต่ก็อยากจะเข้าไปทำความรู้จักละมั้งฉันถอนหายใจ แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้ทำอะไรฉันนี่นา ยังไงก็ดีแล้วล่ะ ต่อให้ดูร้ายกาจแค่ไหน ก็คงต้องมีจิตสำนึกอยู่บ้างเพราะอยู่ในห้องคนเดียวฉันก็เลยทำทุกอย่างตามความสะดวก ฉันถอดชุดนักศึกษาจนเหลือแต่เสื้อกล้ามตัวบางๆ และถอดกระโปรงทรงเอออก เดินตรงไปยังที่ซักแล้วโยนลงไป วันเสาร์นี้คงต้องลงไปร้านซักรีดข้างล่างแล้วล่ะ เสื้อเริ่มล้นตะกร้าแล้วฉันคิดในใจแล้วรวบผมขึ้นเป็นหาง
“กวางคุยกับตรีอยู่น่ะค่ะ ตรีมาถามเรื่องกวางเป็นไข้” เธอบอกผมทั้งหมดพร้อมกับขมวดคิ้ว “กวางยังงงอยู่เลย ทั้งที่กวางก็ไม่ได้เป็นอะไร”“แล้วบอกพี่ทำไมเหรอ” ผมเลิกคิ้วโดยที่ยังไม่มองหน้าเธอ “สงสัยพี่รึไงครับ?”“ก็มีแค่พี่เสือคนเดียวที่อยู่กับกวาง”“ตรีมันก็คงเป็นห่วงไปเรื่อย เกี่ยวอะไรกับพี่ครับ” ผมตีหน้านิ่งแล้วพูดเรื่องโกหกต่อหน้าเธออย่างแนบเนียน แสร้งทำว่าตัวเองมีจุดประสงค์ที่ดีจริงๆ ที่ไปส่ง กวางทำตาโต เพราะสีหน้าของผมตอนนี้มันคงดูน่ากลัวได้ใจ “พี่ดูแย่ในสายตาหนูขนาดนั้นเลยเหรอ?”“ปะ... เปล่าค่ะ กวางแค่สงสัยเท่านั้นเอง กวางขอโทษด้วยนะคะ” กวางเลิ่กลั่กตอบกลับแทบจะทันที เธอหลบสายตากลับไป เริ่มมีแววตาไม่มั่นใจและไม่มั่นคงทางน้ำเสียง ผมกระตุกยิ้ม กวางเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ในเวลานี้ถึงคนตัวเล็กจะเคลือบแคลงใจ แต่เธอไม่สามารถต้อนผมให้จนมุมได้“ไม่ต้องกลัวพี่หรอกครับ พี่สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรหนูแน่นอน” ผมทั้งตบหัวแล้วลูบหลังเธอแบบนั้นเพราะไม่อยากให้เธอเกรงใจผมมากขึ้นจนถึงขั้นไม่สามารถตีสนิทกันต่อได้ ตอนที่ขับเข้าไปในเขตหอพักของเธอกวางก็รีบดึงเข็มขัดนิรภัยออกทันทีผมจ้องมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างเ
“ตรีเป็นคนบอกให้พี่เสือไปส่งกวางงั้นเหรอคะ?”“ใช่” ผมกระตุกยิ้มเมื่อทันทีที่เลิกคลาส กวางที่ทำท่าจะกลับเลยก็ถูกผมรั้งเอาไว้ ผมอ้างถึงไอ้ตรีว่าผมถูกมันบอกให้ไปส่งเธอที่คอนโด แต่กวางดูจะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่“แต่กวางกลับเองได้...” เธอพูดเสียงเบาเพราะกลัวว่ามันจะเสียน้ำใจผมมากเกินไป หากแต่ผมไม่แคร์อยู่แล้วว่าเธอจะคิดยังไงสุดท้ายวันนี้... เธอก็ต้องนั่งรถผมกลับห้องอยู่ดีไม่ใช่เหรอ?“ตามใจน้องกวางเลยครับ พี่ไม่มีปัญหา” ผมไหวไหล่ “แต่ถ้าโดนไอ้ตรีด่าก็อย่ามาโทษพี่ก็แล้วกัน”“ตรีให้พี่ไปส่งกวางจริงๆ เหรอคะ” เธอยังทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อถืออยู่ ผมก็เลยฉีกยิ้ม แล้วล้วงไอโฟนในกระเป๋าไปจ่ออยู่ตรงหน้าเธอ“โทรดิ ให้เช็ค” กวางเบิกตาโต เธอขมวดคิ้วก่อนที่จะขยับตัวออกห่างจากผมนิดหน่อย“กวางก็มีโทรศัพท์ค่ะ เดี๋ยวกวางโทรของกวางเอง” เธอดูระวังตัวจริงๆ ก่อนที่จะกดโทรศัพท์โทรหาไอ้ตรีทันที ตอนนี้ผมกับเธอยืนอยู่เกือบๆ หน้าประตูมหาลัย คนที่เดินผ่านก็ยกมือไหว้ผมเพราะผมค่อนข้างกว้างขวางที่นี่ แน่นอนล่ะ ก็พ่อผมเป็นใครกัน แม้แต่อาจารย์ทุกคนที่นี่ยังรู้จักผมในฐานะลูกชายท่านผู้บริหาร กวางเหลือบมองผมอย่างหวาดๆ ตอนที
ฉันตื่นขึ้นมาในห้องของตรีในเช้าตรู่ของวันต่อมาเขาบอกว่าฉันเมามากจนควบคุมตัวเองไม่ได้ พอจำได้ลางๆ ว่าเมื่อคืนมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่ชื่อเสือบังคับให้ฉันกินเหล้าเพราะเหตุผลที่ว่าเขากลัวว่าฉันจะถูกมอม มันอาจเป็นเหตุผลที่ดีในการหักดิบและฝึกภูมิคุ้มกันให้กับใครสักคน... ในกรณีที่สนิทกันประมาณหนึ่งน่ะนะ ไม่ใช่คนเพิ่งรู้จักกันแบบนี้ และเพราะเขาดูน่ากลัวฉันก็เลยไม่อยากมีปัญหาด้วย ก็เลยลองกินไปแก้วหนึ่ง แต่เพราะว่าฉันไม่เคยดื่ม ก็เลยคออ่อนล้มพับไปฉันไม่รู้จุดประสงค์ของคนๆ นี้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แต่เดาว่าคงเป็นการกลั่นแกล้งกันแบบผู้ชายในวงเหล้า และอาจเพราะฉันยังไม่ชินกับการมีสังคมแบบล้ำลึกก็เลยอ่อนไหวตรีดูเคารพรักคนๆ นี้จะตาย เขาก็ไม่น่าจะเป็นคนที่เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกมั้งตรีมาส่งฉันที่มหาลัยตั้งแต่เช้า เราเรียนคนละที่กัน หลังจากจบมัธยมปลายฉันก็ประสบอุบัติเหตุ และตรีก็บอกรักฉัน แต่เราเข้ามหาวิทยาลัยคนละที่ตามเกรดที่เรียน ฉันบอกลาเขา ตรีขับรถออกไปทันที ในขณะที่ฉันเองก็จะเตรียมตัวเข้าคลาสเรียนเหมือนกันวันนี้เข้าเรียนตามปกติ ฉันเข้าไปนั่งในที่ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและหลบมุม ภาวนาให้เป็นไปได้อย่า
“เอ้าชน!”ฉันนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆ แฟนที่กำลังชนแก้วเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนๆ ของเขาในร้านเหล้ากึ่งบาร์แห่งหนึ่ง‘ตรี’ คือชื่อของแฟนคนปัจจุบันของฉัน เราคบกันมาเกือบจะห้าเดือนได้แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเรารู้จักกันมาก่อนสองปีเพราะเป็นเพื่อนในโรงเรียนมัธยมปลายที่เดียวกัน จนตรีตัดสินใจสารภาพรักกับฉันในโรงพยาบาลหลังอุบัติเหตุที่ทำให้ฉันสูญเสียความทรงจำไปส่วนหนึ่งในครั้งนั้น พวกเราถึงได้คบกันมาจนถึงตอนนี้ฉันชอบเขา แล้วเขาก็ชอบฉันเช่นกัน เราเข้าใจกันและกันดี ทุกวันนี้ความสัมพันธ์ของเราก็เลยราบรื่นก็คงจะมีแต่เรื่องที่เขาติดเพื่อนบวกกับไม่ค่อยมีเวลาให้กันในสถานะคนรักสักเท่าไหร่นี่แหละที่ทำให้ฉันไม่ค่อยพอใจนัก“ตรี เมื่อไหร่จะกลับเหรอคะ” ฉันเรียกชื่อเขาแล้วซบหน้าลงกับไหล่ของร่างสูงอย่างอ้อนๆ “กวางหิวแล้ว”“หิวมากเลยเหรอ เดี๋ยวสั่งอะไรให้กินไหม?” เขาถาม แล้วฉันก็ทำหน้าบึ้งตึง นั่นอาจจะเพราะว่าเรากำลังอยู่ในร้านเหล้าที่สั่งอาหารจานต่อจานได้ แต่เขาน่าจะรู้ภาษาผู้หญิงสิว่าฉันอยากกลับไปกินข้าวที่ห้องมากกว่าก็ต้องยอมรับว่าฉันเองนั้นไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าเพื่อนๆ ของเขา“นี่สรุปจะไม่กลับจ